ตอนที่ 25
“อ้าว มาซื้ออีกแล้วเหรอครับ”
“แหะๆ เผลอทำหกน่ะครับ”
“ว้า เสียดายจังเลย”
พนักงานร้านกาแฟที่นี่อัธยาศัยดีจังเลยนะครับ หลังจากที่ผมพูดไปแบบนั้น(ในลิฟต์ที่มีคนอยู่มากมายและอาจจะแอบฟังเราอยู่ก็เป็นได้) คุณชายแทนก็ถึงกับอึ้งและก็เงียบไปเลย ณ ปัจจุบันเขาก็ยังคงอึ้งอยูู่ ไม่ยอมพูดอะไรออกมา และก็ยืนอยู่มุมของร้านโดยมีถุงกาแฟที่ยังมีชีวิตอยู่อยู่ในมือของเขา(ไม่ยอมเอาขึ้นไปให้พี่ในทีมบางคนก่อนอีกด้วย)
“ก็เลยได้มารอนานเลย เหนื่อยแย่เลยสิครับ”
“ไม่เหนื่อยหรอกครับ” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี ไม่ใช่อารมณ์ดีที่มีพนักงานหล่อมาชวนคุยนะครับ(ผมไม่ใช่คนแบบนั้น) แต่เรื่องของแทนต่างหากที่ทำให้ผมอารมณ์ดีน่ะ
“ไม่ค่อยเห็นมาที่นี่เลย”
“เป็นพนักงานฝึกงานครับ”
“เหรอครับ งั้นก็เป็นรุ่นน้องผมไม่เท่าไหร่เองน่ะสิ”
เดี่ยวมึง...มึงเยอะเกินไปละ
“ตั้งใจชงกาแฟได้มั้ยครับ...พอดีรีบ”
เสียงเข้มของใครคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของผม ผมกลืนน้ำลาย นี่แหละครับความน่ากลัวของแทน มันไม่ได้มีอะไรมากมายเลย แค่หน้านิ่งๆ เสียงเข้มๆ ก็ทำให้คนรอบข้างขนลุกซู่ได้แล้ว
ดูเหมือนบาริสต้าคนนี้จะสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของแทน เขารีบทำกาแฟที่ผมสั่งอย่างรวดเร็วและในที่สุดกาแฟที่เพิ่งตายไปก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ผมถือถุงนั้นไม่นาน แทนก็ดึงข้อมือผมให้รีบเดินไปขึ้นลิฟต์ทันที
“รีบเหรอ” ผมถาม
“รีบสิ รู้มั้ยว่าเราออกมานานเท่าไหร่แล้ว”
เวรกรรม ผมเชื่อว่าไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง(รวมที่ผมออกมาซื้อรอบแรกด้วย) ผมมองท่าทางของแทนอย่างหวาดๆ ในเมื่อแทนรีบขนาดนี้นั่นหมายความว่า...
…เจ๊พริกต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ
และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ถึงผมจะมาร่วมทีมวันแรก แต่เจ๊พริกแกก็สวดและด่าผมอย่างไม่ไว้หน้า มัวแต่ไปเถลไถลที่ไหน ทำไมไม่รีบมา บลา บลา และก็บลา แทนไม่ได้มองหน้าผมอย่างเห็นใจเลย (ทำไมเจ๊ไม่ด่ามันด้วยอ่ะ?) มันเอาแต่ดื่มกาแฟที่ควรจะเป็นของมันนานแล้ว
ให้ตาย...เพราะมันแท้ๆ ถึงทำให้ผมต้องมาเจออะไรแบบนี้
แต่เพราะเห็นรอยยิ้มเล็กๆ เบื้องหลังแก้วกาแฟแล้วทำให้ผมอดที่จะยอมเจอสิ่งนี้ไม่ได้จริงๆ
สะใจนักใช่มั้ย...
…แต่อย่างน้อยมึงก็ยังยิ้มนะ
แม้ว่าผมจะถูกด่าและต่อว่า แต่อย่างน้อยผมก็ยังยิ้มออกมาได้อยู่
“เหนื่อยโว้ยยยยย” นี่แค่วันแรกและก็แค่ในเวลาเย็นเท่านั้นเองนะ ผมดิ้นไปดิ้นมาอยู่ในห้องตัวเองด้วยอาการที่เหนื่อย(หรือเป็นบ้าก็ไม่รู้) บอกตามตรงตอนอยู่เมืองนอกยังไม่เคยปวดประสาทขนาดนี้ อาจเป็นเพราะเจ๊พริกเป็นคนที่พูดแรงและก็ตรงด้วย การได้เจอคนพูดแรงและตรงใส่ทำให้ผมรู้เลยว่าผมแพ้คนพวกนี้(เจ๊สุภาด้วยคนหนึ่ง)
ผมไม่ได้กลับกับแทน รายนั้นต้องไปส่งพี่ในทีม ผมกลับกับลุงเอี่ยม(ตามเคย) หลังจากที่นอนระบายความเหนื่อยกับเตียงเป็นที่เรียบร้อย ผมขยับร่างกายตัวเองไปยังหน้าต่างเพื่อมองไปที่บ้านของแทน
ไฟเปิดสว่างไสว...เจ้าของบ้านกลับมาแล้ว
อยากไปหาว่ะ...ณ จุดนี้ ผมไม่กลัวเรื่องสงวนท่าทีอะไรใดๆ ทั้งสิ้นอีกแล้ว เมื่อคิดได้ผมก็รีบเข้าไปในห้องน้ำและก็อาบน้ำอย่างรวดเร็ว
ไม่ถึงสิบนาทีผมก็เสร็จ ผมใส่ชุดนอนโดยมีเสื้อกันหนาวมาคลุมอีกทีหนึ่ง เดินไปยังหน้าบ้านโดยที่ผมตัวเองก็ยังไม่ค่อยจะแห้ง
ทั่วทั้งบ้านของแทนยังคงเปิดไฟอยู่ เพราะฉะนั้นแทนยังไม่นอนแน่ๆ
ผมค่อยๆ เปิดประตูช้าๆ ทำท่าลับๆ ล่อๆ ราวกับต้องการเซอร์ไพรส์เจ้าของบ้าน ไข่ต้มที่เห็นผมแล้วเดินเข้ามาคลอเคลียผมไม่ห่าง มันให้ความร่วมมือดีมาก ไม่ยอมส่งเสียงอะไรออกมาเลยสักคำ
ผมก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน ตรงห้องนั่งเล่นคือส่วนที่เคยเป็นที่อยู่ของลูกโป่งที่ถูกแทนเป่ามากมายมหาศาล แต่ตอนนี้มันหายไปหมดแล้ว
แทนไม่อยู่ในห้องนั่งเล่น...
ห้องครัวก็ไม่มี ห้องทำงานก็ไม่มี เอาเป็นว่าทั่วทั้งชั้นหนึ่งก็ยังไม่มีเงาของแทนเลย
หายอีกแล้วเหรอ...
ผมรีบเดินขึ้นไปบนชั้นสอง เข้าไปในห้องนอนของแทนที่ไฟเปิดสว่าง เหลือเพียงแค่ห้องน้ำเท่านั้นแหละที่แทนควรจะอยู่
ผมเดินไปที่หน้าห้องน้ำ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่แทนออกมาพอดี
ตัวผมล้มหงายหลังทันที...ในขณะที่แทนที่กำลังเช็ดผมอยู่ยืนมองผมด้วยสายตามึนงง
“ทำอะไรน่ะ” แทนถามอย่างฉงน
ผมทั้งอายทั้งเจ็บก้น ลุกขึ้นมาทำท่าเหมือนไม่เป็นอะไร ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเป็นมากกกกกกกก...
ซวยจริงๆ เลย
แทนจะช่วยดึงผมให้ลุกขึ้นยืน แต่ผมบอกเขาว่าไม่เป็นไร ยังไม่ทันจะลุก ผมก็ล้มลงไปอีกรอบ
“เหอะ” แทนยืนมือมาอีกครั้ง ผมจำใจต้องจับมือของแทนเพื่อให้ตัวเองยืนและก็ทรงตัวได้
กลิ่นของแทนหอมกว่าผมในตอนนี้เสียอีก ผมปล่อยมือเขา เขาเดินเช็ดผมเปียกๆ ของตัวเองไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่มุมห้อง
ถึงแม้ว่าผมจะฝ่ายมาหาเขาเอง แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นอย่างแรง เพราะอะไรกันวะ เพราะผมอยู่กับแทนสองต่อสอง หรือว่าหุ่นที่ไม่รู้เอาเวลาที่ไหนไปดูแลของแทน
มันขาวก็ที่ผมคิดไว้อีกนะ...
ผมจำได้ว่าเคยเห็นตอนไปออกค่ายกับเอกการตลาด แต่เมื่อมาเห็นจะจะเต็มลูกกะตาแบบที่ไม่ต้องกลัวสายตาคนอื่นแบบนี้ บอกตามตรงแค่ผมเห็นผมก็รู้สึกใจเต้นรัวไปหมด
ตั้งสติไว้...วางสายตาลงก่อน
“มาทำอะไรเหรอ” แทนที่สนใจแต่การแต่งตัวของตัวเองเอ่ยถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
ฉิบหายละ...
นั่นดิ กูมาทำไมวะ
“กูแค่จะมาดู...หมา” ผมแถเสียงอ่อย
“หมา? ไข่ต้มไม่ขึ้นมาบนบ้านหรอกนะ ถ้าไม่มีใครอุ้มขึ้นมา”
เออ กูรู้แล้วเนี่ย...ทำไมต้องย้ำเรื่องการแถผิดแถพลาดของกูด้วย
ผมที่กำลังตีอกชกหัวตัวเอง รู้สึกได้ว่ามีใครมายืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แทนใส่เสื้อแล้ว แต่ผมของแทนยังเปียกอยู่ ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าของแทน เขาจ้องมองผมเขม็งด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“ไหนลองเปลี่ยนหน่อยซิ” แทนเอ่ย
“เปลี่ยน?”
“เปลี่ยนเป็นคนที่ปากตรงกับใจ” แทนพูดต่อไป “ไม่ต้องนานก็ได้ สักสิบห้านาทีพอ”
ผมกระพริบตาปริบๆ แทนทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ดึงตัวผมให้นั่งลงข้างๆ เขากำลังจะเล่นอะไรกับผมวะเนี่ย
“มาที่นี่ทำไมเหรอ” แทนยิงคำถามแรกมา เห้ย ถ้าถามมาแบบนี้แปลว่าผมต้องตอบความจริงและตอบออกไปตรงๆ ใช่มั้ย
ในเมื่อหมดทางเลือก ผมจึงต้องจำใจบอกความจริงออกไป
“มาหามึงอ่ะ” ตอนนีผมรู้สึกแพ้ทุกทางจริงๆ ครับ
“เพราะอะไรเหรอ”
“อยากมา”
ถ้าผมเงยหน้าขึ้นผมอาจจะทันมองเห็นรอยยิ้มเล็กน้อยของแทนที่หุบลงอย่างรวดเร็ว
“ทำไมถึงอยากมาล่ะ”
“เห้ย นี่จะถามไปสอบ SAT หรือไงเล่า”
“…”
“ก็อยากมาไง อยากมาก็คืออยากมา มันต้องมีเหตุผลอะไรมากกว่านี้อีกเหรอ”
ผมไม่กล้าสบตาของแทนเลย เอาแต่ก้มหน้าอยู่แบบนั้น จู่ๆ ผ้าเช็ดผมของแทนก็ลอยมาอยู่บนตักของผม
“เช็ดให้หน่อย”
ได้ทีแล้วก็เอาใหญ่เลยนะคุณชาย...ผมผู้ไม่มีสิทธิ์บ่นหรือโต้แย้งใดๆ หยิบผ้าขึ้นมา นั่งคุกเข่าบนเตียงและยืดตัวให้สูงพอๆ กับศีรษะของแทน ผมเห็นเงาของตัวเองกับแทนในกระจกพอดี
ผมรีบหันหน้าหนีเงานั้น...แม่งดูสวีทเกินจนผมเขินเอง แทนมันก็เอาแต่มองผมทางกระจกอีกด้วยนะ
“ไอ้กายว่ายังไง”
“หือ”
“ไอ้กายน่ะ”
“จะว่าอะไรล่ะ” ผมเช็ดไปด้วยตอบไปด้วย
“ไม่มีอะไรกับมันแน่เหรอ”
“ไม่เคยมี วันนั้นแค่เลือกผิดงาน ผิดเวลา”
“…”
“ขอโทษได้มั้ยล่ะ”
แค้นฝังหุ่นจริงๆ ยังไม่ยอมหายโกรธเรื่องนี้จริงๆ ด้วยครับ
“แน่ใจนะว่าไม่มีอะไร เคลียร์กับมันแล้วเหรอ”
“ก็เกือบเคลียร์อ่ะ แต่ก็เคลียร์แล้ว”
“ยังไงกันแน่”
“เห้ย ที่พูดในลิฟต์พูดจริงนะเว้ย ไม่ได้พูดเล่น จำซะมั่ง” ผมเขย่าหัวแทนอย่างรุนแรงด้วยความหมั่นไส้
“โอ๊ย” แทนร้อง จับมือของผมเอาไว้
ผมมองหน้าแทนผ่านเงาในกระจก แม้แทนจะดูเคืองนิดๆ ที่ผมแกล้งเขย่าหัวเขา แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้จริงจังอะไรมากมาย แถมยังไม่ยอมปล่อยมือผมอีกนะ
“หมดสิบห้านาทียังวะ” ผมแกล้งถาม
แทนทำหน้าฉงน หลังจากนั้นก็ถูกผมโอบกอดเขาด้วยแขนทั้งสองข้างจากทางด้านหลัง
อีกฝ่ายดูจะช็อคไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
“นอกจากปากจะตรงกับใจแล้ว ขอแถมการกระทำที่ตรงกับใจด้วยก็แล้วกัน”
ฟอด
ผมก้มหน้าลงไปหอมแก้มคนในอ้อมกอดที่ตัวแข็งไปแล้ว ฮ่าๆๆ ใบหน้าของแทนช็อคมากจนผมขำ
“เชื่อกูหรือยังวะ”
“…”
“หา พี่แทน เชื่อทัพหรือยัง”
ใจแข็งเป็นหินเลยวุ้ย...แม้จะทำหน้าเขินอายเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ยอมที่จะหลุดยิ้มออกมาให้ผมเห็น
เขาทำให้ผมรู้ว่าคนอย่างเขาเวลาให้ใจใครไปแล้วเขาให้หมด และเวลาโกรธเรื่องอะไรที่ทำให้เขาเจ็บปวดเขาก็สุดแสนที่จะโกรธจริงจังและก็นานเหมือนกัน
แต่ผมก็ไม่ท้อที่จะง้อหรอกนะ...
ในขณะที่ผมจมกับความคิดตัวเอง แทนก็พลิกตัวกลับมาหาผม พร้อมๆ กับดึงผมเข้าไปประทับรอยจูบ
ผมไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรเลย...แทนเหมือนจะจูบไม่นานมั้ง...เขาดึงตัวผมออก...แต่แล้วก็ดึงเข้าไปจูบใหม่
เป็นเช่นนั้นอยู่หลายครั้ง จนผมรู้สึกเหมือนผมปากช้ำ
“พอแล้ว” ผมปราม แข็งขืนตัวเองเมื่อแทนจะดึงเข้าไปอีกครั้ง “ยอมขนาดนี้แล้ว หายโกรธทัพได้แล้วมั้ง”
แทนยิ้มอ่อน (เข้าใจคำว่ายิ้มอ่อนอยู่ใช่มั้ยครับ คือยิ้มนิดๆ น่ะ) ก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัดว่า...
“ไม่ว่ะ”
“อ้าววววววววววว” ผมร้องเสียงลากยาวด้วยความงงงัน
แทนดูสนุกสนานกับการแกล้งผมมาก...เขาเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์ของผมที่ยื่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อกันหนาว
เขามองหน้าผมนิดๆ “แน่ใจนะว่าตกลงแล้ว?”
“เรื่องอะไรเหรอ”
อีกฝ่ายเอื้อมมือมาจะเคาะหัวผม ผมหัวเราะเบาๆ
“เออ ตกลงครับ”
แทนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะกดโทรศัพท์ของผมเข้าแอพพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของผมอย่างรวดเร็ว ท่าทางจะสุขอกสุขใจกับการกระทำของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง
“ทำอะไรวะน่ะ”
“ไม่บอก”
“อะไร”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”
แทนไม่ยอมให้ผมเห็นว่าแทนทำอะไรกับเฟซบุ๊กผม...
ทำไมต้องหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขแบบนั้นด้วยวะ?
ผมพยายามจะแย่งโทรศัพท์ของตัวเองคืน แต่แทนไม่ยอม ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย ให้เขาได้ทำอะไรตามใจของเขาเอง เพราะตอนนี้ผมก็ยังอยู่ในสถานะที่กำลังง้อเขาอยู่
เห็นเขามีความสุขอย่างนั้น มีหรือที่คนอย่างผมจะกล้าขัด
เอาไว้ค่อยดูทีหลังแล้วกันว่าทำอะไร...
ผมอยู่เล่นกับแทนต่ออีกนิดหน่อย แทนก็ออกมาส่งผมที่หน้าบ้านของตัวเองเพราะเขาเหนื่อยมากแล้ว ผมโบกมือลาแทน ไม่ลืมที่จะขอโทรศัพท์ของตัวเองคืนด้วย
ผมเดินเข้าไปในบ้าน หันมามองข้างหลัง แทนก็ยังยืนมองผมอยู่ ผมเดินไปอีก หันกลับมามองอีกครั้ง แทนก็ยังคงมองผมอยู่
มองผมพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ตามแบบฉบับของเขา...
ทันทีที่มาถึงห้องนอนผมก็มาเปิดเฟสบุ๊คตัวเองทันทีว่าแทนทำอะไรลงไป
โห...นี่ผมโดนสองอย่างเลยครับ
สถานะ : มีแฟนแล้ว รักมาก ไม่นอกใจด้วย
กับสถานะใหม่ของตัวเองที่เปลี่ยนมาแทนที่ Single
In the relationship
แสบนักนะ...ผมยิ้ม และคิดว่าผมจะทำทุกทางไม่ให้ตัวเองโดนถล่มคนเดียว โดยการขึ้นสถานะอีกอันเอาใจคุณชายแทน
สถานะ : <3<3<3 TANKHUN
TBC*
อีกสามตอนจบแล้วนะคะ ^^