เสียงฝีเท้าสวบสาบที่ตรงเข้ามาทางตนทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก เขาเงยหน้าขึ้นมองชายร่างสูงในชุดดำที่ปิดหน้าตาไว้ด้วยผ้าคลุมสีดำผืนใหญ่ ราวกับบุรุษลึกลับแห่งราตรีกาล ดวงตาคมกริบดูน่ากลัว สะกดทุกสรรพสิ่งรอบกายให้หยุดนิ่ง เด็กหนุ่มรู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง ขยับไม่ได้แม้เพียงปลายนิ้ว เขานั่งค้างอยู่ในท่าเดิม จนกระทั่งถูกแรงกระชากบังคับให้ลุกขึ้น
“ยะ... อย่า! ปล่อย... ผมไปเถอะ!” น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาจากนัยน์ตาสีอ่อน รู้สึกกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ชะตากรรมของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป จะถูกพาตัวไปขายให้ใครที่ไหนอีกกันเล่านี่
ชายคนนั้นไม่ฟังเสียง เขาอุ้มศตคุณขึ้นพาดบ่า แล้วพาออกมาด้านนอกของกระโจม
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงปืนดังลั่นราวกับอยู่ชิดติดใบหู ศตคุณมั่นใจว่าเป็นฝีมือการยิงของผู้ชายชุดดำคนที่อุ้มเขาพาดบ่าอยู่แน่ๆ ร่างโปร่งบางยิ่งกลัวจนตัวสั่น “ฮือออ... ปล่อยผมไปเถอะ”
ระหว่างที่เอาแต่ร้องคร่ำครวญ เด็กหนุ่มรู้สึกถึงกระไอร้อนผ่าววูบวาบฉาบใบหน้าจนต้องหยุดชะงัก แล้วปรือตาขึ้นมอง เขาจึงเห็นว่ากระโจมอื่นๆ รวมทั้งกระโจมที่เขาเพิ่งจากออกมากำลังถูกไฟลุกโชนแผดเผา พอก้มหน้าลงมองพื้น ตามทางซึ่งคนที่อุ้มเขาเดินไปมีพวกลูกน้องของคนที่ซื้อตนเองมานอนตายระเกะระกะ
แกว๊กกกก....
เหยี่ยวตัวเขื่องที่บินอยู่เหนือบริเวณนั้นแผดเสียงร้องลั่น ก่อนจะร่อนลงมาเกาะบนที่รองไหล่ซึ่งทำจากหนังสัตว์บนไหล่อีกข้างที่ว่างของชายชุดดำด้วยความเร็วสูง ตัวของมันเป็นสีน้ำตาลแต่ตรงท้องเป็นสีขาว จะงอยปากงุ้มคมกริบ ท่วงท่าของมันดูสง่างามราวกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งทะเลทราย
แกว๊กกกก....
“ฮือออ...” ศตคุณหลับตาปี๋ด้วยความกลัว แต่แล้วคนที่อุ้มเขาอยู่บนไหล่ก็ค่อยๆ วางตัวเขาลงกับพื้น
เมื่อเท้าสัมผัสกับพื้นทรายนุ่ม ดวงตากลมจึงลืมขึ้นมองทีละข้างอย่างกล้าๆ กลัวๆ คนตรงหน้าตัวสูงใหญ่กว่าเขามาก ดวงตาดุดันไม่ต่างกับเหยี่ยวบนหัวไหล่ ทว่ายังไม่ทันหายใจหายคอได้สะดวก อีกฝ่ายก็ยกปืนในมือขึ้นพร้อมกับเล็งมาทางตน
เปรี้ยง!
“ว้ากกกก!!” รู้สึกราวกับลูกกระสุนวิ่งตัดสายลมเฉียดพวงแก้มไปเพียงเล็กน้อย ร่างโปร่งทรุดฮวบลงกับพื้น พร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหู ตัวเขาสั่นสะท้าน ดูบอบบางและน่าสงสาร ทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่คนอ่อนแอ ที่ผ่านมาเคยร้องไห้นั้นนับครั้งได้ หากตั้งแต่เดินทางมาถึงดินแดนทะเลทรายแห่งนี้ เขาก็มีเรื่องให้ร้องไห้ได้ทุกวัน วันละหลายๆ รอบเสียด้วย
พอได้ยินเสียงฝ่าเท้าสวบสาบเดินห่างออกไป เด็กหนุ่มก็ค่อยๆ เปิดตาขึ้นดู แล้วหันขวับไปด้านหลังเตรียมออกวิ่ง แต่ศพลูกน้องของผู้ชายที่ซื้อเขามาซึ่งยังกำมีดยาวไว้ในมือแน่น นอนจมกองเลือดอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ก้าวเดียว ทำให้ศตคุณหยุดชะงัก หันรีหันขวางอย่างลังเล หรือว่า... ผู้ชายคนเมื่อกี้ ที่ยิงปืนนั่นเพื่อช่วยเขาอย่างนั้นหรือ... หากเขาจะหนีไปคนเดียวตอนนี้ แล้วถ้าดันไปเจอกับพวกลูกน้องของไอ้คนน่าขยะแขยงนั่นอีกล่ะ คราวนี้คงต้องถูกฆ่าฝังทะเลทรายแน่ๆ ความกลัวทำให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนใจ ขาเรียวพาเจ้าของวิ่งตามชายร่างสูงไป พลางเอื้อมมือไปยื้อผ้าคลุมสีดำเอาไว้
“เดี๋ยว เดี๋ยวครับ!”
ชายคนนั้นหยุดกึก แล้วหันกลับมาหาร่างโปร่ง ดวงตาคมกริบของเขาไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ให้ศตคุณคาดเดาได้
“เอ่อ... ได้โปรด... พาผมกลับไปดัมมัม... ได้โปรดเถอะครับ”
หากไม่มีคำตอบใดๆ จากอีกฝ่าย เขาหันหลังกลับ ดึงผ้าคลุมออกจากมือขาว แล้วเดินออกไป
ศตคุณยืนนิ่ง เขาไม่รู้จะทำอย่างไร หากต้องใช้ชีวิต เอาตัวรอดคนเดียวในทะเลทราย วันเดียวเขาก็คงไม่รอดแน่ เด็กหนุ่มจึงเดินตามหลังชายในชุดดำคนนั้นไปเรื่อยๆ
“คุณจะไปไหนเหรอครับ... กรุณา... ให้ผมไปด้วยเถอะนะครับ”
ชายร่างสูงหันกลับมาทางที่ศตคุณยืนอยู่อีกครั้ง จากนั้นก็เดินตรงไปยังคอกเลี้ยงสัตว์ ส่วนเจ้านกตัวโตบนไหล่นั้นเกาะอยู่นิ่งราวกับรูปปั้น
ระหว่างทางที่ศตคุณเดินผ่านมีร่างไร้ชีวิตนอนเกลื่อนกลาด ส่งกลิ่นเลือดเหม็นคาวไปทั่ว จนเขาต้องยกแขนขึ้นกอดลำตัวด้วยความกลัว นี่คือฝีมือของผู้ชายคนเดียวอย่างนั้นหรือ ไม่น่าเป็นไปได้เลย แล้วพวกผู้หญิงที่เขาเห็นเมื่อก่อนหน้าล่ะ ก็ถูกฆ่าหมดเลยรึไงนี่ ถ้าผู้ชายตรงหน้าใจคอโหดเหี้ยมขนาดนี้ เขาคิดถูกแล้วหรือที่จะขอให้ช่วยเหลือ
ไม่นานนักชายในชุดดำก็เลือกอูฐตัวโต โหนกใหญ่แข็งและท่าทางสมบูรณ์แข็งแรงจำนวนห้าตัวออกมาจากในฝูง เพราะการเดินทางไกลในทะเลทรายจำต้องมีอูฐสมบูรณ์หลายตัวไว้ผลัดเปลี่ยนหน้าที่กัน อูฐส่วนหนึ่งใช้แบกข้าวของ ร่างสูงจัดของใช้จำเป็นใส่กระเป๋าหนังที่ห้อยแนบลำตัวอูฐทั้งสองข้าง ซึ่งประกอบไปด้วย ตะเกียง พรม ผ้าใยสังเคราะห์ผืนหนากันแดดได้ดีแต่มีน้ำหนักเบา ด้านนอกสีขาวไว้สะท้อนกับแสงแดด ส่วนด้านในสีดำเพื่อรักษาอุณหภูมิภายใน พร้อมขาตั้งสำหรับทำกระโจมขนาดเล็ก กับอาหารแห้งและน้ำซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตในทะเลทราย อูฐอีกสองตัวที่เหลือใช้เป็นพาหนะ เขาเอาแคร่สำหรับนั่งผูกไว้บนหลังโหนกอูฐ เสร็จแล้วจึงคล้องเชือกของอูฐทั้งห้าตัวไว้ด้วยกัน จากนั้นก็เดินมาหาศตคุณ พร้อมทำท่าบุ้ยใบ้ให้ขึ้นหลังอูฐไป
“ผะ... ผม... ผมขี่อูฐไม่เป็นหรอกครับ”
อีกฝ่ายแลดูจะไม่สนใจ พอเขาออกคำสั่งเป็นภาษาอาหรับ เจ้าสัตว์พาหนะตัวโตก็นั่งลง มือใหญ่ดันหลังให้ศตคุณปีนขึ้นไปบนที่นั่งบนหลังอูฐ
“คุณครับ ผมไม่เคยขี่อูฐ ผมกลัว มันสูงนะครับ” เด็กหนุ่มพูดเสียงสั่น พอปีนขึ้นไปนั่งก็คว้าข้อมือของชายชุดดำเอาไว้แน่น
มือกร้านจับมือขาวออกแล้วเอาไปวางบนแท่งโลหะสำหรับใช้จับยึดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคร่บนหลังอูฐ ก่อนออกคำสั่งกับอูฐให้มันยืนขึ้น
ร่างโปร่งบางโคลงเคลง สูงก็สูง รู้สึกไม่มั่นคงเอาเสียเลย อูฐยังไม่ทันจะออกเดิน เขาก็รู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะร่วงจากหลังอูฐเสียแล้ว เด็กหนุ่มโน้มตัวลงกอดลำตัวเจ้าอูฐไว้แน่น ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ริมฝีปากเม้มแน่นราวกับจะห้ามไม่ให้ตนเองส่งเสียงใดๆ ออกมา มือขาวขยุ้มไปบนขนอูฐ ทว่าไม่นานความอดทนก็ขาดสะบั้นลง ศตคุณร้องไห้ออกมาเสียงลั่น “ว้าก! ไม่เอาแล้ว! ปล่อยผมลง ฮือ...”
อีกฝ่ายถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าไปมา เขาสั่งให้อูฐนั่งลง ทว่าเพียงแค่อูฐย่อเข่า คนบนหลังก็เสียการทรงตัว ด้วยความตกใจเด็กหนุ่มจึงกระโจนใส่เขาสุดแรง จนทั้งสองคนล้มลงไปกองบนพื้นทรายด้วยกันทั้งคู่
แกว๊กกกก... เจ้าเหยี่ยวเองก็ตกใจจนต้องบินหนี
“ฮือ ไม่เอาแล้ว น่ากลัว ผมต้องตกลงมาคอหักตายแน่” แขนเรียวโอบร่างสูงแน่นด้วยความกลัว พร้อมกับสะอึกสะอื้นจนตัวโยน
“เฮ้อ...” ชายชุดดำพ่นลมหายใจออกหนักๆ อีกครั้ง เขาปล่อยให้ร่างโปร่งนั่งร้องห่มร้องไห้ไปบนตัวเขาจนพอใจ
เมื่อรู้สึกว่าปลอดภัยและไม่เจ็บปวดตรงไหน ศตคุณจึงได้สติกลับคืนมาทีละน้อย เขาค่อยๆ ผละออกจากคนที่ตนโอบรัด แล้วพบว่านั่งทับอยู่บนลำตัวของอีกฝ่าย
“อ๊า! ขอโทษครับ!” ร่างโปร่งผลุนผลันพลิกตัวออก ไม่ทันระวังว่ามือขาวเกี่ยวเอาผ้าสีดำที่อีกฝ่ายใช้คลุมหน้าหลุดติดมือมาด้วย
ใบหน้าสีน้ำผึ้งคร้ามแดดมีหนวดเคราปกคลุม หากดูไม่รุงรังเหมือนชาวอาหรับทั่วไป ผมเผ้าตัดเป็นทรงจนดูไม่เหมือนคนที่อยู่ในทะเลทรายเท่าไรนัก หากดวงตาสีเข้มล้ำลึกฉายแววแข็งกระด้างดลใจให้ศตคุณนึกไปถึงซีรี่ส์ฆาตกรรม ที่ว่าถ้าเห็นหน้าคนร้ายเข้าจะต้องถูกฆ่าปิดปาก เขาจึงก้มหน้าหลุบต่ำ พลางละล่ำละลักขอโทษ “อะ... ผมขอโทษ ผมไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ นะครับ อย่าทำอะไรผมเลย”
ร่างสูงไม่พูดอะไร หากลุกขึ้นยืน เขาเดินไปหยิบถุงใส่ขนมปังแห้งๆ และถุงน้ำใส่กระเป๋าหนังเพิ่มอีกใบ แล้วนำมาจัดวางบนหลังอูฐ มือใหญ่หยิบผ้าคลุมผืนใหม่ออกมาคลุมใบหน้าและร่างกายจนเหลือเพียงแค่ดวงตาเท่านั้น จากนั้นก็ดึงผ้าสีดำผืนใหญ่ที่อยู่ในมือศตคุณขึ้นมาพันรอบศีรษะเล็ก ปิดหมดจนเหลือแต่ดวงตา แล้วทำท่าทางบอกให้ศตคุณขึ้นไปบนหลังอูฐตัวเดียวกันกับเขา
“ไม่! อย่าให้ผมขึ้นไปอีกเลยนะครับ!” เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ยื้อแขนที่ผลักเขาขึ้นไปนั่งเป็นพัลวัน
“#+*$=%?T&Z“$#§“%!!!” ชายหนุ่มดุเสียงเข้ม มือหยาบดึงแขนเรียวเป็นเชิงบังคับให้ขึ้นไปนั่งบนหลังอูฐอีกครั้ง
ศตคุณสะดุ้งด้วยความกลัว ตอนนี้เขาเองก็แยกไม่ออกเช่นกัน ว่าระหว่างการปีนขึ้นหลังอูฐกับผู้ชายตรงหน้านี่อะไรจะน่ากลัวกว่า แต่ก็ยอมปีนขึ้นไปนั่งหน้าซีดบนเบาะหลังอูฐโดยดี
“คะ... คุณ... จะไม่เอาผมไปขายใครใช่มั้ยครับ จะพาผมไปดัมมัมใช่มั้ยครับ...”
ร่างสูงไม่ตอบ เขาก้าวขึ้นมานั่งด้านหลังของเด็กหนุ่ม ขายาวเตะสีข้างของเจ้าอูฐเบาๆ ให้มันยืนขึ้น ในมือข้างหนึ่งของเขามีไม้สำหรับใช้ตีไปเบาๆ บนคออูฐเพื่อออกคำสั่งให้มันเดินออกไปจากที่ตรงนั้น
แกว๊กกก... เจ้านกเหยี่ยวกางปีกกว้าง แล้วโผบินไปในท้องฟ้าสีดำสนิท จนดูราวกับว่ามันจะเป็นผู้นำทางให้เจ้านาย
“อ๊ะ อ๊า!” ร่างโปร่งโคลงเคลงไปตามจังหวะการเดินของอูฐ เขาเอนหลังไปกระแทกแผ่นอกของคนที่อยู่ข้างหลังหลายต่อหลายครั้ง “ขอโทษครับ”
ท่อนแขนแกร่งข้างหนึ่งสอดเข้าไปโอบเอวบาง แล้วกอดแนบกายกำยำไว้แน่นเพื่อช่วยให้เด็กหนุ่มรู้สึกมั่นคงขึ้น
“คุณ! จะทำอะไร!” ศตคุณสะดุ้งเฮือก
“§$&?#)%$/&+#$/)“$?!!!” ชายหนุ่มส่งเสียงดุกลับมาทำให้ร่างโปร่งปิดปากสนิท เขาชี้บอกให้เด็กหนุ่มหันมองทางเบื้องหน้า
“ขะ... ขอโทษครับ”
เพราะความกลัวเด็กหนุ่มจึงไม่กล้าโต้เถียงอะไร ในคราวแรกเขาก็นั่งตัวเกร็งแข็ง ทว่าหลังผ่านสักพักก็เริ่มปรับตัวได้ ความกลัวจางหายไปทีละน้อย หากมีความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ หัวใจดวงน้อยกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กตัวน้อยๆ ในอ้อมแขนแข็งแรง ปลอดภัยและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
...เขาคงไม่ถูกผู้ชายคนนี้พาไปขายหรอกมั้ง ก็คนคนนี้ ช่วยเขาไว้ไม่ให้ถูกทำร้ายไม่ใช่หรือ
“แล้ว... แล้วก็... ขะ... ขอบคุณ... นะครับ” ศตคุณเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับร่างสูงทีละน้อย ถึงจะท่าทางดูน่ากลัวโหดร้าย แต่อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็มาช่วยเขา แล้วก็ไม่ใจร้ายทิ้งให้เขาอดตายกลางทะเลทรายล่ะ
อูฐตัวเขื่องทั้งห้าตัวเยื้องย่างไปบนผืนทรายในทะเลทรายกว้างใหญ่ ดวงจันทร์เสี้ยวส่องแสงสีนวลอวดผืนทราย ดวงดาวที่สุกกระจ่างเต็มท้องฟ้าช่วยทำหน้าที่นำทางให้แก่ผู้คนในทะเลทรายมาเนิ่นนาน
“เราจะไปไหนกันเหรอครับ ไปดัมมัมใช่มั้ย”
“§P)%%=&“/§!#+!§“%” เสียงทุ้มตอบกลับมาเป็นภาษาอาหรับที่ร่างโปร่งฟังไม่เข้าใจ
...คุยกันไม่รู้เรื่อง คนคนนี้ฟังภาษาที่เขาพูดออกมั้ยก็ไม่รู้ ส่วนเขาเองก็ไม่มีความรู้ทางภาษาอาหรับเลยสักนิด แล้วจะสื่อสารกันยังไงล่ะนี่ เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ อย่างรู้สึกปลง เขาเหนื่อยมากจนไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว
...ช่างเถอะ อะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิด ปล่อยให้โชคชะตานำพาเขาไปก็แล้วกัน
To be continued~*
หลังจากที่โชคชะตาพาไปตกระกำลำบาก น้องคุณของฮัสกี้(?)ก็ได้พบกับฮีโร่ซะที แต่คุยกันไม่รู้เรื่องจะไหวมั้ยเนี่ย 5555 แล้วฮีโร่คนนี้จะรู้จักกับอับบา หรือมีอะไรเกี่ยวข้องกันมั้ยเนี่ย
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาอ่าน ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์นะคะ 
Happy New Year 2015 ล่วงหน้ากับทุกคนเลยค่ะ ขอให้มีความสุข สมหวังโดยทั่วกันเลยน้า 
แล้วพบกันที่เพจค่ะ
husky's page