การใช้หนี้ครั้งที่ 11 : หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง
คุณพิสิฐใช้เวลา 1 สัปดาห์ที่เหลืออยู่อย่างคุ้มค่าในการสอนผม โดยผมไม่มีสิทธิที่จะได้พัก ยกเว้นเวลาทานอาหาร แต่มันก็เป็นเพียงช่วงสั้นๆ ซึ่งเวลารวมกัน 3 มื้อยังไม่ถึง 1 ชั่วโมงด้วยซ้ำ อย่าไปพูดถึงเวลานอนเลยครับ เวลาเข้าห้องน้ำยังแทบขยับตัวไม่ได้ จริงๆ เขาไม่ได้โหดอะไรกับผมมากมายแบบนั้นหรอก เพียงแต่คำพูดของเขาทำให้ตัวเองอยากจะตักตวงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาให้มากเท่าที่จะทำได้ ไม่อย่างนั้น
‘ ถ้าคุณบอสมีอะไรสงสัยหรือไม่เข้าใจหลังจากที่ผมไม่อยู่แล้วถามคุณชายได้เลยนะครับ ’
นี่คือสิ่งที่คุณเลขาน้ำแข็งบอกผมก่อนจะเริ่มสอนวันแรก ผมเลยต้องกระตือรือร้นขนาดนี้ไง ให้ไปถามอีตาเจ้าหนี้ มีหวังผมได้ถูกตะวาทใส่ก่อนได้คำตอบแน่ หรือเลวร้ายกว่านั้นอาจจะถูกเพิ่มหนี้คำถามละ 10,000 บาท ก็เป็นได้
“ ผมสอนทุกสิ่งที่คุณบอสควรรู้แล้ว ถ้าคุณบอสมีปัญหา.. ”
“ ผมขอโทรหาคุณพิทได้มั้ยครับ ” ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ ผมก็แทรกประโยคแสดงความปรารถนาของตัวเองออกไป คุณพิทไม่ตอบในทันทีเพียงแค่หัวเราะเหมือนเพิ่งฟังเรื่องตลก เมื่อก่อนเก็กหน้าเป็นเสือยิ้มยาก พอบทจะยิ้มก็ยิ้มถี่ไปมั้ยครับ โอ้ย
“ คงไม่ได้หรอกครับ เพราะผมจะปิดโทรศัพท์ตลอดการลา คุณควรถามคุณปูนแทนจะดีกว่า ”
“ แต่ว่า.. ”
“ ผมบอกแล้วไงครับว่าคุณชายใจดี ” ใจดีกับผีน่ะสิ แค่พูดดีด้วยยังไม่เคยทำเลย “ คุณบอสทำได้อยู่แล้วครับ ไม่ต้องห่วง ”
ทำไมผมรู้สึกไม่เห็นด้วยตามที่คุณพิทบอกเลย ในเมื่องานเลขาสำหรับเขาคือการเป็นมือเป็นเท้าแทนคุณปูน แต่สำหรับผมมันคือการเป็นสิ่งมีชีวิตที่คุณปูนใช้รองมือรองเท้า ไม่ต้องคิดถึงเวลา 3 เดือน แค่ 3 ชั่วโมงผมยังไม่แน่ใจเลยว่าจะทนไหว
“ นี่ก็สี่ทุ่มแล้ว ผมกลับก่อนนะครับ คิดถึงเบบี๋ ” ผมก้มหัวลาคนที่เดินผิวปากออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี อะไรจะรักหมาปานนั้น รักถึงขนาดโทรหามันด้วย อีหมานั่นก็ฉลาดเกินกดรับสายเจ้านายได้อีก ทั้งบอกรัก บอกคิดถึง ถามว่ากินข้าวรึยัง ผมไม่ใช่คนเสียมารยาทแอบฟังเขาคุยกันหรอกนะ บังเอิญได้ยิน
“ วันนี้เลิกเรียนแล้วมาหากูที่ห้องด้วย ”
“ ครับ ” วันแรกแห่งการทำงานเป็นเลขาเริ่มต้นขึ้น ผมรับคำคุณปูนก่อนจะรีบเดินตามน้องปันไปขึ้นรถ
ตลอดทั้งวันสมาธิผมไม่ได้อยู่ที่ห้องเรียนเลย สมองผมเอาแต่คิดคาดการณ์เหตุการณ์ตอนเย็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง งานแรกที่จะได้รับคืออะไร แล้วผมจะทำได้รึเปล่า ถ้าเกิดมีปัญหาผมจะทำยังไง โอ้ย แค่คิดผมก็จะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว
“ บอสๆ ” เสียงชายหนุ่มหน้าฝรั่งเรียกสติผมให้กลับมา ก่อนที่เขาจะพูดต่อ “ กำลังคิดอะไรอยู่ ผมเรียกตั้งนาน ”
“ เปล่าหรอก ”
“ ผมถามอะไรหน่อยสิ บอสเป็นลูกเดียวคนเดียวรึเปล่า ”
“ เปล่า ทำไมหรอ ”
“ ไม่มีอะไร ผมกลับบ้านก่อนนะ ”
มาเร็วเคลมเร็วจริงเว้ย ผมยืนเกาหัวแกร๊กๆ กับพฤติกรรมแปลกๆ ของโทนี่ ไม่นานน้องปันที่ไปเข้าห้องน้ำก็เดินออกมา แล้วเราสองคนก็พากันไปขึ้นรถลีมูซีนสีดำคันเดิมกลับบ้านไป
“ อะไรนะครับ คุณจะให้ผมไปต่างจังหวัดกับคุณหรอ? ”
“ กูว่าหูมึงต้องมีปัญหาจริงๆ นั่นแหละ ” เจ้าหนี้ส่ายหน้าระอาอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมในห้องนอน “ มึงต้องไปกับกูซิว่ะ ลืมไปแล้วรึไงว่าตอนนี้มึงเป็นอะไร ”
ผมส่ายหัวดุกดิกแทนคำตอบ การเป็นเลขาคนสนิทอย่างกับมีปลอกคอมารัดแบบนี้ใครจะไปลืมลง
“ ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้า ”
“ ร..เรา หรอครับ ”
“ ต้องให้พูดอีกกี่ครั้งวะ เรา แค่กูกับมึง ชัดมั้ย! ”
ชัดครับ ชัดมาก ชัดที่สุด ชัดขนาดว่าผ่านมา 3 ชั่วโมงแล้วมันยังดังก้องอยู่หูผมเลย ให้ตายเหอะ ยิ่งข่มตาจะหลับเท่าไหร่ เสียงเจ้าหนี้ก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น
งานแรกที่ผมได้รับก็เป็นงานทวงหนี้ซึ่งลูกหนี้รายนี้อยู่ต่างจังหวัด เรื่องรายละเอียดคุณปูนจะบอกให้ผมฟังอีกครั้งบนรถ แค่คิดว่าต้องไปท้องไส้ผมก็ปั่นป่วนแล้ว ผมไม่ได้ห่วงเรื่องเทสย่อยของมาสเตอร์ชาริลวันพรุ่งนี้ เพราะเรื่องเรียนมันไม่ใช่ที่สุดในชีวิตผมอีกต่อไป เรื่องน้องปันเอาจริงก็มีส่วน อดห่วงไม่ได้ อยู่ลำพังไม่รู้จะเป็นยังไง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณปูนไม่อยู่บ้าน แต่เป็นครั้งแรกที่ผมจะไม่อยู่ด้วย ผมรู้ว่าก่อนที่ผมจะย้ายเข้ามาน้องปันก็อยู่ได้ แต่คุณรู้จักคำว่า ‘เคยมี’ มั้ยล่ะ การที่เราเคยมีมันแย่ยิ่งกว่าการที่เราไม่มีซะอีก ถึงน้าอุ่นกับลุงเพิ่มจะบอกว่าไม่ต้องห่วงก็เถอะ แต่ในเมื่อผมยังไม่ได้ยินจากปากเจ้าตัว ผมคงหยุดคิดไม่ได้
มาเข้าเรื่องที่ผมเป็นกังวลจริงๆ นั่นคือการอยู่กับเจ้าหนี้ตามลำพัง ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ผมไม่ได้กลัวถูกฆ่าหรือทำร้าย แต่ผมกลัวใจตัวเอง กลัวว่าความใกล้ชิดจะทำให้ผมหวั่นไหวกับเขาขึ้นมาจริงๆ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ในเมื่อเจ้าของหัวใจตัวจริง คือ น้องสาวผมเอง
" ฮื่อๆ ไม่เอา ปันไม่ให้พี่บอสไป " เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นเกาะแขนผมมาพักใหญ่แล้ว ถึงผมจะปลอบแค่ไหนก็ยังไม่มีท่าทีว่าเธอจะปล่อยผมง่ายๆ
" พี่ไปทำงานนะคะ แป๊ปเดียวเอง ขากลับพี่จะซื้อของเล่นมาให้นะ "
" ไม่เอาๆ ฮื่อๆ พี่บอสห้ามไป พี่ปูนใจร้าย จะไปก็ไปคนเดียวสิเอาพี่บอสไปด้วยทำไม "
คนถูกพาดพิงยืนมองเหตุการณ์โดยที่ปากยังคงปิดสนิท มีเพียงสายตาที่ตวัดมาหาผม ให้จัดการเรื่องตรงหน้าเร็วๆ จะได้ออกเดินทาง
" โอ๋ๆ ไม่ร้องนะเด็กดี ปล่อยให้ลุงเพิ่มคอยนานไม่ดีนะ เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย วันนี้มาสเตอร์ชาริลเทสคาบแรกจำได้มั้ย " ลองอ้างเรื่องเรียนดูวะ เผื่อได้ผล แต่คำตอบที่ได้
" ช่างมันสิ " ผมอ้าปากค้างเลย เมื่อสรรพนามคำว่า ‘มัน’ ถูกใช้แทนครูบาอาจารย์ " ชาริลจีบพี่บอส ปันเกลียดชาริล "
เรื่องมันนานมาแล้วนะน้องปันนนน ผมยอมรับว่าช่วงแรกเขาพยายามเข้าหาผม แต่พอเห็นผมไม่เล่นด้วยประกอบกับเริ่มสนิทกับ
โทนี่ เขาจึงเลิกล้มความพยายามไป ตอนนี้เลยเหลือแค่สายตาที่ยังมองมาบ้างเป็นครั้งคราว
" น้องปันอย่าดื้อสิคะ ทำแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่รักซะหรอก "
" ฮื่อๆๆๆ " จ๊ากกก ยัยตัวแสบร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมหลายเท่าตัวแถมกอดผมซะแน่นจนหายใจไม่ออกอีก เอาละไงกะว่าจะขู่เล่นๆ ไหงเป็นงี้เนี่ย
ไม้อ่อนก็แล้ว ไม้แข็งก็แข็งก็แล้ว ผมควรทำไงต่อไปดีครับ ดีนะที่บรีสไม่ใช่พวกงอแง รายนั้นแค่เอาของกินมาล่อก็จบ
" ยัยปัน ปล่อยมันได้แล้ว " ในที่สุดคนที่เอาแต่อมพะนำตั้งนานสองนานก็เปิดปากพูดเสียงดุใส่น้องสาว แต่มีหรือที่คนอย่างปัณณ์ณิชจะกลัว " ถ้ายังไม่ปล่อย พี่จะยกหนี้มันให้หมด แล้วไล่มันออกจากบ้าน "
กึก
น้องปันผลักผมออกอย่างไม่ใยดี แล้วพุ่งเข้าไปกอดพี่ชายแทน
ผมละอยากจะตะโกนเรียกให้น้องปันกลับมากอดผมอีกรอบจัง เส้นทางการปลดหนี้อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แงๆ ขอร้องแทนได้มั้ย
" พี่ปูนพูดอะไรอ่ะ จะยกหนี้ให้พี่บอสง่ายๆ ไม่ได้นะ ถ้าพี่บอสไม่อยู่ใครจะเล่นกับปัน "
" ถ้าอยากจะมีเพื่อนเล่นก็ให้มันไปกับพี่ โอเค๊? "
หงึกๆ เด็กสาวพยักหน้าอย่างไม่มีข้อแม้ โอ้โห อะไรจะง่ายขนาดนี้วะ สมแล้วที่เป็นพี่ชายเอาน้องสาวซะอยู่หมัดเลย ว่าแต่ทำไมไม่ทำตั้งแต่แรก ปล่อยให้ผมเหนื่อยอยู่คนเดียว
" เป็นเด็กดีนะคะ " ผมจับหัวเด็กขี้แยที่หยุดร้องไห้แล้วเป็นการร่ำลา
" รีบกลับนะพี่บอส พี่ปูนดูแลพี่บอสดีๆ นะ "
" เหอะ " เจ้าหนี้ไหวไหล่รับคำน้องสาวผ่านลำคอ " จะลากันอีกนานมั้ย ถ้ากูไปไม่ทัน กูเจอเพิ่มหนี้มันที่มึง "
" เย้ " มันน่าดีใจตรงไหนครับน้องปัน
" ยัยปัน ถ้ายังไม่ไปโรงเรียนพี่จะลดหนี้จริงๆ นะ "
" โอเคๆ ปันไปก่อนนะ จุ๊บ " เด็กสาววัยสิบสี่กระโดดหอมแก้มผมก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถลีมูซีนที่จอดรออยู่(นาน)แล้ว เห้อ ชีวิตผม
ขึ้นอยู่กับคำพูดคนตรงหน้าจริงๆ ให้ตายเหอะ
" ขึ้นรถสิ หรืออยากให้กูเพิ่มหนี้ "
ไม่ทันขาดคำ คำขู่ที่แสนคุ้นเคยก็มาอีกระลอก เดี๋ยวก็จะลดเดี๋ยวก็จะเพิ่ม เอาไงกันแน่ ไอ้คนโลเล!
" มึงขับรถเป็นใหม่ "
" ป..เป็นครับ " เจ้าหนี้มองหน้าผมอย่างชั่งใจ ก่อนตัวเองจะเปิดประตูฝั่งคนขับแทน อ้าว ผมงงอยู่ 2 วิก็รีบขึ้นรถตามไปที่นั่งข้างๆ
บนรถในขณะที่ผมกำลังคาดเบลท์ เสียงดุดันก็ดังขึ้นอีกครั้ง
" เมื่อคืนกูบอกมึงแล้วใช้มั้ยให้รีบนอน "
" ผ..ผมนอนแล้ว " แต่นอนไม่หลับ ได้แต่ต่อประโยคในใจกลัวโดนฆ่าตายก่อนรถจะออก
" หลักฐานเป็นแพนด้ายังเสือกเถียง " คุณปูนพ่นลมหายใจหนักๆ ก่อนจะพูดต่อพลางเคลื่อนตัวรถออกจากตัวบ้านไป " ถ้าไม่ติดว่ากลัวมึงจะหลับในพากูไปตาย กูไม่มีทางให้มึงนั่งเฉยๆ หรอก กูเป็นเจ้านายไม่ใช่คนขับรถ แล้วจำสิ่งที่พูดให้ดี กูไม่ชอบคนขัดคำสั่ง "
ผมหยักหน้าช้าๆ ไม่กล้าเอยคำใดเมื่อในเวลานี้คนตรงหน้ากำลังฉุนขาด
" นอนซะ "
สิ้นคำร่างกายผมเหมือนโดนกดปุ่มชัทดาวน์ เสียงแอร์ของเมอซิเดรสเริ่มไกลออกไปทุกที่ จนสุดท้ายมีเพียงความว่างเปล่าเข้ามาแทน
ปี้นนนนนนน เอี๊ยดดดดดด
" ไอ้สัตว์เอ้ย! " เสียงแตร เสียงล้อรถเบียดถนน รวมถึงเสียงเจ้าหนี้ปลุกผมจากนิทรา สิ่งที่ผมคำนวณจากการเหยียบเบรคกระทันหันเมื่อครู่ ผมมีสิทธิ์ที่ตัวจะพุ่งทะลุกระจกได้ เพราะลำพังเบลท์ที่คาดไว้คงเอาไม่อยู่ ไม่รู้ว่าผมทำบุญมาดีหรือเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดลใจให้คนข้างๆ เอาแขนแกร่งข้างที่ว่างจากการจับพวงมาลัยมากันผมไว้
" เจ็บตรงไหนรึเปล่า " สีหน้าหงุดหงิดระคนเป็นห่วงฉายชัดอยู่ในดวงตาคมคู่นั้น ผมเผลอจ้องใบหน้าหล่อเหลานั่นพักใหญ่ก่อนจะคิดได้ว่าควรตอบคำถาม
" มะ..ไม่ครับ ขอบคุณ "
" หน้าด้าน " ผมสะดุ้งเฮือกความสลึมสะลือตอนแรกหายเป็นปลิดทิ้ง " ขับรถปาดหนน้าแบบนี้สงสัยอยากตาย โชคดีนะมึงวันนี้กูไม่มีอารมณ์เล่นด้วย ไม่งั้นศพไม่สวยแน่ " ผมลอบถอนหายใจเมื่อรู้ว่าคนที่ถูกด่าไม่ใช่ตัวเอง
" มึงก็อีกคน " ห..หา ผมทำอะไรวะครับ " กูให้นอนก็นอนเงียบๆ สิว่ะ เพ้อหาพ่อทำไม "
เอิ่ม ผมนี่นะ เพ้อหาพ่อ หูฝาดรึเปล่าครับคุณเจ้าหนี้ คนที่ผมฝันถึงเมื่อกี้มัน...
คุณ ต่างหาก
( มีต่อ พรุ่งนี้ละกันนะคะ ถ้าเสร็จ )