ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22  (อ่าน 247083 ครั้ง)

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
แฟนคุณหมอน่ารำคาญมากนะคะ

มาหาน้องพลุดีกว่า

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
แก้ต่างแทนน้องชายหน่อย~ เค้าแค่ดีใจที่ได้ใช้นามสกุลร่วมกันนะคะ 'เรื่องนั้น' มันต้องไปวัดกันบนเตียงค่ะ(อุต๊ะ!5555)
อุ๊ต๊าาาา เอาน่าพลุ ให้พี่หมอคร่อมสอน CPR ซะดีๆ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
นางร้ายเรื่องนี้ น่าจะติดทำเนียบนางร้ายดีเด่นแห่งปีนะคะ

คือ ร้ายกาจ น่ารำคาญ ไม่มีใครอยากเข้าใจ หรือมีแววว่าจะมีคนเห็นใจเลย รับรางวัลร้ายยอดเยี่ยมแห่งปีได้เลย

แม้แต่คนแต่ง แต่งเองยังรำคาญนางเองเลยค่ะ555

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
ไม่ได้นะ น้องพลุต้องเคะ หมอปืนต้องเมะนะ
ข้อร้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ขอเรามิได้ดอกต้องให้เค้าไปขอกันบนเตียงเนาะ อิอิ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
อุ๊ต๊าาาา เอาน่าพลุ ให้พี่หมอคร่อมสอน CPR ซะดีๆ
:hao3:

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
อยสกจะให้จัดอีกซักตอนถึงตอนน้องพลุร่วมบรรยาย อิฉันละอยากให้หน้านางน้องนี ชื่อไรไม่รุล่ะ (เจ้ไม่จำ)หน้าแตก ต้องหลับไปเย็บหน้าเองที่บ้าน  โฮะๆๆ

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ตะลึงกรามค้างเลยเหรอพี่หมอปืน 555 ความน่ารักของน้องพลุ พุ่งกระแทกหัวใจอย่างแรงเลยใช่มะ ฮุฮุ  :m3:

ยัยรชญานี่ก็แผนสูงนัก เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับงาน แย่จริง ๆ แต่งานนี้ ต้องขอบใจเธอสินะ
กลายเป็นเปิดโอกาสให้น้องพลุของเรา ได้แสดงความสามารถที่มี แถมยังได้ช่วยพี่หมอปืน ได้ใจไปเต็ม ๆ
เรียนแพทย์มาตั้งสองปี ประสบการณ์การทำงานจริงอีกเพียบ น้องพลุของเราไม่กระจอกหรอกนะ
เริ่มพรีเซนต์เมื่อไหร่ มีหวัง ได้มีคนอ้าปากค้างไปอีกหลายคนแน่ ๆ หึหึ คิดแล้วสะใจ ขอหัวเราะเยาะล่วงหน้า  :laugh3:

น้องพลุเริ่มต้นกับพี่อุ้มได้ดีนะเนี่ย ฉลาดจริงเชียว ถึงพี่อุ้มยังไม่ได้ปลื้ม แต่ก็ไม่คะแนนติดลบเหมือนยัยนิวล่ะ
เรื่องเอาชนะใจพี่หมอปืนน่ะไม่ต้องห่วง เพราะน้องพลุของเรา ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในใจพี่หมอทีละนิด ๆ อยู่แล้ว
แต่ถ้าชนะใจพี่อุ้มได้ เท่ากับได้ผู้สนับสนุนที่แข่งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลยนะเนี่ย

สุขสันต์ปีใหม่ ๒๕๕๘ ค่ะ ขอให้คนเขียนและครอบครัว มีความสุขมาก ๆๆๆ ตลอดปี และตลอดไปเลยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ  :L1:

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
ฮื่ออออ ชอบที่ชื่อเค้าเขียนเหมือนกันในภาษาอังกฤษ

น้องพลุในชุดสูท หล่อเลยดิ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
บทที่ 4 ความไว้ใจ (จบ)

ห้องประชุมใหญ่ซึ่งบรรจุผู้ชมได้ราวห้าร้อยคน บัดนี้แทบทุกเก้าอี้ถูกจับจองจากบรรดาแขกผู้มีเกียรติและผู้เข้าร่วมประชุมจากนานาชาติที่สนใจมานั่งฟังการบรรยายผลงานและงานวิจัยใหม่ๆ ของวงการแพทย์

ทั้งที่ห้องอัดแน่นไปด้วยผู้คนแต่มันกลับเงียบเชียบราวกับป่าช้า มีเพียงเสียงของวิทยากรหลังโพเดียมกลางเวทีรูปครึ่งวงกลมที่ดังหึ่งๆ มาตามเครื่องขยายเสียงเท่านั้น

ทว่าหลังผ้าม่านสีเลือดหมูที่กางกั้นเป็นฉากหลังของเวที คู่ปรับต่างวัยสองคนกำลังปะทะคารมและวาดแม่ไม้มวยไทยใส่กันราวกับนี่เป็นเวทีมวยราชดำเนิน แต่อาจจะแปลกไปสักหน่อยตรงสาระที่ทุ่มเถียงกันวันนี้ว่าด้วยเรื่องวิชาการล้วนๆ   

“นี่คือเนื้อหาที่นายต้องพูด” คุณหมอหนุ่มชี้เมาส์ไปตามโปรแกรมเพาเวอร์พอยด์ที่เตรียมมาให้ดู

“อะไรเนี่ยหมอปืนเยอะก็เยอะ แถมมีแต่ตัวหนังสือ เห็นแล้วปวดตาอ่ะ” ภาวัฒน์บ่นกระปอดกระแปดพลางขยับเก้าอี้เข้ามาชิดเพื่อจะเลื่อนเคอร์เซอร์ไล่ไปตามเอกสารที่มีร่วมร้อยหน้า

“เอ่อ...” ปาวัสม์สะดุ้ง ไม่ใช่เพราะโดนท้วงติงเรื่องงานแต่คนผมสีน้ำตาลเล่นเบียดแทรกเข้ามาในวงแขนและเอามือวางทับมือเขาเพื่อจับเมาส์ต่างหาก “ไม่ได้มีแค่ตัวหนังสือนะ ภาพประกอบก็มี ตาบอดหรือไงห๊ะ”

“ใจคอคุณหมอจะพรีเซนต์สักสามชั่วโมงเหรอครับ ได้ข่าวว่าเรามีเวลาแค่สามสิบนาทีนะ นี่มันเลคเชอร์นักศึกษาแพทย์ชัดๆ ผมว่าแบบนี้มันไม่เวิร์คอ่ะ” ใบหน้าที่เคยทะเล้นกลับเคร่งเครียดจนเห็นได้ชัด ภาวัฒน์เอาฟันบนกัดริมฝีปากล่างไว้ในขณะที่มือลากเมาส์ผ่านไปตามหน้าเอกสาร

หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ ฟันซี่ขาวๆ นั่นก็ยอมปล่อยริมฝีปากที่เริ่มห้อเลือดให้เป็นอิสระ

“เอางี้! หมอปืนเลือกมาสักหนึ่งตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง แล้วสาธิตพร้อมกับอธิบายไปเลยดีกว่าไหมครับ... สั้น ง่าย ได้ใจความดีนะผมว่า... แล้วเราจะได้เหลือเวลาไปทำอย่างอื่นบ้างไงครับ” พูดเสียงเครียดแต่ไม่วายหันมาขยิบตาให้หนึ่งที

นิ้วเรียวดีดเพียะเข้ากลางหว่างคิ้วเด็กหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ “อย่างอื่นของนายนี่มันคืออะไร”

“ก็...” คนหน้าเป็นเอาสันมือถูหน้าผากที่โดดลงทัณฑ์จนแดงก่ำ เขาเป่าลมเข้าแก้มแกล้งทำเป็นงอน “ให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้มีโอกาสซักถามไงครับ... หรือหมอปืนไม่คิดเหมือนผม”

“แล้วไป”

“งั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ” คนขี้ตู่สรุปหน้าตาเฉย

“เฮ้ย! แต่ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาเลยนะ” คนถูกแก้งานกลางอากาศเริ่มโวยวาย

แต่เสียงปรบมือที่ดังก้องมาจากหน้าม่านบอกให้รู้ว่าการบรรยายบนเวทีจบลงแล้วและผู้ที่ต้องขึ้นแสดงผลงานต่อไปก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพวกเขานั่นเอง ดังนั้นไม่ว่าจะพร้อมหรือไม่ ตอนนี้ที่แน่ๆ คือ The show must go on

ปาวัสม์หันไปพยักหน้าให้กับพิธีกรที่แอบแหวกม่านเข้ามาส่งสัญญาณให้เตรียมพร้อม มือใหญ่ชื้นเหงื่อรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันทีด้วยอาการตกประหม่าที่จู่โจมเข้ามา ความกังวลร้อยแปดผุดพรายขึ้นมาในหัว ...เขาจะทำมันได้ไหม นี่ไม่ใช่การพูดหน้าชั้นเรียนนะ เวทีนั่นไม่ใช่แค่การออกไปนำเสนอผลงานแต่มันคือการแบกรับชื่อเสียงของโรงพยาบาลและประเทศชาติ

ภาวัฒน์แอบสั่นน้อยๆ นัยน์ตาสีดำขลับเหลือบมองร่างสูงข้างกาย รู้สึกชื่นชมที่ยังดูสงบเยือกเย็นได้ขนาดนี้ แต่แล้วเบื้องหลังนัยน์ตาคมที่บังเอิญสบเพียงเสี้ยววินาทีนั้นเขากลับเห็นบางอย่างที่ต่างออกไป

เด็กหนุ่มคว้ามือใหญ่มากำไว้และบีบแรงๆ ครั้งหนึ่ง

“เชื่อมั่นในตัวเองหน่อยครับ หมอปืนซะอย่างทำได้อยู่แล้ว... แถมตอนนี้ยังมีผมคอยช่วยอีก วางใจได้เลยผมไม่ทำให้คุณหมอหน้าแตกหรอก ถึงภาษาอังกฤษผมจะงูๆ ปลาๆ ก็เถอะนะ”

ร่างสูงเหลียวมองข้างตัว มุมปากอมยิ้มน้อยๆ สัมผัสหยาบกร้านจากฝ่ามือที่จับอยู่นั้นทั้งเย็นและสั่นกว่าของเขาไม่รู้กี่เท่า ปาวัสม์บีบมือกลับ เขาไม่รู้ว่าสุดท้ายจะร่วงหรือจะรุ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้แน่ชัดในตอนนี้คือความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะช่วยในแววตาสีดำขลับ กับความอบอุ่นที่ไหลผ่านฝ่ามือพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของเขาและมันคือ... ความไว้ใจ
OOOOOO

การบรรยายเริ่มต้นขึ้นและดำเนินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีข้อติดขัดใดๆ จนในที่สุดก็มาถึงส่วนท้ายคือขั้นตอนการสาธิตและปฏิบัติซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี ปาวัสม์ที่ใจตุ๊บๆ ต่อมๆ ลุ้นมาตลอดเริ่มจะหายใจทั่วท้อง เมื่อมาถึงช่วงซักถามข้อสงสัยจากผู้เข้าร่วมประชุมที่ต้องใช้ปฏิธานและไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งจากประเทศเพื่อนบ้านรีบยกมือถาม “ผมอยากให้คุณช่วยสาธิตการใช้หน้ากากสำหรับที่ใช้ป้องกันขณะเป่าปากอีกครั้งน่ะครับ”

“ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมจะสาธิตให้ดู” เป็นภาวัฒน์ที่ช่วยตอบ

ปาวัสม์เหล่ตามองอย่างนึกทึ่งเพราะถ้อยคำและสำเนียงภาษาอังกฤษที่ออกจากปากเด็กหนุ่มนั้นลื่นไหลราวกับเจ้าของภาษา

“อุปกรณ์ชิ้นนี้เราคงไม่คุ้นเคยเท่าไหร่แต่ทางฝั่งตะวันตกนั้นใช้กันอย่างแพร่หลาย ตอนที่ผมมีโอกาสร่วมฝึกกับทีมจากอเมริกาก็เห็นเขาใช้และเคยลองใช้เองอยู่หลายครั้งทีเดียว”

“ผมเองก็ชักสนใจแล้วสิครับ” ปาวัสม์พูดบ้าง “เพราะเป็นหมออยู่ในโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ครบครันทำให้ไม่มีโอกาสใช้เจ้านี่เลยสักครั้ง”

“เรามาลองใช้ดูไหมล่ะครับ มันง่ายกว่ายิ่งกว่าการใส่ถุงยางเสียอีก” มุขตลกทะลึ่งนิดๆ ของเด็กหนุ่มช่วยทำให้บรรยากาศงานวิชาการที่แสนน่าเบื่อดูมีสีสันขึ้นถนัดและตอนนี้ทั้งห้องประชุมก็ดูจะสนอกสนใจการบรรยายของพวกเขามากๆ ด้วย “ก่อนอื่นคุณหมอปาวัสม์ครับ คุณช่วยทำตัวเป็นคนไข้นอนไม่ได้สติให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”

“ได้สิครับ” ปาวัสม์รับคำพลางลุกขึ้นดันหุ่นยางที่ใช้สาธิตการนวดหัวใจบนเบาะไปข้างๆ และล้มตัวลงนอนแทน

“ขอบคุณครับ” ภาวัฒน์ลุกตามมานั่งคุกเข่าลงข้างเบาะ “เราก็ทำไปตามสเตป คือเรียกปลุก เรียกคนช่วย ตรวจชีพจร กระโดดขึ้นปั๊มและเมื่อครบวงรอบแล้วจะทำการเป่าปากเราก็หยิบหน้ากากอันนี้วางคลุมไปบนใบหน้าของคนไข้ ใช้มือค้างหนึ่งกดหน้าผากช่วยเปิดทางเดินหายใจพร้อมกับบีบจมูก ทำทุกอย่างตามขั้นตอนปกติ ก่อนจะครอบปากลงไปแล้วทำการเป่าสองครั้ง”

ปาวัสม์พยักหน้าทำเป็นว่าเข้าใจทั้งที่เป็นเขาเองที่ไม่ได้เข้าใจและรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะตามมาเลยสักนิด เมื่อเด็กหนุ่มชะโงกเงื้อมอยู่เหนือตัวเขาพร้อมกับใช้สันมือกดหน้าผากและเชยคางให้แหงนขึ้น แวบหนึ่งที่เขาเห็นรอยยิ้มเล็กๆ ฉายขึ้นบนมุมปากของคนตรงหน้าก่อนจะตามมาด้วยความมืดแม้สองตาจะเบิกโพลง

ริมฝีปากประกบริมฝีปาก แม้แต่แผ่นพลาสติกใสก็ไม่อาจกั้นความร้อนที่ส่งผ่านถึงกันและกันได้ หัวใจของปาวัสม์เต้นรัวและแรงขึ้นจนมันแทบจะกระเด็นหลุดจากอก จนเขานึกกลัวว่าตัวเองจะช็อคตายจากอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ

“แค่นี้เองครับ” ภาวัฒน์ถอนริมฝีปากออกยืดตัวขึ้นและพูดต่ออย่างไม่มีติดขัดหรือท่าทีเขินอายใดๆ “สิ่งสำคัญที่ต้องจำคือ Golden Period ที่จะช่วยคนไข้มีแค่สี่นาทีหลังจากนั้นอัตรารอดชีวิตจะลดลงทุกวินาที คิดและตัดสินใจอย่างรวดเร็วเพราะชีวิตคนเจ็บอยู่ในกำมือคุณนะครับ”

เมื่อการบรรยายสิ้นสุดลงพวกเขาได้รับเสียงปรบมือและคำชื่นชมอย่างล้มหลาม จนกล้าพูดได้ว่าประสบความความสำเร็จกว่าเรื่องอื่นๆ ทำเอาคนพรีเซนต์หน้าบานเป็นกระด้ง หุบไม่ลงเลยทีเดียว

“ทำเป็นพูดว่าภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ เห็นตอบคำถามฉอดๆ ไม่แบ่งให้ฉันพูดมั่งเลยนะ” ปาวัสม์แซวระหว่างเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ที่ด้านหลังเวที 

“ผมมีเรื่องจะสารภาพล่ะ” ภาวัฒน์พูดยิ้มๆ “ผมเป็นวิทยากรของศูนย์กู้ชีพ เดินสายให้ความรู้เรื่องนี้ทั่วประเทศมาสักพักแล้ว แต่ว่านี่น่ะงานใหญ่งานแรกทำเอาผมขาสั่นเลยนะเนี่ย”

“นั่นสั่นแล้วเหรอ” ปาวัสม์เขกกำปั้นลงบนศีรษะอีกฝ่ายหยอกๆ ก็สำนวนการพูดฉะฉาน ลูกเล่นแพรวพราวซะขนาดนั้น

“จริงๆ นะ... ผมเก๊กไปงั้นแหละในใจนี่เต้นตุบๆ กลัวจะพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไปแทบตาย ไม่เชื่อหมอปืนลองจับดูสิครับ หัวใจผมยังเต้นแรงอยู่เลย” ไม่พูดเปล่ายังดึงมือร่างสูงไปทาบที่หน้าอก

“นั่นสิ” ปาวัสม์นิ่งงันไปเล็กน้อย ตื่นเต้นไม่แพ้กันที่โดนเด็กหนุ่มกุมมือไว้แบบนี้ ตอนนี้เขาแยกไม่ออกแล้วว่าเสียงหัวใจและสัมผัสตุบไหนเป็นของใครกันแน่

“ทำไมหมอปืนถึงเลือกผม” เด็กหนุ่มถามคำถามที่ข้องใจมาได้สักพักแล้ว “คุณหมอบอกเองว่าเตรียมตัวมาคนเดียว แค่ยืนยันไปตามนั้นก็จบแล้ว ไม่เห็นต้องลากผมมาเอี่ยวเลย โชคดีนะที่ผมเคยได้ทุนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาเลยพอมีความมั่นใจอยู่บ้าง”

ปาวัสม์หัวเราะในลำคอ ไม่คิดว่าจะถูกจับโกหกได้เร็วขนาดนี้ ฝ่ามือใหญ่ที่ทาบอยู่บนหน้าอกเด็กหนุ่มเลื่อนขึ้นใช้ปลายนิ้วเชยคางคนตรงหน้าให้สบตา

“ฉันไม่คิดว่าเด็กแสบที่ใจกล้าถึงขั้นปลอมประวัติเข้าสอบหมอจะมาตายน้ำตื้นแค่นี้น่ะสิ” นัยน์ตาคมหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนตาจิ้งจอกพร้อมกับอมยิ้มมุมปาก “แล้วถึงนายจะทำไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไร ยังไงฉันก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองหน้าแตกอยู่แล้ว”

คนหน้าเป็นหัวเราะไม่ออกที่โดนต้มจนเปื่อย ...หมอปืนบ้า! นึกยังไงมาทดสอบกันแบบนี้ รู้งี้แกล้งพูดไม่ได้ให้ขายขี้หน้าไปซะก็ดีหรอก...

คนแผนสูงลอบมองเด็กหนุ่มทำหน้าย่นเป็นหมาบูลด๊อก ทีแรกแค่อยากเห็นคนปากกล้าเงอะงะทำอะไรไม่ถูก ที่ไหนได้กลับตั้งอกตั้งใจช่วยเขาทั้งคิดและทำจนผลออกมาดีผิดคาด เห็นทีงานนี้ต้องให้รางวัลสักหน่อย ส่วนเรื่องที่แอบขโมยจูบนั่นไว้ค่อยไปคิดบัญชีทบต้นทบดอกวันหลัง

“เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะ จะเลี้ยงตอบแทนที่ช่วยวันนี้”

หน้าที่ยู่อยู่ค่อยยิ้มออก “ใช้งานหนักขนาดนี้ต้องให้เลี้ยงมื้อใหญ่เลยล่ะ... ว่าแต่หมอปืนรู้ได้ไงว่าผมว่าง”

ปาวัสม์ยิ้มมีเลศนัยน์ “ก็เพราะว่าฉันว่างน่ะสิ... ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ที่เวรเราจะตรงกัน” 

แต่รอยยิ้มกว้างของคนผมน้ำตาลกลับหม่นลงพร้อมๆ กับที่เสียงโทรศัพท์ดัง เขารู้ทันทีว่าเป็นใคร

“ครับนิว” ปาวัสม์ตอบแฟนสาวที่โทรมาตามเมื่อเห็นเขาไม่โผล่ออกไปสักที “พี่เก็บของกับพลุอยู่หลังเวที... จะเสร็จแล้วล่ะมีอะไรเหรอ... หืม... คืนนี้! จ๊ะไม่ลืมจ๊ะเจอกันที่เดิมนะ” อีกฝ่ายกดตัดสายไปแล้วแต่ปาวัสม์ยังไม่ยอมลดมือที่ถือโทรศัพท์ไว้ลง เขามองคนตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษทีนะพลุไว้วันหลังละกัน”

“เดทกับแฟนให้สนุกนะครับ” ภาวัฒน์แค่นยิ้มพลางเอื้อมมือไปช่วยขยับเนกไทค์และปกเสื้อสูทร่างสูงให้เข้าที่ก่อนจะผละจากไป

เด็กหนุ่มเดินลากเท้าช้าๆ กลับไปลานจอดดรถ เขากำลังจะก้าวขาขึ้นสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์อยู่แล้วแต่ก็อดถามออกมาด้วยความสงสัยไม่ได้ “มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” อันที่จริงเขารู้สึกเหมือนว่าถูกตามนับตั้งแต่แยกกับปาวัสม์ที่หลังเวทีแล้วเพียงแต่ไม่พูดออกมาเพราะอยากรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

“ไม่มีอะไร ฉันก็กำลังจะไปที่รถเหมือนกัน” ร่างบางในชุดเดรสลูกไม้สีชมพูหวานก้าวออกมาจากหลังเสา

“เหรอครับ” เขาตอบพลางสตาร์ทรถ “งั้นผมขอตัวนะ”

เด็กหนุ่มบิดคันเร่งจากไป รชญากอดอกมองจนลับสายตาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ปลายสายรับในชั่วอึดใจ “เดี๋ยวจะส่งเลขทะเบียนรถไปให้... กำลังจะกลับยังไงก็ฝากจัดการที่เหลือด้วยนะ” นิ้วกดตัดสายพร้อมกับริมฝีปากสีกุหลาบกรีดยิ้มเยียบเย็น คำโบราณว่าไว้ ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’ และเธอต้องรู้ให้ได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร
OOOOOO
 
“ในที่สุดงานก็เสร็จสักที เหนื่อยเป็นบ้าเลย” นุชนันท์พูดพลางบิดขี้เกียจ เมื่อก้าวลงจากรถตู้ของโรงพยาบาลที่บรรยากาศมาคุสุดๆ และตอนนี้ปาวัสม์ก็โดนแฟนสาวฉกตัวไปเรียบร้อยแล้ว “เย็นนี้นายว่างใช่ไหมจิว เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

“โทษทีนะอุ้มแต่ฉันอยากพักมากกว่าน่ะ” วิทยายิ้มเจื่อน การไปดูงานวันนี้ทำให้หัวใจสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เมื่อเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งก้าวเข้ามามีบทบาทกับเพื่อนของเขา

“ก็ดีเหมือนกันแก” สาวร่างอวบวางมือบนไหล่ที่สั่นน้อยๆ และบีบแรงๆ ครั้งหนึ่ง “กลับไปพักซะ นายเหนื่อยมานานเกินไปแล้ว”

“งานห้องฉุกเฉินมันหนักเธอก็รู้” วิทยาบีบตอบมืออวบนั้น ไม่ได้อายที่จะยอมรับ ‘ความลับ’ บางอย่างที่คิดว่าหญิงสาวน่าจะรู้อยู่แล้วและรู้มานานแล้ว แต่เป็นเพราะความกลัวสิ่งที่จะตามมาเมื่อพูดออกไป กลัวว่าใจอาจไม่สามารถรักษาสถานภาพ ‘เพื่อน’ ที่เก็บมานานนี้ได้

“ก็คงไม่หนักเท่าอย่างอื่นหรอกมั้ง... ถ้าเหนื่อยก็พัก ถ้าไม่ไหวก็หยุดแต่ถ้ารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็เลิกเถอะ” นุชนันท์สบตาชายหนุ่มซึ่งเธอรู้ดีว่าเขาเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร

“ฉันรักอาชีพหมอ ฉันไม่เลิกง่ายๆ หรอก”

...จะเลิกได้ยังไง เพราะมันคืออาชีพที่ต้องแลกมาด้วยน้ำตาเมื่อคนทั้งตระกูลต่างพากันคัดค้าน และปาวัสม์คือคนที่กุมมือเขาไว้ในวันที่กำลังใจแทบไม่มีเหลือ ‘อย่าทิ้งความฝันนะ นายทำมันได้อยู่แล้ว’

คำๆ เดียวจากผู้ชายที่เป็นรักครั้งแรกทำให้หัวใจที่เกือบจะยอมแพ้ กล้าเดินเข้าไปเจรจาท่ามกลางหมู่ญาติพี่น้องในวันรวมญาติอีกครั้ง คำตอบปฏิเสธทั้งจากฝั่งพ่อและแม่เป็นไปอย่างที่คิด แต่ดูเหมือนความตั้งใจจริงจะส่งไปถึงใครสักคนในที่สุด เมื่อพี่ชายเพียงคนเดียวซึ่งปกติพูดน้อยยิ่งกว่าเขาด้วยซ้ำกล่าวว่า ‘ให้น้องเรียนหมอเถอะครับ ผมจะเป็นคนดูแลบริษัทต่อจากป๊าเอง’
เกิดความโกลาหลขึ้นอีกไม่น้อยแต่เมื่อทั้งพี่และน้องต่างยืนกรานเสียงแข็งป๊าก็ยอมใจอ่อน

เขาจำไม่ได้แล้วว่าวันนั้นเป็นวันอะไร ไม่ได้สนใจว่าท้องฟ้าสดใสหรือมีเมฆหนา สิ่งเดียวที่จำได้คือรอยยิ้มเจิดจ้าของร่างสูงในชุดนักเรียนซึ่งมายืนแอบรอฟังผลหน้าบ้านครึ่งค่อนวัน กับความอบอุ่นของอ้อมแขนที่กอดแน่นดีใจราวกับทั้งหมดนั้นมันเป็นเรื่องของตัวเอง

“จิว นายยังมีฉันนะ” นุชนันท์ปลอบ นึกเจ็บแทนกับความเศร้าในสายตาที่ทอดมองใครคนหนึ่งมานานหลายปี

วิทยายิ้มบางพลางหมุนตัวเดินจากไป จะให้ทำอย่างไรได้เมื่อหัวใจมันดันคิดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิทซึ่งรู้ทันทีว่า ความหวังที่จะได้รับความรักตอบนั้นริบหรี่เสียยิ่งกว่าเปลวเทียนท่ามกลางมรสุม ในเมื่อคนคนนั้นไม่ใช่เกย์ และเขาพอใจแล้วที่จะขีดเส้นเน้นตัวหนากับคำว่า ‘เพื่อนรัก’ ที่ถูกหยิบยื่นให้

เขามาถึงลานจอดรถของโรงพยาบาลนานแล้ว แต่ยังคิดอะไรไม่ตก มือข้างหนึ่งหมุนควงกุญแจเล่นอย่างไร้ทิศ เดี๋ยวกดเปิดประตูแต่แล้วก็กดปิด ซ้ำไปซ้ำมา

ในขณะที่กำลังยืนคิดอะไรเพลินๆ ร่างสูงล่ำก็แอบย่องเข้ามาทางด้านหลัง

“เย็นนี้หมอจิวว่างไหมครับ”

วิทยาสะดุ้งสุดตัว หน้าตี๋ๆ หันมองตามเสียงก่อนจะถอนหายใจ “คุณรติพัทธมีธุระอะไรกับผม” สีหน้าไม่รับแขกอย่างไม่คิดจะปิดบัง ทั้งยังโกรธไม่น้อยที่จู่ๆ คนที่เพิ่งเจอกันแค่สองครั้งมาเรียกชื่อเล่นเขาห้วนๆ แบบนี้

“เรียกผมว่านายน์ก็ได้ครับ” รติพัทธบอก “หมอจิวไปกินข้าวเย็นกับผมนะครับ ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ” ชวนอย่างหน้าด้านๆ เขาสืบเรื่องวิทยามาพอสมควรแล้วทั้งจากพี่สาวและการไปค้นหาข้อมูลเอง

“แต่ฉันไม่มี” วิทยาปฏิเสธเสียงห้วนพร้อมกับเดินหนี หากคนตัวใหญ่กว่าเดินตามอย่างไม่ลดละ

“งั้นถ้าผมขอเปลี่ยนเป็นเพื่อนกินเหล้าล่ะ”

วิทยาหยุดฝีเท้า ก่อนจะเหลียวมองคนในชุดตำรวจครึ่งท่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า ถ้าการมาทำแผลเมื่อหลายวันก่อนเรียกว่าน่าสงสัย การที่จู่ๆ มาโผล่ข้างรถในวันที่เขาไม่อยู่โรงพยาบาลนี่เกือบจะเป็นอาชญากรรมได้เลย นัยน์ตาเล็กตี่มองสบนัยน์ตาเจ้าชู้พราวระยับส่อเจตนาคิดไม่ซื่ออย่างไม่คิดจะปิดบัง

“เอาสิ”

เขารับคำ ไหนๆ คืนนี้ก็ยังไม่มีที่ไปขอลอง ‘เล่นกับไฟ’ ดูสักหน่อยก็แล้วกัน
*****************************************************************************
ทาดา... วันนี้เค้ามาตรงเวลาน้า... แก้ตัวที่อาทิตย์ที่แล้วเลท
อ่านตอนนี้จบหลายๆคนคงมีคำถาม(หรือเปล่าหว่า?) ว่าน้องนิวจะร้ายไปไหนนะ... กรุณาอดทนกับนางต่อไปนะคะนางยังร้ายได้อีก
ทิ้งท้ายนิดนึง... ตอนหน้าเปิดตัวละครใหม่หล่อด้วยล่ะ(เอาจริงๆ นี่แหละรักแรกพบของเค้าเลย555)
ปล.หยุดยาวไปเที่ยวไหนกันมาบ้างคะ ส่วนที่ๆ เราไปเป็นที่เดียวกับที่น้องพลุ 'ต้องไป' และ 'เผชิญ' อย่างเลี่ยงไม่ได้ในตอนหน้าค่ะ
ปปล. แอบอิจฉาคุณพยาบาลสาวร่างอวบจัง ฟค.นางเย๊อะเยอะ555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2015 06:23:39 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
หมอปีนต้มเด็กเปื่อยเลย แต่พลุก็คุ้มได้จุ๊บหมอปืนถึงจะมีพลาสติกกันก็เถอะ
นิวนางร้ายมาก นางจะทำอะไรพลุ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pim-lovemj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :m31: กรุณาเอาน้องนิวไปเก็บด่วนค่ะ ส่วนน้องพลุเนี่ยขยันอ่อยพี่หมอเหลือเกินนะคะส่วนอีตาพี่หมอปืนจะซึนไปไหนเนี่ย รอติดตามจร้า

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ถ้ารติพัทธอยู่กับหมอจิวแล้วชะนีนิวส่งใครไปจัดการกับพลุเอ่ย? รติพัทธ - หมอจิวสินะ (หมอเป็นรับเถอะ)

นิวจะร้ายไปถึงไหนแค่เหวี่ยงก็น่าเกลียดพอแล้วนี่ยังจะทำอะไรร้ายอีกเหรอ?

ต้องให้เจ้าแม่พยาบาลจัดการแรงๆอีกมั๊งเนี่ย

หมอมีมือใหญ่  พลุสูงกว่าหมอ แต่ความสูงไม่มีผลในแนวราบเนาะ  หมอ - พลุ หรือว่าพลุ - หมอ ดีเอ่ย? ผลัดกันดีกว่ามั๊งนี่

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
พลุนี่เนียนดีจริงๆ :hao6: o13 เบื่อยัยนิวมากกกกกกก :เฮ้อ:

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
เชิญคุณนิว รับยา ที่ช่อง 2 ค่ะ :z6:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
พลุไม่งามนะลูก มาจูบก่อนได้ไง
หมอนิวนางจะกัดทุกคนเลยใช่มั้ย
อย่าให้เกิดความผิดพลาดกับหมอจิวเลย

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
พลุนี่มีดีมากกว่าที่เราคิดนะ ยิ่งอ่านยิ่งเป็นตัวละครที่เรารัก
แต่นิวนี่ก็ร้ายกว่าที่คิด ยิ่งอ่านยิ่งเกลียดค่ะ จากใจ 5555555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ปลื้มน่ะทั้งคู่เลย แต่่อ่านแล้วทำไมปวดใจ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เราว่าแฟนพี่ปืนนี่ไม่ไหวค่ะ..ทำตัวไม่น่ารัก ก้าร้าวเพื่อนแฟนอีก

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ไม่ค่อยเข้าใจหมอปืนเลย
ชอบนัดใครต่อใครแล้วก็ยกเลิกนัดเลือกนิวทุกที
ทำไมให้ผู้หญิงคนเดียว(ที่ร้ายมาก)มีอิทธิพลเหนือทุกคนอย่างนี้
น้องพลุมีอะไรปิดบังเยอะด้วย เก่งสารพัด
สงสารหมอจิว
ชอบอุ้ม

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
นู๋พลุไม่ธรรมดาซะแล้ว โดนเจ้นิวสืบสิทีนี้
ขอบคุณคนแต่งค่ะ รอดูหมอปืนเอาคืนแบบทบต้นทบดอก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
หืมมมมมมม น้องพลุของเราไม่ธรรมดานะเนี่ยยย :ruready
แบบนี้นังนิวจะสืบได้อะไรบ้างนะ
คู่หมอจิวก็น่าสนุก :katai2-1:
รอตอนต่อไปน้าาา

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
น้องพลุน่ารัก  :m3: แล้วก็เก่งเหลือหลายอย่างที่คาด ปลื้มใจจริง ๆ
ทั้งนิสัย ทั้งความสามารถ งานนี้ สำเร็จด้วยดี เพราะน้องพลุเต็ม ๆ เลยนะ  นี่สิที่หมอปืนคู่ควร
เตะยัยน้องนิวไปไกล ๆ เลย ชิ้ว  :z6: ความสามารถคุณเธอไม่รู้ (ซึ่งคิดว่าคงไม่ค่อยมีเท่าไหร่หรอก)
แต่นิสัยแย่ ๆ นี่สิ ท่าจะพุ่งทะลุปรอท ตอนนี้ ก็เหมือนเป็นโรคจิตนิด ๆ เลยอ่ะ ออกมาจากมุมเสาเงี้ย บรึ๋ย
แล้วนี่ใช้ให้ใครไปสืบประวัติพลุอีก เหมือนพวกมาเฟียมากกว่าเป็นคุณหมอแล้วนะนั่น

คุณตำรวจขี้หลีนี่ก็อีกคน ตกลงยัยนิว ส่งมาจัดการหมอจิวจริง ๆ อ่ะ  แต่ก็นะ ถึงจะเป็นห่วงหมอจิว
แต่ท่าทางหมอจิว ก็ไม่ใช่พวกที่จะโดนหลอกง่าย ๆ ยิ่งโผล่มาแบบเจตนาไม่ดีเต็มหน้าอย่างนี้ด้วย
แค่หวังว่าหมอจิว จะไม่ทำอะไรเพื่อประชดใครก็แล้วกันนะ
 
ตอนหน้าเปิดตัวหนุ่มหล่ออีกแล้ว ชอบ ๆ จะเป็นใครน้า พี่ชายที่แสนดีของหมอจิวหรือเปล่า
เอ่ยถึงแค่นิดเดียว แต่ชอบคุณพี่ชายมากเลย ถ้าเป็นตัวเด่น ๆ ด้วยก็คงดีเนอะ
แล้วที่ ๆ น้องพลุ 'ต้องไป' และ 'เผชิญ' อย่างเลี่ยงไม่ได้ คือที่ไหน อะไร ยังไง ห่วงน้องพลุอ่ะ T^T

ชอบที่คนเขียน สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับการรักษา การช่วยชีวิตคนไข้ ไว้ในเรื่องอย่างนี้มาก ๆ เลย
ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ wavalove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :n1: :n1: :n1:

จูบแล้วๆๆๆ

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
บางทีก็รู้สึกว่าหมอปืนดูใสซื่อนะคะ
แต่บางทีก็กลายร่างเป็นหมาป่าได้เหมือนกัน 55555
บุคลิคน่ารักนะคะเนี้ยยยย  :-[

แต่ก็ไม่เท่าน้องพลุหรอก แบร่ๆ
นี่แอบหมั่นไส้นะคะ หล่อไปไหน คนชอบเยอะเชียวพ่อคุณ
โดยเฉพาะยัยแฟน น้องนิวจะน่ารำคาญไปไหน นางร้ายระดับช่องสามมาเองเลยค่ะ!
ฮู้ยยยย เราเบื่อนางมากเลยนะนี่ 55555555555555 แต่จะพยายามทนนะคะ เพราะนางเป็นตัวสร้างสีสัน ฮาา

นี่แอบเป็นห่วงหมอจิวจริงๆ ไปกินเหล้ากับนายน์ตำรวจนั่นจะดีหรอ?
สองพี่น้องนี่ยิ่งไม่น่าไว้ใจ คนเราเวลาเศร้ายิ่งจะชอบเผลอทำอะไรบ้าๆ อยู่ด้วย
หวังว่าคุณตำรวจจะไม่ทำมิดีมิร้ายประชาชนหน้าตี๋ๆ ที่เพิ่งอกหักดังเป๊าะมานะคะ ไม่งั้นอยู่สน.ไหนตามไปปาระเบิดจริงด้วย!

ส่วนงานนี้น้องพลุคะแนนนำโด่งกว่าคนอื่นๆ เลย
ทั้งน่ารัก ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด สนับสนุนให้รุกจีบหมอปืนเยอะๆ นะ รำยัยน้องนิวจะแย่แล้ว 555555

รอลุ้นตอนหน้าว่าน้องพลุพ่อยอดขมองอิ่มของเจ้จะต้องไปเจออะไร >_<
แล้วก็รอลุ้นด้วยว่าตอนหน้าหมอปืนจะได้พาน้องพลุไปเลี้ยงข้าวตอบแทนเพราะตอนนี้ไม่ได้ไปรึเปล่า

สนับสนุนให้น้องมอมเหล้าคุณหมอค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา  :hao7:

หรือจะให้คุณหมอมอมน้องก็ดีและดีมากเลยนะคะ กร้ากกกกก

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
บทที่ 5 ไม่มีทางเลือก (ครึ่งแรก)

วิทยาถอดเสื้อกาวน์ใส่ไม้แขวนและเก็บเข้าล็อกเกอร์ส่วนตัวในห้องพักแพทย์ที่ตอนนี้บรรยากาศขมุกขมัวราวกับท้องฟ้าก่อนมรสุมจะเข้า โดยมีตาพายุอยู่ที่ร่างสูงซึ่งยังห่อกายด้วยเสื้อกาวน์ยับย่นจากการกรำงานหนักมาทั้งวัน นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนโซฟาตัวเก่าสีเขียวตุ่นกลางห้อง

“ทะเลาะกับน้องนิวอีกแล้วเหรอ” เขาเอ่ยอย่างสุดทนที่เห็นเพื่อนรักทำหูตูบหางตกกับโทรศัพท์หลังจากโดนแฟนสาวกดตัดสาย

“อือ” ปาวัสม์คราง ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่อีกสิบรอบเขาก็คงไม่อาจเข้าถึงสิ่งมีชีวิตเข้าใจยากที่เรียกว่าผู้หญิงได้ 

“ใจเย็นๆ” วิทยาเดินมาทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างและใช้มือข้างหนึ่งโอบไหล่กว้างที่ลู่ลงไว้ “คนรักกันก็ต้องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา”

“จำเป็นด้วยเหรอ?” คนไม่เคยเจอรักแท้ถามพาซื่อ “ฉันก็รักนาย แต่ไม่เห็นเราต้องทะเลาะกันทุกวันเลย”

คนตัวเล็กกว่านิ่งขึง ไม่ใช่ที่คำพูดเพราะเขารู้ดีว่าปาวัสม์ไม่เคยคิดอะไรเกินเลย แต่ตอนนี้เรือนผมสีดำสนิทซึ่งเคยพิงอยู่กับพนักโซฟากลับเอียงลงมาซุกบนไหล่เขาน่ะสิ

พลันสายตาคมสังเกตเห็นความผิดปกติบางสิ่ง จนลืมความทุกข์ใจไปเสียสนิท “โดนอะไรมาน่ะจิว” ปาวัสม์เอื้อมมือมาดึงคอเสื้อเชิร์ตแบะออกเพื่อดูปื้นแดงที่อยู่บนแนวไหปลาร้า

วิทยาขืนตัวหนีพร้อมกับกระชับคอเสื้อ “ไม่มีอะไร... แค่แมลงกัด”

“แมลงอะไร” คิ้วหนาย่นเข้าหากัน เขาไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ว่านี่คือรอยจูบ “นายมีแฟนแล้วเหรอ”

บรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อคนปลอบถูกซักฟอกเสียเอง พลันประตูห้องถูกเคาะและเปิดเข้ามาอย่างถือวิสาสะด้วยมืออวบๆ ของหญิงสาวร่างสูงใหญ่ที่เกือบกินพื้นที่เต็มกรอบบานประตูนั่น 

นุชนันท์เดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี วันนี้งานไม่ยุ่งเหมือนทุกวันและเธอก็ได้ลงเวรเร็วกว่าปกติ “ปืน จิววันนี้อยู่เวรหรือเปล่า”
หนุ่มหน้าตี๋ได้ทีรีบเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้ฉันว่าง”

“มีนัดไปกินข้าวเย็นกับนิว แต่ตอนนี้ว่างแล้ว”

“เอาให้แน่ปืน ฉันไม่อยากมีเรื่องกับแฟนแก” สาวร่างอวบถามย้ำให้แน่ใจ เรื่องเมื่อคราวที่แล้วจนผ่านมาหลายวันรชญาก็ยังไม่ลืมและต้องหาเรื่องเข้ามาจิกกัดเธอทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

“เพิ่งโดนแคนเซิลนัดไปเมื่อกี้เอง” ปาวัสม์ยืนยัน  “จู่ๆ ก็โทรมาบอกว่าจะอดมื้อเย็น กลัวอ้วนอย่างงู้นอย่างงี้ แล้วก็จะกลับบ้านไปนอนเลย”

“เหรอ” นุชนันท์แกล้งว่า อันที่จริงเธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะถึงได้มาชวนเพราะเธอแอบได้ยินรชญาบ่นเรื่องวันนั้นของเดือนที่เล่นเอาเดินตรวจแทบไม่ไหว ใจจริงคงอยากกลับไปนอนพักน่ะแหละ แต่หล่อนคงอายถ้าต้องพูดออกมาตรงๆ “นิวไม่กินก็เรื่องของเธอ แต่ฉันจะกินและตอนนี้ก็หิวมาก ตกลงนายจะไปกับฉันหรือเปล่า”

ปาวัสม์ล้วงบัตรจองรับประทานอาหารบุฟเฟต์ของโรงแรมชื่อดังสองใบออกมาวางลงบนโต๊ะ “พอน้องนิวแคนเซิลมันก็เลยเหลือ ซื้อมาแพงซะด้วยสิ จะทิ้งไปก็เสียดาย”

นุชนันท์ปรายตามอง “ฉันไม่เอาตั๋วนั่นหรอกนะ”

“ก็ไม่ได้จะให้นี่” ปาวัสม์บอกเสียงขรึม “อันนี้ยกให้จิว ส่วนของเธอ...” เขายิ้มออกมาในที่สุด เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่แต่มีข้อแม้ว่าเธอต้องยอมนอนดึกไปนั่งเฝ้าฉันกับไอ้จิวไม่ให้เมาจนขับรถไม่ได้นะ”

นุชนันท์ยิ้มพราย “ให้เฝ้าเฉยๆ น่ะไม่เอาหรอกย่ะ แต่ถ้าให้ดื่มเป็นเพื่อนล่ะก็ถึงไหนถึงกัน” 
OOOOOO

“ขอบคุณที่เลี้ยงนะปืนวันนี้อุ้มสนุกมากเลย” นุชนันท์หัวเราะร่วน ระหว่างเดินไปตามทางลานจอดรถของบาร์ร้านประจำที่มีแสงไฟสลัว

“ไม่เป็นไรเล็กน้อยน่า จิวจะไปส่งเธอที่บ้าน ใช่ไหม” ปาวัสม์สบตาวิทยาที่ก้าวขึ้นนั่งสตาร์ทรถ งานนี้ต้องขอบคุณเพื่อนสาวที่คอยปรามและสั่งคิดเงินก่อนที่พวกเขาจะติดลม เมาแอ๋จนกู่ไม่กลับ

“ฉันอารมณ์ดีเกินกว่าจะอยากมีเรื่องกับยัยนั่นพรุ่งนี้เช้า” นุชนันท์ขยิบตาให้สองหนุ่มก่อนจะขึ้นนั่งข้างคนขับ

“ขับรถดีๆ นะปืน” วิทยาบอกและขับรถออกไป

ปาวัสม์โบกมือลาเพื่อนรักทั้งสอง เขากำลังเดินกลับไปรถตัวเองซึ่งได้ที่จอดอยู่ไกลออกไปเมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังก้องมาตามทาง เขากำลังลังเลว่าจะโทรแจ้งตำรวจหรือตามคนมาช่วยดี เสียงนั้นก็ยิ่งดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และมันฟังดูคุ้นเคย

“ฉันบอกว่าฉันเอารถมาไง”

“แต่ฉันอยากไปส่งนี่นา... วันนี้ให้ฉันไปส่งนะพลุนะ”

ปาวัสม์เดินแอบหลังเสา เพียงแค่อึดใจเดียวเขาก็เห็นเจ้าของเสียงทั้งสอง คนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาคมคาย ร่างสูงล่ำสันอย่างนักกีฬา สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาวลักษณะเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยทั่วๆ ไปที่มานั่งจิบหลังเลิกเรียน เขาดูกรึ่มๆ และเดินเซนิดๆ ซึ่งคงจะดื่มไปมากพอควร ส่วนอีกคนที่เขาคุ้นตาดีสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาถึงใบหน้าจะออกแดงเรื่อๆ แต่ก็ดูจะครองสติได้มากกว่า

“จะวันไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละเทมส์” เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ ปฏิเสธเสียงแข็งเพราะรู้ดีว่าการขอไปส่งบ้านไม่ได้มีจุดจบอยู่แค่หน้าประตู “บอกเป็นหนที่ร้อยแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่ได้รักนาย”

“แต่ฉันรักนาย” ดูเหมือนคนเมาจะเริ่มเหลืออด เขาคว้าคนตัวบางกว่าดึงให้หันกลับมาและผลักติดกำแพงก่อนจะใช้แขนทั้งสองข้างคร่อมไว้ “นายนี่ใจร้ายจังนะพลุ ทั้งที่ฉันจริงจังกับนายแท้ๆ”

ภาวัฒน์สูดลมหายใจนับหนึ่งถึงสิบ บังคับตัวเองให้ใจเย็นไม่ใช้กำลังถึงจะสู้ได้ เพราะยังไงคนตรงหน้าก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กซึ่งตอนนี้กำลังเรียนปีสองอยู่คณะวิศวะ แถมยังใจดีมาช่วยเป็นอาสาสมัครกู้ชีพหน่วยเดียวกับเขาช่วงที่ว่างอีกด้วย “ฟังนะเทมส์...”

คนเมาไม่รับฟังเขาก้มหน้าลงต่ำและพยายามจะหยุดการโต้แย้งด้วยริมฝีปาก

ปาวัสม์กำหมัดแน่น ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามากมายมาจากไหนเขาเป็นหมอ ของหนักที่สุดที่เคยถือคือหูฟังแถมยังไม่ถนัดเรื่องชกต่อย แต่รู้ตัวอีกทีก็พบว่าสองขาพามายืนด้านหลังเด็กหนุ่มทั้งสอง เขาคว้าไหล่คนเมาที่ขนาดตัวสูงใหญ่กว่าและกระชากอย่างแรงจนล้มลง “หยุดนะ!”

“แกเป็นใครวะ!”

คุณหมอหนุ่มฉวยข้อมือร่างโปร่งและดึงเข้าหาตัว “ฉันเป็นพี่ชายพลุ เห็นเขาไม่กลับบ้านสักทีเลยมารับแล้วนายล่ะเป็นใคร”

“พี่ชายงั้นเหรอ” คนเมายิ้มเหยียด เขาซวนเซลุกขึ้นยืนพลางจ้องหน้าร่างสูง “คบกันมาตั้งนานเพิ่งรู้ว่านายมีพี่ชาย วันนี้ฉันยอมถอยก็ได้ เจอกันพรุ่งนี้นะพลุ” แล้วกลับหลังเดินตุปัดตุเป๋ไปตามทางในลานจอดรถ

“อะไรของมันฟะ” ปาวัสม์รำพึงงงๆ อุตส่าห์เตรียมจะบู๊เต็มที่แต่คนเมากลับยอมเลิกราง่ายดายจนน่าตกใจ เขาหันไปหาเด็กหนุ่มตั้งใจจะถามให้ได้ความ แต่คนโดนช่วยกลับแกะมือเขาทิ้งและสาวเท้ายาวๆ เดินหนีไปซะนี่

“ขอบคุณที่ช่วยครับ”

“คือ... นั่น... อ้าว...” ปาวัสม์ได้สติ จึงรีบตามไปติดๆ แต่เด็กหนุ่มกลับเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเขาต้องวิ่งเหยาะๆ เพื่อให้ทันกัน “นายจะรีบไปไหนล่ะพลุ รอฉันก่อนสิ”

“ขอโทษนะครับคุณหมอ” ภาวัฒน์ตอบทั้งที่ไม่ยอมหันมา “ผมก็ไม่ได้กลัวที่จะยอมรับหรอกแต่เล่นให้คนรู้จักมาเจอจังๆ ในสภาพแบบนี้ผมก็อายเป็นเหมือนกันนะครับ”

คิ้วหนาย่นเข้าหากัน เพิ่งเข้าใจว่าทำไมถึงถูกเดินหนี เด็กหนุ่มคงกลัวเขาจะมีอคติ แต่ปาวัสม์ไม่เคยคิดเช่นนั้น ยิ่งเป็นแบบนี้เขายิ่งต้องตามไปแก้ไขความเข้าใจผิดให้ได้ “ไม่ต้องอายหรอก ใครๆ ก็เคยทะเลาะกับแฟนน่า”

คำพูดเข้าใจผิดของร่างสูงทำให้เด็กหนุ่มกระแทกฝีเท้าหยุดและหันกลับมาเผชิญหน้า

“ฟังให้ดีนะครับ” ภาวัฒน์พูดเสียงดังฟังชัด “ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แฟนผมและถึงผมจะดูเป็นคนเจ้าชู้แต่สาบานได้ว่าจริงๆ แล้วแค่อัธยาศัยดี”

“โอเค” ปาวัสม์ยกมืออย่างยอมจำนน รู้สึกดีใจเป็นล้นพ้นที่ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ยอมหยุดเพราะตอนนี้เขาเริ่มหอบจนลิ้นห้อยแล้ว “ไม่ใช่ก็ไม่ใช่” ...แต่เรื่องเจ้าชู้นี่ไม่เชื่อนะ เจ้าเด็กแสบปากน้ำหวานเอ๊ย!... “แล้วนายก็ไม่ต้องหนีไม่ต้องอายฉันด้วย ถึงฉันจะชอบผู้หญิงและไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้ก็เถอะ แต่ฉันก็ใจกว้างพอจะยอมรับนะ”

“ขอบคุณครับ” ภาวัฒน์ลอบถอนหายใจ อายก็อายแถมยังกลัวแทบตายว่าถ้าคุณหมอหนุ่มเกิดรับไม่ได้แล้วทำเย็นชาใส่ขึ้นมาจะทำยังไง แต่นี่เล่นวิ่งตามมาแก้ความเข้าใจผิดแบบนี้เขาคงสบายใจได้ไปเปลาะหนึ่งแล้วสินะ

“ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แฟนแล้วทำไมเขาต้องพยายามจูบนายด้วยล่ะ”

“เขาชื่อเทมส์ครับ เป็นเพื่อนสนิทของผม... และเขาก็ชอบผมในความหมายนั้นด้วยทั้งที่ผมปฏิเสธไปชัดเจนแล้ว ตอนปกติเขาก็ควบคุมตัวเองได้ดีอยู่หรอกแต่พอเมาล่ะเป็นเรื่องตลอดเลย”

“มันไม่เกี่ยวกับเป็นเพื่อนหรือไม่เป็นหรอก ถ้าปฏิเสธไปแล้วยังไม่ฟังก็ต่อยให้คว่ำไปเลย”

“เขาเป็นคาราเต้สายดำ” ภาวัฒน์พูดเรียบๆ “เคยเป็นแชมป์เยาวชนระดับประเทศสองสมัยซ้อน ตอนนี้ก็ช่วยพ่อที่เปิดโรงเรียนสอนอยู่ หมอปืนโชคดีสุดๆ เลยนะที่เขายังมีสติมากพอจะไม่เลือกคุณหมอเป็นคู่ต่อสู้น่ะ”

...มิน่าล่ะถึงยอมถอยง่ายเชียว...

ปาวัสม์กลืนน้ำลายเอื๊อก แต่ก็ยังไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ ถึงเขาจะไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีนักแต่อย่างน้อย ผู้หญิงที่เขามีสัมพันธ์ด้วยณ เวลานั้นก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักล่ะ... อ่ะ! ยอมแล้ว ถึงไม่ใช่คนรักเสมอไปแต่อีกฝ่ายก็สมยอมนะ “เพราะเหตุผลแค่นั้นนายเลยยอมให้เขาจูบง่ายๆ น่ะนะ”

“ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ครับ” คนผมสีน้ำตาลไหวไหล่อย่างไม่แยแส “หน้าตาก็ดีแถมยังโสด ถ้าจะผิดก็ตรงที่ไม่ใช่สเปคผมนี่แหละ  จูบทีสองทีเดี๋ยวเขาก็เฮิร์ทเองขอโทษเองแล้วก็กลับไปเงียบๆ เองแหละครับ”

“สรุปว่าฉันผิดเองใช่ไหมเนี่ยที่ไปยุ่งเรื่องของนาย” ปาวัสม์พูดหงอยๆ ซึ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

“ก็บอกแล้วไงครับว่าขอบคุณ ใครมันจะบ้าไปจูบกับคนที่ไม่ได้รักได้บ่อยๆ ล่ะครับ” เขายกมุมปากขึ้นยิ้มนิดหนึ่ง “เอางี้! เพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วย ผมขอเลี้ยงข้าวมื้อดึกนะ”

“ก็ดีสิ” ปาวัสม์รับคำทั้งที่อิ่มจนพุงปลิ้นแล้ว... แต่เจ้าเด็กแสบเสนอตัวจะเลี้ยงทั้งทีเขาจะพลาดได้ไง “เดี๋ยวจะกินให้หมดตัวเลย”

ภาวัฒน์เหลือบตามองคนพูดไม่คิดและอมยิ้มออกมาเล็กน้อย “อยากให้กินจะแย่แล้ว” เขากระซิบก่อนจะพูดด้วยเสียงปกติและชี้มือไปยังรถของตนที่จอดอยู่ถัดไปอีกสองบล๊อค “มอเตอร์ไซค์ผมจอดอยู่โน่น เดี๋ยวผมจะขับนำไปก่อน หมอปืนขับตามมาดีๆ อย่าให้หลงนะครับ”

เด็กหนุ่มก้าวขาจะออกเดินแต่ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มมาพอควรทำให้เซไปเล็กน้อย

ฝ่ามือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ต้นแขน “นายนี่ไม่ช่วยชาติประหยัดน้ำมันเลย ไปคันเดียวกันดีกว่า” ไม่พูดเปล่าคุณหมอหนุ่มยังฉุดมือดึงแกมบังคับให้เดินตามไปยังรถตนโดยไม่ฟังคำทัดทานใดๆ จัดแจงเปิดประตูจับเด็กหนุ่มโยนใส่รถ เดินอ้อมไปนั่งด้านคนขับล๊อครถเรียบร้อยแล้วจึงหันมายิ้มแผล่ “จะไปร้านไหนดี”

ภาวัฒน์อมยิ้มให้กับมุกประหยัดพลังงานตุ่นๆ ของคุณหมอหนุ่ม... เป็นคนใจดีจริงๆ เลยนะ “เอาเป็นร้านเดิมที่เราเคยไปกินด้วยกันก็ได้ครับ”

“ตามนั้น” ปาวัสม์สตาร์ทรถและขับออกไปทันที
OOOOOO

ชายหนุ่มต่างวัยสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากันที่โต๊ะตัวเดิมตรงริมหน้าต่างในร้านอาหารที่พวกเขามาด้วยกันเป็นครั้งแรก  หลังจากอาหารที่ช่วยกันสั่งถูกลำเลียงลงท้องไปได้พอสมควรปาวัสม์ก็เริ่มตั้งคำถามที่ยังคงคาใจเขาอยู่

“เอ่อ... ขอโทษที่ถามตรงๆ นะพลุ แต่ตกลงนายชอบ...”

“ใช่ครับผมชอบผู้ชาย” ภาวัฒน์ตอบฉะฉานโดยไม่รอให้ถามจนจบเพราะตอนนี้มันเลยจุดวัดใจมาแล้ว

“แต่นายก็ไม่ได้ตุ้งติ้งหรือ... คือแบบว่าฉันก็เห็นนายจีบหญิงนี่”

“ผมเป็นเกย์” เด็กหนุ่มให้นิยามชัดเจนขึ้น “แล้วผมก็บอกคุณหมอไปแล้วนะครับว่าผมแค่อัธยาศัยดี”

“แบบนี้นี่เอง” ปาวัสม์พึมพำ “ถ้าเป็นเกย์ก็จะดูแมนใช่มะ... อืม...”

หัวคิ้วคนผมสีน้ำตาลแทบจะพุ่งมาขวิดกัน “ทำไมต้องสงสัยด้วยล่ะครับ ผมนึกว่าหมอปืนจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดีซะอีก”

“แล้วทำไมฉันต้องคุ้นเคยด้วยล่ะในเมื่อรอบตัวฉันก็ไม่มีใครเป็นเกย์เสียหน่อย” ปาวัสม์ถามซื่อๆ ทำเอาภาวัฒน์ถึงกับสำลักน้ำ “เอ๊ะ! หรือว่าที่ห้องฉุกเฉินมีใครเป็นเกย์เหรอ... นายดูออกใช่ไหม บอกกันมั่งสิ”

“ไม่มีครับ ไม่มี” เด็กหนุ่มรีบหยิบกระดาษทิชชูขึ้นเช็ดปาก แสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีแม้จะไม่ได้พูดออกไป แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณหมอช่างสงสัยคนนี้จะเผลอไปถามอะไรเปิ่นๆ แบบนี้กับใครเข้าอีก... แล้วถ้าเป็น ‘ใครคนนั้น’ เขาก็คงรู้สึกผิดไม่น้อยทีเดียว 

“ทำตัวมีพิรุธ” ปาวัสม์ชี้นิ้ว “แสดงว่าแอบชอบใครที่ห้องฉุกเฉินอยู่ล่ะสิ ถึงได้ชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่เรื่อย”

“ผมไม่นิยมจีบเพื่อนร่วมงานนะครับ” ภาวัฒน์ปั้นหน้านิ่งพูดเรียบๆ ก่อนจะลดเสียงลงเล็กน้อยคล้ายจะพูดกับตัวเองมากกว่า “แต่ถ้าเป็นพี่ชายล่ะก็ไม่แน่”

“หืม... เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ”

“ปล๊าววว” ภาวัฒน์ทำไม่รู้ไม่ชี้ตอบเสียงใส “ผมแค่ขำที่หมอปืนบอกว่าเป็นพี่ชายผมน่ะ... คิดได้ไงอ่ะ”

“อ้าว แล้วจะให้ฉันพูดว่าไงล่ะ ถึงเราจะหน้าตาไม่คล้ายกัน แต่ก็ไม่ได้ดูวัยใกล้กันขนาดจะบอกว่าเป็นเพื่อนนี่... หรือจะให้บอกว่าเป็นแฟน”

คนถูกถามสำลักข้าวในปาก แต่คนพูดยังคงนิ่วหน้าเครียด กำลังไตร่ตรองว่าความสัมพันธ์แบบใดดีที่ตนควรหยิบยกมาใช้ในกรณีเช่นนี้

ภาวัฒน์ก้มหน้าและแอบยิ้มออกมาเล็กน้อยกับความจริงจังในเรื่องไม่เป็นเรื่องของคุณหมอหนุ่ม เขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งแล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นปาวัสม์กำลังมองเขาอยู่และถามซ้ำในเรื่องเดิม

“นายว่าไง”

“เป็นพี่ชายก็พอ... ผมไม่กล้าไปแทนที่หมอนิวหรอกครับ” เด็กหนุ่มบอกเรียบๆ พลางตักกับข้าวใส่จานอีกฝ่ายเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “กินเยอะๆ นะครับคุณหมอ”

“งั้นนายก็เรียกฉันว่า ‘พี่’ สิ”

“ห๊ะ!” ภาวัฒน์สำลักเป็นรอบที่สาม คืนนี้คุณหมอช่างสงสัยมีเรื่องให้เขาเซอร์ไพรซ์บ่อยเกินไปล่ะ “ทำไมล่ะครับ”

“นายเอาแต่เรียกฉันว่าคุณหมอมั่ง หมอปืนมั่งมันฟังดูเหินห่างนี่ แถมยังดูแก่ๆ ยังไงไม่รู้... เรียก ‘พี่ปืน’ ก็พอแล้ว” ปาวัสม์เอาช้อนชี้หน้าเด็กหนุ่ม “เอ้า! ไหนลองเรียกสิ ‘พี่ปืนครับ’”

แก้มสีแทนอมสีฝาดขึ้นระเรื่อ “เอ่อ... พี่...” ริมฝีปากบางอ้าออกก่อนจะจะขบเม้มลงซ้ำแล้วซ้ำอีก ภาวัฒน์ตบปากตัวเอง ให้ตายสิ! ยังไงเขาก็เรียกไม่ได้ “ไม่เอาไม่เรียกอ่ะ มันกระดากปากแปลกๆ ผมขอเรียกหมอปืนอย่างเดิมแหละดีแล้ว”

ปาวัสม์นิ่วหน้า ...ปกติชอบทำทะเล้นมาเรียกเขาด้วยฉายาแปลกๆ หรือคำเลี่ยนๆ อย่าง ‘คุณหมอสุดหล่อ’  แถมยังกล้าใช้ ‘คุณหมอของผม’ อีก แค่ให้เรียก ‘พี่’ นี่มันยากขนาดนั้นเลยหรือฟะ ไอ้เด็กแสบนี่! ไม่เข้าใจเลยจริงๆ... 

“ก็ตามใจ”

และแล้วคืนนี้ก็เป็นอีกค่ำคืนที่ดำเนินไปอย่างสนุกสนานและยาวนาน แม้จะไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เมามาย แต่ดูท่าคนต่างวัยสองคนจะคุยกันถูกคอเกินกว่าจะต้องหันไปพึ่งสิ่งเหล่านั้น
OOOOOO   

“หมอปืนขี้เซา ตื่นได้แล้ว”

สิ้นเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นที่โปงผ้าบนตียงนุ่มในห้องพักเล็กๆ สีขาวไร้การตกแต่ง มือใหญ่ยื่นออกมาป่ายเปะปะหาโทรศัพท์ที่หัวเตียงและดึงผลุบหายเข้าไปครู่หนึ่งก่อนจะโยนมันออกมา

“วันนี้ไม่มีเวร ขอนอนต่ออีกงีบนะ”

“ตามใจครับ แต่ผมต้องไปทำงานแล้ว ถ้าหมอปืนจะออกไปผมฝากล็อคบ้านด้วยนะ”

มือใหญ่กระชากผ้าห่มเปิดออก คุณหมอหนุ่มได้สติตื่นเต็มที่ เขายกมือขึ้นปิดหน้ารู้สึกอายจนบอกไม่ถูกที่มาเผลอหลับในห้องคนอื่นอีกแล้ว

“ผมไปแล้วนะครับ”

ปาวัสม์ลดมือลงและทันหันไปเห็นคนหัวยุ่งๆ ในชุดหมีกำลังก้มๆ เงยๆ ใส่รองเท้าที่หน้าประตู “เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป” มือใหญ่ดันกายลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มจึงร่นลงเผยให้เห็นแผงอกที่เปลือยเปล่า พอเริ่มสนิทสนมกันระดับหนึ่งเขาก็เลิกอายและกล้าปล่อยเนื้อปล่อยตัวต่อหน้าเด็กหนุ่ม “ฉันออกไปพร้อมกันเลยดีกว่า จะได้แวะไปส่งนายด้วยเมื่อคืนนายไม่ได้เอารถมอเตอร์ไซค์กลับมานี่”

“งั้นก็รีบลุกเลยครับ ลุกกก... ผมสายแล้วนะ” ภาวัฒน์เร่ง “อ้อ ชุดหมอปืนเหม็นเหงื่อมาก ผมว่าจะซักให้แต่ขี้เกียจ เลยเอาไปผึ่งไว้ตรงระเบียงหลังห้องแทน ถ้ากลิ่นมันยังไม่ดีขึ้นก็เอาเสื้อผมไปใส่ก่อน... จริงสิ! ชุดที่ซักให้คราวที่แล้วยังไม่ได้เอาไปคืนเลย แขวนอยู่ในตู้แน่ะ หาเอาเองนะครับ”

“ขอบใจ” ปาวัสม์ลุกเดินไปยังระเบียงตามที่ภาวัฒน์บอก เขาหยิบเสื้อของตนที่อยู่บนราวตากผ้ามาดมๆ ดูแล้วก็ต้องเบ้หน้าหนี ดูท่ากลิ่นไม่พึงประสงค์นี้จะไม่ทำร้ายเขาตอนที่สวมใส่แต่เมื่อถอดออกมันช่างร้ายกาจจนแม้จะผึ่งลมมาทั้งคืนก็ไร้ซึ่งการเยียวยา

ร่างสูงจำใจเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เขากอดอกลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่เพราะเจ้าของอนุญาตแล้วจึงตัดสินใจเปิดออก มันเป็นตู้ที่มีเสื้อผ้าน้อยมากในความคิดของเขาโดยเฉพาะคนใส่ยังอยู่ในช่วงชีวิตวัยรุ่นด้วยแล้ว เขาละสายตาและหันไปมองรอบๆ ห้องที่มีของใช้อยู่น้อยชิ้นจนแทบจะนับได้และไร้ซึ่งการตกแต่งใดๆ เป็นพิเศษ ดูเหมือนภาวัฒน์จะเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่หลังรีไทร์ออกจากมหาวิทยาลัย

ปาวัสม์พยายามไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของเด็กหนุ่ม แต่แล้วความตั้งใจก็พังทลายเมื่อเขาหันกลับมาเห็นแฟ้มเล่มหนึ่งวางกองอยู่บนพื้นตู้ เอกสารหลายอย่างหลุดออกมา ลักษณะเหมือนร่วงลงมาจากที่ไหนสักแห่ง มือใหญ่หยิบขึ้นมาหมายจะเก็บให้แต่มันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงเพราะสิ่งอยู่ในแฟ้มพร้อมใจกันเทกระจาดออกมาเกือบหมด

“งานเข้าแล้วไหมล่ะ!”

ปาวัสม์ตาลีตาลานก้มลงเก็บและค้นพบในนาทีถัดมาว่าเจ้าสิ่งนี้คือแฟ้มผลงานที่เด็กม.ปลายทุกคนต้องทำเมื่อเรียนจบการศึกษาเพื่อเตรียมไว้สำหรับการไปสอบสัมภาษณ์หรือสมัครเข้าทำงาน มันยืนยันเรื่องเล่าของเด็กหนุ่มที่มีพื้นเพเป็นคนเชียงใหม่และมีผลการเรียนดีจนถึงขั้นดีมาก รวมไปถึงเรื่องตาบอดสี แต่สิ่งที่ทำเขาประหลาดใจเป็นอันมากคือคำตอบตรงช่องอาชีพในฝันของใบแนะแนวการศึกษาต่อสมัยม.ต้น

‘ทนายความ’

คิ้วหนาย่นเข้าหากันเล็กน้อย ...อยากเป็นทนายก็ดีอยู่แล้วนี่ แล้วนึกยังไงเปลี่ยนใจมาเป็นหมอล่ะ?

คุณหมอหนุ่มเก็บเอกสารเข้าแฟ้มไปเรื่อยๆ และเพลิดเพลินกับภาพถ่ายกิจกรรมของเด็กหนุ่มในอิริบทต่างๆ ตั้งแต่สมัยเป็นละอ่อนเพิ่งเข้าชั้นมัธยมจนถึงวันรับใบประกาศนียบัตรเรียนจบ รู้สึกเหมือนคุ้นเคยและเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำเหล่านั้นทั้งที่ความจริงเขาไม่เคยเจอหรือรู้จักเด็กหนุ่มมาก่อนหน้านี้แน่ๆ

จนมาถึงหน้าสุดท้ายที่ปาวัสม์พบกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งถูกตัดมาจากหน้าหนังสือพิมพ์ พาดหัวข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่จังหวัดเชียงใหม่ลงวันที่เมื่อหกปีที่แล้ว

เขาหยุดอ่านด้วยความสนใจ หน้ากระดาษนั้นเป็นสีน้ำตาลคร่ำคร่า กรอบบางจนเกือบจะขาดแต่ยังถือว่าอยู่ในสภาพดี จากพาดหัวข่าวและคำโปรยเล็กๆ ทำให้รู้ว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดจากรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งซึ่งซิ่งมาด้วยความเร็วสูงเสียหลักล้มลง รถเก๋งที่ขับสวนมาอีกเลนจึงหักหลบกะทันหันและพุ่งไปชนเข้ากับเสาไฟฟ้าจนสองพ่อลูกที่นั่งมาในรถเกือบเสียชีวิต

ปาวัสม์ขมวดคิ้วด้วยความสนใจ เขาอยากจะอ่านรายละเอียดส่วนที่เหลือต่อ แต่เสียงกุกกักหน้าประตูทำให้ต้องรีบเก็บคืนแล้วโยนแฟ้มไว้ที่เดิมก่อนจะถูกจับได้ว่าแอบดูของคนอื่น และรีบคว้าเสื้อเชิ้ตที่จำได้ว่าเป็นของตัวเองออกมาสวมลวกๆ

“แต่งตัวเสร็จหรือยังครับ”

“เกือบล่ะ” ปาวัสม์พยายามติดกระดุมโดยไม่สนใจเด็กหนุ่มที่ยืนกอดออกพิงกรอบประตูมองดูเขาอยู่ “มีอะไร” เขาถามออกไปจนได้เมื่อเห็นคนหน้าเป็นเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ขอโทษทีนะที่ฉันมันเป็นตาลุงขี้ก้างแถมยังลงพุงอีกต่างหาก... เลิกมองได้แล้วไอ้เด็กบ้าเอ๊ย”

ภาวัฒน์เดินเข้ามาหา เขาคว้ามือทั้งสองพร้อมกับสบนัยน์ตาคม “หมอปืนกำลังทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า”

“ทำอะไร” ปาวัสม์กลั้นใจนิ่ง ศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีน้ำตาลยุ่งๆ ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น มากเสียจนเขารับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่พุ่งมาสัมผัสหน้าอก

นัยน์ตาสีดำขลับหลุบลงต่ำ เด็กหนุ่มเลื่อนมือลงไปยังกระดุมเม็ดที่เขาติดค้างไว้และเริ่มต้นแกะออกทีละเม็ด... ทีละเม็ด...

ปาวัสม์ยืนตัวแข็งทื่อ เขาปล่อยให้เด็กหนุ่มทำตามใจจนกระทั่งกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดออกจากรังดุม

“อยากถอดเองหรือจะให้ผมถอด”

“จะ...” ปาวัสม์หายใจขัดขึ้นมาเสียเฉยๆ “จะดีเหรอพลุ”

“งั้นผมถอดให้นะ”

ปาวัสม์เผลอหลับตาโดยไม่รู้ตัว สัมผัสได้ถึงลมเย็นที่พัดต้องผิวเนื้อจนขนแขนตั้งชูชัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงเผยอเปลือกตาข้างหนึ่งขึ้นช้าๆ สิ่งแรกที่เห็นคือ เด็กหนุ่มกำลังสะบัดเสื้อตัวที่เพิ่งดึงออกไปจากตัวเขา

ภาวัฒน์อมยิ้มกรุ้มกริ่ม “หมอปืนใส่เสื้อกลับตะเข็บ... นี่ถ้าผมไม่ทักจะรู้ตัวไหมเนี่ย ป้ำๆ เป๋อๆ จริง”

คุณหมอหนุ่มเกาศีรษะแก้เขิน นึกอายตัวเองจับจิตจับใจที่มีพลังจินตนาการยามเช้าเหลือเฟือเสียเหลือเกิน”คนเรามันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง”

“แต่บางอย่างพลาดไปแล้วกลับไปแก้ไขไม่ได้นะครับ” ภาวัฒน์สะบัดเสื้อโอบรอบตัวร่างสูงและช่วยเขาใส่กลับเข้าไปใหม่

“ได้สิ เมื่อรู้ว่าผิดก็แค่ถอดออกและเริ่มติดใหม่ตั้งแต่ต้น เหมือนที่นายกำลังทำให้ฉันอยู่นี่ไง”

“แล้วถ้าเกิดไอ้เม็ดที่ผิดนั่นดันติดแน่นจนแกะไม่ออกล่ะ” จู่ๆ ภาวัฒน์ก็โพล่งออกมา “คุณหมอจะทำยังไง จะปล่อยมันไปหรือตัดกระดุมเม็ดนั้นทิ้ง” มือทั้งสองสั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ จนไม่อาจติดกระดุมต่อได้เมื่อภาพความผิดพลาดในอดีตที่ไม่อาจกลับไปแก้ไขได้จู่โจมเข้ามาในหัวใจ

นัยน์ตาคมมองอย่างฉงน ทีแรกเขานึกว่าเด็กหนุ่มคิดถึงเรื่องที่ไม่อาจเรียนจนจบหมอตามที่ฝัน แต่เมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำขลับที่หม่นแสงลงเขาก็พบว่ามีความกลัดกลุ้มอื่นอัดแน่นอยู่ในนั้น สมองประมวลภาพข่าวที่เพิ่งบังเอิญเห็นแต่ก็ยังปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้

ถึงจะไม่เข้าใจ ทว่าความรู้สึกผูกพันบางอย่างที่เริ่มก่อเกิดในหัวใจทำให้สายตาที่ทอดมองอ่อนโยนลง “ ฉันจะหาคนช่วย” มือใหญ่ประกบทับมือที่สั่นและช่วยหยิบกระดุมเม็ดเจ้าปัญหาขึ้นมาอีกครั้ง สองมือที่กุมกันไว้จับมันใส่เข้ารังดุมได้อย่างง่ายดาย “แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วเห็นไหม”

สิ่งที่เต็มไม่ได้มีแค่รังดุมหากมันรวมไปถึงหัวใจบอบช้ำของเด็กหนุ่มด้วย ความผิดที่ตัวเองยังไม่อาจให้อภัยแต่ทำไมนะเมื่อมองตาคมคู่นี้เขาถึงรู้สึกราวกับมันได้รับการเยียวยา

ถึงจะแอบติดใจที่มีคนช่วยแต่งตัวแต่ถึงขั้นให้ช่วยใส่กางเกงด้วยคงไม่ไหว ปาวัสม์หยิบกุญแจรถออกมาส่งให้เด็กหนุ่ม  “ไปนั่งรอในรถเหอะ เดี๋ยวฉันตามไป”

ร่างโปร่งเดินไปจนถึงประตูและหันเสี้ยวหน้ากลับมาครึ่งหนึ่ง “อันที่จริงคุณหมอก็ยังไม่แก่หรอกนะ แถมไม่ขี้ก้างด้วยแค่แอบลงพุง” มือใหญ่เกือบจะคว้าของใกล้มือปาใส่อยู่แล้วเมื่อริมฝีปากบางพ่นประโยคสุดท้ายออกมาพร้อมกับขยิบตาให้ทีหนึ่ง “แต่ผมชอบนะ”

ปาวัสม์กำมือแน่น ไม่รู้จะขุดคำไหนมาเรียกนอกจาก “ไอ้เด็กแสบ!”
****************************************************************************************
ครึ่งแรกผ่านไป
ตอนนี้ใครที่แอบบ่นหมอปืนว่าชอบผิดนัด เขามาแก้ตัวแล้วนะคะ ถึงตอนนี้จะไม่มีใครมอมเหล้าใครก็เหอะ(เสียดายนะเนี่ย)
นี่เพิ่งครึ่งแรก อาจจะยังสงสัย... แล้วมัน 'ไม่มีทางเลือก' ยังไงหว่า?
อดใจรอครึ่งหลังนะคะ^^

ออฟไลน์ Buppha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • https://m.facebook.com/buppha.manisaeng?refid=13

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เกือบจะได้รู้แล้ว พลุเข้ามาเสียก่อน
ขอให้หมอปีนปะติดปะต่อเรื่องได้

เวลาที่หมอปีนอยู่กับพลุ ดูผ่อนคลาย มีความสุข
และดู มุ่งมิ้งดี  คนอ่าน ฟิน

ออฟไลน์ pim-lovemj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :กอด1: อยากบอกว่า คิดถึงน้องพลุมาก ๆ เลยค่ะ รออ่านครึ่งหลังนะคะ
ปริศนายังไม่คลี่คลาย  :hao3:

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สรุปน้องพลุเป็นรับหรอคะะะ แอร๊ย  :impress2:


ออฟไลน์ wavalove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :katai3: :katai3: :katai3:

มาแย้วๆๆ อะจึ๋ยๆๆ    หมอวิทย์เสดผู้กอง แน่ๆๆ เลย   

รอติดตามอยู่นะครับ

 :ling3: :ling3: :ling3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด