ตอนที่ 11 (ครึ่งแรก)
วันนี้เป็นวันหยุด แต่ผมกลับไม่ได้หยุด นั่นเป็นเพราะ ...โปเต้มีถ่ายแบบ ที่น้องแป้งขอร้อง (น้องคนที่มาขอให้โปเต้ไปเป็นนายแบบ) แล้วโปเต้ก็ลากผมมาด้วย บอกว่าผมเป็นคนรับปาก แล้วผมก็ต้องมา
เราอยู่ที่สตูลดิโออะไรสักอย่างก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าพี่ชายของแฟนน้องแป้งเป็นเจ้าของ ซึ่งมันก็ใหญ่อยู่นะ
ผมกำลังนั่งมองโปเต้ที่กำลังแต่งหน้าอยู่ ภาพเซ็ทแรก โปเต้จะใส่เพียงกางเกงยีนส์ตัวเดียว เปลือยท่อนบนโชว์กล้าม ทำเอาน้ำลายคนแถวนั้นหกกันเป็นแถว แต่ไม่ใช่ผมนะ ผมไม่หื่นขนาดนั้น
และวันนี้ทั้งวันก็ชุลมุนวุ่นวายกันไปเลยทีเดียว โปเต้ต้องถ่ายทั้งหมดสามเซ็ท ผมที่ยืมมองก็พอจะเข้าใจว่าทำไมน้องแป้งถึงเลือกโปเต้มาเป็นนายแบบ นั่นก็เพราะ...โปเต้หล่อทุกมุมจริงๆ ไม่ได้อวยเพราะรู้จักกันนะ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แม้ว่าทุกรูปที่ถ่าย หน้าของโปเต้จะไม่มีรอยยิ้มสักรูปเลยก็ตาม
“พี่ติณณ์ค่ะ หนูวานไปซับเหงื่อพี่นภัทรให้หน่อยได้มั้ยคะ” น้องแป้งที่เป็นคนถ่ายภาพหันมาบอกผม
“พี่?” ผมน่ะเหรอ??
“ค่ะ”
ผมเหรอ ...เออ ผมก็ได้
ผมเดินไปหยิบดึงทิชชูจากกล่องแถวนั้นออกมาสองแผ่น ก่อนจะเดินไปหาโปเต้ ตอนนี้โปเต้อยู่ชุดเซ็ทที่สาม เซ็ทสุดท้ายแล้วครับ ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ กับกางเกงขาเดฟสีดำเข้ารูป ดูเท่ไปอีกแบบ ทั้งที่โปเต้ไม่ต้องแต่งตัวอะไรมากเลยแท้ๆ แต่ทำไมมันดูดีจังว่ะ
“จะซับเหงื่อนะ” ผมบอกโปเต้เป็นเชิงขออนุญาตก่อนจะเอื้อมมือขึ้นไปซับเหงื่อที่หน้าของโปเต โดยที่โปเต้ก็ก้มหน้าลงมาให้ผมเช็ดสะดวกขึ้น
“.....”
“นี่!” ผมร้องขึ้นเบาๆ จะไม่ให้ร้องได้ไง ก็โปเต้เอาแต่จ้องหน้าผมอ่ะ
“.....” โปเต้เลิกคิ้วเล็กน้อย เหมือนจะถามว่ามีอะไร
“จ้องทำไม”
“จ้องไม่ได้??”
“ก็แล้วจะจ้องทำไมล่ะ”
“จ้องหน้า ‘แฟน’ ไม่ได้เหรอ”
“.....” อ่า...ไปไม่เป็นเลยผม
“.....” แล้วโปเต้ก็เอาแต่จ้องผม ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก
ทำหน้าราวกับกำลังสนุกที่เห็นผมไปไม่เป็น
เพี๊ยะ!
“โอ๊ะ!” โปเต้ร้องโอ๊ะเบาๆ ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต้มความสูง นั่นเป็นเพราะผมดีดหน้าผากเขาครับ เหอะๆ สมน้ำหน้า
“หึ...” หัวเราะหึเดียว แล้วผมก็เดินออกมา เพื่อให้น้องแป้งได้ถ่ายโปเต้ต่อ แต่น้องแป้งกลับบอกว่าเสร็จแล้ว
“เดี๋ยวพี่นภัทรเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยนะคะ เอ่อ...ตอนนี้หนูยังมีเงินไม่เยอะ คงไม่มีค่าตัวให้พี่ ยังไงก็ให้หนูได้เลี้ยงข้าวพี่นะคะ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก” โปเต้ตอบน้องแป้ง
“ไม่เป็นไรไม่ได้ค่ะ ให้หนูเลี้ยงข้าวสักมือนะคะ” น้องแป้งทำหน้าอ้อนวอนสุดๆ คงจะเกรงใจโปเต้มากๆเลยทีเดียว
“ถามติณณ์” โปเต้บอกน้องแป้งอย่างนั้น ก่อนจะหันไปหากระจกแล้วเช็ดเอาเครื่องสำอางที่หน้าออก
“พี่ติณณ์คะ นะคะ...ให้หนูเลี้ยงข้าวพวกพี่นะ”
“ก็ได้ครับ” เลี้ยงข้าวมันก็ไม่ได้น่าเสียหาย ไม่เห็นต้องคิดหนัก แล้วทำไมโปเต้ต้องให้น้องเขามาถามผมด้วยเนี่ย
“ดีมากเลยค่ะ เดี๋ยวหนูขอออกไปโทร.หาแฟนหนูก่อน เราจะได้ไปพร้อมกันเลย
“...ติณณ์” อยู่ๆโปเต้ก็เรียกผม
“.....” ผมหันไปดูก็พบว่าโปเต้กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า มันเป็นแบบผ้ากั้นเอาไว้รูด ไม่ใช่เป็นห้องแบบบานประตู
“มานี่” โปเต้เรียกผม ทำเอาช่างแต่งหน้าแถวนั้นมองเราเป็นตาเดียว
“อะไร” ผมเดินไปใกล้ๆก่อนจะถาม
“....” โปเต้ไม่ตอบ แต่ดึงผมให้เข้าไปด้วยกันแทน ก่อนจะรูดม่านปิด แอบได้ยินช่างแต่งหน้ากรี๊ดเบาๆ
“...จะทำอะไรน่ะ” ผมรีบถามโปเต้ แต่ไม่กล้าเสียงดัง
“...ซิปรูดไม่ได้” โปเต้บอกผม
เอ่อ....แล้วจะให้ผมทำยังไงอ่ะ
“ลองรูดแล้วรึยัง” ผมถามเสียงเบา
“ลองแล้ว”
“...เฮ้อ ไหนผมขอดูหน่อย” ผมว่าก่อนจะก้มไปดู อืม...มันก็เหมือนซิปนะ
“...ช่วยหน่อย” โปเต้เอ่ยบอกผม ...ว่าอะไรนะ?
“ห๊ะ?”
“ช่วยหน่อย เจ็บนิ้วหมดแล้ว” โปเต้ว่าก่อนจะโชว์มีที่มีรอยแดงเถือกให้ผมดู
“...เอาจริงดิ” ผมถามย้ำ คือผมไม่ได้คิดอะไรเลยนะ ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ ...ไม่ได้คิด ...มั้ง
“อืม”
“เอ่อ ...งั้น ขอโทษนะ” ผมเอ่ยบอกโปเต้ ก่อนจะเอื้อมมือไปช่วยรูดซิป
เออ ...ไม่ออกจริงๆว่ะ
“ทำไมไม่ออกล่ะ” ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ
“...ไม่ออกเหรอ” โปเต้เอ่ยถามผม
“ไม่ออกอ่ะ แป๊บนะ” ผมพยายามช่วยแกะ ทั้งงัด ทั้งพยายามดึง ทั้งพยายามรูด ...เอ่อ หมายถึงรูดซิปกางเกงนะ อย่าคิดเป็นอื่นเด็ดขาด
“ติณณ์ ...ได้มั้ย”
“ยัง ...อย่าเร่งสิ”
ทำไมในนี้มันร้อนจังว่ะ ทั้งเหงื่อผมแล้วเหงื่อของโปเต้ไหลออกมาอย่างกับเขื่อนแตก
และในที่สุด...
“ไม่ออกอ่ะ” ผมร้องขึ้น เมื่อพยายามเท่าไหร่ก็รูดซิปไม่ได้สักที
“ทำไงดี” เป็นครั้งแรกที่โปเต้พูดด้วยน้ำเสียงที่เซ็งสุดๆ
“เดี๋ยวผมออกไปขอให้คนอื่นช่วย” ผมยืดตัวขึ้นเต็มความสูง แล้วเงยหน้าพูดกับโปเต้
“ออกไปด้วยกันนี่แหละ” โปเต้ว่าก่อนจะรูดม่านออก แต่ก็ต้องผงะ เมื่อช่างแต่งหน้า คอสตูม น้องแป้ง และแฟนของน้องแป้งดันอยู่ตรงหน้าพวกผม
อย่าบอกนะว่าก่อนหน้านี้ สี่คนนี้แอบฟังพวกผมน่ะ
“เอ่อ...คือ พวกเราจะมาตามพวกพี่น่ะค่ะ เห็นว่าหายกัน....ไปนาน” น้องแป้งเป็นคนตอบ ด้วยท่าทางที่รนรานสุดๆ อืม...น่าเชื่อถือมาก แต่ก็ช่างมันเถอะ
“คือ...ซิปกางเกงขอโปเต้มันรูดไม่ได้ ใครก็ได้ช่วยหน่อย” ผมเอ่ยบอกกับทุกคน พลางปาดเหงื่อที่อยู่บนหน้า
“...ซิปรูดไม่ได้?” ทั้งสี่เอ่ยทวน ก่อนที่จะหน้าแดงกันในเวลาต่อมา
เฮ้ย! คิดไปถึงไหนว่ะ
“คือโปเต้เขาจะเปลี่ยนเสื้อน่ะ แต่รูดซิปไม่ได้ เลยเรียกให้ผมช่วย ...แต่ซิปมันก็ยังรูดไม่ได้อยู่ดี” ผมรีบบอกกับทุกคน ก่อนที่ทุกจะจิ้นกันไปไกล
“...เอ่อ เหรอคะ?” เป็นน้องแป้งที่พูดขึ้นคนแรก
“ครับ”
และสุดท้ายทุกคนยกเว้นน้องแป้ง (น้องเขาเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวครับ) ก็ช่วยกันรูดซิปกางเกงที่โปเต้ใส่อยู่ กว่าจะรูดได้ก็นานอยู่เหมือนกัน พบว่าซิปบางซี่มันแตกออกมา เวลารูดแล้วมันติด เลยทำให้รูดซิปไม่ได้
และเรื่องนี้มันก็ทำเอาโปเต้หงุดหงิดไปเหมือนกัน น้องแป้งเองก็ได้แต่ขอโทษ แม้ว่าโปเต้จะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่สีหน้านี่ไม่ใช่เลยครับ ผมเลยบอกน้องแป้งว่าเรื่องจะเลี้ยงข้าวไว้ค่อยเป็นวันหลังก็แล้วกัน เพราะวันนี้โปเต้เองก็เหนื่อยมากแล้ว เดี๋ยวจะพาลอารมณ์เสียหนักกว่าเดิม ซึ่งน้องแป้งเองก็เห็นด้วยมากๆ
“ผมขับให้มั้ย” ผมเอ่ยถามโปเต้เมื่อเราเดินมาที่รถ
“ไม่เป็นไร” โปเต้ตอบก่อนจะแทรกตัวเข้าไปนั่งที่คนขับ ผมจึงต้องขึ้นรถตามเขา
“หิวมั้ย” โปเต้เอ่ยถามผมหลังจากที่เราออกมาจากสตูลดิโอของแฟนน้องแป้งแล้ว
“นิดหน่อย”
“หาอะไรกินก่อนก็แล้วกัน”
“ก็ดี”
“อยากกินอะไร”
“...อะไรก็ได้” ผมตอบเพราะไม่อยากเรื่องมาก ความจริงคือนึกไม่ออกด้วยแหละว่าอยากจะกินอะไร
“มันมีขายที่ไหน” โปเต้ถามกลับเสียงเรียบ แต่รูปประโยคนี่กำลังกวนตีนผมเลย
ได้ ...เล่นอย่างงี้ใช่
“ในโลกมนุษย์นี่แหละ หาไม่ยาก” ผมก็ตอบเขาด้วยสีหน้านิ่งๆเหมือนกัน
“คงไม่ใช่ใต้ฟ้าบนดิน มีถนนหน้าร้านหรอกนะ” โปเต้ว่าอย่างดักทาง
“ใต้ฟ้าบนดินแต่อยู่ติดแม่น้ำต่างหาก”
หลังจากนั้นเราทั้งสองก็มองหน้ากัน
โปเต้ยิ้มมุมปากให้ผม
ส่วนผมก็ยิ้มแบบขำๆให้โปเต้
เป็นครั้งแรกที่เราต่างคนต่างยิ้มให้แก่กันและกัน ...
***************************
FANPAGE
https://www.facebook.com/pages/Pawaree/1548716445345046 (ftp://www.facebook.com/pages/Pawaree/1548716445345046)