ขอโทษนะคะที่มาช้าไป พอดีงานยุ่งนิดหน่อย ขออภัยค่ะ # อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#
ตอนที่ 37
ของขวัญวันเกิด...
วันนี้เป็นวันศุกร์แล้ว เป็นวันที่เอยจะกลับบ้าน เพราะบอกกับแม่ไว้เช่นนั้น ตอนเช้าวันนี้เอยก็มากับกวินอย่างเคย จนตอนนี้เอยทำงานล่วงเลยมาถึงเวลาเลิกงานแล้ว เอยจึงขึ้นไปหากวิน เพราะกวินบอกเอาไว้ว่าจะไปส่งที่บ้าน
“คุณเอย มาแล้วเหรอคะ เชิญข้างในเลยค่ะ” คุณทรายที่ราวกับรู้หน้าที่ดี เอ่ยบอกเอยให้เข้าไปในห้องทำงานของกวิน
“ครับคุณทราย” เอยยิ้มให้ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องของกวิน
พบว่ากวินที่นั่งอยู่ท่ามกลางเอกสารมากมายกองอยู่บนโต๊ะ กวินอ่านเอกสารด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด ดูท่าคงกำลังเครียดกับงาน
“เอ่อ...ผมรบกวนรึเปล่าครับ?” เอยทักขึ้นมาเบาๆ
“มาแล้วเหรอ?” กวินพูดขึ้น พลางเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร
“ผมกลับเองก็ได้นะครับ” เอยว่า
“โทษที ฉันยุ่งจริงๆ เดี๋ยวจะให้ทรรศไปส่ง” กวินเอ่ยขอโทษเอยออกมา
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ” เอยว่า
“เดี๋ยวฉันจะโทรหา” กวินพูดแค่นั้น เอยยิ้มตอบ และเดินออกจากห้องไป
เอยลงมายังลานจอดรถ พบว่าทรรศยืนรออยู่แล้ว ทรรศเปิดประตูรถให้เอย ก่อนที่เอยจะขึ้นรถไป กระเป๋าเสื้อผ้าของเอยอยู่ในรถตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว
“จะแวะไปที่อื่นก่อนไหมครับคุณพีระนัม?” ทรรศถาม
“ไม่ครับ ตรงไปที่บ้านเลย” เอยตอบ
“ครับ”
ทรรศสตาร์ทรถและขับออกจากบริษัทออกไป เอยมองดูรถข้างทางไปเรื่อยๆ วันนี้รถติดพอสมควร อาจจะเพราะเป็นเวลาเลิกงานพอดี เอยนั่งไปเรื่อยๆจนในที่สุดทรรศก็ขับพามาถึงบ้าน
“ขอบคุณนะครับ” เอยว่า
“ยินดีครับ” ทรรศบอก ก่อนที่จะออกรถไป เอยหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้าไปในบ้าน พบว่าแม่ยังไม่กลับมา เมื่อเป็นอย่างนั้นเอยจึงโทรหาแม่
“แม่ครับ อยู่ไหนครับ?” เอยถาม
“เอยมาช่วยแม่หน่อยสิลูก วันนี้เขาเหมาข้างแกงแม่เลี้ยงคนงาน นี่ตักจนไม่ทันอยู่แล้ว” แม่ของเอยบอก
“ครับๆ ผมจะรีบไป”
ไปวางกระเป๋าตรงห้องนั่งเล่น และรีบออกจากบ้านไปยังตลาดสดที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อเดินไปยังรถเข็นของแม่ เห็นคนมุงเต็มไปหมด เอยจึงรีบเดินเข้าไป
“แม่ ผมมาแล้วครับ” เอยว่า
“มาก็ดีแล้วลูก ช่วยตักข้าวให้แม่หน่อย” แม่ของเอยบอก เอยจึงรีบตักข้าวใส่จานส่งให้แม่
เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงที่เอยยืนช่วยแม่ตักข้าวและตักแกงจนในที่สุดทุกอย่างก็เกลี้ยงหมด วันนี้แม่ได้กำไรเยอะกว่าวันไหนๆเสียจนยิ้มกว้าง
“นี่ก็หนึ่งทุ่มแล้ว กลับบ้านดีกว่าลูก” แม่ของเอยว่า
“พรุ่งนี้คงไม่ได้ขายสินะครับ เพราะแม่ยังไม่ได้เตรียมของเลย” เอยว่า พลางเข็นรถเข็นกลับบ้าน
“หยุดสักวัน พักผ่อนก็แล้วกัน” แม่ของเอยว่า ทั้งสองหัวเราะกันเบาๆ ก่อนที่จะเดินกลับบ้านไป
เมื่อมาถึงบ้านเอยก็ช่วยแม่ล้างอุปกรณ์ทั้งหมดจนเสร็จ จนตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว วันนี้เอยไม่ค่อยหิวข้าวเลยทานแค่นมและขนมนิดหน่อย ก่อนที่จะไปอาบน้ำและเข้านอน เพราะรู้สึกเหนื่อยไม่น้อยกับการที่ไปช่วยแม่ขายข้าว เอยบิดร่างกายให้คลายเมื่อยก่อนที่จะเดินไปดูปฏิทินที่ตนเองวงกลมสีแดงเอาไว้ในวันเสาร์ วงกลมเช่นนั้นแต่ไม่เขียนอะไรไว้
“เอ๊ะ...เราวงไว้ทำไม?” เอยยืนสงสัยกับวงกลมสีแดง มั่นใจว่านั่นคือการเตือนความทรงจำแน่ๆ
“อ๋อ...วันเกิด” เอยร้องอ๋อขึ้น มันเป็นวันเกิดของกวินนั่นเอง จำได้ว่ามองจากบัตรประชาชนตอนที่อยู่โรงพยาบาล
“ของขวัญ...ยังไม่ได้ซื้อของขวัญเลย” เอยเริ่มตระหนักได้ว่ายังไม่ได้ซื้อของขวัญให้กวิน ทั้งๆที่เป็นวันพรุ่งนี้แท้ๆ
“แต่เดี๋ยวนะ....พรุ่งนี้ต้องไปบ้านเขานี่นา” เอยนึกได้อีกเรื่อง รู้สึกว่าจังบังเอิญชนกันยุ่งไปหมด ถ้าวันพรุ่งนี้กวินจะพาไปบ้าน แล้วเอยจะเอาเวลาไหนไปซื้อของขวัญได้
“เอาไงดีเนี่ยะ” เอยพึมพำพลางเกาหัวอย่างหาทางออก จู่ๆมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เอยกดรับสาย กวินนั่นเองเป็นคนโทรมา
“สวัสดีครับ” เอยพูด
“นอนรึยัง?” กวินถาม
“ใกล้จะนอนแล้วครับ” เอยบอก
“อย่างนั้นเหรอ?”
“ครับ แล้วกลับคอนโดรึยังครับ?” เอยถาม
“เพิ่งอาบน้ำเสร็จ” กวินตอบ
“เหรอครับ”
“พรุ่งนี้อย่าลืมนัด” กวินว่า
“นัด...อะไรครับ?” เอยถาม ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าหมายถึงนัดที่จะไปที่บ้านของกวิน
“ก็ไปบ้านฉันไง ลืมแล้วเหรอ?” กวินว่า
“คะ..ครับ จำได้” เอยพูด
“ไปค้างคืน เตรียมเสื้อผ้าไปด้วย” กวินบอก
“ค้างคืนเหรอครับ” เอยโพล่งขึ้นมาอย่างตกใจ
“ใช่” กวินยืนยัน
“ครับ” เอยพูด
“พรุ่งนี้เจอกัน” กวินบอก
“ครับ ฝันดีนะครับ”
“เธอก็ด้วย” กวินว่า ก่อนจะตัดสายไป หลังจากวางสายไปแล้ว เอยก็ได้แต่กลัดกลุ้ม ว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้กวินดี จะออกไปซื้อตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว
“พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” เอยบอกกับตนเองเช่นนั้น ก่อนที่เดินไปปิดไฟ และเข้านอนทันที
...
..
.
เช้าวันเสาร์ก็มาถึง ตอนเอยตื่นขึ้นมานั้น แรกเริ่มเดิมทีเอยอยากจะส่งข้อความไปอวยพรวันเกิดให้กวิน แต่คิดไปคิดมาเอยอยากจะเซอร์ไพรส์กวินมากกว่า เลยล้มเลิกความคิดนั้นไป และอาบน้ำแต่งตัวมาทำงานด้วยเวลาที่เร็วกว่าปกติ
เอยมานั่งรถเมล์มาทำงาน หลายวันมานี้แม้จะนั่งรถกวินไปทำงานทุกเช้า แต่เอยรู้สึกว่าการนั่งรถเมล์นั้นเป็นตัวของตัวเองที่สุด
เอยมาถึงที่ทำงานเป็นคนแรกเช่นเคย เมื่อมาถึงก็รีบเปิดคอมพิวเตอร์พร้อมสัญญาณอินเตอร์เน็ต ค้นหาข้อมูลว่าควรจะหาซื้ออะไรเป็นของขวัญให้กวินดี
“กระเป๋าสตางค์ เข็มขัด นาฬิกา เขาก็มีหมดแล้ว”
เอยหาข้อมูลพบแต่ความเห็นว่าของเหล่านี้เป็นของขวัญยอดนิยมที่คนมอบให้กัน เอยเองก็พอจะเห็นว่ากวินมีของเหล่านี้อยู่แล้ว อีกทั้งดูแล้วราคาแพงเสียจนเงินเดือนของเอยแทบจะเกลี้ยงหากซื้อมันมาให้
“อะไรดีนะ” เอยยังคงตามหาข้อมูลไปเรื่อยๆ พลางนึกของใช้ส่วนตัวที่กวินสามารถนำมาใช้ได้บ่อยและไม่จำเป็นต้องมีชิ้นเดียว
“เนคไท....” เอยนึกขึ้นได้ในที่สุด
เมื่อนึกได้แล้วว่าจะซื้ออะไรให้ เอยจึงกำลังคิดวิธีหาทางไปซื้อก่อนที่กวินจะพาไปบ้าน หรือจะขอเอกภพออกไปก่อนเวลาดี แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็ต้องเร่งทำงานให้เสร็จ เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้ว เอยจึงรีบรื้องานที่ยังคั่งค้างจากเมื่อวานมาทำต่อ เพื่อจะให้เสร็จเร็วยิ่งขึ้น
...
..
.
เวลามื้อเที่ยง เอยนั่งทานข้าวกับพี่แปงและพี่ขาว ทั้งหมดทานส้มตำกันที่ร้านเจ้าประจำ หลังๆมานี้เอยไม่ได้ทำข้าวกล่องมาทานเองนานแล้ว เพราะทุกเที่ยงจะต้องมาทานกับพี่แปงและพี่ขาวอย่างนี้ทุกวัน
“เอ่อพี่ขาว....ถ้าพี่ซื้อของขวัญให้เพื่อนพี่ พี่จะซื้ออะไรครับ?” เอยถามขึ้นมาระหว่างที่กำลังรออาหาร เพราะคิดว่าถามผู้ชายที่เลือกซื้อของเก่งอย่างพี่ขาวท่าจะเหมาะ
“ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะเอย?” พี่ขาวถาม
“เอ๊ะ ซื้อให้เพื่อนหรือแฟนกันแน่จ๊ะเอย?” พี่แปงยิ้มกริ่มมาทางเอย
“พี่แปงครับ อย่าแซวสิครับ” เอยว่า ก่อนที่จะหน้าแดงน้อยๆ
“อ๋อ เอยจะซื้อของขวัญให้คนนั้นสินะ” พี่ขาวพูดพร้อมรอยยิ้ม แววตาของพี่ขาวไม่ได้แสดงความเจ็บปวดอย่างเช่นเมื่อตอนนั้นออกมาแล้ว ทำให้เอยโล่งใจมากขึ้น
“ครับ” เอยพยักหน้า
“ไม่ต้องซื้อให้เปลืองหรอกเอย หาโบว์สีแดงมาสักอัน แก้ผ้าแล้วผูกโบว์ตัวเองให้เป็นของขวัญไปเลย” พี่แปงว่า พลางหัวเราะ จนพี่ขาวเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“ความคิดดีว่ะแปง เอาสิเอย รับรองเขาจะดีใจมาก....เลยล่ะ” พี่ขาวพูดอย่างเห็นด้วยกับพี่แปง
“พี่ขาวพี่แปง อย่าพูดเล่นแบบนั้นสิครับ” เอยว่า
“ใครว่าพี่พูดเล่น พี่พูดจริงนะ นั่นน่ะจะเป็นของขวัญที่แฟนเอยจะต้องร้องว้าวแน่” พี่แปงพูดไปหัวเราะไป
“พี่แปง ผมไม่พูดด้วยแล้ว” เอยบ่นหน้าง้ำงอ
“น้องเอยของเรางอนซะแล้ว” พี่ขาวว่า
“ผมไม่ได้งอนนะครับ แต่ผมกำลังถามจริงๆนะครับ” เอยว่า
“จ้าๆ โทษทีเห็นหน้าเอยแล้วน่าแกล้งอย่างบอกไม่ถูก” พี่แปงว่า
“สรุปเอยจะซื้ออะไร?” พี่ขาวถามขึ้นมา
“ว่าจะซื้อของใช้ครับ” เอยตอบ
“ของใช้ประจำวัน ใช่ๆ ดีกว่าพวกของที่ระลึก ได้แต่ดู ใช้งานไม่ได้” พี่ขาวพูดอย่างเห็นด้วย
“แล้วของใช้อะไรล่ะ?” พี่แปงถามบ้าง
“ก็พวกเนคไทอะไรแบบนี้ครับ” เอยว่า
“เดี๋ยวนะ คนๆนั้นของเอย....เป็นผู้ชายเหรอ?” พี่ขาวถามขึ้น เอยหน้าแดงขึ้นมาทันที
“เอ่อ....คือ” เอยอ้ำอึ้ง
“ก็ใช่นะสิไอ้ขาว” พี่แปงเป็นคนตอบคำถามแทนเอย
“เอย.....ได้ไงอะ แบบนี้พี่กลับใจมาชอบเอยเหมือนเดิมทันไหมนะ?” พี่ขาวพูดแบบเสียดายๆพลางยิ้ม
“มะ...ไม่ทันแล้วครับ” เอยบอก
“อยากเห็นจังว่าหน้าตาเป็นไง จะหล่อกว่าพี่ขาวคนนี้รึเปล่า?” พี่ขาวพูดขึ้นพลางเก็กหล่อ
“ถ้าแกหล่อ ยามหน้าหมู่บ้านฉันก็เป็นนายแบบได้แล้วล่ะจ้ะไอ้ขาว” พี่แปงว่า เอยจึงหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“อาหารมาแล้ว หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้เลย” พี่ขาวที่ดูจะพยายามห้ามเอยและพี่แปง แต่ก็ไม่สำเร็จ เอยและพี่แปงยังคงหัวเราะอยู่อย่างนั้นจนแทบจะทานส้มตำกันไม่ได้เลยทีเดียว
...
..
.
เอยรีบปั่นงานจนเสร็จ และนำมันไปส่งให้เอกภพที่ห้องทำงานของหัวหน้าแผนก เอยเดินอย่างเร็วรี่ตรงไปก่อนที่จะเคาะประตู
“เข้ามา” เอกภพว่า เอยเดินเข้าไป ก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้
“หัวหน้าครับ นี่งานที่สั่งครับ” เอยยื่นซองเอกสารให้เอกภพ ที่เปิดขึ้นมาตรวจสอบ
“กำหนดส่งตอนเลิกงานไม่ใช่เหรอ ทำไมส่งมาไวจัง?” เอกภพถามอย่างแปลกใจ
“คือ...ผมจะอนุญาตลางานก่อนเวลาสักสองชั่วโมงได้ไหมครับ” เอยพูดขึ้น
“มีธุระด่วนเหรอ?” เอกภพถาม
“พอสมควรครับ ได้ไหมครับหัวหน้า” เอยขอร้องเอกภพ
“ผมอนุญาต แต่อย่าขอบ่อยนักล่ะ” เอกภพยิ้มให้
“ขอบคุณครับ” เอยจึงรีบเก็บกระเป๋าสะพายและลาพี่แปงกับพี่ขาว ทั้งสองคนดูจะแปลกใจ
“เอย ทำไมกลับไวจัง?” พี่แปงถาม
“นั่นสิเอย” พี่ขาวถามขึ้นมาอีกคน
“ผมมีธุระด่วนครับ เจอกันวันจันทร์นะครับ” เอยบอก ก่อนจะโบกมือลาทั้งสอง ก่อนที่จะออกจากบริษัท
ตอนนี้เวลาบ่ายสามโมงกว่า เอยนั่งแท็กซี่มาถึงห้างพารากอน เพราะที่นี่มีของแบรนด์เนมที่เหมาะกับกวินอยู่เยอะ เอยเดินเข้าออกหลายร้าน บางร้านก็แพงหูฉี่จนเอยต้องวางเพราะมันเกินกำลังซื้อของตนเอง เอยเดินไปเดินมาหลายร้าน จนในที่สุดก็ตัดสินใจซื้อร้านที่เป็นแบรนด์จากประเทศอังกฤษ อีกทั้งกำลังลดราคาด้วย
“สนใจชิ้นไหนครับ?” พนักงานผู้ชายเข้ามาถามเอยอย่างเป็นมิตร
“ผมมาหาซื้อของขวัญให้...เอ่อ...เจ้านายครับ” เอยบอกกับพนักงานเช่นนั้น
“เป็นอะไรดีครับ?” เขาถามอีก
“ผมอยากให้เนคไทครับ” เอยตอบ
“ขออนุญาตถามนะครับ ปกติเจ้านายชอบสวมสูทสีอะไรครับ?” พนักงานถามพลางนำเอยไปยังตู้ที่มีเนคไทม้วนอยู่มากมาย เอยพยายามนึกก่อนตอบ
“ส่วนมากจะเป็นสีดำกับเทาเข้มมากครับ” เอยบอก
“ถ้าอย่างนั้นสีแบบนี้ครับถึงจะเหมาะ” พนักงานหยิบขึ้นมาให้เอยดูสามสี่เส้นด้วยกัน มีสีน้ำเงินเข้มลายสก๊อต สีดำล้วนแบบผ้าซาติน สีดำลายจุดบนพื้นสีแดง และสุดท้ายสีขาวเทาดำสลับลายทาง
“อันไหนดีนะ” เอยยืนลังเล พนักงานจึงตัดออกสองเส้น เหลือสีน้ำเงินเข้มลายสก๊อต กับสีขาวเทาดำสลับลายทาง
“สีไหนดีเนี่ยะ?” เอยถามตนเอง พนักงานยืนยิ้มให้ รอเอยตัดสินใจ
“เอ่อ ลดกี่เปอร์เซ็นต์ครับ” เอยถามพร้อมรอยยิ้มแหยๆ
“ลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์ครับ เหลือหนึ่งพันบาทครับ” พนักงานตอบ เอยเปิดกระเป๋าสตางค์ดูเงินที่ตอนนี้มีอยู่ห้าพันบาท
“ถ้าอย่างนั้นเอาเส้นนี้ครับ” เอยตัดสินใจเลือกเส้นสีน้ำเงินลายสก๊อต เพราะอีกเส้นดูแก่เกินไป ไม่เหมาะกับกวิน
“จะรับตัวกลัดแบบหนีบไปด้วยไหมครับ ตอนนี้มีโปรโมชั่นลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์อยู่ครับ” พนักงานแนะนำ
“ไหนครับ?” เอยเดินตามพนักงานมาดู ที่กลัดเนคไทแบบหนีบสีเงินดูหรูมาก แม้ลดราคาแล้วก็ยังอยู่ที่พันกว่าๆ
“เอาอันนี้ครับ” เอยชี้ที่หนีบสีเงินแบบเรียบ ก่อนที่พนักงานจะพาไปยังแผนกคิดเงิน
“ทั้งหมดสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบบาทครับ” เอยยื่นเงินให้พนักงาน ทางร้านจึงห่อเป็นของขวัญให้เอยเรียบร้อย
“ขอบคุณครับ” พนักงานยกมือไหว้ เอยรีบรีบไหว้ทันที
เอยออกจากร้านพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงกว่าแล้ว เอยรู้สึกตกใจไม่น้อยที่ใช้เวลาในการซื้อเป็นชั่วโมง เอยรีบไปเรียกรถแท็กซี่ทันที ซึ่งก็ยากเย็น เพราะหลายคันบอกไม่ไปยังที่ๆที่เอยบอก
ในที่สุดเอยจึงตัดสินใจนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพื่อความรวดเร็ว และเอยมาถึงที่บริษัทภายในเวลาอันสั้น พร้อมๆกับมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา กวินโทรมานั่นเอง เอยจึงรีบวิ่งไปที่ลานจอดรถและรับโทรศัพท์นั่นทันที
“สวัสดีครับ” เอยพูด
“อยู่ไหน? มาที่แผนกก็ไม่เห็นเธอ” กวินถาม
“ผมลงมาแล้วครับ” เอยตอบ
“อย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ไปรอที่รถได้เลย” กวินบอก
“ครับๆ” เอยว่า ก่อนที่จะพับถุงที่ใส่ของขวัญอย่างบรรจง ใส่ลงในกระเป๋าสะพาย และรีบไปยังลานจอดรถทันที
“มาแล้วเหรอครับคุณพีระนัม” ทรรศทักทายขึ้น
“ครับ” เอยว่า ก่อนที่ทรรศ จะเปิดประตูให้เอยขึ้นไปรอบนรถ
เพียงไม่นานกวินก็เดินลงมา และตรงมายังรถที่ทรรศสตาร์ทเครื่องรอไว้แล้ว เมื่อขึ้นรถกวินก็หันมามองหน้าเอยที่นั่งยิ้มรออยู่แล้ว กวินสั่งให้ทรรศไปบ้านของเอยเพื่อไปเอาเสื้อผ้าก่อน
เมื่อมาถึงบ้านของเอย กวินก็ไม่ได้ลงมา เพราะมีสายโทรเข้าเรื่องงาน เอยจึงลงไปคนเดียว เจอแม่ที่นั่งหน้าทีวีอยู่ เพราะวันนี้แม่ไม่ได้ไปขายข้าว จึงเตรียมของสำหรับวันพรุ่งนี้แทน
“แม่ครับ เอยไปค้างบ้านกวินนะครับ” เอยบอก
“แล้วกวินล่ะลูก?” แม่ของเอยถาม
“อยู่บนรถครับ พอดีคุยโทรศัพท์เรื่องงานอยู่” เอยบอก
“ไปเถอะลูก แล้วจะกลับเมื่อไหร่?”
“พรุ่งนี้น่าจะกลับครับ” เอยตอบ
“จ้ะๆ”
เอยรีบขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าชุดอยู่บ้านและชุดนอนพร้อมของใช้เล็กน้อย ยัดใส่กระเป๋าเป้ใบเล็ก ก่อนที่จะลงมากอดแม่และออกไปจากบ้าน พบว่ากวินยังคงคุยโทรศัพท์อยู่
กวินพูดภาษาอังกฤษเสียยาวยืด เอยที่ฟังออกได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่พอจะจับใจความได้ว่าเป็นเรื่องการส่งออก ทรรศขับรถออกไปจากบ้านของเอย ตรงไปยังเส้นทางที่เอยแทบจะไม่รู้จักเลย และออกมารอบนอกเสียด้วยซ้ำไป กวินก็ยังพูดโทรศัพท์อยู่เช่นนั้น เอยที่รู้สึกว่าเหนื่อยกับการวิ่งรอกไปซื้อของขวัญจึงผลอยหลับไปทั้งอย่างนั้น โดยที่ยังไม่ถึงบ้านของกวิน...
+++++++++++++++++++++++++++++++++=