วันรุ่งขึ้นศตคุณเดินทางไปขอทำพาสปอร์ตที่กระทรวงการต่างประเทศแต่เช้า ส่วนเควินมีเรียนที่โรงเรียนตามปกติ ทว่าดูท่าจะไม่ได้เรียนอย่างเป็นสุขสักเท่าไหร่ เพราะว่าเพื่อนตัวขาวส่งข้อความมาเป็นระยะๆ แทบจะทุกๆ สิบนาที เขารอจนถึงเวลาพักจึงรีบเข้าห้องน้ำไปอ่านดูข้อความ
ฉันทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ไม่ได้คิ้วหนาขมวดมุ่น พลางกดโทรศัพท์ออกไป “เฮ้ย ทำไมวะ!”
“...ฉันก็ไม่รู้ กระทรวงปฏิเสธที่จะออกพาสปอร์ตให้กับฉัน” ปลายสายตอบกลับมาเสียงสั่นพร่า
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ รออีกสามชั่วโมงได้มั้ย เลิกเรียนจะรีบไปหา!”
หลังเลิกเรียน เคนวินตรงไปหาเพื่อนรักของเขาทันที ขายาวก้าวฉับๆ ไปในตึกคอนโดมิเนียมอย่างคุ้นเคย แล้วใช้คีย์การ์ดที่ศตคุณให้ไว้เปิดประตูเข้าไปในห้อง
ศตคุณหมอบศีรษะอยู่บนฝาเปียโนสีขาว นัยน์ตากลมที่มองไปทางทีวีในห้องซึ่งเปิดค้างไว้ดูเหม่อลอย บนจอภาพเป็นคลิปวิดีโอเกี่ยวกับทะเลทรายที่เขาป้อนคำสั่งทิ้งไว้ให้คลิปเปิดวนไปวนมาไปเรื่อยๆ
“ไอ้คุณเอ๊ย เฮ้อ...” เควินเดินไปหยุดอยู่ข้างร่างโปร่ง แล้วลูบศีรษะเล็กเบาๆ
“ฉันไม่ได้ร้องไห้” เสียงที่เปล่งออกมาฟังดูอ่อนแรง แต่กลับไม่ได้แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยเหมือนเมื่อวาน
ผู้มาเยือนหันมองไปรอบๆ ห้อง หน้าต่างทุกบานมีผ้าม่านปิดไว้มิดชิด เครื่องทำความร้อนก็เปิดไว้แรงจนสุด เขาถอนหายใจเบาๆ ศตคุณคงจะเกลียดฤดูหนาวมากจริงๆ หากเขาก็เข้าใจเหตุผลดี... “ก็ดี... แล้ววันนี้เกิดไรขึ้นวะ มีด้วยเหรอวะ กระทรวงไม่รับทำพาสปอร์ต”
“เขาว่า... ฉันมีชื่ออยู่ในลิสต์ที่ห้ามออกพาสปอร์ตให้ชั่วคราว”
“...ลิสต์?”
“อับบาคงกลัวว่าฉันจะไปหาเขา...”
“นายคิดว่านี่เป็นฝีมือของอับบานายเหรอ... ถ้าเป็นจริง เขา... ก็ใจร้ายมากเลยนะ”
ศตคุณหัวเราะขื่นๆ ในลำคอ “...นั่นสินะ... เขาคงมีเงินทองเหลือใช้ พอที่จะซื้อชีวิตใครต่อใครไว้เป็นของดูเล่นได้”
“แล้วนายจะเอาไงต่อไป” เควินทิ้งตัวลงนั่งตรงที่ว่างข้างๆ กัน
“...ฉัน... ไม่ว่ายังไง... ก็ต้องไปที่นั่นให้ได้ ฉันจะต้องพูดกับเขา... ฉันจะไม่ยอมเป็นของเล่นให้ใครอีกแล้ว”
“อือ...”
“นายต้องช่วยฉันนะ”
“ช่วยยังไง”
“ฉันจะทำพาสปอร์ตปลอม”
เควินมองลึกเข้าไปในดวงตาสีอ่อนที่ฉายแววจริงจัง “เอาจริง?... ถ้าอย่างนั้น ร้านอาหารที่ฉันทำงานพิเศษอยู่อาจจะพอมีใครช่วยนายได้”
“ขอบใจนะเควิน... กินอะไรมารึยังล่ะ คืนนี้ค้างที่นี่มั้ย”
เด็กหนุ่มรู้สึกสงสารและเห็นใจเพื่อนรัก เขาอยากจะอยู่เป็นเพื่อน แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะยังมีงานพิเศษที่ต้องไปทำ เขาไม่ได้มีเงินใช้เหลือเฟือ แล้วยังต้องเก็บเงินไว้สำหรับเรียนต่อ เควินลูบศีรษะเล็กเบาๆ แล้วเลื่อนลงมาบีบหัวไหล่ “โทษทีว่ะ เดี๋ยวต้องไปทำงาน”
ศตคุณพยักหน้า “อือ...”
หงอยอีกแล้ว... เควินเป็นห่วงเพื่อนรักของเขามากเหลือเกิน แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ “อย่าคิดมากน่ะ กินข้าวแล้วนอนซะ พรุ่งนี้ไปหาฉันที่โรงเรียนแล้วจะได้พานายไปที่ร้านอาหารที่ฉันทำงานพิเศษพร้อมกันเลย”
“อือ... แล้วเจอกันนะ”
..
....
..
ณ ร้านอาหารอิตาเลียนหรูหราในย่านเซนต์สเตฟานใจกลางกรุงเวียนนาเสียงไวโอลินบรรเลงเพลงแผ่วๆ เพื่อขับกล่อมแขกผู้มาเยี่ยมเยียนที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาอยู่ตลอดวัน ร้านอาหารแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อย เพราะอาหารที่มีคุณภาพและรสชาติอร่อย แถมยังตั้งอยู่ในทำเลดีเสียด้วย
เควินพาเพื่อนของเขาไปแนะนำให้กับเจ้าของร้านรู้จัก “เพื่อนผมครับ คนที่ผมเล่าให้ฟังบ่อยๆ”
“โอ้ ที่ว่าเป็นนักเปียโนใช่มั้ย อุ๊ยตายจริง! หน้าตาน่ารัก หน่วยก้านดี สนใจมาเล่นเปียโนให้กับร้านของน้ามั้ยจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนถามทีเล่นทีจริง
ดวงตากลมเบิกกว้าง “เอาสิครับ ผมอยากทำงานพิเศษ กำลังหาอยู่พอดีเลย”
“ฮะ” เควินหันขวับ ทำไมเขาไม่เคยได้ยินจากปากเพื่อนรักมาก่อนเลยล่ะเนี่ย?
แล้วศตคุณก็ได้งานทำอย่างง่ายดาย พร้อมค่าจ้างสมกับราคาค่าตัวของเขา แต่เพียงแค่สามชั่วโมงต่อวันเท่านั้น เด็กหนุ่มจึงเสนอขอทำงานเสิร์ฟอีกสองชั่วโมง แม้รายได้จะไม่มากเท่ากับการเล่นเปียโน แต่คนจนตรอกที่กำลังต้องการเงินอย่างเขา ก็พร้อมที่จะทำงานสุจริตทุกอย่าง
“นึกยังไงมาทำงานร้านอาหาร ฉันว่าถ้านายไปแสดงคอนเสิร์ต น่าจะได้รายได้ดีกว่าเยอะนะ”
“คอนเสิร์ตไม่ได้มีให้ไปเล่นบ่อยๆ นี่หว่า... แล้วเงินที่ฉันต้องใช้จ่ายค่าที่พัก ค่ากินค่าอยู่ ค่าทำพาสปอร์ตปลอม ค่าเดินทางก็ไม่ใช่น้อย”
“ค่าที่พัก?? ที่พักอะไรของนาย แล้วคอนโดฯ ล่ะ”
“เมื่อไหร่ที่ฉันได้เงินพอสำหรับเช่าห้องพักใหม่ ฉันจะย้ายออก... แล้วจะไม่กลับไปเหยียบที่นั่นอีก”
“เฮ้ย แล้วข้าวของของนาย เปียโนอีก”
“ฉันจะเอามาแค่สิ่งที่จำเป็น... ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนั้น ฉันจะคืนให้กับ... ชีคชารีฟ... ทั้งหมด ฉันจะไม่ใช้เงินของเขาอีกแม้แต่เซนต์เดียว” ...ร่างโปร่งไม่คิดจะเรียกอีกฝ่ายว่า อับบา ซึ่งแปลว่าบิดาอีกแล้ว
“คุณ...” เควินตกใจกับการตัดสินใจของศตคุณไม่น้อย เพราะเพื่อนเขาน่ะ มีคนดูแลเป็นอย่างดีมาตลอด ไม่เคยทำอะไรเองเลย เนื่องจากตามปกติแล้ว ที่คอนโดมิเนียมของศตคุณมีแม่บ้านมาทำความสะอาด ซักผ้ารีดผ้า และเตรียมอาหารเช้าเย็นให้เป็นประจำทุกวัน
ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง “ที่จริง ฉันก็มีเงินมรดกมากพอที่จะคืนให้กับชีคชารีฟเท่าที่เขาเคยจ่ายให้ฉันมา เมื่อได้พบเขา ฉันจะคืนเงินกับข้าวของทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รับมาให้กับเขา ถึงหลังจากนั้นฉันจะไม่มีอะไรเหลือติดตัวมากนักก็ตาม”
“แล้วนายจะไหวเหรอวะ...”
“ไหวสิ ทำงานเก็บเงินเอาใหม่ก็ได้ วันเสาร์อาทิตย์มีโบสถ์ชวนฉันไปเล่นคอนเสิร์ต เงินที่ได้จากค่าตั๋วก็แบ่งกันกับทางโบสถ์... วันธรรมดาฉันก็สอนเปียโนตามบ้าน ไปเล่นเปียโนที่ร้าน... ฉันน่าจะเก็บเงินได้สักก้อน พอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายกับค่าเดินทางไปดัมมัมได้สบายๆ”
“ทำไมไม่ไปเป็นครูที่โรงเรียนดนตรีที่นายจบมา ฉันว่าพวกเขาต้องยินดีต้อนรับนายอยู่แล้ว”
“ฉัน... อยากจะหนีไปให้พ้นจากที่เดิมๆ ละมั้ง” ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วถอนหายใจยาว “อ้อ! แล้วก็... ไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับไอด้านะ”
“นายกับไอด้า... เอ่อ...” เควินเองก็ไม่แน่ใจเรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนตนกับเด็กสาว แต่ก็เห็นคบหาสนิทสนมกันอยู่เป็นปีๆ
ศตคุณยิ้มบาง “ฉันรู้ว่าไอด้าชอบฉัน แต่คนอย่างฉัน... ก็ให้ได้แค่ความเอ็นดูเหมือนน้องสาว ฉันไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้เขาฟัง ถ้าจู่ๆ ฉันหายไป เขาคงตัดใจได้ แล้วจะได้พบกับคนอื่นที่ดีๆ สักที”
“ฮะ!”
“ถ้าหาฉันไม่เจอ เขาต้องมาถามนายแน่ๆ นายไม่ต้องบอกเขาว่าฉันย้ายไปอยู่ที่ไหน หรือทำอะไร...”
“นายใจร้ายไปหน่อยรึเปล่า คนรู้จักกันมาตั้งหลายปี... ไอด้าก็เป็นเหมือนเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง”
“เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ดีน่ะสิ ฉันถึงไม่อยากให้ยึดติดอยู่กับคนอย่างฉัน”
ศตคุณทำงานแบบไม่หยุดพักถึงหกเดือนเต็ม เงินที่เขาสั่งสมมาได้มีจำนวนมากกว่าที่คาดไว้ในคราวแรกไม่น้อย ด้วยความสามารถทางเปียโนของเขา ทำให้มีงานเข้ามาอยู่เรื่อยๆ บางทีก็มีคนจ้างไปแสดงตามงานแต่งงาน งานวันเกิด ไม่ว่าจะงานเล็กหรือใหญ่ขนาดไหน เขาไม่เคยเกี่ยงเลยสักงาน ส่งผลให้ชื่อเสียงในแง่ดีถูกบอกต่อไปเรื่อยแบบปากต่อปาก นับวันงานที่เข้ามาก็เพิ่มขึ้น มากมายจนเด็กหนุ่มต้องวิ่งรอกตลอดวัน ห้องพักขนาดเล็กที่เขาหาเช่าได้ เขาได้ใช้เพื่อพักผ่อนในยามค่ำคืนเท่านั้น
วันนี้ก็เหมือนทุกวัน ร่างโปร่งไปทำงานตามกำหนดการของตน หากเริ่มเอะใจ เมื่อเห็นชายวัยกลางคนหน้าเดิมๆ ในสถานที่หลายๆ แห่งที่ไปทำงาน ราวกับว่าสะกดรอยตามเขาอยู่อย่างนั้นล่ะ เขาสังเกตมาหลายสัปดาห์แล้ว
เย็นวันนั้น ศตคุณไปทำงานที่ร้านอาหารตามปกติ พอเควินซึ่งอยู่ที่นั่นก่อนแล้วเห็นเข้าก็เดินยิ้มร่าเข้าไปหา “เฮ้ย! ไอ้คุณ! ของที่นายอยากได้ ส่งมาถึงแล้วนะเว้ย!”
“เฮ้ย จริงอ้ะ ไหนเอามาดู”
ทั้งสองพากันเข้าไปในห้องพักของพนักงานในร้าน มือขาวรับซองสีน้ำตาลที่ปิดผนึกเป็นอย่างดีมาเปิดออก ของที่เขาอยากได้มากเหลือเกิน... พาสปอร์ตปลอมที่ใช้ชื่อจริงว่าจีรุฒน์... ชื่อของคุณลุงของตน
“เดี๋ยวไปขอบคุณคุณน้าเจ้าของร้านเค้าซะด้วย เพราะคุณน้ารู้จักกับพวกมาเฟียถึงได้ทำไอ้นี่มาให้นายได้ เหมือนของจริงเป๊ะเลยใช่มั้ยล่ะ”
“สุดยอดไปเลย” ศตคุณพยักหน้าหงึกหงัก แต่พอเควินเดินนำออกไป เขาก็คว้าข้อมือไว้ “เดี๋ยว! เควิน! ฉันคิดว่า ฉันกำลังถูกสะกดรอยตามอะ”
เควินหยุดกึก แล้วหันกลับไปสบสายตาตากับเพื่อนรัก “เฮ้ย... แน่ใจเหรอ”
“ฉันคิดว่าชีคชารีฟอาจเริ่มรู้ตัวแล้วว่าฉันวางแผนอะไรอยู่... แต่เขาไม่อยากพบฉันถึงขนาดนี้เลยเหรอ นี่ฉันจะเอาเงินไปคืนเขานะเว้ย หรือเพราะเงินเขามีมากจนเห็นว่าเงินที่ให้ฉันมามันเป็นแค่เศษเงินกัน”
“เฮ่ย... ใจเย็นก่อน” เควินตบหัวไหล่เล็กเบาๆ พลางกัดริมฝีปากครุ่นคิดอีกชั่วครู่ “ถ้าเป็นงั้นจริง... ฉันว่าไปปรึกษาคุณน้ากันดีกว่ามั้ย ไม่ต้องเล่าเรื่องละเอียดหมดหรอก เอาแค่คร่าวๆ คุณน้าแกรู้จักคนเยอะ คงช่วยอะไรได้มากโขอยู่”
เป็นอย่างที่เควินคิด หญิงวัยกลางคนผ่านเรื่องร้อนหนาวมาไม่น้อย แล้วเธอก็เห็นอกเห็นใจและเอ็นดูเด็กหนุ่มๆ มากเสียด้วย
“กะว่าจะเดินทางเมื่อไหร่ น้าว่าถ้าจะไม่ให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน คุณก็น่าจะเดินทางให้เร็วที่สุด แต่ว่า... เอ... ดัมมัมเหรอ... ถิ่นของพวกอาหรับน่ะ มันอันตรายนา คนอาหรับที่ดีก็มีอยู่ แต่พวกที่ใจคอโหดร้าย พวกกองโจรก่อการร้ายก็เยอะ แต่ละเมืองก็ฮึ่มๆ ใส่กันอยู่บ่อยๆ... น้าไม่อยากให้คุณไปเสี่ยงเลย”
“คุณน้าจะช่วยหรือจะขู่ไอ้คุณกันครับเนี่ย ดูสิ หน้าซีดหมดแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ผมแค่อยากไปพบ... คนคนหนึ่ง อยากเห็นทะเลทรายกับตาสักครั้ง แล้วก็จะกลับมาที่นี่ครับ”
หญิงวัยกลางคนถอนหายใจ แม้ไม่เห็นด้วยนัก หากเธอก็ยอมช่วย โดยออกความเห็นว่า ถ้าจะให้อีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทันหรือคาดไม่ถึง ศตคุณก็ควรจะเดินทางมันซะคืนนี้เลย เธอจัดการยกหูโทรศัพท์ไปหาคนรู้จักเพื่อติดต่อซื้อตั๋วเดินทาง สั่งให้เควินแอบไปเก็บข้าวของที่ห้องพักของศตคุณ แล้วพวกเขาจะไปพบกันที่สถานีรถไฟ เธอวางแผนให้ศตคุณเดินทางไปกับรถไฟความเร็วสูง ซึ่งวิ่งจากเวียนนาไปยังโรม และจากที่นั่นค่อยขึ้นเครื่องบินต่อไปยังดัมมัมอีกที
ศตคุณใจเต้นระส่ำ ทั้งกังวลและใจหาย หากนี่เป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจ เขาจำเป็นต้องได้พบกับคนที่เขาเคยเรียกว่าอับบาเพื่อที่จะได้คืนทุกสิ่งทุกอย่างที่ติดค้างไว้ แล้วเขาจะได้ก้าวเดินต่อไปได้โดยไม่ต้องย้อนกลับไปมองอดีตอีก ภาพทะเลทรายที่เขาจะได้ไปเห็นและสัมผัส จะเป็นความทรงจำเพียงสิ่งเดียวที่เขาใช้ยึดติดกับคำว่าครอบครัว... ครอบครัวที่มีเพียงบิดา มารดา และลุงจีรุฒน์เท่านั้น
หญิงเจ้าของร้านพาเด็กหนุ่มไปยังสถานีรถไฟอย่างเงียบๆ ไม่นานหลังจากที่พวกเขาไปถึง เควินก็ตามมาสมทบพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่
“ฉันเก็บใส่มาเท่าที่จะเก็บได้ ส่วนของที่เหลือ... เดี๋ยวจะเอาไปเก็บไว้ห้องฉัน แล้วค่อยแคนเซิลห้องพักละกัน”
ใบหน้าสวยพยักหน้าหงึกหงัก “ขอบใจ... แต่ไม่ต้องแคนเซิลห้องพักหรอก ฉันกะว่าจะไปแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น”
เควินกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะดึงเพื่อนรักเข้ามากอด... พอเอาเข้าจริงๆ เขาก็สังหรณ์ใจไม่ดีเลย เขาคิดถูกรึเปล่านะที่กระตุ้นให้ศตคุณทำแบบนี้ “ระวังตัวด้วยนะ”
กำมือขาวชกลงไปเบาๆ บนกล้ามท้องของอีกฝ่าย “เฮ้ย... ไม่ต้องทำท่าร่ำลาเหมือนฉันจะไปแล้วไปลับ!”
“...เออ กลับมาเมื่อไหร่ก็โทรบอก จะได้ไปรับ”
“อือ... ขอบใจนายมาก แล้วเจอกัน... อีกไม่นานฉันจะกลับมาเป็นคนใหม่... ที่เข้มแข็งกว่าเดิม”
เควินยิ้ม... ที่จริงสำหรับเขา คิดว่าศตคุณเองก็แข็งแกร่งไม่แพ้หินผาอยู่แล้ว “ใกล้เวลาละ”
ร่างโปร่งหันไปสวมกอดหญิงวัยกลางคนผู้ให้การช่วยเหลือ “ขอบคุณคุณน้ามากครับ”
“ระวังตัวดีๆ พวกชาวคนเมืองน้ำมัน รักใครก็รักจริง เกลียดใครก็เกลียดจริง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน บ้านเมืองของเขาต่างจากเรามาก อาจไม่ค่อยสงบ มีการรบราฆ่าฟันกันอยู่เรื่อย ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปเกี่ยวข้องมีเรื่องกับใคร อย่าไว้ใจใครนะคุณ”
ศีรษะเล็กพยักขึ้นลง “ครับ คุณน้าไม่ต้องห่วง ฝากเควินด้วยนะครับ”
เสียงประกาศของนายสถานีดังขึ้นแทรก รถไฟด่วนกำลังเข้าเทียบชานชาลาแล้ว ถึงเวลาที่ศตคุณต้องบอกลาจากบ้านเมืองที่เขาอยู่มาเกือบตลอดทั้งชีวิต ร่างโปร่งยกกระเป๋าเดินทางขึ้นเตรียมพร้อม เขาใช้มือข้างที่ว่างโบกลา แล้วก้าวขึ้นรถไฟไปโดยไม่หันกลับมาด้านหลังอีก
เด็กหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตามเลขที่นั่งบนตั๋วในมือของเขา พร้อมกับค้อมตัวลงต่ำแล้วยกสองมือขึ้นประกบใบหน้าอยู่สักพัก ก่อนจะเงยขึ้นมามองออกไปนอกหน้าต่าง ใบหน้าของเพื่อนรักดูเป็นกังวล เขายิ้มบางพลางโบกมือลาอยู่นาน จนรถไฟเคลื่อนออกจากชานชาลาไปช้าๆ ไม่นานก็ลับสายตาไป
“ศตคุณ... ขอให้ปลอดภัย ขอให้นายได้เจอกับเขา...” เควินพึมพำกับตัวเองเบาๆ
To be continuedพาน้องคุณมาส่งแล้วค่ะ แต่ยังส่งไม่ถึงมือพระเอก T^T แต่ตอนหน้าน้องคุณจะออกทะเลทรายไปตามหาหัวใจแล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และทุกกำลังใจนะคะ ฮัสกี้ดีใจมากเลยค่ะ ตกใจด้วย 55555 เปิดมาดูแล้วน้ำตาแทบจะไหล ฮือๆๆๆ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ
ขออนุญาตตอบข้อความสักเล็กน้อย ฮัสกี้อยากตอบทุกคนแต่กลัวว่าจะยาวไป ขอโทษด้วยนะคะ T^T
คุณWordslinger ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ จะพยายามให้มากขึ้นค่ะ
คุณfuku ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยชี้ที่ผิดให้ 55555555 เขินจุง ฮัสกี้แก้แล้วนะคะ /กราบรัวๆ
คุณB52 ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า มีให้กันทุกเรื่องทุกตอนเลย /ดึงเข้ามาจูบ
คุณsirin_chadada T^T ขออภัยที่ทำให้ผิดหวังเบาๆ อีกนานเลยค่ะกว่าน้องคุณจะได้เจอกับอับบา อดใจรออีกนิดดดดนะคะ
คุณaorpp ศตคุณ อ่านว่า สะ ตะ คุน เข้าใจถูกแล้วค่ะ ชื่อนี้แปลว่า ผู้มีความรู้ดีมาก ฮัสกี้เปิดหามาจากเว็บโหรดูดวงค่ะ 55555
คุณชัดเจนกาบ เรื่องนี้พระนายของเราหวานมากค่ะ จบแฮปปี้สุดๆ แน่นอน ไม่ต้องกังวลน้าhusky's page
ปล. ในเรื่องนี้ครอบครัวศตคุณย้ายมาอยู่ที่ออสเตรียเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นศตคุณจึงถือสัญชาติออสเตรียนะคะ เลยไปทำพาสปอร์ตที่กระทรวงค่ะ 