บทที่25
“อืม...ปวดหัวจัง”ผมปรือเปิดตาขึ้นช้าๆ... เมื่อต้องแสงไฟนีออนดูเหมือนจะลืมตาได้ลำบาก รู้สึกปวดหัวจนต้องยกมือขึ้นกุม
“ดูเหมือนจะตื่นแล้วนะ”เสียงคุ้นเคยดังขึ้นด้านข้าง แต่เพราะยังปรับสภาพไม่ได้ทำให้ผมลืมตาไม่ขึ้น
“อืม”
“งั้นกูไปรอห้องพี่ไอริณแล้วกัน เชิญมึงตามสบายเลย”
“เห้ย! อย่าไปทำอะไรพี่เขาล่ะ”
“เออๆ ห่วงแฟนมึงไปเหอะ”
แล้วก็ตามด้วยเสียงปิดประตู อา...เสียงแบบนี้มันเสียงของฟงกับ...”เปลว...”
ผมเอ่ยเรียกคนที่ยังอยู่ในห้องด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงพลางมองสภาพรอบๆห้อง...
ที่ที่ผมอยู่ตอนนี้เป็นห้องขนาดใหญ่ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงอันได้แก่เตียงขนาดคิงไซส์ โซฟาสีน้ำตาลตัวใหญ่ตั้งเคียงกับทีวีจอกว้าพร้อมลำโพงยกชุด...ผมในชุดนอนคนป่วยมองซ้ายมองขวาแบบงงๆ?
“ที่นี่ที่ไหน? โรงพยาบาลเหรอ ไม่น่าใช่นะ หรือบ้านมึง?”
“หึหึหึหึ ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง”เปลวตะวันลูบหัวผมแผ่วเบาแล้วก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี”ที่นี่คือโรงแรม”
เป็นคำตอบที่น่าตกใจไม่น้อย
“หา?”
“ตอนกูไปถึงมึงกับพี่ไอริณก็นั่งพิงกันหลับไปแล้ว ได้ป้าร้านส้มตำนั่งดูให้ลำบากกูต้องให้เงินตอบแทนเขาไปแล้วก็พาพวกมึงขึ้นแท็กซี่มานี่แหละ”
“มึงมากับฟงอ่อ?”
“อืม”
ไม่มีคำพูดมากไปกว่านั้นเพราะริมฝีปากของผมถูกทาบทับด้วยอีกคน เปลวตะวันน้อมตัวลงมาแล้วก็มอบสัมผัสแผ่วเบาที่กลีบปากก่อนจะแทรกเรียวลิ้นเข้ามาอย่างห่วงหา
“ทำไมชอบทำให้เป็นห่วง...หืม”
“อืม..กูขอโทษ”พวกเราผละออกจากกัน เปลวใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผมออกไป
“แล้วจะไม่เอาความพวกนั้นจริงๆน่ะเหรอ”ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ตอนนี้เรี่ยวแรงเริ่มกลับมาแล้ว ที่ผล็อยหลับไปเมื่อบ่ายคงเป็นเพราะล้าเท่านั้นไม่ได้เป็นไข้อะไร...
“อืม พวกนั้นก็แค่คลุ้มคลั่ง ถ้าเราไม่ตอบโต้มันก็จะคิดว่าตัวเองชนะแล้วก็เลิกไปเอง แต่ถ้าเราไม่ยอมเรื่องก็ไม่จบ...”
“แล้วทำไมคนที่เดือดร้อนต้องเป็นน้ำเงินกัน...รู้ไหม ตอนที่มึงโทรมา กู...ตกใจขนาดนไหน”มันว่าด้วยสีหน้าโกรธแค้นและเจ็บปวด...
โกรธที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้...
เจ็บเพราะน้ำเงินต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้...
ผมเห็นท่าไม่ดีจึงออกแรงรั้งคอมันลงมา มันก็ยอมแต่โดยดี พวกเราแลกจูบกันดูดดื่ม...ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
เพราะพึ่งผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายมา...
ความเร่าร้อนซึ่งเกิดจากอาการผิดปกติบางอย่างคุกรุ่น ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วก็มองร่างสูงของคนชื่อเหมือนแสงสว่างซึ่งนั่งอยู่ขอบเตียงและมองมาด้วยแววตาเว้าวอน
“ได้ไหม”ถึงมันจะถามไม่ชัด แต่ผมก็เข้าใจ เพราะสัมผัสร้อนวาบจากฝ่ามือที่กำลังลูบไล้ผิวกายของผม...ตั้งแต่ต้นคอ ช่วงอก...ปลดกระดุมเสื้อผู้ป่วยตัวหลวม...ลากต่ำมาจนถึงท้องน้อยและสัมผัสเบาๆตรงส่วนอ่อนไหวภายใต้กางเกง...
“หึ...มึงถาม...แต่มึงไม่รอคำตอบ”
“กูตอบให้แทนมึงแล้วไง...ว่าได้...”ผมมองรอยยิ้มนั้นก่อนจะปรือตาลงแล้วก็กัดฟันเพื่อข่มเสียงซึ่งหลุดลอดออกจากริมฝีปาก เม้มปากแน่นเชิดใบหน้าขึ้นเมื่ออีกฝ่ายดึงมือกลับแล้วหันมาใช้ลิ้นแทน...
มันดันให้ผมล้มตัวลงนอนแล้วก็ดึงชุดคนป่วยออกไป ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้ผมหนาวแต่หนาวได้ไม่นานก็ถูกความร้อนโหมใส่ระลอกใหญ่ ลิ้นอุ่นๆของเปลวตะวันไล่เรียงจากต้นคอแล้วก็ลงไปดูเม้มยอดอกอย่างไม่เกรงใจเจ้าของ
“อะ...มึง! ตรงหน้าไม่...อื๊อ...”ในที่สุดผมก็กลั้นเสียงครางไว้ไม่ไหว คำพูดเพื่อห้ามถูกกลืนหายไปพร้อมกับความเสียวซ่านจนอดใจไว้ไม่ไหว
รู้ตัวอีกที่กางเกงก็หลุดลงไปกองที่ปลายเท้าเสียแล้ว...
“เปลว...”ผมเรียกชื่อคนที่กำลังกอบกุมตรงนั้นของผมเอาไว้ด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้ม มันก้มหน้าและไปใช้มือขยับขึ้นลงและใช้ลิ้นแตะสัมผัสพร้อมหยอกเย้าด้วยโพรงปาก
“เด็กโง่ต้องโดนสั่งสอน”
“อา...โง่อะไร”
“ต้องสอนให้จำว่าคราวหลังอย่าไปไหนมาไหนกับคนแปลกหน้า”มันตอบช้าเพราะปากมันไม่ว่าง
เปลวละจากสิ่งที่มันกำลังทำอยู่หันไปหยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าเป้ของมัน จังหวะนั้นผมรีบเอามือปิดหน้าตัวเองด้วยความอายแทนที่จะไปปิดโคมไฟหัวเตียง(?)
“ถ้าเจ็บก็บอกนะ”เปลวตะวันหันมาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ผมมองเจลในมือมันแบบหวั่นๆ”มึงจะหยุดรึไง”ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครมันหยุดหรอก อย่างมากก็จูบปลอบแล้วก็พูดว่าไม่เจ็บนะครับคนดีเท่านั้นแหละ...
“อืมหยุดสิ”แต่คำตอบกลับผิดคาด โดยไม่มีเวลาให้ผมตกใจร่างสูงก็ทาบทับลงมาแล้วบดเบียดริมฝีปากกันครู่ใหญ่”ก็ไม่อยากให้น้ำเงินเจ็บนี่”มันหยอกกระเซ้า
นิ้วอุ่นเรียวยาวหยอกล้อเล่นกับช่องทางที่ปิดสนิทช่วงล่างของผู้อยู่ใต้ตน ผมเผลอกำที่นอนด้วยความเกร็งแต่มันก็เลื่อนมือผมไปจับบ่ามันแทน...
“ฮ......” เสียงหอบหายใจเบาๆหลุดรอดจากริมฝีปาก เมื่อถูกบางอย่างที่มากกว่านิ้วลุกล้ำเข้ามา
ผมจิกมือไปที่แผ่นหลังของมันอย่างแรงก่อนจะครูดไปมาเมื่อมันขยับเข้ามาลึกขึ้น”จะ เจ็บเหรอ!?”เปลวตะวันถามอย่างตกใจ ทำท่าจะผละตัวลุกผมก็เลยต้องรั้งมันเอาไว้...
“เจ็บ อือ...เจ็บแต่...ห้าม...ห้ามหยุดนะ...”ใบหน้าร้อนจนไม่รู้จะร้อนอย่างไรแล้ว เกิดมาต้องพูดคำนี้ด้วยเหรอเนี่ย...
แล้วก็หลุดร้องออกมาอีกครั้ง“อะ.....อ....” ใบหน้าเชิดขึ้นส่งเสียงครางแผ่วเบาราวกับไม่อยากให้คนด้านบนได้ยิน...คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บ
“อื๊อ...ยังไม่สุดอีกเหรอ...”ผมถามขณะพยามปรือตาขึ้นมาคนด้านบนแล้วก็เห็นรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้าหล่อเหลานั่น...
“ไม่ไหวแล้วเหรอครับ เพิ่งเข้ามาได้ครึ่งเดียวเองนะ”
อา...รอยยิ้มนั้นคือรอยยิ้มดีใจของคนใหญ่คนโตสินะ เมื่อรู้ว่าพลาดแล้วผมก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปาก จากนั้นก็หลับตาปี๋รอรับความรุ่มร้อนที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาต่อไป...จนสุด...
“อ..อ๊ะ!!!!”แม้จะปิดปากซ่อนหน้าแดงๆเอาไว้แล้วก็ไม่อาจกักกั้นเสียงซึ่งหลุดรอดออกมาเมื่อมีการเคลื่อนกายขึ้นหลังค้างนิ่งเพื่อให้ผมปรับตัวอยู่ครู่หนึ่ง
และนั่นก็ถี่กระชั้นและรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ปลายเท้าจิกลงพื้นด้วยความเสียวซ่าน ดวงเนตรปรือหลับลงเม้มปากแน่นไม่ยอมหลุดเสียงที่น่าละอายออกมา แต่เหมือนโดนแกล้งให้หลุดออกมาอยู่ตลอด จนกระทั่งผมเป็นฝ่ายเคลื่อนสะโพกตามผสานไปกับจังหวะเดียวกัน
“ของมึงแน่นมากจนไม่อยากเชื่อเลยนะ” ขยับเพียงนิดเดียว ผมก็หลุดเสียงครางหวานออกมาแล้ว ยิ่งได้ยินคำพูดแบบนี้....ผมคลี่ยิ้มบางๆ ให้คนที่จงใจพูดเพื่อกลั่นแกล้งกัน
“อ้าวๆ...ก็ ...อา...เป็นครั้งแรกนี่ ฮ๊า...”ร่างกายสั่นไหวไปตามแรงขยับกายของอีกฝ่าย
“รู้น่า” เปลวสัมผัสแผ่วเบาที่ข้างแก้มให้กับผม...คนที่ยอมแต่โดยดี พร้อมขยับกายรวดเร็วขึ้นจนผู้ถูกกระทำมิอาจเอ่ยสิ่งใดได้อีก
คลื่นความปารถนารุนแรงโหมในร่างกายของคนทั้งสอง ปล่อยร่างกายไปตามอารมณ์
“น้ำเงิน...เปลวรักน้ำเงินนะ รักมากๆเลย”
“อะ อืม กูก็รักมึงเหมือนกัน...อ๊ะ..อ๊า!!”ผมเปล่งเสียงตอบพร้อมกับอุณหภูมิในกายซึ่งขึ้นสูง หยาดปรารถนาของพวกเราปลดปล่อยหลังจากนั้น
แลกเปลี่ยนจุมพิตดื่มด่ำท่ามกลางความเงียบงันซึ่งได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจ และเสียงหัวใจซึ่งกลับเป็นจังหวะถี่ราบเรียบดังเดิม