ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ER-นาทีหัวใจ Special Moment: สงกรานต์ [13/04/59] p.22  (อ่าน 249242 ครั้ง)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
บทที่ 10 นาที (ครึ่งหลัง)

ไกลออกไป ณ  มุมหนึ่งอันแสนเงียบเชียบของห้องเช่าเล็กๆ ในเมืองหลวง หลังจากภาวัฒน์นั่งอ่านเอกสารในซองสีน้ำตาลที่พ่อให้มาหลายต่อหลายรอบ และคิดทบทวนหลายต่อหลายครั้ง แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดแต่เขาก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่มต้นทำอะไรบางอย่าง

เด็กหนุ่มรื้อค้นข้าวของเก่าๆ ที่เก็บไว้ในตู้ออกมาเพื่อหาเอกสารที่ต้องการ และกำลังเอ้อระเหยเพลิดเพลินกับความทรงจำมากมายในช่วงม.ปลายเมื่อเสียงกดออดที่หน้าประตูดังขึ้น

ติ๊ง... ต่อง...

นัยน์ตาสีดำขลับเหลือบมองนาฬิกาติดผนังที่บอกเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว “ครับ” ตะโกนตอบพลางรวบรวมข้าวของที่กระจายไว้บนพื้นเข้าลวกๆ โยนไว้บนเตียงและดึงผ้าห่มมาคลุมไม่ให้ปลิว ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตู นึกสงสัยจับใจว่าใครกันที่มาดึกๆ ดื่นๆ ป่านนี้

ติ๊ง... ต่อง...

ติ๊ง... ต่อง...

ติ๊ง... ต่อง...

เสียงรัวออดติดๆ กันอีกสามรอบยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้เขา นอกจากจะมาไม่ดูเวล่ำเวลาแล้วยังไร้มารยาทสิ้นดี
 
“ครับๆ กำลังมาครับ ใจเย็นๆ สิครับ” แต่ผู้ที่อยู่หน้าประตูก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุด และเมื่อภาวัฒน์เปิดประตูออกไป คำตอบที่อยู่หลังบานประตูนั้นสร้างความแปลกใจให้เขายิ่งกว่าเสียงออดที่รัวอยู่นั่นเสียอีก

ร่างสูงใหญ่ในชุดนักศึกษาโผเข้ากอดอย่างแรงทันทีจนทั้งคู่แทบจะหงายหลังล้มลงกับพื้น

“เทมส์ มีอะไรหรือเปล่าถึงมาเอาป่านนี้” ภาวัฒน์จับไหล่กว้างที่สั่นสะท้านและพยายามจะขืนตัวออกห่างเมื่อคนตัวโตเริ่มพูดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา

“เป็นฉันไม่ได้เหรอพลุ” ศุภพัฒน์รำพึงออกมาจากบ่าของเขา “ทำไมต้องเป็นเขา... เขาน่ะไม่ได้รักนายสักนิดเลยนะ นายมันบ้าพลุ นายจะรัก... จะรอเขาไปเพื่ออะไร ทำไมนายถึงไม่รักฉัน!!”



“ใจเย็นลงบ้างหรือยัง” ภาวัฒน์ส่งแก้วน้ำให้ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะลากศุภพัฒน์ที่เหมือนจะสติหลุดไปแล้วเข้ามาในห้องได้อีกทั้งเสียงของเขายังไม่ใช่เบาๆ จนเพื่อนร่วมชั้นเริ่มเปิดประตูออกมาดู

“อืม” คนตัวโตพยักหน้าอย่างขัดเขินถึงจะพูดมาหลายต่อหลายครั้งแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสารภาพรักแบบหมดท่าเช่นนี้

“ไหนมีอะไรลองเล่าให้ฉันฟังสิ” ภาวัฒน์นั่งขัดสมาธิลงข้างหน้า “ว่าแต่นายไม่ได้เมามาใช่ไหม”

ศุภพัฒน์มองคนที่ยื่นหน้าเข้ามาทำจมูกฟุดฟิดอย่างไม่รู้สึกรู้สาด้วยความหมั่นไส้ เขาใช้สองมือคว้าใบหน้านั้นไว้บังคับไม่ให้หลบสายตา “นายรักหมอปืนใช่ไหม”

“น... นายพูดเรื่องอะไรน่ะเทมส์” เสียงของภาวัฒน์สะดุด เขาสะบัดหลุดจากฝ่ามือแข็งแรงและดึงตัวกลับไปนั่งที่ “ฉันไม่ได้รักหมอปืนเราเป็นแค่พี่...”

“เลิกเล่นละครงี่เง่าได้แล้วพลุ ฉันแอบชอบนายมาเป็นปีๆ ทำไมเรื่องแค่นี้ฉันจะดูไม่ออก”

ภาวัฒน์เม้มปากแน่นก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป เขาไม่มีอะไรจะเสีย และมันก็ไม่ยุติธรรมกับศุภพัฒน์เอาเสียเลยที่เขาเอาแต่ปฏิเสธโดยไม่ให้เหตุผลที่ชัดเจน “ใช่! ฉันรักหมอปืน เพราะงั้นฉันถึงชอบนายไม่ได้”

“แม้ว่าเขาจะแต่งงานแล้วก็ตามอย่างนั้นเหรอ” เสียงศุภพัฒน์เย็นชาและบาดลึก “วันนี้ฉันไปกินข้าวกับเพื่อนที่คณะ บังเอิญเขากับแฟนก็มาร้านนี้เหมือนกัน ฉันเลยได้ยินพวกเขาคุยกันว่าอาทิตย์หน้าจะไปคุยเรื่องแต่งงานกับพ่อเธอ ดูท่าเธอจะเป็นหมอและลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลด้วย เพราะเธอบอกว่าพ่อตั้งใจจะยกโรงพยาบาลให้สามีในอนาคตของเธอ”

“ฉันรู้แล้วล่ะ” เสียงของภาวัฒน์นิ่งสงบทั้งที่มือเริ่มสั่น “เราเพิ่งจะคุยเรื่องนี้กันเมื่อกลางวันนี่เอง แต่เรื่องที่จะยกโรงพยาบาลให้นี่เพิ่งจะรู้... หมอนิวนอกจากจะเป็นคนสวย เก่งแล้วยังรวยอีก ช่างเพรียบพร้อมดีจริงๆ”

“รู้แบบนี้แล้วนายยังไม่ยอมตัดใจอีกเหรอ! ถ้าพวกเขายังไม่แต่งงาน ถึงจะไม่เหมาะสมแต่ฉันยังพอเข้าใจ แต่ตอนนี้เหตุการณ์มันเปลี่ยนไปแล้วพลุ การที่เขาจะไปแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีทีสุดแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขาไม่ได้รักนาย... หรือต่อให้เขารักนายจริงก็อยู่กับนายไม่ได้อยู่ดี แล้วนายจะเอายังไง จะไปอยู่ตรงไหนในความสัมพันธ์ของพวกเขา”

“ฉัน... ไม่รู้” เสียงที่เคยสงบขาดห้วงเป็นครั้งแรก “แต่ฉันตัดใจไม่ได้เทมส์ ฉันทำไม่ได้ ฉันพยายามมาหลายครั้งแล้ว”

“ทำไมนายดื้อแบบนี้พลุ” ศุภพัฒน์พูดอย่างอ่อนใจ “ผู้ชายคนนั้นมีดีตรงไหน ถึงจะทำงานเก่งหน้าที่การงานดี แต่หน้าตาก็งั้นๆ ที่สำคัญเขาแก่กว่านายตั้งสิบปีเชียวนะ”

“เขาเป็นรักครั้งแรกของฉัน ฉันหลงรักเขามาหกปีแล้ว ถ้ามันจะตัดใจได้ง่ายๆ ฉันคงทำไปนานแล้ว”

ศุภพัฒน์อึ้งไปทันทีกับตัวเลขที่ได้ยิน “เป็นไปไม่ได้ ฉันรู้จักนายตั้งแต่เด็กและฉันสาบานได้ว่าไม่เคยเห็นเขามาก่อน พวกนายไม่มีทางรู้จักกันได้โดยที่ฉันไม่รู้แน่ๆ”

ภาวัฒน์ปีนขึ้นไปบนเตียง เปิดผ้าห่มออกและรื้อหาอะไรบางอย่างจากกองเอกสารที่กระจายไว้ก่อนหน้านี้ “นายจำเรื่องที่ฉันประสบอุบัติเหตุตอนปิดเทอมก่อนขึ้นม.สามได้ไหม” เขาส่งกระดาษที่ตัดมาจากหน้าหนังสือพิมพ์ลงวันที่เมื่อหกปีที่แล้วให้

“ทำไมจะจำไม่ได้ นายนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลนานเป็นเดือนทำให้มาเริ่มเรียนช้ากว่าคนอื่น แต่เพราะหัวดีก็เลยเรียนตามเพื่อนๆ ได้ทันไม่มีปัญหาอะไร” ศุภพัฒน์พูดพลางไล่สายตาอ่านไปตามเนื้อหาข่าวที่เขารู้ดีอยู่แล้ว “แล้วมันมีอะไรหรือไง...”

น้ำเสียงขาดห้วงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าปาวัสม์เคยเล่าให้ฟังว่าไปทำงานเป็นแพทย์ใช้ทุนที่เชียงใหม่เมื่อหกปีก่อน เขาปะติดปะต่อเรื่องราวได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อแต่ก็ยังไม่ยอมเชื่อทฤษฎีของตนเองอยู่ดีจนกระทั่งภาวัฒน์หยิบกระดาษแผ่นเล็กในซองพลาสติกใสอีกใบส่งมาให้

คนตัวโตถึงกับหายใจขัด “นี่เรื่องจริงเหรอเนี่ย...”

“เขาช่วยชีวิตฉันไว้และเขานี่แหละคือคนที่ทำให้ฉันตัดสินใจมากรุงเทพ”

“แต่นายบอกกับทุกคนว่าอยากเป็นหมอ”

“ตาบอดสีแดงจะเป็นหมอได้ไง” ภาวัฒน์ถามกลับ “ถึงฉันจะบ้าแต่ก็ไม่ได้โง่นะ”

“ถ้าไม่ได้โง่แล้วดื้อทำไปทำไม”

“ก็บอกแล้วไงว่าบ้า” ภาวัฒน์แค่นหัวเราะ “แต่ถ้าฉันอยากอยู่ข้างเขามันก็ไม่ค่อยมีทางให้เลือกเท่าไหร่”

ศุภพัฒน์ส่งของทั้งหมดคืนให้ “นายลงทุนมากไปหน่อยไหมเนี่ย”

“คนเคยตายไปแล้วครั้งนึงอย่างฉัน ไม่มีอะไรที่เรียกว่ามาก น้อยหรือขาดทุนแล้วล่ะ ทุกวันนี้ที่ยังหายใจได้มันคือกำไร”

หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายมาเมื่อครั้งนั้น ถึงจะมีลมหายใจแต่ราวกับนาฬิกาชีวิตมันหยุดเดิน เขารู้สึกเหมือนมีอะไรติดค้างอยู่ในใจ ขัดไม่ให้ฟันเฟืองนั้นหมุนไป

“ตอนแรก ฉันก็แค่อยากเจอเขาสักครั้ง อยากขอบคุณ แต่พอได้เจอความรักมันไม่ยอมให้จบแค่นั้น”

เสี้ยวนาทีที่กระพริบตาภาพวันแรกที่ได้เจอกันอีกครั้งที่ห้องฉุกเฉินหลังจากผ่านไปหกปีหวนกลับมา

ร่างสูงในชุดกาวน์สีขาว ผมสีดำของเขาสั้นลงเล็กน้อย ใบหน้าคมคายเบื้องหลังกรอบแว่นเริ่มมีริ้วรอยแห่งวัย น้ำเสียงที่สั่งการรักษาเฉียบขาดปราศจากความลังเล เขาแทบไม่เหมือนคนในความทรงจำสักนิด

ด้วยอาการคนไข้ที่ไม่สู้ดีทำให้เครื่องหน้าขมวดมุ่น นอกจากจะไม่ใยดีเพราะจำกันไม่ได้ยังเดินชนจนเอกสารที่เขาถือมาร่วงกระจายลงบนพื้น

‘อย่ามายืนขวางทางสิ!’

ถึงจะรีบแต่คุณหมอหนุ่มก็ก้มลงช่วยเก็บของยัดใส่มือก่อนจะผละจากไป

แต่เขากลับขยับไปไหนไม่ได้อีกแล้ว...

เสี้ยวนาทีที่มองเข้าไปในนัยน์ตาคมคู่นั้น สิ่งที่ได้เห็นคือความอ่อนโยนที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจนนิดเดียว  ราวกับร่างกายถูกกระแสไฟฟ้าช๊อต มันชาไร้ความรู้สึกไปจนถึงปลายนิ้ว ก่อนที่หัวใจจะเต้นรัวจนแทบหลุดจากอก

เวลา... ที่หยุดเดินไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

เปลือกตากระพริบ ภาวัฒน์กลับมาสู่ปัจจุบันและส่งยิ้มบางให้คนตรงหน้า

“ตอนนี้ฉันมาไกลเกินกว่าจะถอนตัวแล้ว ฉันไม่ได้หวังจะได้รับความรักหรือเป็นคนสำคัญของเขา ฉันขอแค่ให้ได้มีวงโคจรที่จะอยู่ใกล้ๆ และเป็นกำลังให้เขาบ้างแค่นั้นก็พอใจแล้ว”

ภาวัฒน์ก้มมองรูปภาพในมือ ทั้งที่เป็นแค่ภาพรถเก๋งสีบรอนซ์ที่ชนอัดอยู่กับเสาไฟฟ้า แต่เขากลับเห็นเรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนั่นราวกับมันมีชีวิต

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ทั้งตัวชุ่มโชกไปด้วยน้ำจากพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวล แต่สายตาซึ่งมองมายังเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะตัดใจยอมแพ้ให้กับพิษบาดแผลนั้นเต็มไปด้วยความหวัง ผู้ชายคนนั้นมอบความกล้าที่จะสู้กับความตายให้เขา และจนถึงตอนนี้เขายังจดจำได้ดีถึงสัมผัสอบอุ่นของฝ่ามือที่โอบกอดร่างเขาเอาไว้ กับถ้อยคำที่พร่ำบอกว่า ‘เราจะสู้ไปด้วยกัน’

ศุภพัฒน์นั่งมองคนที่ราวกับจะหลุดเข้าไปในวันเวลาของอดีต และดีดหน้าผากเขาดังเพี๊ยะ

“เจ็บนะเทมส์” ภาวัฒน์ยกสองมือกุมหน้าผาก เจ็บจนน้ำตาไหล “นายเล่นอะไรเนี่ย”

ศุภพัฒน์กางแขนออกอีกครั้งและรวบคนตัวเล็กกว่าแนบอกกว้าง “นายน่าจะบอกฉันให้เร็วกว่านี้ ขอโทษนะที่ไม่รู้อะไรเลย”

“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษนาย” ภาวัฒน์กอดตอบ “ฉันผิดเองที่ไม่เคยบอกอะไรนายเลยทั้งที่นายเป็นห่วงฉันมากแท้ๆ”

“นายก็พูดเกินไป ฉันไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย”

“นายทำเพื่อฉันเยอะแยะไปหมด” ภาวัฒน์ย้ำ “จริงๆ แล้วนายไม่ได้หนีฉันมากรุงเทพแต่นายตามมาดูแลฉันต่างหาก แถมนายยังอุตส่าห์ตามมาสมัครเป็นอาสาสมัครกู้ภัยทั้งที่มหา’ลัยงานก็ยุ่ง นายบอกหมอปืนเรื่องที่ฉันทะเลาะกับพ่อเพราะคิดว่าเขาอาจจะช่วยฉันได้ทั้งที่นายเองก็ไม่ชอบขี้หน้าเขา และวันนี้นายก็มาหาฉันเพราะรับรู้และเจ็บปวดกับรักที่ไม่สมหวังแทนฉันไม่ใช่เหรอ” เขาคว้าไหล่ศุภพัฒน์ดึงออกเพื่อสบตาและยิ้มให้ “ขอบใจมากนะ”

“หยุดยิ้มแบบนั้นเดี๋ยวนี้นะ” ไม่พูดเปล่าศุภพัฒน์ยังดีดหน้าผากคนผมน้ำตาลไปอีกหนึ่งเพี๊ยะ

“ทำไมล่ะ”

คนตัวโตระบายยิ้มกว้าง “เพราะมันจะทำให้ฉันตกหลุมรักนายอีกรอบน่ะสิ”

“ไอ้บ้า!”

“ตกลงนายจะเอายังไงเรื่องหมอปืน จะสู้ต่อใช่ไหม”

“ไม่สู้แต่ก็คงไม่ตัดใจ” ภาวัฒน์ตอบตามตรง “ว่าแต่นายไม่ห้ามฉันแล้วเหรอ”

“ตอนนี้ฉันรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว” ศุภพัฒน์ไหวไหล่ “ในเมื่อตัวฉันเองยังตัดใจจากนายไม่ได้เลย แล้วฉันจะไปมีปัญญาห้ามนายไม่ให้รักใครได้ไง ไม่ต้องบอกฉันหรอกว่ารักข้างเดียวมันเจ็บแค่ไหน เพราะฉันรู้ดี... แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่เชียร์พวกนายแน่ๆ”

“ขอบใจนะ” ภาวัฒน์ตอบ รู้สึกขอบคุณจากใจจริง

“เห็นนายยิ้มได้แบบนี้ฉันก็สบายใจแล้ว” คนตัวโตดันกายลุกขึ้นยืน “นี่ก็ดึกมากแล้วฉันต้องกลับล่ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะพลุ”

“อันที่จริงนายจะค้างที่นี่ก็ได้นะไม่เห็นต้องรีบกลับเลย” ภาวัฒน์เดินตามไปส่งที่ประตู “ป่านนี้หอปิดไปแล้วล่ะ”
ศุภพัฒน์นั่งลงใส่รองเท้า “ปิดแล้วก็ปีนได้ เรื่องจะให้นอนค้างกับนายน่ะไม่เอาหรอก”

“ทำไมล่ะ”

“ทำไมน่ะเหรอ” ศุภพัฒน์กระแทกส้นเท้ากับพื้นเพื่อใส่ให้เข้าที่ ก่อนจะหันไปหาคนผมน้ำตาลที่กำลังชะโงกเงื้อมอยู่เหนือตัวเขา นัยน์ตาสีดำขลับคู่นั้นที่มองมาเต็มไปด้วยความห่วงใยแต่เขาจะใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด

...แต่ก็เตือนแล้วนะว่าอย่ามาทำอะไรแบบนี้...

มือใหญ่เอื้อมไปคว้าหลังคอภาวัฒน์ให้โน้มลงมาพร้อมกับที่เขาเงยหน้าขึ้น และกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู “ฉันกลัวว่านายจะไม่ได้นอนน่ะสิ ฝันดีนะพลุ” พูดจบก็แอบขโมยหอมแก้มไปหนึ่งที

***************************************T B C**************************************************

เอาครึ่งหลังมาส่งตรงเวลามากมาย5555
ตอนนี้ค่อนข้างสั้น เค้ารู้ว่าอ่านไม่จุใจต้องขออภัยล่วงหน้า(ได้ข่าวกว่าจะถึงบรรทัดนี้คือจบล่ะ-_-')
ตอนนี้สงสารน้องเทมส์มากกว่าหมอจิวอีก... อัลไล รักเค้า เค้าไม่รักอกหักดังเป๊าะยังต้องคาบข่าวมาบอกแถมให้กำลังใจกันอีก

สปอยชื่อตอนหน้า 'ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง'
มีคนถามว่าจะเรีื่องนี้จะซดมาม่าไหม? ตอบ--> เรื่องนี้เค้าแต่งแบบ feel good สุดไรสุดในชีวิตและสามโลก ไม่มีม่าแน่(จิงอ่ะ)

ปล. ขอบคุณ รีวิว น่ารักๆ จาก น้อง @QazTap... งานที่น้องพลุทำเรียกว่า 'กู้ชีพ' หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า 'สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน' หรือง่ายๆ 'EMS' และขอใช้พื้นที่ตรงนี้อธิบายอีกนิด(เป็นความรู้เนาะ) ปกติเครื่องแบบกู้ชีพคือชุดเสื้อ-กางเกงสีขาว ปักตรารพ.ที่สังกัดและ star of life ที่ด้านหลัง

แต่ในเรื่องเราให้เครื่องแบบกู้ชีพเป็น 'ชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้ม' ซึ่งไม่ตรงกับของจริงด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ เราแค่ชอบชุดหมีค่ะมันเซ็กซี่ดีเวลาจับถอด เอ๊ย! ไม่ใช่ล่ะ มันเท่ดีค่ะ >[]<

ปล.2.ใครมีข้อสงสัย อัดอั้น ตันใจ ไม่เข้าใจเชิญเมนท์ล่าง หรือจะตามไปจิกที่ @leggydan ได้ 24ชม.ค่ะ 
ปล.3 ถ้าเค้าทำเพจจะมีคนไปกดไลค์ไหมอ่า... อยากได้พื้นที่เมาท์

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เทมส์ น่ารักมาก เป็นคนที่เข้าใจอะไร ๆ ได้ดี มีเหตุผล
ที่สำคัญ รัก และหวังดีกับพลุเสมอมาเลย รักเทมส์  :กอด1:
น้องเทมส์ จะไม่มีหนุ่มน่ารัก ๆ มาดามใจหน่อยเหรอคะ
ถ้าเทมส์อยู่เคียงข้างพลุ ในฐานะเพื่อนรัก ก็อยากให้เทมส์
ได้อยู่อย่างไม่ต้องเจ็บอีกต่อไป อยากให้เทมส์มีคนรักดี ๆ สักคน
จะได้รู้สึกกับพลุ แค่ในฐานะเพื่อนได้อย่างสนิทใจ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เทมส์ น่ารักมาก เป็นคนที่เข้าใจอะไร ๆ ได้ดี มีเหตุผล
ที่สำคัญ รัก และหวังดีกับพลุเสมอมาเลย รักเทมส์  :กอด1:
น้องเทมส์ จะไม่มีหนุ่มน่ารัก ๆ มาดามใจหน่อยเหรอคะ
ถ้าเทมส์อยู่เคียงข้างพลุ ในฐานะเพื่อนรัก ก็อยากให้เทมส์
ได้อยู่อย่างไม่ต้องเจ็บอีกต่อไป อยากให้เทมส์มีคนรักดี ๆ สักคน
จะได้รู้สึกกับพลุ แค่ในฐานะเพื่อนได้อย่างสนิทใจ

มาไวตลอดอ่า~ เห็นแล้วปลื้มปริ่ม เค้ายังไม้ทันปิดหน้าจอเลยTTvTT

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สงสารทุกคนที่มีรัก

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
เฮ้อ เหนื่อยใจจจจ สงสารหมอปืน สงสารพลุ สงสารเทมส์ TTTT
เราว่าพลุก็ไม่ได้ผิดอะไรนะที่ไปรักคนที่มีเจ้าของอ่ะ ถ้าแค่รักแล้วอยู่ในที่ของตัวเอง มันก็ไม่ผิดนะ ในมุมมองของเรา
เพราะพลุเองก็ไม่ได้มีเจตนาจะไปแย่ง ไปเป็นมือที่สาม หรือพยายามเอาหมอปืนมาเป็นของตัวเองเลยนี่น่า
มันก็แค่รัก เพราะรักถึงหวังดี ถึงอยากเห็นเค้าในสายตาบ้าง อยากช่วยอะไรที่ทำได้ มันก็เท่านั้นเอง
ส่วนหมอปืนถ้าอยากจะให้มันเป็นมากกว่านั้นก็ต้องไฟท์ด้วยตัวเองแล้วแหละค่ะ จะมาคลุมเครือแบบนี้มันก็ไม่ไหวนะ

ขอให้หมอปืนรู้ใจตัวเองไวๆค่ะ จะได้ทำอะไรให้ชัดเจนซะที
/ ชื่อตอนหน้าแอบสปอยล์มากเลยอ่ะ ฮืออ ตอนนี้จินตนาการไปถึงหมอปืนเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้แล้วค่ะ
ไม่รู้ถ้ารู้แล้วจะเป็นยังไงน่อ ; //////// ; ..

ปล. ตอนที่เดินชนกันน่ารักมากเลยค่ะ
ปล2. จำได้ว่าตอนที่แล้วเม้นไปแล้วแต่พอหากลับไม่เจอซะงั้น พลังงานบางอย่างโฮก -O-
ปล3. อ่านเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงก่อนสอบหมอ จนตอนนี้ติดหมอแล้ว เริ่มมีคนถามว่าอยากเป็นหมออะไร
อยู่ๆก็ตอบอยากเรียนเฉพาะทาง ER (เวชศาสตร์ฉุกเฉิน) ไปซะงั้น ..... คงเป็นเพราะหมอปืนแน่เลยค่ะ TT/

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เทมส์ก็ยังหวังดีกับพลุเสมอ เรื่องของความรักห้ามกันไม่ได้จริงๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
หมอปืนจะแต่งงานจริงๆเหรออออ  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ความจริงบางอย่าง เมื่อรู้แล้ว
อาจทำให้อะไรๆง่ายขึ้นเนอะ
ดูอย่างเทมส์ซิ ต่อไปก็จะรักพลุแบบไม่ทรมาน

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
รักของเทมส์กับพุ  เหมือนกันตรงที่ขอให้ได้รัก  แต่ไม่ขอแย่งชิง :katai2-1:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ชอบบทสนทนาของน้องพลุกับเทมส์มากๆ
เราไม่โทษหมอปืนนะ
คือหมอเป็นผู้ชายธรรมดาที่ชอบชะนีเอ๊ยหญิงมาตลอด
เพิ่งมาเจอพลุที่ทำให้คุณหมอปืนเริ่มไขว้เขว
หมอปืนต้องเจอกับภาวะอะไรสักอย่างที่จะกระชากหมอให้เข้าใจความต้องการตัวเองได้
ตอนนี้หมอปืนก็เหมือนกับอยู่ในคอมฟอร์ทโซนเคยเป็นมายังไงก็เคยชินสบายแบบนั้น
ไม่แน่ว่าชะนีนิวอาจจะแสดงอะไรทำให้หมอปืนคิดได้ว่า
ถ้าตัวเองต้องตื่นขึ้นมาร่วมชีวิตกับผู้หญิงคนนี้ไปจนตายก็ขอตายตอนนี้เลยแล้วกันก็ได้นะ
อีกอย่างหมอปืนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพลุเป็นใครมีอะไรฝังใจกับตัวเองยังไง
อุบัติเหตุวันนั้นเราคิดว่าเหมือนด้ายแดงที่ผูกนิ้วหมอปืนกับน้องพลุเข้าไว้ด้วยกัน

ปล. นอกเรื่องนิด
เครื่องแบบเจ้าหน้าที่แบบน้องพลุที่สวีเดนสีเขียวเหลืองเหมือนรถพยาบาลเหลืองเขียวค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เทมสสสสสสสสสสสสสสสส์  :o12:

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
ตอนหน้าอยากให้ หมอปืนรู้ความจริงซะทีว่า ยัยหมอนิวเนี่ย นางร้ายหลังข่าวชัดๆ

คือใครจะมองว่าน่าสงสารในตอนแรกๆยังไง เราคนนึงล่ะไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆ

เซ้นเรามันบอกทันทีเลยว่า นางมาสายร้ายแต่แรกแล้ว ผญ ดีๆ เค้าจะไม่ทำแบบนั้นกันหรอก

มีอย่างที่ไหน ทำให้แฟนลำบากใจ ว่าต้องเลือกระหว่างเพื่อนกับแฟน แถมยังทำตัวเข้ากันไม่ได้กับเพื่อนอีก

ออกแนวไปทางเกียจด้วยซ้ำ แล้วยิ่งมาเจอเคส ของหมอจิวเข้าไปอีก บอกได้เลยว่าตอนนี้โคตรเกียจเลยยัยนิวเนี่ย

ไม่เข้าใจ รู้แล้วว่าหมอจิวชอบหมอปืนแล้วไง ต้องเขี่ยเค้าด้วยวิธีนั้นเลยหลอ แค่ยืนมองอย่างเดียวก็พอมั้ง

คิดว่าเค้าเป็นเพื่อนกันมากี่ปี จะเสี่ยงเชียวหลอ แล้วอีกอย่างเค้าก้ไม่ได้ข้ามเส้นของหล่อนมาด้วย เค้าอยู่ในที่ของเค้า

แต่หล่อนน่ะระแวงไปเอง  :katai1: :katai1: :katai1: 

คนอื่นๆไม่พูดละกัน คนอื่นเค้าพูดกันไปเยอะละ  :hao4:


ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
อยากอยู่ทีมเทมส์แทนละอะ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
คือแบบบบบบ  :hao4: :hao7: :katai5: :katai4:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ไม่ม่ม่า แต่กลิ่นมานี่คือข้าวไข่เจียวหรือไร?

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
 :hao5:


ไม่รู้จะเลือกปลอบใครเลยระหว่างน้องพลุกับน้องเทมส์
ชอบเทมส์มาก ชอบมากแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง นี่ชอบรองลงมาจากร้องพลุเลยนะคะเนี่ย

#เบียดลุงหมอตกกระป๋อง เชอะ !

เทมส์เป็นคนที่แบบเข้าใจอะไรง่ายดีแล้วก็เป็นคนที่หวังดีกับเพื่อนเสมอ
น้องพลุโชคดีมากที่มีเพื่อนดีๆ แบบนี้ ใจจริงอ่านโมเม้นท์คู่นี้ในตอนนี้แล้วรู้สึกอยากก่อกฏบเทมส์พลุเลยนะคะเนี่ย
ฉากจุ๊บแก้มก่อนล่านี่คือแบบ แอร๊ยยยยยยยยยยย นั่ลลั๊คคคคคคคค >_<

รอตอนหน้าค่ะ..

ปล.เรื่องนี้ฟีลกู๊ดจริงๆ ใช่มั้ยพี่เลคกี้ อ่านมานี่อึมครึมหลายตอนแล้วนะคะ 555555 #แซว

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
หมอปีนนี่อะไรก็ไมรู้ จะยอมแต่งงานเหรอ ไม่ดีม้างงง ผู้หญิงอย่างนิวนี่ไม่เหมาะจะเป็นคู่ชีวิตหรอกนะ


ชื่อตอนหน้าแลดูอึมครึมมากเลย

ออฟไลน์ bookie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
    • facebook
น้องพลุสู้ๆ เรื่องนี้ชะนีร้ายนัก

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
บทที่ 11 ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง

สองสามวันหลังจากคุยเรื่องแต่งงานกับรชญา ปาวัสม์ก็พบเวลารอบตัวเขาแม้จะขับเคลื่อนด้วยความเร็วเท่าเดิมแต่มันกลับน่าเบื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นี่เป็นอาการปกติของคนที่กำลังจะสละโสดหรือเปล่า เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน รู้แค่เหมือนชีวิตมันขาดอะไรไปโดยเฉพาะเวรเช้าวันนี้ที่แสนเงียบเหงาเหลือเกิน

“ปืนมันโดนยัยรชญาวางยาเบื่อมาหรือเปล่า” นุชนันท์ตั้งข้อสงสัยกับวิทยาในขณะที่กำลังลอบมองร่างสูงนั่งหูตูบหางตกตรวจคนไข้

“นั่นสิ” วิทยาแอบเห็นด้วย “สองสามวันก่อนยังอารมณ์ดีผิดมนุษย์มนาอยู่เลย นี่ฉันควรจะต้องตามหมอจิตเวชมาดูมันหรือเปล่าเนี่ย “

“อาจจะ” สาวร่างอวบพยักหน้า “ว่าแต่วันนี้ห้องฉุกเฉินดูเงียบๆ นะ” เธอกวาดตามองไปรอบๆ แม้จะมีคนไข้อยู่เต็มแต่ก็ยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป

“ก็ต้องเงียบสิคะ” พยาบาลสาวคนสวยประจำห้องฉุกเฉินที่เดินผ่านมาได้ยินพอดีเฉลยให้ “เพราะตั้งแต่เช้าน้องพลุยังไม่ได้เอาคนไข้มาส่งเลยสักคนนี่นา”

“นี่พลุเขาไปเป็นน้องเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ”

“ตั้งแต่น้องเขายอมโกนหนวดโกนเคราทำตัวหล่อน่ะแหละค่ะพี่อุ้มขา” ชโลธรบอก “อุตส่าห์บังเอิญเวรออกมาตรงกันแท้ๆ แต่วันนี้ทำงานมาแปดชั่วโมงแล้วยังไม่ได้เจอกันเลย หนูล่ะเซ็ง”

“เวรเธอไม่ได้ตรงกับพลุแต่เธอตั้งใจแลกมาเพื่อให้ตรงกับเพื่อนพี่ต่างหากล่ะ” นุชนันท์ดักคอและหัวเราะใส่อย่างรู้ทัน “แล้วบังเอิญเวรพลุตรงกับปืนตลอดเธอเลยพลอยได้เจอเขาไปด้วย”

“แหม พี่อุ้มก็!” ชโลธรร้องพลางเหลือบมองปาวัสม์ “ก็เพื่อนพี่อุ้มเล่นหน้าตาดีขนาดนี้ โดยเฉพาะหมู่นี้นะคะคนไข้เยอะแค่ไหนก็ยิ้ม อารมณ์ดี คนมีความรักนี่คงมองโลกเป็นสีชมพูไปหมดเนอะ หนูล่ะอิจฉาหมอนิวจริงๆ เห็นว่าคุยๆ เรื่องแต่งงานกันแล้วใช่ไหมคะ”

“อือ” นุชนันท์ตอบที่คล้ายกับเสียงขู่มากกว่า ปาวัสม์เล่าเรื่องที่คุยกับรชญาให้เธอกับวิทยาฟังหมดแล้วและบอกตามตรงว่าเธอไม่รู้สึกดีใจสักนิด

“พี่อุ้มดูสิ” ชโลธรสะกิดแขนเธอ “คนอะไรขนาดดาร์คโหมดยังเท่อะ... ถึงเวรหมอปืนจะยุ่งรากเลือดจนทั้งหมอและพยาบาลพากันแลกเวรหนีแต่หนูว่าได้เห็นแบบนี้ทุกวันก็คุ้มนะคะ”

นุชนันท์ขำกับอาการบ้าไอดอลประจำห้องฉุกเฉินของรุ่นน้อง แต่แล้วจู่ๆ ความคิดอย่างหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว “น้องมิลค์จ๊ะ”

“มีอะไรคะพี่อุ้ม”

“ปกติตารางเวรแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินนี่เขาเอาไว้ที่ไหนกัน”

“ถ้าเป็นต้นฉบับหนูไม่รู้ค่ะ แต่ถ้าเป็นฉบับก๊อปปี้ล่ะก็มีวางเกลื่อนห้องฉุกเฉินเลยเอาไว้ให้พยาบาลโทรตามแพทย์เวร หนูยังมีชุดนึงเลย” ชโลธรชี้ให้ดูแผ่นกระดาษซึ่งติดไว้ที่บอร์ดหลังเคาน์เตอร์อันเป็นที่นั่งทำงานประจำของเธอ “จะได้เอาไว้แลกเวรตาม เอ๊ย! ไว้ตามแพทย์เวรได้ง่ายๆ ค่ะ”

“อย่างนี้นี่เอง” นุชนันท์พยักหน้า ในที่สุดก็เข้าใจสิ่งที่สงสัยมานาน

เรื่อง ‘บังเอิญ’ ที่นายภาวัฒน์จะเวรตรงกับเพื่อนเธอทุกวันนั้นโอกาสคงจะมีสักหนึ่งในล้าน แต่เพราะมันไม่ใช่น่ะสิ! การที่เด็กหนุ่มนั่นมาเทียวไล้เทียวขื่อชโลธรทุกวันก็เพื่อแอบดูตารางเวรแพทย์ในแต่ละวันแล้วกลับไปแลกเวรให้ตรงเหมือนอย่างที่รุ่นน้องเธอทำนี่แหละ

เธอหันไปหาวิทยาที่ตั้งหน้าตั้งตาตรวจออเดอร์นักศึกษาแพทย์จนไม่ได้สนใจฟังสองสาวคุยกัน “งานนายใกล้เสร็จหรือยัง จะได้ไปกินข้าวกันฉันหิวแล้วนะ”

“เล่มสุดท้ายล่ะ” วิทยาตอบพลางจดโน้ตขยุกขยิกเพิ่มเติมลงไป “แล้ววันนี้ปืนจะไปกับเราหรือเปล่า”

“นายถามผู้หญิงผิดคนแล้วล่ะ” นุชนันท์แกล้งว่า “แต่ดูปืนมันไม่รีบไม่ร้อนเลยนะ ถ้ามีนัดกับรชญาคงไม่เอ้อระเหยแบบนี้หรอก “

“พี่ปืนได้เวลาลงเวรแล้วก็ไปเถอะครับ” แพทย์รุ่นน้องบอกพลางดึงแฟ้มคนไข้มาถือไว้เอง

“ไม่เป็นไร” ปาวัสม์พูดพลางใช้ปลายนิ้วดันสันแว่นให้เข้าที่ “คนไข้เยอะ ช่วยๆ กันจะได้เสร็จเร็วๆ”

แพทย์รุ่นน้องมองหน้ากันและหยิบแฟ้มคนไข้ขึ้นมาเล่มหนึ่ง “ช่วยพวกผมแค่นี้ก็พอครับ พี่ปืนไปพักเถอะวันนี้พี่ปืนดูเหนื่อยๆ ชอบกล”

ปาวัสม์รับแฟ้มคืนมา คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอาการผิดปกติของเขาจะดูออกได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเรียกพลังอีกครั้งก่อนจะเปิดแฟ้มและพบว่าเป็นแค่เคสง่ายๆ ที่มาตรวจสุขภาพเพื่อขอใบรับรองแพทย์

“คุณพีรยุทธ เชิญพบแพทย์ในห้องฉุกเฉินครับ”

เขาเรียกและเพียงแค่อึดใจประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก ชายร่างสูงในชุดนักศึกษาคนหนึ่งเดินเข้ามา แต่ปาวัสม์ไม่ได้สนใจเพราะข้างหลังนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยในชุดหมีสีดำคาดแถบสีส้มกำลังนำคนเจ็บมาส่ง และใครคนหนึ่งที่คุ้นตาดีก็กำลังลงทะเบียนอยู่หน้าเคาน์เตอร์

ใจของคุณหมอหนุ่มลิงโลดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขารีบเชิญคนไข้นั่งเพื่อจัดการตรวจให้เสร็จโดยเร็ว ตอนนี้รู้สึกอยากออกเวรใจจะขาดแล้ว

“มาตรวจขอใบรับรองแพทย์นะครับ ไม่ทราบว่าเอาไปทำอะไรครับ”

“เอาไปประกอบหลักฐานสมัครงานน่ะครับ” ชายที่ชื่อพีรยุทธตอบ

“งั้นต้องขอโทษด้วยนะครับ” ปาวัสม์เริ่มต้นอธิบาย “ถ้านำไปประกอบการสมัครงานจะต้องมีการตรวจเช็คหลายอย่างทั้งเจาะเลือด เอ๊กซเรย์ปอด ตรวจระบบต่างๆ เช่นสายตา หูคอจมูก แล้วอาจต้องมีการตรวจทางจิตเวชด้วยขึ้นกับตำแหน่งหรือบริษัทที่สมัคร ซึ่งทั้งหมดนั้นต้องมาทำในเวลาราชการนะครับและต้องออกโดยโรงพยาบาลตามที่หน่วยงานนั้นๆ ระบุด้วยไม่ทราบว่าน้องได้เช็คมาหรือเปล่า”

“ตรวจกับที่นี่แหละครับ ตกลงพรุ่งนี้ผมต้องมาใหม่ใช่ไหมครับ”

“ครับ” ปาวัสม์เตรียมสรุปปิดแฟ้ม แต่คนไข้ไม่ยอมให้เขาจบแค่นั้น

“คุณหมอครับไหนๆ ก็มาแล้วผมมีเรื่องอยากปรึกษา”

“อะไรเหรอ” ปาวัสม์เปิดแฟ้มออกอีกครั้ง นัยน์ตาคมจับจ้องไปที่ประตู เห็นคนในชุดหมียังยืนอยู่ก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อยแม้จะกำลังอ้อล้ออยู่กับพยาบาลสาวคนสวยประจำห้องฉุกเฉินก็เถอะ

“ผมปวดขาน่ะครับเลยอยากจะได้ยาแก้ปวด”

“ไปทำอะไรมาล่ะ” ปาวัสม์มองสำรวจร่างกำยำตรงหน้าจินตนาการไปว่าคงเพิ่งไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนมาแต่คำตอบที่ได้ทำเอาเขาต้องแปลกใจ

“อุบัติเหตุรถชนน่ะครับ” พีรยุทธดึงขากางเกงข้างซ้ายขึ้นให้เห็นหน้าแข้งที่มีรอยแผลผ่าตัดยาวที่เริ่มจางลงแล้ว “ตั้งแต่หกปีก่อน ตอนนั้นหมอบอกกระดูกหักทั้งสองท่อน ผ่าตัดใส่เหล็กเรียบร้อยแต่พักหลังมานี่มันขัดๆ ปวดๆ เวลาเดินน่ะครับ”

“ได้ไปกระแทกหรือเกิดอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่า”

“อุบัติเหตุคงไม่ใช่ครับแต่ถ้ากระแทกล่ะก็ไม่แน่ เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งไปเล่นบาสกับเพื่อนมา”

“เจ็บขาแล้วยังไปเล่นบาสอีกนะเรา” ปาวัสม์ดุแกมหยอกพลางหยิบใบขอเอ๊กซเรย์ขึ้นมาเขียน

“ช่วยไม่ได้นี่ครับหมอก็ผมเคยเป็นนักกีฬาโรงเรียน” พีรยุทธพยายามอธิบาย “ตอนที่ผมนอนโรงพยาบาล เดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็นอยู่ตั้งหลายเดือนก็มีแต่บาสนี่แหละครับที่ช่วยให้หายเหงา หายเครียด ถึงจะเล่นได้ไม่เหมือนเดิมก็อาศัยนั่งรถเข็นไถๆ หมุนๆ เล่นกับพี่ๆ นักกายภาพเอา”

“ออกกำลังกายเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องเซฟตัวเองนะ” ปาวัสม์ส่งเอกสารที่เขียนเรียบร้อยให้ “ไปยื่นให้แผนกเอ๊กซเรย์ที่ห้องตรงข้ามห้องฉุกเฉินนี้นะครับ เสร็จแล้วกลับมาหาหมอได้เลย ผลมันออนไลน์ในคอมอยู่แล้ว” 

“ครับ” พีรยุทธจ้องมองลายเซ็นต์ชื่อกำกับคำสั่งการรักษาและขมวดคิ้วครุ่นคิดก่อนจะเดินออกไป

ทันทีที่คนไข้คล้อยหลังคุณหมอหนุ่มก็สบช่องลุกออกไปบ้าง “พลุ” เขาวิ่งไปทันเรียกภาวัฒน์ที่กำลังจะกลับออกไปพอดี “วันนี้เวรอะไร”

เด็กหนุ่มในชุดหมีเดินยิ้มหน้าแป้นแล้นกลับเข้ามา “เวรเช้าครับ นี่กำลังจะเลิกงานแล้ว”

“โอ๊ะ!” นุชนันท์ที่นั่งสังเกตการณ์อยู่อุทานขึ้นเบาๆ “ฟื้นคืนชีพแล้ว”

“มีอะไรเหรอ” วิทยาหันมาถาม

“ฉันพูดถึงเกมน่ะ” นุชนันท์โบกโทรศัพท์ในมือ “พอดีตัวเล่นพลังหมด ตายมาตั้งแต่เช้านี่เพิ่งโชคดีมีคนส่งชีวิตให้น่ะ” เธอแกล้งทำเป็นก้มหน้าดูโทรศัพท์ แต่จริงๆ แล้วกำลังแอบดูอย่างอื่นอยู่ต่างหาก

“ไปฟิตเนสกัน” ไม่พูดเปล่าคุณหมอหนุ่มยังฉวยมือคนผมน้ำตาลไว้ราวกับกลัวว่าจะหนีไปไหน

“แต่วันนี้ผมนัดเทมส์กินข้าวไว้แล้ว นี่ผมให้ยืมกุญแจรถไป เดี๋ยวอีกสักพักคงมาถึงล่ะ”

“น่าเสียดายจัง ไว้วันหลังก็ได้ “

“หรือหมอปืนจะเปลี่ยนใจไปกินข้าวด้วยกันไหมล่ะ” ภาวัฒน์รีบบอก “แล้วพรุ่งนี้ผมจะพาไปวิ่ง กินอีกสักวันมันคงไม่ทำให้เจ้านิ่มๆ นี่เพิ่มขึ้นเท่าไหร่หรอกมั้ง” ว่าพลางแกล้งใช้นิ้วชี้จิ้มพุงร่างสูงเล่น

“คุณหมอปาวัสม์ครับ” พีรยุทธเดินมาสะกิดเขาที่ด้านหลัง

“เอ๊กซเรย์เสร็จแล้วเหรอครับ” ปาวัสม์มองข้ามไหล่ชายหนุ่มไปเห็นชายวัยกลางคนอีกคนยืนอยู่ด้วยกัน ลักษณะน่าจะเป็นผู้ปกครอง เขายังไม่ทันจะได้เอะใจหรือคิดอะไรเมื่อพีรยุทธพูดขึ้นอีกครั้งแต่ไม่ใช่กับเขา

“ใช่คุณหมอปาวัสม์คนนี้ไหมครับคุณพ่อ” พีรยุทธหันไปพูดกับชายวัยกลางคนด้วยความตื่นเต้น

ชายผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาสัมผัสไหล่และมองจ้องหน้าคมเขม็ง “พ่อว่าใช่นะ ไม่น่าผิดตัวหรอก” เขาหันไปพูดกับลูกชาย

“ขอโทษนะครับนี่มันเรื่องอะไรกัน” ปาวัสม์ถามงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูกและสองพ่อลูกก็เสียงดังเสียจนเจ้าหน้าที่และคนที่มาตรวจเริ่มหันมามองแล้ว

“ขอโทษนะครับที่เสียมารยาท” ชายวัยกลางคนบอก “ผมชื่อพีระ ก่อนอื่นขอสอบถามคุณหมอปาวัสม์ว่าเมื่อสักหกปีก่อนเคยไปแถวๆ เชียงใหม่ไหมครับ”

“เคยครับ ผมไปเป็นแพทย์ใช้ทุนที่นั่น”

“เป็นคุณหมอคนนั้นจริงๆ ด้วย” พีรยุทธร้องเสียงดังด้วยความดีใจพร้อมทั้งคว้าตัวร่างสูงไปกอดเสียแน่น “คุณหมอจำผมกับพ่อได้ไหมครับ คนที่คุณหมอเคยช่วยไว้เมื่อหกปีก่อนน่ะ”

“ช่วย... เมื่อหกปีก่อน” ปาวัสม์ทวนคำเมื่อภาพอุบัติเหตุในคืนวันฝนตกย้อนกลับเข้ามาในความคิด “พวกคุณกำลังจะบอกผมว่าพวกคุณคือสองคนพ่อลูกที่ขับรถชนกับเสาไฟฟ้านั่นเหรอครับ”

“ใช่แล้วครับ” พีรยุทธร้องขึ้นอีกครั้ง “แต่ไม่ใช่เพราะพ่อผมประมาทนะครับ จริงๆ แล้วตอนนั้นมีเด็กแวนซ์คนหนึ่งซิ่งมอเตอร์ไซค์ขับปาดหน้าพวกเรา พ่อผมหักหลบกะทันหัน รถเลยเสียหลักชนกับเสาไฟฟ้า”

คิ้วหนาขมวดมุ่นกับความจริงจากปากผู้ประสบเหตุ มันค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องราวในความทรงจำของเขา ปาวัสม์เหลียวมองภาวัฒน์ที่มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน

“ถ้าไม่ได้คุณหมอ เราต้องตายแน่” คุณพีระตบบ่าคุณหมอหนุ่ม “ขอบคุณมากนะครับ”

ปาวัสม์มองหน้าคุณพีระก่อนจะหันมามองหน้าพีรยุทธชัดๆ อีกครั้ง “นายคือเด็กคนนั้นเหรอ”

“ใช่ครับ” เขารับคำ “ผมเอง... คุณหมอจำผมได้แล้วใช่ไหม”

ในขณะที่ทั้งสามกำลังเริ่มล้อมวงคุยความหลัง ขาของภาวัฒน์กลับก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนตอนนี้เขาจะสูญเสียความสามารถในการพูดไปแล้วและเขากำลังภาวนาขอให้เสียการได้ยินตามไปด้วย แต่ก็เป็นไปตามที่ว่าไว้

‘ประสาทการได้ยินจะเป็นสัมผัสสุดท้ายที่เสียไป และเป็นสัมผัสแรกที่ได้คืนมา’

ดังนั้นแม้ว่าเขาจะปฏิเสธเช่นไรแต่เขาก็ยังคงได้เห็น และได้ยินความจริงตรงหน้า

“เสียงดังอะไรกัน” วิทยาเดินมาสมทบพร้อมกับนุชนันท์ด้วยความสงสัย

“นี่คุณพีระกับน้องพีรยุทธ” ปาวัสม์หันไปแนะนำกับเพื่อนทั้งสอง

“คุณหมอช่วยชีวิตพวกเราไว้เมื่อหกปีก่อนครับ” พีรยุทธชิงตอบเสียเอง

“ตอนที่ไปเป็นแพทย์ใช้ทุนที่เชียงใหม่น่ะเหรอ” นุชนันท์พูดขึ้น

“ที่รถเก๋งชนเสาไฟฟ้านั่นใช่ไหม เห็นว่าตอนนั้นอาการสาหัสเลยนี่” วิทยามองสองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า “พวกคุณดูแข็งแรงมาก ไม่น่าเชื่อว่าเคยผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดนั้นมา”

ยิ่งได้ยินวิทยากับนุชนันท์เออออพูดถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วยแล้ว ภาวัฒน์ยิ่งรู้สึกใจหาย เขาลืมไปได้ยังไงในเมื่อมันลงข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ และถึงแม้ทั้งสองจะไม่ได้อ่านหรือดูข่าวแต่เรื่องสำคัญขนาดนั้นปาวัสม์ต้องเล่าให้เพื่อนฟังอยู่แล้ว

“ก็ไม่ใช่ว่าจะดีหรอกครับ” พีรยุทธถกขากางเกงให้ดูรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดที่ขา “ผมเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลของโรงเรียนถ้าไม่มีอุบัติเหตุนั่นป่านนี้ผมติดทีมชาติไปแล้ว พ่อผมก็ซี่โครงหักหลายซี่และไปทิ่มปอด ต้องใส่ท่อช่วยหายใจนอนอยู่โรงพยาบาลตั้งเกือบปี คิดแล้วก็ยังแค้นไม่หาย เพราะเจ้าเด็กบ้าคนนั้นคนเดียวเลย ใบขับขี่ก็ไม่มี หมวกกันน๊อคก็ไม่ได้ใส่แต่ความผิดก็ไม่เท่าไหร่เพราะเป็นผู้เยาว์ เสียค่าปรับนิดๆ หน่อยๆ แล้วแบบนี้จะสำนึกไหมป่านนี้ไม่รู้ไปเป็นจิ๊กโก๋สร้างความเดือดร้อนให้ใครอีก แต่ดูสิ่งที่ผมกับพ่อได้รับสิครับ”

ภาวัฒน์ตัวชาพูดอะไรไม่ออก ยิ่งได้ฟังเขายิ่งไม่มีหน้าจะยืนอยู่ตรงนี้

“ต้องขอบคุณคุณหมอคนเก่งคนนี้เลยครับที่อุตส่าห์จอดรถลงไปช่วยพวกเราทั้งที่ฝนตกหนักแถมยังอันตรายขนาดนั้น”
พีรยุทธเอ่ยชมปาวัสม์ไม่หยุด ในขณะที่เจ้าตัวเริ่มงุนงงมากขึ้นทุกที สมองคิดทบทวนสับสนเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคนผมน้ำตาลที่กำลังพยายามปลีกตัวกลับออกไปเงียบๆ

ร่างสูงยกมือเป็นเชิงขออนุญาตและวิ่งตามไป “อย่าเพิ่งไปสิพลุ ฉันยังคุยกับนายไม่จบเลยนะ”

“เทมส์มาแล้วครับ” ภาวัฒน์ชี้ไปที่ถนนซึ่งศุภพัฒน์เพิ่งจะขับมอเตอร์ไซค์ของเขาเข้ามาจอด “ผมต้องไปล่ะ”
นัยน์ตาคมเหลียวมอง เห็นคนตัวโตโบกมือเล่นหูเล่นตาให้คนผมน้ำตาลแล้วอดเม้มปากด้วยความหงุดหงิดไม่ได้ “อย่าไปเลย”

“หมอปืนจะมาไม้ไหนเนี่ย รีบๆ กลับไปได้แล้วครับเขารออยู่” เด็กหนุ่มบุ้ยใบ้ไปทางด้านหลัง “หมอปืนเคยช่วยชีวิตเขาไว้ไม่ใช่เหรอครับ ก็คงมีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะแยะเลย”

ปาวัสม์เหลือบมองพีรยุทธแล้วหันกลับมาหาภาวัฒน์อีกครั้ง ที่ครั้งนี้กลับหลบตาเขาซะเฉยๆ

พีรยุทธมองตามคนที่ปาวัสม์กำลังคุยด้วยไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่พาหนะสองล้อหน้าห้องฉุกเฉิน

“เดี๋ยวก่อน” พีรยุทธตะโกนออกไปหลังจากที่เพ่งมองออกไปจนแน่ใจ “มอเตอร์ไซค์คันนั้นของใคร” แต่คำตอบที่ได้มีเพียงความเงียบ “ฉันถามว่ามันเป็นของใคร!” ไม่พูดเปล่ายังย่างสามขุมเข้าหาคนตัวโตที่นั่งคร่อมอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าความซวยกำลังจะมาเยือน

ภาวัฒน์มองหน้าศุภพัฒน์ เขาไม่อยากให้เพื่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องจึงรีบวิ่งเข้าไปขวาง “ของผมเอง”

“ของแก!” พีรยุทธทวนคำและหันมาคว้าไหล่เด็กหนุ่มบีบแน่นจนแทบจะยกตัวลอยขึ้นจากพื้น นัยน์ตาเบิกกว้างวาวโรจน์ด้วยความโกรธ “มันเป็นของแกจริงๆ เหรอ!!”

“ใช่!” ภาวัฒน์กลั้นหายใจ รู้ในทันทีว่าอะไรกำลังจะตามมา

เปรี้ยง!

รู้ตัวอีกทีร่างโปร่งก็ล้มลงไปกองอยู่บนพื้น เขาไม่รู้สึกเจ็บด้วยซ้ำแม้จะสัมผัสได้ถึงรสเลือดฝาดที่เจิ่งนองอยู่ในปาก

“เฮ้ย! นั่นแกทำอะไรวะ” ศุภพัฒน์โดดลงมาจากอานมอเตอร์ไซค์แล้ววิ่งเข้ามาขวาง “เพื่อนฉันไปทำอะไรให้แก ถึงต้องมาลงมือลงไม้กันแบบนี้เนี่ย!” เขาพับแขนเสื้อ ไม่ได้อยากมีเรื่องแต่ใครมันจะทนเห็นคนที่ชอบโดนทำร้ายได้

ภาวัฒน์ใช้หลังมือเช็ดเลือด ในปากคงจะแตก ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงสวนกลับไปแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เพราะนี่เป็นความเจ็บปวดที่เขาสมควรได้รับและแผลแค่นี้ยังไม่สาสมกับความผิดของเขาเสียด้วยซ้ำ

“ถามเพื่อนนายดูสิว่ามันทำวีกรรมอะไรไว้” พีรยุทธตะโกน “ไอ้เด็กเปรตนี่!”

ศุภพัฒน์หันไปมองหน้าคนผมน้ำตาลที่เอื้อมมือมารั้งต้นแขนเขาไว้ “นี่มันเรื่องอะไรพลุ”

แต่ภาวัฒน์กลับตอบคำถามด้วยความเงียบ ถึงคดีจะจบไปหกปีแล้วแต่เขารู้ว่าความแค้นมันคงไม่จางหายไปง่ายๆ เหมือนรอยแผล

“เงียบแบบนี้แกยอมรับใช่ไหม เป็นแกจริงๆ ใช่ไหม” พีรยุทธถามพร้อมกับเงื้อหมัดขึ้นอีกครั้ง

“ยุทธ พอเถอะลูก” คุณพีระคว้าแขนลูกชายไว้ได้ทัน

“แต่พ่อ” พีรยุทธกำหมัดแน่น “นี่ไงพ่อ ในที่สุดก็ผมเจอมันแล้ว เพราะมันคนเดียวผมถึง...”

“ใจเย็นๆ ครับ มีอะไรคุยกันก่อน” ปาวัสม์พยายามเข้ามาห้ามด้วยเช่นกัน “มีเรื่องเข้าใจอะไรผิดกันหรือเปล่าครับ”

“ไม่ผิดหรอกครับคุณหมอ” พีรยุทธบอก “ถึงผมจะจำหน้ามันไม่ได้ แต่รถคันนั้น ทะเบียนนั้นไม่ผิดแน่ และเจ้าตัวก็ยืนยันเองด้วย มันน่ะแหละคือเจ้าเด็กแวนซ์ที่ขับปาดหน้ารถพ่อผม” เขาจ้องหน้าภาวัฒน์อย่างโกรธเกรี้ยว “แกดูมีความสุขดีนี่ แกรู้ไหมว่าพ่อฉันเกือบตายและฉันต้องเสียอะไรไปบ้าง”

ปาวัสม์รู้สึกตกใจอย่างมากกับสิ่งที่ได้ยิน เขาหันไปมองเด็กหนุ่มที่หลบสายตาเขาอีกครั้ง “เรื่องจริงเหรอพลุ”

“ผมขอโทษครับ” ภาวัฒน์พูดพร้อมกับยกมือไหว้  ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าการที่เขาจะยอมรับผิด

“เดี๋ยวก่อนพลุ นี่มันเรื่องอะไรกัน” ปาวัสม์ถามย้ำ “ทำไมนายไม่เคยบอกฉัน”

“คนมีชะนักปักหลังตั้งขนาดนี้จะกล้าพูดเหรอครับ” พีรยุทธสำทับ “นี่มาเป็นกู้ชีพเพราะคิดจะไถ่บาปที่ก่อไว้ล่ะสิ แต่รู้ไว้ด้วยว่าฉันไม่มีทางอภัยให้นายง่ายๆ หรอก”

“พอเถอะยุทธ” คุณพีระคว้าไหล่ลูกชายและหันไปหาภาวัฒน์ “ไปเถอะหนู เรื่องมันนานมาแล้ว ฉันไม่ติดใจเอาความอะไรหรอก”

“ผมขอโทษจริงๆ ครับ” ภาวัฒน์ยกมือไหว้ขอโทษอีกครั้งและลุกขึ้นยืนโดยมีศุภพัฒน์ช่วยประคองหลังไปเพราะกลัวว่าพีรยุทธจะไม่ยอมจบและตามมาเอาเรื่องอีก

“ขอโทษนะครับ” คุณพีระหันมาขอโทษปาวัสม์เพราะตอนนี้พวกเขากลายเป็นจุดสนใจของทั้งห้องฉุกเฉินไปเสียแล้ว “ทั้งที่ไม่ตั้งใจแต่ดูท่าพวกผมจะก่อเรื่องให้คุณซะได้ รบกวนคุณหมอช่วยรีบตรวจให้ลูกชายผมเถอะครับ แล้วเราจะได้รีบไป”

ปาวัสม์อยากวิ่งตามเด็กหนุ่มไปใจแทบขาดแต่ความจริงที่ถาโถมเข้ามาทำให้เขาจับต้นชนปลายไม่ถูก สองขาขยับไม่ออกราวกับมีลูกตะกั่วมาตรึงติดไว้กับพื้น 

“มีอะไรเหรอคะ ทำไมดูวุ่นวายกันจัง”

เสียงหวานดังขึ้น นัยน์ตาคมเหลียวมอง รชญานั่นเองเธอคงเพิ่งเคลียร์งานที่แผนกเสร็จและแวะมาหาเขา

“เย็นนี้พี่ปืนว่างไหมคะ นิวจะชวนไปทานข้าว”

“ขอโทษนะนิวพอดีพี่ติดธุระ” ปาวัสม์ตอบพร้อมกับหันไปหาสองพ่อลูกอีกครั้ง “เรารีบไปตรวจกันเถอะครับ”

ริมฝีปากสีกุหลาบกรีดยิ้มกว้างทั้งที่โดนปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะพี่ปืน งั้นนิวกลับก่อนนะคะ”

***************************ยังไม่จบนะคะ มีต่อเมนต์ล่าง*********************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2015 10:51:39 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
บทที่ 11(ต่อ) ความจริงตรงหน้า กับ ความทรงจำสีจาง

หลังจากเคลียร์งานเสร็จคุณหมอหนุ่มก็รีบขับรถบึ่งมาที่ห้องเช่าของเด็กหนุ่มทั้งที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อกาวน์ออกด้วยซ้ำ

“พลุ เปิดประตูหน่อยฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” ปาวัสม์กดออด เขามั่นใจว่าเด็กหนุ่มต้องอยู่บ้านแน่ๆ เพราะแอบเดินไปดูมาแล้วว่ามอเตอร์ไซค์จอดอยู่ที่ลานจอดรถ แต่สิ่งที่ตอบมาคือความเงียบจนน่าใจหาย มือใหญ่เคาะรัวลงบนบานประตูอย่างร้อนรนเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเขาพยามโทรหาหลายต่อหลายครั้งแต่ภาวัฒน์ก็ไม่ยอมรับสาย “ขอร้องล่ะ”

“หมอปืนมีอะไรจะคุยกับผมครับ”

เสียงทุ้มที่ดังตอบมาทำให้ร่างสูงค่อยใจชื้น ทว่าประตูก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออก “เรื่องเมื่อเย็นไง ฉันจะมาถามนายให้แน่ใจ”

“ทุกอย่างก็ชัดเจนดีแล้วนี่ครับ” ภาวัฒน์พูดผ่านบานประตูที่ยังคงปิดสนิท “เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นอย่างที่หมอปืนได้ยินแหละ
ผมเป็นเด็กคนที่ขับมอเตอร์ไซค์ปาดหน้าจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ”

“มันต้องไม่ใช่แบบนั้นใช่ไหมพลุ” ปาวัสม์ถามเสียงแผ่ว “อย่างนายน่ะนะจะเป็นเด็กแบบนั้น คนที่ทะเลาะกับพ่อเพราะอยากจะเป็นหมอ คนที่อุทิศตัวเพื่อช่วยคนอื่นแบบนายน่ะนะ ฉันไม่เชื่อหรอก”

“ผมเป็นเด็กแบบนั้นแหละครับ หมอปืนไม่ได้รู้จักผมดีสักหน่อย ที่คุณหมอรู้มันก็แค่เปลือกนอกจริงๆ แล้วผมมันก็ไม่ใช่คนดี
นักหรอกสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้มันก็แค่เพื่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดกับความผิดในอดีตก็เท่านั้น”

“ไม่ใช่สิพลุ มันต้องไม่ใช่แบบนั้น”

“ไม่ใช่แบบนั้นแล้วจะให้เป็นแบบไหนล่ะครับ” 

ปาวัสม์พูดไม่ออก เขาเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงกับความทรงจำในคืนวันฝนตก ทั้งที่เขารู้สึกว่ามันชัดเจน
แต่ทำไมความจริงตรงหน้ากลับไม่เป็นอย่างที่เข้าใจ หรือเป็นเพราะเม็ดฝนที่ทำให้เกิดฝ้าขึ้นในตาจนทำให้ใจพร่ามัวไปด้วย
“เมื่อหกปีที่แล้ว... นายได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”

เสียงที่เคยโต้ตอบอย่างรวดเร็วเงียบหายไปชั่วอึดใจ
“ไม่ครับ! อย่างที่ผู้ชายคนนั้นพูด... ผมปลอดภัยดี ขนาดมอเตอร์ไซค์ยังไม่พังและเอามาขับต่อจนถึงทุกวันนี้ได้เลย”

“แต่พลุ...”

“แต่อะไรล่ะครับ!” เสียงของเด็กหนุ่มเริ่มแข็งและห้วนขึ้นเรื่อยๆ “ไม่ว่าจะถามสักกี่ครั้งความจริงที่ว่าผมเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น และเรื่องที่หมอปืนช่วยชีวิตสองพ่อลูกนั้นไว้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงหรอก”

“แต่พลุ...” ปาวัสม์เคาะมือลงบนบานประตูอีกครั้งอย่างอ้อนวอน “ขอร้องล่ะเปิดประตูหน่อยขอฉันได้เห็นหน้านายหน่อย”

“เพื่ออะไรล่ะครับ” ภาวัฒน์ถาม “ผมก็ขอร้องหมอปืนเหมือนกัน กรุณากลับไปเถอะครับ อย่ามาตอกย้ำอดีตที่ไม่อยากจำให้ผมยิ่งรู้สึกผิดไปมากกว่านี้เลย”

มือใหญ่กำเป็นหมัดแน่น คุณหมอหนุ่มทาบศีรษะกับบานประตูเย็นเชียบและยอมแพ้ในที่สุด “ก็ได้... แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ” เขาทิ้งท้ายด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว

ภาวัฒน์เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่ดังก้องไปตามทางเดินจนเงียบหายไป จึงเอ่ยขึ้นเบาๆ ทว่าชัดเจน “แค่นี้พอใจหรือยังครับ”

“ขอบคุณมากค่ะ”

เสียงหวานดังตอบมาจากด้านในห้องพร้อมกับเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น ร่างบางในชุดเดรสสีครีมฉลุลายลูกไม้ก้าวออกจากความมืดมาสู่แสงไฟตรงทางเดินหน้าประตู

รชญาสะบัดผมยาวเป็นลอนของเธอไปด้านหลังก่อนจะยกมือขึ้นกอดอก นัยน์ตากลมโตมองจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้า
“และดิฉันหวังว่าหลังจากนี้คุณคงไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้นะคะว่าจะไม่มายุ่งกับพี่ปืนอีก เพราะคงจะดูไม่ดีนักถ้าคู่หมั้นของดิฉันหรือว่าที่ผอ.โรงพยาบาลคนต่อไปจะต้องไปพัวพันกับคนที่ประวัติไม่ค่อยดีเท่าไหร่อย่างคุณ” พูดพลางสะบัดซองเอกสารสีน้ำตาลในมือเล่น

“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ” ภาวัฒน์ตอบเสียงดังฟังชัด “และคุณก็กรุณาอย่าลืมสัญญานะครับว่าจะไม่มายุ่งกับผมและเพื่อนของผมอีก”

ริมฝีปากสีกุหลาบเหยียดออก “ถ้าไม่จำเป็น ดิฉันไม่มายุ่งแน่นอนค่ะ อ้อ! เกือบลืมอันนี้ดิฉันให้ค่ะพอดีถ่ายสำเนาไว้หลายชุด” เธอส่งซองเอกสารในมือให้ “หมดธุระแล้วดิฉันขอตัวก่อนนะคะพอดีนัดคู่หมั้นทานข้าวไว้”

ร่างบางเดินเฉียดไหล่เด็กหนุ่มออกไปพร้อมกับรอยยิ้มหยันของคนถือไพ่เหนือกว่า

ภาวัฒน์ปิดล็อกประตู ก่อนจะหันหลังพิงและทรุดตัวลงนั่งอยู่ตรงนั้น หมดแรงไม่อาจลุกไปไหน แม้ภายนอกจะดูเข้มแข็งแต่ลึกลงไปในใจแสนเจ็บปวด เด็กหนุ่มชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งและซุกหน้าลงเนิ่นนาน

ในที่สุดก็ตัดสินใจได้เด็ดขาด เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดปลดล็อกหน้าจอพลันมิสคอลนับสิบพร้อมภาพที่เขาตั้งค่าไว้กับเจ้าของเบอร์ก็ปรากฏขึ้น เขายิ้มให้ชายหนุ่มนัยน์ตาคมที่แฝงไปด้วยความใจดีซึ่งยืนคู่กับเขาในภาพ “ขอบคุณนะครับคุณหมอ” ก่อนจะเข้าไปหน้าสมุดรายชื่อและกดโทรออกหาใครอีกคน “สวัสดีครับพ่อ”

OOOOOO

เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น เสียงซุบซิบในที่แคบๆ ก็แพร่กระจายไปได้ไกลเสียยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ข่าวถูกเสิร์ชหาในอินเตอร์เน็ตแต่ด้วยระยะเวลาที่นานร่วมหกปีและไม่ใช่ข่าวใหญ่โตอะไรนักทำให้ข้อมูลแทบไม่มีเหลือ

สุดท้ายคนก็เริ่มจินตนาการกันไปเองและเอามาพูดกันปากต่อปากจนดูเหมือนเรื่องแต่งนั้นจะจริงได้เสียยิ่งกว่าเรื่องจริงอีกว่า
ภาวัฒน์เคยเป็นพวกแกงค์เด็กซิ่ง เด็กแวนซ์มาก่อนและไปก่อเรื่องจนเกือบจะทำคนตาย เพราะส่วนหนึ่งภาพลักษณ์ของเขาก็ดูน่าจะเป็นเด็กแบบนั้นอยู่แล้ว

ปาวัสม์เองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่สืบค้นในอินเตอร์เน็ต และค้นพบว่ามันไม่ได้มีข้อมูลมากไปกว่าที่เขามีในความทรงจำเลย ในข่าวบอกชัดเจนว่ามีผู้บาดเจ็บแค่สองคนคือคุณพีระกับพีรยุทธที่อาการสาหัสพักรักษาตัวที่ไหน เหตุเกิดได้ยังไง แต่ไม่มีการกล่าวถึงชื่อคนขับมอเตอร์ไซค์เพราะเป็นผู้เยาว์ ทั้งยังไม่พูดถึงอาการบาดเจ็บว่ามากน้อยเป็นตายร้ายดีแค่ไหน อันที่จริงสิ่งที่ข่าวอ้างถึงคนที่น่าจะเป็นภาวัฒน์ก็มีแค่ ด.ช. ภ.(นามสมมุติ) กับเลขทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็เท่านั้น 

คิดไปคิดมาก็ยิ่งคิดไม่ตก เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยหวัง ไม่สิ! เขาคิดมาตลอดว่าโชคชะตานำพาปาฎิหาริย์ให้เขาได้มาเจอกับ
ภาวัฒน์ เด็กชายที่เขาช่วยชีวิตไว้ในวันนั้นอีกครั้ง คนที่สร้างความมั่นใจและเติมเต็มสำนึกของการเป็นแพทย์ให้กับเขา เพราะนัยน์ตาคู่นั้นมันช่างเหมือนกันเหลือเกินจนเขาไม่อาจลบไปจากความคิดและแกล้งทำเป็นไม่สนใจได้

มาวันนี้จะบอกว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นผิดแล้วแบบนี้จะให้ทำยังไง นี่เพราะฝนตกฟ้าร้องวันนั้นทำเขาสติกระเจิงจนจำเรื่องราวได้สับสนถึงขนาดนี้เชียวหรือ หรือมันเป็นสิ่งที่เขาคิดไปเองตั้งแต่แรกแล้ว

และในที่สุดคุณหมอหนุ่มก็ต้องยอมจำนนต่อหลักฐานเมื่อมันถูกหยิบยื่นมาตรงหน้าในเย็นวันหนึ่ง

“นี่ค่ะพี่ปืน” รชญาเรียกระหว่างที่ทานอาหารด้วยกันพลางยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้ 

“อะไรเหรอนิว” ปาวัสม์รับซองมาด้วยสีหน้างุนงง วันนี้รชญาดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษแม้ว่าเขาแทบจะนั่งเหม่อตลอดมื้ออาหารก็ตาม

“สรุปสำนวนคดีเกี่ยวกับเรื่องเมื่อหกปีก่อนที่ตอนนี้เป็นที่ฮือฮากันในห้องฉุกเฉิน นิวคิดว่าพี่ปืนก็คงจะสนใจเลยไปขอให้นายน์ช่วยนิดหน่อย แต่น่าแปลกนะคะ” รชญาตั้งข้อสังเกต “คือชื่อพี่ปืนมีอยู่ในนี้เพราะเป็นคนโทรไปแจ้งความแต่ในข่าวกลับไม่มีปรากฏเลยสักที่แล้วสองคนพ่อลูกนั่นรู้ได้ไงว่าใครเป็นคนช่วยชีวิตพวกเขาไว้”

“คงถามจากพวกกู้ภัยหรือโรงพยาบาลน่ะ เขาต้องบันทึกชื่อคนโทรแจ้งเหตุไว้อยู่แล้ว”

“เหรอคะ” ริมฝีปากสีกุหลาบกรีดยิ้มหวานพร้อมทั้งพยักหน้าตาม

“แล้วในสรุปสำนวนคดีของตำรวจว่ายังไงบ้าง” คุณหมอหนุ่มเทเอกสารออกมาและเริ่มต้นอ่านอย่างกระตือรือร้น ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือไปมากกว่าสิ่งที่เป็นลายลักษณ์อักษณอีกแล้ว

“ก็ดูไม่ต่างจากที่สองพ่อลูกนั่นเล่าเท่าไหร่นี่คะ” รชาเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาและไล่ปลายนิ้วไปตามบรรทัดจนในที่สุดก็หยุดลงที่ย่อหน้าหนึ่ง “รับแจ้งเหตุโดยนายปาวัสม์ เรื่องพบรถเก๋งชนกับเสาไฟฟ้า มีผู้บาดเจ็บสองคน ตรวจสอบภายหลังคือนายพีระกับ
ด.ช.พีรยุทธผู้เป็นลูกชาย”

นัยน์ตาคมกวาดสายตาไล่ตามไป “แค่นี้เองเหรอ”

“แล้วก็มีตรงนีอีกนี่ไงคะ” รชญาเลื่อนนิ้วไปยังย่อหน้าถัดไป “ตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติมพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อเอ รุ่นxxx ทะเบียน ส1x เชียงใหม่ ผู้ขับขี่คือด.ช.ภาวัฒน์”

“มีคนเจ็บแค่สองคนจริงเหรอ” ปาวัสม์พลิกเอกสาร เรื่องของภาวัฒน์สิ้นสุดที่บรรทัดสุดท้ายของหน้ากระดาษพอดิบพอดี
แต่สิ่งที่อยู่ในหน้าต่อไปก็เป็นการลงตราประทับและลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ผู้รับแจ้งความ 

มือใหญ่พลิกกระดาษกลับมาหน้าแรกและเริ่มอ่านทวนตั้งแต่ต้นจบซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เนื้อความในบันทึกการแจ้งความก็มีเพียงเท่านั้น ไม่มีตรงไหนกล่าวถึงอาการบาดเจ็บของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และตัดจบไปอย่างห้วนๆ สั้นๆ ราวกับไม่อยากจะเอ่ยถึง

“ก็ดีแล้วนี่คะที่มีคนเจ็บแค่นี้ โชคดีที่น้องพลุไม่เป็นอะไร” เสียงหวานของรชญาเจือไปด้วยความอ่อนโยน “พี่ปืนสนิทกับน้องเขาก็อย่าไปเซ้าซี้ถามมากนะคะ เดี๋ยวจะยิ่งไปทำให้เครียดและเสียใจไปซะเปล่าๆ จากที่ร่าเริงดีอยู่แล้วจะกลายเป็นคนเก็บตัวหรือเป็นโรคซึมเศร้าไป... นิวเป็นห่วงนะคะ” เธอถอนหายใจแผ่วค่อยด้วยความกังวล

“นั่นสินะ” เสียงของปาวัสม์แหบพร่า ความทรงจำหกปีของเขายอมจำนนต่อหลักฐานในที่สุด และรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจที่ยังไปเค้นถามความจริงจากภาวัฒน์หลังจากเกิดเรื่อง “ขอบใจนิวมากนะครับที่อุตส่าห์ลำบากไปหามาให้พี่”

ริมฝีปากสีกุหลาบคลี่ยิ้มหวานกว้าง รชญาเอื้อมมือไปกุมมือทั้งสองของปาวัสม์ไว้ “ถ้าเพื่อพี่ปืนแล้วไม่ว่าอะไรนิวก็ทำได้ค่ะ”

************************************************TBC******************************************

เห็นม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เค้าบอกแล้วว่าไม่ดราม่า(ตรงไหนก็เอ็งวะ) นีมันข้าวไข่เจียวชัดๆ (แถจนสีข้างถลอกล่ะ)
ง่ะ ยิ่งแต่งยิ่งเครียด เบื่อลุงแล้ว ตอนนี้ชักอยากเชียร์น้องเทมส์
พลุเอ๊ย! ลืมลุงซะเถอะ...
อัพให้อ่านกันยาวๆ ตามสัญญาแล้วน้า
ถือว่า สุขสันต์วันปีใหม่ไทยล่วงหน้านะคะ^^
ขอบคุณทุกๆ เมนต์และกำลังใจที่มีให้กัน
ใครเดินทางกลับตจว.ขอให้ปลอดภัย เล่นน้ำตัวไม่ดำได้แอ๊วหนุ่มกันทั่วหน้านะคะ
เจอกันหลังสงกรานต์ค่ะ ^__________________^


ปล. สปอยตอนหน้า ['เสียง" จากหัวใจ]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มันต้องมีอะไรอีกแน่ๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เฮ้ออ หมอปืนจะแต่งงานกะนังชะนีนั้นจริงๆเหรอออ   เฮ้ออ สงสารพลุมากๆอะ ทั้งเรื่องหมอปืนทั้งเรื่องอดีตอีก  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เรื่องอุบัติเหตุ คาดผิดไปเรื่องพลุว่าเป็นเด็กที่อยู่ในรถ
แต่เป็นอีกคนที่คนอื่นมองไม่เห็น มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
เราชื่อว่าพลุก็เจ็บปวดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
พลุตัดสินใจโทรกลับหาพ่อแล้ว พลุจะต้องห่างกับหมอปืนแล้วใช่ไหม
กลับไปเรียน กลับรักษาแผลใจด้วย

หมอปืนคงยังอึ้งเรื่องที่เกิดขึ้น คงไม่ได้ฟังพลุอธิบายแล้ว
เพราะหมอนิวเข้ามาจัดการชีวิตให้แล้ว หมอปืนจะทำยังไงต่อไป

มาม่ากำลังอร่อย เจ็บเพราะรัก


ออฟไลน์ pandorawht

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อย่าไปโง่เชื่อนะหมอปืน
โห่ยยย สงสารพลุอ่า T^T

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
โอ้ว สนุกมาก
มีอะไรให้คาดให้เดาตลอด

มาม่านั้น ทานไม่เป็น จึงไม่นิยม
ไข่เจียวทานได้ อาจเป็นอาหารธรรมดาๆ แต่ก้อหลากรสชาติสำหรับแต่ละอารมณ์อยู่เหมือนกันนะคะ

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ yearrayoeng

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
หมอปืนเหมือนพระเอกละครหลังข่าวมาก หัวอ่อนลังเล ไม่มีความเป็นผู้นำ ไม่มีจุดยืน ไม่มีอะไรน่าเชียร์เลย

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
นังนิว บอกได้คำเดียว นังตอแหล

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5

ออฟไลน์ kekaprain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารพลุอ่ะ ฮือออออออออ เทมส์มาปลอบด่วนนนน (เดี๋ยวก็เชียร์เทมส์ซะหรอกค่ะคุณหมอปืน)
น้องนิวร้ายไปแล้วนะยะ ยังไม่รู้ตัวอีกว่าหัวใจลุงอยู่ที่พลุแล้ว ชิชะ ดีดดิ้นไปก็เท่านั้นแหละย่ะ ได้แต่ตัวววว กรี๊ดดดด (นี่ก็อินไป๊)
มาต่อไวไวนะคะ มันลุ้นค่าาาาาา

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
6 ปีเองนะหมอปืน
ทำไมมันจางเร็วจังเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด