ตอนที่ 24 ตอนรู้สึกตัวผมก็มาอยู่ที่บ้านซะแล้ว
“แทน”
นั่นคือคำแรกที่ออกมาจากปากของผม ผมตัดสินใจลุกขึ้นมาทันทีโดยไม่สนใจอะไรในสิ่งรอบข้างทั้งนั้น มีมือมีหนึ่งมาจับตัวผมเอาไว้
ไอ้แจง
“มึงมาได้ยังไงวะ” ผมพูด “ปล่อยกูเลย กูจะไปหาแทน”
“เดี๋ยวดิ” แจงร้องห้าม “สภาพร่างกายมึงไหวแล้วเหรอวะ”
“กูไหว” ผมสะบัดมือมันออก “แทนอยู่ไหน อยู่บ้านหรือเปล่า”
แจงถอนหายใจยาวๆ “ไม่ว่ะ”
ผมรู้สึกใจแป้ว ผมยังไม่ได้เจอแทนเลยนับตั้งแต่ตอนที่ผมถูกใครไม่รู้มาปิดหน้าปิดตาผมไว้ เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าผมได้รับอันตรายแบบนั้น แล้วแทนล่ะ? แทนจะได้รับอันตรายอะไรแบบผมหรือเปล่า
“เขาไม่เป็นไรใช่มั้ยวะ!”
“มึงนี่ยิงคำถามเก่งจังเลยนะ”
“เชี่ยแจง กูจริงจัง” ผมพยายามทำให้มันรู้สึกตามไปกับผม
“พี่แทนเขาไม่เป็นไรหรอก!” แจงเสียงดังตามผม “แต่ตอนนี้เขาบอกกูว่าเขายังไม่อยากเจอมึง เขาบอกกูแค่นั้น”
“หะ...ว่าไงนะ” ให้ตายเถอะ ทำไมผมรู้สึกเจ็บชะมัด ผมรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก
ที่ผมทำไปน่ะ...มันผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ
“มึงใจเย็น” แจงค่อยๆ ปลอบผม “ยังไม่อยากเจอ แปลว่าอาจจะอยากเจอในไม่ช้า เขาเป็นห่วงมึงเขาถึงโทรบอกให้กูมาดูมึงแทนเขาเนี่ย”
“เขาโกรธกูมากเลยใช่มั้ย”
“มึงมันไม่ชัดเจนแต่แรกเอง”
“กูว่ากูชัดนะ” ผมเอาสองมือมากุมขมับอย่างวิตกกังวล “...แต่คงส่งไปไม่ถึงแทนว่ะ”
“แปลว่ามึงยังชัดไม่พอไงคะ”
“…”
“มึงจะรอให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลายก่อนหรือไงถึงจะบอกรักพี่รหัสกู กูรู้มึงคงคิดในใจแน่ๆ ว่ายังไงซะพี่รหัสกูก็หนีมึงไม่พ้น แต่เชื่อกูนะทัพ มึงทำในสิ่งที่ใจมึงบอกจะดีกว่า แล้วเวลาจะทำนะ ทำให้แม่งชัดๆ ไปเลย”
“…”
“บางทีพี่แทนก็ซื่อบื้อไง ยิ่งเจอเหตุการณ์ที่มึงเลือกพี่กายแทนที่จะเลือกเขา พี่แทนก็ยิ่งคิดหนักไปกันใหญ่”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่... “เฮ้อ กูผิดเอง กูนี่แหละผิดเอง” ผมพูดอย่างเหน็ดเหนื่อย “ว่าแต่เขาไม่เป็นไรจริงๆ ใช่มั้ย”
“ไม่เป็นไร ก็ยังหล่อดีเหมือนเดิม”
“กูควรทำไงดีวะแจง”
“อ้าวไอ้นี่...ง้อสิวะ...คนอย่างพี่แทนน่ะง้อไม่ยากหรอกเว้ย แก้ผ้าให้พี่มันดู เดี๋ยวพี่มันก็ใจอ่อน กูรู้ กูอ่านมาเยอะ เมะเคะพวกเนี้ย”
“อะไรนะ” ผมทำหน้างง
“ช่างมึงเถอะ” แจงตัดบท “เอาเป็นว่านับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป มึงต้องตามหาพี่แทน ตามง้อเขา ทำเชี่ยอะไรก็ได้ที่มึงกับพี่แทนจะได้เป็นแฟนกัน”
“…”
“เพราะกูเหนื่อยที่จะลุ้นแล้ว!”
“ทำยังไงล่ะ”
แจงเอานิ้วเล็กๆ ของมันจิ้มอกผม “ถามใจมึงดู...และมึงก็ทำตามใจของมึง แค่นั้นแหละค่ะ”
ผมมองใบหน้าที่มีความมั่นอกมั่นใจของแจง แม้ว่าผมจะไม่ค่อยมีความมั่นใจสักเท่าไหร่
แทนทำเพื่อผมมามากมายเท่าไหร่แล้ว
แค่นี้ทำไมผมจะทำเพื่อแทนบ้างไม่ได้
ผมจะง้อเขาเอง...
แทนคุณไม่ได้มหาลัย
แม้ว่าร่างกายจะอ่อนเพลียอยู่มาก ผมก็ยังฝืนสังขารมาที่มหาวิทยาลัยตัวเองในวันต่อมา ผมเดินไปหาพวกพี่ปีสามสลับกับเดินไปเรียนกับพวกปีหนึ่ง ไม่มีแม้แต่เงาของแทน
“โห น้องทัพขยันจัง มาหาพวกพี่เหรอ” พี่ต้นพูดติดตลก เมื่อเห็นผมเป็นครั้งที่ห้าของวัน
“แทน...”
“ยังไม่มาครับ” พี่เจตน์ตอบในสิ่งที่ผมกำลังจะถาม ผมทำหน้าตาละห้อย นี่มันก็เลิกเรียนแล้วด้วย ทำไมไม่ยอมมาเรียนนะ
“ไม่ได้ข่าวอะไรบ้างเลยเหรอครับ”
พี่เจตน์ พี่ต้น และก็พี่พีททุกคนพร้อมใจกันส่ายหน้าให้ผม ในจังหวะนั้นเองที่ผมเห็นเจ๊อิงเดินผ่านผม เธอไม่ได้มองหน้าอะไรผม ทำตัวเหมือนผมเป็นอากาศธาตุสำหรับเธอ
ผมกำลังจะก้าวไปถามเจ๊เขาให้รู้เรื่องว่าที่แทนหายไปน่ะเกี่ยวกับเจ๊เขาหรือเปล่า แต่พี่เจตน์กลับดึงผมเอาไว้
“ไม่เกี่ยวกับอิงแล้วล่ะ” พี่เจตน์กระซิบ “อิงกับจูนน่ะ...น่าจะจบแล้ว”
แม้จะพูดออกมาแบบนั้น แต่ผมก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี
“แล้วผมควรจะไปหาเขาที่ไหนดีล่ะครับ บ้านเขาก็ไม่กลับ โทรศัพท์ก็ไม่ยอมเปิดเครื่องสักที ไลน์ก็ไม่ยอมอ่านด้วย”
ผมพูดอย่างจนตรอก พี่ทั้งสามมองหน้าผมอย่างสงสาร แต่พี่เขาก็ช่วยเหลืออะไรผมไม่ได้เลย
“น้องทัพต้องพยายามมากกว่านี้แล้วล่ะ” พี่พีทช่วยให้กำลังใจ “ไอ้แทนมันก็งี้ เวลาโกรธน่ะหายไม่ค่อยง่ายเท่าไหร่หรอก”
รู้สึกอยากจะบ้าตายขึ้นมาจริงๆ
“เอางี้ เดี๋ยวพี่ให้ที่อยู่บริษัทลูกค้าของมันที่มันไปฝึกงานอยู่ตอนนี้ โอเคมั้ย”
ผมหูผึ่งขึ้นมาทันทีกับข้อเสนอของพี่เจตน์
“แต่ให้สัญญากับพี่มาก่อน”
“สัญญาว่า...”
“จะรักและก็อยู่กับไอ้แทนตลอดไป”
“สบายอยู่แล้ว ไหนอ่ะ” ผมยื่นมือมาขอที่อยู่กับพี่เจตน์ พี่ทั้งสามดูอึ้งและก็ตลกขบขันกันมาก
“ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยเหรอครับน้องทัพ”
“ผมไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วครับ”
พวกเขามองผมอย่างเอ็นดู และแล้วพี่เจตน์ก็ส่งที่อยู่บริษัทหนึ่งมาให้ผมทางไลน์ บริษัทผลิตช็อคโกแลตที่ผมคุ้นหู
ถ้าไม่มาเรียน อย่างน้อยก็ต้องไปทำงานล่ะวะ
เอาล่ะ...ยังไงวันนี้ผมก็ต้องเจอแทนให้ได้!
ตึกสูงแห่งหนึ่ง
ผมกลืนน้ำลายดังเอื้อก แม้จะจำได้ว่าสมัยเด็กๆ ผมจะเข้าออกตึกแบบนี้บ่อยมากก็ตาม แต่การที่ไม่ได้สัมผัสมันมาอย่างเนิ่นนานหลายปีก็ทำเอาเข่าอ่อนเหมือนกัน ตึกที่แทนกำลังทำงานให้อยู่นั้นสูงซะจนผมมองแล้วยังปวดคอ จะว่าไปแทนก็มีความสามารถเหมือนกันนะ ถึงได้มาอยู่ในทีมการตลาดของบริษัทนี้ถึงแม้ว่าจะยังฝึกๆ อยู่ก็ตามทีเถอะ
ผมไม่รอช้า...ก้าวฉับๆ เข้าไปในตึกแห่งนี้เพื่อทำการตามหาบริษัทช็อคโกแลตที่แทนทำอยู่ทันที ด้วยหวังอย่างแน่วแน่ในใจว่าแทนจะต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ
“น้องคะ น้อง...”
“ครับ” ผมหันไปหาพี่ประชาสัมพันธ์ที่วิ่งมาเรียก
“ต้องแลกบัตรประชาชนก่อนนะคะ”
เออว่ะ ทำงานกันจริงจังดี ผมหยิบบัตรประชาชนของผมส่งให้เจ๊ประชาสัมพันธ์ เธอมองนามสกุลของผมและก็ทำตาโต
“คุณทัพไทย ไม่ทราบว่ามาหาฝ่ายบริหารคนไหนหรือเปล่าคะ”
ผมส่ายหน้าพรืด พร้อมกับโบกมือให้รัวๆ
“เปล่าครับเปล่า”
“ขอโทษที่ไม่ได้ทำการต้อนรับเป็นอย่างดีค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร” บารมีคุณเทวนพที่อยู่บนสวรรค์นี้ช่วยได้มากจริงๆ “ผมแค่ต้องการอยากรู้ฝ่ายการตลาดของบริษัทนี้น่ะครับ ผมมาหารุ่นพี่น่ะ” ผมแถไปเรื่อย เจ๊แกพยักหน้าอย่างขึงขังก่อนที่จะบอกผมเสียงจริงจังว่าฝ่ายการตลาดอยู่ชั้นไหน
ในที่สุดผมก็หาเจอ หลังจากที่เดินผ่านหนุ่มสาวออฟฟิศกันหลายคน ทุกคนมองผมอย่างสนอกสนใจ อาจจะนึกว่าผมเป็นเด็กฝึกงานก็ได้ ผมเดินผ่านตรอกซอกซอยโต๊ะสำนักงานที่มากมายและในที่สุดผมก็เห็นเงาของแทนอยู่ห้องประชุมแห่งหนึ่งที่เป็นกระจกรอบด้าน สามารถมองเห็นการประชุมข้างในได้
แทนกำลังพรีเซนต์อะไรบางอย่าง
ไม่รู้เพราะอะไรทำไมน้ำตาถึงมาปริ่มอยู่ขอบตาผมก็ไม่รู้แม้จะน้อยนิดก็ตาม แทนคือคนที่ผมทำผิดกับเขามามากและไม่ยอมบอกความรู้สึกจริงๆ ของผมออกไปสักที
แทนของผมคนนั้น...ดูเก่งมากๆ เลยครับ
เขาอธิบายอย่างแคล่วคล่องเรื่องพรีเซนเตอร์ที่พวกเขากำลังจะคัดเลือก (ผมยังจำไอ้คู่สวรรค์ฟ้าประทานที่ผมบังเอิญไปเจออยู่แม็คโดนัลด์ได้อยู่เลย) ดูเหมือนจะมีหลายคนมากๆ ที่เข้าตาแทน เข้าตาพี่ๆ ในที่ประชุม นอกจากจะพรีเซนต์พรีเซนเตอร์แล้ว แทนยังพรีเซนต์บรรจุภัณฑ์แบบพิเศษที่จะจำหน่ายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเดือนหน้านี้ด้วย
สุดยอด...
ผมเผลอเกาะขอบผนังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคนทั้งห้องประชุมก็หันมามองไอ้ตุ๊กแกเกาะกำแพงอย่างผมซะแล้ว ผมกลืนน้ำลาย จะอายมันก็อายอยู่หรอก แต่แค่แทนเห็นผม ผมก็ดีใจมากแล้ว
แทนทำหน้าเย็นชาใส่ผมทันที ในขณะที่คนอื่นกลับมองผมอย่างสนอกสนใจ
“รุ่นน้องน้องแทนเหรอ เข้ามาสิ” เจ๊คนที่น่าจะเป็นหัวหน้าเปิดประตูเชิญผมเข้าไป
“ไม่ใช่รุ่นน้องครับพี่พริก” เสียงแทนพูดขึ้นมาทำเอาผมชาไปทั้งหน้า
“อ้าว...แล้วเขาเป็นใครล่ะ”
แทนไม่ตอบอะไร เจ๊พริกก็ไม่กล้าที่จะเปิดประตูให้ผมเพราะกลัวความลับของบริษัทจะรั่วไหล ผมยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ข้างหน้าประตูอยู่นานมาก จนในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าเปิดประตูเข้าไปในห้องอีกครั้ง
ด้านได้อายอดเว้ย!
“สวัสดีครับ ผมเป็นเด็กฝึกงานคนใหม่ของทีมนี้ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ!”
ทุกคนนิ่งและเงียบฉี่...ผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงแอร์ในห้องนี้เลยทีเดียว
แทนทำปากกาที่เขียนไวท์บอร์ดตก ในขณะที่คนที่มาจากมอทัพไทยหลายคนกำลังมองหน้ากันอย่างงงๆ
ไม่มีใครอนุมัติ ผมนี่แหละจะอนุมัติตัวผมเอง
“เรื่องนี้คือยังไง” เจ๊พริกหันไปถามรุ่นพี่ของแทนอีกทีหนึ่ง คนที่ช่วยแนะนำแทนให้เข้ามาฝึกงานในทีมนี้
พี่คนนั้นมองหน้าไอ้แทน ก่อนที่สลับมามองหน้าผม
“คงใช่...มั้งครับ”
“เหรอ แล้วทำไมมาช้านัก เขาเริ่มงานกันไปเท่าไหร่แล้ว” เจ๊หัวหน้าสวดผมทันที ผมได้แต่ทำหน้าจ๋อยอยู่ตรงนั้น “ไปซื้อกาแฟข้างล่างให้หน่อย ท่าทางคนที่นี่จะประชุมกันอีกยาว”
“ครับ”
“อเมริกาโน่สี่ ม็อคค่าสอง คาราเมลมัคคิอาโต้หนึ่ง และก็อย่าลืมสั่งให้ตัวเองด้วยล่ะ” เจ๊พริกพูดจบ บัตรเครดิตและก็บัตรสะสมแต้มร้านกาแฟก็ลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ดีนะที่ผมคว้าทันไม่งั้นฮาแย่
กูทำอะไรลงไป...อยู่เฉยๆ ดีๆ ไม่ชอบ จู่ๆ ก็ได้มาเป็นลูกกระจ๊อกเขา
แต่เพราะแทน ผมจึงรับคำอย่างมุ่งมั่น “ได้ครับผม ผมจะรีบมา”
“อืม...ไปได้”
ผมวิ่งฉิวออกไปด้านนอก ไม่ทันได้เห็นว่าแทนทำท่าจะพูดอะไรออกมา แต่เขาก็พูดกับผมไม่ทัน
การถือกาแฟแปดแก้วเป็นอะไรที่นรกแตกเอามากๆ
ดีนะที่เขามีถุงมาให้ ถึงแม้ว่าจะมีถุงแต่ผมก็ยังค่อนข้างทุลักทุเลอยู่ดี ผมพยายามถือถุงกาแฟให้มั่นขณะที่รอลิฟต์ขึ้นไปถึงยังชั้นของฝ่ายการตลาด
“อุ๊ย...” จู่ๆ ผู้หญิงจากแผนกไหนไม่รู้เธอเบียดและก็มาสะดุดใกล้ๆ ผม ชนเข้ากับแขนที่ถือถุงกาแฟได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ปุ!
กาแฟสี่แก้วหล่นลงพื้น กระจัดกระจาย เปียก และเละเทะอย่างไม่มีชิ้นดีไปทั่วลิฟต์
ว้อทเดอะฟัX
“ฉิบหาย”
ผมบ่นออกมา ลิฟต์เปิดที่ชั้นของฝ่ายการตลาดพอดี เจ๊คนนั้นรีบวิ่งหนีทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงชั้นตัวเอง ในขณะที่ผมนั้นมองกาแฟที่หมดสภาพด้วยแววตาละห้อย
แทนอยู่ข้างนอกลิฟต์พอดี
เขามองเห็นสภาพกาแฟและก็มองเห็นสภาพผม เขาไม่พูดอะไร เดินเข้ามาในลิฟต์ พร้อมๆ กับกดลิฟต์ลงไปชั้นหนึ่ง
“จะไปไหน” ผมถามทันที
“ไปซื้อกาแฟใหม่” แทนตอบเสียงเข้ม
“คือ...”
“ทีมนี้บ้ากาแฟ ไม่มีกาแฟจะทำงานกันไม่ได้”
“เหรอ...” ผมมองกาแฟบนพื้นลิฟต์อย่างเสียดาย กูยืนรอบาริสต้าชงตั้งนาน T_T
แทนเงียบ ผมเองก็เงียบด้วยเช่นกัน (ยืนไว้อาลัยกาแฟหกอยู่) จู่ๆ แทนก็แย่งทุกสิ่งทุกอย่างในมือของผมไปถือให้ แถมยังทำหน้าเฉยๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่างหาก
ผมมองหน้าแทนอย่างสำนึกผิด สำนึกผิดทุกอย่างที่ผมเคยทำกับเขา ดีไม่ดีเรื่องที่ผมถูกจับตัวไปและถูกปล่อยมาก็อาจจะมีเขาอยู่เบื้องหลัง เขาที่ทำเพื่อผมมาโดยตลอด
“ขอโทษ” ผมพูดเสียงอ่อยออกมาในที่สุด
“เรื่องอะไร...กาแฟนี่หรือไง”
“ทุกเรื่อง”
แทนไม่พูดอะไร ดูเหมือนจะยังไม่หายโกรธ ผมทำหน้าสลดอยู่ข้างๆ เขา ในขณะนั้นนั่นเองลิฟต์เปิดอยู่ที่ชั้นห้า มีคนที่เพิ่งประชุมเสร็จและกำลังจะลงไปชั้นหนึ่งกัน คนเหล่านั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล พวกเขาเบียดกันเข้ามา ทำให้ผมกับแทนต้องเบียดกันอย่างช่วยไม่ได้
ข้างหน้าผมไม่เห็นอะไรเลยนอกจากคอเสื้อและก็คอขาวๆ ที่โผล่พ้นคอเสื้อ กลิ่นแทนหอมมาก หอมกว่ากาแฟทั้งหมดที่เขากำลังถืออยู่ซะอีก
“ให้ช่วยถือมั้ย” ผมกระซิบ
ลิฟต์สั่นอีกครั้ง ผมได้ขยับเข้าใกล้ชิดแทนไปอีก
โว้ย! ทำไมกูต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วยวะ...
“ไม่เป็นไร” แทนตอบ ไม่ยอมทำเสียงดีๆ กับผมเลย
“มึงไม่...แต่กูตกลงนะ”
ผมเอาแต่มองกระดุมของแทนขณะที่พูดประโยคนั้น
“ตกลง...อะไร?”
ไม่อยากเชื่อว่าจะได้มาพูดเรื่องนี้ในลิฟต์ ลิฟต์ที่มีคนยั้วเยี้ยและเบียดเสียดกันแบบสุดๆ...
“เรื่องบนกระดาษที่มึงเขียนในลูกโป่ง”
ผมสัมผัสได้ว่าแทนตัวแข็งไปเลย...เขาคงไม่รู้หรอกมั้งว่าผมเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำ...เพราะฉะนั้นเขาก็เลยยังโกรธผมแบบนี้อยู่ไง
และผมก็จะไม่ให้อะไรมันช้าไปกว่านี้อีกแล้ว...
เป็น แฟน กัน นะ
“ทัพตกลงนะครับพี่แทน” TBC*