ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22  (อ่าน 246495 ครั้ง)

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เรื่องอดีตเริ่มเผยทีละนิดแล้ว พ่อลูกที่หมอปืนช่วยก็คือพลุ กับ คุณพ่อ แน่ ๆ ล่ะ
แต่พลุ อิจฉา เด็กคนนั้น ที่เป็นคนที่หมอปืน CPR เป็นคนแรก แต่เด็กคนนั้น ก็คือพลุไม่ใช่เหรอ
บัตรประจำตัวกับโดราเอมอน คือหลักฐานสำคัญนี่นา น้องพลุอิจฉาตัวเองเหรอเนี่ย
แล้วทำไมพลุถึง ถามกลับว่า มีคนเจ็บแค่สองคนเองเหรอด้วยอ่ะ มีมากกว่านั้นเหรอ

เทมส์ เริ่มจับความรู้สึกหมอปืนได้แล้วสิ แต่ชอบที่เทมส์พูดกับหมอปืนนะ ตรงเป้ะ ๆ
จะรู้สึกอะไรยังไงกับน้องพลุ ก็ต้องแน่ใจนะพี่หมอไม่ใช่แค่เพราะหวั่นไหว
ที่สำคัญ ทุกอย่างต้องชัดเจน ทั้งเรื่องยัยนิว ทั้งเรื่องน้องพลุด้วยนะ
อย่าทำให้น้องพลุเสียใจโดยไม่รู้ตัวนะพี่หมอปืน ชอบเทมส์ ที่รักและเป็นห่วงพลุอย่างแท้จริง

อ่านลงมาตกใจเลยค่ะ คิดว่าจะเลิกแต่งจริง ๆ อย่าพรากน้องพลุไปจากคนอ่านนะคะ  :heaven
ดีใจด้วยที่ได้ตีพิมพ์จ้า เย้  :mc4: ตอนพิเศษ อยากอ่านฉากหวาน ๆ กุ๊กกิ๊ก ๆ ของทั้งคู่มากที่สุดจ้า
ไม่เอาดราม่าเด็ดขาดเลยน้า  :ling3:
ขอบคุณมากค่า

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ประกาศตัว ทีมหมอปืนถาวรค่ะ 555

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
น้องพลุแกล้งพูดอิจฉาตัวเองหรอลูก ? 5555555555555
นี่มั่นใจไปเกินร้อยแล้วค่ะว่าเด็กที่หมอปืนช่วยก็คือพลุ ทำให้น้องมีแรงบันดาลใจที่จะเป็นหมอแล้วเดินตามความฝัน
เพราะมีคนๆนี้เป็นไอดอล .. ฮือ แค่คิดก็เขินแล้วค่ะ เพราะสุดท้ายเค้าก็คงลงเอยกันด้วยดีสินะคะ ?
งั้นก็จะเป็นคนที่ช่วยชีวิตเราไว้ คนที่เรานับถือเป็นไอดอล และวันนี้ก็ได้มีคนๆนั้นมาอยู่ข้างๆแล้ว ..
#มโนไปไกลลิบลิ่วมากค่ะ #ฮา เอาแค่วันนี้วันพรุ่งให้รอดก่อนดีไหมน้อ ; ______ ; ......

เริ่มแอบสงสารรชญาด้วยคนค่ะ คือเอาจริงๆนอกจากเรื่องที่นิสัยไม่ดีกับใช้ญาติมาดึงหมอจิวออกจากแฟนตัวเองแล้วนางก็แค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง
ที่แบบ อาจจะเอาแต่ใจกับแฟนมากไปหน่อย แต่หมอปืนก็เป็นคนยอมนางเองแหละ คือมันเป็นเรื่องของคนสองคน
ถ้าเค้าคบกันแล้วเป็นแบบนี้แต่อยู่กันได้มันก็โอเคแหละค่ะ แอบไม่อยากให้คนเขียนยัดเยียดบทร้ายให้รชญาเลยแฮะ . _ .
แบบ คือส่วนมากถ้านิยายวายมีผู้หญิงเป็นก้างเนี่ย จะกำจัดโดยการให้ผู้หญิงคนนั้นทำตัวเลวก่อน เพื่อใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างพอดิบพอดี
แต่ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้แต่งมาค่อนข้างอยู่บนพื้นฐานความเรียล เลยไม่อยากให้เป็นตามแพทเทิร์นนั้นน่ะค่ะ
(แค่บ่นๆไปตามเรื่องตามราวนะคะ คนเขียนอย่าจริงจังมาก 555555555555555)

เริ่มมองเห็นเค้าลางความวุ่นวายซะแล้วจริงๆด้วยสิ .. หมอปืนเองก็ใจเต้นแบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน
ส่วนพลุก็ชอบเค้ามาตั้งนานแล้วนี่แหละ ว่าแต่ เรื่องนี้โพสิชั่นยังไม่ลงล็อกซะทีเลย ฮือ T _________ T
อ่านแรกๆก็นึกว่าคุณหมอจะเมะนะคะ ไปๆมาๆรู้สึกออร่าเคะมันแผ่ๆยังไงไม่รู้ แล้วก็มีพลิกอีกที แล้วตอนนี้ก็พลิกกลับอีกรอบ!
ขอเลิกเดาแล้วกันค่ะ 555555555555 ไว้รอลุ้นทีเดียวเลย ; - ;

ปล. เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ สู้ๆน้า~ ดีใจด้วยค่ะที่ได้รวมเล่มแล้ว (ถ้าเป็นกับนาบูจะแฮปปี้มาก - / -)
รับรองว่าเรื่องนี้ซื้อแน่นอนค่ะ!!

ปล2. สำหรับตอนพิเศษ อยากอ่านฉาก(เกือบ)ดราม่า อารมณ์แบบหมอปืนลืมวันเกิดน้องพลุ(หลังจากคบกันแล้ว)อะไรแบบนี้ค่ะ
(ซาดิสต์ไปไหม 5555555 รีเควสต์ไว้เผื่อสนใจนะคะ > <)

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
หมอปืนจะทำยังไงต่อหนอ..

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
รอมาต่ออยู่นะ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
บทที่ 8 เผลอ

...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!...

ปาวัสม์ตะโกนกู่ร้องในใจอย่างปวดร้าว เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นคุณอุดมผู้เป็นเจ้าของสำนักคาราเต้แห่งนี้เป่านกหวีดปลุกทุกคนในบ้านให้ตื่นตั้งแต่ตีห้ามาวิ่งรอบบ้านเบาๆ สามรอบเป็นการวอร์มอัพก่อนจะตามด้วยการยืดเส้นชุดใหญ่เพื่อเตรียมร่างกายให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าพร้อมรับเช้าวันใหม่

ทีแรกเขาก็ปฏิเสธเสียงแข็งด้วยการกอดหมอนข้างแน่น แต่เมื่อครั้นสบเข้ากับรอยยิ้มเย็นทรงอำนาจที่บอกว่า “ไม่เป็นไร คุณหมอนอนต่อเถอะครับ” แล้วขนหลังคอมันลุกเกรียวกราวพิกลจนต้องกุลีกุจอเก็บที่นอน เปลี่ยนชุดและรีบวิ่งตามออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แปรงฟันหรือล้างหน้าเลยด้วยซ้ำ

“ไม่ไหวแล้ว เหมือนเส้นมันจะขาดทั้งตัวเลย” ปาวัสม์โอดครวญ เขาทิ้งตัวลงนอนบนพื้นโรงฝึกและเหลียวมองเด็กหนุ่มสองคนที่แม้ทั้งตัวจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่ยังมีแรงเหลือเฟือหัวเราะคิกคักวิ่งเล่นกันด้วยความหมั่นไส้ “ร่างกายพวกนายมันทำจากยางยืดหรือไง หรือว่าเป็นพวกหุ่นยนต์ถึงได้อึดกันแบบนี้”

ศุภพัฒน์ถอดเสื้อกล้ามชุ่มเหงื่อออกโยนลงบนพื้น “พวกผมน่ะปกติอาหมอต่างหากที่อ่อนแอ”

“ให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันสามสิบแล้วนะ ไม่ได้เพิ่งยี่สิบเหมือนพวกนาย”

“พ่อผมก็จะห้าสิบแล้วเหอะ”

ปาวัสม์เหลียวมองคนสูงวัยกว่าที่แยกไปซ้อมเตะนวมอีกมุมหนึ่งของโรงฝึกแล้วถอนหายใจ คนทำงานรักษาสุขภาพแบบเขาแต่ทำไมสุขภาพกลับย่ำแย่แบบนี้นะ จำได้ว่าสมัยจบใหม่ๆ เคยไปลงคอร์สที่ฟิตเนสไว้แต่ก็ไปได้ไม่ถึงสามครั้งหลังจากนั้นเขาก็โบกมือลาขาด ลำพังแค่เวลานอนยังไม่มีแล้วจะให้เขาปลีกเวลาว่างอันน้อยนิดนั้นกระดิกตัวออกจากเตียงนี่ฝันไปเถอะ

“ก็หมอปืนเอาแต่ดูแลคนอื่นเลยไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองไงครับ” ภาวัฒน์เดินมาชะโงกเงื้อมอยู่เหนือร่างสูงและส่งผ้าเย็นให้ซับเหงื่อ “คุณหมอต้องออกกำลังกายบ้างนะ”

“นั่นสิ” ปาวัสม์เห็นด้วย “กลับไปกรุงเทพ ฉันคงต้องคิดเรื่องนี้จริงจังแล้วล่ะ จะได้มีซิกแพคสวยๆ กับเขาบ้าง” พูดพลางเหลือบมองคนตัวโตที่เดินเปลือยอกอวดกล้ามท้องปราศจากไขมันด้วยความหมั่นไส้

ศุภพัฒน์เลิกคิ้ว “หกห่อนี่ไม่ได้มาวันสองวันนะอา” เขาว่า “ซิทอัพธรรมดาให้ขึ้นก่อนเถอะครับ”

“แค่ซิทอัพฉันทำได้หรอกน่า!”

“จริงหรา” ศุภพัฒน์ทำเสียงยานคางอย่างล้อเลียน “ไหนอาหมอลองทำให้ดูหน่อยสิครับ”

“อย่ามาท้านะ” ปาวัสม์ถกขากางเกงและล้มตัวลงนอนเหยียดยาวบนพื้นเตรียมตั้งท่า

...ฉันเนี่ยนะจะซิทอัพไม่ขึ้น เมื่อก่อนก็ทำได้คล่องปรื๊อเลยนะ...

 คำว่า ‘เมื่อก่อน’ ที่จู่ๆ ก็ผุดเข้ามาในความคิดทำให้ต่อมละอายทำงานขึ้นมาตะหงิดๆ เพราะครั้งสุดท้ายที่ซิทอัพก็เป็นการทดสอบสมรรถภาพร่างกายตอนจบใหม่ร่วมหกปีโน่นเลยทีเดียว ปาวัสม์แอบใช้สองนิ้วจับหน้าท้องตัวเองแล้วก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อก้อนนิ่มๆ ก้อนเบ้อเร่อติดมือขึ้นมาง่ายดาย

...เฮ้ย! ฉันต้องทำได้สิ...

ปาวัสม์ตั้งท่าเตรียมพร้อม มุ่งมั่นตั้งเป้าจะเริ่มต้นเบาๆ สักห้าสิบ เขาประสานมือเข้าที่ท้ายและนับ

หนึ่ง... สอง... สาม...

“เทมส์!” ภาวัฒน์เรียกเสียงดัง “คุณอาเรียกนายไปเป็นคู่ซ้อมแน่ะ”

“พ่อก็เตะนวมไปสิครับ” ศุภพัฒน์คราง รู้สึกเซ็งถึงที่สุดแต่ก็รีบวิ่งเหยาะๆ ไปหา

ภาวัฒน์ถอนหายใจและนั่งยองๆ ลงตรงหน้าปาวัสม์ “หมอปืนเล่นอะไรไม่เข้าท่าเลย”

“อะไรกันที่ว่าไม่เข้าท่า” คุณหมอหนุ่มพูดเสียงดัง “ฉันทำได้หรอกน่า” แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าภาวัฒน์จงใจไล่ศุภพัฒน์ไปทางอื่นเสียก่อนที่เขาจะขายหน้า แต่เขาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าตัวเองจะทำไม่ได้ มันก็เหมือนกับการขี่จักรยานน่ะแหละ ถึงจะเลิกขี่ไปนานแค่ไหนแต่ก็ยังขี่ได้... ไม่ใช่เหรอ?

“จะทำได้ยังไง แค่ท่าเริ่มมาก็ผิดแล้วครับ” ภาวัฒน์บอกอย่างอ่อนใจ

“ไม่ผิดสักหน่อย” ปาวัสม์เถียงจนสีข้างถลอกไปทั้งแถบและพยายามจะพิสูจน์ให้ดู

แต่แล้ว นาทีถัดมาร่างสูงก็ทิ้งตัวลงบนพื้น ลำพังแค่การพยายามยกตัวขึ้นจากพื้นในครั้งแรกเขายังต้องใช้แรงดันทุรังตั้งมากมายบิดไปบิดมาเหมือนไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวก แถมสุดท้ายยังได้แค่สองที เขาพ่ายแพ้หมดรูปให้กับการออกกำลังกายและรู้สึกอดสูตัวเองจริงๆ

“หมอปืนลองชันเข่าขึ้นสิครับ” ภาวัฒน์ที่พยายามกลั้นขำแทบตายเข้ามาช่วย “เดี๋ยวผมจับขาให้ ทำแบบนี้จะง่ายกว่าแล้วหลังก็ไม่เสียด้วย ส่วนมือเอาไว้ข้างหูครับ ไม่ๆ... เอาไว้ที่ท้ายทอยแบบนั้นมันกระเทือนกระดูกต้นคอ... แล้วก็กางศอกออกด้วย... บอกให้กางก็กาง อย่าดื้อสิครับ! นั่นแหละ เอ้า! ลองดูอีกครั้งนะครับ”

ปาวัสม์ล้มตัวลงและยกตัวขึ้นอีกครั้ง “เออ... สบายกว่าเมื่อกี้เยอะเลย”

“ทำต่อเนื่องแปดครั้งถึงสิบห้าครั้งรวมเป็นหนึ่งเซ็ต ทำวันละสามถึงห้าเซ็ตติดกันทุกวันสักเดือนซิกแพคคุณหมอก็น่าจะกลับมาแล้วล่ะครับ”

“ตั้งเดือนนึงเลยเหรอ” คุณหมอหนุ่มโอดครวญตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม

“ก็หมอปืนมีไอ้นี่เยอะนี่” ภาวัฒน์ใช้นิ้วจิ้มพุงนิ่มๆ เล่น

“หมดไปหลายแสนนะกว่าจะได้ขนาดนี้น่ะ”

“ไหนหมอปืนลองทำให้ได้สักเซ็ตสิครับ”

“นายจับขาฉันให้แน่นๆ นะ” ปาวัสม์เริ่มต้นทำใหม่อย่างตั้งใจ เพื่อทำให้ได้ตามเป้า

ในขณะที่กำลังนับไปเรื่อยๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าคนผมน้ำตาลนั้นเอาแต่มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง  เขากลั้นใจทำจนครบสิบห้าครั้งแล้วจบด้วยการนั่งเอาคางวางบนเข่าตัวเองและจ้องหน้าเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัว

“คิดอะไรอยู่”

ภาวัฒน์สะดุ้งเฮือก “เปล่า” เขาละล่ำละลักบอกและยิ่งตกใจขึ้นไปอีกเมื่อใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงคืบ “หมอปืนทำครบแล้วเหรอ โกงป่ะเนี่ย”

นิ้วเรียวดีดเพียะเข้ากลางหว่างคิ้วโดยอัตโนมัติ “ยังจะกวนอีก คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง”

ภาวัฒน์เอาฝ่ามือถูหน้าผาก “ผมแค่รู้สึกประหม่านิดหน่อยน่ะ จะต้องจับไมค์สอนอยู่ไม่กี่ชั่วโมงนี้แล้ว”

“จะกลัวทำไม นายเก่งอยู่แล้ว” ร่างสูงคว้าเรือนผมสีน้ำตาลมาขยี้ให้ยุ่งขึ้นไปอีก

“เอาล่ะ เจ๊านี้ปอเต้าอี๊ก่อน” คุณอุดมที่เพิ่งวอร์มร่างกายตามโปรแกรมของตัวเองเสร็จเดินมาขัดบทสนทนาของทั้งสองโดยมีศุภพัฒน์เดินตามมาติดๆ เขาแอบแยกเขี้ยวใส่ปาวัสม์แซวเรื่องที่ซิทอัพไม่ได้ “แยกย้ายกันไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวจะได้มากินข้าวเจ๊ากั๋น”

“ดีจัง ผมหิวจะแย่แล้ว” ปาวัสม์ลุกขึ้นยืนและเดินตามสองพ่อลูกไป

ภาวัฒน์ยกมือขึ้นสัมผัสศีรษะบริเวณที่เพิ่งถูกจับเล่น น่าแปลกที่ความอบอุ่นเพียงชั่วครู่นั้นทำให้ใจที่ว้าวุ่นสงบลงง่ายดาย เขามองตามแผ่นหลังที่กำลังจะเดินไป ก่อนจะรู้ตัวมือก็เอื้อมไปคว้าชายเสื้อร่างสูงเสียแล้ว “หมอปืน”

นัยน์ตาคมเหลียวมามอง “มีอะไร”

“เอ่อ... คุณหมอช่วยทำแบบเมื่อกี้อีกทีได้ไหมครับ”

ปาวัสม์นิ่วหน้า “ทำไมล่ะ”

“คือ... ไม่มีอะไรหรอกครับแค่พอโดนทำแบบนั้นแล้วรู้สึกสบายใจ... เอ่อ... ช่างเถอะ!”

นัยน์ตาคมตวัดมองคนสองคนที่กำลังจะเลี้ยวออกประตูไป “ฉันไม่ตามใจเด็กแสบที่ชอบแกล้งฉันแบบนายหรอก”

ภาวัฒน์ย่นปาก ทำแก้มป่อง “ก็ไม่ได้อยากให้พวกสว.ลงพุงมาตามใจสักหน่อย” เขากระโดดลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินไปถึงประตูอยู่แล้วเมื่อมือใหญ่คว้าตัวเขาไว้

“นายว่าใครเป็นสว.ลงพุงนะ” ปาวัสม์ล๊อกคอเด็กหนุ่มจากทางด้านหลังโดยใช้ฝ่ามือปิดปากไว้เพื่อป้องกันไม่ให้จอมแสบโวยวาย นัยน์ตายังคงจับจ้องไปที่ประตูซึ่งตอนนี้ปราศจากผู้คน

ภาวัฒน์พยายามจะดิ้นให้หลุด เมื่อร่างสูงเหวี่ยงศีรษะเขามากดลงบนบ่าแล้วเลื่อนมือที่ปิดปากไว้ขึ้นจับเรือนผมสีน้ำตาลและลูบเบาๆ เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู “นายทำได้อยู่แล้วคนเก่ง”

ไอร้อนจากฝ่ามือใหญ่ที่กดหนักๆ อยู่บนศีรษะกับบ่ากว้างที่ให้ซบยามหัวใจอ่อนล้าช่างอบอุ่นจนแทบหลอมละลาย เด็กหนุ่มกำหมัดแน่นเพื่อฝืนความต้องการของร่างกายที่ดึงดันจะกอดตอบ เพราะอ้อมแขนนี้มีเจ้าของแล้ว เขาจึงขอเพียงซึมซับความรู้สึกดีๆ นี้ไว้และสูดกลิ่นอายของความใจดีนี้ให้เต็มปอดเพื่อเก็บไปฝันถึงในค่ำคืนที่อยู่คนเดียว

“พลุ! อาหมอ!”

เสียงศุภพัฒน์ตะโกนเรียกพร้อมกับเสียงฝีเท้าปึงปังดังก้องมาตามทางเดินทำให้ทั้งสองรีบผละออกจากกัน

ภาวัฒน์เหลียวมองร่างสูงที่อมยิ้มน้อยๆ พร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากเป็นเครื่องหมายบอกให้รู้ว่ามันคือความลับระหว่างเราสองคน เขาหลุดยิ้มออกมาและตะโกนตอบกลับไปเพื่อไม่ให้ดูมีพิรุธ “กำลังไป”

“มัวแต่โอ้เอ้อะไรกันอยู่” ศุภพัฒน์แทรกเข้ามายืนตรงกลางระหว่างทั้งสองและหรี่ตามองสลับกันไปมา

“เปล่านี่” ภาวัฒน์รุนหลังคนตัวโตที่ยังคงเหลียวมองร่างสูงอย่างไม่เชื่อใจให้รีบเดิน

ปาวัสม์เดินตามไปพลางนึกถึงเรื่องที่คุยกับศุภพัฒน์เมื่อคืน

...เขาจะไม่ทำหน้าที่เกินไปกว่าพี่ชาย... แต่ลูกคนเดียวที่ไม่เคยมีพี่มีน้องแบบเขามันทำตัวไม่ถูก... และการทำแค่นี้มันไม่ถือว่าเกินกว่าหน้าที่ใช่ไหม... 

ทั้งที่น่าจะพอใจกับคำว่า ‘พี่ชาย’ แต่ทำไมนะ ใจเขากลับเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนโดนเข้าใจผิดว่าเป็นอากับหลานเสียอีก
OOOOOO

“ในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะ” ศุภพัฒน์พูดพลางเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ใส่กระเป๋าหลังปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาเสร็จสิ้น

“ใช่” ภาวัฒน์ยิ้มจนแก้มแทบปริ “ขอบใจนายมากเลยนะเทมส์ หมอปืนด้วย”

“เรื่องเล็กน้อยน่า” ปาวัสม์ตบบ่าเด็กหนุ่ม “งั้นเราไปฉลองกันเถอะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”

หลังจากที่พากันตระเวนกินตามร้านดังไปทั่วทุกหัวระแหงจนอิ่มหนำ อันที่จริงปาวัสม์ก็อยากจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดีพาเด็กๆ กลับบ้าน ส่งเข้านอนก่อนสี่ทุ่ม แต่เพราะเสียงโอดครวญบวกกับแรงยุยงของเด็กหนุ่มทั้งสอง เขาก็ใจอ่อน แล้วในที่สุดพวกเขาก็มาจบลงที่ผับแห่งหนึ่งย่านไนท์บาร์ซ่า

นอกจากยุงที่ยกพวกมารุมตอมดูดเลือดให้ปาวัสม์รำคาญแล้วยังมีอีกสิ่งที่มารบกวนหัวใจ เพราะคนที่มาด้วยนั้นเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีทั้งคู่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีนักเที่ยวทั้งสาวและไม่สาวแวะเวียนมาขอให้เลี้ยงเหล้าหรือขันอาสาจะขอเลี้ยงเป็นระยะ

“พวกนายสองคนนี่เนื้อหอมจริงนะ” ปาวัสม์พูดด้วยความหมั่นไส้หลังหญิงสาวนางหนึ่งในชุดรัดรูปสั้นบาดใจส่งจูบทิ้งท้ายให้ก่อนจะเดินจากไป

เด็กหนุ่มทั้งสองหันควับมาจ้องเขาเป็นตาเดียว

“นั่นไม่ใช่สเปคผม” ศุภพัฒน์บอกเรียบๆ

“แล้วต้องแบบไหนล่ะถึงจะเสปคนาย”

คนตัวโตเหลือบมองทางหางตาก่อนจะยกมือขึ้นชี้ไปยังคนผมน้ำตาลที่นั่งอยู่ตรงข้าม “จบนะ”

ปาวัสม์หน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

ภาวัฒน์ปัดมือศุภพัฒน์ออก “แล้วผู้หญิงคนเมื่อกี้เขาก็เล็งหมอปืนต่างหาก”

คิ้วหนาย่นเข้าหากัน “อย่างฉันเนี่ยนะจะโดนจีบ พวกนายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”

ภาวัฒน์ขำคนความรู้สึกช้า “อย่าไปสนใจเลยครับ เรากินกันต่อดีกว่า” ว่าแล้วก็รวบแก้วเหล้าที่เริ่มจะพร่องมาเติมให้เต็มและส่งคืนเจ้าของ

“หมอนี่มันคออ่อนหรอกเหรอ” ปาวัสม์หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นคนตัวโตเมาฟุบหลับลงบนโต๊ะหลังจากที่เหล้าพร่องไปได้แค่ครึ่งขวด เขาเอานิ้วแกล้งแหย่หวังจะให้ตื่น คนเมายกมือขึ้นปัดอย่างรำคาญและตั้งต้นกรนต่อ

“อย่าไปปลุกเลยครับ” ภาวัฒน์เองก็เริ่มกรึ่มไม่แพ้กัน “หมอนี่เมาแล้วชอบดราม่าผมขี้เกียจฟังมันพล่าม” 

ทันใดนั้นศุภพัฒน์ก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรงและมองจ้องคนผมน้ำตาลด้วยสีหน้าเครียดเขม็ง “ถามจริงเถอะพลุ! นายไม่คิดจะกลับบ้านฉันไม่ว่าหรอกนะ แต่มีอะไรทำไมนายไม่บอกฉันตรงๆ วะ”

“มันเริ่มดราม่าแล้วนี่ไงครับ” ภาวัฒน์หันไปพยักเพยิดกับปาวัสม์

“นายฟังฉันพูดอยู่รึเปล่าเนี่ย!” ศุภพัฒน์คว้าไหล่คนผมน้ำตาลและดึงให้หันมาสบตา “นายเป็นบ้าอะไรวะถึงจะเป็นหมอให้ได้ ตอบฉันมาสิ! งั้นที่เคยบอกว่าอยากเป็นทนายนั่นนายโกหกเหรอวะ ตกลงฉันยังเป็นเพื่อนสนิทนายหรือเปล่า”

“ก... ก็คนมันเปลี่ยนใจกันได้นี่นา”

“จะเรียนหมอเรียนที่เชียงใหม่ก็ได้ จะดั้นด้นไปทำไมถึงกรุงเทพ”

“ทีนายยังต้องมาเรียนวิศวะที่กรุงเทพเลย แล้วทำไมฉันจะมาบ้างไม่ได้ล่ะ”

ศุภพัฒน์จ้องคนตรงหน้าราวกับจะมองให้ทะลุ “ฉันไม่ได้อยากมากรุงเทพ ฉันแค่อยากหนีนาย... ฉันสารภาพรักกับนายไปแล้วและโดนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแบบนั้น นายจะให้ฉันอยู่สู้หน้าต่อได้ไงวะ แต่ก็ต้องขอบใจนายล่ะนะเพราะอย่างนั้นฉันก็เลยมุ่งมั่นอ่านหนังสือจนสอบติดมหา’ลัยที่ใครๆ ก็ว่าโคตรยากนี่ได้” เขาเว้นวรรคไปเล็กน้อย “จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังรักนายนะพลุ” พูดจบก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะและตั้งต้นกรนเบาๆ

ภาวัฒน์ถอนหายใจอย่างโล่งอก “หลับไปแล้ว” พลางเขยิบแก้วและขวดเหล้าให้พ้นจากรัศมีที่คนตัวโตจะพลิกตัวไปโดนได้ “นี่วันนี้โชคดีนะครับที่จบแค่ดราม่าเพราะบางทีมันจะลุกขึ้นมาไล่จูบคนอื่นเขาไปทั่วด้วย”

“จริงด้วย” ปาวัสม์พยักหน้าเห็นด้วย “ตอนเจอกันครั้งแรก หมอนั่นก็พยายามจูบนายนี่” พูดไปก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างที่เขาไม่เคยอธิบายได้สักทีว่าทำไม

“โดนจนชินแล้ว” ภาวัฒน์เล่าวีรกรรมของคนที่เมาหลับไปก่อน “เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เหล้าเข้าปากเป็นไม่ได้ จนใครๆ เขาก็พากันระอาหมด มีแต่ผมนี่ล่ะที่ต้องทนเป็นหนังหน้าไฟ เพราะดันสนิทกับมันที่สุด”

ปาวัสม์ย่นคิ้วพลางยกแก้วขึ้นจิบ วันนี้เขาถือว่าตัวเองดื่มน้อยมากเพราะเป็นผู้ใหญ่ที่ถูกผู้ปกครองฝากฝังให้ดูแลเด็กหนุ่มสองคนและต้องรับหน้าที่สารถีขับรถพากลับบ้านอย่างปลอดภัยด้วย “แล้วเรื่องที่เทมส์พูดเมื่อกี้หมายความว่าไง เรื่องที่จริงๆ แล้วนายอยากเป็นทนายน่ะ มันยังไงกันแน่” เขาเปลี่ยนเรื่องเพราะทนรำคาญอาการเจ็บที่ใจนี่ไม่ได้

“ผมก็บอกไปแล้วไงครับว่าเปลี่ยนใจแล้ว”

“จริงเหรอ”

ภาวัฒน์กำลังจะหาทางเลี่ยงเมื่อชายหนุ่มหน้าหวานคนหนึ่งเดินโฉบเข้ามาขัดพร้อมเบียร์หนึ่งขวดในมือ

“สวัสดีครับ” ไม่เพียงแค่สะกิดไหล่แต่ยังยิ้มหวานและทิ้งสายตาเรี่ยราดให้จนน่าหมั่นไส้ 

“ขอโทษนะครับพอดีผมมากับพี่ชาย” เด็กหนุ่มรีบตัดบทพลางพยักเพยิดไปทางร่างสูงที่ตอนนี้คิ้วหนานั้นแทบจะจับมาผูกเป็นโบว์ได้

“งั้นขอเบอร์ได้ไหมครับไว้วันหลังจะโทรไปคุยด้วย” หนุ่มหน้าหวานยังกระเซ้าต่อ

“ไม่ได้หรอกครับ”

“แค่คุยเฉยๆ ก็ไม่ได้เหรอ” ไม่พูดเปล่ายังเบียดตัวแทรกเข้ามาจนแทบจะนั่งลงบนตัก

“ไม่ได้จริงๆ ครับ”

นั่งเงียบๆ ฟังไปฟังมาปาวัสม์ก็เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นทุกที ทั้งอีกฝ่ายที่ตื๊อไม่เลิกและตัวเด็กหนุ่มเองที่ปากบอกว่าไม่แต่ก็ยังยิ้มร่าไม่ได้ดูขึงขังหรือจริงจังอะไร แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เจ้าหนุ่มนั่นจะยอมเลิกลาไปสักทีล่ะ!

“ทำไมล่ะครับ แค่คุยเฉยๆ เอง”

“ก็...”

ภาวัฒน์ยังไม่ทันจะได้ตอบเมื่อคนที่นิ่งฟังอยู่นานอดรนทนไม่ไหว ปาวัสม์ใช้มือข้างที่ว่างอยู่คว้าเอวเด็กหนุ่มแล้วลากทั้งเก้าอี้เข้ามาหาตัวเพื่อให้ออกห่างจากผู้ชายคนนั้น

“ก็บอกไปสิว่าแฟนหวง” ไม่พูดเปล่า นัยน์ตาคมยังจ้องเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

หน้าหวานๆ เจื่อนไปในทันที ในขณะที่ภาวัฒน์แยกไม่ออกแล้วว่าตอนนี้ที่ใบหน้าตนร้อนจนแทบไหม้นั้นมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ความอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี หรือเพราะลมหายใจร้อนๆ ของคุณหมอหนุ่มที่รดอยู่บนหลังหูของเขานี่กันแน่

“ไหนบอกว่าเป็นพี่ชายไง บอกกันดีๆ ตั้งแต่แรกก็จบล่ะ” หนุ่มหน้าหวานบ่น เขาเบะปากให้ทีนึงก่อนจะผละจากไป
“กว่าจะไปได้นะ” ปาวัสม์มองตามจนแน่ใจว่าไปแน่จึงหันมาดุจอมแสบปากน้ำหวานที่ยังอยู่ในอ้อมแขน “นายน่ะเก็บความอัธยาศัยดีไว้ใช้เวลาอื่นบ้างนะ เวลาแบบนี้มันต้องจริงจังสิ”

“นี่ผมก็จริงจังสุดๆ แล้วนะ” ภาวัฒน์ลอยหน้าลอยตาตอบ

“ไม่เลยสักนิด!” คุณหมอหนุ่มสวนทันควัน “บอกว่ามากับพี่ชายแล้วยังคุยหัวร่อต่อกระซิก เป็นฉันก็นึกว่าให้ท่า เพราะนายเป็นแบบนี้แหละรู้ไหม เทมส์ถึงตัดใจจากนายไม่ได้สักที มันเมามากี่ทีนายก็ยอมให้จูบทุกที”

“ไม่ใช่ทุกทีสักหน่อย” เด็กหนุ่มยังเถียงคำไม่ตกฟาก “แค่ไม่กี่ครั้งเอง”

ปาวัสม์กัดฟันรู้สึกโมโหขึ้นมาดื้อๆ “งั้นลองบอกมาสิว่าไอ้ไม่กี่ครั้งของนายน่ะมันกี่ทีกัน”

“ก็... ขอผมนับก่อนนะครับ “

ปาวัสม์ยกแก้วขึ้นจิบรอพลางเหลือบมองเด็กหนุ่มนับนิ้วทางหางตา ความหมั่นไส้ไม่มีที่มากำลังกัดกินหัวใจให้ขาดวิ่น

“หนึ่ง...”

แอลกอฮอล์สัมผัสริมฝีปาก มันออกหวานติดปลายลิ้นก่อนจะตามมาด้วยความขมที่บาดคอ

” สอง... “

ปาวัสม์ยกแก้วขึ้นสูงอีก เช่นเดียวกับแก้มเด็กหนุ่มที่แดงเรื่อขึ้นเรื่อยๆ จนถึงใบหู

” สาม...”

ภาวัฒน์หัวเราะคิกคัก แต่ตอนนี้ปาวัสม์กลับไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะขำออกสักนิด เขากระดกแก้วเหล้ากลืนของเหลวอึกสุดท้ายลงคอ

“ส...”

“ไม่ต้องนับแล้ว” ปาวัสม์กระซิบ “ฟังแล้วมันหงุดหงิด” เขาวางแก้วแล้วทำสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ รู้แต่มันทนไม่ไหว แก้มแดงๆ กับปากที่กำลังพร่ำพูดเรื่องของคนอื่นต่อหน้าเขานี่มันช่างน่าหมั่นไส้สิ้นดี และเขาจำเป็นต้องหยุดมันให้ได้

เขาก้มหน้าลงต่ำ มือข้างที่โอบเอวภาวัฒน์ไว้เลื่อนขึ้นมาจับที่ปลายคาง เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและปิดปากเด็กหนุ่มด้วยริมฝีปากของเขาเอง

เสียงหัวเราะน่ารำคาญเงียบไปในบัดดล แม้แต่เสียงเพลงและเสียงพูดคุยของผู้คนรอบกายก็หายไปราวกับมีใครปิดวิทยุ วินาทีนี้เหลือเพียงสัมผัสอ่อนนุ่มในปากซึ่งเขาครอบครองไว้กับรสหวานปนขมของเหล้า

“หมอปืน” เด็กหนุ่มกระซิบเสียงแผ่วเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ “จริงจังไปหรือเปล่า”

“ไม่รู้สิ” ปาวัสม์เม้มปากที่ร้อนจนแทบไหม้

นัยน์ตาสองคู่สบกันนิ่ง เนิ่นนานทีเดียวที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาและต่างฝ่ายต่างไม่ยอมผละออกจากกัน

“งืม” เสียงศุภพัฒน์งึมงำไม่เป็นภาษาปลุกทั้งสองตื่นจากภวังค์ คนเมาละเมอลุกขึ้นยืนและพยายามเดินไปที่ไหนสักแห่งก่อนจะล้มพับลงบนพื้นข้างโต๊ะ

ปาวัสม์ได้สติเต็มที่ เขาปล่อยมือจากเด็กหนุ่มและเบือนหน้าหนี ก่อนจะลุกขึ้นคว้าไหล่คนตัวโตดึงให้ขึ้นมานั่งดีๆ “ท่าทางหมอนี่จะไม่ไหวแล้ว เรากลับกันเถอะ”

OOOOOO

“นอนไม่หลับเหรอ” ปาวัสม์ถามเด็กหนุ่มที่ยืนเหม่อมองท้องฟ้าอยู่นอกระเบียง ไม่ยอมเข้ามานอนในห้องทั้งที่ปาเข้าไปเกือบตีสองแล้ว “คิดอะไรอยู่”

“หมอปืนทำแบบนั้นทำไม” ภาวัฒน์หันมาสบตาคุณหมอหนุ่มและถามตรงๆ “เมา?”

เป็นครั้งแรกที่ปาวัสม์ไม่อาจสู้สบสายตาได้ เขาเบือนหน้าหนีอย่างยอมแพ้ ไม่เข้าใจอะไรตัวเองสักอย่างทั้งเรื่องง่ายๆ อย่างความมีเหตุผลไปจนถึงเรื่องซับซ้อนอย่างความรู้สึกของหัวใจ “ฉันไม่ได้เมา” บอกอย่างยอมจำนนเมื่อสิ่งเดียวที่สัมผัสได้คือเสียงหัวใจตนเองที่เต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าผมเป็นอะไร แล้วหมอปืนทำแบบนั้นทำไม” เสียงของภาวัฒน์ดังขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความโมโห แต่ในขณะเดียวกันก็สั่นมากขึ้นทุกทีด้วยเช่นกัน “ถึงผมจะเคยโดนเทมส์จูบแต่ผมก็ไม่ใช่พวกที่จะยอมให้ใครก็ได้นะครับ... แล้วหมอปืนเองก็มีหมอนิวอยู่แล้ว...” จนในที่สุดมันก็สั่นจนเสียงทั้งหมดถูกกลืนหายลงไปในลำคอ กลืนลงไปพร้อมความรู้สึกรุนแรงมากมายที่กำลังจะพร่างพรูออกมาจากปากหากเขาไม่หยุดมันเสียตั้งแต่ตอนนี้

“ฉันขอโทษ” เหมือนมีก้อนมาจุกอยู่ที่คอ ปาวัสม์ทำได้เพียงคว้าไหล่เด็กหนุ่มแล้วดึงเข้าแนบอก “ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันขอโทษ”

เด็กหนุ่มพิงศีรษะกับแผ่นอกกว้าง มันช่างอบอุ่นเสียจนต้องเม้มปากปิดสนิท เพื่อไม่ให้คำพูดที่พยายามกลืนลงไปกลับขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขาก็มาถึงขีดจำกัดแล้วเมื่ออ้อมแขนที่โอบรัดอยู่นี้คือความอบอุ่นที่เฝ้าหา ถ้าไม่คิดถลำลงไปให้ลึกมากกว่านี้ก็ต้องถอนตัวเสียก่อนที่จะสายเกินไป

“หมอปืนยังติดสัญญาที่วิ่งแพ้ผมอยู่จำได้ไหม”

ปาวัสม์พยักหน้า

“ไม่ว่าอะไรหมอปืนก็จะยอมทำทุกอย่างใช่ไหม”

“บอกมาสิ”

“หลับตาก่อนสิครับ”

คุณหมอหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย ฝ่ามือหยาบกร้านคว้ามือของเขาออกจากการเกาะกุมที่หัวไหล่ ปาวัสม์ไม่อาจคาดคิดหรือแม้จะคาดหวังว่าภาวัฒน์กำลังจะทำหรือขออะไร วินาทีนี้ในหัวไร้ซึ่งตรรกะหรือเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นเมื่อฝ่ามือทั้งสองของเด็กหนุ่มเลื่อนขึ้นมาจับที่บ่ากว้าง ความรู้สึกอบอุ่นนุ่มนวลบางอย่างขยับเข้ามาใกล้ หัวใจเต้นรัวแรงขึ้นเรื่อยๆ เขากำมือที่ชื้นเหงื่อไว้แน่นนึกอยากจะลืมตาใจแทบขาด

“อย่าลืมตานะครับ”

เสียงทุ้มของภาวัฒน์กระซิบขึ้นราวกับอ่านใจเขาออกพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆ ที่รดลงบนสันจมูก

“เรื่องทั้งหมดระหว่างเราในค่ำคืนนี้ให้คิดซะว่ามันเป็นเพียงความฝัน แล้วหลังจากนี้...”

“แล้วหลังจากนี้...” ปาวัสม์ทวนคำ ในความเงียบนั้นเขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ที่แสนคุ้นเคย

เสียงทุ้มสั่นเครือเมื่อพูดต่อ “เมื่อตื่นขึ้นมาได้โปรดลืมมันไปนะครับ”

ใช่! จริงๆ แล้วเขาอยากจะลืม ไม่อยากให้ตัวเองหลงเหลือความทรงจำใดๆ ไว้สักอย่าง แต่มันทำไม่ได้! เพราะความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นมานานนับปีนี้มันฝังรากลึกเกินจะหยั่งถึง

“ต้องลืมมันไปให้หมด สัญญานะครับ”

ของเหลวอุ่นๆ หยดเผาะลงบนแก้ม ปาวัสม์ไม่ตอบคำขอสัญญานั้น อันที่จริงเขาไม่อาจตอบได้ด้วยซ้ำเมื่อบางสิ่งที่นุ่มและอุ่นกว่าปิดปากเขาสนิท ตอนนี้สมองที่กำลังสับสนค้นหาคำตอบไร้ซึ่งความคิดฟุ้งซ่านเมื่อเขายอมปล่อยให้อารมณ์มาเหนือเหตุผล

ทั้งที่ยังหลับตาปาวัสม์รวบตัวร่างโปร่งและดึงเข้ารับสัมผัสแนบแน่น ฝ่ามือใหญ่สอดเข้าใต้เรือนผมสีน้ำตาลนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างเลื่อนลงโอบรัดรอบเอว

ลมหายใจที่เคยนิ่งสงบของภาวัฒน์เริ่มถี่กระชั้นและขาดห้วง สองขาดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงจนเขาต้องเกร็งจิกบ่ากว้างไว้แน่น

เวลาผ่านไปเนิ่นนานจากวินาทีกลายเป็นนาที ภาวัฒน์ฝืนตัวเองออกอย่างยากเย็นเมื่อปาวัสม์พยายามจะฉุดรั้งเขาไว้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

“หมอปืนสัญญาแล้วนะครับ”

เด็กหนุ่มกระซิบกับริมฝีปากหยักลึกที่ยังคลอเคลียไม่ไปไหน ก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาดผลักตัวเองออกจากอ้อมแขนและเดินหนีเข้าห้องไปโดยไม่หันมามองร่างสูงซ้ำสอง เขารีบซุกตัวเข้าในผ้าห่มและหันหลังให้ประตูเมื่อได้ยินเสียงลูกบิดเปิดออกและเสียงฝีเท้าที่ย่องมายืนข้างเตียงอย่างเงียบเชียบ

ริมฝีปากอมยิ้มเอ็นดู ร่างสูงนั่งลงบนเตียงและก้มหน้ากระซิบกับโปงผ้าบริเวณที่น่าจะเป็นศีรษะ “ผ่านคืนนี้ไปฉันสัญญาว่าจะทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดี แต่ว่าตอนนี้มันยังไม่เช้าเสียหน่อย” เขาล้มตัวลงนอนพร้อมกับดึงคนที่ขดตัวอยู่ในม้วนผ้ามากอดต่างหมอนข้าง “ดังนั้น ขอฉันฝันจนกว่าจะถึงเช้าเถอะนะ”

ภาวัฒน์กระชับผ้าห่มที่พันอยู่รอบตัว สองมือกอดตัวเองบังคับใจไม่ให้เตลิดไปไกลกว่านี้  บอกตัวเองหนักแน่นให้ตัดใจจากคนที่ไม่มีสิทธิ์จะครอบครอง เขาไม่ต้องการเป็นมือที่สามแย่งของของใคร แต่ความอบอุ่นของอ้อมกอดที่ได้รับแม้จะไม่ได้สัมผัสผิวโดยตรงและผ่านผืนผ้าห่มหนา ก็ร้อนเสียจนแทบจะละลายกำแพงศีลธรรมในใจ

ภาวัฒน์กัดฟัน กลั้นน้ำตาและภาวนาจนสุดใจขอให้เช้าวันพรุ่งนี้ไม่มาถึง
OOOOOO

อีกมุมหนึ่งในห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ร่างสูงใหญ่ทรุดตัวลงนั่งหลังบานประตู ฟันขบแน่นจนเป็นสันเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลกับภาพที่บังเอิญได้เห็นเมื่อสักครู่

เขาหลับตาลงเพื่อหนีจากความจริงที่สองตาได้เห็นแต่มันกลับยิ่งแจ่มชัดในห้วงความคิด หยดน้ำใสเอ่อขึ้นที่หางตาอย่างไร้แรงต้านทาน สิ่งที่เห็นว่าเจ็บแล้วเทียบกันไม่ได้เลยกับความรู้สึกปวดร้าวในอกที่ตอกย้ำว่าเขารักเพื่อนสมัยเด็กคนนี้มากมายแค่ไหนและถึงหัวใจจะยอมแพ้แต่มันกลับไม่ยอมให้ตัดใจ 


**************************************TBC***************************************************

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
น้องพลุแกล้งพูดอิจฉาตัวเองหรอลูก ? 5555555555555
นี่มั่นใจไปเกินร้อยแล้วค่ะว่าเด็กที่หมอปืนช่วยก็คือพลุ ทำให้น้องมีแรงบันดาลใจที่จะเป็นหมอแล้วเดินตามความฝัน
เพราะมีคนๆนี้เป็นไอดอล .. ฮือ แค่คิดก็เขินแล้วค่ะ เพราะสุดท้ายเค้าก็คงลงเอยกันด้วยดีสินะคะ ?
งั้นก็จะเป็นคนที่ช่วยชีวิตเราไว้ คนที่เรานับถือเป็นไอดอล และวันนี้ก็ได้มีคนๆนั้นมาอยู่ข้างๆแล้ว ..
#มโนไปไกลลิบลิ่วมากค่ะ #ฮา เอาแค่วันนี้วันพรุ่งให้รอดก่อนดีไหมน้อ ; ______ ; ......

เริ่มแอบสงสารรชญาด้วยคนค่ะ คือเอาจริงๆนอกจากเรื่องที่นิสัยไม่ดีกับใช้ญาติมาดึงหมอจิวออกจากแฟนตัวเองแล้วนางก็แค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง
ที่แบบ อาจจะเอาแต่ใจกับแฟนมากไปหน่อย แต่หมอปืนก็เป็นคนยอมนางเองแหละ คือมันเป็นเรื่องของคนสองคน
ถ้าเค้าคบกันแล้วเป็นแบบนี้แต่อยู่กันได้มันก็โอเคแหละค่ะ แอบไม่อยากให้คนเขียนยัดเยียดบทร้ายให้รชญาเลยแฮะ . _ .
แบบ คือส่วนมากถ้านิยายวายมีผู้หญิงเป็นก้างเนี่ย จะกำจัดโดยการให้ผู้หญิงคนนั้นทำตัวเลวก่อน เพื่อใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างพอดิบพอดี
แต่ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้แต่งมาค่อนข้างอยู่บนพื้นฐานความเรียล เลยไม่อยากให้เป็นตามแพทเทิร์นนั้นน่ะค่ะ
(แค่บ่นๆไปตามเรื่องตามราวนะคะ คนเขียนอย่าจริงจังมาก 555555555555555)

เริ่มมองเห็นเค้าลางความวุ่นวายซะแล้วจริงๆด้วยสิ .. หมอปืนเองก็ใจเต้นแบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน
ส่วนพลุก็ชอบเค้ามาตั้งนานแล้วนี่แหละ ว่าแต่ เรื่องนี้โพสิชั่นยังไม่ลงล็อกซะทีเลย ฮือ T _________ T
อ่านแรกๆก็นึกว่าคุณหมอจะเมะนะคะ ไปๆมาๆรู้สึกออร่าเคะมันแผ่ๆยังไงไม่รู้ แล้วก็มีพลิกอีกที แล้วตอนนี้ก็พลิกกลับอีกรอบ!
ขอเลิกเดาแล้วกันค่ะ 555555555555 ไว้รอลุ้นทีเดียวเลย ; - ;

ปล. เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ สู้ๆน้า~ ดีใจด้วยค่ะที่ได้รวมเล่มแล้ว (ถ้าเป็นกับนาบูจะแฮปปี้มาก - / -)
รับรองว่าเรื่องนี้ซื้อแน่นอนค่ะ!!

ปล2. สำหรับตอนพิเศษ อยากอ่านฉาก(เกือบ)ดราม่า อารมณ์แบบหมอปืนลืมวันเกิดน้องพลุ(หลังจากคบกันแล้ว)อะไรแบบนี้ค่ะ
(ซาดิสต์ไปไหม 5555555 รีเควสต์ไว้เผื่อสนใจนะคะ > <)

เปนรีเควสที่โดนใจมาก เหมาะกะS ผู้ชอบทำร้ายพระเอกอย่างเรา555
ไม่ใช่นาบูค่ะ เป็นสนพ.เฮอร์มิทค่ะ ถ้ามีความคืบหน้าจะมาอัพเดตนะคะ^^

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เรื่องอดีตเริ่มเผยทีละนิดแล้ว พ่อลูกที่หมอปืนช่วยก็คือพลุ กับ คุณพ่อ แน่ ๆ ล่ะ
แต่พลุ อิจฉา เด็กคนนั้น ที่เป็นคนที่หมอปืน CPR เป็นคนแรก แต่เด็กคนนั้น ก็คือพลุไม่ใช่เหรอ
บัตรประจำตัวกับโดราเอมอน คือหลักฐานสำคัญนี่นา น้องพลุอิจฉาตัวเองเหรอเนี่ย
แล้วทำไมพลุถึง ถามกลับว่า มีคนเจ็บแค่สองคนเองเหรอด้วยอ่ะ มีมากกว่านั้นเหรอ

เทมส์ เริ่มจับความรู้สึกหมอปืนได้แล้วสิ แต่ชอบที่เทมส์พูดกับหมอปืนนะ ตรงเป้ะ ๆ
จะรู้สึกอะไรยังไงกับน้องพลุ ก็ต้องแน่ใจนะพี่หมอไม่ใช่แค่เพราะหวั่นไหว
ที่สำคัญ ทุกอย่างต้องชัดเจน ทั้งเรื่องยัยนิว ทั้งเรื่องน้องพลุด้วยนะ
อย่าทำให้น้องพลุเสียใจโดยไม่รู้ตัวนะพี่หมอปืน ชอบเทมส์ ที่รักและเป็นห่วงพลุอย่างแท้จริง

อ่านลงมาตกใจเลยค่ะ คิดว่าจะเลิกแต่งจริง ๆ อย่าพรากน้องพลุไปจากคนอ่านนะคะ  :heaven
ดีใจด้วยที่ได้ตีพิมพ์จ้า เย้  :mc4: ตอนพิเศษ อยากอ่านฉากหวาน ๆ กุ๊กกิ๊ก ๆ ของทั้งคู่มากที่สุดจ้า
ไม่เอาดราม่าเด็ดขาดเลยน้า  :ling3:
ขอบคุณมากค่า

ว่าจะเซอร์วิสซัก3ตอน หวานแน่ค่ะเพราะเรื่องหลักเราคิดว่าเราทำร้าย(...)มาเยอะ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข้ามาติดตาม เนื้อเรื่องน่าติดตาม
ไม่โฟกัสแต่ความรักที่ฉาบฉวย
มีเนื้อหาน่าอ่าน นานๆจะมีนิยายแบบนี้ซักเรื่อง ชอบครับ
เป็นกำลังใจให้
ขอบคุณมากค่ะ คิดตามอ่านกันไปนานๆนะคะ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #250 เมื่อ27-02-2015 11:15:14 »

สงสารพลุ สงสารเทมส์  :monkeysad:
พี่หมอปืน ถ้ายังสับสน ไม่รู้ความรู้สึกตัวเองว่ามีต่อพลุยังไง
ที่สำคัญ ยังมียัยนิวเป็นแฟนอยู่ ก็อย่าทำอย่างนี้เลย
มันเห็นแก่ตัวยังไงไม่รู้ ตอนนี้ ไม่ค่อยชอบใจพี่หมอปืนเลยนะ จริง ๆ
โอ๋ ๆ นะน้องพลุ น้องเทมส์ ฮืออ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #251 เมื่อ27-02-2015 11:19:25 »

ต่างคนต่างเจ็บกันไปหมด

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #252 เมื่อ27-02-2015 12:33:35 »


เขียนดีจังค่ะ

ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไปจริงๆ
ใครจะรับได้แค่ไหน อดทนได้แค่ไหน
ย่อมต่างกันแน่นอน

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #253 เมื่อ27-02-2015 12:39:31 »

:katai1: รักหลายเส้าจัง มันหน่วง
หมอปืนมีแฟนอยู่แล้ว พลุรักหมอปืน เทมป์รักพลุ
ไหนจะหมอจิวอีก วุ่นวายดี

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #254 เมื่อ27-02-2015 13:28:16 »

พรุ่งนี้จะลืมกันได้เหรอ
แต่ตอนแรกคิดว่าจะเรทกว่านี้  :impress2:

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #255 เมื่อ27-02-2015 19:23:57 »

พี่หมอใจร้าย ตอนนี้ทำอิป้าน้ำตาซึมเลยนะ..
หนูพลุ..ลูกรักห้ามตัดใจนะอิป้าไม่ย๊อมไม่ยอม..

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #256 เมื่อ27-02-2015 21:00:43 »

อ่านตอนต้นแล้วรู้สึกว่าลุงนี่มันลุงจริงๆ
(ขอโทษนะคะหมอปืน 555555)

แต่เอาดีๆ ท้ายๆ มาเริ่มรู้สึกหมั่นไส้
สงสารน้องพลุค่ะ การกระทำของหมอมันทำให้คนที่คิดไปไกลกว่าปวดใจ
ในขณะที่หมอแค่สับสน ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองว่าทำอะไรลงไป
แต่น้องพลุจะปวดใจมากเลยนะ อ่านแล้วน้ำตาซึมตอนที่น้องพลุขอรางวัลที่วิ่งแข่งชนะ
ตอนน้ำตาร่วงลงบนใบหน้าคุณหมอนี่อยากดึงตัวมากอดปลอบมากๆ ฮือออออออออ

ตอนนี้ขอโป้งหมอปืนจริงๆ TvT

ว่าแต่น้องเทมส์
บอกแล้วใช่มั้ยคะให้มาทางนี้ มาหาพี่นะคะคนดี โอ้ยย ทำไมตอนนี้มีแต่คนดราม่าาาาา  :hao5:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #257 เมื่อ28-02-2015 00:08:09 »

หมอปืน อย่าหักอกน้งพลุนะ ได้แล้วรับผิดชอบด้วย
อ่อ ยังไม่ได้สินะ แค่กอดๆ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #258 เมื่อ28-02-2015 00:43:27 »

โอ๊ะโอ....

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #259 เมื่อ28-02-2015 01:16:49 »

เฮ้อออ รักสี่เศร้า อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
« ตอบ #259 เมื่อ: 28-02-2015 01:16:49 »





ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #260 เมื่อ02-03-2015 22:50:06 »

ขมุกขมัว อีรุงตุงนัง :hao4:

ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #261 เมื่อ03-03-2015 08:32:35 »

คงต้องตัดใจจริงๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #262 เมื่อ03-03-2015 10:49:53 »

เศร้าไปอีก

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #263 เมื่อ03-03-2015 15:03:49 »

รักหลายเศร้า
อย่าทำให้พลุเสียใจนะหมอปืนนน

ออฟไลน์ bookie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
    • facebook
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #264 เมื่อ04-03-2015 20:45:57 »

หมอปืนมาทำให้น้องหวั่นไหวขนาดนี้ ต้องรับผิดชอบนะ อิอิ

ออฟไลน์ Trisul

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #265 เมื่อ10-03-2015 03:13:14 »

เป็นนิยายไม่กี่เรื่องที่อ่านเเล้วชวนให้อยากอ่านบรรทัดถัดไปเร็วๆว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เเต่ก็ทำได้เเค่อ่านได้ตามความสามารถทางการอ่านของตัวเอง โอ้ยยย  ไม่ทันใจสมอง ฮ่าๆๆๆ

ติดตามอยู่นะคะ ไม่ค่อยได้คอมเม้นท์เท่าไหร่(ไม่เคยเลยดีกว่า นี่อันเเรก)
ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่าาาาาาา

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 8 เผลอ [27/02/58] p.9
«ตอบ #266 เมื่อ11-03-2015 22:19:04 »

บทที่ 9 พ่อ

คืนนั้นภาวัฒน์นอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นอีกครั้งตะวันก็เริ่มขึ้นสูงแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งและหันไปมองข้างตัวที่บัดนี้ว่างเปล่า ฝ่ามือยกมือขึ้นสัมผัสผ้าปูยับย่นที่ๆ ใครคนหนึ่งเคยนอนอยู่ ความเย็นที่ส่งผ่านปลายนิ้วมาบ่งบอกให้รู้ว่าใครคนนั้นได้ลุกไปนานพอสมควรแล้ว นัยน์ตาสีดำขลับเหลียวซ้ายแลขวาไปรอบห้องที่ว่างเปล่า เขายกสองมือขึ้นปิดหน้าแล้วแค่นหัวเราะให้กับความหวังลมๆ แล้งๆ ของตน

“นี่เราทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย แล้วแบบนี้จะมีหน้าไปคุยกับเขาเหมือนเดิมได้ยังไง”

“ตื่นแล้วทำไมไม่ไปอาบน้ำล่ะ” เสียงของปาวัสม์ดังขึ้นทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก

“หมอปืน” ภาวัฒน์มองคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ใช่แค่ชุดที่แต่งอย่างเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางหากคนตรงหน้ายังดูเป็นปกติมากเสียจนเขาพูดอะไรไม่ออก “เอ่อ... ตื่นนานแล้วเหรอครับ แล้วไปไหนมา”

“ออกไปโทรศัพท์มาน่ะ” ปาวัสม์รีบยัดโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า “กลัวว่าคุยในนี้เดี๋ยวเสียงดังจะปลุกคนขี้เซาตื่นมางอแงซะเปล่าๆ”

คนผมน้ำตาลทำหน้ายู่และเอียงคอมองคนตรงหน้า “หมอปืนว่าใครขี้เซา แล้วใครจะงอแงนะ”

“ไม่รู้สิ” ปาวัสม์ไหวไหล่ “แล้วใครล่ะนอนขดตัวกลมดิ๊ก น้ำลายไหลยืดๆ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นสักทีน่ะ”

ภาวัฒน์ยกมือขึ้นเช็ดแก้มโดยอัตโนมัติแต่กว่าจะรู้ตัวว่าโดนหลอก คนอายุมากกว่าก็แทบลงไปขำกลิ้งอยู่บนพื้นแล้ว

“นายนี่หลอกง่าย ตลกชะมัด” ปาวัสม์ว่าและเอื้อมมือไปหมายจะแกล้งขยี้เรือนผมสีน้ำตาลเล่นแต่หัวกลมๆ กลับเบี่ยงหลบ

“หมอปืนไม่เอาไม่เล่นแบบนี้ เมื่อคืนเราสัญญากันแล้วนี่ อย่าผิดสัญญาสิครับ”

ทว่าคุณหมอหนุ่มไม่ยอมปล่อยมือ “ใครกันแน่ที่ผิดสัญญา นายอยากให้ฉันทำตัวเป็นปกติใช่ไหม เพราะนี่แหละคือปกติของฉันหรือไม่อยากให้ฉันมองหน้านายได้แบบนี้อีกต่อไปแล้ว”

ภาวัฒน์ส่ายหน้า “เป็นผู้ใหญ่นี่ดีนะครับ” เขากระซิบ “ผมไปอาบน้ำก่อนนะ จะได้รีบออกไปซื้อของฝากทุกคนกัน” พูดจบก็ผลุนผันคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำไป

ทันทีที่ร่างโปร่งคล้อยหลัง รอยยิ้มในหน้าจางหายไปจนดูเศร้า มือใหญ่เอื้อมไปสัมผัสผ้าห่มที่ใครบางคนเพิ่งจะลุกออกไป ปลายนิ้วยังรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและกลิ่นจางๆ ของเจ้าตัวที่ติดอยู่บนผ้า “ถ้าเป็นเด็กก็ดีสิ” เขาพูดกับตัวเอง “เผื่ออะไรบางอย่างมันจะลืมกันได้ง่ายๆ บ้าง ไม่ต้องมาเล่นละครงี่เง่าอยู่แบบนี้”

...บทพี่ชายที่แสนดี... ทำไมมันเล่นยากขนาดนี้นะ...

OOOOOO

“เดินตางดีๆ เน้อตึ๊งทั้งสามคน”

“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยดูแล” ปาวัสม์ยกมือไหว้คุณอุดมที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งทั้งสามด้วยตัวเองที่สนามบิน

“บ่ต้องเกรงใจ๋ครับคุณหมอ” คุณอุดมบอก “ไว้มาแอ่วแหมเน้อ”

“คุณอาสวัสดีครับ” ภาวัฒน์ยกมือไหว้ขอบคุณ

“ไหว้พระเต๊อะลูก” คุณอุดมตบบ่าเบาๆ “อยู่กรุงเตพมีอะหยังขัดข้องบ่สุขสบายตั๊ดใด ถ้าเกรงใจบ่อยากรบก๋วนป้ออย่างน้อยก็บอกผ่านเจ้าเทมส์มานะ ป้อยินดีจ้วยเสมอ”

“ขอบคุณครับคุณอา”

“ป้อ” ศุภพัฒน์สะกิดไหล่พ่อตน

“ว่าจะใดเจ้าเทมส์” คุณอุดมหันไปถามเสียงเข้ม

“ผมไปแล้วเน้อ” ศุภพัฒน์พูดห้วนๆ ที่แม้แต่คนปัญญาอ่อนก็ดูออกว่าเขากำลังรู้สึกขัดเขินมากกว่า “ดูแลตัวเองนะป้อ”

“ลูกน่ะแหละดูแลตัวเองดีๆ กิ๋นข้าวหื้อครบสามมื้อแล้วออกกำลังก๋ายบ้างนะลูก”

“ครับป้อ ผมไปแล้วเน้อ” ศุภพัฒน์ทำท่าจะผละไปแต่แล้วก็หันกลับมาโผเข้ากอดพ่อตนไว้แน่น “เทอมนี้เฮียนหนักขนาด คงบ่ได้ปิ๊กบ้านแหมเมิน จะใดผมจะโทรหาหมั่นๆ เน้อ”

“ถ้ายุ่งก็บ่ต้องโทรกะได้ลูก เอาเวลาไปพักผ่อนเต๊อะลูก”

“บ่เป็นหยังครับ การทะเลาะกับป้อก็เป็นการระบายความเครียดอย่างหนึ่งเหมือนกัน”

ภาพสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกทำให้ภาวัฒน์รู้สึกสะท้อนในอก นึกถึงผู้ชายคนหนึ่งที่เคยจับมือจูงไปรับส่งโรงเรียนทุกวันเมื่อวัยเยาว์ คนที่นั่งกุมมืออยู่ข้างเตียงและพร่ำบอกซ้ำๆ ว่า ‘ไม่เป็นไร’ ในวันที่ชีวิตตกลงถึงจุดต่ำสุด

เขาปล่อยสองพ่อลูกได้ร่ำลากันและแอบปลีกตัวออกมาเงียบๆ เพื่อจะไปเชคอินรอ

เด็กหนุ่มยกกระเป๋าขึ้นวางบานสายพานให้เจ้าหน้าตรวจเช็คแต่ด้วยน้ำหนักที่มากทำให้ออกเซไปเล็กน้อย ในจังหวะนั้นเองที่มือคู่หนึ่งเอื้อมเข้ามาช่วยประคองวางลงอย่างเรียบร้อย ภาวัฒน์ปล่อยให้กระเป๋าไหลไปตามรางและหันไปขอบคุณคุณหมอหนุ่ม

ทว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับกลายเป็นคนอื่น

“พ่อ! “

ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานในชุดสูทสีน้ำตาลเข้มส่งยิ้มอ่อนโยนให้ เขาคือคุณทัดเที่ยงเจ้าของสำนักงานทนายความชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่และมีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ “เป็นไงบ้างพลุไม่กลับบ้านเสียนานเลยนะ”

“พ่อมาได้ยังไงครับ”

“เมื่อเช้ามีคนโทรหาพ่อ เขาบอกว่าถ้าอยากเจอแกให้มาที่นี่”

ภาวัฒน์มองข้ามไหล่พ่อไปสบตาปาวัสม์ที่ยืนอยู่ด้านหลังและส่งสัญญาณมือบอกให้รู้ว่าจะเข้าไปรอด้านใน เมื่อศุภพัฒน์ที่เดินตามเข้ามาทีหลังตกใจที่เห็นพ่อของเพื่อนสมัยเด็กและจะวิ่งเข้ามาทัก โชคดีที่คุณหมอหนุ่มเดินมาคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้ทันแล้วลากเข้าเกทไปเสียก่อนที่จะเสียเรื่อง

เด็กหนุ่มถอนหายใจกับความหวังดีที่ไม่ต้องการ ร่วมครึ่งปีแล้วที่ไม่ได้เจอหน้าพ่อตรงๆ นับตั้งแต่ทะเลาะกันครั้งล่าสุด แต่ถ้ามัวรอเวลาให้พร้อมทั้งเขาและพ่ออาจจะไม่มีโอกาสได้คุยกันอีกแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดและมันคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้หรอก

เขารวบรวมความกล้าถอนสายตากลับมาหาพ่ออีกครั้งและเดินนำไปยังม้านั่งซึ่งค่อนข้างห่างไกลจากความพลุกพล่านของผู้คน

“พ่อไม่โกรธผมแล้วเหรอครับ”

“พ่อไม่โกรธแกตั้งแต่แรกแล้วพลุ” คุณทัดเที่ยงเริ่มเกลี้ยกล่อม เขาสัญญากับภรรยาสุดที่รักไว้ ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงวันนี้เขาต้องพาตัวลูกชายคนเดียวกลับบ้านให้ได้ “พ่อเข้าใจ แต่ตั้งใจขัดขวางเพราะเป็นห่วงแก อยู่กรุงเทพเมืองใหญ่ตัวคนเดียวใครจะดูแล”

ถึงถ้อยคำจะฟังดูอ่อนโยนแต่ภาวัฒน์กลับรู้สึกได้ถึงความเหินห่างราวกับมีกำแพงน้ำแข็งที่มองไม่เห็นกั้นกลางระหว่างพวกเขาไว้

“จำได้ไหม ตอนแกเป็นเด็กพ่อเคยเกือบเสียแกไปครั้งหนึ่ง... การนอนเฝ้าแกในโรงพยาบาลนานนับเดือนทำให้พ่อแทบเป็นบ้า เพราะอย่างนั้นพ่อถึงได้เป็นห่วงและเลี้ยงแกมาอย่างทะนุถนอมจนเกินเหตุ จนลืมไปเสียสนิทว่าน่าจะเป็นตัวแกเองนี่แหละที่รู้คุณค่าของการมีชีวิตและอยากจะใช้ชีวิตที่เหลือให้คุ้มค่ามากที่สุด นับจากนั้นคนที่ชอบทำอะไรไม่คิดอย่างแกจึงยิ่งกลายเป็นคนที่ไม่เคยรีรอและไม่กลัวที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการเลย แม้จะเริ่มคิดก่อนทำมากขึ้นหน่อยล่ะนะ “

“ผมขอโทษ และก็ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผม”

เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่ภาวัฒน์ตอบออกไป เนิ่นนานหลายนาทีทีเดียวที่เสียงลมหายใจหนักๆ ของคนทั้งคู่เป็นเพียงเสียงเดียวที่สอดประสานและแสดงอารมณ์ที่อัดอั้นภายในใจอย่างซื่อตรง

“อันที่จริงพ่อก็ไม่ได้เข้าใจสักเท่าไหร่หรอกนะ!” คุณทัดเที่ยงโพล่งออกมาก่อนอย่างสุดทน ที่นี่ไม่ใช่ศาลและคนตรงหน้าก็เป็นลูกชายแท้ๆ ไม่ใช่จำเลยในคดีอุกฉกรรจ์ ไม่มีประโยชน์อันใดที่เขาต้องใส่หน้ากากทนายผู้แสนดี “จริงๆ แล้วพ่ออยากจะจับแกล่ามโซ่ ใส่กรงขังให้มันรู้แล้วรู้รอด ให้แกอยู่กับบ้าน ให้อยู่ในสายตา ไม่ต้องให้แกออกไปเสี่ยงกับอันตรายของโลกภายนอกแล้วต้องมานั่งสวดมนต์อ้อนวอนขอพรพระทุกวันให้แกกลับมาอย่างปลอดภัย”

ผู้เป็นพ่อหยุดพักหายใจฟืดฟาด มือทั้งสองกำเป็นหมัดแน่นวางไว้บนหน้าขา เขาไม่เคยตีลูกชายสักแปะแต่ตอนนี้ถ้าต่อยให้เลือดกบปากสักทีแล้วมันจะมีสติตัดใจจากความฝันลมๆ แล้งๆ และยอมกลับบ้านเขาก็จะทำ

“ขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วงมาตลอด” ภาวัฒน์แทบจะเสียงดังพอๆ กัน เขาเกือบจะต่อคำว่า ‘ไม่ได้ง้อสักหน่อย’ ออกไปแล้วเชียว “ว่าแต่อะไรทำให้พ่อเปลี่ยนใจล่ะครับ”

“คนที่บอกให้พ่อมาที่นี่” การตะโกนเมื่อครู่ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ทำให้เขาได้ปลดปล่อยสิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจมานานออกมา “ทีแรกพ่อก็แปลกใจว่าคนที่โทรมาไม่ใช่ทั้งคุณอุดมหรือเจ้าเทมส์ แต่ที่แปลกใจยิ่งกว่าคือเขาไม่ได้โทรมาขอร้องให้พ่อเข้าใจและยอมปล่อยแกไปตามทางของแกเหมือนคนอื่นๆ”

ภาวัฒน์อึ้งไป “แล้วเขาบอกพ่อว่าอะไรครับ”

“เขาบอกให้พ่อพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากพูด ไม่ว่าจะเป็นคำด่า ต่อว่า อ้อนวอนขอให้กลับบ้านหรือแม้แต่จะเตะแกสักที อะไรก็ได้ที่ทำแล้วต่อให้พรุ่งนี้ต้องตายจะไม่เสียใจ”

ภาวัฒน์ไม่ว่าอะไรและรอให้พ่อพูดต่อ

“แล้วเป็นยังไงล่ะ” พ่อถาม “ตอนนี้ลูกตามความฝันไปถึงไหนแล้ว... ได้ข่าวว่าตอนนี้ช่วยงานอยู่ที่ศูนย์กู้ชีพสินะ”

“ครับ ผมยังไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่แต่ทุกวันที่ทำงานก็มีความสุขดี อย่างครั้งนี้หัวหน้าก็มอบหมายงานให้ผมเป็นวิทยากรมาบรรยายเรื่องการช่วยชีวิตเบื้องต้นที่นี่” หน้าของภาวัฒน์ซีดลงด้วยรู้ว่าคำตอบจะต้องทำให้พ่อผิดหวัง

คุณทัดเที่ยงเงียบไปอึดใจก่อนจะสบตาลูกชายและพูดขึ้น “นั่นใช่ความฝันของลูกแน่เหรอพลุ... พ่อเลี้ยงแกมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ทำไมพ่อจะไม่รู้ว่าความฝันแต่เด็กของแกคืออุลตราแมน นายกรัฐมนตรีแล้วก็มาจบลงที่ทนาย”

“พ่อครับ...” พูดได้เท่านั้นเสียงทุ้มก็ขาดห้วง ภาวัฒน์กัดปากจนเจ็บ และตัดสินสารภาพสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมดเปลือก ตั้งแต่สาเหตุที่อยากเป็นหมอไปจนถึงเรื่องที่ว่าเขาคงไม่อาจแต่งงานและมีลูกสืบสกุลให้พ่อกับแม่ได้ 

เป็นไปตามคาด คุณทัดเที่ยงนั่งหน้าเครียดและไม่ยอมพูดอะไรอีก คงไม่มีพ่อแม่คนไหนรู้สึกดีที่ลูกชายคนเดียวบอกว่าชอบผู้ชายด้วยกันและลงทุนออกจากบ้านไปเพื่อตามหาผู้ชายคนหนึ่งหรอก

ภาวัฒน์นั่งกุมมือที่ชื้นเหงื่อแม้ในท่าอากาศยานจะเปิดแอร์จนเย็นเยียบไว้แน่น แม้จะกังวลแต่ก็รู้สึกโล่งที่ได้พูดความจริงในใจออกไปสักที

“กลับบ้านเราไหมลูก” พ่อกระซิบขึ้นทำลายความเงียบที่เริ่มอึดอัด

ภาวัฒน์ส่ายหน้า

“ถ้ายังไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ” คุณทัดเที่ยงบอกหนักแน่น สร้างความแปลกใจและตกใจให้ภาวัฒน์เป็นอันมาก สิ่งที่เขาจินตนาการไว้อย่างร้ายแรงที่สุดก็คือตัดพ่อตัดลูก แต่สายตาอ่อนโยนของผู้เป็นพ่อที่มองมาทำให้เขารู้ว่าพ่อรักและเป็นห่วงเขามากขนาดไหน

และมันทำลายกำแพงน้ำแข็งสูงใหญ่ที่มองไม่เห็นระหว่างเขากับพ่อลงอย่างราบคาบ

“ถ้านี่คือทางที่แกเลือกแล้วพ่อคงไม่ห้ามอะไรอีก พ่อดีใจนะที่ในที่สุดแกก็ยอมเล่าให้ฟังสักที” พ่อบอกพร้อมกับบีบบ่าลูกชายแรงๆ ครั้งหนึ่ง

“แม่ต้องโกรธแน่ๆ” ภาวัฒน์พูดเสียงอ่อย

“แน่นอนที่สุด” คุณทัดเที่ยงกระซิบยิ่งทำเอาใจของภาวัฒน์ร่วงไปกองที่ตาตุ่ม “แต่เป็นเรื่องที่พ่อพาแกกลับบ้านไม่ได้ต่างหาก... แม่เขารักแกเกินกว่าจะไล่แกออกจากบ้านด้วย ‘เรื่องนั้น’”

ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนโยน แน่นอนว่าเขาไม่เข้าใจ และใจยังไม่อาจยอมรับสิ่งที่เพิ่งได้รู้ เขาไม่หวังด้วยซ้ำว่าสักวันหนึ่งจะทำใจได้ แต่ในฐานะ ‘คนเป็นพ่อ’ เขาต้องอยู่กับ ‘ความจริง’ นี้ให้ได้

“อย่าลืมนะว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงและอยู่ข้างแกเสมอไม่ว่าแก ‘จะทำอะไร’ หรือ ‘เป็นอะไร’ มีอะไรบอกพ่อกับแม่ได้ทุกเรื่อง สัญญากับพ่อนะว่ากลับไปแล้วจะโทรหาพ่ออย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง”

เครื่องหน้าเครียดเขม็งของภาวัฒน์คลายออกและเผยรอยยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว “ครับ”

“แล้วก็... พ่อซื้อรถให้เอาไหม... ใจพ่อจะขาดทุกทีแค่จินตนาการว่าแกกำลังสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์”

“ไม่ต้องห่วงครับ นับจากวันนั้นมาผมก็สวมหมวกกันน๊อคตลอด”

“พ่อรู้” คุณทัดเที่ยงบอกแต่สีหน้ายังไม่คลายจากความกังวล “เอาเป็นว่าขับให้มันช้าๆ ลงหน่อยอย่าไปซิ่งให้มากนักล่ะ” สะบัดศีรษะไล่ความคิดเก่าๆ ออกไป “ยังมีอีกเรื่องนึง” เขาเปิดกระเป๋าและล้วงเอาซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้ “ขอโทษที่ทำโดยพลการ แต่โอกาสดีๆ แบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ และพ่อก็ไม่อยากให้แกเสียมันไป”

ภาวัฒน์รับมาดู เพียงแค่เห็นจ่าหน้าซองนัยน์ตาสีดำขลับก็เบิกกว้าง เขาโผเข้าสวมกอดผู้เป็นพ่อทันทีด้วยความตื้นตันอย่างเหลือแสน “ขอบคุณครับ”

พ่อกอดตอบ “เก็บเอาไปคิดให้ดีๆ นะ”

OOOOOO

“เป็นไง” ปาวัสม์ถามคนผมน้ำตาลที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

“หมอปืนไปเอาเบอร์พ่อผมมาจากไหน”

“มือถือนายน่ะแหละ” ปาวัสม์สารภาพตามตรง “เมื่อเช้าตอนที่นายยังไม่ตื่น”

ภาวัฒน์หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ “คนฉวยโอกาส” เด็กหนุ่มกระซิบพลางเอื้อมมือมาแตะฝ่ามือคุณหมอหนุ่มแผ่วค่อยและพิงศีรษะเข้ากับหัวไหล่ บทสนทนาช่วงหนึ่งระหว่างเขากับพ่อยังดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว

‘คนที่โทรมาเมื่อเช้า ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาเป็นคนดีนะ’

“คุยกับพ่อเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ปาวัสม์ถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเอาแต่พิงศีรษะอยู่เงียบๆ ไม่พูดไม่จา จนเขานึกใจหายว่าทำอะไรไม่เข้าเรื่องจนทำให้อะไรๆ มันแย่ลงหรือเปล่า

จนกระทั่งภาวัฒน์กระซิบตอบเสียงอู้อี้ออกมาจากหัวไหล่ของเขาที่พอฟังได้ศัพท์ว่า

“ขอบคุณนะครับหมอปืน ขอบคุณมาก”

********************************************TBC********************************************

เมาท์ๆ... ^^
อ่า... รู้สึกว่าตอนที่แล้วลุงปืน(?) จะโดนต่อว่ากระหน่ำซัมเมอร์เซลล์มว๊ากกกก(555)
ก็อะนะ...ลุงอะ ทำตัวเองมีแฟนแล้วยังไปให้ความหวังน้องพลุอีก T^T (ตอนแต่งน้ำตาจะไหล)
มาถึงตอนนี้... นี่เป็นตอนสุดท้ายล่ะที่จะอยู่เชียงใหม่ ในที่สุดเรื่องก็คลี่คลายไปเปลาะนึงล่ะนะ(หรือเปล่า)
ตอนหน้าเจอกัน(น้องนิว) ที่กทม.
คอยติดตามกันนะคะว่าเธอจะมาป่วนอะไรอีก

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
«ตอบ #267 เมื่อ11-03-2015 23:26:25 »

ดีใจกับพลุด้วยที่ได้คุยกับพ่อจนเข้าใจ ต้องขอบคุณหมอปืน
ที่ช่วย  เคลียร์ปัญหาลงไปได้อีกเปาะหนึ่ง เปาะใหญ่ยังรออยู่กรุงเทพ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
«ตอบ #268 เมื่อ11-03-2015 23:38:38 »

ปลื้มใจ :pigha2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ER-นาทีหัวใจ บทที่่ 9 พ่อ [11/03/58] p.9
«ตอบ #269 เมื่อ12-03-2015 00:49:58 »

หมอปืน ฮีโร่เลยอะ อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด