วิญญาณเสน่หา
บทที่ ๕
“ไตร ไอ้ไตร ห่ะเอ๊ย หลับแม่งยันหมดคาบเรียน”
แรงเขย่าที่หัวไหล่ปลุกให้ไตรภูมิเงยหน้าขึ้นมาจากท่อนแขนตัวเอง เขาสะบัดหน้าอย่างเมื่อยขบเมื่อ
เผลอฟุบหลับไปตั้งแต่กลางชั่วโมงเล็กเชอร์ นี่ถ้าไม่ได้อาวุธเพื่อนที่นั่งเรียนอยู่ข้างๆปลุกขึ้นมาไตรภูมิอาจจะยัง
ไม่ตื่นขึ้นมาก็ได้
“ไปทำอะไรมาวะ ช่วงนี้ท่าทางไม่ไหวเลยมึงอ่ะ” อาวุธขมวดคิ้วถาม สายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยจน
ไตรภูมินึกสงสาร
เขามองออกมาพักใหญ่แล้วว่าเพื่อนสนิทคนนี้คิดกับเขาเกินเพื่อน แต่ไตรภูมิไม่ได้มีใจตอบกลับ เขา
เห็นอาวุธเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งเท่านั้น ไตรภูมิทำได้เพียงนิ่งเฉยทำตัวตามปกติ
“กูวาดรูปดึกไปหน่อย” ตอบพลางหาวหวอดยกแขนบิดขี้เกียจก่อนลุกขึ้นยืนเก็บของออกไปจาก
ห้องเรียนโดยมีอาวุธเดินตามมาติดๆ
“ไม่ดึกไปหน่อยล่ะมั้งกูว่าคงโต้รุ่งเลยหรือเปล่า มึงรู้ไหมว่าหน้าตามึงอ่ะดูไม่ได้เลยนะ ขอบตาคล้ำเป็น
หมีแพนด้าเชียวแถมยังดูเหมือนคนอดหลับอดนอนจนผอมไปหมดแล้ว สภาพเหมือนโดนเล่นของชะมัดเลย”
ไตรภูมิยกมือขึ้นปัดปลายนิ้วของอาวุธที่เอื้อมมาปัดปอยผมของเขาโดยอัตโนมัติ สีหน้าของเขาบึ้งตึง
เมื่อหันไปมองอาวุธ
“กูไม่ชอบให้ใครมาโดนตัวกู มึงลืมไปแล้วหรือไงไอ้วุธ ขอบใจนะที่มึงเป็นห่วงกู แต่กูไม่เป็นไรกูสบายดี”
เสียงกระชากที่ตอบมาจากไตรภูมิทำให้อาวุธยิ่งขมวดคิ้วจนแทบมาชนกันอยู่ตรงกลาง ไตรภูมิเดินหนี
กลับไปที่ลานจอดรถยนต์แล้วขับออกไป อาวุธที่เดินตามมาได้แต่มองท้ายรถของไตรภูมิขับห่างออกไป
อาวุธมองตามอย่างหมายมาด กำลังเกิดอะไรบางอย่างกับไตรภูมิแน่ๆ และเขาจะต้องรู้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
“ดิน มาแล้วหรือครับ คิดถึงจัง”
ไตรภูมิวางแขนอุ่นของตนเองแนบไปกับผิวเย็นของท่อนแขนที่สอดเข้ามาโอบกอดจากด้านหลัง ชาย
หนุ่มหมุนตัวกลับไปยกสองแขนคล้องรอบคอร่างที่ยังเลือนลางภายใต้แสงไฟกลางห้อง
“ผมไปปิดไฟก่อนนะ จะได้มองดินได้ชัดๆ” ไตรภูมิวางพู่กันลงกับถาดสี ทุกวันที่ผ่านมาค่อนเดือนเขา
จะรีบกลับบ้านทันทีที่เรียนวิชาสุดท้ายจบลงเพื่อนำงานที่ต้องส่งมาทำต่อที่บ้านในยามเย็น ไตรภูมิพยายาม
ทำงานตุนไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อที่เมื่อยามรัตติกาลมาถึงเขาจะได้พลอดรักกับร่างเหนือมนุษย์ได้อย่างเต็มที่
เขายอมรับว่าช่างมีความสุขในยามที่ปิดไฟทั้งบ้านให้มืดมิดเพื่อให้มองเห็นดินได้ชัดเจนขึ้นในความมืดและเขา
ก็เสพติดรสรักจากวิญญาณหนุ่มตนนี้เข้าเสียแล้ว
ทันทีที่ไฟทั้งบ้านดับลงความมืดก็เข้ามาเยือน ไตรภูมิถูกดึงเข้าไปกอดรัดด้วยท่อนแขนแกร่งไปด้วย
กล้ามราวกับมนุษย์ แรงกอดนั้นทำให้ไตรภูมิยิ้มกว้าง
“วันนี้กอดได้หนักหน่วงจริงๆนะดิน”
“คุณพุ่มลืมไปแล้วหรือขอรับว่าวันนี้เป็นคืนวันเพ็ญที่พลังของกระผมจะมีมากกว่าวันอื่นๆ”
ดินฝังจมูกลงไปกับซอกคางเรียวก่อนใช้ท่อนแขนโอบรัดเอวของไตรภูมิแล้วยกขึ้นอย่างง่ายดาย เขาพา
ไตรภูมิมานั่งที่โซฟารับแขกแล้วจึงทรุดตัวลงนั่งด้วยเข่าอยู่กับพื้นมองไตรภูมิด้วยแววตาเทิดทูน
“ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่ไอ้ดินจะไม่คิดถึงคุณพุ่ม ถึงกาลเวลาจะผ่านมาหลายสิบปี ความรักของไอ้ดิน
ก็ยังมีให้คุณพุ่มเสมอ ขอเถิด ขอให้ไอ้ดินต่ำต้อยมันได้กอดรัดและบอกรักคุณพุ่มให้สมกับการรอคอยอันเนิ่น
นานเหลือเกิน”
ดินโน้มใบหน้าเข้าหา สูดดมความหอมจากแก้มนุ่มที่เอียงคอย ริมฝีปากเม้มกลีบปากอิ่มก่อนประกบ
แนบแน่นพลางสอดลิ้นลึกเข้าไปตวัดรัดรึงอยู่กับลิ้นชื้นของไตรภูมิอย่างไม่มีใครยอมใคร มือสากถอดเสื้อผ้า
สมัยใหม่ออกอย่างคล่องแคล่วมากขึ้นโดยมีไตรภูมิที่คอยช่วยเหลือไม่นานนักร่างกายไร้วิญญาณก็สนิทแนบ
แน่นอยู่กับกายอุ่นที่เริ่มหายใจหนักจนอกกระเพื่อมเมื่อดินก้มหน้าลงไปคลอเคลียอยู่ตรงจุดอ่อนไหว จัดแจง
สาวรูดอยู่ในปากปลุกเร้าอย่างชำนาญ
“อา ดิน ดินครับ ดินรู้ไหมว่าดินกำลังทำให้ผมแทบคลั่ง”
เสียงกระเส่าครางฮือไตรภูมิเงยหน้าแหงนคออยู่บนพนักเก้าอี้ สองแขนวางพาดยาวไปบนนั้นมือกำ
เบาะหนังจนเล็บจิกพลางเด้งเอวเข้าหาปากที่กำลังดูดดุนแก่นกายของตนจนแก้มตอบ ต้นขานุ่มมือถูกจับแยก
คร่อมร่างกายกำยำที่เริ่มใช้นิ้วคว้านลึกเปิดปากทางให้กว้างออก ไตรภูมิกัดปากตนเองจนห้อเลือด
“ดิน ไม่ไหวแล้ว เข้ามาเถอะนะดิน”
เอวคอดถูกดึงร่นลงมาจนก้นพ้นเบาะนั่ง มือเย็นของดินที่ยึดจับอยู่ตรงต้นขานวดเฟ้นลากไล้ไปจนถึง
ปลายเท้าของไตรภูมิก่อนจะดันให้มันอ้ากว้าง ท่อนเอ็นแข็งขืนฟาดหน้าท้องไตรภูมิดังเผียะแวะล้อเล่นอยู่กับ
แท่งร้อนของเขาที่พองฟูจากการปลุกเร้า แล้วจึงกรีดลงมาตามร่องจนกระทั่งถึงปากทาง ดินดันเอวสอด
ประสานเข้าไปช้าๆ
“ดิน อ๊า เสียวเหลือเกิน”
เพียงแค่ท่อนเอ็นสอดลึกถึงครึ่งลำไตรภูมิก็ผวาร่างเข้าหาด้วยความกระสัน ดินโน้มตัวลงมาใช้ปาก
โลมเลียยอดอกที่พุ่งชูชันรอรับอย่างรู้หน้าที่ เขาดันสะโพกพรวดเข้าไปทีเดียวจนสุดเรียกเสียงระงมไม่ขาดปาก
จากไตรภูมิที่โอบรัดเขาไว้แน่น
“ร้อนเหลือเกิน ช่องทางของคุณพุ่ม มันเผาไหม้ไอ้ดินจนอยู่เฉยไม่ได้แล้วขอรับ”
ดินผุดลุก เขาดันร่างไตรภูมิจนแทบจมไปกับเบาะหนัง จับต้นขาแน่นมือยกสูง เอวสอบชักเข้าออก
แต่ละครั้งสุดลำเนื้อกายเสียดสีจนไตรภูมิหอบหนัก
“ฮัก ฮัก ดิน แรงๆ เลยครับดิน จะแตกแล้ว อ๊า”
ไตรภูมิปรือตาฉ่ำหวานอย่างสุขสมแต่ดินก็ยังไม่หยุดปรนเปรอ ไตรภูมิทิ้งกายลงไปทอดตัวนอนยาวกับ
โซฟารับแขกให้ดินจุดไฟครั้งใหม่โดยไม่ทันสังเกตสายตาของดินที่ลุกวาบจนทอแสงเมื่อจ้องมองไปด้านนอก
ของตัวบ้านทั้งที่ยังไม่หยุดขยับเอว
“เหวออ”
สิ่งมีชีวิตที่กำลังหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ถึงกับตาเหลือก อาวุธถึงกับล้มก้นจ้ำเบ้าเมื่อร่างกายสูงใหญ่นั้น
หันขวับมายังตน ดวงตาสีขาววาบทำให้เขาแทบหมดสติ แต่เหมือนอะไรบางอย่างจะยึดใบหน้าของเขาจนขยับ
ไม่ได้ทำให้เขาต้องมองไตรภูมิกำลังร่วมรักอยู่กับอมนุษย์ ราวกับว่าสิ่งที่ขับเคลื่อนอยู่บนร่างกายไตรภูมิจะ
แสดงความเป็นเจ้าของให้อาวุธได้รู้
อาวุธไม่นึกว่าการแอบติดตามไตรภูมิมาถึงบ้านแล้วซ่อนตัวเพื่อสืบความผิดปกติจะทำให้เขาได้เห็นสิ่ง
ไม่คาดคิด เขาพยายามตั้งสตินึกถึงบทสวดมนต์ที่พอจะนึกขึ้นได้อย่างลางๆ ทันใดนั้นแรงที่ยึดไว้ก็หายไป อาวุธ
รีบลุกแล้วโกยออกจากเขตรั้วบ้านไปยืนหอบอยู่ด้านนอก
ไตรภูมิกลายเป็นเมียผี!
อาวุธไม่อยากจะเชื่อ
แต่ที่เห็นกับตาก็ยืนยันได้
เขาต้องหาวิธีให้ไตรภูมิหลุดออกจากไอ้เหนือมนุษย์ที่กำลังครอบงำอยู่ให้ได้
“เกิดอะไรขึ้นกับผมและดินหลังจากวันที่ตกลงไปในน้ำแล้ว เอ่อ สาบานรักกันอยู่ใต้ต้นไทร”
ไตรภูมิเอ่ยถามในขณะที่ย้ายมานอนกอดก่ายร่างเย็นอยู่บนเตียงนอนแล้ว แม้ว่าเวลาผ่านไปค่อนคืน
และผ่านบทรักจนเหนื่อยอ่อน ไตรภูมิก็ยังไม่อยากหลับ เขาอยากจะอยู่ใกล้ชิดดินให้มากที่สุดทั้งที่ตอนนี้เขา
แทบลืมตาไม่ขึ้นแล้วก็ตาม
“ท่านเจ้าคุณของคุณพุ่มเร่งรัดงานแต่งงานให้เร็วขึ้นขอรับ คุณพุ่มบ่ายเบี่ยงจนทะเลาะกันท่านเจ้าคุณ
ไปหลายยก”
ดินจูบที่ขมับของไตรภูมิ พลางกระชับวงแขนของคนที่คล้อยหลับราวกับจะเห่กล่อมให้ฝันดี
“ดิน อา แรงอีกเถิดดิน”
ร่างบอบบางบิดกายจนเอวแทบขาดอยู่บนเตียงนอนภายในห้องหับรโหฐานของตน บ่าวคนสนิทที่
กลายเป็นเจ้าของดวงใจกัดฟันทะยานเร่งเร้าจนเสาเตียงโยกไหว
“คุณพุ่ม อา หวานเหลือเกิน ตอดรัดไอ้ดินแทบขาดแล้ว”
“ดิน ฮัก ฮัก ดิน ข้าจะขาดใจเสียแล้ว เอ็งเร่งนำข้าขึ้นสวรรค์เสียทีเถิด”
ไอ้ดินบ่าวไร้ที่มาสูดลมหายใจลึกรับคำแข็งขันพลางขยับเอวกระแทกนายเหนือหัวเรียกเสียงครางหนัก
หน่วง เนื้อกายเบียดแนบไม่มีช่องว่างร่างกายเหนียวหนับไปด้วยเหงื่อชื้นและคราบรักที่ผ่านมาไม่รู้กี่ยกในค่ำ
คืนนี้ มันจงใจควงเอวหมุนคว้านกระแทกจุดสำคัญเสียถนัดถนี่ก่อนเร่งเอวสาวลึกจนคุณพุ่มของมันกลั้นใจแล้ว
ปล่อยทำนบจนแตก ไอ้ดินไม่รอช้าดันเอวย้ำลึกรับแรงตอดถี่ยิบก่อนแช่ค้างเมื่อติดตามนายของมันขึ้นสวรรค์ไป
ติดๆ ร่างกำยำคล้ำไอแดดโผลงโซซบไปบนร่างขาวของคุณพุ่มพากันหอบกระเส่าแข่งกัน
“อ้ายพุ่ม อ้ายลูกสารเลว”
เสียงกำแหงหาญดังขึ้นหน้าประตูจากนั้นแม้บานประตูจะลั่นดาลไม้ก็มิอาจขัดขวางอารมณ์ราวกับ
ไฟไหม้ป่าของเจ้าคุณวิเชียรอัครภาคที่ก้าวเข้ามายืนจังก้าอยู่กลางห้อง ดวงตาเมื่อยามเห็นบุตรชายเพียงคน
เดียวนอนทอดกายให้ไอ้บ่าวต่ำต้อยยังตระกองกอดประสานกายอยู่บนเตียงนั้นราวกับจะพุ่งไปบีบคอให้แหลก
คามือ คุณหญิงพร้อมผู้เป็นภรรยาและมารดาของพุ่มถึงกับลมจับอยู่หน้าห้อง
“เจ้าคุณพ่อ”
พุ่มผวา เขารีบดันกายหนักของไอ้ดินออกจากตัวพลางคว้าผ้านุ่งมาคลุมท่อนล่าง ในขณะที่ไอ้ดินกลับ
ถูกคนของบิดากรูกันมายึดจับท่อนแขนไพล่หลังแล้วกดร่างลงกับพื้นห้อง พุ่มถลาเข้ามากันไม้ตะพดที่ฟาดลง
มาด้วยแผ่นหลังของเขา
“โอ๊ย!”
“พุ่ม ลูกแม่ อย่าขวางเจ้าคุณพ่อเลยลูก”
มารดารีบก้าวเข้ามาห้ามทั้งน้ำตา เมื่อเห็นผู้เป็นสามีโกรธหนักเหลือเกิน
“มึงมันชั่ว มันเลวทั้งนายทั้งบ่าว” ท่านเจ้าคุณฟาดไม้ตะพดลงบนแผ่นหลังของไอ้ดินไม่ยั้ง เสียงไม้
กระทบเนื้อและไอ้ดินที่กัดฟันกลั้นเสียงร้องเอาไว้ทำให้พุ่มถึงกับร้องไห้ออกมาแต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงบิดา
ได้ เมื่อหนำใจท่านเจ้าคุณจึงหันมาชี้หน้าบุตรชายด้วยไฟโทสะ
“มึงด้วยอีกคน มึงเป็นชายแต่กลับมานอนทอดกายให้บ่าวของมึง หากรู้ไปถึงไหนก็คงจะอายไปถึงนั่นที่
บุตรชายของเจ้าคุณวิเชียรอัครภาคกลายเป็นพวกวิปริตผิดเพศให้ฟ้าผ่า”
“ท่านเจ้าคะ พอเถิดเจ้าค่ะ เท่านี้ลูกก็เจ็บปวดแล้ว” คุณหญิงพร้อมเอ่ยทั้งน้ำตา
“ก็เพราะหล่อนนั่นแหละแม่พร้อม เลี้ยงลูกอยู่ในอกจนมันผิดเพศ ความผิดของหล่อนแท้ๆ”
เจ้าคุณวิเชียรฯ เอ่ยปากเสียงดัง
“อีกเจ็ดวันข้างหน้ามึงเตรียมเข้าหอกับแม่ละมัย กูจะเร่งงานวิวาห์เสียให้เรียบร้อยระหว่างนี้ขังมันไว้แต่
ในห้องนี้ยกข้าวยกน้ำมาให้มันกินอย่าให้มันได้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวัน ส่วนไอ้ดินพวกมึงเอามันไปโยงกับขื่อ
ตากแดดตากลมอยู่ที่ท้ายเรือนอย่าให้มันหนีไปได้”
“ไม่นะ ดิน”
“คุณพุ่ม”
พุ่มผวาเข้ากอด น้ำตาไหลราวกับสายน้ำ คำพูดสุดท้ายก่อนที่ดินจะถูกพาออกไปพุ่มกระซิบที่ข้างหู
แผ่วเบา
“หนีไปดิน ไปรอที่คุ้งน้ำในคืนวันแต่ง ข้าจะหนีไปพร้อมกับเอ็ง”
มีต่ออีกนิด