~ เจ้าหนี้หรือสามี บอกผมสิจะเป็นใคร~ [ตอนพิเศษ 4 ต้อนรับวันแม่] |P.39|
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ถ้านิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์สนใจจะสั่งซื้อหรือไม่

แน่นอนอยู่แล้ว ดีงามขนาดนี้
ก็ไม่แน่รอตอนต่อไป
ไม่มีทางได้กินเงินชั้นหรอก

ผู้เขียน หัวข้อ: ~ เจ้าหนี้หรือสามี บอกผมสิจะเป็นใคร~ [ตอนพิเศษ 4 ต้อนรับวันแม่] |P.39|  (อ่าน 336425 ครั้ง)

ออฟไลน์ Blueniie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
การใช้หนี้ครั้งสุดท้าย



ก็อกๆ

“ บรีสตื่นได้แล้ว ”

“ ขออีก 5 นาทีนะ ”

เด็กสาวโอดครวญพลางยกผ้าห่มคลุมโปงเพื่อปิดแสงจากประตูที่แยงเข้าตา คนที่มาปลุกส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะเดินเข้าไปย่อตัวลงเสมอกับฟูกเล็กๆ นั่งมองร่างน้องสาวผ่านผ้าแพรสีชมพู

...ขี้เซาเหมือนเดิมนะตัวเล็ก ไม่รู้ว่าตอนไปอยู่เมืองนอกต้องให้ใครมาปลุกแบบนี้หรือเปล่า

“ ครบ 5 นาทีแล้ว ลุกขึ้นมาห้ามโยเย เดี๋ยวไปทำงานสายโดนป้าพิณตัดเงินเดือนไม่รู้ด้วย ”

“ ป้าพิณใจดีจะตายไม่ทำแบบนั้นหรอก ”

“ หร๋า? ”

เด็กหนุ่มยกยิ้มก่อนใช้สองมือจับบริเวณเอวคอดของอีกฝ่าย ทำเอาเจ้าของร่างบางนอนดิ้นไปมาบนที่นอน เสียงหัวเราะชอบใจของคนทั้งคู่ดังประสานกัน ก่อนคนเป็นน้องจะยกมือทั้งสองข้างเป็นสัญญาณว่ายอมแพ้

“ ยอมแล้วๆ ฮ่าๆ พี่บอสพอๆ ”

เจ้าของชื่อดึงมือที่ใช้แกล้งน้องสาวกลับก่อนจะเปลี่ยนเป็นยื่นให้คนตัวเล็กจับแล้วฉุดให้ลุกยืนเต็มความสูงตามตนเองที่ลุกยืนก่อนหน้า

แม้ว่าเรียวปากสวยของคนพี่จะยังยกยิ้มให้น้องสาว แต่ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับไม่ยิ้มตามแบบที่ควรจะเป็น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้องสาวของเขาจับสังเกตได้ ยิ่งเห็นพี่ชายทำแบบนี้มากเท่าไหร่ ยิ่งสร้างความไม่สบายใจให้แก่คนเป็นน้องมากเท่านั้น ครั้นจะให้พูดไปก็กลัวได้คำตอบเหมือนเดิม

‘ พี่สบายดี ไม่ได้ป่วยตรงไหนซักหน่อย คิดมาก ’

ยวิษฐาจึงคร้านที่คาดคั้น เลยปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมันเอง

...เหนื่อยเมื่อไหร่ก็บอกนะ ไม่ต้องฝืน คนเราอ่อนแอบ้างก็ได้ ร้องไห้บ้างก็ได้ แหกปากโวยวายก็ยังดี อย่าเก็บมันไว้คนเดียวเลย น้องสาวคนนี้พร้อมที่จะรับฟังพี่ชายเสมอ ขอเพียงแค่บอกมา

หลังจากชายหนุ่มส่งยัยตัวเล็กเข้าห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงเดินเข้าครัวมาทำอาหารเช้าแบบง่ายๆ สำหรับ 3 ที่วางเตรียมให้ทุกคนมารับประทานก่อนจะออกไปทำงาน

ผ่านไปสักพักใหญ่ ยวิษฐาก็เดินเข้าครัวมาแล้วนั่งลงตรงที่ประจำของเธอบนเสื่อผืนเล็กที่ใช้แทนโต๊ะกินข้าวไม้สักตัวเก่าซึ่งถูกยึดไปขัดดอกหนี้ของบิดาเมื่อหลายปีก่อน

เด็กสาววางแก้วนมที่ดื่มไปอึกใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากถามพี่ชาย เมื่อเห็นว่าขาดสมาชิกของบ้านไปหนึ่งคน

“ ป๊ายังไม่มาอีกหรอพี่บอส แปลกแหะ ทุกทีบรีสมาทีไรป๊าต้องกินจนเกือบหมดทุกทีนี่หน่า ”

“ นั่นสิ งั้นเดี๋ยวพี่ไปตามป๊าเอง เราก็กินไปก่อนเลย ขืนรอมีหวังได้ไปทำงานสายแน่ๆ ”

คนฟังพยักหน้ารับรอยยิ้มอบอุ่นจากพี่ชาย ก่อนจะลงมือกินอาหารในจานต่อ เพราะถึงป้าพิณจะใจดีอย่างที่เธอว่า แต่การไปทำงานสายก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง!


อีกด้านของบ้าน

ยศพัทธ์บิดลูกบิดประตูห้องของบิดาพร้อมก้าวเท้าเข้าไปอย่างถือวิสาสะ หลังจากเคาะเรียกอยู่นานสองนานก็ไม่มีเสียงตอบรับจากคนด้านใน หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อภาพในจินตนาการเป็นสิ่งที่เลวร้ายทั้งสิ้น

คร่อก~~~~ฟี้~~~~

ภาพของชายวัยกลางคนที่ยังนอนคุ้ดคู้อยู่บนที่นอน ทำเอาคนที่เพิ่งมาใหม่ทั้งโล่งใจและประหลาดใจในคราเดียว

...กรนดังขนาดกลบเสียงเคาะประตูเลยหรือไง ถึงยังนอนหลับเป็นตายอยู่ได้ นี่ดีนะว่าเป็นผม ถ้าเป็นโจรขึ้นบ้านเห็นทีจะเหลือแค่เสื่อผืนเล็กที่ป๊านอนทับอยู่เป็นแน่

และที่แปลกอีกอย่าง สายป่านนี้แล้วทำไมป๊ายังไม่ตื่นอีก เมื่อคืนก็เข้านอน 3 ทุ่มพร้อมกันแท้ๆ หรือว่าป๊าจะแอบออกไปเล่นไพ่ตอนกลางดึก ไม่ๆๆ ป๊าไปสาบานต่อหน้าหลุมฝังศพม้าแล้วว่าจะเลิกนิสัยเก่าๆ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ ป๊าไม่มีวันผิดคำพูดหรอก...มั้ง...

เด็กหนุ่มคิดพลางเขย่าตัวผู้เป็นบิดา โดยเพิ่มแรงเขย่าและเสียงเรียกตามเสียงกรนที่เริ่มเพิ่มวอลลุ่ม

“ ป๊า ป๊า ป๊า!!!! ”

เสียงตะโกนสุดท้ายทำเอาคนนอนกรนอยู่สะดุ้งเฮือก ลุกขึ้นมานั่งอย่างงัวเงีย ก่อนที่จะตั้งสติได้แล้วด่าคนที่มาปลุกเป็นการใหญ่

“ แกจะตะโกนเรียกฉันทำไมฮะ! หูฉันยังไม่ตึงนะเว้ย ”

“ นี่ขนาดไม่ตึงนะ ผมทั้งเขย่า ทั้งเรียกป๊าดีๆ ป๊ายังไม่ยอมลุก อะไรจะหลับลึกขนาดนั้น ”

“ ก..ก็ แล้วนี่มันกี่โมง รีบไปทำอาหารเช้าสิ เดี๋ยวก็ไปทำงานสายกันหมดหรอก ”

“ คนที่จะไปสายเห็นจะมีแค่ป๊าคนเดียว เพราะตอนนี้บรีสกำลังนั่งกินข้าวอยู่ในครัว ”

นายยงยศเงยหน้ามองลูกชายอย่างไม่ค่อยเชื่อหูเท่าไหร่ ยศพัทธ์เลยชี้ไปนาฬิกาที่ติดผนังห้องเพื่อเป็นการยืนยันว่าตอนนี้มัน..

“ 7 โมงครึ่ง!! ชิบหายละ แล้วทำไมไม่ปลุก!! ”


เหตุการณ์ชุลมุนช่วงเช้าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี?

เมื่อยงยศไปลงชื่อรับรถได้อย่างชิ่วเฉียด ยวิษฐาเองก็ไปถึงที่ร้านอาหารทันเวลาแม้จะสายกว่าทุกวันก็ตาม จะมีก็แต่ยศพัทธ์ที่มัวแต่ห่วงคนโน้นทีคนนี้ที จนตัวเองต้องถูกเจ้านายเรียกเข้ามาตักเตือน

“ น้องบอสครับ การตรงต่อเวลาถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสายงานแบบเรานะครับ การที่น้องเข้างานสายแบบนี้ ทำให้พี่เริ่มคิดว่าหรือน้องจะไม่ได้อยากทำงานนี้จริงๆ เหมือนที่น้องเคยพูดไว้ในวันสัมภาษณ์ ”

“ ผมขอโทษครับและก็ไม่ขอแก้ตัวด้วย แต่ผมอยากทำงานนี้จริงๆ นะครับ ผมสัญญาว่าจะไม่มาทำงานสายอีก แต่ขอให้ผมได้ทำงานนี้ต่อนะครับพี่ฟาน ”

สายตาวิงวอนของยศพัทธ์ได้ผล เมื่อฟานหรือนายพาสกรเริ่มใจ่อน แต่ก็ขอตัดเงินเดือนนิดหน่อยถือเป็นการตักเตือนไม่ให้ทำผิดซ้ำ อีกทั้งเพื่อเป็นการลบข้อครหาที่ลูกน้องคนอื่นๆ คอยจับผิดว่าเขาเอ็นดูเด็กใหม่คนนี้มากกว่าใครๆ

“ อย่าให้มีครั้งหน้าอีกนะ ไม่งั้นจะไม่ใช่แค่ตัดเงินเดือน ”

“ ไม่มีอีกแน่นอนพี่ ส่วนครั้งนี้ขอบคุณจริงๆ ครับ ”

“ ไปทำงานต่อได้แล้วไป อย่ามามัวอู้ เดี๋ยวก็ไล่ออกซะนี่ ”

ยศพัทธ์ยิ้มแก้มปริยกมือไหว้ขอบคุณผู้เป็นนายอีกรอบก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปทำงานยังโต๊ะของตัวเองซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องของเจ้านายซักเท่าไหร่

...ต่อให้น้องบอสมาทำงานสายกว่านี้อีก 10 ครั้ง พี่ก็ไม่ไล่เราออกหรอก เด็กน้อย


หลังจากที่ยศพัทธ์กลับมาอยู่บ้าน เขาเก็บตัวอยู่แต่ในห้องจมอยู่กับความคิด แต่ผ่านไปแค่สองคืนเขาก็กลับมาเป็นปกติและออกไปหางานทำ หลังจากคิดได้ว่า


' ชีวิตคนเราก็เหมือนนาฬิกา ถ้าไม่เดิน มันก็ตาย เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาก็ยังต้องเดินต่อไป '


ยิ่งตอนเดินออกจากบ้านอภิมหาธนวัชรเขาเลือกที่ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้และออกมาแต่ตัว เพราะฉะนั้นถ้าเขาและคนในครอบครัวไม่หางานทำมีหวังได้อดตายกันแน่

นายยงยศผู้เป็นบิดาจึงไปสมัครเป็นพนักงานขับรถแท็กซี่ของเจ๊แมว ส่วนน้องสาวคนสวยก็ได้เป็นผู้ช่วยแม่ครัวที่ร้านอาหารสายพิณ มีก็แต่เขาที่ไปสมัครงานทิ้งไว้สองสามที่แต่ยังไม่ถูกเรียกตัว

ด้วยความบังเอิญบวกความโชคดี บริษัทของนายพาสกรต้องการคนด่วนในการแปลเอกสารเนื่องจากคนเก่าลาออกไป ยศพัทธ์จึงลองเข้ามาสัมภาษณ์ดู ด้วยบุคลิก รูปร่าง หน้าตาตลอดจนคุณสมบัติในการใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีของเขาถูกใจนายพาสกรทุกอย่าง จึงไม่เหตุผลอะไรที่เขาจะไม่รับเด็กหนุ่มไฟแรงคนนี้ไว้ทำงาน แม้ว่าจะยังเรียนไม่จบปริญญาตรีก็ตาม

ยศพัทธ์ต้องทำเรื่องดรอปเรียนไว้ทั้งๆ ที่เหลือเรียนอีกแค่ปีเดียว เช่นเดียวกับน้องสาวของเขาที่อุตส่าห์สอบติดมหา'ลัยชื่อดังของอเมริกาแท้ๆ แต่ก็ไม่สามารถกลับไปเรียนต่อได้ เนื่องด้วยปัญหาหลักของครอบครัว

..เงิน..

แม้ว่าหนี้สินกับทางบ้านอภิมหาธวัชรจะถูกตัดเป็นโมฆะ แลกกับหนังสือสัญญาที่ถูกร่างขึ้นเพื่อสั่งให้เขาเลิกข้องเกี่ยวกับปุณณัตต์ในทุกกรณี แต่รายจ่ายในด้านอื่นๆ ก็ยังมี ไหนจะค่าอาหารการกิน ค่าการเดินทาง ค่าน้ำค่าไฟอีก โชคดีอยู่อย่างตรงที่ไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้านเพราะบ้านหลังนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของนายยงยศตั้งแต่สมัยที่ภรรยายังไม่เสียชีวิต

หลายครั้งที่โทนี่จะยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ก็โดนยวิษฐาปฏิเสธ ด้วยเหตุผลที่ว่า
 
' ฉันไม่ได้อวดดีหรือรักศักดิ์ศรีหรอกนะ แค่คิดว่าถ้าต้องคอยพึ่งนายตลอด แล้ววันนึงที่ไม่มีนาย ครอบครัวฉันจะอยู่กันยังไง พวกเราขอบคุณมากสำหรับความหวังดี แต่เรารบกวนนายมามากพอแล้วและไม่อาจรับน้ำใจของนายได้อีก '

' ... '

' ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าไม่ไหวจริงๆ ฉันจะกลับมาใช้บริการนายเป็นคนแรกเลย '


หลังมื้อค่ำของบ้านเศรษฐพงศ์ นายยงยศเรียกบุตรสาวและบุตรชายมาพูดคุยที่ห้องนั่งเล่น แม้ว่าเสื่อน้ำมันสีตุ่นจะไม่ได้นิ่มเหมือนโซฟาหนังอันเก่า แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความอบอุ่นในครอบครัวจางลงไป

" เหนื่อยมั้ยลูก "

น้ำเสียงนุ่มแสดงความห่วงใยต่างจากทุกครั้ง คำพูดหวานหูสร้างความประหลาดใจให้ลูกๆ หันมองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย

...ทำไมอยู่ๆ ป๊าถึงถามแบบนี้

" เหนื่อย "

ผู้หญิงคนเดียวของบ้านตอบเสียงดังฟังชัด ทำเอาผู้เป็นบิดาก้มหน้าจนคางชิดอกอย่างสำนึกผิด ที่ตนเป็นต้นเหตุให้ลูกต้องมาพลอยลำบากไปด้วย

ถึงสิ่งที่น้องพูดจะเป็นความจริง แต่บุตรชายคนโตก็อดส่งสายตาตำหนิไปไม่ได้ คนเป็นน้องมองหน้าพี่ชายกลับอย่างไม่รู้สึกสะท้านต่อดวงตาดุคู่นั้น แล้วจึงเอยประโยคถัดมาให้พี่ชายเข้าใจความหมายที่หล่อนต้องการจะสื่อ

" แต่ไม่เท่าตอนที่ป๊าอุ้มบรีสไปโรงพยาบาลเมื่อสิบห้าปีก่อนหรอก "

นายยงยศเงยหน้ามองลูกสาว ที่เริ่มเล่าทวนเหตุการณ์ความประทับใจวันนั้นให้ฟังอีกรอบ

" บรีสโดนเพื่อนพลักตกจากชิงช้าหัวแตก ป๊ามาเห็นพอดีเลยรีบพาไปโรงพยาบาล ตอนนั้นบ้านเรายังไม่มีรถ ป๊าเลยต้องอุ้มบรีสแล้ววิ่งไป เพราะถ้ามัวหาวินมอไซด์เลือดออกหมดตัวแน่ "

ยงยศนึกภาพเด็กสาวตัวอ้วนกลมที่ยังไม่เข้าโรงเรียนวิ่งเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันที่สนามเด็กเล่นใกล้ๆ โรงเรียนของบอส เพื่อรอรับลูกชายคนโตกลับบ้าน

เด็กน้อยวิ่งไปมาจนหอบตัวโยน ผู้เป็นพ่อจึงเดินไปซื้อน้ำที่อยู่ห่างจากบริเวณนั้นไม่ถึง 10 เมตรมาให้ดับกระหาย เพียงแค่เขาละสายตาจากบุตรไม่ถึงนาที สิ่งที่ไม่ขาดฝันก็เกิดขึ้น

ขวดน้ำเย็นเสียบหลอดพร้อมดื่มในมือร่วงหล่นลงพื้น ทันทีที่เห็นลูกสาวสุดที่รักลงไปนอนคว่ำหน้าห่างจากชิงช้าสีแดงไม่ถึงฟุต เพื่อนที่เคยวิ่งเล่นด้วยยืนร้องไห้ตัวสั่น เมื่อหันมาเจอเขาก็รีบวิ่งหนีไป ไม่รอช้าชายวัยสี่สิบรีบพุ่งตัวไปพยุงลูกสาวขึ้นมา เขาแทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นเลือดจำนวนมากไหลลงจากขมับผ่านแก้มใสของใบหน้าหวาน

ความชาผสมความจุกที่ตกจากที่สูงทำให้เด็กน้อยร้องไห้ไม่ออก บิดาจึงรีบอุ้มเด็กสาวแล้ววิ่งไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอย่างไม่คิดชีวิต

" ตอนนั้นบรีสอ้วนมากเลยนะ ทางไปโรงพยาบาลก็ไกล แต่ป๊าก็ไม่เคยหยุดวิ่ง พอหมอเย็บแผลเสร็จบรีสยังถามป๊าเลยว่าป๊าเหนื่อยมั้ย "

ยศพัทธ์รอฟังคำตอบของบิดาจากปากน้องสาวอย่างตั้งใจ เพราะในขณะที่เกิดเหตุการณ์วันนั้นเขายังคงนั่งอยู่ในห้องเรียน และไม่รับรู้ความเป็นไปของคนทั้งคู่ จนกระทั่งบิดามารับกลับบ้าน จำได้ว่าวันนั้นเขาโกรธผู้เป็นพ่อมากที่ปล่อยให้ต้องรอกลับเป็นคนสุดท้าย แต่เมื่อมารู้เหตุผลความเสียใจ น้อยใจ โกรธเกรี้ยวทั้งหมดก็หายวับไปในพริบตา

" ป๊าตอบว่า เพื่อลูกของป๊าเหนื่อยแค่ไหนป๊าก็ทนได้ ต่อให้ป๊าต้องวิ่งไปไกลกว่านี้ป๊าก็จะทำ ขอเพียงแค่ลูกป๊าปลอดภัยก็พอ "

เด็กสาวพูดพลางน้ำตาซึม ก่อนจะโอบกอดผู้เป็นบิดาแทนความรู้สึกทั้งหมดที่มี บุตรชายคนโตยิ้มบางๆ ให้ภาพที่เห็น ก่อนเข้าไปอ้อนกอดบิดาตามน้องสาว ชายวัยกลางคนลูบหัวเด็กทั้งสอง แล้วน้ำใสๆ ก็เริ่มเอ่อล้น

...เพราะเหตุการณ์ในวันนั้นเลยทำให้ป๊าอยากมีรถสักคัน เวลาเกิดเรื่องฉุกเฉินจะไปพาบรีสกับบอสไปหาหมอได้ไวๆ

และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของหนี้ก้อนแรก

" บอส บรีส ป๊าขอโทษ ที่ทำให้ลูกต้องมาลำบากเพราะความโลภของป๊า ป๊ามันไม่ได้เรื่อง แค่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับม้ายังทำไม่ได้เลย "

บุตรทั้งสองเงยหน้ามองบิดาเมื่อรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆ หยดลงมาที่กระหม่อม

" ป๊า~ "

ยวิษฐาพูดได้แค่นั้นก็สะอื้นฮักตาม ส่วนยศพัทธ์ก็น้ำตาไหลอาบแก้มไม่ต่างกัน แต่ยังพอที่จะพูดเป็นคำออกมาได้

" ผมยอมรับว่าเคยโกรธป๊ามาก ในความเข้าใจมันก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมป๊าต้องทิ้งผม ทำไมป๊าไปพาผมไปด้วย "

" ป..ป๊า "

" แต่ผมมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง ว่าในเรื่องที่เลวร้ายที่สุด ย่อมมีเรื่องดีๆ ซ่อนอยู่ เพียงแค่เราต้องหามันให้เจอ และผมดีใจนะครับที่ผมเป็นคนหนึ่งที่หามันเจอ "

" หื้ม? ป๊ายังไม่เห็นเรื่องดีๆ ที่แกว่า ป๊าเป็นหนี้ ครอบครัวเราล้มละลาย แถมสุดท้าย..แกยังต้องมาแยกจากคนรักอีก "

คนพูดก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดอีกครั้ง ทำให้ประโยคสุดท้ายอู้อี้เบาจนเหมือนกระซิบ แต่กลับดังและบาดลึกไปถึงขั้วหัวใจคนฟัง
ยศพัทธ์หลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อให้น้ำตาที่เริ่มเอ่อกลับสู่ที่เดิม ก่อนลืมตามองหน้าบิดาแล้วพูดขึ้น

" ใช่ครับ ทุกอย่างเป็นแบบที่ป๊าพูด แต่ก็เป็นเพราะป๊าอีกนั่นแหละ ถ้าป๊าไม่ไปเป็นหนี้บ้านนั้น ถ้าป๊าไม่ทิ้งผมไว้ ผมก็คงไม่มีวันได้เจอกับเขาแน่นอน " 

" แต่ถ้าป๊าไม่กลับมาพร้อมหนี้ก้อนใหม่ ป่านนี้แกสองคนก็คงจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข "

" ไม่หรอกครับ เพราะการที่ป๊ากลับมามันทำให้คุณปูนกับน้องปันได้เจอพ่อแม่ตัวเองอีกครั้ง ถึงสองคนนั้นจะไม่เคยพูด แต่ลึกๆ แล้วก็ยังคิดถึงพวกท่านที่สุด เหมือนผมไง ตอนป๊าจากไปผมก็คิดถึงป๊าทุกวันเลยนะ "

ยศพัทธ์ส่งยิ้มให้บิดา เป็นรอยยิ้มที่ยังแฝงความโศกเศร้าไว้ในดวงตา และครั้งนี้มันก็ทำให้คนมองทนไม่ไหวจนต้องพูดออกมาในที่สุด

" พี่บอส..ถ้าเหนื่อยก็พอเถอะ เลิกฝืนยิ้มสักที "

" พ..พี่ไม่.. "

" ยิ้มไม่ไหวก็ไม่ต้องยิ้ม ในเมื่อพี่ไม่โอเคก็พูดออกมาสิ ระบายออกมา ร้องไห้มาเลยก็ได้ พี่ไม่จำเป็นต้อง อึก ทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าคนที่รักพี่ตลอดก็ได้ อึก บรีสเป็นห่วงพี่นะ ฮื่อๆ "

กำแพงหนาที่เคยสร้างขึ้นเพื่อปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงจะถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดีเพียงแค่คำพูดไม่กี่คำจากคนตัวเล็กๆ คนนี้

น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้ก็ทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตก

สาวน้อยโผกอดพี่ชายไว้ทั้งตัว มือเล็กตบไหล่พี่ชายอย่างปลอบประโลม แม้ไม่มีคำพูดใดๆ แต่ยศพัทธ์ก็รับรู้ได้ถึงความรักความห่วงใยที่น้องสาวมี

นายยงยศปราดน้ำตาตัวเองทิ้ง ก่อนจะโอบกอดลูกทั้งสองแล้วกระซิบคำบางคำที่ไม่ได้พูดมานานแสนนาน

" ป๊ารักลูกนะ "

คำสั้นๆ แต่ความหมายยิ่งใหญ่จากบิดาผู้ให้กำเนิด เรียกให้อ้อมกอดที่แน่นอยู่แล้วแน่ขึ้นไปอีก

" เพราะฉะนั้นป๊าจะทำทุกอย่างให้ลูกมีความสุข "


...พรุ่งนี้ป๊าจะไปบ้านอภิมหาธนวัชร



( มีต่อแต่ไม่ใช่วันนี้นะ >< )

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
เง้อออออออออ  :m15:

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
 :ling1: :ling1: :ling1: ใจร้ายทิ้งเค้าไว้กลางครันได้ยังไง  :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
มีผัวแบบตายงยศนะขอกระทืบทีเถอะ

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ป๊าจะทำอะไรค้าา~~ O_o

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
ขอให้เรื่องลงเอยด้วยดีนะ

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
 :mew5: เอิ่ม มีพ่อแบบนี้ก็หนักใจเหมือนกันนะเนี่ย

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
ป๊าจะทำอารายยยยยยย
ยังไงงงงบ้านนั้นก้ไม่ให้อภัยหรอกมั้ง
โถ่
แล้วพี่ปูนนนไม่ทำอารายเลยหรอ แอบช่วยเหลือไรงี้ ไม่มีเลยหรอออออ หืยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ployspy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
แงงงงงงงง
ไม่อาววววววววววว
ค้างงงงงงงง
มาต่อเตอะๆ

ออฟไลน์ natpicko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รออยู่นะคะ>< :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ Blueniie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
( ต่อจากด้านบน )

1 เดือนก่อนวันเกิดเหตุ
ณ ภัตตาคารหรูชั้นบนยอดตึกแห่งหนึ่งใจกลางเมือง

“ ขอโทษที่ให้รอนะครับ คุณนิธิศ พอดีผมลืมกระเป๋าไว้บนรถแท็กซี่ ”

ชายวัยกลางคนในชุดสูทผูกไทด์ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเป้งพูดพลางนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานนับสิบปี

“ คงสำคัญมากเลยนะครับถึงได้ดูรีบร้อนขนาดนั้น ”

“ ใช่ครับ เพราะในนั้นมีเอกสารสำคัญและเงินสดสิบล้าน ”

“ แล้วนี่คุณโชคแจ้งความหรือยัง จำทะเบียนรถคันนั้นได้มั้ย ผมจะได้ให้ทางตำรวจช่วยติดตามให้ ”

“ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก ตอนนี้ผมได้คืนเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าของรถเป็นคนเอามาให้ด้วยตัวเองเลย ”

“ สงสัยคงกลัวเอาเงินไปแล้วหนีไม่รอดเลยรีบเอามาคืนว่าแต่คุณโชคดูแล้วหรอครับว่าเงินยังอยู่ครบ ”

“ ผมเช็คเรียบร้อยแล้วครับ ของทุกอย่างอยู่ครบถ้วน ไม่มีแม้แต่ร่องรอยการแตะต้อง ส่วนเรื่องที่คุณนิธิศว่าผมว่าไม่ใช่นะครับ เพราะเขารีบติดต่อหาผมทันทีที่เห็นกระเป๋าใบนั้น ”

นิธิศมองหน้าเพื่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จนโชคต้องเล่าเหตุการณ์เพิ่มเติมให้ฟัง เพื่อย้ำให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าแท็กซี่คนนั้นไม่มีเจตนาอย่างที่ถูกกล่าวหา

“ ระหว่างทางที่เขาขับรถมาส่งผม เราคุยกันหลายเรื่องครับ เขาเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนเคยทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง แต่เพราะความโลภและหลงผิดจึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ”

“ นั่นไง คนแบบนี้ไม่มีทางเป็นคนดีได้หรอก ผม.. ”

“ ฟังผมเล่าให้จบก่อนนะครับ ”

นิธิศพยักหน้าอย่างจำใจแล้วยอมฟังเพื่อนเล่าต่อ

“ ในที่สุดเขาก็มีหนี้สินมากมายมหาศาลจนถึงขั้นล้มละลาย แต่เพราะผลพวงจากเรื่องที่เขาก่อมันดันไปตกอยู่ที่ลูกของเขาเลยทำให้เขาคิดได้และเริ่มที่จะปรับปรุงตัวเองเป็นคนใหม่ในฐานะพ่อที่ดี แม้ว่าฐานะทางบ้านจะไม่ได้ร่ำรวย แต่เขาก็จะทำทุกอย่างให้ครอบครัวของเขากลับมาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ ”

…ก็เหมือนจะดูดีนะ ว่าแต่ทำไมเรื่องมันฟังดูคุ้นๆ ชอบกล

“ หลังจากผมลงจากรถไปได้ไม่ถึง 5 นาที เขาก็เหลือบมาเห็นกระเป๋าผมที่เบาะหลัง เขาจึงตัดสินใจเปิดกระเป๋าใบนั้นอย่างถือวิสาสะ โชคดีนะครับที่ในกระเป๋ามีนามบัตรของผมอยู่ เขาจึงรีบติดต่อหาผมทันทีและนำกระเป๋ามาคืนโดยไม่เรียกร้องเงินสักบาทเดียว แม้ว่าผมจะพยายามจะให้เขาแค่ไหน แต่เขาก็ปฏิเสธเสียงแข็ง เห็นว่าเขาสัญญากับลูกไว้แล้วว่าจะเป็นคนใหม่ให้ลูกภูมิใจ เพราะฉะนั้นเขาจะทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ”

…ยิ่งฟังก็ยิ่งคุ้น แต่คงไม่ใช่หรอก ถ้ารอให้คนพรรค์นั้นกลับตัว สู้รอให้วัวออกลูกเป็นควายจะดีกว่า

“ ผมก็เลยยอมแพ้ เปลี่ยนจากการให้เงินเป็นถามชื่อเขาแทน เผื่อคราวหน้าจะได้เรียกใช้บริการเขาอีก ”

“ เขาชื่ออะไรหรอครับ เห็นทีผมคงต้องเรียกใช้บริการบ้างซะแล้ว ”

…ตึกตักๆ ถามเองก็ตื่นเต้นเอง ลุ้นระทึกยิ่งกว่าวันหวยออกซะอีก หวังว่าคงไม่ใช่

“ ยงยศ ชื่อของเขาคือ นายยงยศ  เศรษฐพงศ์ ”
 

 
และจากเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้นิธิศต้องมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้

“ นั่นมันพ่อคุณบอสนี่ครับ ”

นิธิศพยักหน้าขณะมองชายวัยกลางคนที่แต่งตัวมอซอเดินส่งนมและหนังสือพิมพ์ในหมู่บ้านเล็กๆ ตอนตี 5 ทั้งที่ฟ้ายังไม่สว่าง
แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่ายงยศที่เขารู้จัก ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นผีพนันจะเปลี่ยนมาทำงานทำการแบบนี้ได้ เขาเห็นนะว่านายยงยศแอบอ่านหนังสือพิมพ์ของลูกค้าด้วย แต่หน้าที่เปิดอ่านมันไม่ใช่ข่าวธรรมดาทั่วไป แต่มันเป็นหน้าสำหรับคนว่างงาน

...หมอนี่กำลังหางานใหม่ทำงั้นหรอ?

“ พ่อคุณบอสส่งหนังสือพิมพ์เสร็จแล้วครับ คุณท่านจะให้ตามต่อหรือว่า.. ”

“ ตามต่อไป วันนี้ฉันจะตามติดหมอนั้นทั้งวัน ”

พิสิษฐ์ตอบรับคำสั่งก่อนจะออกรถตามชายวัยกลางคนไปเงียบๆ

หลังจากที่ยงยศเสร็จสิ้นภารกิจจากการส่งหนังสือพิมพ์เขาก็แอบย่องเข้าบ้านตัวเอง เพราะไม่อยากให้ลูกชายและลูกสาวรู้ว่าตัวเองรับงานอื่นเพิ่มจากงานประจำ ซึ่งก็คือการขับรถแท็กซี่ตั้งแต่ 8 โมงจนถึง 5 โมงเย็น

หลายคนรวมทั้งเขาคงคิดว่าหลังจากเลิกงานยงยศจะตรงดิ่งกลับบ้าน แต่ความจริงหาใช่แบบนั้นไม่ เมื่อยงยศนั่งรถเมล์ฟรีไปลงที่ไซด์งานก่อสร้างใกล้ๆ บ้าน เพื่อไปเป็นกรรมกรแบกอิฐแบกปูนจนถึง 2 ทุ่ม

“ ตอนนี้ 2 ทุ่มครึ่ง พ่อคุณบอสเข้าบ้านเรียบร้อยแล้วครับ ท่านจะกลับบ้านเลยรึเปล่าครับ ”

“ ไม่ อยู่ตรงนี้ก่อน ”

เหตุที่เขายังไม่กลับบ้านตอนนี้เพราะว่าเขาอยากจะเห็นพฤติกรรมของยงยศกับตาตัวเอง ว่าจะตรงตามที่ลูกน้องรายงานหรือไม่

“ เขาออกจากบ้านมาแล้วครับ ดูท่าทางลับๆ ล่อๆ ด้วย ”

นิธิศมองภาพแล้วพยักหน้าเห็นด้วยตามที่พิสิษฐ์กล่าว

...แอบย่องออกจากบ้านตอนตี 3 จริงๆ ด้วยแหะ

“ ขับรถตามไป ”

“ ครับท่าน ”

รถราคาแพงมาหยุดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง ชายทั้งสองในรถมองผ่านฟิล์มดำติดกระจกเห็นภาพคนที่ถูกตามตัวกำลังตัดแต่งสวนของคฤหาสน์หลังโตอยู่ ท่าทางของชายวัยกลางคนคล่องแคล่วแต่ก็มีบ้างที่หยุดพัก เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นเต็มหน้า ดวงตาทั้งสองส่อแววเหนื่อยล้า แต่ชายวัยกลางคนก็ยังมุ่งมั่นทำงานที่ตนได้รับมอบหมายจนเสร็จ ก่อนจะออกจากบ้านหลังนั้นเพื่อไปส่งหนังสือพิมพ์ต่อ



“ พ่อคุณบอสนี่สุดยอดจริงๆ นะครับ วันๆ หนึ่งทำงานตั้งหลายที่ แต่ละที่ก็หนักๆ ทั้งนั้นเลย สงสัยคงจะกลับตัวกลับใจแล้วจริงๆ ”

คำพูดเลขาคนสนิทของลูกชายทำเอาเขาคล้อยตามไปไม่น้อย แต่ด้วยความที่เป็นคนปากหนักและไม่เคยคิดที่จะกลืนน้ำลายตัวเอง นิธิศจึงเลือกที่จะพูดสิ่งที่ตรงข้ามกับใจไป

“ สร้างภาพ ทำผิดมาทั้งชีวิตคิดว่าการมาทำดีแค่วันสองวันแล้วฉันจะใจอ่อนหรอ ฝันไปเถอะ ”

“ แต่นี่เราตามพ่อคุณบอสมาหลายสัปดาห์แล้วนะครับ ผมว่าเขาคงไม่ได้สร้างภาพแล้วล่ะ คุณท่านน่าจะใจอ่อนได้แล้วนะครับ ”

…ไม่! ฉันคือนิธิศ  อภิมหาธนวัชร ฉันจะไม่มีวันกลืนน้ำลายตัวเองเด็ดขาด! ไม่มีทาง!
 


วันเกิดเหตุ
ณ บ้านอภิมหาธนวัชร

“ คุณหญิงทำไมทานน้อยจังล่ะ ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”

นิธิศที่นั่งหัวโต๊ะหันไปถามภรรยาในขณะที่กำลังทานอาหารเช้า

“ ฉันสบายดีค่ะ แต่ตาปูน.. ”

คุณหญิงพูดพลางทำหน้าเศร้า เมื่อคิดถึงลูกชายที่นอนป่วยอยู่ในห้องมาเป็นอาทิตย์ แถมยังไม่ให้หมอเข้าไปตรวจอีก พูดให้ถูกคือปุณณัตต์ไม่ยอมให้ใครเข้าห้อง แม้แต่เธอที่เป็นมารดา ครั้นจะให้ปัณณ์ณิชบุตรสาวเข้าไปดูอาการพี่ชายก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะรายนั้นก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องกับสัตว์หน้าขน ยกเว้นแค่เวลาไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น

ห้องครัวที่เด็กสาวแสนจะโปรดปรานกลับกลายเป็นสถานที่ต้องห้าม เมื่อในนั้นมีร่องรอยความทรงจำของหนุ่มน้อยหน้าหวานเต็มไปหมด

โชคดีอยู่อย่างหนึ่งว่าถึงแม้ปุณณัตต์จะปฏิเสธทุกคนที่จะเข้ามา แต่ก็มีหนึ่งคนที่ได้รับการยกเว้น นั่นก็คือ เลขาคนสนิทอย่าง พิสิษฐ์

“ ถ้าลูกเราอาการหนักเดี๋ยวคุณพิทก็มารายงานเองนั่นแหละคุณหญิง ”

“ คุณเคยเป็นห่วงลูกบ้างรึเปล่า คุณนิธิศ ”

“ ทั้งรักทั้งห่วง แต่ที่ผมทำไปทั้งหมดก็เพื่อลูกของเรานะ ”

“ เพื่อลูกงั้นหรอ? เหอะ คุณลองมองไปรอบๆ นะคุณนิธิศว่าสิ่งที่คุณทำอยู่มีลูกคนไหนมีความสุขบ้าง ไม่มีเลย ตาปูนก็ป่วย ยัยปันก็เอาแต่เก็บตัว ”

ประมุขใหญ่ของบ้านปิดปากสนิทไม่คิดที่จะโต้แย้งใดๆ เมื่อสิ่งที่คุณหญิงพูดถูกทุกคำ

“ นี่ยังไม่นับแม่อิ่ม คุณพิท พ่อเพิ่ม ทุกคนที่เคยรู้จักกับเด็กคนนั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากให้เด็กคนนั้นกลับมา มีแต่คุณเท่านั้นแหละ ที่มัวแต่เอาอคติส่วนตัวมาเป็นตัวตัดสิน ทั้งๆ ที่เรื่องทุกอย่างมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดด้วยซ้ำ ”

นิธิศหลับตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกจากที่ของตัวเองไปนั่งเก้าอี้ข้างภรรยา ก่อนจะจับมือเธออย่างแผ่วเบาแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหมาย
 

...มันคงถึงเวลาแล้วสินะ
เวลาที่ฉันต้องยอมรับความจริงว่าตัวเองคิดผิด
เวลาที่ฉันต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์

เวลาที่ฉัน...ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง....
 

“ คุณหญิง ฟังผมนะ เรื่องของลูก...ผมยอม.. ”

“ คุณหญิง คุณท่านครับ คือ.. ”

เลขาคนสนิทของปุณณัตต์พูดพลางมองหน้าทั้งสองด้วยท่าทางร้อนใจ จนนิธิศที่หัวเสียจากการถูกขัดจังหวะในตอนแรกเปลี่ยนมาอยากรู้เรื่องที่คนมาใหม่ต้องการจะพูดแทน

“ มีอะไรก็พูดมาคุณพิท ”

“ คือผมคิดว่า...คุณปูน...คงอยู่ไม่เกินวันนี้ครับ ”

สิ้นคำของเลขาหนุ่ม(ใหญ่)คุณหญิงก็หมดสติไป โชคดีที่สามีเธอรับไว้ได้ทัน ก่อนจะส่งต่อให้ตัวต้นเหตุรับหน้าที่ดูแลต่อ
ประมุขของบ้านรีบวิ่งขึ้นบันไดตรงไปที่ห้องลูกชายแบบไม่คิดชีวิต กุญแจผีที่อยู่ในกระเป๋าถูกหยิบมาใช้ไขห้องปุณณัตต์ในทันที ไม่นานห้องที่ปิดตายมานานกว่าสัปดาห์ก็ถูกเปิดออก

นิธิศไม่รอช้าเข้าไปสำรวจห้องนั้นจนทั่ว แต่สิ่งที่พบก็มีเพียงแค่

...ความว่างเปล่า

ชายวัยกลางคนหมดแรงแทบสิ้นสติล้มตัวลงกระแทกกับเตียงคิงไซส์ ก่อนที่จะเริ่มตัดพ้อตัวเอง

“ ปูน ลูกไม่น่าทำแบบนี้เลย ลูกจะหนีพ่อไปทำไม ในเมื่อวันนี้พ่อกำลังจะบอกลูกว่าพ่อยอมทุกอย่าง ไม่ว่าลูกจะรักใครชอบใคร จะพาใครมาเป็นสะใภ้ หรือต่อให้พ่อของคนๆ นั้นจะเป็นใครพ่อก็จะไม่ขัดขวางลูกอีก ”

“ จริงหรอครับ ”

“ จริงสิ พ่อเคย.. ”

นิธิศหยุดประโยคของตัวเองไว้เท่านั้น เมื่อระลึกได้ว่าเสียงที่เขาได้ยินเมื่อครู่ไม่ใช่เสียงของลูกชาย
หากแต่เป็นใครบางคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ เวลานี้


“ ยงยศ! ”
 

 
หลังจากหนีออกจากบ้านมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากเลขาคนสนิท ปุณณัตต์ก็รีบตรงดิ่งไปที่บ้านเศรษฐพงศ์ทันที เขาตัดสินใจจะไปหาคนที่ตัวเองรักโดยไม่สนใจความผิดถูกชอบชั่วดีหรือแม้แต่คำพูดที่คนตัวเล็กพูดไว้ก่อนจะจากไป

‘ บอสจะทิ้งพี่ไปจริงๆ หรอ ’

‘ บอสต้องไป บอสทิ้งป๊าไม่ได้ พี่ปูนดูแลตัวเองนะ ’

‘ ไม่ไปไม่ได้หรอ ถ้าเราอยู่บ้านนี้ด้วยกันไม่ได้ งั้นเราหนีไปด้วยกันมั้ย ’

‘ บอสขอโทษนะครับ แต่เราทำแบบนั้นไม่ได้ บอสหนีไม่ได้อีกแล้ว มันคงถึงเวลาที่เราต้องกลับไปใช้ชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริงสักที ’

‘ หึ โลกแห่งความจริง? ชีวิตที่ไม่มีบอส แล้วมันจะมีความหมายอะไร ’

‘ มีสิพี่ปูน อดทนรอวันของเรานะครับ ถึงมันจะมาช้า แต่บอสเชื่อว่ามันจะมาถึงในสักวัน ตราบเท่าที่เรายังมีความหวัง ปาฏิหาริย์ย่อมเกิดขึ้น ’

…พี่ขอโทษ พี่ทำตามที่บอสพูดไม่ได้ พี่ไม่สามารถจะอดทนรอวันนั้นให้มาถึง แต่พี่นี่แหละที่จะเป็นคนกำหนดวันนั้นด้วยตัวของพี่เอง เพราะปาฏิหาริย์มันคืออีกชื่อหนึ่งของความพยายาม
 

ณ บ้านเศรษฐพงศ์

“ บรีสเราลืมของไว้ตรงไหนห๊ะ พี่หาจนทั่วห้องแล้วไม่เห็นมีเลย อีกสิบนาทีพี่ก็ต้องเข้างานแล้วด้วย ”

เสียงยศพัทธ์คุยโทรศัพท์ดังลอดออกมาจากนอกห้องที่เปิดประตูไว้ ปุณณัตต์ที่เพิ่งมาถึงจึงไม่ต้องเสียเวลาตามหาคนรักให้วุ่นวาย เขาเดินตามเสียงนั้นไปในห้องนอน เห็นคนตัวเล็กยืนหันหลังคุยโทรศัพท์โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนเพียงลำพังอีกต่อไป

ปุณณัตต์ปิดประตูล็อกห้องอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะย่องไปด้านหลังแล้วผลักร่างคนรักลงบนฟูก ทำเอาคนที่ไม่ทันตั้งตัวร้องตะโกนโวยวายด้วยความตกใจผสมความกลัว ใบหน้าหวานถูกกดให้แนบไปกับที่นอน มือเล็กทั้งสองข้างถูกมือหนาอีกข้างจับไพร่หลัง ก่อนจะขึ้นมาคร่อมทับร่างบางไว้ คนตัวใหญ่ยิ้มกว้างมองผลงานที่ยังดีดดิ้นแหกปากไม่หยุด

…เก็บเสียงไว้ครางใต้ร่างพี่ดีกว่ามั้ย หึหึ

“ แกเป็นใครว่ะ ปล่อยฉันนะเว้ย บ้านนี้ไม่มีของมีค่าให้ปล้นหรอก ออกไปซะ! ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ ”

ยศพัทธ์ยังพยศไม่หยุดเหมือนครั้งแรกที่เขาเจอไม่มีผิด จะมีก็แต่ร่างกายที่โตขึ้นกว่าแต่ก่อน

...ปากเก่งดีนัก เดี๋ยววันนี้จะจูบให้ปากระบม พูดไม่ได้ไปอีกสามวันเลยคอยดู

“ แน่ใจหรอว่าบ้านนี้ไม่มีของมีค่า ”

น้ำเสียงที่ยศพัทธ์ไม่น่ามีวันลืมถูกเปล่งออกมา แต่ด้วยความกลัวทำให้เขาลืมเรื่องพวกนั้นไปจนหมดสิ้น

“ แน่ใจดิวะ ตั้งแต่เข้ามาแกเห็นเฟอร์นิเจอร์สักชิ้นมั้ย เอ่อ หรือว่าแกนับพัดลมด้วย เพราะนั่นก็ถือว่าแพงที่สุดละ ”

“ ไม่รู้เว้ยตอนเดินเข้ามาไม่ได้มอง รู้แค่ตอนนี้กูเจอของที่กูอยากได้แล้ว ”

“ เออๆ อยากได้อะไรก็รีบๆ เอาไป แล้วก็ไสหัวไปซะ ”

“ พูดเองนะ หึหึ ”

…เสียงหัวเราะแบบนี้มัน

ไม่ทันให้คนตัวเล็กได้ตั้งตัว ปุณณัตต์ก็จับร่างคนตัวเล็กพลิกนอนหงายแต่ก็ยังคร่อมร่างนั้นอยู่เหมือนกลัวจะหนี

“ ค..คุณปูน มาอยู่.. ”

รสจูบถูกยัดเยียดไปให้โดยที่คนข้างล่างหมดสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ ริมฝีปากสีเชอร์รี่ยังคงเชี่ยวชาญในการควานหาความหวานในโพรงปากเล็ก ความนุ่มนวล ความวาบหวาม สลับความเร่าร้อนถูกส่งผ่านเรียวลิ้นอุ่น ทำเอาอีกฝ่ายส่งเสียงครางในลำคออย่างช่วยไม่ได้ มือเล็กพยายามทุบอกแกร่งให้หยุดรังแกเขาเสียที กว่าคนตัวใหญ่จะถอนริมฝีปากออกมาก็ทำเอาคนตัวเล็กที่นอนหอบตัวโยนเกือบหมดลมหายใจ

“ มาทำไม ”

“ ใจร้ายจัง เจอหน้าสามีทั้งทีถามว่ามาทำไมเนี่ยนะ มันน่าน้อยใจชะมัด ”

ปุณณัตต์พูดไปตีหน้าเศร้าไป แล้วก้มลมจนริมฝีปากเกือบจะชิดหูของอีกฝ่ายพลางกระซิบ

“ มาหาไม่ได้หรอครับ คิดถึงเมียจะแย่ ”

น้ำเสียงสุดเซ็กซี่ของคนพูดทำเอาคนฟังหน้าร้อนฉ่า ก่อนจะตั้งสติพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดุและจริงจัง

“ แต่ว่าพ่อของพี่ปูนยังไม่ยอมรับเรื่องของเรา ”

คนฟังถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะจูบปลอบอีกฝ่ายที่กระหม่อม

“ พี่มีเรื่องนึงอยากจะถาม พี่อยากให้บอสตอบตามความจริงที่นี่ วันนี้และเดี๋ยวนี้ ”

“ อ..อะไรครับ ”

“ บอส รักพี่มั้ยครับ ”

…ไม่มีเหตุผลที่ต้องเก็บงำคำว่ารักไว้อีกต่อไป ในเมื่อบอสเคยพลาดมาแล้ว เพราะฉะนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง
เด็กหนุ่มที่หน้าขึ้นสีตอบคนถามอย่างมั่นใจ โดยไม่รอให้อีกฝ่ายต้องถามซ้ำ

“ รักครับ บอสรักพี่ปูน ”

ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจ ทำเอาคนมองยิ้มตามไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
รอยยิ้มครั้งนี้ของพวกเขาเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ ครั้งแรก นับตั้งแต่ที่ทั้งสองจากกัน

“ แค่นั้นก็พอแล้ว ทีเหลือพี่จัดการเอง ”

ว่าแล้วปุณณัตต์ก็ ‘จัดการ’ ตามที่ตัวเองว่าไว้ แต่จัดการครั้งนี้คือจัดการกับเสื้อผ้าที่รกหูรกตาของอีกฝ่ายจนไม่เหลืออาภรณ์ซักชิ้นไว้ให้คนตัวเล็กใส่ติดตัว

“ คิดถึงจังเลย ”

พูดไปก็พรมจูบไล้ไปตามผิวเนียนละเอียด รอยแดงผุดขึ้นทุกรูขุมขนที่ริมฝีปากร้อนเคลื่อนผ่าน ร่างกายของอีกฝ่ายตอบสนองอย่างรู้งาน ราวกับสุนัขที่กลับมาเจอเจ้าของอีกครั้ง ทุกอย่างดูจะลงเอยด้วยดี ถ้าหากไม่มีบางสิ่งเข้ามารบกวน

ปังๆๆๆๆ

“ ปูน ลูกอยู่ในนั้นใช่มั้ย ออกมาคุยกับพ่อก่อน ”

“ บอส นี่ป๊าเองนะ รีบๆ ออกมาเร็วเข้า ”

ชายหนุ่มทั้งสองที่กำลังคุยกันผ่านภาษากายสบตากันทันทีด้วยความตกใจ ยังไม่ทันทีสมองจะสั่งให้คนตัวใหญ่ลุกออกจากร่างคนตัวเล็ก เสียงของบิดาบังเกิดเกล้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ ถ้าลูกไม่ออกมา พ่อจะพังประตูเข้าไป ”

“ ถือว่าป๊าเตือนแล้วนะ ”

“ พ่อ/ป๊าอย่า! ”

พ่าง!!!

...มะ  ไม่ทันแล้ว
 


ณ ห้องนั่งเล่นบ้านเศรษฐพงศ์

บัดนี้ที่เสื่อน้ำมันผืนเก่ามีพ่อลูก 2 คู่กำลังนั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหากันอยู่
ดูเหมือนว่าสงครามประสาทครั้งนี้จะไม่จบลงง่ายๆ ชายวัยกลางคนที่นั่งจ้องลูกชายตัวดีที่เงียบมานานกว่าสิบนาที เริ่มทนไม่ไหว จึงต้องเป็นฝ่ายพูดก่อน

“ มีอะไรจะพูดมั้ย ”

“ เห็นแบบนั้นแล้วยังต้องให้พูดอะไรอีกหรอครับ ”

ปุณณัตต์ตอบหน้าตายโดยไม่ได้สนใจเด็กหนุ่มข้างๆ ที่ก้มหน้างุดเหมือนคนทำความผิดแล้วถูกจับได้

“ แล้วแกล่ะ ”

คนถูกถามกดหน้าที่แดงก่ำลงกว่าเก่า หยดน้ำใสๆ เริ่มร่วงแหมะลงที่หน้าขา สร้างความตกใจให้คนทั้งสาม โดยเฉพาะชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ จนต้องเขยิบเข้าหาคนรักก่อนจะใช้มือหนาดึงมือเล็กมาประสานไว้กับมือของตน ก่อนที่คนตัวเล็กจะสร้างบาดแผลให้ตัวเองด้วยการจิกเล็บไปที่ฝ่ามือเพราะรู้สึกกดดัน

“ บอส ไม่ต้องห่วงนะพี่จะรับผิดชอบเอง ”

“ ยังจะมาตลกอีกหรอตาปูน ”

“ ใครว่าผมตลก ผมจริงจังต่างหาก ไม่ว่าพ่อจะห้ามผมยังไงผมก็จะไม่ฟังอีกแล้ว ผมรักบอส ผมจะอยู่กับบอส เพราะเขาเป็นภรรยาของผม และผมต้องรับผิดชอบเขาจนกว่าเราจะตายจากกัน ”

นิธิศมองลูกชายด้วยสายตาจริงจังแล้วพูดขึ้น

“ ลืมไปแล้วหรอว่าพ่อเคยบอกว่าจะรับเด็กนี่ต่อเมื่อมันมีหลานให้พ่อได้เท่านั้น ”

“ คุณ.. ”

ยงยศแทรกเสียงขึ้นเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี แต่ก็โดนนิธิศยกมือขึ้นเบรกพลางส่งสายตาบอกเป็นนัยๆ ว่า ‘อย่าเพิ่งขัด’

“ ว่าไง ”

“ ไม่ลืม แต่ผมไม่สนใจจะจำข้อเสนอบ้าๆ แบบนั้นตั้งแต่แรก ”

“ ก็ได้ ถ้าลูกยืนยันว่าจะเลือกมัน พ่อคงจะต้อง.. ”

“ คุณนิธิศครับ ”

เสียงเด็กหนุ่มที่เงียบอยู่นานดังขึ้นเรียกความสนใจของคนทั้งห้องอีกครั้ง

“ ครั้งนี้ผมก็ไม่ยอมเช่นกันครับ ผมรู้นะครับว่าตัวเองไม่มีอะไรเทียบพี่ปูนได้และผมก็ทราบดีที่สุดว่าตัวเองมีทายาทสืบสกุลให้ท่านไม่ได้ แต่ความรักความจริงใจที่ผมมีต่อลูกชายท่านมันมากพอที่จะทำให้ผมดิ้นรนจนปีนไปอยู่เคียงข้างพี่ปูนให้จงได้ ”

…คำพูดคำจาฉะฉานมีเหตุผล ไม่เห็นเหมือนไอ้ลูกชายตัวดีเลยจริงๆ

“ ตอนแรกผมคิดว่าจะรอให้วันนั้นมาถึงก่อนแล้วจะกลับไปหาพี่ปูน แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าชีวิตที่ไร้ซึ่งพี่ปูนก็ไม่ต่างอะไรจากโทรศัพท์ที่ไร้ซิม ใช้งานได้แต่โทรออกไม่ได้ก็ไม่มีความหมาย ”

…เกือบจะดีละ ถ้าไม่ติดตรงโทรศัพท์ไร้ซิม = =

“ ผมไม่ขอให้ท่านให้โอกาสผม แต่ผมจะพิสูจน์ให้ท่านเห็นเอง ว่าผมและพี่ปูนเราเกิดมาเพื่อกันและกัน และไม่ว่าใครก็ไม่อาจพรากเราสองคนไปจากกันได้ เว้นเสียแต่ความตาย ”

ยศพัทธ์พูดจบก็หยิบคัทเตอร์อันเล็กที่ติดกระเป๋ามาจากที่ทำงานขึ้นมา ก่อนจะหันไปสบตากับสามี

“ พี่ปูน ถ้าชาตินี้ไม่ใช่ชาติของเรา งั้นบอสจะไปรอพี่ที่ทางสามแพร่ง ”

“ บอส ”

“ พี่ปูน ”

“ บอส ”

“ โอ้ย! ฉันพูดสักคำหรือยังว่าจะแยกแกออกจากกัน ลูกแกนี่มันขี้มโนจริงๆ นะย้ง ”

“ ผมก็ไม่คิดว่ามันจะติดละครขนาดเอามาเลียนแบบอย่างนี้ ”

สิ้นคำบิดายศพัทธ์ก็ปล่อยคัทเตอร์เล็กที่ไม่มีแม้แต่ใบมีดอยู่ภายในลงพื้น  ก่อนจะหันไปคุยกับสามี

" พี่ปูน พ่อพี่ไปสนิทกับป๊าถึงขั้นเรียกชื่อเล่นกันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ "

" พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน "

“ พวกแกไม่ต้องสงสัยหรอก ที่ฉันกับคุณนิธิศร่วมมือกันพังประตูก็เพราะมีข่าวดีจะบอก ใครจะคิดล่ะว่าเปิดไปจะเจอแจ็กพอตแบบนั้นน่ะ ”

“ เอ่อ เรื่องนั้นลืมๆ ไปเถอะป๊า ว่าแต่..ข่าวดีอะไรหรอครับคุณนิธิศ? ”

เจ้าของชื่อทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนจะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป

“ เรียกคุณนิธิศอยู่ได้ เรียกพ่อสิลูกบอส ”

“ ลูกบอส? ม..หมายความว่ายังไงกันครับ ”

“ ที่พ่อมาวันนี้ เพราะมารับลูกชายกับลูกสะใภ้ของพ่อกลับไปอยู่ที่บ้านของเราไง เข้าใจรึยัง เด็กโง่ ”

" คุณนิ.. "

สายตาคมของเจ้าของชื่อตวัดมาหาเด็กหนุ่มเพื่อเตือนให้รู้ว่ากำลังเรียกสรรพนามเขาผิด

" คุณพ..พ่อ "

“ หมายความว่าพ่อยอมรับเรื่องผมกับบอส ”

“ ไม่ใช่แค่ยอมรับนะ แต่กำหนดวันแต่งงานให้แล้วด้วย วันนี้ย้งไปหาพ่อที่บ้าน เราสองคนก็คุยกันเรื่องลูก พ่อเลยถือโอกาสทาบทามบอสมาเป็นสะใภ้บ้านเราซะเลย ถึงย้งจะไม่เรียกร้องค่าสินสอด แต่ยังไงซะแต่งเมียให้ลูกชายทั้งทีพ่อก็ต้องจัดให้สมน้ำสมเนื้อหน่อย จริงมั้ย ลูกบอส ”

 " วู้ฮู้!! พ่อครับ ผมรักพ่อที่สุดเลย ขอบคุณนะครับ บอสพ่อยอมรับเราแล้ว ได้ยินมั้ย พ่อยอมแล้ว~~~ "

ปุณณัตต์ยิ้มกว้างพลางกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ ห้อง ในขณะที่คนรักของเขายังนั่งอึ้งตาถลนเหมือนหมาพันธ์ปลั๊กอยู่ที่พื้น

" พี่ปูนบอกบอสที บอสไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย "

ไม่รอช้าปุณณัตต์เชยคางคนตัวเล็กขึ้น พร้อมกดริมฝีปากลงหนักๆ ก่อนจะผละจูบอันดูดดื่มมาถาม


" ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ย ว่าไม่ได้ฝัน ^^ "
 


ออฟไลน์ Blueniie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0

หลายปีต่อมา

“ เมียจ๋า พี่ขอเงิน 40 สิ ร้อนอ่า อยากกินแม๊กนั่ม ”

“ ไม่! บอกแล้วไงว่าให้ใช้อาทิตย์ละ 200 แล้วนี่เพิ่งวันอังคารเงินหายไปไหนหมดฮ๊ะ แล้วอย่าคิดว่าไม่รู้นะที่เมื่อวานพี่ปูนมาขโมยเงินบอสไป 20 ”

“ เฮ้ย บอสจะโหดไปไหนเนี่ย อาทิตย์ละ 200 มันจะไปพออะไร ไหนจะค่าน้ำมัน ค่าข้าว แล้วข้าวสมัยนี้จานละ 40-50 ตัวก็รู้ ”

“ พี่ปูนอย่ามาเว่อร์ มีมื้อไหนที่พี่ต้องซื้อข้าวกินเองบ้าง ตอบ!! ”

“ ไม่มีจ๊ะ เมียทำใส่ปิ่นโตให้ตลอด แฮ่ ”

“ แล้วค่าน้ำมันใครมันเป็นคนจ่าย ”

“ เมียจ๊ะ~ แฮ่ ”

“ แล้วเอาเงินไปใช้อะไรหมดฮ๊ะ! ”

“ ก็เมื่อวาน  ยัยปันยืมไปซื้ออาหารให้ปีใหม่ ”

“ อย่าใส่ร้ายน้อง!! ทำผิดแล้วยังจะแถอีก ”

“ เฮ้ย พี่พูดจริงนะ ไม่เชื่อไปถามยัยปันดูเลย ”

“ เรื่องอะไรล่ะ ถามไปก็เท่านั้น เดี๋ยวก็เข้าข้างกันแบบคราวที่แล้วอีก ”

“ แต่ครั้งนี้พี่พูดจริงๆ ไม่เตี๊ยมล่วงหน้าด้วย สาบาน ”

“ อ่อ แสดงว่าที่ผ่านมานี่เตี๊ยมกันตลอดใช่มั้ย หึ งั้นคืนนี้ออกไปนอนนอกห้อง สำนึกผิดได้เมื่อไหร่ค่อยกลับมา!! ”

ปัง!!

ยศพัทธ์ปิดประตูห้องนอนพร้อมล็อคกลอน ทำเอาคนถูกทิ้งอย่างปุณณัตต์ได้แต่ร้องครวญครางขอความเห็นใจแง่วๆ อยู่หน้าประตู

“ เมียจ๋า~ พี่สำนึกผิดแล้วนะ ไม่เอาไม่แยกห้องสิ ไม่สงสารปูนน้อยหรอ”

“ ไม่! ”

“ ก่อนจะตอบคิดสักนิดก็ได้นะครับเมีย ถ้าไม่เห็นแก่ปูนน้อยก็เห็นแก่บอสน้อยก็ได้อ่ะ ”

“ ไม่! ”

“ เจ้าหนี้หรือภรรยาว่ะโหดชะมัด ไม่น่าให้มาเก็บหนี้แทนเล้ยยย! ”

“ บ่นอะไร! ”

“ ไหน ใครบ่น ไม่มี๊..ไม่มี   บอส~ ให้พี่นอนด้วยนะ สัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่ซน แค่ให้พี่.. ”

“ ไม่! ”

“ #@$%@^%& ”

“ ไม่!! ”




" คุณหญิงจะไปไหน ทานข้าวให้หมดก่อนสิ "

" จะไปดูตาปูนหน่อยน่ะคุณ ไม่รู้ว่าโวยวายอะไรอยู่ข้างบน "

" ไม่ต้องไปหรอกค่ะแม่ ปันว่าก็คงไปทำอะไรให้พี่บอสไม่พอใจ เลยโดนไล่มานอนนอกห้องเหมือนเดิมนั่นแหละ กินข้าวต่อเถอะค่ะ มาปีใหม่กินน่องไก่มั้ยเดี๋ยวป้อน "

" โฮ่งๆ "

“ ไม่ไหวเลยลูกคนนี้ ตั้งแต่ได้แต่งงานอยู่กินกับตาปูนมา ก็เอาแต่ข่มผัวไม่เป็นเว้นแต่ละวัน สงสัยวันนี้ผมต้องเรียกมาอบรมสักหน่อยแล้ว ไม่ต้องห่วงนะครับคุณหญิง คุณนิธิศ ”

“ พอเลยป๊า นั่งๆ เรื่องของผัวเมียปล่อยให้เขาจัดการกันเองเถอะ ”

“ เหอะ แกก็รู้นี่ว่าปล่อยให้ 2 คนนั้นจัดการกันเองแล้วเป็นยังไง เสียงดังทั่วบ้านทำเอาคนอื่นไม่ต้องหลับต้องนอนกันทั้งคืน ”

คำพูดของยงยศเรียกเสียงหัวเราะร่วนให้กับสมาชิกทุกคนในบ้าน ยามนึกภาพตามถึงเสียง(ครวญ)ครางของหนุ่มน้อยหน้าหวานกับเสียงคำรามของบุตรชายคนโตของตระกูลอภิมหาธนวัชร


ส่วนเรื่องราวความรักของ(อดีต)เจ้าหนี้และ(ว่าที่)เจ้าหนี้คนใหม่ก็เป็นไปแบบที่เรียกว่าดุเด็ดเผ็ดมันส์ เมื่อภรรยาซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอดีตลูกหนี้ที่โดนทรมานได้ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งคนควบคุมเงินและมีอำนาจเหนือสามี มีหรือที่สามีผู้อาภัพจะกล้าหือ นอกจากจะก้มหน้ารับชะตาชีวิตกันไปแบบแสบๆ คันๆ (เพราะต้องนอนเกาแผลยุงกัด) แต่ก็มันส์ทุกคืน
 


...อย่าให้พี่เข้าห้องไปได้นะบอส จะเอาให้เดินไปเก็บหนี้ไม่ได้ทั้งอาทิตย์เลยคอยดู! หึหึ ~



The End



จากใจนักเขียนตัวเล็กๆ ?

จบแย้ววว~~~~~~~~  ไม่อยากจะเชื่อว่าจะแต่งมาได้จนจบ ><

นี่เป็นนิยายเรื่องที่ 3 ที่แต่งแนว ชxช แต่เป็นเรื่องที่ 2 ที่แต่งจนจบ

ความจริงที่มาของนิยายเป็นความไม่ได้ตั้งใจแบบสุดๆ

เพราะตอนที่เรากำลังแต่งนิยายอีกเรื่องเราเกิด 'ตัน!'

ก็เลยมาเขียนอะไรเล่นๆ แก้เครียดๆ สรุปว่าไปๆ มาๆ เราดันติดแต่งนิยายเรื่องนี้งอมแงม

และในที่สุดเราก็ทำได้ เราแต่งจนจบ แถมมีคนอ่านด้วย น้ำตาจะไหล :katai2-1:

นิยายเรื่องนี้อาจจะมีข้อผิดผลาดอยู่ไม่น้อย แต่ทุกอักษรที่เราพิมพ์ไปก็เต็มไปด้วยความตั้งใจของเราทั้งสิ้น

หากไม่มีคนอ่านที่น่ารัก ตลอดจนเพื่อนๆ ทุกคนของเราที่คอยให้กำลังใจและให้คำแนะนำ

เราก็คงไม่มีวันนี้ ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ

เราไม่รู้จะตอบแทนยังไง นอกจากจะพัฒนาฝีมือการแต่งของตัวเองให้ดีกว่านี้

เพื่อที่จะให้คนอ่านได้ยิ้ม ได้หัวเราะตามเวลาได้อ่านนิยายของเรา


ติดตามผลงานเราต่อไปนะ อย่าเพิ่งชิ่งหนีกันไปก่อน  :hao5:

และเราจะกลับมา รักคนอ่านทุกคนค่ะ  :mew1:

- Blueniie -

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
เย้ๆๆๆๆ
happy แล้วววว
แต่งงานแต่งงาน
เข้าหอเข้าหอ
 :z1: :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
 :laugh: :laugh: ตาคุณปูนเกลียมัว ฮ่าๆๆ แต่มันกลัวไม่จริงนี่หว่า
มีขู่ด้วยว่าจะเอาให้เดินไปเก็บหนี้ไม่ได้เป็นอาทิตย์  :hao6:
 :katai1: เค้าอยากร่วมสังเกตการณ์นั้นด้วยคนจังเลย


ปล. ปูนนี่ตั้งแต่ได้บอสเป็นเมียสติพังลงทุกวัน
ปล.2 โอ้ย... :katai1:  :fire: o9 โอ้ยอิจฉาบอส
ปล.3 ขอบคุณผู้เขียนครับสนุกมากเลย  :กอด1: :L2: :L1: :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
กรี๊ดกร๊าด จบแบบเอาฮาอ่ะ  :laugh:
ขอตอนพิเศษด้วยได้ป่าวคะคนแต่งจ๋า  :กอด1:

ออฟไลน์ love AJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
กว่าจะจบได้เล่าเอาดราม่านำ้ตาคลอกันไป สนุกจริงๆขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
จบแว้วววววว เย่ๆๆๆ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
มีความสุขกันถ้วนหน้าสักทีนะค้าา..^^

ว่าแต่..คุณปูนน่าสงสารจังนะคะ :laugh:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


ผู้ชายเกลียมัวน่ารักอ่ะ

ชอบๆๆ

ปูนจ๊ะ สู้ๆนะ(กับยุงน่ะ)

สมหวังแล้ว

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
บอสแต่งเข้าบ้านกลายเป็นศรีภริยาที่ดี
ส่วนซะมีพี่ปูนต้องเกียมัวน่ะถูกแล้ว 555
บวกและเป็ดขอบคุณ
 :mew1:

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
โว้ว จบแล้ว ขอบคุณที่แต่งให้อ่าน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด