..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ..หัวใจใฝ่รัก... ( The Royal Promise ) ตอนที่ ๔๐ Ending of story 8/4/58 จบแล้วจ้า !!  (อ่าน 38243 ครั้ง)

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0



ตอนที่ ๒๔

"ตื่นเร็วเด็กน้อย"

"อื้อ!!" มะยมส่งเสียงหืมฮัมอย่างรำคาญแล้วพลิกตัวหนีสัมผัสข้างแก้มของตนเองไป

"ขี้เซา!! ถ้าไม่ตื่น งั้นพี่จูบนะ!!" มะยมรีบลืมตาในทันทีที่ได้ยินคำว่าจูบ แล้วยิ่งตื่นเต็มตาเมื่อเห็นอิฐมาอยู่ในระยะประชิด

"รีบตื่นทำไมล่ะ? ว่าจะมอร์นิ่งคิสสักหน่อย" มะยมส่ายหน้าปฏิเสธทันที แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะฟันก็ยังไม่ได้แปรง

"รีบไปอาบน้ำเร๊ว เดี๋ยวพี่จะพาไปวัด" พออิฐผละออกมา มะยมก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปทันที อันตรายชะมัด มะยมเอามือจับหน้าอกตรงหัวใจตัวเองเบาๆ แล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

"มะยมทานข้าวก่อนนะ วันนี้พี่อิฐจะพาเราไปวัดกัน" มะยมผงกหัวรับคำเพื่อนสาวไปเบาๆ ระหว่างทานข้าวทุกคนก็ทานตามปกติ แต่มะยมนี่สิไม่ปกติ เพราะอิฐเอาแต่มองอย่างมีเลศนัยแปลกๆ ทำให้รู้สึกร้อนๆหนาวๆยังไงไม่รู้

"มะยมมาช่วยเราเลือกชุดหน่อยนะ ๆ" อิ๊ฟลากมะยมกลับขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็ว ไม่คิดว่าจะรอคำตอบของเพื่อนเลย

"ไหนจะให้เราเลือกชุดล่ะ แต่เราเลือกไม่เป็นนะ บอกไว้ก่อน" มะยมเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ เพราะไม่เคยเลือกเสื้อผ้าให้ผู้หญิงเลยในชีวิตนี้ ยกเว้นยาย

"ไม่มีอะ เราเลือกเสร็จแล้ว"

"อ้าว!!"

"อยู่นิ่งๆ นั่งเฉยๆ เดี๋ยวเราจัดการเอง"

"เห้ยอะไรอะอิ๊ฟ เราเป็นผู้ชายนะ ไม่ใส่อะลิปแบบนี้" มะยมรีบปฏิเสธอิ๊ฟทันทีเมื่ออิ๊ฟกำลังจะใส่ลิปให้

"ไม่เป็นไรหรอกหน่ามะยม แค่ลิปกลอสสีส้มบางๆเอง ไม่เชื่อเราลองใส่ให้ดู นี่ไงไม่เห็นออกสีมากเลย ก็คล้ายลิปมันแหละแต่มันสีสวยกว่า นะๆลองใส่หน่อยนะใส่เป็นเพื่อนอิ๊ฟไง" ยังไม่ทันตอบอะไรลิปกลอสสีส้มบางก็มาอยู่ที่ปากของตนเองแล้ว เห้อออ!!มะยมอนาจตัวเองยิ่งนัก

"รู้ไหม? มะยมน่ะผิวสวยอยู่แล้ว ไม่ต้องใส่อะไรมากก็น่ารัก แค่นี้ไง แค่ลิปกลอสก็น่ารักแล้ว อีกอย่างเดี๋ยวแดดร้อนหน้าเราก็มีเลือดฝาดเอง บลัชออนชั้นดีเลยล่ะ อิอิ ป่ะไปกันเถอะ!!"

"ไหนอะตัวยุ่งเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ชุดเดิมนิ เสียเวลาจริงๆเรา ป่ะ!!คุณย่าไปรอที่รถแล้ว"

"ค่าาาาคุณพี่ชาย"

"เห็นม่ะว่าขนาดพี่อิฐยังไม่สังเกตเลย" มะยมยิ้มให้อิ๊ฟแหยๆ

"คิๆ"

"หัวเราะอะไรตัวยุ่ง?"

"เปล่าค่ะ แค่รู้สึกมีความสุขจัง" อิ๊ฟสังเกตว่าตลอดทางพี่ชายตัวเองเหลือบมองกระจกหลังอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเพื่อนของตัวเองก็หน้าแดงยิ่งกว่าเลือดฝาดซะอีก

"คุณย่าไปก่อนได้ไหมครับ ผมว่าจะไปซื้อสังฆทานก่อนสักชุดก่อน ไปด้วยกันไหมตัวยุ่ง?"

"ไม่อะ อิ๊ฟร้อน ขออยู่กับคุณย่าดีกว่า มะยมก็ไปกับพี่อิฐสิ จะได้ไปช่วยเลือก พี่ชายอิ๊ฟนานๆทีเข้าวัด คงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก" ถ้าไม่สังเกตอะไรจะไม่เห็นว่าพี่น้องคู่นี้แอบยักคิ้วใส่กันก่อนที่อิฐจะจูงแขนมะยมออกมา

"พี่อิฐ ปล่อยแขนมะยมก่อนก็ได้ มะยมเดินเองได้"

"พี่อิฐมองอะไรอะ? หยุดมองได้แล้ว!!"

"ปากสีสวยดีนะ ตัวยุ่งทำให้เหรอ?" มะยมเบิกตาขึ้นอย่างคนตกใจ พร้อมใช้มือเกาแก้มไปด้วย ไหนอิ๊ฟบอกว่าดูไม่ออกไง?

"ครับ"

"น่ารักดีนะ อะนี่หมวก แดดร้อนจนหน้าแดงไปหมดแล้ว" ใครว่าหน้าแดงเพราะแดดกันล่ะ มะยมแอบคิดในใจ อิฐสังเกตปฏิกิริยาของมะยมอยู่หลายครั้งแล้ว ทำให้รู้ว่าเวลาเขินร่างบางตรงหน้านี้จะชอบเกาแก้ม

"พี่อิฐอยากซื้ออะไรถวายอ่ะ?" มะยมตั้งใจเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่งั้นคงทนไม่ไหวแน่ แค่นี้ก็เขินจะแย่

"เอานี่ละกัน มะยมถวายกับพี่นะ" อิฐยกสังฆทานแบบที่เป็นเทียนคู่มา ทำให้มะยมแปลกใจเล็กน้อย พลันนึกขึ้นได้ว่าครั้งหนึ่งพระธุดงค์ท่านเคยพูดอะไรแปลกๆกับตนเองไว้ เกี่ยวกับฝัน และการถวายเทียน จนตอนนี้ตนเองพอจะเข้าใจในสิ่งที่พระธุดงค์บอกบ้างแล้วล่ะ

"มะยมถือของเรานะ เดี๋ยวพี่ถือของอิ๊ฟกับคุณย่าเอง" สังฆทานของคุณย่ากับอิ๊ฟเป็นบาตรพระขนาดใหญ่พร้อมจีวร มะยมจึงพยักหน้ารับคำตามที่อิฐบอก

"อะนี่ของเรากับคุณย่า"

"มาถวายกันได้แล้วลูก พระคุณเจ้าท่านรอนานแล้ว" คุณย่านวลเรียกหลานมากราบพระแล้วก็ถวายภัตตาหารและสังฆทาน

"ครับ/ค่ะ คุณย่า"

"ตาอิฐ มะยมลูก ยกสังฆทานขึ้นประเคนให้พระคุณเจ้าสิลูก" เมื่อทั้งสองยกของขึ้นประเคนให้ประคุณเจ้าเสร็จ พระท่านจึงให้พร พร้อมกรวดน้ำให้แด่เจ้ากรรมนายเวร พ่อเกิดแม่เกิด ปู่แถนย่าแถน เทวดาอารักษ์ พร้อมทั้งถวายไว้ภายหน้า (พ่อเกิดแม่เกิด คือบุคลาธิษฐาน หรือบุคคลที่ทำให้เราเกิดมานั่นเอง บางความเชื่อพ่อเกิดแม่เกิด คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนที่คอยดูแลเราครั้งยังไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ และเป็นผู้ที่ส่งเรามาเกิดนั่นเอง)

"นี่คงเป็นโยมอิฐกับสีกาอิ๊ฟใช่ไหมสีกานวล?"

"ใช่เจ้าค่ะพระคุณเจ้า"

"เติบโตขึ้นเยอะเลยนะ แล้วนั่นใครอีกคนล่ะ?"

"เพื่อนของหนูอิ๊ฟเจ้าค่ะพระคุณเจ้า ชื่อมะยม" มะยมก้มลงกราบหลวงตาสามครั้ง แล้วจึงเงยหน้าขึ้นเอามือประนมวางที่อก

"อื้ม!! เหมือนมาก ๆ แม้เวลาผ่านไปนานเท่าใดก็ยังไม่สู้แรงอธิษฐานได้จริงๆ"

"พระคุณเจ้าว่างยังไงนะครับ?"

"อาตมาคิดว่ามันน่าจะถึงเวลาแล้วล่ะที่จะต้องบอกโยมทั้งสองเกี่ยวกับคำถามในใจที่ยังคงสงสัยกันอยู่"

"พระคุณเจ้าว่ายังไงนะเจ้าค่ะ?"

"สีกานวลเคยเชื่อเรื่องแรงอธิษฐานไหม?"

"ไม่ค่อยแน่ใจเจ้าค่ะ"

"แล้วโยมทั้งสองล่ะ โยมอิฐ โยมมะยม?"

"เชื่อขอรับ/เชื่อครับ"

"แล้วเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดไหม อันนี้อาตมาถามแต่ละคน?"

"โยมอิฐ ว่ายังไง?"

"เชื่อครับ"

"โยมมะยมล่ะ ?"

"แต่ก่อนไม่ค่อยเชื่อขอรับ  เอ่อ..อาจเรียกได้ว่าคอยปฏิเสธอยู่ตลอดก็ว่าได้ขอรับหลวงตา"

"แล้วตอนนี้ล่ะ??"

"ตอนนี้ยังคงสับสนอยู่บ้างเล็กน้อยขอรับหลวงตา"

"แล้วสีกาทั้งสองล่ะ มีความเห็นว่ายังไงบ้าง?"

"อิชั้นไม่มีความเห็นเจ้าค่ะพระคุณเจ้า เพราะมันยากที่จะเข้าใจหรือเชื่อได้เหลือเกิน"

"หนูคิดว่ามันอาจเป็นไปได้ก็ได้นะค่ะหลวงตา เพราะเราเป็นชาวพุทธ แล้วชาวพุทธเราก็มีความเชื่อมีคติแบบนี้อยู่บ้าง ตั้งแต่การไหว้ผี การบูชาเทพเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้กระทั่งหมอผีก็ยังมีไม่ใช่เหรอค่ะหลวงตา ทุกสิ่งล้วนเป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพี่สูจน์ได้ แต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องลบหลู่ใช่ไหมค่ะหลวงตา?"

"หลานสาวคนนี้ของสีกานวลเป็นคนมีหัวคิดดีนะ ไม่เสียแรงที่อาตมาเป็นคนตั้งชื่อให้ตอนเกิด"

"แล้วถ้าอาตมาจะบอกว่า โยมสองคนเป็นคนที่ผูกพันกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว จะเชื่อไหม?"

"ยังไงหรือเจ้าค่ะพระคุณเจ้า?" เป็นย่านวลที่เอ่ยถามคำถามนี้กับพระคุณเจ้า

"ตามที่อาตมาได้ถามไปตั้งแต่แรกนั่นแหละ คำสัตยาอธิษฐานเป็นตัวผูกมัดและนำพาให้คนสองคนมาเจอกัน"

"ยังจำคำสัตยาอธิษฐานที่ให้กันไว้ได้อยู่ได้หรือไม่โยม?"

"ครับ/ครับ"

"งั้นลองเขียนคำสัตยาอธิษฐาน คำสัญญาที่ให้กันไว้ให้อาตมาดูหน่อยได้ไหม?"

"ได้ครับ/ได้ครับ" หลวงตาได้เอากระดาษพร้อมปากกายื่นให้อิฐและมะยมคนละแผ่น คนละด้าม อิฐมองหน้ามะยมที่ตอนนี้มีแต่ความวูบไหวสั่นกลัวอยู่ในสายตา จนอดสงสารเสียไม่ได้ จึงเอามือมาแตะเบาๆเพื่อให้ร่างบางคลายความกังวล แล้วทั้งสองจึงตั้งใจก้มหน้าเขียนมันลงไป แล้วยื่นกระดาษของตนเองให้กับหลวงตา

"อย่ากลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นโยม เป็นโยมเองไม่ใช่เหรอที่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้" ทั้งสองไม่ตอบอะไร เพราะมันเหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ในอกจนไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ หลวงตาเอากระดาษทั้งสองแผ่นนี้วางบนอาสนะต่อหน้าคนทั้งสี่คน ทำให้คนทั้งสี่คนไม่เว้นย่านวลกับอิ๊ฟก็ตกใจกับคำตอบที่เขียนลงไปของอิฐและมะยม

"ยังฝันถึงเรื่องราวเหล่านั้นอยู่รึไม่โยมอิฐ โยมมะยม?"

"ครับหลวงตา /ครับหลวงตา"

"อย่าได้เป็นกังวลกับมันเลยโยม มันไม่ได้มีอะไรเลวร้าย"

"โยมอิฐไปหยิบหยังสือปกสีชาดที่ทำจากผ้าไหมนั้นให้อาตมาหน่อยได้ไหม? อาตมามีอะไรจะให้ดู"

"นี่คือรูปของเจ้าน้อยขวัญระมิงค์กับแสงเมืององค์รักษ์คนสนิท พร้อมพระพี่เลี้ยงคนสนิทของเจ้าน้อย เห็นแล้วให้คำตอบกับอาตมาได้รึยังว่าสิ่งที่โยมทั้งสองเจอ มันคือความจริงหรือแค่ความฝัน?"

อิฐรับหนังสือภาพนั้นมาดูพร้อมกับมะยม เป็นครั้งแรกที่มะยมเห็นเจ้าน้อยและแสงเมืองได้ชัดเจนขนาดนี้ นอกจากความฝัน มะยมอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาเบาๆ แผ่นหลังเล็กไหวสะท้านเพราะสะอื้นไห้ จบสิ้นกันทีกับคำถามที่ว่ามันเป็นไปได้เหรอ? มันเป็นความจริงหรือความฝัน? เป็นภาพที่เจ้าน้อยทรงประทับนั่งอยู่บนเก้าอี้ในสถานที่ใดสักแห่ง แต่คิดว่าน่าจะเป็นในคุ้มหลวง แล้วมีแสงเมืองกับบัวแก้วยืนอยู่ด้านหลัง"

"ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่ามือของแสงเมืองจับอยู่ที่บ่าของเจ้าน้อย ปกตินายทหารจะไม่สามารถปฏิบัติเช่นนี้กับเจ้าเหนือหัวได้ นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองได้อย่างดีทีเดียวเลยว่าไหม?"

หนังสือภาพเล่มดังกล่าวได้ถูกส่งต่อมายังคุณย่านวลและอิ๊ฟทันทีที่เมื่อมะยมร้องไห้จนอิฐต้องเอาร่างบางมาประคองปลอบ

"มันยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี แม้ว่ากาลเวลาจะทำให้สีขาวและดำของมันซีดลงไปบ้างเล็กน้อย พวกโยมอาจสงสัยว่าทำไมอาตมาถึงมีภาพพวกนี้ได้ ? จำผู้หญิงในภาพที่ถ่ายร่วมกับเจ้าน้อยได้ไหม? สีกาท่านนี้คือคุณยายทวดของอาตมาเอง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่อาตมาจะรู้เรื่องราวของเจ้าน้อยบ้างจากคำบอกเล่าของคุณยายทวดสืบทอดกันมา เพราะการได้รับใช้เจ้าฟ้าเจ้ากษัตริย์ถือเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลเราอย่างหนึ่ง "

"เราสองคนควรทำยังไงดีครับหลวงตา?"

"ก่อนที่จะถามอาตมาว่าต้องทำยังไง โยมทั้งสองควรตัดสินใจให้ดีก่อนว่าจะเอายังไงต่อ? ถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างปกติ  ก็ควรลืมเรื่องราวที่ได้รับรู้วันนี้ให้หมดเสีย แต่หากโยมยังคลาแคลงใจและยังต้องการให้เป็นอย่างคำสัตยาอธิษฐานที่ให้กัน  อาตมาก็พอจะมีทางช่วยอยู่บ้าง" หลังจากคำพูดของพระคุณเจ้าจบลง ทั้งสองก็หันมามองหน้ากัน อิฐบีบมือของมะยมเบาๆคล้ายกับว่าให้กำลังใจ

"เราอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องของเจ้าน้อยและแสงเมืองครับ" เป็นอิฐเองที่ตอบมันออกมา

"แม้ว่าอาตมาจะบวชเรียนมาตั้งแต่ยังเด็ก  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจช่วยเหลือพวกโยมได้หรอกนะ  แต่อาตมามีบรมครูท่านหนึ่งที่คิดว่าจะช่วยโยมทั้งสองได้  หากโยมทั้งสองตัดสินใจว่าอยากรู้เรื่องราวเหล่านั้นจริงๆ"

"ครับ/ครับ"



===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||===||

มาต่อให้อีกแล้ว แต่งได้วันละตอนเองนะตัวเอง ความขี้เกียจมันมีมากเหลือเกิน คิๆ

ไว้เค้าจะพยายามมาต่อให้ตัวเองอีกน้าาา ปูเสื่อรอได้เลย คิกๆ


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ GUNPLAPLASTIC

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ตามอ่านทันเเล้วค่ะ นี้ดิฉันพลาดเรื่องนี้ไม่ได้อย่างไร :katai1: ตอนเรกคิดว่าจะเป็นเรื่องย้อนยุคอย่างเดียว
เเต่ดีจังที่มีมาต่อสมัยนี้อีกด้วย เรื่องนี้ใช้ภาษาดีมากเลยค่ะ เราชอบมาก บรรยายความเป็นล้านนาได้ดีจริงๆ :mew4:
รออ่านทั้งตอนอดีตเละปัจจุบันนะค่ะ แสงเมืองกับเจ้าน้อยนี้คงจะดราม่ายาวๆเลย ฮือ เเต่ไม่ป็นไรค่ะ
เชียร์พี่อิฐรุกมะยมให้เร็วไว เร็วเท่าไหร่ก็รักกันได้นานขึ้นนะค่ะ รอตอนต่อไปนะค่ะคุณคนเเต่ง กอดๆๆ :กอด1: :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
โฮ่!!   ชอบมากๆ  ซึ้งมาก
แรงอธิษฐานมันรุนแรงยิ่งนัก
เรายิ่งบ้าๆชาติที่แล้วด้วย
เวลาอ่านเรื่องเก่าๆจะเพ้อตลอด55
ชอบภาษาเหนือ   อ่านแล้วเหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้    :heaven

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0


Gunplaplastic : ขอบคุณครับที่ติดตาม ฝากช่วยลุ้นคู่เจ้าน้อยด้วยนะครับ คู่นี้น่าสงสาร //ฝากเชียร์คู่ปัจจุบันด้วยจ้า ใจอยากให้พี่อิฐรุกมะยมเร็วกว่านี้ใจจะขาด แต่ทำไมได้ มันรวดเร็วไป ^^

MukmaoY : ชอบก็มาติดตามบ่อยๆนะครับ คิๆ

B52 : คุณB52 ก็เป็นคนเหนือเหรอครับ เห็นพูดภาษาเหนือ

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่  ๒๕



"ตาอิฐ...ไม่ว่าหลานจะตัดสินใจยังไง ย่าก็เชื่อว่าหลานคิดดีแล้ว จัดการทุกอย่างเสร็จแล้วกลับมาหาย่านะลูก ดูแลตัวเองด้วย ดูแลน้องด้วยด้วยนะลูก"
 
 
"ขอบคุณครับคุณย่า คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"
 
 
"มะยมลูก หนูบอกยายแล้วรึยังลูก?"
 
 
"ยังครับคุณย่า มะยมไม่รู้จะบอกยายยังไงดี เพราะตอนนี้ยายยังถือศีลอยู่ที่วัดอยู่เลยครับคุณย่า"
 
 
"เอาไว้เดี๋ยวยายบอกให้เองนะลูก ไม่ต้องเป็นห่วง"
 
 
"ขอบคุณครับคุณย่า มะยมลาล่ะครับ"
 
 
"ดูแลตัวเองด้วยนะลูก เราก็อีกคนแม่ตัวยุ่ง อย่าแก่นเซี้ยวให้มันมาก แล้วก็ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะลูก" ย่านวลกอดหลานๆอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้
 
 
"ป่ะมะยมไปกัน" อิ๊ฟจูงมือมะยมตามหลังอิฐออกมาหลังจากบอกลาคุณย่านวลเสร็จ
 
 
"อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิมะยม เราไม่ได้ไปรบสักหน่อย เดี๋ยวก็ได้กลับมาแล้ว" อิ๊ฟจับมือเพื่อนมาปลอบเบาๆ
 
 
"แต่เราเป็นห่วงยาย เราไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง เรา...." อิ๊ฟส่งสัญญาณให้อิ๊ฟเข้าปลอบมะยมแทน เพราะคิดว่าอิฐคงมีวิธีปลอบมะยมได้ดีกว่าตนเองแน่ๆ
 
 
"ทำหน้าดีๆสิเด็กน้อย อย่าคิดมาก มีพี่อยู่ทั้งคนจะกลัวอะไร? หรือว่าไม่เชื่อใจพี่ หื้ม?" มะยมส่ายหน้าเบาๆ
 
 
"ดีมาก งั้นก็ยิ้มหน่อยสิคนดี"
 
 
"ฮั่นแหน่ เดี๋ยวนี้มีเด็กโหน้งเด็กน้อย คนโดงคนดี ไปเรียกกันแบบนี้ตอนไหนเอ่ย? ทำไมเราไม่รู้? อิอิ"
 
 
"เอ่อ....คือว่า...." มะยมอึกอักตอบเพื่อนสาวไม่ถูก ไม่คิดว่าอิฐจะกล้าพูดอะไรแบบนี้ แต่ที่แน่ๆหน้ามะยมตอนนี้กลายเป็นสีแดงลูกตำลึงสุกไปแล้วล่ะ
 
 
"ตามนั้นแหละตัวจุ่น อย่าถามมาก อยู่เป็นผู้ชมไปนั่นแหละดีแล้ว"
 
 
"อะโด่กับน้องกับนุ่งก็ไม่บอก ถามมะยมเอาก็ได้!!"
 
 
"ไม่ให้ถามใครทั้งนั้นแหละ นอนไปก่อนไป๊ อีกนานกว่าจะถึง"
 
 
"มะยมๆ จะนอนแล้วเหรอ? ตอบคำถามเราก่อนดิ นะๆ เราไม่หวงพี่ชายหรอก" อิ๊ฟยังคงเซ้าซี้ถามมะยม แต่มะยมก็ยังคงแกล้งหลับต่อไป ไม่งั้นคงโดยซักฟอกจนขาวสะอาดแน่
 
 
"นั่งดีๆตัวยุ่ง ปล่อยให้มะยมหลับไปเถอะ เราเองก็นอนไปเลยก็ได้ พี่หนวกหู" อิ๊ฟที่กำลังพยายามชะโงกหน้าไปถามมะยมที่เบาะหลังโดนอิฐดุ เลยทำให้ต้องหยุดซักถามไปโดยทันที
 
 
"ก็ได้ แต่ตอนนี้เราจะไปที่ไหนนะพี่อิฐ? ไกลไหมอะ?"
 
 
"หลวงตาบอกว่าให้ไปหาหลวงปู่ฤาษีที่วัดถ้ำป่านิมิตรตาราม ที่กาญ คิดว่าไกลไหมล่ะ?"
 
 
"ไกล งั้นอิ๊ฟนอนนะ มะยมๆ อิ๊ฟรู้ว่ามะยมยังไม่หลับ มาเปลี่ยนที่กับอิ๊ฟหน่อยนะ อิ๊ฟอยากนอนเอนด้านหลังอะ นะๆ" มะยมจำเป็นต้องลืมตาขึ้นมาตามคำร้องขอของเพื่อน แต่กลับต้องยิ่งเขินเพราะเพื่อนอิ๊ฟแอบยักคิ้วให้สองที แซวทางปากไม่ได้ อิ๊ฟก็เลยยักคิ้วให้แทน อิอิ
 
 
"พี่อิฐๆ จอดให้พวกเราแลกที่กันหน่อยสิ ถ้าแวะปั๊มก็ปลุกอิ๊ฟด้วยนะ จะแวะซื้อขนม อิอิ ฝันค่าทุกคน"
 
 
"อ่ะ!!" มะยมตกใจที่จู่ๆ มือของตัวเองก็ถูกขว้าเอาไปจับไว้ที่หน้าขาของคนตัวโตกว่า
 
 
"ชู่ว!! (อย่าเสียงดัง) " อิฐทำมือแนบปากบอกว่าให้เงียบ แล้วชี้มาทางด้านหลังที่อิ๊ฟนอนอยู่ แค่นี้ก็ทำให้มะยมไม่กล้าเอ่ยปากโต้แย้งแล้วล่ะ อิฐยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
 
 
"ปล่อยนะพี่อิฐ" มะยมฮึดฮัดเบาๆ เพราะกลัวอิ๊ฟที่นอนอยู่เบาะหลังจะได้ยิน แต่ก็ไม่กล้าดึงมือตัวเองออกมาเพราะกลัวรถจะเสียหลัก ทำให้อิฐยิ่งได้ใจ
 
 
"ไม่ครับ"
 
 
"จะขับก็ขับดีๆ เอามือคนอื่นไปจับไว้ทำไม?" มะยมบ่นเบาๆแล้วหันหน้าไปมองวิวนอกกระจกด้านข้างแทน เพราะรู้ว่ายังไงอิฐก็คงไม่ปล่อย
 
 
"ก็อยากจับอะ นุ่มดี หอมด้วย" อิฐพูดจบก็เอามือของมะยมมาหอม
 
 
"พี่อิฐ!!" มะยมตาโต อ้างปากค้าง แล้วหันไปมองอิ๊ฟที่นอนอยู่ที่เบาะหลัง กลัวว่าเพื่อนจะเห็น จะมองคนขับก็ไม่กล้าสู้หน้า ไม่กล้าสบตา เกิดเป็นมะยมทำไมถึงใจเสาะขนาดนี้เนี๊ยะ แค่คนๆเดียวเองทำไมไม่กล้า!!! มะยมคิดในใจ
 
 
ตลอดทางอิฐจับมือของมะยมอยู่ตลอด เว้นเสียแต่เวลาเปลี่ยนเกียร์ต้องเอามือออก พอมือเป็นอิสระมะยมก็รีบเอามือกลับมาวางไว้บนตักตัวเองเหมือนเดิม แต่ที่ไหนได้อิฐก็เอามันกลับไปกุมไว้อยู่ดี
 
>>>>>>>>
 
"ตัวยุ่งๆ ตื่นได้แล้ว ถ้าไม่ตื่นก็ไม่ต้องกินข้าวนะ !!!" ความจริงอิ๊ฟไม่ได้หลับเลย แล้วก็เห็นหมดทุกช็อตเลยด้วย ไม่คิดว่าพี่ชายตัวเองจะมีมุมนี้ด้วยนะเนี๊ยะ ไม่เสียแรงที่เปิดโอกาสให้ คึๆร้ายกาจอะพี่ชายเรา
 
 
"อื้ออออ ง่วง!!" การแสดงยอดเยี่ยม เพิ่มแอคติ้งเล็กน้อยๆพอ เดี๋ยวมันจะเวอร์ เดี๋ยวสองคนนี้จะสงสัย อิอิ
 
 
"ป่ะไปทานข้าวกันก่อน เดี๋ยวค่อยเดินทางกันต่อ"
 
 
"ค่าาาาา"
 
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
 
 
 
"เจ็บใจนัก กูยอมทำถึงขนาดนี้แสงเมืองยังบ่สนใจ มัวสนใจแต่น้องชายนอกคอกของกู แกร๊งๆ แกร๊ง ตุ๊บ!!" เจ้าหยาดฟ้าระบายอารมณ์ลงกับข้าวของในคุ้มจนกระจัดกระจาย เพราะมีสาเหตุมาจาก แสงเมืองคนที่เจ้าหยาดหมายพอชอบพอ
 
 
หลายวันมานี้เจ้าหยาดฟ้าเพียรพยายามเข้าหาแสงเมืองทุกวิธี ไม่ว่าจะบุกไปเยี่ยมน้องชายที่น่ารังเกียจอย่างเจ้าน้อย หรือแม้กระทั่งเดินผ่านไปยังสนามซ้อมดาบของเหล่าทหาร เผื่อว่าจะได้เห็นและทำให้แสงเมืองรู้ว่าเจ้าหยาดพึงพอใจในตัวแสงเมือง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ผล
 
 
"ใจ๋เย็นก่อนเจ้า เจ้าหยาดฟ้า ว๊าย!! ตุ๊บ!!" แม้แต่นางกำนันคนสนิทก็ยังโดนลูกหลงของเจ้าหยาดฟ้า อุสาพยายามบอกให้เจ้าหยาดฟ้าใจเย็นๆ แต่ถึงอย่างใดก็ไม่สามารถเย็นลงได้ เพราะความอิจฉาที่แสงเมืองรักและจงรักภักดีต่อน้องชายนอกไส้ของตนเอง ยิ่งทำให้เหมือนกับไฟที่คอยลุกลามหัวใจของเจ้าหยาดฟ้าไปเรื่อยนั่นเอง
 
 
"มึงจะให้กูใจเย็นได้อย่างใดอีอุสา แสงเมืองช่างจงรักภักดีต่อเจ้าน้อยขนาดนั้น บ่ว่าจะหาวิธีใดมายั่วยวน ก่อบ่สำเร็จ คนโง่ แสงเมืองคนโง่ มันบ่ใช่แม่ญิง จะไปฮักมันทำไม กูนี่เป็นแม่ญิง สามารถให้ความสุขกับแสงเมืองได้ เพชรงามอย่างกู ทำไมบ่ชายตามอง กลับไปขว้างก้อนกรวดก้อนหินอย่างเจ้าน้อยมันมาเชยชม คนโง่!!!!!"
 
 
"มึงลองช่วยกูคิดสิอีอุสา กูจนปัญญาจะเข้าหาอ้ายแสงเมืองแล้ว ชะม้ายชายตาก็แล้ว แกล้งทำเป็นลมเป็นแล้งก็แล้ว มารยากี่ร้อยเล่มเกวียนกูก็ใช้มาหมดแล้ว ทำไมอ้ายแสงเมืองถึงบ่แลตามองกูเลย ห่ะอีอุสา?"
 
 
"เอาอย่างอี้บ่เจ้า โบราณเปิ้นว่า"บ่ได้ด้วยเล่ห์ ก่อหื้อเอาด้วยกล บ่ได้ด้วยกล ก่อต้องใช้มนต์คาถา""
 
 
"มึงหมายความว่าอย่างใดอีอุสา? อย่ามัวอมพะนำ กูใจร้อน อยากใคร่รู้"
 
 
"ข้าเจ้าได้ยินมาว่า หมู่บ้านบนดอยไกลออกจากที่นี้ไปแหมประมาณ 4-5 หมู่บ้าน มีหมู่บ้านชาวเขามาตั้งอาศัยอยู่ เปิ้นเล่ากั๋นว่าหมู่บ้านนี้มีหมอผีไสยศาสตร์ตวยนาเจ้า ว่ากั๋นว่าเก่งขนาด ถ้าเยี๊ยะบ่ได้ยินดีคืนตังค์หื้อเจ้า!!!"
 
 
"กูกลัวอีอุสา!!"
 
 
"บ่ต้องกลัวเจ้า เจ้าหยาดฟ้า เดียวข้าเจ้าจะไปตวย รับรองอ้ายแสงเมืองไปไหนบ่รอดแน่เจ้า เจ้าน้อยก่อเจ้าน้อยเตอะ อ้ายแสงเมืองก่อตึงบ่ใยดี!!"
 
 
"แล้วมึงแน่ใจกาว่ามันจะได้ผล?"
 
 
"แน่ใจเจ้า ขนาดผัวอี่อิ่นคำไปมีเมียน้อย มันยังปิกมาหาเลย หนำซ้ำยังบ่สนใจเมียน้อยคนนั้นแหม แสดงว่าหมอผีคนนี้เก่งขนาดเจ้า เจ้าหยาดฟ้า เชื่อข้าเจ้า!!"
 
 
"แล้วมึงรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างใดอีอุสา?"
 
 
"อี่อุสามันเป็นมาเล่าหื้อข้าเจ้าฟังเจ้า เจ้าหยาด"
 
 
"ดี!! อั้นแหมสองสามวัน เราค่อยไป ต้องไปตอนวันที่เปิ้นมีกาดจะได้บ่มีคนสงสัย" (กาด  หมายถึง  ตลาด)
 
 
 
 
>>>>>>>>>>>>>>> #################################<<<<<<<<<<<<<<<<<<
 
 
มาต่อให้แล้วจ้าาาาา  ตามคำสัญญา เพิ่งแต่งเสร็จสดๆร้อนๆ 
 
อาจไม่เหมือนสัญญาของเจ้าน้อยกับแสงเมือง  แต่เค้าก็รักษาสัญญาแล้วนะตัวเองงง


เจอกันพรุ่งนี้จ้า ###เจ้าหยาดฟ้าตอนนี้ต้องบอกเลยว่า  (ความสวยไม่ให้...คุณไสยสิค่ะ)

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2015 18:39:33 โดย ApolloS »

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ว๊ายยย เขิน อ่านผิดไปได้ยังไงน้อออ >///< รอติดตามว่าอัฐจะเป็นใครในชาติที่แล้วกัน

แหมะ ขนาดขับรถนี่ก็กุมมือไม่ปล่อยนี่จะรักกันได้หวานเกินไปละๆ เหมือนเค้าลางความหวานของแสงเมืองจะแผ่ให้อิฐแล้ว

ส่วนเจ้าหยาด นี่คิดจะเล่นคุณไสยเลยเหรออ


ออฟไลน์ GUNPLAPLASTIC

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
อื้อหือ ถึงกับเล่นคุณไสย เเสงเมืองไม่น่ารอด ดราม่าลากยาวเลย :katai1: :katai1:
ชะนีเรื่องนี้ทำไมทำตัวให้ยุ่งยากจังค่ะ ผุ้ชายในวังนี้มีคนคนดียวก็ไม่ใช่ ทำไมต้องเจาะจง ตอบบ :fire: :m31:
รอคุณคนเเต่งมาต่อค่ะ ให้พี่อิฐรุกเบาๆกะได้ เดี๊ยวน้องตกใจ เเต่เราว่านี้ก็รุกเร็วนะนะค่ะ โฮะๆๆๆๆ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
พี่อิฐมือไวตั้งแต่ชาติก่อนยันชาตินี้

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17
มาแล้วววว +1 +เป็ด เลยยย อ่านสามตอนรวดด
มะยมน่ารักมากจนพี่อิฐอดใจไม่ไหวตั้งหลายรอบแหนะ
น่ารักกกก ชอบมาก มีน้ำตาซึมตามด้วย
แต่อิชะนีนี่มันจัญไรแท้ คิดจะทำคุณไสย
อย่าให้แสงเมืองเป็นอะๆรเลยนะ
 :mew2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ชอบค่ะ หลงมะยมมาก ชอบอิ๊ฟอ้ะ น่ารักกก


ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0


ตอนที่ ๒๖

"เราต้องเอารถจอดตรงนี้กันนะ เพราะรถมันเข้าไปไม่ได้ ต้องเดินไป"

"ไกลไหมอะพี่อิฐ?"

"อะไรเรา ยังไม่ได้เริ่มออกเดินทางเลย ก็ถามหาจุดหมายซะล่ะ?"

"อิ๊ฟถามเฉยๆ หรอกหน่า"

"ถ้าคิดว่าไม่ไหว ก็ให้พี่ไปกับมะยมสองคนก็ได้นะ"

"ไม่เอา มาด้วยกันขนาดนี้ละ จะมาทิ้งกันได้ยังไง?"

"ดีมากน้องพี่ ป่ะออกเดินทางกันเถอะ เดี๋ยวสำภาระพวกเต้นท์และพวกน้ำอาหาร เอามาใส่ไว้ในเป้พี่นะ เดี๋ยวพี่แบกเอง"

ตอนนี้ไม่ว่าจะหันมองซ้ายหรือขวาก็มีแต่ต้นไม้ มีแต่ป่า ยังดีที่พอมีทางเดินที่ชาวบ้านใช้หาของป่ากันบ้าง ทำให้ไม่ดูยากทำบากเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นเบ้ใส่สำภาระ และข้าวของเครื่องใช้จำเป็นเหล่านี้ก็ยังหนักและทำให้เดินลำบากอยู่ดี


"ไหวไหมตัวยุ่ง? ถ้าไม่ไหวก็เอาเป้มาให้พี่ เดี๋ยวพี่จะสะพายไว้ด้านหน้า เราจะได้ไม่หนัก" อิ๊ฟส่ายหัวแล้วยิ้มให้พี่ชายบางๆ เพราะไม่อยากเป็นภาระ แค่นี้พี่ชายของตนเองก็แบกอะไรไม่รู้เยอะแยะอยู่แล้ว

"ไหวค่ะ แต่พักก่อนได้ไหมพี่อิฐ อิ๊ฟเหนื่อย" อิ๊ฟหยิบกระปุกน้ำออกมาดื่ม ยิ่งเหนื่อยก็ยิ่งกระหายน้ำมากขึ้น เพราะเราสูญเสียน้ำในร่างกายออกมาในรูปแบบของเหงื่อ

"อย่ากินเยอะตัวยุ่ง ยังอีกไกลอยู่เดี๋ยวจะไม่มีน้ำดื่ม ถ้ากระหายก่อจิบๆเอานะ"

"ค่ะ"

"เป็นยังไงบ้างครับ ไหวไหม?" อิฐเดินมานั่งข้างมะยม แล้วเอ่ยถามเบาๆ สีหน้ามะยมตอนนี้ซีดอย่างเห็นได้ชัด จนอิฐอดเป็นห่วงไม่ได้

"อื้ม!!" มะยมตอบรับเบาๆ เพราะเหนื่อยมาก ไม่เคยเดินป่าแบบนี้มาก่อน ขนาดออกค่ายอาสายังไม่เหนื่อยขนาดนี้เลย มะยมคิดในใจแล้วเอาน้ำออกมาดื่ม

"ทนหน่อยนะ!!" อิฐเอามือลูบหัวเบาๆ ใจจริงอยากจะทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าอยู่กลางป่า แล้วก็มีน้องสาวของตัวเองอยู่ คิดถึงแก้มนุ่มๆ กับปากบางๆนี้จะแย่ คนสมัยเค้าบอกว่าเข้าป่าอย่าพูดถึงสิ่งไม่ดี อย่าทำอะไรที่ลบลู่ต่อสถานที่ เพราะทุกที่ย่อมเคยมีประวัติมีเจ้าของที่เคยอยู่ทั้งนั้น แม้กระทั่งการปวดหนัก หรือปวดเบาก็ยังต้องขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่นั่นก่อนเสมอ เพราะไม่อย่างนั้นจะถือว่าเป็นการลบลู่

"หิวรึยัง หื้ม?" มะยมพยักหน้าเบาๆ บอกว่าหิวแล้ว

"อะไร? ถามแต่มะยม ไม่ถามน้องนุ่งบ้างเลย" อิ๊ฟเอ่ยแซวขึ้นมาทันที

"แล้วหิวรึยังล่ะตัวยุ่ง?" อิ๊ฟพยักหน้างึกๆ บอกว่าหิวแล้ว หิวมาก ถึงมากที่สุด

"งั้นก็หาที่ทานข้าวกัน คุณย่าเตรียมข้าวเหนียว หมูทอด กับไข่ต้มมาให้นะ มื้อนี้ทานแค่นี้กันก่อน มื้อต่อไปค่อยว่ากัน"

"ค่ะ!! ทานตรงนั้นดีไหมพี่อิฐมีร่มไม้ด้วย ไม่ไกลจากแม่น้ำด้วย ทานเสร็จจะได้เดินไปล้างมือด้วยไง" อิ๊ฟพูดเสร็จก็แบกเป้ไปทันที ไม่รอคำตอบใคร เพราะหิวมาก

"ป่ะมะยมไปกัน" อิฐยิ้มบางๆให้กับตัวเอง เพราะคนตัวเล็กข้างๆนี้ยอมให้จูงมือเดินไปโดยไม่ปฏิเสธสักคำ

"อย่าเพิ่งทานนะครับ เดี๋ยวพี่เอาข้าวนี้ไปให้เจ้าที่เจ้าทางก่อน" อิ๊ฟและมะยมก็พยักหน้าตอบรับ รอให้อิฐเอาข้าวไปให้เจ้าที่เจ้าทางเสร็จแล้วจึงเริ่มทานกัน

(คนเหนือจะมีความเชื่อว่า ถ้าเรามีความจำเป็นต้องทานข้าวในป่าหรือไปทานข้าวในสถานที่อื่นที่เราไม่คุ้นเคย หรือแม้กระทั่งสถานที่ที่เราเคยมาแล้ว เราก็ต้องแบ่งข้าวและกับข้าวออกเป็นส่วนเล็กๆ พอดีคำ เพื่อเอาไปไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เพื่อขอใช้สถานที่แห่งนั้นพักแรมหรือทานข้าว เช่น ชาวนาเวลาไปลงแขกเกี่ยวข้าว ก็จะต้องแบ่งอาหารและกับข้าวเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำสักสองสามคำ เพื่อเอาไปไหว้เจ้าที่เจ้าทาง หรือพระแม่โพสพ อาจวางไว้บนตอไม้ หรือใบไม้แล้วเอาวางใต้ต้นไม้สักต้นก็ได้)

"หิวรึไงเรา รีบทานซะขนาดนั้น ระวังติดคอด้วยนะ"

"ค่ะ!!"

"ทานไข่ต้มด้วยสิมะยม เดี๋ยวพี่แกะเปลือกให้"

"ขอบคุณครับพี่อิฐ" มะยมยิ้มให้อิฐเล็กๆ แล้วก้มหน้าทานต่อ

หลังจากอาหารกลางวันเสร็จทุกคนก็ออกเดินทางต่อ มีแดดบ้างร่มบ้าง เพราะตอนนี้ตะวันกำลังอยู่ตรงเหนือหัว ถ้ามีต้นไม้ก็มีร่ม แต่ถ้าไม่มีต้นไม้ก็ต้องร้อนกันไป มะยมปาดเหงื่อที่ไหลย้อยตามไรผมและตรงขมับ หน้าขาวๆตอนนี้แดงเพราะแดดเผาไปแล้ว


เดินผ่านดอยเป็นลูกๆ ผ่านแม่น้ำไม่รู้จะกี่สาย จนตอนนี้ทุกคนเริ่มจะหมดแรงกันแล้ว โดยเฉพาะอิ๊ฟและมะยม ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาว แต่อากาศที่นี่ตอนกลางวันอากาศร้อนมาก ทำให้รู้สึกเหนื่อยเพิ่มเป็นสองเท่า แต่พอพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินกลับทำให้รู้สึกว่าอากาศมันเย็นลง ซึ่งแตกต่างจากตอนกลางวันมากทีเดียว


"พี่อิฐนั่นใช่วัดที่เราตามหาไหม?" มะยมที่เป็นคนเดินนำมาคนแรกเอ่ยถามอิฐอย่างตื่นเต้นหลังจากเห็นถ้ำขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่ถูกจีวรพระมัดไว้รอบๆต้น นอกจากนั้นยังมีกลดของพระธุดงค์ปักอยู่หนึ่งอันใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ ดูภายนอกไม่ค่อยเหมือนวัดสักเท่าไหร่ ถ้าไม่สังเกตเห็นจีวรพระที่ผูกติดต้นไม้ไว้ล่ะก็นะ

"อาจจะใช่นะ พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คิดว่าน่าจะใช่ เพราะแถวนี้ก็คงไม่มีวัดไหนอีกแล้วมั้ง เราเข้าไปข้างในกันเถอะ" ถ้ำนี้เป็นถ้ำกว้างๆ มีเพดานอยู่สูงขึ้นไปน่าจะสักประมาณ 20 เมตรเห็นจะได้ มีหินงอกหินย้อย นอกจากนั้นก็มีน้ำสายเล็กๆไหลผ่านปากถ้ำออกมา ทั้งสามคนเดินลัดตามลำน้ำนั่นไปทันที คิดว่าถ้าเป็นหน้าฝนถ้ำนี้คงเต็มไปด้วยน้ำแน่ๆ เดินผ่านไปได้สักพัก จากที่คิดว่าไม่เหมือนวัด ก็พบพระพุทธรูปขนาดใหญ่ทั้งปางสมาธิ ปางมารวิชัยตั้งเรียงสลับกันไปจนถึงกลางถ้ำ แต่ที่แน่ๆ ถ้ำนี้ต้องมีค้างคาวมาอาศัยอยู่แน่ๆเพราะได้กลิ่นฉี่กับขี้ค้างคาว หรือไม่งั้นก็ขี้นกสักอย่าง

"มากันแล้วเรอะ?" ทุกคนพากันตกใจที่จู่ๆ ก็มีเสียงคนถามขึ้นมา มะยมและอิ๊ฟรีบกระโดดไปเกาะอิฐไว้อย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ อิฐพยายามเพ่งสายตาผ่านความมืดเข้าไปก็เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่

"ปล่อยพี่ก่อนตัวยุ่ง มะยม กลัวทำไมนั่นเสียงพระธุดงส์ท่าน?" อิ๊ฟกับมะยมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆอย่างกล้าๆกลัวๆ พบเห็นว่าเป็นพระธุดงส์อย่างที่อิฐบอกเลยรู้สึกโล่งอก คิดว่าจะเจอกับอะไรลี้ลับซะแล้ว

"นมัสการพระคุณเจ้าครับ" ทั้งสามคนก้มลงกราบลงกับพื้น

"เอาเทียนที่อยู่ข้างๆโยมมาจุดสิ ปกติอาตมาก็จุดบ้างไม่จุดบ้าง จะเอาไว้ใช้แต่ยามจำเป็นเท่านั้น"

"ครับ" อิฐหยิบเทียนไขเล่นใหญ่ขึ้นมาหนึ่งเล่มหลังจากที่ปรับสายตากับความมืดในถ้ำนี้ได้

"จำอาตมาได้ไหมโยม เราเคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่ง"

"จะ..จำได้ครับพระคุณเจ้า" มะยมเอ่ยเสียงติดขัด ไม่คิดว่าพระธุดงส์ที่ตนเองกับยายไปใส่บาตรวันนั้นจะเป็นรูปเดียวกับที่หลวงตาบอกให้มาหา

"ในที่สุดโยมก็เดินทางมาสักที"

"ครับ?" มะยมเอ่ยขึ้นอย่างฉงนสงสัย

"พระคุณเจ้ารู้ว่าพวกเราจะเดินทางมาเหรอครับ?"

"อื้ม!!"

"นี่ใช่ไหมคู่บุญของโยม อื้ม!! เหมือนจริงๆ เหมือนทั้งคู่"

"คือพวกเราสองคน....." อิฐกำลังจะบอกว่าพระคุณเจ้าถึงเจตนาที่มาพบท่านถึงที่นี่ แต่พูดยังไม่ทันจบพระท่านก็พูดขึ้นมาเสียก่อน ยิ่งทำให้ทุกคนประหลาดใจมากกว่าตอนแรกซะอีก

"อาตมารู้ ถึงมารอพวกโยมที่นี่ไง"

"ครับ"

"เดินทางมาคงจะเหนื่อย งั้นไปอาบน้ำก่อนสิ ด้านในสุดของถ้ำมีน้ำตกเล็กๆ สามารถอาบได้"

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


"มะยมไปอาบสิ อิ๊ฟอาบเสร็จแล้ว"

"ป่ะมะยมไปอาบกัน!!" มะยมรีบหันมามองแล้วรวดเร็ว คิดว่าตัวเองต้องฟังอะไรผิดแน่ๆ หรืออาจเป็นเดินทางมาเหนื่อยเกินไป เลยทำให้หูแว่ว

"อะไรเรา ทำหน้าอย่างนั้นทำไม? อาบด้วยกัน จะอายทำไม? ป่ะ!!" มะยมขนมวดคิ้วจนเป็นปม อาบเอิบด้วยกันอะไร ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยอาบน้ำกับใครเลย แม้แต่เข้าค่ายก็แอบไปอาบคนเดียวหลังจากที่เค้าอาบกันหมดแล้ว

"ไม่เอา"

"หึๆๆ เอาหน่า จะได้เสร็จเร็วๆ อิ๊ฟกับพระคุณเจ้าจะได้ไม่ต้องรอนานไงล่ะ" มะยมกัดปากตัวเองเบาๆ อย่างคนคิดหนัก ให้อาบกับคนอื่นมันไม่ชินจริงๆนี่หน่า แต่จะให้คนอื่นรอเราคนเดียวก็คงไม่ดี

"พี่สัญญาเลยอ่ะ ว่าจะไม่แอบมองมะยมโอเค๊? งั้นรีบตามพี่มานะ เดี๋ยวพระท่านรอ!!" มะยมจำใจต้องเดินตามอิฐเข้าไปข้างในอย่างใจเต้นตุ่มๆต่อมๆ

"พี่อิฐ!!" มะยมอุทานออกมาเบาๆ แล้วเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้าตนเอง เพราะตอนนี้อิฐถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่บ็อกเซอร์แล้ว ทำให้หน้ามะยมขึ้นสีลามมาจนถึงคอ อิฐหัวเราะออกมาเบาๆ หึๆๆ อย่างอดไม่ได้

"คนหน้าไม่อาย!!"

"ว่าอะไรเรา พี่ได้ยินนะ กลับไปจะคิดบัญชี"

"ถอดเสื้อผ้าสิ หรือว่ายังเขินพี่อยู่ งั้นเดี๋ยวพี่ไปหลบอยู่ตรงมุมโน้นก่อนก็ได้" มะยมถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเล็กแล้วก็เดินลงไปในน้ำบ้าง ใช้ขันตักน้ำขึ้นมาอาบ ความเย็นของน้ำทำให้รู้สึกดีขึ้น

"ขาวดีเนอะ!!"

"อ่ะ!!" มะยมหันไปหาอิฐอย่างรวดเร็วเพราะมีคนมากระซิบที่ข้างๆหูจะไม่ให้หันไปได้ยังไงล่ะ

"หึๆๆ" อิฐได้แต่หัวเราะเบาๆอย่างถูกใจกับปฏิกริยาของคนตรงหน้า ช่างขี้อายซะจริง

"พี่อิฐไหนว่าจะไปอาบตรงมุมโน้นไงครับ?"

"ก็พี่เปลี่ยนใจแล้ว ตรงนั้นมันมีหินแหลมๆเยอะ!!" อิฐอยากปรบมือให้กับความเจ้าเล่ห์ของตนเองจริงๆในเวลานี้

"................"

"อาบไปเหอะหน่า อายอะไรนักหนา พี่ยังไม่อายเลย" มะยมได้แต่หันหลังให้อิฐแล้วกลั้นใจอาบๆให้มันเสร็จไป ไม่คิดว่าอิฐจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้  คนนิสัยไม่ดี มะยมคิดในใจ




>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

ขอบใจครับทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้ ปลื้มปริ่มแทนเจ้าน้อยและแสงเมืองจริงๆ คราฟ เช็ดน้ำตารัวๆ ร้องไห้หนักมากกับเรื่องนี้ 555555

### ขอบคุณครับ Akikojae ที่บวกเป็ดให้ ซึ้งใจมาก จนน้ำตาไหลพรากๆเบย กอดๆเค้าหน่อย

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่ ๒๗

"พร้อมกันแล้วใช่ไหม?"

"ครับ/ครับ"

"พวกโยมแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าอยากทำมันจริงๆ?"

"ครับ/ครับ"

"งั้นก็ตามอาตมามา" พระธุดงค์นำพวกเราอิฐกับมะยมมาจนถึงอีกห้องหนึ่งของถ้ำด้านใน ซึ่งเป็นห้องที่พอจะมีแสงอาทิตย์รำไรลอดผ่านเพดานมาอยู่บ้าง เพราะน่าจะเคยเป็นปล่องภูเขาไฟมาก่อน หรือไม่งั้นก็คงเป็นเพราะเพดานหินปูนด้านบนมันพังลงมา ทำให้แสงสว่างสามารถเล็ดลอดผ่านลงมาได้

"นั่งท่าเทพพนมลงนะโยม แล้วหยิบธูปขึ้นมาจุด 21 ดอกทั้งสองคน จากนั้นให้กล่าวนะโม 3 จบ"

"กล่าวตามอาตมา ...............แม่พระธรณีเจ้าเอ๋ย............. เวลานี้แม่อยู่หรือยัง................ โปรดมาช่วยดับทุกข์ลูกบ้าง............... แม่สังขาตัง โลกะวิทูร............... ข้าพเจ้า......(กล่าวชื่อพวกโยมไป).........ขอตั้งจิตอธิษฐาน..............(โยมอยากอธิษฐานสิ่งใดก็กล่าวไป  แล้วจึงปักธูปทั้งหมดนั้นลงดิน)"

"ตอนนี้สิ่งที่พวกโยมจะต้องทำคือ ทำจิตใจให้สงบ จากนั้นนั่งขัดสมาธิเพื่อทำสมาธิ  หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ ทำอย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าใจจะสงบ หากจิตของเราเผลอวอกแวกคิดถึงสิ่งอื่น ก็ขอให้ดึงมันกลับมายังสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่ในขณะนี้ อย่าลืมว่าพวกโยมมีเวลาแค่เวลาหนึ่งก้านธูปนี้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกโยมอาจเป็นอันตรายได้"

"อาตมาฝากสีกาดูธูปนี้ด้วยนะ หากมันหมดลงเมื่อไหร่ ก็ให้รีบปลุกพวกเค้าทั้งสองทันทีนะ อาตมาไปนั่งสมาธิละ"

"ค่ะพระคุณเจ้า"

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

"กูดูเหมือนนางกำนันหรือยังอีอุสา?"

"เหมือนแล้วเจ้า เจ้าหยาดฟ้า แต่ถึงอย่างใดเราก่อต้องระวังไว้ก่อนนาเจ้า ต๋อนออกไปปี้ว่าเจ้าหยาดต้องก้มหน้าลงสักหน่อยนาเจ้า แล้วก่อเอาผ้ามาคุมไว้ตวย เดียวทหารประตูคุ้มมันจะจำเอาได้"

"ได้ ป่ะไปกันได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันกลับมา ประตูคุ้มจะปิดเสียก่อน"

"นั่นใครน่ะแม่อุสา?"

"นางกำนันในคุ้มเจ้าหยาดฟ้าเหมือนกันนั่นแหละ"

"แล้วเป็นอย่างใดต้องคุมหน้าคุมตาตวย? ไหนเราลองดูหน้าหน่อยสิ?"

"ว้ายๆบ่ได้ๆ นางเป๋นโรคน้ำเหลืองเสียง พวกท่านบ่ใคร่อยากเห็นหรอก ขนาดข้าเจ้ายังบ่อยากเห็นเลย มีก้าน้ำหนอง น้ำเหลือง นี่ก่อว่าจะออกไปซื้อยาที่นอกคุ้มสักหน่อย เผื่อมันจะหาย" อุสาตกใจรีบร้องห้ามเมื่อทหารที่เฝ้าหน้าประตูคุ้มหลวงเอ่ยขอดูหน้าเจ้าหยาดฟ้าที่ปลอมตัวเป็นนางกำนัน แต่ยังดีที่ยังสามารถใช้ความตลบตะแลงหลอกพวกทหารเหล่านั้นได้ว่า นางกำนันคนนี้เป็นโรคร้ายแรงน่ารังเกียจ พวกทหารหน้าคุ้มหลวงจึงยอมปล่อยออกมาได้

"กูใจไม่ดีหมดเลยอีอุสา นึกว่าจะโดนจับได้ซะแล้ว ขวัญเอ๊ยขวัญมา" เจ้าหยาดเอามือลูบหน้าอกเบาๆเรียกขวัญ ที่หนีไปเพราะตกใจตอนทหารหน้าคุ้มหลวงขอเปิดดูหน้า

"เราไปกันต่อเตอะเจ้า เดียวจะบ่ทันปิกมา"

.....................................


"บ่ต้องอู้อะหยังนัก กูรู้กูเห็น แค่มองเข้าไปในตาของหมู่สู ก่อรู้แล้วว่าต้องการอะหยัง?"

"หมายว่าอย่างใด?" เจ้าหยาดขึ้นเสียงไม่พอใจ ไม่เคยมีใครกล้ามาพูดแบบนี้กับตนเองมาก่อน

"เจ้าหยาดเจ้า เดียวปี้อู้เองเจ้า ใจ๋เย็นๆ" อุสาพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบให้เจ้าหยาดฟ้าใจเย็นลง

"ป้อหมอพอจะช่วยพวกเราได้ก่อเจ้า ถ้าได้รับรองเจ้านายของข้าเจ้ามีรางวัลตอบแทนหื้ออย่างงามแน่นอนเจ้า"

"ไอ้เรื่องได้มันน่ะได้แน่นอน แต่มันจะยากไปสักหน่อย หมู่สูจะยอมทำกา?"

"ป้อหมอรู้กาเจ้าว่าเรามาที่นี่เพื่ออะหยัง?"

"ต้องการทำหื้อคนที่เจ้านายสูหมายปองหันมาชอบบ่ใช่กา?" เจ้าหยาดหันมามองพ่อหมอคนนั้นทันทีที่พูดจบ ไม่คิดว่ามันจะแม่นอะไรขนาดนี้ เพราะตนเองก็ไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิตนี้ บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่อีอุสาพูดไว้ก็ได้ว่า หมอผีชาวเขาคนนี้เก่งมากในเรื่องไสยศาสตร์ ถึงได้ล่วงรู้เรื่องที่ตนเองกำลังจะทำก็เป็นไปได้

"มะ..แม่นแล้วเจ้าป้อหมอ"

"ข้าขออู้กับเจ้านายมึง....แน่ใจ๋กาว่าจะทำอย่างอั้น คนๆนี้เป็นคนดวงแข็งขนาดนา เป๋นคนที่บ่กลัวอะหยังเลย ดูจากลักษณะท่าทางแล้ว เป๋นคนฮักเดียวใจ๋เดียว เก่งกาจ กึดจะเอาของหมู่นี้ไปข่มมันจะดีกา?"

"ถ้าแม่หมอทำบ่ได้ ก็ไม่เป็นอะไร ถือซะว่าวันนี้เราไม่ได้มาที่นี่ก็แล้วกัน ป่ะอีอุสากลับ"

"เดี๋ยว!! แต่มันก่อพอมีวิธีอยู่ บ่ใช่จะบ่มี สูเขาจะลองก่อล่ะ?"

"หึๆๆ" เจ้าหยาดหัวเราะในลำคอเบาๆอย่างพอใจ

"ส่วนมึงออกไปตังนอก ข้าจะทำพิธี" อุสาคานออกไปจากห้องทำพิธีของหมอผีคนนั้นทันที แต่ก็ยังอดเป็นห่วงเจ้านายของตนเองไม่ได้ จากนั้นอยู่ดีๆประตูห้องพิธีก็ถูกปิดลงทันทีโดยไม่ได้มีคนมาปิดมันเลยสักนิด จะว่าเป็นเพราะลมก็ไม่ใช่ เพราะตอนนี้ไม่มีลมเลยสักนิด ทำให้อุสาเริ่มรู้สึกกลัวๆกับสถานที่นี้อย่างบอกไม่ถูก

"ส่วนเจ้านาง ก่อเอาผ้าซิ่นนี้ไปเปลี่ยน แล้วนุ่งกระโจมอกออกมา" เจ้าหยาดฟ้าตกใจที่หมอผีเอ่ยเรียกตนเองว่าเจ้านาง ทั้งๆที่ไม่น่าจะรู้ว่าตนเองเป็นใคร เจ้าหยาดเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาทันที นอกจากนั้นยังมีสายตาโลมเลียของหมอผีเฒ่าที่มองมาที่เจ้าหยาดอยู่เสมอ เจ้าหยาดนึกอยากจะหยุดไอ้พิธีกรรมบ้าๆนี้ลงอย่างครามครัน หากไม่นึกถึงการได้ครอบครองแสงเมืองแล้วล่ะก็ เจ้าหยาดคงไม่ยอมทำอะไรบ้าๆแบบนี้เป็นแน่ เจ้าหยาดหายใจออกอย่างเสียไม่ได้ แล้วเอ่ยชื่อแสงเมืองๆ ในใจก่อนที่จะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่หมอผีเฒ่าบอก

"เสร็จแล้วก่อมานั่งลงตรงหน้าเรา .....ขยับมาอีก!! ถ้าเจ้านางกลัวก่อกลับเปลี่ยนผ้าแล้วปิกไปเสีย!!!" เจ้าหยาดฮึดฮัดแล้วขยับเข้าไปตามที่หมอผีเฒ่าบอก

"ป้อหมอจะทำอะหยังน่ะ???"

"หึๆๆ ข้าจะเอานำมันผีพราย 7 ป่าช้าลงหื้อเจ้านาง" หมอผีเฒ่าเอามือแตะที่มีน้ำมันเหนียวๆแตะลงที่เนินอกของเจ้าหยาดฟ้า แล้วร่ายคาถา จากนั้นก็วนไปทางด้านหลัง ไหล่ และลำคอ เจ้าหยาดตัวสั่น  ทั้งขยะแขยงมือเหี่ยวของหมอผีเฒ่านี้เต็มทน เกิดมาไม่เคยให้ใครจับต้องเรือนกายของตนเองมาก่อน แต่ก็ยังกล้ำกลืนฝืนทนให้จนเสร็จ

"เสร็จละ แต่ยังไม่สมบูรณ์ ดึงผมของเจ้านางมาสักห้า-หกเส้น แล้วส่งมาให้ข้าสิ" หมอผีรับผมของเจ้าหยาดฟ้ามาแล้าเอาไปใส่ในใบตองจ่อเพื่อทำบุหรี่ขี้โย แล้วร่ายคาถาพึมพำ

"รับไปสิเจ้านาง เอาบุหรี่ขี้โยนี้ไปให้คนๆนั้นสูบ บ่ว่าจะวิธีใดก่อต้องทำหื้อมันสูบหื้อได้!! ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของเจ้านางอีกอย่างหนึ่ง" เจ้าหยาดฟ้าหันมามองอย่างสงสัยกับคำพูดของหมอผีเฒ่า

((( บุหรี่ขี้โย คือบุหรี่ในสมัยก่อนที่ทำจากยาสูบปกติ เปลือกมะขามแห้งที่ทุบให้เป็นชิ้นเล็กมาพันกลับใบตองจ่อ หรือใบตองที่รีดด้วยเตารีดถ่านแล้ว )))

"ยังไม่เสร็จอีกหรือป้อหมอ??"

"คนดวงแข็งอย่างทหารเอกคนนั้น หากบ่ทำขนาดนี้ คิดกาว่าจะเอามันอยู่?"

"อย่างสุดท้ายแล้ว บ่ต้องใจร้อนขนาดนั้น ....เจ้านางลุกไปถอดผ้าแล้วลงไปอาบในน้ำนั้น แล้วเอากลิ่นกาย เหงื่อไคลของตัวเจ้านางออกมา แล้วเอาไปหื้อมันอาบ" เจ้าหยาดหายใจออกมาอย่างเหลืออด แต่ก็อดทนทำ เจ้าหยาดฟ้าไม่ได้แก้ผ้าออกไปทั้งหมดอย่างที่หมอผีเฒ่าบอก แต่เข้าอาบทั้งผ้าถุงกระโจมอก แล้วค่อยถอดมันออกเมื่อเข้าไปอยู่ในถังน้ำขนาดใหญ่นั้นแล้ว ส่วนหมอผีเฒ่าแม้ว่าเจ้าหยาดจะอยู่ในถังน้ำอันใหญ่ที่ทำจากไม้แล้ว แต่ก็ไม่วายมองตามเจ้าหยาดอย่างโลมเลีย


"หากมันลุ่มหลงเจ้านางแล้ว อย่าลืมท่องคาถานี้ยามคืนเดือนดับตวย บ่อั้นคาถามันจะเสื่อมเอาได้"

"ขอบคุณป้อหมอ ไว้ถ้ามันได้ผลเราจะกลับมาตอบแทนอย่างงาม" เจ้าหยาดฟ้าเดินไปเปลี่ยนผ้ากลับมาเป็นชุดเดิม แล้วเอาถุงเงินยื่นให้พ่อหมอเป็นการขอบคุณ

.......................

>>>>> กลัวเค้าหาว่าคนแต่งโรคจิต เอาแค่นี้ก็พอแล้วกัน <<<<< ต้องรักษาภาพพจน์ คิๆๆ










ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่ ๒๘

"มึงคิดได้รึยังอีอุสาว่ากูจะเอาน้ำนี้ไปให้แสงเมืองอาบได้อย่างใด? มันแทบบ่มีทางเป็นไปได้เลย มึงก็รู้"

"ข้าเจ้าก่อคิดบ่ออกเจ้า เจ้าหยาด"

"มันต้องมีวิธีสิหน่า แต่ตอนนี้กูต้องเอาบุหรี่นี้ไปให้แสงเมืองสูบหื้อได้ก่อน ส่วนเรื่องนั้นค่อยว่ากันใหม่ กูก็คิดบ่ออก"

....................

"ท่านแสงเมืองเจ้า ๆ รอข้าเจ้าก่อน" อุสาร้องเรียกแสงเมืองในขณะที่แสงเมืองกำลังจะกลับไปคุ้มไปหาเจ้าน้อย หลังจากฝึกซ้อมให้ทหารเสร็จแล้วในช่วงเช้า

"ว่ายังไงอุสา?"

"เจ้าหยาดหื้อเอาบุหรี่ กับของเหล่านี้มาหื้อท่านเพื่อเป๋นการตอบแทนที่ครั้งก่อน ท่านแสงเมืองได้ช่วยเจ้าหยาดฟ้าไว้นะเจ้า"

"เอ่อ...ไม่เห็นต้องลำบากเจ้าหยาดฟ้าเลย มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าเป็นคนอื่นก็ต้องทำแบบเรานี่แหละ ส่วนของที่เจ้าหยาดให้เอามาให้ เราคงรับมันไว้ไม่ได้หรอก ฝากบอกเจ้าหยาดฟ้าด้วยนะว่า เรารู้สึกทราบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างใดเราก็ไม่สามารถรับมันไว้ได้อยู่ดี"

"แต่เจ้าหยาดตั้งใจจะหื้อท่านแสงเมืองแต๊ๆนาเจ้า นาเจ้ารับมันไว้!!"

"แต่...."

"ถ้าบ่อยากรับสิ่งของเหล่านี้ ก็ช่วยรับเมี่ยงคำ กับบุหรี่นี้ไปก่อได้เจ้า นะท่านแสงเมือง อย่างน้อยเจ้าหยาดจะได้รู้แล้วว่าท่านรับน้ำใจจากเจ้าหยาดบ้างเพื่อเป็นการตอบแทน"

"ก็ได้ครับ"

"อั้นข้าเจ้าไปก่อนนะเจ้า" ดีนะที่เจ้าหยาดรู้ว่าอย่างใดท่านแสงเมืองก่อบ่ยอมรับข้าวของเหล่านี้แน่ๆ เลยใช้มาเป็นข้ออ้างหื้อท่านแสงเมืองรับบุหรี่นี้ไปได้อย่างง่ายดาย ของมีค่าบ่รับ ก่อเลยได้ของเล็กๆน้อยๆแบบบุหรี่นั้นแทน หึๆๆ อุสาคิดในใจ แล้วยืนมองจนแสงเมืองจุดบุหรี่นั้นสูบจนหมดมวน

"เป็นอย่างใดบ้างอีอุสา แสงเมืองบ่รับเหรอ?"

"เป๋นเหมือนที่เจ้าหยาดว่าไว้เลยเจ้า ว่าท่านแสงเมืองจะบ่รับข้าวของมีค่าหมู่นี้ ปี้เลยอู้หื้อท่านแสงเมืองรับบุหรี่กับเมี่ยงคำไว้แทนแล้วเจ้า"

"สรุปแสงเมืองรับบุหรี่ไว้แล้วแม่นก่ออีอุสา?"

"แม่นเจ้า"

"แล้วมึงคิดว่าแสงเมืองจะสูบมันไหม ?"

"สูบเจ้า เพราะปี้เห็นท่านแสงเมืองสูบกับตาจนหมดมวนเลยเจ้า"

"ดีมากอีอุสา อ่ะ..นี่รางวัลของมึง รวมถึงที่มึงพากูไปวันนั้นด้วย หึๆๆ"

.....,,,,,,.....

"เหนื่อยไหมท่านแสงเมืองฝึกทหารวันนี้?" แสงเมืองไม่ตอบอะไร คล้ายกับเหม่อลอย

"ทำไมหน้าตาท่านดูไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?" เจ้าน้อยเอามือขี้นแตะบนหน้าผากของคนรักเบาๆ

"ฟืบ!!" มือเล็กๆของเจ้าน้อยถูกปัดออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่แตะลงบนหน้าผากของแสงเมือง ร่างบางตกใจจนพูดไม่ออก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เคยมีสักครั้งที่แสงเมืองจะทำแบบนี้กับตนเอง เจ้าน้อยยืนนิ่ง สายตามีแต่ความน้อยใจ

"ขออภัยครับเจ้าน้อย ขออภัย กระหม่อม เอ่อ...รู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวไปพักก่อนนะขอรับ" แสงเมืองกล่าวขอโทษเจ้าน้อยแล้วขอลาออกมาทันที คำว่าพักนั้นคือข้ออ้าง เวลานี้ในหัวแสงเมืองสับสนไปหมด ไม่เข้าตนเองเหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นถึงปัดมือคนรักออก อีกส่วนหนึ่งก็มีแต่ภาพของเจ้าหยาดฟ้ามาผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ตนเองรู้สึกปวดหัว ใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก

............


"พี่บัวแก้วครับ เห็นท่านแสงเมืองไหมครับ?" ตั้งแต่เมื่อวานหลังจากถูกปัดมือออก เจ้าน้อยก็ไม่ได้เจอแสงเมืองอีกเลย แปลกเพราะปกติทุกคืนจะมาบอกฝันดีกับตนเองก่อนนอนเสมอ

"ปี้ก่อบ่เห็นตั้งแต่เช้าแล้วนาเจ้า"

"หรือว่าไม่สบาย เพราะเมื่อวานเห็นอาการไม่ค่อยดี งั้นเราไปดูที่ห้องดีกว่า"

"หื้อปี้ไปตวยก่อเจ้า?" เจ้าน้อยพยักหน้าเบาๆ

"ท่านแสงเมืองๆ เป็นอะไรรึเปล่า?..... ตื่นรึยัง? ก๊อกๆๆ ท่านแสงเมือง งั้นเราขอเข้าไปนะ"

"เจ้าหยาดฟ้า เจ้าหยาด.... เจ้าหยาดฟ้าขอรับ เจ้าหยาด" เจ้าน้อยถลาเข้าไปดูแสงเมืองที่ตอนนี้นอนตัวสั่น เพราะเป็นไข้ แต่สิ่งที่เจ้าน้อยได้ยินกลับทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น ร่างบางชะงักเมื่อได้ยินชื่อของคนๆหนึ่งออกมาจากปากของคนรัก ทำไมแสงเมืองถึงละเมอเรียกชื่อ เจ้าปี้ออกมาได้ หัวเจ้าน้อยมีแต่คำถามเต็มไปหมดตอนนี้

"ปี้บัวแก้ว......" เจ้าน้อยเรียกชื่อพี่เลี้ยงออกมาอย่างแผ่วเบา ในหัวคิดไปต่างๆนาๆ

"ปี้ว่าปลุกขึ้นมากินข้าวแล้วกินยาก่อนเตอะเจ้า สงสัยเป็นเพราะพิษไข้ เลยทำหื้อเพ้ออะหยังไปเรื่อยออกมา เจ้าบ่ต้องสนใจเจ้า"

"ท่านแสงเมือง ๆ ตื่นก่อน ลุกขึ้นมาทานข้าว ทานยาจะได้หายไข้"

"เดียวปี้ไปเอาข้าวต้มกับยามาหื้อเจ้า"

"มาแล้วเจ้าข้าวต้ม ปลุกแล้วบ่ตื่นกาเจ้า? มาเดียวพี่ช่วยพยุง เจ้าน้อยจะได้ป้อนข้าวได้ง่าย"

"ท่านแสงเมืองตื่นเดี๋ยวนี้ แล้วมาทานข้าว" เจ้าน้อยออกแรงเขย่ามากขึ้น จนแสงเมืองลืมตาขึ้นมามองเจ้าน้อย แล้วยิ้ม

"เจ้าหยาดฟ้า ๆ มาหากระหม่อมแล้วเหรอขอรับ กระหม่อมคิดถึง ในที่สุดก็มาหากระหม่อมสักที!!" คำพูดแต่ละคำของแสงเมืองที่พูดออกมา ทำไมชามข้าวที่เจ้าน้อยถืออยู่หลุดตกลงมา คล้ายกับว่าไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าขาวตอนนี้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ตาสวยตอนนี้เครือไปด้วยน้ำตาที่ค่อยๆไหลลงมาอย่างช้า ปากบางที่คนตรงหน้าเคยจูบเคยเม้ม ตอนนี้ถูกเจ้าของมันกัดไว้เพื่อไม่ให้เสียงร้องไห้และเสียงสะอื้นมันออกมา ไหล่บางตอนนี้สั่นเพราะการสะอื้นไห้

"เจ้าน้อยของปี้ ทูนหัวของปี้" แม้แต่บัวแก้วก็พูดไม่ออกกับเหตุการณ์นี้  เจ้าน้อยรักแสงเมืองมากบัวแก้วรู้ ความรักของเจ้าน้อยเริ่มจากศูนย์ แล้วเพิ่มมันขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มขึ้นพร้อมๆกับความผูกพัน บัวแก้วไม่คิดเลยว่าเจ้าน้อยจะต้องมาเสียใจกับเรื่องนี้เลยจริงๆ แม้ในคราแรกตนเองจะไม่อยากให้เจ้าน้อยกับแสงเมืองรักกัน แต่สุดท้ายแสงเมืองก็แสดงให้เจ้าน้อยและตนเองได้เห็นแล้วว่ารักและหวังดีกับเจ้าน้อยมากเพียงใด แต่ตอนนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ บัวแก้วไม่เข้าใจพอๆกับเจ้าน้อยในเวลานี้

"ปี้ว่ามันอาจจะเข้าใจผิดสักอย่างก่อได้ ลองปลุกท่านแสงเมืองมาถามดีๆดีกว่านาเจ้า " เจ้าน้อยไม่ตอบอะไร ได้แต่ร้องไห้เงียบๆ หัวใจตอนนี้ถูกบีบ คล้ายว่ามันจะแตกสลายไปเสียแล้ว เสียงสะอื้นเบาๆยังคงมีให้ได้ยินเรื่อยๆ

"ท่านแสงเมืองๆ ตื่นบ่ะเดี๋ยวนี้ ท่านแสงเมือง " กว่าบัวแก้วปลุกให้แสงเมืองตื่นขึ้นมาได้ ต้องทั้งใช้เสียง ทั้งเขย่า จนในที่สุดทนไม่ไหวใช้มือตบเบาๆที่แก้มของแสงเมืองจนตื่นขึ้นมาอย่างสะลืมสะลือ

"ใคร? ไม่ใช่เจ้าหยาดฟ้า ออกไป!! เราจะไปหาเจ้าหยาดฟ้า!!!" พอลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแสงเมืองก็พรวดพาดออกไปจากห้องทันที ปากก็บอกว่าจะไปหาเจ้าหยาดฟ้า จนนางกำนันแถวนั้นตกใจกันไปหมด





ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ต้องช่วยให้ได้นะ  ดวงแข็งนี่

ออฟไลน์ cross

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
มันค้างง่ะ งืออออออออ สงสารเจ้าน้อยยด้วย

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตอนที่ ๒๙

"บ่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้ มึงดูสิอุสา ในที่สุดแสงเมืองก็ยอมคุกเข่าเป็นทาสรักกู ฮ่าๆๆ" เจ้าหยาดฟ้ามองแสงเมืองอย่างพึงพอใจ ไม่คิดว่าพยัคฆ์ร้ายผู้แสนทรนงอย่างแสงเมืองจะยอมสยบให้กับตนเองได้ง่ายดายขนาดนี้ คงต้องขอบคุณหมอผีเฒ่านั้นจริงๆ เจ้าหยาดฟ้ายิ้มร้ายอย่างผู้ชนะแล้วหันไปลูบใบหน้าคมคร้ามแดดของแสงเมืองที่กำลังนอนหลับไหลอยู่ข้างๆตอนนี้

"แล้วเจ้าหยาดจะทำอย่างใดต่อไปเจ้า?"

"มึงไปเตรียมน้ำอาบให้กูหน่อยอุสา เดี๋ยวกูจะให้แสงเมืองอาบน้ำที่หมอผีเฒ่านั่นให้มา รับรองคราวนี้ไปไหนบ่รอดแน่ หึๆๆ" เจ้าน้อยก้มลงมาสั่งอุสาเบาๆ


........,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,..............


"เจ้าหยาดเจ้า เจ้าน้อยมาขอพบเจ้า"

"หึ!! ดี งั้นก็ให้เจ้าน้อยมาพบกูในห้องนี้เลยก็ได้" เจ้าหยาดยิ้มอย่างคนมีเล่ห์ แววตาเต็มไปด้วยความสะใจ

"ตื่นแล้วเหรอแสงเมือง อุ๊ย!! อย่าสิ....หึๆๆ อย่า...หึๆๆ เดี๋ยวนางกำนันข้างนอกได้ยิน จะเอาไปพูดจนถึงหูเจ้าป้อได้นะ นะคนดี ฟ้ายังสว่างอยู่เลย อดใจรออีกนิดนะ อุ๊ย!!  เจ้าน้อยมาพอดี รอสักครู่นะเจ้าน้อยปี้ขอแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน พอดีว่าเจ้าน้อยมากระทันหัน แล้วแสงเมืองก็...เอ่อ...." ทันทีสองเท้าของเจ้าน้อยเข้ามาในห้องได้ไม่กี่ก้าว แม้ยังไม่ได้เห็นอะไร แต่ก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงหัวร่อต่อกระซิกของคนทั้งสอง ทำให้หัวใจเจ้าน้อยสั่นไหว ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นภาพเหล่านี้เลย หากเป็นไปได้อยากขอหายไปจากตรงนี้ หรือไม่งั้นก็ขอตายมันซะตรงนี้เลย มันคงจะง่ายกว่าการที่เห็นคนรักของตนเองไปมีสัมพันธ์กับคนอื่นแบบนี้

"ครับเจ้าปี้!!" เสียงตอบของเจ้าน้อยนั้นแผ่วเบา คล้ายจะหมดลมหายใจ หยาดน้ำตาคลอหน่วยตาจนแทบจะไหลรินออกมา มือเล็กๆได้แต่ปาดมันออกไป ถึงขนาดนี้แล้วน้ำตาก็คงไม่ได้ช่วยอะไร แต่แค่อยากมาเห็นกับตาตัวเอง แล้วจะได้กลับไปก็แค่นั้น สองมือเล็กกุมอยู่ตรงหัวใจ ที่เคยมีใครคนหนึ่งเคยพร่ำฝากหัวใจของเขามาให้ บอกว่ารักและจะไม่ขอทวงมันคืน แล้วตอนนี้ล่ะมันยังมีอยู่ไหมหัวใจดวงนั้นของท่าน? เจ้าน้อยหวนคิด

"นั่งก่อนสิเจ้าน้อย ปี้ต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท แต่ปี้รู้สึกอ่อนเพลียเหลือเกิน เพราะบ่ได้หลับมาทั้งคืน คิดว่าเจ้าน้อยเข้าใจพี่นะ อุ๊ย!!แสงเมือง ขอเราไปแต่งตัวก่อนนะ หึๆๆ!!" เจ้าน้อยเหลือบมองคนตรงหน้าอย่างน้อยใจ ไฉนท่านลืมสัญญาของเรา ว่าจะรักเพียงเราคนเดียว น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงบนแก้มขาว เจ้าน้อยได้แต่ปาดมันออกไป

"เจ้าน้อยมาหาปี้เพราะเรื่องทหารคนสนิทของน้องเหรอ?"

"ครับ!!"

"ปี้ขอโทษอีกครั้งที่เป็นต้นเหตุให้คนของเจ้าน้อยบ่ทำการทำงาน และละทิ้งหน้าที่"

"ครับ"

"เจ้าน้อยยังจำได้ไหมว่าครั้งก่อนปี้เคยขอตัวแสงเมืองมาเป็นองครักษ์คนสนิทของปี้ แต่เจ้าน้อยปฏิเสธ มาถึงตอนนี้เห็นแบบนี้ เจ้าน้อยยังจะปฏิเสธอยู่อีกไหม?" แต่ละถ้อยคำ แต่ละการกระทำมันทำให้เจ้าน้อยเห็นแล้วว่า คนที่แสงเมืองรักเป็นใคร? เพราะขณะที่เจ้าหยาดพูดอยู่กับเจ้าน้อย แสงเมืองก็คอยคลอเคลียอยู่กับเจ้าหยาดอยู่เสมอ แล้วไฉนเลยเจ้าน้อยจะกล้าขอคนของตนเองคืนได้ล่ะ

"น้อยไม่ขอ...คะ..คืนแล้วครับเจ้าปี้ ฝากดูแลเขา..แทนน้องด้วยนะครับ น้องลาล่ะครับ!!"  เจ้าน้อยมองหน้าแสงเมืองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเอ่ยตอบเจ้าหยาดฟ้าด้วยเสียงแหบพร่า เครือสั่นไหว น้ำตาหนอน้ำตาแม้ว่าอยากกลั้นไว้เท่าใด แต่กลับไหลออกมามากขึ้นเท่านั้น

"ปิกคุ้มเฮาเตอะเจ้า เจ้าน้อย" แม้แต่บัวแก้วก็มิอาจทนเห็นภาพเหล่านี้ได้ พลันน้ำตาไหลตามเจ้านายน้อยของตนเอง บัวแก้วพาเจ้าน้อยที่หอบสะอื้นออกมาจากคุ้มของเจ้าหยาดฟ้า เจ้าน้อยเวลานี้เหมือนแก้วใสที่แตกละเอียดกระจัดกระจาย ไม่เหลือให้เห็นแก้วงามเหมือนครั้งก่อน ร่างบางทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง เหมือนหัวใจจะขาดรอนๆ ตอนเห็นคนรักประคองกอดคนอื่นที่ไม่ใช่เขา มันเจ็บจนอยากดิ้นตาย ไม่คิดว่าจะเจ็บมากมายขนาดนี้

"ทูนหัวของปี้ ไห้ออกมาหื้อหมดเตอะเจ้า หื้อน้ำตามันไหลเฉพาะวันนี้ วันพรุ่งนี้เฮาจะเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งกว่าเดิมนะเจ้า หื้อๆๆ" บัวแก้วอดร้องไห้เพราะสงสารเจ้าน้อยเสียไม่ได้ ตั้งแต่เจ้าแม่ของเจ้าน้อยเสียไป เพิ่งจะมีครั้งนี้แหละที่เจ้าน้อยทรงร้องไห้เสียใจมากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง หัวอกคนเป็นพระพี่เลี้ยง ที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ก็พลันเจ็บตามไปด้วย

....................

"หื้อๆๆ ฮึก!! หื้อๆๆ"

"มะยมๆ ตื่นๆ ได้ยินเราไหม? ตื่นสิมะยม!!"

"พี่อิฐตื่น พี่อิฐ ตื่นๆๆ พี่อิฐ ช่วยตื่นมาดูมะยมหน่อย อิ๊ฟสงสารเพื่อน หื้อๆๆ ตื่นสิพี่อิฐ!" หมดก้านธูปดอกหนึ่งพอดี แต่ที่ทำให้อิ๊ฟร้อนรนขนาดนี้เพราะมะยมเพื่อนของเขากำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นขณะทำสมาธิ ปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น คล้ายกับว่าจิตของมะยมจมอยู่กับสิ่งที่ได้พบเห็นนั้นมาก อิ๊ฟจึงหันไปปลุกพี่ชายของตัวเองเพื่อจะให้มาช่วย แต่อิฐก็ทำท่าฮึดฮัด อยู่ในสมาธิของตนเองจนไม่ได้ยินเสียงอิ๊ฟเช่นกัน

"พระคุณเจ้าเจ้าขา ช่วยด้วยเจ้าค่ะ มะยมกับพี่อิฐเป็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ ช่วยพวกเค้าด้วยนะค่ะ!!" อิ๊ฟรีบวิ่งไปบอกพระธุดงค์อย่างใจไม่ดี

"ตื่นได้แล้วโยม นำจิตของโยมกลับมากันได้แล้ว ตอนนี้พวกโยมไม่ใช่เจ้าน้อยหรือแสงเมือง จงกลับมาหาความจริงในปัจจุบันได้แล้ว" พระธุดงค์ท่องอะไรสักอย่าง แล้วเป่าลงที่หัวของคนทั้งสอง แล้วปลุกเรียกดวงจิตของมะยมและอิฐให้กลับมา

"เฮือก!! " มะยมและอิฐสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากสมาธิทันที

"หื้อๆๆ ฮึก หื้อๆๆ!! พี่อิฐ!! แสงเมือง หื้อๆ" มะยมโผเข้ากอดอิฐทันทีที่ออกจากสมาธิ แล้วเอาแต่ร้องไห้อยู่กับอกของอิฐ แม้ว่าจะออกจากสมาธิแล้ว แต่ทุกอย่างยังติดอยู่ในหัวอยู่

"พี่ขอโทษมะยม พี่ไม่ได้ตั้งใจ ยกโทษให้พี่นะ พี่ขอโทษ!!" อิฐเอ่ยขอโทษออกมา แล้วร้องไห้เบาๆกับเรื่องราวในอดีตที่ได้พบเห็น ไม่แปลกเลยที่มะยมจะร้องไห้คร่ำครวญขนาดนี้ เป็นใครเจอก็ต้องร้องไห้ออกมาเหมือนกัน เจ้าน้อยในอดีตช่างน่าสงสารเหลือเกิน แต่จะโทษใครได้ในเมื่อมันคือชะตาของพวกเขาในอดีต

"หยุดร้องไห้เถอะนะคนดี แม้ว่าชาติที่แล้วพี่จะทำผิดกับมะยมไว้มากเหลือเกิน แต่ให้โอกาสพี่ได้ไหม? ชาตินี้พี่จะไม่ทำให้มะยมร้องไห้เสียใจแบบนั้นอีกแล้ว พี่ขอโทษ" อิฐตัดสินใจดีแล้ว ตัดสินใจได้นานแล้วว่าอยากจะดูแลคนๆนี้ อยากให้เขามีความสุข อยากเห็นเขายิ้ม ไม่อยากให้มีความทุกข์เหมือนในอดีตชาติที่แล้วอีก



ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0




ตอนที่ ๓๐








"อาตมาขอคุยกับโยมคนนี้สักครู่ได้ไหม?"

"ครับ/ค่ะพระคุณเจ้า" อิฐและอิ๊ฟคานเข่าออกไปให้พระคุณเจ้าได้คุยกับมะยม

"ชีวิตคนเรานั้นมันสั้นนะโยม ดังนั้นอยากทำอะไรก็ทำ เพราะวันข้างหน้าโยมจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่า วันนั้นทำไมโยมถึงไม่ทำมัน จะมัวมากังวลอะไรกับอนาคตข้างหน้า มันเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อดีตมันก็คืออดีต ที่โยมยังกังวลอยู่ตอนนี้เพราะกลัวว่ามันจะกลับมาซ้ำรอยเหมือนอดีตงั้นใช่ไหม?"

"ครับพระคุณเจ้า"

"หากผมต้องเจ็บปวดขนาดนั้นผมคงจะทนไม่ไหวอีกแน่ครับ"

"หากโยมไม่ยอมเปิดใจ แล้วลองทำมัน แล้วโยมจะรู้เหรอว่ามันดีหรือไม่ดี อาตมาไม่มีสิทธิ์มาบังคับให้โยมทำหรือไม่ทำอะไร แต่จงจำไว้ให้ดีว่าคนเราหนีหัวใจตัวเองไปไม่พ้นหรอก อาตมาเชื่อว่าโยมมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่ไม่กล้าที่จะยอมรับมันเท่านั้นเอง" พูดจบพระคุณเจ้าก็เดินออกไป ทิ้งให้มะยมอยู่กับตัวเองเพื่อจะได้ตกผลึกความคิดได้

"เป็นยังไงบ้างหื้ม?" อิฐเดินเข้ามาหลังจากที่ไม่เห็นว่ามะยมเดินตามพระธุดงค์ออกไป เลยเข้ามาตาม

"ก็ดีครับ................" มะยมไม่ตอบอะไรอีกเลย ส่วนอิฐก็นั่งอยํ่ข้างๆเงียบๆ ไม่กล้ารบกวน เหมือนคนตัวเล็กมีอะไรให้คิดอยู่

"ถ้าเราไม่รักก็จะไม่เจ็บเหมือนเจ้าน้อยใช่ไหมครับ?" หลังจากที่เงียบไปนานมะยมก็ถามขึ้นมาเบาๆ อิฐมองมะยมแล้วเอามือลูบหัวเบาๆ เขารู้ว่ามะยมกำลังสับสน

"มะยมกังวลกับเรื่องนี้เองเหรอ หื้ม? พี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะสุขสมหวังยังไงหรือเปล่า มีอุปสรรคเหมือนความรักของเจ้าน้อยกับแสงเมืองไหม? แต่พี่รู้ว่าตอนนี้.....พี่รัก และอยากดูแลมะยมมาก วันข้างหน้ามันคืออนาคต พี่ไม่รู้หรอกว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง? แต่พี่ก็พร้อมที่จะฟันฟ่ามันไปนะ ถ้ามะยมให้โอกาสพี่" อิฐเอามือของมะยมมากุมไว้ อยากให้มันช่วยถ่ายทอดความรู้สึกนี้ไปหามะยมบ้าง อยากให้คนตรงหน้ามั่นใจในตัวเขาบ้าง สักนิดก็ยังดี!!

"พี่รักมะยมตอนไหนเหรอ? ทำไมเรื่องราวมันเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้?"

"ตอนแรกพี่แค่แปลกใจว่าหน้าเหมือนคนในความฝันพี่เลย มันเลยทำให้พี่อยากรู้จัก พอได้เจอกันบ่อยขึ้นพี่ก็เริ่มคิดว่าเพื่อนของน้องสาวน่าเอ็นดูดี น่าแกล้ง ตอนแรกพี่ก็คิดว่าคงเป็นเพราะพี่ไม่เคยมีน้องผู้ชายล่ะมั้ง แต่พอพี่ไม่เจอมะยม พี่ก็คอยมองหา คอยแอบๆถามอิ๊ฟบ้าง"

อิฐรู้สึกเขินๆเวลาบอกความรู้ตัวเองแหะ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำแบบนี้ แต่ก็นะถ้าไม่บอกออกไป เด็กน้อยข้างหน้านี้ก็ไม่กล้าเปิดใจสักที ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองแสดงออกไปมากแล้วนะ แต่ทำไมยังไม่มั่นใจสักที ไม่ยอมเปิดใจให้สักที

"จนวันที่มะยมฝันร้ายแล้วร้องไห้จับชายเสื้อพี่ไว้ไม่ยอมปล่อย พี่กลับยิ้ม คิดว่ามะยมน่ารักดี อีกใจหนึ่งพี่ก็คิดว่าที่ตัวเองไม่ยอมมีแฟนจริงๆจังๆสักที เดี๋ยวคบเดี๋ยวเลิกคงเป็นเพราะพี่คอยคิดถึงแต่คนในฝันรึเปล่า?"

"แต่ไปๆมาๆพี่กลับคิดว่าถ้าคนพี่ชอบเป็นเจ้าน้อยพี่คงเฉา เพราะเจ้าน้อยอ่อนโยนและเปราะบางเหลือเกิน แถมยังไม่ค่อยแสดงออกอะไรอีก ไม่เหมือนกับเด็กคนหนึ่งที่หน้าคล้ายกัน แต่นิสัยไม่คล้ายเลย เค้าเป็นน่ารัก น่าแกล้ง จนพี่อยากแกล้งอยู่ตลอดเวลา มันอดยิ้มไม่ได้ทุกครั้งที่พี่เจอเด็กคนนั้น ชอบแหย่ให้อีกฝ่ายแสดงอารมณ์ออกมาให้หลากหลาย ทั้งหน้าบูด หน้าหนิ่วคิ้วขมวด เขินจนหน้าแดง นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้พี่มองมะยมแตกต่างจากเจ้าน้อย ทำให้พี่แอบมอง และอดสนใจไม่ได้"

"ละ...แล้วไงต่อครับ?" มะยมกลั้นใจถามออกไป ทั้งทีตอนนี้เขินจะแย่ แต่ก็อยากรู้นี่หน่า

"แล้วพี่ยิ่งแน่ใจตัวเองมากขึ้นตอนที่มะยมเมินพี่แล้วพี่จูบมะยมไป พี่ไม่ชอบเลยความรู้สึกตอนที่ถูกเราเมิน มันรู้สึกหงุดหงิด อยากให้มะยมสนใจแต่พี่ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็เมินเฉย แล้วก็เรื่องจูบ ทั้งที่พี่ก็เคยมีแฟนแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมพี่ก็ยังใจเต้นกับมัน อยากทำแล้วอยากทำอีก" พอพูดจบมะยมก็หน้าแดงแล้วเอามือฟาดแขนอิดเบาๆ ยิ่งเห็นอิฐยิ่งมันเขี้ยว อยากจะฟัดนัก แก้มแดงๆเวลาเขินเนี๊ยะนะ แล้วปากแดงๆนั่นอีก ไม่ได้ชิมมากี่วันแล้วนะ? อิฐคิดไปจ้องปากของมะยมไป จนมะยมยกมือตีอิฐอีกครั้ง

"ทะลึ่ง!! ลามก!!"

"อะไรก็อยากทำตัวน่ารัก น่ากินทำไมล่ะ!!"

"หยุดนะพี่อิฐอย่ามาพูดแบบนี้นะ!! นี่มันในวัดนะ"

"ก็ได้เห็นว่าต้องสำรวมหรอกนะ ไม่งั้น.....หึๆๆ" อิฐเอาหน้าเข้าไปใกล้หน้าของมะยมจนต้องผงะออกเพราะตกใจ

"อะ..อะไรเล่า?"

"หึๆๆ" อิฐไม่ตอบอะไร ได้แต่หัวเราะหึๆๆ ส่วนมะยมก็ได้แต่หันหน้าไปทางอื่นเพราะเขิน

"พี่ตอบไปหมดแล้ว งั้นก็เปิดใจให้พี่สักทีนะ ชาติที่แล้วก็ไม่สมหวัง แต่ชาตินี้พี่ไม่ยอมนะรู้ไหม?"

"อย่ามากะล่อนพี่อิฐ!!" มะยมเห็นแล้วอดว่าไม่ได้ ช่างหน้าไม่อายเลยจริงๆ บทจะขรึมก็ขี้เก๊กสุดๆ เหมือนอย่างครั้งแรกที่เจอกัน เอ่อ..ดุด้วย!! แต่พอจะกะล่อน เจ้าเล่ห์แล้วล่ะก็นะ มันน่าตีนัก คิดแล้วหมั่นไส้

"งั้นเป็นแฟนกันนะ นะ?" มะยมเขิน ได้แต่ก้มหน้า ใครใช้ให้ถามตรงๆแบบนี้กันเล่า

"ไม่ตอบ งั้นถือว่าตกลง ไม่ปฏิเสธนะ" อุตส่าห์บอกไปตั้งขนาดนี้ แล้วยังไม่ตกลงนะ คอยดูจะรวบรัดตัดตอนซะเลย ปล่อยให้ลอยนวลมานานละ หึๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
 :o12:
ไม่อยากเห็นอดีต  มันเศร้ายิ่งนัก
ขอฟินกับปัจจุบันดีกว่า

ออฟไลน์ cross

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
สงสารเจ้าน้อย เจ็บจนไม่อยากหายใจเลยเจอแบบนี้

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0


 

ตอนที่ ๓๑

 
"ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเจ้าน้อย ช่างยินดียิ่งนัก"
 
"สวัสดีครับแม่ชี"
 
"สบายดีไหมเจ้าน้อย หน้าตาดูซีดเซียว ไม่สดใสเลย มีเรื่องอะไรรึเปล่า?"
 
"ปะ...เปล่าครับแม่ชี แค่ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายนิดหน่อยน่ะครับ" เจ้าน้อยกล่าวอึกอัก ไม่เต็มปากนัก เพราะไม่อยากโกหกผู้ทรงศีล
 
"ไม่สบายแล้วทำไมไม่พัก มาเยี่ยมแม่ชีทำไม?" ใช่ว่าแม่ชีจะไม่รู้ว่าเจ้าน้อยโกหกไม่ตอบความจริง แต่ถึงอย่างนั้นแม่ชีก็อดห่วงไม่ได้เช่นกัน เจ้าน้อยเปรียบเหมือนลูกในอุทร ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ก็ตาม แต่แม่ชีก็รักและเป็นห่วงเจ้าน้อยเหมือนลูกแท้ๆ
 
"ลูกไม่ได้มาเยี่ยมแม่ชีนานแล้ว ระลึกถึงก็เลยอยากมาเยี่ยมครับ"
 
"ก่อนแม่ของเจ้าน้อยจะจากไป นางได้เอ่ยฝากฝังเจ้าน้อยไว้กับแม่ชี เพราะนางเป็นห่วงเจ้าน้อย กลัวว่าจะไม่มีใครคอยดูแล นอกจากบัวแก้วแล้ว เจ้าน้อยก็แทบจะปิดกั้นทุกคนเลยก็ว่าได้ แล้วเจ้าน้อยคิดเหรอว่า หากตอนนี้นางมองมาที่เจ้าน้อย นางยังจะสบายใจอยู่อีกเหรอ?"
 
"ขอโทษครับแม่ชี เพียงแต่เรื่องนี้มัน......" เจ้าน้อยอึกอักตอบแม่ชีไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเล่าดีไหม จะเริ่มเล่ายังไง?
 
"รักเขาแม่เหรอลูก?" สรรพนามที่ใช้เปลี่ยนไป น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาทรทำให้เจ้าน้อยน้ำตาไหล
 
"ครับแม่ชี"
 
"ถ้าขาดเขาไปแล้วเจ้าน้อยอยู่ได้ไหม?"
 
"ยะ...อยู่ได้ครับ แต่ก็คงคิดถึงเหมือนใจจะขาด"
 
"สิ่งไหนที่มันเป็นของเรา อย่างใดมันก็เป็นของเรา แต่สิ่งไหนที่ไม่ใช่ของเราตั้งแต่แรก ทำอย่างใดมันก็ไม่ใช่ของเรา เจ้าน้อยเข้าใจที่แม่ชีบอกไหมลูก?"
 
"เข้าใจครับแม่ชี"
 
"เจ้าน้อยมาถือศีล นุ่งขาวห่มขาวกับแม่ไหมลูก เผื่อบางทีจิตใจจะได้สงบขึ้น ?"
 
"ครับแม่ชี"
 
 
"เจ้าน้อยจะเชื่อไหมว่าคนเราถ้าเป็นคู่กันแล้วมันย่อมไม่แคล้วกัน? แม่ชีอยากให้เจ้าน้อยปฏิบัติธรรมเพื่อสะเดาะเคราะห์ เคราะห์หนักจะได้กลายเป็นเบา ส่วนวันข้างหน้าถ้ามันมีอุปสรรคร้ายแรงหรือหนักหนามากกว่านี้ แม่ก็อยากให้เจ้าน้อยใช้ความคิดให้มากก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไปนะลูก"
 
"แม่ชีหมายความว่าอย่างใดครับ?"
 
"ทำตามที่แม่บอกเถอะลูก แม่บอกเจ้าน้อยได้แค่นี้จริงๆ หลังจาก 7 วันนี้แล้ว แม่จะบอกเจ้าน้อยอีกทีว่าควรทำยังไง บุญครั้งนี้ถ้าเจ้าน้อยอยากเอาให้เขาก็อธิษฐานเอานะลูก"
 
"ครับแม่ชี"
 
"เดียวปี้กลับไปเอาเครื่องนุ่งขาวห่มขาวมาหื้อเจ้า"
 
"ขอบคุณครับปี้บัวแก้ว ขอบคุณสำหรับทุกเรื่อง แล้วก็ขอโทษด้วยที่หลายวันมานี้ทำให้ต้องเป็นห่วง"
 
"บ่เป๋นหยังเจ้า ปี้ยินดีทำเพื่อเจ้าน้อยเสมอ"
 
ระหว่างเจ็ดวันมานี้เจ้าน้อยต้องถือศีล 8 นั่นหมายถึงว่านอกจากศีลห้าแล้ว ห้ามนอนบนที่นอนสูงใหญ่ หรูหรา ต้องนอนกับพื้น,  ห้ามทานอาหารในช่วงเวลาวิกาล หรือหลังเที่ยงวันไปแล้ว และห้ามร้องรำทำเพลง ผลัดแต่งหน้า หรือใช้เครื่องหอม
 
 
"เป็นยังไงบ้างเจ้าน้อย?"
 
"ก็ดีครับแม่ชี อาจยังไม่ชินบ้างที่ต้องกิน ต้องนอนแบบนี้ แต่ไม่ได้ทำให้ลูกลำบากอะไรครับ"
 
"แล้วเรื่องหัวใจเล่า เป็นอย่างใดบ้าง?"
 
"ลูกว่าจะไม่คิดถึงเขาแล้ว แต่ก็มันทำไม่ได้ครับแม่ชี ในหัวลูกมีแต่เค้า แม้แต่ตอนนั่งสมาธิ บ่อยครั้งที่จิตของลูกเผลอคิดถึงเขา ลูกมาถือศีลนั่งสมาธิแต่จิตใจของลูกก็ยังไม่ค่อยสงบเลย คงบาปมากใช่ไหมครับ?"
 
"ไม่บาปหรอกลูก เพียงแต่เจ้าน้อยมาด้วยจิตใจอันห่วง เลยทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ทุกครั้งลูกก็จะดึงสมาธิกลับมาไม่ใช่เหรอลูก แค่นี้มันก็พอแล้ว ไม่ใช่แค่การทำสมาธิ การที่ลูกถือศีลทั้ง 8 ข้อมันก็ได้บุญแล้วล่ะ  อย่าคิดมากเลยลูก เอาไว้ครั้งหน้าก็ค่อยมากับเขาก็ได้ลูก"
 
"ลูกไม่เข้าใจครับ แม่ชีบอกลูกว่าให้มาถือศีลครั้งหน้ากับเขา เขาหมายถึงใครครับ?"
 
"คนรักของลูกเค้ายังรักลูกอยู่ เพียงแต่เขากำลังมีเคราะห์อยู่ แม้ว่าจะดวงแข็งอย่างใด ในยามมีเคราะห์คนเราก็ต้องได้รับผลจากเคราะห์นั้นเช่นกัน จึงทำให้ตอนนี้เขาถูกอวิชชาครอบงำอยู่ แม่ชีถึงอยากให้เจ้าน้อยถือศีล หนึ่งเพื่อสะเดาะเคราะห์ของเจ้าน้อย และสองเพื่อให้คนรักของเจ้าน้อยได้พ้นจากเคราะห์ครานี้ด้วย แม้ว่ามันจะช่วยได้ไม่มาก แต่หากมันสำเร็จแม่ก็อยากให้เขาถือศีลแบบเจ้าน้อยดูบ้างนะลูก ลองดู"
 
"แม่ชีหมายถึง ท่านแสงเมืองถูกคุณไสยเหรอครับ?" เจ้าน้อยถามอย่างตกใจ
 
"อื้ม!!"
 
"แล้วลูกต้องช่วยเขาอย่างใดบ้างครับแม่ชี ลูกอยากช่วยเขา" เจ้าน้อยร้อนรนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อยากช่วยคนรักเหลือเกิน
 
"ลูกไปตักน้ำจากบ้านที่มีบ่อน้ำมา 7 บ่อ แล้วเอาขมิ้นส้มป่อยผสมลงไป จากนั้นเอาไปสรงน้ำพระพุทธรูป แล้วอธิษฐานขอพระพุทธคุณช่วยขจัดปัดเป่าเพศภัย สรรพเคราะห์ เสนียดจัญไรให้เขา เสร็จแล้วให้ลูกเอาน้ำที่สรงนี้ไปให้เขาอาบ อย่าให้เกินวันคืนเดือนดับนะลูก ไม่งั้นคงหมดทางช่วย"
 
"ขอบคุณครับแม่ชี ลูกจะทำตามทุกอย่างให้เสร็จภายในเร็ววันครับ"
 
"ส่วนนี้คือสิ่งสำคัญ แม่ขอพูดกับเจ้าน้อยแค่สองคนได้ไหม?" เจ้าน้อยหันมามองบัวแก้ว จากนั้นพระพี่เลี้ยงคนสนิทก็คานเข่าออกไปเพื่อให้เจ้าน้อยได้คุยกับแม่ชีแค่สองคน
 
"ทั้งหมดที่แม่บอกมันช่วยได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ เจ้าน้อยจะกล้ามอบสิ่งสำคัญของตัวเจ้าน้อยให้เขาไหม?"
 
"ลูกเต็มใจช่วยเขาครับแม่ชี ไม่ว่าลูกต้องแลกด้วยอะไรก็ยอม!!"
 
"พรหมจรรย์และความรักเจ้าน้อยกล้าให้เขาไหมลูก?" เจ้าน้อยคิดหนักกับสิ่งที่แม่ชีบอก  แม้ว่าเขาจะรักแสงเมืองมาก แต่เขาไม่รู้ว่าแสงเมืองจะรังเกียจเขาไหม ถ้าหากต้องทำอย่างนั้นกับผู้ชายด้วยกัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เจ้าน้อยอดถอดถอนหายออกเสียไม่ได้
 
 
...................
 
"หลายวันมานี้ แสงเมืองบ่ได้ดั่งใจกูเลย ยามหลับบางคืนก็เพ้อถึงเจ้าน้อยมันขึ้นมา ทำให้กูหงุดหงิดมึงเข้าใจไหมอุสา"
 
"อุสามึงแน่ใจเหรอว่า วันนั้นมึงได้เอาน้ำที่หมอผีเฒ่าให้มานั้นผสมลงไปให้แสงเมืองอาบแล้ว?"
 
"อะ...เอ่อ!!"
 
"มึงอ้ำๆอึ้งๆแบบนี้ หมายความว่าอย่างใดอีอุสา ตอบกูมาเดี๋ยวนี้!!!ก่อนที่กูจะสั่งให้ทหารมาเคี่ยนมึง!!!"
 
"คะ....คือ อุสาขอสุมาเตอะเจ้า เจ้าหยาดฟ้า อุสาผิดไปแล้ว พื้นห้องสรงน้ำมันลื่น อุสาบ่ทันระวัง ละ..เลยล้ม บ่คิดว่าน้ำนั้นมันจะหล่นตกลงมา โอ๊ย!!! " เจ้าหยาดฟ้าฟาดฝ่ามือลงมาที่ซีกหน้าของอุสาเพราะความโกรธหลังจากได้ยินว่าแสงเมืองยังไม่ได้อาบน้ำนั้นเลย ทำให้อุสาก้มลงกราบเจ้าหยาดฟ้า ตัวสั่นๆ ด้วยความกลัว ข้ารับใช้ตัวเล็กๆมีหรือจะสู้ความเป็นนาย
 
"เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!! อีง่าว มึงนี้มันง่าวเหมือนควาย แล้วอย่างนี้กูจะทำอย่างใดต่อไป ทำแผนกูพังไปหมด เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!! ทหาร ๆ เข้ามาเอาอีอุสาไปลงหวาย 50 ที" เจ้าหยาดโกรธ โกรธมากกว่าครั้งไหนๆ อุตส่าห์วางแผน ยอมลงทุนถึงขนาดนี้ แต่กลับล้มไม่เป็นท่าเพราะความสับเพร่าของอีไพร่อุสาเพียงคนเดียว เสียงข้าวของตกลงไปกับพื้น เพราะเจ้าหยาดพังมันลงมาจนล้มระเนระนาดเพื่อระบายความโกรธ
 
"ปล่อยกู ๆ กูจะไปหาเจ้าน้อย กูจะไปหาดวงใจของกู พวกมึงปล่อยกูบัดเดี๋ยวนี้ ตุ๊บๆ ตั๊บๆ"
 
"ว๊าย......." เสียงนางกำนันร้องดังสนั่น เพราะทหารในคุ้มเอาแสงเมืองไว้ไม่อยู่ ส่วนเหล่านางกำนันที่เข้าไปขวางก็ถูกผลักออกจนล้มตามกันไปหมด
 
"แสงเมืองจะไปไหน? หยุดก่อน ท่านจะไปไหน? ว๊ายย....โอ๊ย!!" แม้แต่เจ้าหยาดฟ้ายามนี้แสงเมืองก็ไม่ยอมฟัง แสงเมืองตื่นมา รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคย ไม่ใช่ห้องนอนของเจ้าน้อยคนรักของตนเอง จนถามนางกำนันรู้ว่าที่นี่คือห้องนอนของเจ้าหยาดฟ้า แล้วตนเองก็มาอยู่ที่นี่ได้หลายวันมาแล้ว แสงเมืองสับสนไปหมด มันเกิดอันใดขึ้นกับตนเอง ทำไมต้องมาอยู่ที่คุ้มของเจ้าหยาดฟ้า? แสงเมืองคิดถึงเจ้าน้อย คิดถึงเหลือเกิน แล้วตอนนี้เจ้าน้อยจะเป็นอย่างใดบ้าง ? แสงเมืองคิดไปต่างๆนาๆ
 
.............
 
"เจ้าน้อยขอรับ เจ้าน้อย!!"
 
"ทะ...ท่านแสงเมือง!!" พูดได้แค่ชื่อน้ำตาของเจ้าน้อยก็พลันจะไหล เขาคิดถึงแสงเมืองเหลือเกิน คิดถึงมาก คิดถึงอกอุ่นๆ ไหล่กว้างๆที่เคยซบนี้เหลือเกิน
 
"เจ้าน้อยขอรับ กระหม่อมขอโทษ กระหม่อมคิดถึง โอ๊ยยย!! ปวดหัว ปวดเหลือเกิน ปวด!!!" แสงเมืองเอามือกุมหัวตัวเองอย่างคนเสียสติ ในหัวมีภาพเจ้าน้อย ทับซ้อนกับภาพเจ้าหยาดเต็มไปหมด มีคนสวดอะไรไม่รู้ดังก้องอยู่ในหูจนต้องเอามือปิดหูไว้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังได้ยินอยู่ดี
 
"ท่านแสงเมือง!! พี่บัวแก้วๆ เข้ามาช่วยเราหน่อย ท่านแสงเมืองกลับมาแล้ว!! "
 
"ท่านแสงเมือง!!"
 
"ปี้บัวแก้วอย่าเพิ่งตกใจ รีบไปเอาน้ำพระพุทธคุณมาก่อน เดี๋ยวเราจะพาท่านแสงเมืองไปที่ห้องสรงน้ำรอ"
 
"เจ้าๆ เดียวปี้ไปเอามาหื้อ!!" บัวแก้วกระวีกระวาดวิ่งออกไปเอาน้ำพระพุทธคุณที่เตรียมไว้มาให้เจ้าน้อยตามคำสั่ง
 
"ท่านแสงเมืองทนเอาหน่อย เดี๋ยวท่านก็จะหายแล้ว มองหน้าเรา เราเจ้าน้อยของท่านไง!!"
 
"เจ้าน้อย.......!!" แสงเมืองลืมตาขึ้นมองเจ้าน้อย แล้วใช้มือจับหน้านวลของเจ้าน้อยเอาไว้ คิดถึงคิดถึงเหลือเกิน แล้วก็ขอโทษด้วย แสงเมืองอยากบอกเหลือเกินแต่ตอนนี้เขาปวดหัวเกินที่จะเอ่ยบอกเจ้าน้อย แม้แต่เรี่ยวแรงก็แทบจะไม่มีเลย
 
"พนมมือนะท่านแสงเมือง แล้วท่องนะโม สามจบ แล้วว่าตามเรา....................................."
 
"เฮือก.!!! ..ฮ่าๆ ร้อน!! ร้อนไปหมด ไม่ไหวแล้ว!!" แสงเมืองกระสับกระส่าย คล้ายกับคนบ้า นอนกลิ้งไปมาตามพื้น จนเจ้าน้อยอดสงสารไม่ได้
 
"ทนหน่อยนะท่านแสงเมือง เราอยู่ตรงนี้ไง อยู่ข้างท่านนี่ไง ท่านต้องหาย ท่านต้องหาย" เจ้าน้อยเห็นคนรักเจ็บปวดทุรนทุรายจนแทบอยากเจ็บแทน สองแขนเล็กได้แต่เข้าไปกอดแสงเมืองเอาไว้จนแสงเมืองสงบลง
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2015 11:15:46 โดย ApolloS »

ออฟไลน์ cross

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
ช่วยแล้วๆๆๆๆ กลับมาเร็วๆๆท่านแสงเมือง

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เย่ๆ  จะช่วยแล้ว

ออฟไลน์ PHEROMONE♥

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เอาใจช่วยเจ้าน้อยกับแสงเมือง :m5:
 :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
โอ้ฉันพลาดเรื่องนี้ไปได้ไง ตามหาแนวนี้มานานมากกลิ่นอายแบบล้านนาเนี่ยสุดยอด
มากเลยครับคนแต่งรอติดตามตอนต่อไปอยู่นะครับ

ออฟไลน์ ApolloS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ตอนที่ ๓๒

"เจ้าน้อย!!"

"แสงเมืองท่านเป็นไงบ้าง?"

"กระหายน้ำขอรับ"

"ได้เดี๋ยวเราไปเอามาให้"

"กระหม่อม...ขอโทษนะขอรับ ที่ทำให้เจ้าน้อยเสียใจ กระหม่อมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างใด กระหม่อม........"

"ไม่ต้องพูดแล้วล่ะท่านแสงเมือง เราเข้าใจ"

"เข้าใจว่าอย่างใดขอรับ?"

"เข้าว่าท่านไม่ได้ตั้งใจ ท่านโดนเสน่ห์คุณไสย"

"หมายความอย่างใดหรือขอรับ? กระหม่อมไม่เข้าใจ"

"เราขอโทษแทนเจ้าปี้หยาดฟ้าด้วยนะ นางคงทำไปเพราะรักท่าน ให้อภัยนางเถิดนะท่านแสงเมือง"

"ขอรับ เจ้าน้อยรู้ไหมขอรับ.....ความรักของกระหม่อมคือความปรารถนาดีอยากให้คนที่เรารักมีความสุข แต่ความรักของเจ้าหยาดฟ้า คือการเห็นแก่ตัว และการครอบครอง แบบนี้เค้าเรียกว่ารักตนเองมากกว่านะขอรับ ขออภัยที่กระหม่อมต้องพูดแบบนี้"

"เราเข้าใจ..ท่านยกโทษให้เจ้าปี้เราเพราะเห็นแก่เรา แต่จะให้ไม่โกรธเลยก็คงเป็นไปไม่ได้"

"โอ๊ย!!! เสียงใครสวดอะไรน่ะ?"

"เสียงอะไรท่านแสงเมือง?"

"เสียงสวดขอรับ มันดังไปทั่วเลย"

"ท่านแสงเมืองฟังเรา ตั้งสติฟังเรา ตอนนี้คุณไสยของท่านยังไม่หมดไป น้ำมนต์นั่นช่วยท่านได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น"

"โอ๊ย!! ปวดหัว ออกไป!! หยุดสวดได้แล้ว!!!"

"ท่านแสงเมืองมองหน้าเรา....ตอบเราหน่อย...ว่าท่านรังเกียจเรารึเปล่าท่านแสงเมือง? เราอยากมั่นใจ" เจ้าน้อยใจเต้นแรงไปหมดแล้วตอนนี้ ทั้งกล้าทั้งกลัวปะปนกันไปหมด แต่เขาอยากช่วยแสงเมือง นี่คือความปรารถนาของเขาในตอนนี้ เจ้าน้อยรวบรวมความกล้าถามออกไป อยากรู้ว่าถ้าเขาอยากมอบมันให้แสงเมืองเขาจะรังเกียจไหม?

"กระหม่อมมะ..ไม่เคยรังเกียจคนที่ตนเอง..รัก กระหม่อมรัก..เจ้าน้อย" เจ้าน้อยมือสั่นอย่างเห็นได้ชัด มือเล็กเอื้อมไปจับหน้าแสงเมืองไว้ แล้วจูบเบาๆลงที่ปาก แล้วผละออก เพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง?


"อึก!! ขอบคุณครับดวงใจของกระหม่อม" แสงเมืองข่มความเจ็บปวดแล้วกล่าวขอบคุณเจ้าน้อย ก้มลงจูบเบาๆ ลงที่ปากบาง ไล่มาจนถึงปรางค์นวลที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงชาดไปแล้ว แล้วกลับไปจูบลงที่ปากบางนั้นอีกครั้ง  แสงเมืองรู้ว่าเจ้าน้อยไม่ประสากับเรื่องนี้ เลยทำให้ตัวสั่นเมื่อเขาเริ่มตะโบมจูบ แสงเมืองเว้นระยะให้ร่างบางได้หายใจก่อน แล้วดึงปิ่นปักผมนั้นออก ตามด้วยอาภรณ์ท่อนบน เจ้าน้อยในยามนี้ช่างงดงามเหลือเกิน ผมที่ถูกปล่อยลงมายิ่งทำให้รับกับใบหน้าหวานนี้เหลือเกิน

"อือ.......ทะ...ท่านแสงเมือง"

"รู้สึกดีไหมขอรับ?"

"อื้ม!!"

"กระหม่อมขอนะขอรับ!!" แสงเมืองทอดสายตาหวานเชื่อมให้เจ้าน้อย อยากให้รู้ว่านี่แหละคือคนที่เขารัก และจะขอรักตลอดไป นิ้วมือใหญ่แทรกเข้าอย่างยากลำบาก จนแสงเมืองต้องคานเข่าไปหยิบเอาน้ำมันใส่ผมที่โต๊ะเครื่องแป้งมาช่วย มิเช่นนั้นเจ้าน้อยคงจะเจ็บมากกว่านี้

"อึก!!"

"ทนหน่อยนะขอรับ!!" เจ้าน้อยพยักหน้าเบาๆ ร่างบางของเจ้าน้อยตอนนี้แดงไปหมดทั้งตัว จนแสงเมืองต้องบอกกับตัวเองว่าให้อดทนก่อน แล้วเพิ่งจำนวนนิ้วให้อีก ไม่ใช่ง่ายๆเลยที่มันจะเข้าไปได้ ยิ่งร่างกายของเขากับเจ้าน้อยแตกต่างกันซะขนาดนี้

"อึก!! ท่านทำเถิด เรายังไหว เราอยากให้ท่านหายกลับมาเป็นเหมือนเดิม เป็นแสงเมืองของเรา" แสงเมืองพยักหน้าแล้วจ่อแกนกลายอันอุ่นร้อนเข้าไปตรงทางแคบ

"โอ๊ย!! อึก!!" เจ้าน้อยกรีดเสียงออกมาเมื่อสิ่งนั้นกำลังชำแรกเข้าไปในร่างกายของตนเอง แบบนี้สินะเขาเรียกว่าสิ้นพรหมจรรย์ แม้จะไม่ใช้ผู้หญิง แต่เจ้าน้อยก็อยากให้มันกับคนที่รักเท่านั้น แม้ว่าจะไม่มีพรหมจรรย์เหมือนผู้หญิง แต่เจ้าน้อยก็อยากให้คนแรกและคนสุดท้ายของเขาเป็นแค่คนๆนี้เท่านั้น

"ไหวไหมขอรับ?"

"ไหว!!" แม้จะบอกว่าไหว แต่น้ำตากับไหลหยดลงมาบนแก้มนวล จนแสงเมืองต้องก้มลงไปจูบเบาๆที่หางตา แล้วเลียหยาดน้ำตาที่ไหลนองบนปรางค์งามของเจ้าน้อย

"กระหม่อมรักเจ้าน้อยนะขอรับ ขอบคุณที่มอบมันให้กระหม่อม" พูดจบแสงเมืองก็เริ่มขยับตัว เอวแกร่งขยับเบาๆ แล้วเพิ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเจ้าน้อยส่งเสียงออกมา ร่างบางต้องกลั้นเสียงนั้นเอาไว้ เกรงว่าคนข้างนอกจะได้ยิน แสงเมืองมองแล้วยิ้มกว้าง ไม่มีส่วนใดที่ตนเองจะไม่ได้สำผัสลงบนตัวของเจ้าน้อยเลย ตอนนี้เขาทั้งสองคนเป็นของกันและกันแล้ว


"ช่วยปลดปล่อยเราเถิด เราไม่ไหวแล้ว" เจ้าน้อยร้องขอเสียงแหบกระเส่า

"อีกนิดนะขอรับ"

"อ้าาา!! ไม่ไหวแล้ว" เจ้าน้อยรู้สึกเหมือนใจจะขาด ร้อนวูบหวาบทั่วท้องน้อยไปหมด จนถึงฝั่งไปก่อนแสงเมือง

"อื้อๆ อ้าาาาา...." หลังจากเจ้าน้อยเสร็จไปไม่นาน แสงเมืองก็เร่งจังหวะตามเจ้าน้อยไปติดๆ แสงเมืองฟุบตัวแนบชิดกับร่างของเจ้าน้อยอย่างหมดแรง ช่างมีความสุขยิ่งนักเวลานี้ ใช้เวลาเพียงครู่แสงเมืองก็ลุกขึ้นมาเล็กน้อยแล้วก้มลงจูบลงที่หน้าผากหมนของเจ้าน้อยเบาๆ โดยที่ยังไม่ได้ถอดถอนมันออกไป

"เขินหรือขอรับ?" เจ้าน้อยบิดหน้าหนี หลับตาข่มความเขินอาย จนแสงเมืองเอ่ยทักออกมา ปฏิกิริยาของเจ้าน้อยเวลานี้ช่างน่ารักเหลือเกิน

"ลุกได้ไหมขอรับ เดี๋ยวกระหม่อมจะพาไปอาบน้ำ" เจ้าน้อยลืมตา ส่ายหน้าเบาๆ บอกว่าไม่ไหว ขาล้าไม่มีแรงไปหมด

"เกาะดีๆนะขอรับ เดี๋ยวกระหม่อมพาไป จุ๊บ!!" แสงเมืองถอนแกนกายออก แล้วก้มลงมองทางที่ตนเองชำแรกเข้าไปเมื่อครู่ บัดนี้มีเลือดปนออกมากับน้ำรักของเขาเล็กน้อย

"เจ็บไหมขอรับ?" แสงเมืองถามอย่างเป็นห่วง

"นิดหน่อย" เจ้าน้อยตอบไม่เต็มเสียง แสงเมืองส่ายหน้าเบาๆแล้วอุ้มเจ้าน้อยออกไปอาบน้ำ

"ให้กระหม่อมอาบให้นะขอรับ เจ้าน้อยเหนื่อยมามากแล้ว" ยิ่งพูดเจ้าน้อยยิ่งแก้มแดง บ่งบอกได้เลยว่าตอนนี้เขินมาก

"นอนนะขอรับ เดี๋ยวกระหม่อมไปเอายามาให้ กันไว้ก่อน เดี๋ยวจะไม่สบายนะขอรับ เดี๋ยวกระหม่อมมานอนด้วย" เจ้าน้อยพยักหน้าเบาๆ แล้วมองตามแสงเมืองเดินออกไปจนพ้นธรณีประตู





>>>>>>  สารภาพว่าเค้าแต่ง NC  ไม่เป็นนะตัวเอง อาจจะไม่ฟิน ยังไงตัวเองก็ช่วยจิ้นเองอีกแรงเนอะ เค้าขอโทษจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2015 09:06:34 โดย ApolloS »

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ไม่เป็นไรครับสนุกมากเลยครับแต่งต่อไปเรื่อยๆนะครับรออยู่

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด