เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]  (อ่าน 272426 ครั้ง)

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
สงสารดาริล  เธออ่อนต่อดลกมากไป
โทษเร็นไม่ได้หรอก ใครมันจะไปรู้เด้

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

 ต้องด่าคาซึกิ พาดาริลมาเจอภาพบาดตาขนาดเน้ :m16:  สงสารดาริลอ่ะ :ling1:

ออฟไลน์ myapril

  • Tomorrow
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-3
เปลี่ยนกันเปนฝ่ายเจ็บใช่ไหมสองนี้
ตอนนี้สงสารดาริล

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
แง้ว เร็นพลาดแรงอ่ะตอนนั้น ก็วัยหนุ่มนี่นะ แฟนก็ไม่มี
แต่สงสารคุณดาริลมาก ฮรืออออ อุตส่าห์รอมาตลอด
ชีวิตคนรวยนี่มีความสุขยากจริง

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
น่าสงสารดาริล แต่เร็นก็ไม่ผิดตอนนั้นนางยังไม่ได้ชอบผู้ชายนี่น่า
มีอะไรกับผู้หญิงก็ไม่แปลกหรอก เข้าข้างสุดฤทธิ์

ออฟไลน์ Kalamall

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
 :hao5: ฮื้อฮือเรื่องมันเศร้า คุณเลขานี้น่ะน่าตีจริงเลย~

ออฟไลน์ subbeau

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารหนูดาริลมากๆ เราจะไม่โทษเร็น(หรอกมั้ง)  แต่จะเคืองคุณเลขาแทน  :katai1:

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 17 : คู่หมั้น


ณ ตึกสูงเสียดฟ้าซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่เครือบริษัทรอส

ร่างผอมบางนั่งอยู่หลังโต๊ะตัวเขื่องที่เต็มไปด้วยแฟ้มงาน ใบหน้าสวยหวานนั่นแทบจะไม่ได้เงยขึ้นมาเหนือกองเอกสารพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย จนท้องฟ้าด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีหม่น พนักงานประจำในบริษัททยอยกันกลับบ้านกันไปจวนจะหมดแล้ว

ก๊อกๆ

ชายสูงวัยในชุดสูทราคาแพงระยับก้าวเข้ามาในห้องหลังเสียงเคาะประตูนั้น

“ไง ดาริล ขยันทำงานจริงนะ หลานตา”

ดาริลวางเอกสารในมือลง แล้วยืนขึ้นต้อนรับคุณตา “สวัสดีครับคุณอเล็กซิส มีอะไรด่วนรึเปล่าครับถึงต้องลำบากเดินทางมาถึงที่นี่”

"อเล็กซิสอะไร นี่เวลาเลิกงานแล้ว" ชายสูงวัยติง "ตาจะชวนแกไปกินข้าว ชวนทางคุณฟูจิฮาระเอาไว้แล้ว”

ดาริลชะงัก ช่วงนี้ดูเหมือนว่าคุณตาจะพยายามให้เขาสนิทสนมกับทางครอบครัวฟูจิฮาระมากเหลือเกิน ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะคู่หมั้นของเขา คาโอรุ คือลูกสาวคนเดียวของตระกูลฟูจิฮาระ แต่นี่ ท่าทางเร่งรัดให้ไปพบกันบ่อยๆ ขนาดนี้... แสดงว่าคงใกล้เวลามากแล้ว เนื่องจากพวกเขาต่างจบการศึกษาและเข้าประจำตำแหน่งในบริษัทของครอบครัวเรียบร้อย ดังนั้นอิสระของเขาและเธอ คงกำลังจะถูกลิดรอนไปในไม่ช้า

“...ไปที่ร้านไหนดีครับ เดี๋ยวผมจะไปรับคาโอรุเอง” ชายหนุ่มพูดพร้อมยิ้มบาง เขาชินกับบทบาทคู่หมั้นหนุ่มที่แสนดีนี่แล้วล่ะ


ฟูจิฮาระ คาโอรุ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเขาย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นใหม่ๆ พวกเขามีสถานะและฐานะเดียวกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน อยู่กลุ่มเดียวกัน นั่นจึงเป็นหนึ่งในหลายสาเหตุที่ทำให้เขากับเธอ... ถูกบังคับให้หมั้นหมายกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ไฮสคูล พวกเขารักกันก็จริง แต่ก็ฉันเพื่อนเท่านั้น และไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปได้มากกว่านี้

ดาริลยังจำได้แม่น เมื่อทั้งสองรู้ว่าผู้ใหญ่ตกลงให้หมั้นหมายกัน พวกเขาเพิ่งจะขึ้นชั้นไฮสคูลปีหนึ่งเท่านั้น ทั้งสองจึงนำเรื่องหมั้นหมายนั้นมาปรึกษากันที่โรงเรียน ต่างคนต่างนั่งหมดแรงอยู่บนพื้นที่ด้านหลังห้อง สองมือประสานกันไว้หลวมๆ

“...ขอโทษนะ ที่เรื่องมันเป็นแบบนี้”

คาโอรุยิ้มบาง “ไม่ใช่ความผิดของนายสักหน่อย... อย่าทำหน้าอย่างงั้นสิ” 

เด็กหนุ่มหันไปสบสายตากับเธอ “แต่คาโอรุ แล้วรุ่นพี่ซาโต้...”

“...ฉันบอกเขาไปแล้วล่ะ... เขาก็ตกใจน่าดู” เธอเงยหน้าขึ้นพิงศีรษะไว้กับกำแพง “ดาริล... ฉันเพิ่งเคยเห็นไดอิจิร้องไห้เป็นครั้งแรก เขาบอกว่า เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าฉันคงจะต้องถูกผู้ใหญ่จับแต่งงานกับใครที่มีหน้ามีตาในวงสังคมเข้าสักวัน แต่โชคดีที่คนคนนั้นคือนาย เขาเลยวางใจ...” หยดน้ำตาใสๆ รินไหลออกมาจากดวงตาของเธอช้าๆ

“หมายความว่ายังไง”

“...เขาบอกว่ายังไงก็ไม่มีทางสู้นายได้” เสียงของเธอแหบพร่า

ดาริลรู้ดีว่าเพื่อนรักเสียใจมากเพียงไหน น้ำตาของเธอทำให้เขาเจ็บปวดไปพร้อมกับเธอด้วย คาโอรุคบหากับรุ่นพี่ที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อว่า ซาโต้ ไดอิจิ พวกเขาดูเหมาะสมกันดี แล้วเขาก็ให้เกียรติ คอยดูแลและทำให้คาโอรุมีความสุขอย่างสม่ำเสมอ แต่ครอบครัวของไดอิจิเป็นครอบครัวธรรมดา ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีหน้ามีตาในสังคมอย่างที่ครอบครัวฟูจิฮาระต้องการ

คาโอรุเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่สาวและน้องสาว เธอเป็นคนน่ารัก ฉลาด อ่อนโยน และจิตใจดี เป็นเพื่อนคนแรกที่ยื่นมือเข้ามาหา ปกป้องและยืนเคียงข้างเขา

...เมื่อครั้งที่ย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆ ดาริลเพิ่งเรียนภาษาญี่ปุ่นได้ไม่นานก็ต้องมาเข้าเรียนชั้นจูเนียร์ไฮสคูลในโรงเรียนที่ดีที่สุดที่มารดาบุญธรรมและคุณตาเลือกให้ แน่นอนว่าเขาแตกต่างไปจากนักเรียนทุกคน เพราะเป็นชาวต่างชาติที่มีผมสีทองและดวงตาสีเขียว ทำให้ถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ราวกับเป็นตัวประหลาด... ในตอนนั้นไม่มีใคร ไม่มีเลยสักคนที่จะเข้ามาทักทาย


(ย้อนกลับไปเมื่อตอนเข้าโรงเรียนใหม่ๆ)

ช่วงวันแรกๆ ที่ต้องนั่งอยู่ตามลำพังคนเดียว นั่งรับประทานอาหารคนเดียว ดาริลนึกอยากกลับไปที่อังกฤษใจจะขาด แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น

ขณะที่นั่งเบื่อๆ อยู่บนม้านั่ง เด็กผู้หญิงท่าทางขี้อายคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา เธอตื่นเต้นจนใบหน้าซีดเผือดและเอ่ยทักทายเขาเสียงสั่น “...ฮะ... เฮล... โล... ฮาวดู... ยูดู?”

ดาริลหัวเราะกับท่าทางของเธอ หากเมื่อเด็กหญิงเห็นว่าเขาหัวเราะ เธอก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้

ในเวลาเดียวกันก็มีเด็กนักเรียนในชั้นก้าวเข้ามาดึงแขนเธอออกไป อีกคนเดินมากระชากคอเสื้อเขาแล้วตะคอกใส่ “นึกว่าเป็นฝรั่งแล้วจะหัวเราะเยาะคนอื่นได้รึไง! โดนสักทีดีมั้ยแก!” พร้อมกับง้างหมัดขึ้น

“หยุดนะ!” เด็กหญิงที่ดูอ่อนแอคนนั้นสลัดแขนให้หลุดออก แล้ววิ่งเข้ามารั้งหมัดไว้ “ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้นะ!”

“ฟูจิฮาระ! แต่ไอ้หมอนี่มันหัวเราะเยาะเธอนะ! มันหยิ่งนัก! มาอยู่โรงเรียนของคนญี่ปุ่นแท้ๆ ต้องสั่งสอนให้รู้จักเจียมตัวซะบ้าง!”

“ถ้านายชกเขา! ฉันจะไปฟ้องครูใหญ่! เขาเป็นนักเรียนใหม่นะ นายต้องต้อนรับเขาสิ!” มือเล็กของเธอผลักเด็กชายตัวโตสุดแรง “บอกให้ปล่อยไง!” หากเพราะตัวเธอเล็กกว่าเด็กชายคนอื่นๆ มาก พอออกแรงผลักแรงหน่อย กลับเป็นตัวเธอที่กระเด็นออกไปล้มลงบนพื้น

ดาริลปัดข้อมือของมือที่ขยุ้มคอเสื้อตัวเองอยู่ออกอย่างแรง “ปล่อย”

อีกฝ่ายชะงัก พลางคลายมือออก ไม่คิดว่าดาริลจะเข้าใจภาษาญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำ “เฮ้ย!”

“ถ้าทำให้รู้สึกแย่ ก็ขอโทษด้วย” ดาริลพูดเสียงเรียบ ก่อนจะก้าวไปทางเด็กหญิงที่นั่งจุมปุ๊กอยู่บนพื้น แล้วส่งมือให้เธอใช้จับยึด “ขอโทษที่หัวเราะ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้รู้สึกไม่ดี แค่คิดว่าคุณพยายามพูดได้น่ารักดี”

คาโอรุเลิกคิ้วขึ้น พวงแก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธอจับมือเขาพร้อมกับลุกขึ้น แต่พอลุกแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อย เด็กหญิงบีบมือของดาริลแล้วเชกแฮนด์รัวๆ “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฟูจิฮาระ คาโอรุ ฝากตัวด้วยนะ”

ดาริลค้อมศีรษะลง “รอส ดาริล ครับ”

เด็กหญิงยิ้มกว้าง ดวงตาของเธอเป็นประกายสดใส “ชื่อเป็นฝรั่งเลย แต่คุณรอสพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งมาก แล้วคุณพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย”

เด็กชายหัวเราะ “ภาษาญี่ปุ่นผมยังไม่ค่อยดีหรอกครับ ถ้าพูดอะไรผิดก็ขอโทษด้วย... but I think I can speak English fluently. (แต่ผมคิดว่าผมสามารถพูดอังกฤษได้ดีทีเดียว)"

คาโอรุเบิกตาโพลง เธอเพิ่งเคยได้คุยกับคนที่มีสำเนียงภาษาอังกฤษแบบบริติชเป็นครั้งแรก “โอ้โห!! เหมือนฝรั่งเลย สุดยอด!”
นั่นเป็นการเริ่มต้นมิตรภาพของทั้งสอง ซึ่งดำเนินอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน


(กลับมาในห้องเรียน)

“แล้ว... นายตอบรุ่นพี่ไปว่าไง”

“...ฉันบอกเขาว่า ฉันรักนายนะ ดาริล แต่เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น...” ไหล่เล็กของเธอสั่นน้อยๆ “นายล่ะ ถ้าต้องแต่งงานกับฉันจริงๆ นายจะทำไง”

“...ฉันเหรอ... ยังไงก็ได้ ถึงยังไงก็คงไม่มีโอกาสได้เลือกเอง เอาจริงๆ ให้แต่งกับนายก็ยังดีกว่าแต่งกับคนอื่น” ดาริลเสตาหลบ “...แต่ฉันไม่อยากให้นายเสียใจ เพราะนายรักรุ่นพี่ซาโต้ ส่วนฉันน่ะ คงไม่มีวันจะรักใครอย่างคนรักได้หรอก”

“ดาริล! ทำไมพูดอย่างนั้น” คาโอรุตบไหล่เพื่อนรักป้าบใหญ่

“โอ๊ย!” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบบริเวณที่ถูกตี

“อย่าพูดเหมือนนายเป็นคนสิ้นหวังอย่างนั้นสิ! สักวันนายจะต้องเจอคนที่นายรักเหมือนกันแน่ๆ” เธอกุมมือเด็กหนุ่มแน่น “ถ้าสักวันนายพบคนที่นายรัก ฉันจะเป็นที่ปรึกษาหัวใจให้กับนายเองนะ”

“ทีอย่างนี้ล่ะ เข้มแข็งขึ้นมาเชียว” ดาริลหัวเราะ “เรื่องของตัวเองน่ะ เอาให้รอดก่อน... จะเอาไงกับรุ่นพี่ซาโต้ล่ะ”

คาโอรุชะงัก แล้วพูดเสียงอ่อย “...ไดอิจิขอเวลาแยกกันสักพัก...”

เด็กหนุ่มดึงร่างเล็กเข้ามากอด “คาโอรุ เรื่องหมั้นของเรา ยังไงก็แค่หมั้น อนาคตจะเป็นยังไง ไม่มีใครรู้หรอก” จากนั้นจึงผละออกแล้วลุกขึ้น พร้อมกับส่งมือให้เพื่อนสาว “...ไป... ไปหารุ่นพี่กัน ฉันจะพูดกับเขาให้เข้าใจเอง”

หลังเลิกเรียนวันนั้น ดาริลสั่งให้คนขับรถขับพาเขากับคาโอรุไปที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ถ้าลองบอกกับที่บ้านว่าพวกเขาออกไปด้วยกันแล้วละก็ ไม่มีใครขัดใจแน่ๆ เมื่อไปถึงที่หมาย พวกเขาก็พากันไปตามหาไดอิจิ แฟนหนุ่มของคาโอรุ แล้วพากันไปคุยในสวนที่ไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมานัก

ไดอิจิกับดาริลรู้จักกันดี พวกเขายืนประจันหน้ากัน โดยที่ไดอิจิไม่อาจสู้สายตาของเด็กหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าได้ หัวใจเขายังเจ็บกับข่าวที่เพิ่งได้รับรู้ เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองใบหน้าของแฟนสาว ซึ่งเธอก็ได้แต่ยืนนิ่ง น้ำตาไหลรินเปื้อนแก้ม

“รุ่นพี่... แค่เรื่องหมั้นนี่ ก็ทำให้รุ่นพี่ท้อแล้วเหรอครับ” ดาริลจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “คำว่ารักของรุ่นพี่มีความหมายแค่ไหนกัน กะอีแค่เรื่องหมั้น รุ่นพี่จะถอยแล้วอย่างงั้นเหรอครับ รุ่นพี่นึกถึงความสุขของคาโอรุบ้างรึเปล่า”

ไดอิจิหันมาประสานสายตากับนัยน์ตาสีเขียวที่ฉายแววขุ่นมัว “คุณก็พูดได้สิ คุณเกิดมาบนกองเงินกองทอง ในครอบครัวที่มีพร้อมทุกอย่าง! ผมจะเอาตัวเองไปเทียบกับคุณได้ยังไง!” เขากำมือแน่นจนเกร็งไปทั้งแขน “...ผมไม่สามารถซื้อของขวัญราคาแพงๆ ไม่สามารถพาคาโอรุไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป ทุกวันนี้ที่ผมมีปัญญาเรียนมหาวิทยาลัยก็เพราะได้ทุน บ้านคาโอรุไม่มีทางยอมรับผมหรอก มีแต่จะทำให้คาโอรุเสียใจเท่านั้น”

“รุ่นพี่อยากเปรียบเทียบตัวเองกับผมเหรอครับ” ดาริลพยายามระงับอารมณ์ แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ “รู้มั้ยว่าเสื้อผ้า นาฬิกา รองเท้าที่ผมใส่อยู่นี่ ราคาเท่ากับรถหรูๆ ทั้งคัน น่าอิจฉามากเลยใช่มั้ยล่ะครับ ผมสามารถซื้อเกาะทั้งเกาะให้คาโอรุได้ เพียงแค่เอ่ยปากขอคุณตา มันเลิศมากเลยใช่มั้ยล่ะครับ” เสียงที่เปล่งออกไปแหบพร่า แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด  “...แล้วรุ่นพี่เห็นมั้ยล่ะครับ ว่าคนที่มีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่างอย่างผม ไม่สามารถปฏิเสธการหมั้นหมายของผมกับคาโอรุได้ สิ่งที่รุ่นพี่เห็นทั้งหมดนี่ มันเป็นเปลือกนอกเท่านั้นละครับ ผมเป็นแค่ตุ๊กตาหุ่นเชิดตัวนึง ถูกจับให้แต่งตัว ถูกบังคับให้ทำตามคำสั่งของที่บ้าน... คาโอรุเองก็เช่นกัน! ในขณะที่พี่เลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้ สอบขอทุนไปเรียนในมหาลัยที่ต้องการ เลือกใส่เสื้อผ้าที่ใจชอบ อยากไปไหนมาไหนก็ได้ตามใจ แล้วแบบนี้! ใครกันที่น่าสงสารครับ!”

...คำพูดกับแววตาของดาริลทำให้ชายหนุ่มได้สติ “...ผม... ขอโทษ”

“รุ่นพี่ครับ รุ่นพี่เป็นคนเก่ง ผมเชื่อว่าอนาคตของรุ่นพี่จะต้องรุ่งโรจน์มากแน่ๆ เมื่อถึงเวลานั้น รุ่นพี่จะสามารถสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต ให้กับคาโอรุได้... รุ่นพี่ยังมีโอกาส ผมไม่อยากให้รุ่นพี่ยอมแพ้... พิสูจน์ความรัก ความตั้งใจจริงของรุ่นพี่ให้คาโอรุเห็นสิครับ”

ไดอิจิหันหน้าไปทางที่แฟนสาวยืนอยู่ น้ำตาของเธอส่งผลให้หัวใจของเขาปวดร้าวมากกว่าเดิมเสียอีก ก่อนจะหันกลับไปทางดาริลช้าๆ “...ผมขอโทษนะ พอได้ยินเรื่องหมั้นจากปากคาโอรุ ผมก็โมโหหน้ามืด ขาดสติแล้วยังพาลไปทั่ว... ทำตัวเหมือนเด็กๆ จริงๆ เลย” เขาค้อมศีรษะลงต่ำ “...ขอโทษที่พูดไม่ดีกับคุณ แล้วก็ขอบคุณที่เตือนสติผม”

“รุ่นพี่ครับ... ผมรักคาโอรุนะครับ เขาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม แล้วเขาก็รักรุ่นพี่มาก... ผมขอให้รุ่นพี่สัญญากับผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าอนาคตจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากแค่ไหน รุ่นพี่ต้องรักเธอ ไม่ทอดทิ้งเธอเด็ดขาด”

“ผมสัญญา” ไดอิจิตอบอย่างหนักแน่น จากนั้นจึงก้าวไปคุกเข่าลงตรงหน้าคาโอรุ “ผมขอโทษที่งี่เง่า ขาดสติ... ผมขอสัญญาต่อหน้าคุณดาริล ผมจะรัก จะทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของเรา... คาโอรุ ยกโทษให้ผมนะ ผมไม่เคยคิดอยากห่างจากคุณเลย ผมรักคุณ”

คาโอรุทรุดตัวลงโอบกอดคนที่เธอรักพลางร้องไห้โฮ “ไดอิจิ ฉันรักคุณ”

เมื่อร้องไห้จนพอใจและเข้าใจกันดีกับคนรักแล้ว คาโอรุจึงก้าวเข้ามาหาเพื่อนรักที่ยืนรอเธออยู่ห่างๆ แล้วเข้าไปสวมกอด “ขอบใจนะ ดาริล นายคือเพื่อนที่ดีที่สุด”

“เดี๋ยวรุ่นพี่ก็หึงหรอก” ดาริลหัวเราะ แล้วหันไปทางรุ่นพี่ “ขออนุญาตนะ” ก่อนจะโอบตอบร่างเล็ก

หลังจากทุกคนเข้าใจกันดีแล้ว พวกเขาจึงเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องสำคัญ

“เราจะจัดการยังไงกับเรื่องหมั้นนี่ดี” คาโอรุถอนหายใจยาว

“ผมคิดว่า... พวกคุณควรจะทำตามที่ผู้ใหญ่จัดการไปก่อน” ไดอิจิตอบหลังจากขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นาน “...เพราะถึงพวกคุณไม่หมั้นกันเอง พวกคุณก็คงจะต้องโดนจับไปหมั้นกับคนอื่นอีกอยู่ดี”

ดาริลพยักหน้าเห็นด้วย “ผมก็คิดอย่างนั้น ถ้าผมกับคาโอรุทำเป็นเออออ ตกลงไปกับการหมั้น ครอบครัวของเราก็จะไม่สงสัยอะไร อีกอย่างสำหรับผมน่ะ ไม่มีปัญหาอะไรหากพวกคุณคบกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน...”

“นั่นสินะ... เรายังพอมีเวลากว่าจะถึงวันแต่งงาน ฉันคิดว่าคงจะเป็นหลังพวกเราเรียนจบมหาลัย จนกว่าจะถึงเวลานั้น...”

ไดอิจิเอื้อมมือมาจับมือเธอไว้แน่น “เมื่อถึงเวลานั้น ผมคงจะใกล้จบด็อกเตอร์แล้ว... แล้วเมื่อผมได้เป็นด็อกเตอร์ อาชีพการงานของผมก็คงจะมั่นคง มีเงินพอที่จะสร้างครอบครัว... คาโอรุ เรามาพยายามไปด้วยกันนะ”

เด็กสาวยิ้มกว้าง “ค่ะ”

“คุณรอส... ขอโทษที่ทำให้คุณต้องวุ่นวายไปกับพวกเราด้วย แล้วก็ขอบคุณ...” ไดอิจิค้อมศีรษะลงต่ำ

“ผมไม่ได้ลำบากอะไร... ดีซะอีกที่ผมไม่ต้องปวดหัวกับการไปดูตัวบ่อยๆ แล้วก็หมั้นกับใครก็ไม่รู้” ดาริลยิ้มบาง “...แล้วที่สำคัญ คาโอรุก็มีความสุข”

“ดาริล... สักวันนายจะพบคนที่นายรัก แล้วเมื่อถึงวันนั้น ฉันจะยืนข้างนาย จะช่วยเหลือนายทุกอย่าง”

“ผมก็เหมือนกัน... พวกเราจะสู้ไปพร้อมๆ กันนะครับ”

ดาริลหัวเราะ เขาไม่คิดว่าจะมีวันนั้นหรอก เพราะหัวใจของเขา... ถูกปิดตายมานานมากแล้ว การจากไปของคนที่รักเมื่อในอดีต ทำให้ดาริลต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่ต้องการแต่ผลประโยชน์จากตัวเขาตามลำพัง ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเชื่อใจใครสักคนมากพอที่จะไว้วางใจและมอบหัวใจให้ได้ เขาสร้างเกราะหนาไว้เพื่อป้องกันตนเอง แต่ก็ตอบตกลงไปเพื่อให้ทั้งคู่สบายใจ “โอเคครับ"

ดาริลกับคาโอรุเล่นบทคู่หมั้นที่แสนดีของกันและกันไปเรื่อยๆ เมื่อเรียนจบชั้นไฮสคูล ทั้งสองก็เดินทางไปเรียนต่อชั้นมหาวิทยาลัยด้วยกันที่ประเทศอังกฤษ เบื้องหน้าดูเหมือนพวกเขาตัดสินใจไปเรียนต่อด้วยกันตามลำพัง ด้วยความที่เป็นคู่หมั้นกันอยู่แล้วจึงไม่มีใครขัดขวาง โดยที่ไม่ได้มีใครใส่ใจเลยว่า คนรักที่แท้จริงของคาโอรุ ไดอิจินั้นก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเดียวกันด้วยเช่นกัน ไดอิจิรับบทบาทเป็นรุ่นพี่คนสนิท ผู้ซึ่งคอยติวหนังสือและช่วยเหลือเรื่องการเรียนกับหนุ่มสาวทั้งสอง พวกเขาส่งต่อบทบาทและบทพูดกันอย่างแนบเนียน โดยที่คาซึกิ เลขาคนสนิทของดาริลยังไม่แสดงท่าทีระแคะระคายเลยแม้แต่น้อย


TBC~*


ชีวิตดาริลช่างน่าสงสาร  :hao5:

ตอนนี้ยังย้อนเล่าเรื่องทางฝั่งดาริลอยู่นะคะ ทำโทษน้องเร็นให้นอนเหี่ยวอย่างเดียวดายรอไปก่อน อิอิ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่ะ


ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
อุปสรรคมีไว้ให้พุ่งชนค่าา (<< คุ้นๆ :laugh: ) .. เข้มแข็งเข้าไว้นะคะดาริล~ :กอด1: ชีวิตเป็นของเราค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2015 19:27:23 โดย Mouse2U »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
คุณดารินนน ทูนหัวของบ่าววว สู้ๆน้าาา :hao5:

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
งือออ สงสารดาริล รอก่อนนะะะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น่าสงสารจุงงง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สั้นอะอยากอ่านอีก

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พวกผู้ใหญ่นี่ช่างวุ่นวายจริง ทำชีวิตคนอื่นยุ่งยากไปหมด
ดาริลสู้ ๆ นะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ถ้าเป็นเรานะ เราจะแนะไดอิจิว่าช่งที่รอเวลาเรียนจบก็ไปเรียนภาษาอังกฤษให้คล่องพอถึงเวลาวิวาห์เหาะไปเลย ถ้าหากว่าบ้านคาโอรุตามรังควาญก็ย้ายงานไปทำบริษัทฝรั่งหรือไปอยุ่กันต่างประเทศเลย  นี่ยังมีโอกาสมากกว่าของดาริลนะ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ดาริลน่าสงสารจัง เป็นลูกคนรวยก็ใช่ว่าจะดี ยิ่งมีภาระที่ต้องรับผิดชอบตระกูลด้วย สู้ๆนะ ดาริล

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sweetyswtcou

  • R.Chek SwtCou
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ดาริล :hao5: :hao5: :hao5:
ดีนะที่คู่หมั้นคือคาโอรุ :mew6:

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
สู้ๆนะทุกคน :mew1:

ออฟไลน์ Loste

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ดาริลน่าสงสาร  แล้วอย่างนี้จะเกินไงต่อ :mew6:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
 :เฮ้อ:ดาริลน่าสงสาร

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
รู้จักดาริลมากขึ้นจากตอนนี้ เป็นคนดีและน่าชื่นชมมากนะ แต่ก็น่าสงสารมากด้วยชีวิตที่เลือกเองไม่ได้
คาโอรุน่ารักจัง สรุปเป็นเพื่อนแท้กันเลย พระเอกมีหวังจริงจังค่ะ ปัญหาคือจะได้เจอกันไหมนี่

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 18 : พบกันครั้งแรก (ดาริล)


“เดี๋ยวผมจะพาคาโอรุไปส่งที่คอนโดก่อนนะครับ” ดาริลยิ้มละมุน ซึ่งในขณะเดียวกัน แขนเรียวเล็กก็สวมกอดท่อนแขนเขาอย่างเป็นธรรมชาติ คาโอรุยิ้มหวาน ส่วนดาริลก็วางมือประกบบนหลังมือเล็กอย่างรู้งาน “ผมมีเรื่องอยากคุยกับคาโอรุตามลำพังสักหน่อย”

ทางด้านผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมีหรือจะขัด “ตามสบายเลยนะ”

ทั้งคาโอรุและดาริลต่างย้ายออกมาอยู่คอนโดมิเนียมส่วนตัว แม้ทางบ้านจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่พอรู้ว่าคอนโดมิเนียมของพวกเขาตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน แล้วทั้งสองก็สัญญาเป็นอย่างดีว่าจะคอยดูแลกันและกัน ทางครอบครัวถึงได้ยินยอม

ในตอนนี้ไดอิจิกำลังเร่งทำวิทยานิพนธ์อย่างขันแข็งอยู่ที่ประเทศอังกฤษตามลำพัง หากเพราะคาโอรุอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมส่วนตัว ทั้งสองจึงสามารถติดต่อพูดคุยกันทางอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบาย

ส่วนดาริลก็มักจะแวะไปหาหญิงสาวหลังเลิกงานแทบจะทุกวัน เพราะพวกเขาวางแผนธุรกิจร่วมกันไว้

วันนี้ก็เช่นกัน เมื่อดาริลไปถึงที่พักของคาโอรุแล้ว เธอจึงจัดการติดต่อทำวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับคนรักเพื่อพูดคุยกันถึงปัญหาในตอนนี้ พวกเขาจัดห้องประชุมไว้เป็นที่ทำงานลับๆ โดยเฉพาะ

“ผมคิดว่าไม่เกินหนึ่งปี คุณตาจะต้องเร่งรัดให้แต่งงานแน่ พวกเราคงต้องเร่งมือแล้ว อืม...” ดาริลกดเรียกดูเอกสารทั้งหมดบนจอฉายสไลด์ “ตอนนี้ผมกับคาโอรุยังมีเงินไม่มากพอ เรากว้านซื้อวัตถุดิบจากทางใต้กับโรงงานแปรรูปบนเกาะทางใต้ได้ส่วนหนึ่งแล้ว กำลังเร่งติดต่อส่งออกให้กับบริษัทที่คุณไดอิจิค้นคว้ามา”

“ส่วนโรงงานแปรรูปที่เราดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ ฉันกำลังปั่นให้ราคาหุ้นขึ้นสูง อีกสักเดือนจะปล่อยลงให้คนเข้ามาช้อนซื้อ เราน่าจะได้เงินทุนเพิ่มพอที่จะบุกขึ้นมาถึงโอกายาม่าได้”

“ถ้างั้นผมจะให้รุ่นน้องช่วยกันศึกษาตลาดเพิ่ม จะส่งวิจัยให้พวกคุณภายในสัปดาห์นี้ครับ”

ทั้งสามคนเมื่อรวมตัวกันแล้วก็กลายเป็นกลุ่มของนักธุรกิจที่เก่งกาจ พวกเขาวางแผนการกันมาตั้งแต่สมัยอยู่มหาวิทยาลัย ส่วนของเงินทุนสำหรับการเริ่มต้นนั้น ดาริลและคาโอรุจัดการได้ไม่ยากนัก ด้านการบริหารงาน ดาริลมีประสบการณ์จากการติดตามและฝึกงานในบริษัทเคียงข้างคุณตากับบิดาบุญธรรม คาโอรุเองก็เช่นกัน พวกเขาแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน คาโอรุเป็นคนออกหน้าบริหารงาน ส่วนดาริลเป็นที่ปรึกษาและหุ้นส่วน ไดอิจิเป็นมันสมองและเป็นคนจัดการเรื่องงานวิจัย วิเคราะห์ต่างๆ นาๆ โดยดึงพวกพ้องที่เคยเรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัยเข้ามาช่วยสมทบอีกแรง พวกเขาเร่งสั่งสมเงินทุน สร้างความมีอิทธิพล เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากเส้นใยชักจูงของครอบครัวและได้ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ

แผนการที่พวกเขาทั้งสามวางไว้นั้น กำหนดให้ดาริลเป็นหมากตัวหลักบนกระดาน ส่วนไดอิจิจัดการคิดหาวิธีการตีกรอบ และบีบคั้นให้บิดาบุญธรรมของดาริลต้องทยอยขายหุ้นบริษัทออก จากนั้นดาริลก็จะได้ใช้เงินที่แอบลงทุนกับคาโอรุซื้อหุ้นเหล่านั้น อีกทั้งยังจัดหาโบรกเกอร์มือหนึ่งซึ่งเคยเล่าเรียนด้วยกันมาและเชื่อใจได้มาช่วยงาน พวกเขาหาทางทำให้ดาริลได้ครอบครองหุ้นส่วนใหญ่ของเครือบริษัท เพื่อที่เขาจะได้มีอำนาจสูงสุดในเครือบริษัทรอส แล้วนั่นก็จะช่วยให้ดาริลสามารถต่อรองกับฝ่ายครอบครัวของคาโอรุได้ง่ายขึ้น

“คุณดาริล ผมมีข่าวดี เพื่อนของผมที่เป็นโบรกเกอร์แจ้งมาว่าจะมีการซื้อขายหุ้นในเครือบริษัทรอสจำนวนห้าเปอร์เซ็นต์จากหุ้นทั้งหมดของคุณอัตสึชิเร็วๆ นี้”

“โอเคครับ ถ้าได้ห้าเปอร์เซ็นต์นั้นมารวมกับที่ผมขอซื้อจากพนักงานในบริษัทและส่วนที่ซื้อหามาจากตลาดได้ก็จะเป็นสิบห้าเปอร์เซ็นต์แล้ว ถือว่าพวกเราประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อยเลย ผมก็จะมีหุ้นอยู่ในมือเท่ากับอัตสึชิแล้ว” ดาริลหัวเราะอย่างพอใจ

“ตอนนี้เพื่อนผมกำลังตามซื้อหุ้นที่เปิดขายในตลาดที่เหลืออยู่นะครับ อีกไม่นานน่าจะเป็นรูปเป็นร่าง”

“ขอบคุณครับ ผมจะให้รางวัลเป็นเงินสิบเปอร์เซ็นต์ของค่าหุ้น...”

“เรื่องเงินไม่ต้องหรอกครับ คุณดาริลก็ว่าจ้างด้วยราคาพิเศษอยู่แล้ว อีกอย่างเพื่อนผมกับผมเรามีหนี้บุญคุณกัน เขาเต็มใจที่จะช่วย”

“งั้นผมจะส่งของขวัญไปให้... ขอบคุณนะครับ”

ทุกอย่างดูจะเป็นไปได้สวย หากพวกเขายังต้องการทั้งเวลาและเงินทุนอีกมาก หลังจากคุยกันเรื่องธุรกิจเสร็จอย่างเคร่งเครียดแล้ว พวกเขาจึงนั่งลงปรับทุกข์กันต่อ

“เราคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกสักปี” ดาริลยกมือขึ้นกุมขมับ “จะทันมั้ยนะ ผมจะทำยังไงให้อัตสึชิตัดใจจากหุ้นที่เหลือ แล้วยังหุ้นของคุณตา... ต่อให้ผมซื้อหุ้นทั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้หมด อีกครึ่งก็ยังอยู่ที่คุณตา ท่านคงไม่ยอมขายง่ายๆ แน่ ผมไม่รู้จะเจรจากับท่านยังไงดีเลย ถ้าผมมีหุ้นมากกว่าท่าน... ขอแค่เปอร์เซ็นต์เดียวเท่านั้น อำนาจก็จะตกมาอยู่ในมือผม”

ไดอิจิเม้มปาก “...ผม... ในเวลาหนึ่งปี ก็คงจะเรียนจบทันอยู่ แต่ถ้ายังไม่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ทางผู้ใหญ่ของคาโอรุคงจะไม่ยอมรับผมแน่”

“เราท้อไม่ได้นะ!” คาโอรุพูดเสียงเข้ม “เราสู้กันมาตั้งหลายปีแล้ว เพื่ออนาคต เพื่ออิสระ!”

“ผมจะสู้ คาโอรุ ขอบคุณที่อดทน...”

ดาริลยิ้มบาง อิสระงั้นเหรอ... สำหรับเขาคงไม่มีความหมายอะไรสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยถ้าไม่มีใครมาคอยกดดันก็คงดี “เมื่อผมได้ตำแหน่งประธาน คุณไดอิจิจะได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาของผมทันที และพอรวบบริษัทส่งออกที่เราลงทุนไว้เข้ามาแล้ว ผมก็จะมีอำนาจต่อรองกับบริษัทของฟูจิฮาระมากขึ้น ทางบ้านของคาโอรุไม่มีทางปฏิเสธอะไรผมได้แน่ แล้วคุณไดอิจิเองก็จะมีฐานะที่ทางนั้นต้องยอมรับ”

เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง คาโอรุจึงจัดหาน้ำชามาเสิร์ฟให้กับเพื่อนรักที่นั่งทำหน้าเครียด ร่างกายนิ่งไม่ไหวติงราวกับตุ๊กตาหิน เธอจ้องมองท่าทางที่ไร้ชีวิตชีวาของเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

“ดาริล... คิดอะไรอยู่น่ะ”

“...เปล่านี่”

“ทำท่าเหมือนเป็นหุ่นยนต์” ถ้าเป็นคนอื่น คงจะเห็นว่าดาริลเป็นคนที่เข้าถึงยากและดูหยิ่งอยู่สักหน่อย เพราะเขามักจะมีสีหน้านิ่งเฉย ไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้า แต่สำหรับเธอ คนที่คบหาสนิทสนมกันมานาน เธอรู้ดีว่าดาริลเป็นคนอย่างไร... จะว่าไป ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เพื่อนรักของเธอมีอาการแปลกไปนิดหน่อย

“นี่... ดาริล ช่วงที่เราเรียนที่อังกฤษน่ะ... นายไปตกหลุมรักใครเข้าบ้างรึเปล่า”

ชายหนุ่มที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบหยุดกึก ทว่าสีหน้าของเขาก็ยังไม่มีเปลี่ยนแปลง “...จู่ๆ เอาอะไรมาถาม”

“ผู้หญิงน่ะ มีเซนส์ทางนี้นะ” คาโอรุยกแขนขึ้นเท้าคาง “มีช่วงนึงที่นายเปลี่ยนไป ดูเหม่อลอย ยิ้มคนเดียว... โดยเฉพาะเวลาที่นายดูแข่งเบสบอลของทีมนั้นน่ะ ตาเป็นประกายเชียว”

ดาริลส่ายศีรษะไปมา แล้วพูดเสียงเรียบ “มโน”

“หึ!” คาโอรุเบ้ปากใส่ แล้วยกถ้วยชาของเธอขึ้นจิบบ้าง “คิดว่าฉันไม่รู้รึไง เบสบอลมีเป็นสิบทีม นายดูอยู่ทีมเดียว”

“จะดูอยู่ทีมเดียวที่บริษัทฉันเป็นสปอนเซอร์ก็ไม่แปลกนี่”

...ปากแข็ง! คาโอรุบ่นอยู่ในใจ “ดาริล ถ้านายมีความรักละก็ ฉันจะยืนอยู่ข้างนายเสมอ ไม่ว่าคนรักของนายจะเป็นใคร ไดอิจิก็เช่นกัน”

“อื้ม รู้แล้ว” ชายหนุ่มยิ้มบาง “...ขอบใจ”

ความรักงั้นเหรอ... เขาลืมมันไปนานแล้ว ความรู้สึกที่น่าทรมานอย่างนั้น... นอกจากคาโอรุ ไดอิจิ และคาซึกิแล้ว เขาก็ไม่คิดจะใกล้ชิด หรือไว้วางใจกับใครอีก ประสบการณ์ในอดีตน่าเจ็บช้ำเกินไปสำหรับเขา

หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ดาริลเดินทางไปยังโบสถ์ที่อยู่ในการดูแลของทางบริษัทตามกำหนดการ โบสถ์แห่งนี้ บิดาของคุณตาของเขาเป็นคนสั่งให้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยที่ย้ายมาตั้งรกรากในญี่ปุ่นใหม่ๆ เพื่อที่จะซื้อใจของชาวบ้านในละแวกนั้นซึ่งนับถือศาสนาคริสต์กันเป็นส่วนใหญ่ ตามปกติแล้ว ชายหนุ่มมักจะแวะไปที่โบสถ์ทุกสัปดาห์เพื่อนำช่อดอกลิลลี่สีขาวไปวางหน้ารูปปั้นแม่พระ หากวันนี้เขาจะเข้าร่วมพิธีมิสซา ต่อจากนั้นก็จะไปพูดคุยธุระกับบาทหลวงที่ห้องรับรองภายในตึกขนาดเล็กซึ่งแยกออกไปอยู่ทางด้านหลังตัวโบสถ์ ดาริลนำขนมและผลไม้อย่างดี พร้อมกับเงินทุนไปมอบให้กับทางโบสถ์ด้วย เมื่อเสร็จธุระทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่เลขาออกไปเตรียมรถ เขาจึงเดินกลับเข้าไปรอในตัวโบสถ์ ชายหนุ่มนั่งลงบนม้านั่งที่จัดไว้ให้สำหรับคนมาร่วมมิสซา ดวงตาสีเขียวปิดลง สูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วค่อยๆ ผ่อนออก กลิ่นเผาไหม้ของเทียนจางๆ กับเสียงเพลงบทสวดแผ่วเบาทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย สักพักก็ลืมตาขึ้น มือขาวยกขึ้นลูบต้นคอพลางโคลงศีรษะไปมา  พลันสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ภาพวาดของเทวดากาเบรียลบนกำแพงโบสถ์ เขาลุกขึ้นเดินไปที่ข้างหน้าภาพนั้น สองมือสอดเข้าไปภายในกระเป๋ากางเกงสแล็ก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบสายตากับเทวดาผมสีทองในภาพ

“ภาพนี้คล้ายกับคุณรอสมากเลยนะครับ”

ชายหนุ่มหันขวับไปทางต้นเสียง แล้วยิ้มบาง “...มีคนบอกอยู่บ่อยๆ ครับ น่าแปลกจริงเลยเชียว”

“นั่นสินะครับ ภาพวาดนี้คงจะมีอายุมากกว่าคุณรอสมากนัก” บาทหลวงก้าวเข้ามายืนเคียงข้างร่างผอมบาง “แต่พอคุณรอสมายืนอยู่ข้างหน้าภาพวาดแบบนี้ ทำให้ภาพดูเหมือนมีชีวิตเลยนะครับ... จะว่าไป ก็มีหลายคนที่พูดชมภาพวาดนี้ อ้อ! มีเด็กหนุ่มอยู่อีกคนที่มายืนจ้องมองภาพนี้อยู่บ่อยๆ สงสัยจะชอบมากเลยล่ะครับ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ดาริลหัวเราะเบาๆ การที่เด็กผู้ชายสนใจภาพวาด เขาก็ว่าแปลกแล้ว แต่ถ้ามาชื่นชอบภาพวาดในโบสถ์ เขาคิดว่านั่นก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่

เสียงฝีเท้าก้าวตรงมายังที่ร่างผอมบางยืนอยู่ ตามมาด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย “คุณดาริลครับ รถมาจอดรอทางหน้าโบสถ์แล้วครับ”
“อืม จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ชายหนุ่มหันไปค้อมศีรษะร่ำลาบาทหลวง

“ขอให้พระเจ้าอวยพรคุณรอสนะครับ เดี๋ยวพ่อจะเดินออกไปส่ง”

“ขอบคุณครับ” ดาริลยิ้มรับแล้วเดินตามคาซึกิออกไป

ในจังหวะที่ดาริลก้าวขึ้นไปนั่งบนรถและประตูกำลังจะปิดลงนั้น เขาเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มซึ่งมีใบหน้าคุ้นตา ส่งผลให้หัวใจกระตุกวูบ ริมฝีปากสีสดเผยอค้าง เพราะไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้พบกับเด็กหนุ่มอีก เขานั่งตัวเกร็ง สองมือเย็นเฉียบ ดวงตาจ้องมองผ่านกระจกที่ติดฟิล์มหนาออกไป

เร็น... ตัวโตขึ้นมากเลย แต่ดูผอม ท่าทางไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน แล้วเขามาทำอะไรแถวนี้กัน

“คุณดาริล มีอะไรรึเปล่าครับ” คาซึกิชะโงกหน้ามองดู พอเห็นเด็กหนุ่มก็เปรยออกมาเสียงเบา “...เด็กคนนั้น คิมุระ เร็น”

ดาริลหันขวับ “พี่คาซึกิ จำเขาได้ด้วยงั้นเหรอ”

“อะ... เอ่อ...”

“ทำไมถึงจำได้?” ชายหนุ่มจ้องเลขาของตนเขม็งอย่างต้องการคำตอบ ส่วนอีกฝ่ายก็มีสีหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด “พี่คาซึกิ มีอะไรปิดบังผมอยู่รึเปล่า”

คาซึกิเห็นท่าไม่ดี เขาหันไปบอกกับคนขับรถให้ออกไปรอทางด้านนอก ก่อนจะอธิบายให้เจ้านายฟัง “คือว่า... ปกติแล้วนักสืบของเราจะรายงานคร่าวๆ เรื่องนักกีฬาเบสบอลในทีมของโรงเรียนที่เราสนับสนุนอยู่เป็นประจำทุกหกเดือนกับพวกนักกีฬาที่น่าสนใจและคิดว่าจะเป็นโปรฯ ได้ หนึ่งในนั้นก็มีชื่อคุณคิมุระอยู่ด้วย ผมก็เลยแค่... เอ่อ... ให้สืบเรื่องของคุณคิมุระเพิ่มอีกนิดหน่อยน่ะครับ”

“หมายความว่า... พี่รู้? รู้เรื่องของเขามาตลอด” ผู้เป็นนายขมวดคิ้ว “นานแค่ไหนแล้ว?”

ด้ายความที่เลขาหนุ่มรู้สึกผิดต่อเจ้านาย ครั้งหนึ่งเขาเคยพาให้อีกฝ่ายไปพบกับความเจ็บปวด สำหรับเขามันเป็นเสมือนสิ่งที่ยังติดค้างคาอยู่ในใจ เขาจึงไม่อาจปล่อยเร็นให้คลาดสายตาไปได้

“...พี่คาซึกิ!”

“ตอนนี้ครอบครัวคุณคิมุระกำลังประสบปัญหาหนัก เขายื่นใบลาออกจากทีมเบสบอลของมหาลัยแล้วนะครับ” คาซึกิพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้านาย “คุณแม่ของเขาป่วย กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลใกล้ๆ นี่ แล้วเขาก็ต้องทำงานพิเศษจนค่ำมืดทุกวัน”

“ลาออก?” ...ประสบปัญหา ถึงขนาดขอลาออกเลยงั้นเหรอ ทั้งที่เร็นมีอนาคตไกลขนาดนั้น... ดาริลอดใจหายไม่ได้

“นี่เขาคงจะกำลังไปเยี่ยมคุณแม่ ถ้าคุณดาริลต้องการ ผมจะส่งคนตามเขาไปดูลาดเลา แล้วรายงานมาเป็นระยะๆ”

ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ทั้งที่คิดว่าตนเองทำใจให้ลืมเด็กหนุ่มไปได้แล้ว หากเมื่อได้พบกันอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยยังคงหวั่นไหว เต้นระส่ำเหมือนเมื่อครั้งก่อนๆ ไม่มีผิด

“ผมขอเวลาสักครู่นะ” ดาริลก้าวออกจากตัวรถแล้วเดินเข้าไปภายในโบสถ์อย่างเงียบเชียบที่สุด นัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมองร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าภาพวาดและกำลังยกมือขึ้นสัมผัส เด็กหนุ่มยิ้มบาง ราวกับกำลังยิ้มให้คนในภาพวาดนั้นอย่างไรอย่างนั้น

...หรือเร็นจะเป็นคนที่บาทหลวงหมายถึงกัน

เสียงฝีเท้าของเขาเรียกเร็นให้หันกลับมามองทางด้านหลัง ร่างผอมบางจึงรีบก้าวเข้าไปหลบหลังเสาต้นใหญ่ หัวใจเต้นรัวแรงจนเจ็บในอก เขาแอบฟังบทสนทนาของเด็กหนุ่มกับบาทหลวงอยู่สักพัก จึงรีบกลับออกไปยังรถที่จอดรออยู่

คาซึกิเปิดประตูรถให้เจ้านายเข้าไปนั่ง ก่อนจะตามเข้าไปแล้วรายงาน “...ผม... ส่งคนของเราให้ไปคอยติดตามคุณคิมุระแล้วนะครับ”

“อืม” ดาริลตอบสั้นๆ สายตาของเขาหยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มซึ่งกำลังวิ่งออกมาจากตัวโบสถ์พร้อมตะกร้าใส่ผลไม้ใบใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาแสดงถึงความดีใจโดยไม่ปิดบัง

ระหว่างที่เดินทางไปห้องพักของคาโอรุในตอนเย็นเพื่อประชุมกันเรื่องธุรกิจตามปกติ เขาสั่งให้คาซึกิไปรออยู่ที่ห้องพักของตนในคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้ๆ กัน และคอยโทรเข้ามารายงานเรื่องของเด็กหนุ่ม

คาโอรุและดาริลคัดเลือกพนักงานที่เก่งกาจจากบริษัทหลักเข้ามาร่วมทำงานในธุรกิจของพวกตนด้วย พวกเขาจะสั่งงานและประชุมกันสองครั้งต่อสัปดาห์ การควบคุมงานทั้งสองบริษัทเป็นเรื่องเหนื่อยไม่ใช่เล่น แต่ทั้งสองก็อดทน เพื่ออิสระที่ใฝ่ฝันถึง

“ดาริล อยู่กินอาหารค่ำด้วยกันก่อนนะ” คาโอรุเอ่ยหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นลง พอพนักงานทยอยกลับไปกันหมดแล้ว เธอจึงเดินเข้าครัว อุ่นอาหารและนำออกมาเสิร์ฟ เมื่อเห็นดาริลยิ้มขณะนั่งอ่านข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์มือถืออยู่บนเก้าอี้ที่ตรงโต๊ะอาหารก็ยิ้มมุมปาก “วันนี้มีอะไรพิเศษเหรอ”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นพรวด “.....”

“เซนส์ของผู้หญิงน่ะ นายดูอารมณ์ดีจังนะ”

“มโนอีกแล้ว” ดาริลทำเป็นไม่ใส่ใจ จากนั้นจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหารตรงหน้า “ขอบคุณสำหรับอาหาร”

ระหว่างที่จัดการกับอาหารในจาน ชายหนุ่มก็ได้รับโทรศัพท์จากคาซึกิ เขาพูดขอตัวสั้นๆ แล้วลุกไปคุยโทรศัพท์ที่ห้องนั่งเล่น รายงานจากคาซึกิทำให้ดาริลต้องขมวดคิ้วตลอดการรับฟัง เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยความรู้สึกแปลกๆ

“อะไรนะ!? เพื่อนที่ทำงานด้วยกันพาเขาไปโฮสต์คลับ?” ดาริลยกมือขึ้นกุมขมับ เขาขมวดคิ้ว สีหน้าครุ่นคิด เพราะไม่อยากเชื่อเลยว่าเร็นจะคิดทำงานแบบนั้น “เป็นไปไม่ได้”

“เขาเข้าไปในนั้นสักพักแล้วครับ” คาซึกิยืนยัน “เดี๋ยวผมจะส่งรูปให้คุณดู”

ภาพที่คาซึกิส่งมานั้น เป็นภาพของเร็นที่ใส่ชุดสูท นั่งอยู่บนโซฟากับลูกค้าสาวๆ มือขาวที่ถือโทรศัพท์สั่นระริก ลึกลงไปก็รู้สึกผิดหวังในตัวเด็กหนุ่ม... ผิดหวังเป็นครั้งที่สอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อาจปล่อยมือจากอีกฝ่ายได้ “ค่าผ่าตัดเท่าไหร่? ...ผมจะรับผิดชอบเอง”

“คุณดาริล! คงไม่เหมาะสักเท่าไหร่นะครับ!” เลขาหนุ่มท้วง

“ทำไม? เป็นสปอนเซอร์ให้ทีมมหาลัยอีกสักทีมก็ดีเหมือนกัน ยังไงคุณตาก็เป็นสปอนเซอร์ให้ทีมโปรฯ ด้วยอยู่แล้ว”

“ให้แต่นี่ให้ส่วนบุคคล แล้วเงินก็เยอะมากด้วยนะครับ”

ดาริลนิ่งคิด... ถ้าเร็นคิดจะเป็นโฮสต์ อีกฝ่ายก็คงจะไม่ได้เป็นนักเบสบอลมืออาชีพอย่างที่เคยหวัง เด็กหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่ามีจิตใจดีและแสนจะอ่อนโยนคนนั้น แล้วถ้าหากเป็นเขา... ถ้าหากเขาจะซื้อตัวเร็นไว้ อย่างน้อยก็เพื่อตอบแทนอีกฝ่าย แล้วปิดบังเรื่องทั้งหมดไว้เป็นความลับ

ชายหนุ่มยอมรับว่าตัวเองก็ยังไม่อาจลบเร็นออกไปจากหัวใจได้ แล้วในเมื่อในอนาคตเขาก็ต้องแต่งงานกับใครสักคนที่ไม่ได้รัก ถ้าหากจะขอซื้อความสุขและประสบการณ์ดีๆ ไว้ ก็คงจะพอทำให้มีแรงใจยืนอยู่ในที่ของผู้สืบทอดเครือบริษัทรอสต่อไปได้

“พี่คาซึกิ มารับผมเดี๋ยวนี้ ผมมีงานด่วนจะให้พี่จัดการ” เขาสั่งคนที่อยู่ปลายสายก่อนจะลุกขึ้นพรวด แล้วพบว่าเพื่อนสาวยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ที่ตรงประตูห้อง ดาริลชะงัก “เอ่อ...”

“ท่าทางจะมีเรื่องสำคัญ”

“คาโอรุ เอ้อ...” ดาริลเสตาหลบ “...บางที ฉันอาจจะมาประชุมไม่ได้สักพัก เราคุยกันทางโทรศัพท์ได้มั้ย”

“ก็ได้อยู่หรอก” คาโอรุขมวดคิ้ว เพ่งพิจารณาท่าทางลนลานของดาริล ซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน “...แต่ขอเหตุผลด้วย”

“คือ...” ชายหนุ่มถอนหายใจ “นายบอกว่า ถ้าฉันไปหลงรักใครเข้า นายจะยืนข้างฉัน ช่วยเหลือฉันใช่มั้ย... นั่นแหละ เหตุผลของฉัน”

หญิงสาวเบิกตาโพลง เธอไม่นึกว่าจะมีวันที่ดาริลยอมรับความรู้สึกออกมาตรงๆ “...ดาริล”

“แต่มันก็เป็นแค่รักข้างเดียว... ฉันไม่ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่ช่วงเวลาสั้นๆ นี่เท่านั้น”

“ทำไมล่ะ”

“...ฉันไม่มีวันสมหวัง นายก็น่าจะรู้ แม้กระทั่งคนที่ฉันรัก... ยังไม่มีทางให้รู้ได้เลยว่าตัวฉันเป็นใคร”

“ไม่จริงหรอก... มันต้องมีสิ... ต้องมีสักวันที่เป็นของนาย”

ดาริลยิ้มบาง “...วันนี้ฉันกลับก่อนนะ” เขาเดินไปหาคาโอรุ แล้วตบไหล่เธอเบาๆ

หญิงสาวรั้งข้อมือของชายหนุ่มไว้ “ดาริล... บอกชื่อเขาได้มั้ย”

“.....”

คาโอรุหัวเราะเบาๆ “ฉันเป็นเพื่อนของนายนะ ไม่ไว้ใจฉันแล้วนายจะไปไว้ใจใคร” 

“เร็น” ดาริลหันไปสบสายตากับเธอ “คิมุระ เร็น” จากนั้นจึงก้าวฉับๆ ออกจากห้องพักของหญิงสาวไป


ในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด รถยนต์สองคันเคลื่อนตามเด็กหนุ่มอยู่ห่างๆ คันแรกเป็นรถที่ดาริลขับ ส่วนคันที่สองเป็นรถที่เลขาหนุ่มนั่งอยู่กับคนขับรถ เมื่อเห็นว่าร่างสูงก้าวเข้าไปนั่งบนชิงช้าในสนามเด็กเล่นแล้ว ดาริลจึงหยุดรถแล้วเรียกเลขาหนุ่มเข้ามาหาตนเพื่อสั่งการ

“คุณดาริล คิดดีแล้วเหรอครับ แล้วคุณคาโอรุล่ะ”

“พี่คาซึกิ... พี่ก็รู้ว่ายังไงผมก็คงจะต้องแต่งงานกับคาโอรุเร็วๆ นี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมานี่ ผมไม่เคยขัดคำสั่งคุณตา แต่ผมอยากจะขอเวลาทำตามใจตัวเอง ขอเวลาให้ผมมีความสุขกับชีวิตสักครั้งเท่านั้น”

คาซึกิหลุบตาต่ำ นึกสงสารและเห็นใจเจ้านายจับใจ ประกอบกับที่เคยทำผิดกับอีกฝ่ายไว้ ส่งผลให้เขาไม่สามารถเอ่ยปากขัดเจ้านายได้อย่างเต็มที่

“...พี่คาซึกิ หรือว่า... คุณคิมุระมีคนรักอยู่แล้ว” แววตาสีเขียวสั่นไหว ดาริลรู้ว่าเด็กหนุ่มไม่ได้มีพันธะอยู่ เพราะเขาเข้าไปอ่านเอกสารจากนักสืบ ซึ่งติดตามสืบข่าวของนักกีฬาหน้าใหม่เพื่อส่งข้อมูลเข้าลีคของมืออาชีพที่คุณตาเป็นสปอนเซอร์ให้ เกือบตลอดเวลาที่อยู่ในชั้นไฮสคูล เร็นมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากมาย หากพอเข้ามหาวิทยาลัยกลับไม่มีเลย และนั่นก็ทำให้เขารู้ว่าเมื่อหลายปีก่อนนั้น คาซึกิจงใจพาตนเองไปพบเร็นกับแฟนสาว จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น เลขาหนุ่มดูจะรู้สึกผิดมาก เขาจึงใช้โอกาสในครั้งนี้บีบให้คาซึกิยอมทำตามใจตน แล้วก็ถือซะว่าเป็นการเอาคืนเบาๆ ไปด้วย

“ไม่มีครับ เขาไม่ได้คบหาหรือมีความสัมพันธ์กับใครมาเป็นปีแล้ว” เลขาหนุ่มรีบตอบ

“ถ้างั้น... ช่วยผมหน่อยนะครับ พี่คาซึกิ”

“ครับ” คาซึกิผ่อนลมหายใจออกยาว “ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่คุณดาริลต้องสัญญาว่าจะทำตามข้อแม้ของผมนะครับ คุณจะต้องไม่ให้เขารู้ว่าคุณเป็นใครโดยเด็ดขาด ใบหน้าก็ห้ามให้เห็น มันเสี่ยงเกินไป ถ้าเขารู้ คุณจะต้องยุติสัญญาทั้งหมดทันที” ...คาซึกิไม่รู้ว่าเขาจะไว้ใจเร็นได้มากแค่ไหน หากเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่สืบทอดตระกูลรอสมีข่าวคาวแปดเปื้อน ทุกอย่างก็ควรจะปิดเป็นความลับให้มากที่สุด แล้วอีกอย่างที่สำคัญ ถ้าเร็นได้เห็นใบหน้าแสนน่ารัก ดวงตาสีเขียวคู่สวย คงจะยากที่จะห้ามตัวเองไม่ให้หลงรักเจ้านายของเขาได้ แม้เจ้านายจะเป็นผู้ชายก็ตามที เขาไม่ต้องการให้เด็กหนุ่มหลงรักเจ้านาย เพราะนั่นจะทำให้เจ้านายตัดใจจากเด็กหนุ่มไม่ได้เช่นกัน พวกเขาจะมีแต่ความเจ็บปวด

“ผมรู้” ริมฝีปากสีแดงเรื่อคลี่ยิ้ม “ขอบคุณครับ”

เลขาหนุ่มยอมแพ้ให้กับนัยน์ตากลมใสที่เป็นประกาย หัวใจของเขาพองโต... เวลานั้นก็เข้าใจว่า ความสุขของเจ้านายเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องการจริงๆ

“...พี่คาซึกิ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะไปซื้อเสื้อผ้ากับของใช้ไว้ให้คุณคิมุระ พี่คาซึกิพาเขาไปถึงบ้านพักช้าหน่อยละกัน แล้วก็ช่วยส่งเมลบอกขนาดเสื้อผ้ากับรองเท้าของเขาให้ผมด้วยนะครับ” ดาริลยิ้มอย่างน่ารัก ก่อนจะขับรถจากไป

“ครับ คุณดาริล” คาซึกิผ่อนลมหายใจออกยาว

เลขาหนุ่มยืนดูลาดเลาอยู่ไม่ห่างจากชิงช้าที่เร็นนั่งอยู่อย่างเหม่อลอยมากนัก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งงานกับแม่บ้านประจำตัวของเจ้านาย ให้เธอไปรอที่บ้านพักริมทะเลซึ่งเป็นบ้านพักส่วนตัวที่ดาริลซื้อไว้ แล้วจะให้คนขับรถนำเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ของเด็กหนุ่มไปให้ ให้เธอจัดการจัดเก็บให้เรียบร้อย ก่อนที่เขาจะพาเด็กหนุ่มไปถึงในตอนบ่ายของวัน จากนั้นจึงโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลให้เตรียมพร้อม แม้จะยังไม่ได้พูดคุยกับเร็น แต่เขาเชื่อในความสามารถในการเจรจาเกลี้ยกล่อมของตน แล้วจากการที่ได้ศึกษาข้อมูลของเด็กหนุ่มมา เร็นไม่มีทางที่จะปฏิเสธเขาได้แน่

คาซึกิเชิดหน้าขึ้น จัดชุดสูทให้เข้าที่ แล้วจึงเดินตรงเข้าไปยังเป้าหมาย

..

.....

..


ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


บ้านพักส่วนตัวของดาริลนั้นอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทมากนัก หากเป็นสถานที่ที่สงบเงียบราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เป็นเพียงพื้นที่เล็กๆ ที่ถูกล้อมด้วยภูเขาและน้ำทะเล การเดินทางใช้เวลาไม่มากนัก หากเมื่อครั้งที่เร็นถูกพาตัวมาที่แห่งนี้ ชายหนุ่มสั่งให้ขับรถวนไปวนมา ทำเสมือนว่าการเดินทางเนิ่นนาน เด็กหนุ่มจะได้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ไหน

จันทร์ค่อนดวงกระจ่างนภาในยามราตรีกาล คืนนี้จะเป็นคืนแรกที่ดาริลจะได้พบกับคนที่เขาแอบรัก แอบหลงใหลมาแสนนานตามลำพัง ถึงแม้จะพบกันได้เฉพาะในความมืดก็ตามที หากหัวใจก็อิ่มเอม แม้ชายหนุ่มจะพยายามซ่อนความรู้สึกเอาไว้ภายใน แต่ก็ไม่อาจปิดบังรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าหวานใสที่ดูน่ารักราวกับตุ๊กตาพอร์ซเลนได้

เลขาหนุ่มที่นั่งรถมาด้วยกันลอบมองทีท่าของเจ้านายมาตลอดการเดินทาง เขาพรูลมหายใจออกยาวเมื่อรถยนต์เคลื่อนเข้าไปเทียบจอดตรงทางเข้าบ้านพักซึ่งปิดไฟไว้มืดมิดทั้งภายในและนอกบริเวณ ก่อนจะบอกกับคนขับรถให้ออกไปรอทางด้านนอก เขาเปิดไฟดวงเล็กในรถ แล้วล้วงหยิบถุงพลาสติกขึ้นมาส่งให้กับเจ้านาย "ของที่คุณดาริลจำเป็นต้องใช้ครับ"

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน "อะไรครับ"

"เจลหล่อลื่น กับถุงยางครับ"

ใบหน้าหวานร้อนวาบ ในตอนที่ตัดสินใจซื้อตัวเร็นมา เขาไม่ทันได้นึกถึงเรื่องพวกนี้ แค่หวังว่าจะได้ใช้เวลาอยู่ใกล้ๆ กัน อยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นที่เคยช่วยเหลือตนเองในอดีต แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเขาก็คาดหวังความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น "...เขาจะ... ทำได้เหรอ พี่คาซึกิ... ผมเป็นผู้ชายแบบนี้"

"เพราะคุณดาริลเป็นผู้ชาย อย่างน้อยคุณก็ควรจะรู้ว่าเขาทำกันยังไงนะครับ" คาซึกิอธิบายเสียงขรึม พอเห็นท่าทางและสีหน้าของเจ้านาย เขาก็จัดการแกะกล่องใส่ถุงยางอนามัยออกมา ฉีกออกจากซองแล้วสวมไว้ที่นิ้ว "ต้องทำให้มันแข็งก่อน ถึงใส่เข้าไปแบบนี้นะครับ แล้วก็รูดลงมาให้สุด"

"ผมรู้น่า" ดาริลพูดเสียงอ่อย "ของแบบนี้ ไม่จำเป็นสักหน่อย เขาไม่ได้เป็นโรคอะไรไม่ใช่เหรอ"

"จำเป็นสิครับ ถึงผลการตรวจสุขภาพของคุณคิมุระจะเป็นปกติดี แต่การมีความสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน คุณดาริลควรจะมีกับภรรยา กับคนที่คุณรักและไว้ใจได้เท่านั้น" เลขาหนุ่มพูดพร้อมกับหยิบขวดเจลออกมาจากในถุง แกะพลาสติกและเปิดฝาออก แล้วเทลงบนฝ่ามือ "สำหรับเจลนี่ พอใส่ถุงยางเสร็จแล้วค่อยใช้เจลทาให้ทั่ว ใช้เยอะๆ จะได้ไม่เจ็บนะครับ สำหรับคนที่ยังไม่เคย ที่ตรงนั้นมันจะคับมาก เพราะงั้นก่อนจะใส่เข้าไป..."

"พอแล้ว!" ดาริลยกมือขึ้นห้าม ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ "ผมรู้น่ะ ผมก็เคยได้ยินมาบ้าง!"

"ไม่ได้ครับ คุณดาริลต้องฟังให้จบ! นี่เป็นเรื่องสำคัญนะครับ!" คาซึกิดุผู้เป็นนายแล้วสาธยายต่อ จากนั้นก็บังคับให้อีกฝ่ายลองทำตามดู เมื่อฝึกสอนกันเสร็จ เลขาหนุ่มก็จัดการเก็บของลงในถุงและเช็ดมือทำความสะอาดให้เจ้านาย เสร็จแล้วก็วางถุงลงบนฝ่ามือนั้น "เอาล่ะครับ ที่สำคัญที่สุด อย่าลืมใช้ถุงยางทุกครั้งนะครับ"

"จะ... จะให้ผมเดินถือถุงนี่เข้าไปหาเขางั้นเหรอ" ดวงตาสีเขียวเบิกโพลง เขายัดถุงคืนให้กับเลขา "เอาไปฝากไว้ที่แม่บ้าน บอกให้พรุ่งนี้เอาไปใส่ลิ้นชักในตู้ตรงหัวเตียงไว้ละกัน วันนี้เราแค่พบกันวันแรก ไม่มีอะไรหรอกพี่คาซึกิ"

"แต่ว่า!"

"ผมบอกว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นไงครับ" ดาริลส่งสายตาขุ่นๆ ให้อีกฝ่าย "ที่จริง ผมไม่คิดว่าเขาจะมีความรู้สึกแบบนั้นกับผมได้ด้วยซ้ำ แล้วถ้าสมมติว่าจะมี ผมสัญญาว่าจะใช้ของพวกนี้แน่นอน แต่ยังไงก็ยังไม่ใช่คืนนี้... ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ"

คาซึกิพ่นลมหายใจออกหนักๆ "ครับ"

ดาริลก้าวเข้าไปในบ้านพักด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ แม้คิดว่ายังไงเร็นก็คงจะจำเขาไม่ได้ เด็กหนุ่มคงลืมเรื่องราวที่เคยได้พบกับเขาทั้งหมดไปแล้ว อีกอย่าง ในความมืดเช่นนั้น อีกฝ่ายไม่มีทางรู้ได้ว่าตัวเขาเป็นใคร ร่างผอมบางเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องนอนของตน สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก่อนจะเปิดประตู ดวงตากลมใสกะพริบปริบๆ เพ่งมองดูว่าเด็กหนุ่มอยู่ที่ตรงไหนในห้อง แล้วจึงก้าวเข้าไปช้าๆ ไปนั่งลงบนโซฟาตรงที่ว่างข้างๆ กัน

"สวัสดี"

พอนั่งลงก็เห็นว่าเด็กหนุ่มกระโดดแผล็วลงไปกองอยู่กับพื้น เขากลั้นหัวเราะ เพราะดูท่าเร็นจะกลัวเขามากเลยทีเดียว ท่าทางลนลานไม่สมกับที่จะเป็นว่าที่โฮสต์เอาซะเลย

“สะ... สวัสดีครับ... คุณ... เอ่อ... เจ้านาย”

“ไม่ต้องมีพิธีรีตองขนาดนั้นก็ได้ ขึ้นมานั่งบนโซฟานี่เถอะ” แต่เมื่อเขาพูดออกไปเช่นนั้น เด็กหนุ่มกลับยิ่งถอยหลังหนีไปจนติดกำแพง  นี่อีกฝ่ายเห็นเขาเป็นยักษ์ขมูขีรึไงกันนะ “กลัวอะไรผมเหรอ”

“คะ... คือ... ผม... ผมไม่นึก... เอ๊ย!”

...คงนึกไม่ถึงว่าคนที่ซื้อตัวมาจะเป็นผู้ชายอย่างเขาสินะ ดาริลยิ้มบาง เด็กหนุ่มคงนึกรังเกียจ... เพราะงั้นที่คาซึกิสอนมา คงไม่ได้ใช้แน่ๆ แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ยังอยากเป็นคนพิเศษ ในเวลาหกสัปดาห์นี่... เร็นเป็นของเขา เพราะงั้น... "คุณเร็น ผมขอเรียกชื่อคุณนะ ได้มั้ย"

“...ได้ครับ แล้วแต่เจ้านายเถอะครับ”

“คุณเร็นขึ้นมานั่งบนโซฟาเถอะ” ชายหนุ่มพูดพลางลุกขึ้นไปจูงร่างสูง แต่กลับทำให้อีกฝ่ายตกใจจนร้องลั่น "ผมแค่จะช่วยพาคุณมาที่โซฟานี่" พอเร็นขึ้นมานั่งบนโซฟาแล้ว เขาก็ช่วยแกะผ้าปิดตาออกให้ มือขาวลูบตามท่อนแขนเรื่อยขึ้นไปจนถึงลำคอ เขาอยากจะมีโอกาสได้สัมผัสใกล้ชิดกับเด็กหนุ่มเช่นนี้มานานแล้ว ก่อนจะไล้มือไปตามกรอบหน้า ใบหน้าคมสันซึ่งดูดีมากกว่าครั้งที่เคยได้พบกันเมื่อหลายปีมาแล้ว น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดในความมืดเช่นนี้ พวกเขาอยู่ใกล้กันจนดาริลได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกถี่ๆ แว่วมาจากเด็กหนุ่ม กลิ่นหอมบางเบาลอยกรุ่นมาจากอีกฝ่าย เป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นที่เขาชอบ ดาริลจึงโน้มใบหน้าเข้าไปสูดดม “กลิ่นนี่...”

“อะ... อาฟเตอร์เชฟที่อยู่ในห้องน้ำน่ะครับ”

...อาฟตอร์เชฟที่ดาริลเป็นคนเลือกให้กับเด็กหนุ่มเอง เขานึกแล้วเชียว กลิ่นหอมจางๆ แบบนี้ ช่างเหมาะกับเด็กหนุ่มดีจริงๆ

“อืม... เหมาะกับคุณเร็นดีนะ”

“ขอบคุณครับ... ที่จริง ผมไม่เคยใช้อาฟเตอร์เชฟมาก่อนเลย แต่... เห็นว่าในห้องน้ำมีไว้ให้... คิดว่าเจ้านายคงจะชอบ”

ดาริลชะงัก เขาไม่อาจรู้ได้ว่าเร็นพูดออกมาจากใจหรือแค่ต้องการเอาใจตน แต่คำพูดจาทำนองเดียวกันนี้ เขาก็ได้ยินจากพวกพนักงานในบริษัทอยู่บ่อยๆ การพูดจาแบบเอาอกเอาใจ เลียแข้งเลียขาเจ้านาย ชายหนุ่มเบือนหน้าไปอีกทาง เขาคิดว่าเมื่อเวลาผ่านเลยไป ก็ทำให้นิสัยคนเปลี่ยนไปได้เช่นกัน

"เข้าใจตอบดีนี่" คำพูดต่อๆ มาของเร็นไม่ได้ทำให้ดาริลรู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่ ใจเขายังคงพะวงว่าไม่ได้รับความจริงใจจากอีกฝ่าย แต่เมื่อเด็กหนุ่มแจกแจงถึงสิ่งที่ทำได้ เขาก็อดนึกถึงมือ... ข้างที่ใช้รับลูกบอลแทนเขาไม่ได้ “ขอมือหน่อยสิ”

มือนุ่มประกบลงบนมือที่หยาบกร้าน จากการสัมผัสก็ไม่รู้สึกถึงรอยแผลแต่อย่างใด ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่เจ็บอีกแล้ว เร็นเองก็คงลืมเรื่องของเขาไปพร้อมกับรอยแผลที่จางหายไปตามกาลเวลา หากฝ่ามือนี้ก็เป็นฝ่ามือที่ใจเพรียกหา ดาริลจึงยกมือนั้นขึ้นประกบแก้ม “มือสากจัง” ...แต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นเฉกเช่นเมื่อครั้งก่อน

พอคุยกันเรื่องมือแล้ว หลังจากนั้นเร็นก็เสนอจะนวดฝ่าเท้าให้ ซึ่งเขาก็ไม่ได้คิดจะขัดใจ ที่จริงแค่เด็กหนุ่มยอมสัมผัสร่างกาย เขาก็รู้สึกดีมากอยู่แล้ว ทว่าผิดคาด ฝีมือการนวดของเร็นนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีและผ่อนคลายจนผล็อยหลับไปบนโซฟาเลยทีเดียว ประกอบกับที่อ่อนเพลียมาจากการทำงานด้วย แต่เขาก็ตื่นขึ้นมาเมื่อเด็กหนุ่มเรียก ก่อนตัวเขาจะถูกช้อนขึ้นแนบร่างกายกำยำ

ใบหน้าหวานร้อนผ่าว ดวงตากลมโตพยายามปิดไว้สนิท ไม่คิดว่าจะมีวันที่เร็นจะอุ้มตนขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนเลยด้วยซ้ำ ดาริลนึกขอบคุณที่ภายในห้องมืดมิดเช่นนี้ เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรับรู้ความคิด ความรู้สึกที่พยายามซ่อนไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ

แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตัวเบาๆ เมื่อรู้สึกว่ามือกร้านนั้นลูบไล้ไปตามแผ่นอก และเพราะไม่อยากให้เร็นสังเกตได้ว่าหัวใจของเขาเต้นแรงแค่ไหน จึงแกล้งทำเป็นตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย

“เอ่อ ขอโทษที่ทำให้คุณตื่น คือผมจะถอดเสื้อสูทนี่กับเนกไทออกให้น่ะครับ”

...ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ ดาริลนอนนิ่งให้เด็กหนุ่มจัดการถอดเสื้อกับเนกไทออกให้ แล้วก็ไม่วายนึกอยากแหย่ให้อีกฝ่ายตกใจเล่น "ถอดเข็มขัดให้ด้วยสิ"

แต่เร็นก็ทำตามที่เขาสั่งอย่างว่าง่าย จนดาริลได้ใจ เขาฉวยโอกาสนั้นซุกใบหน้าลงบนแผ่นอกที่อบอุ่น พอสัมผัสดูก็เห็นว่าอีกฝ่ายใส่เพียงแค่ชุดคลุมอาบน้ำเท่านั้น

...ชำนาญเสียจริงนะ สมแล้วที่มีแฟนมาเป็นสิบคน

ดาริลชักมือกลับแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของพวกเขาทั้งสอง ก่อนจะพยายามข่มตาให้หลับลงในอ้อมแขนที่โหยหามาตลอดเวลาหลายปี แม้จะไม่ใช่อ้อมแขนที่โอบกอดเขาด้วยความเต็มใจ หากก็รู้สึกอบอุ่น ริมฝีปากสีแดงสดคลี่ยิ้มน้อยๆ ไม่นานก็จมลงสู่ห้วงนิทราไปอีกครั้ง


TBC~*


ตอนนี้ก็ได้รู้ว่าเจ้านายคิดยังไงตอนพบกันกับเร็นครั้งแรกในความมืดแล้วนะคะ เค้าก็ตื่นเต้นนะเออ 5555

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะค้า ฮืออออ เรื่องนี้อาจจะดูดราม่าอึมครึมไปสักหน่อย แต่จบแฮปปี้นะเออ

ขอกำลังใจให้ฮัสกี้สักนิดนะคะตะเอง /ออดอ้อน


 :mew1:

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ชีวิตดาริลนี่น่าสงสารจัง ไม่มีสิทธิ์มีชีวิตของตัวเองเลย ช่วยเหลือทั้งเพื่อน ทั้งคนที่แอบรัก อยากให้ดาริลสามารถใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อตัวเองบ้างอ่ะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เราว่าเป็นเพราะ 'ความมืด' ค่ะที่ทำให้ดาริลไม่สามารถเชื่อใจเร็นได้เลย ก็อย่างที่คนเขาพูดกันไงคะว่า 'ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ' อีกอย่างทั้งสองคนก็ไม่เคยได้สบสายตา ปิ๊ง~ ปิ๊ง~ :m13: แบบจริงจังกันเลยสักครั้ง ดาริลถึงได้แปลความหมายจากสิ่งที่เร็นกระทำอย่างหนึ่งไปเป็นอีกอย่างหนึ่งเสียอย่างนั้น~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-06-2015 21:03:19 โดย Mouse2U »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด