เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]  (อ่าน 272978 ครั้ง)

ออฟไลน์ FollowingTK

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z13: หงิงงงงง  :z3: สงสารนู๋เร็นก็สงสาร สมน้ำหน้าก็สมน้ำหน้า กี้ดดดดด วันหลังอย่าให้จับได้รู้ม้ายยย #ผิด
ขอบคุณนะคะ รีบๆมาต่อน้าาาา จุ๊ฟฟฟ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
อยากผิดกฏ ก็ต้องได้รับโทษนะ เร็น

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 14


(กลับมาภายในห้องพักของเร็น)

หลังจากนั่งนิ่งอยู่นาน เสียงเตือนข้อความเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เร็นกวาดสายตามองหาต้นเสียง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันมองไปรอบๆ เขาเปิดกระเป๋าเป้ที่ใส่หนังสือเรียนออกดูก่อน แล้วจึงพบว่าโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ที่เขาส่งให้เลขาหนุ่มไปในวันแรกอยู่ในกระเป๋าใบนั้นแล้ว มือหยาบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูข้อความจากหมายเลขที่ไม่รู้จัก เป็นข้อความสั้นๆ ว่า ได้คืนโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์พร้อมทั้งบัตรสำคัญทั้งหมดไว้ในกระเป๋าเป้ รวมถึงเงินอีกหนึ่งล้านเยนด้วย

ร่างสูงเบิกตาโพลง พอรื้อกระเป๋าเป้ดูจึงพบซองสีน้ำตาลหนา เขาหยิบมาเปิดดูแล้วรีบปิดไว้เช่นเดิม

“คุณคิดว่าผมเห็นแก่เงินนี่มากนักรึไง!” เร็นโยนซองสีน้ำตาลนั้นลงบนพื้น “ที่ผมพูดกับคุณทั้งหมดนั่น ผมไม่ได้โกหกคุณเลยแม้แต่นิดเดียว!” มือหยาบยกขึ้นทุบศีรษะ ไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าจะโวยวายไปเพื่ออะไร ในเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่ได้ยิน ไม่ได้รู้เห็นด้วยสักหน่อย

เด็กหนุ่มพยายามโทรกลับไปที่เบอร์ที่ส่งข้อความมาหลายครั้ง หากก็ไม่เป็นผล ระบบตอบมาเพียงว่าไม่มีหมายเลขที่ต้องการติดต่อ เขายกมือขึ้นกุมใบหน้าแล้วถูหนักๆ “...จะทำยังไงดี ผมจะทำยังไง ถึงจะได้พบกับคุณอีกครั้ง” จากนั้นจึงล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนแรง

แสงอบอุ่นจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้อง เสียงฝีเท้าของห้องที่อยู่ข้างๆ กันดังตึงๆ ทุกคนต่างอยู่ในช่วงรีบเร่ง เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปโรงเรียน ไปมหาวิทยาลัย หรือไปทำงาน

เร็นลืมตาขึ้นช้าๆ ภายในห้องอันคุ้นตา เขายันตัวขึ้นนั่ง... อยากให้ความผิดพลาดเมื่อคืนเป็นเพียงความฝัน ภายในชั่วพริบตา ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเสียจนปรับตัวไม่ทัน ทั้งๆ ที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เขายังโอบกอดร่างกายที่เปลือยเปล่าของเจ้านายไว้ในอ้อมแขนนี้อยู่เลย

“จริงสิ แม่...” เด็กหนุ่มลุกขึ้นพรวดแล้วปราดเข้าไปในห้องอาบน้ำ เขาเปลี่ยนใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ จากนั้นจึงตรงไปยังโรงพยาบาลซึ่งเป็นที่รักษาตัวของมารดา

ฮานาโกะยังคงพักอยู่ในห้องคนไข้พิเศษเช่นเดิม พอได้เห็นหน้าลูกชาย เธอก็ร้องไห้ฟูมฟาย โอบกอดเขาด้วยความคิดถึง “ลูกรักของแม่”

“แม่สบายดีนะครับ” เร็นโอบเธอตอบ “ผ่าตัดเจ็บมั้ย”

“ไม่รู้สึกอะไรเลย สบายมาก แล้วก็นะทั้งหมอ ทั้งพยาบาลผลัดเวียนกันเข้ามาดูแลตลอดวันเลยล่ะ นี่คุณหมอว่าอาทิตย์หน้าก็กลับบ้านได้แล้ว”

“ดีจังครับ” ร่างสูงยิ้มบาง ใจชื้นขึ้นเล็กน้อย ที่อย่างน้อยมารดาของเขาก็มีอาการดีขึ้นมาก ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงนอนอย่างอ่อนแรง

มารดาลูบศีรษะลูกชายอย่างอ่อนโยน เธอสังเกตเห็นว่าลูกชายดูเปลี่ยนไป ใบหน้าหล่อเหลามีเค้าโครงของความเศร้าหมอง และดูสงบ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น “แม่ดีใจที่เร็นแข็งแรงดี บนแท่นเขาคงดูแลดีสินะ เร็นดูมีเนื้อมีหนังขึ้นบ้าง แม่เป็นห่วงแทบแย่ กลัวเร็นจะทำงานหนัก”

“......”

“มีอะไรรึลูก” เธอเชยคางลูกชายขึ้น “...เร็นมีปัญหาอะไรรึเปล่า”

เด็กหนุ่มเสตาหลบ แล้วยกสองมือขึ้นประสานกันไว้ตรงหน้า “ช่วงที่ไปทำงาน... ผม... ได้พบกับคนที่อยากพบมานาน... ได้พบเขาอีกครั้งเหมือนฝันเลยล่ะครับ ช่วงเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน ผมมีความสุขมากๆ เขาคอยช่วยเหลือผมทุกอย่าง... เป็นเหมือนกับเทวดาของผมเลยล่ะครับ” เขาถอนหายใจหนักๆ “...แต่ว่า... ต่อจากนี้ไปเราคงจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว”

มารดาหัวเราะเบาๆ อย่างรู้สึกเอ็นดู “ทำไมล่ะ เร็นไม่รู้จักชื่อเขาเหรอลูก”

“รู้ครับ”

“ถ้ารู้ ยังไงก็น่าจะตามหาเขาได้นี่... อยู่บนแผ่นดินเดียวกัน เขาจะไปซ่อนตัวที่ไหนได้”

เร็นสบสายตากับมารดา “นั่นสินะครับ”

“ใครกันนะ ทำให้เร็นของแม่เพ้อหาได้ขนาดนี้” เธอขยิบตาให้ลูกชาย “...แล้วต้องพามาให้แม่ดูตัวด้วยนะ”

ร่างสูงหัวเราะฝืดๆ เจ็บจุกอยู่ในอกเมื่อนึกถึงเรื่องของเขากับเจ้านาย ความหวังที่ดูจะริบหรี่ “.....”

มารดาเคลื่อนมือมาบีบมือของเด็กหนุ่ม “...ขอบใจนะลูก ที่อดทนลำบากเพื่อแม่ขนาดนี้”

“ไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อยครับ” เด็กหนุ่มยิ้มบาง “แล้วอีกอย่าง... ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ ผมก็คงไม่ได้พบกับเขา” มือหยาบกุมมือของมารดาตอบ “แต่ว่า ผม... ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี”

“เขารักเร็นรึเปล่าล่ะลูก”

...รักมั้ย... “ผมไม่รู้...”

“อ่าว... ใครจะรู้ดีเท่าตัวเราเองกันล่ะ... แล้วเร็นล่ะ รักเขาแน่แล้วรึเปล่า”

“รักครับ” เด็กหนุ่มก้มหน้าหลุบตาต่ำ “ผมเคยพบเขาครั้งแรกเมื่อตอนที่อยู่ไฮสคูล”

“แล้วเขาก็จำเร็นได้ใช่มั้ย... ถ้างั้นก็คงจะมีใจให้บ้างละมั้ง” มารดาครุ่นคิดไปกับลูกชายด้วย

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิครับ”

ฮานาโกะบีบมือลูกชายเบาๆ “คนเราน่ะนะ ถ้าไม่สนใจ ก็คงไม่คิดจะจดจำหรอก”

นั่นสินะ... เหมือนตัวเขาที่เฝ้ารอคอยวันที่จะได้พบกันอีกครั้งมาตลอด แล้วเมื่อได้พบกัน ก็ตอกย้ำให้มั่นใจว่ายังไงเขาก็คงไม่มีวันลบชายหนุ่มออกไปจากหัวใจได้แน่ แล้วเจ้านายล่ะ... ที่เลือกซื้อตัวเขา ช่วยเหลือเขาสารพัดนี่ ก็เพราะยังลืมไม่ลงเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เจ้านายจะยอมมีความสัมพันธ์ทางร่างกายกับเขา แม้จะเป็นครั้งแรก ทั้งๆ ที่ไม่ได้นึกชอบเขาเลยสักนิดรึไงกัน เมื่อคิดได้เช่นนั้น ประกอบกับย้อนนึกไปถึงการกระทำของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มก็เริ่มมีกำลังใจขึ้น

“อย่ายอมแพ้เหมือนแม่นะเร็น ถ้ารักแล้ว ต้องสู้ให้ถึงที่สุด”

เด็กหนุ่มยิ้มบาง รอยยิ้มของเขาเศร้าสร้อย “แต่เขากับผม... เราต่างกันมาก คงจะยากสำหรับเขา ที่จะเชื่อใจคนอย่างผม”

“ก็พยายามสิลูก พิสูจน์ตัวเอง พิสูจน์ให้เขาเห็น...”

เร็นไม่ได้ตอบอะไร เขาผ่อนลมหายใจออกยาวแล้วชวนมารดาเปลี่ยนเรื่องคุย จนถึงเวลาเที่ยงที่มารดาต้องรับประทานอาหารและพักผ่อน เขาจึงบอกลา จากนั้นจึงเดินออกจากโรงพยาบาลไปยังโบสถ์ที่อยู่ใกล้ๆ กัน สองขาพาเจ้าของก้าวเข้าไปในตัวโบสถ์ พอรู้สึกตัวอีกที ก็ไปยืนอยู่หน้าภาพวาดเทวดาภาพเดิมซะแล้ว

เด็กหนุ่มจ้องมองดวงตาสีเขียวใส กับรอยยิ้มน่ารักของเทวดาในรูปภาพ พลางเอื้อมมือไปสัมผัส “...ผมขอโทษ”

“จะมาสารภาพบาปรึลูก... ก่อนอื่นต้องแบ๊บติสก่อนนะ” บาทหลวงหัวเราะเบาๆ

“อ้าว คุณพ่อ” ร่างสูงค้อมศีรษะลงต่ำ “สวัสดีครับ”

“ไม่เห็นหน้านานเลยนะ แล้วนี่... กินอะไรมารึยังล่ะ”

“ยังครับ”

“มาๆ งั้นมากินกับพ่อสิ”

“ขอบคุณครับ...” เร็นยิ้ม “คุณพ่อ... ถ้าไม่สารภาพบาป เราพอจะคุยกันเฉยๆ ได้มั้ยครับ”

บาทหลวงยิ้มอย่างใจดี “หืม... ได้สิ เอาไว้หลังกินข้าวละกันนะ”

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว บาทหลวงก็เดินนำเด็กหนุ่มเข้าไปในห้องทำงานของตน “มีอะไรรึลูก”

“คุณพ่อครับ... ผมผิดสัญญากับคนที่ผมรัก แต่ผมไม่ได้หลอกลวงหรือขี้โกงอะไรเขานะครับ เขาบอกกับผมว่า ความรักไม่อาจคงอยู่ได้หากปราศจากความไว้ใจ แล้วก็โกรธผมจนบอกว่าไม่อยากพบหน้าผมอีก”

“เรื่องของหัวใจนี่เอง” บาทหลวงอมยิ้ม “นอกใจเขารึ”

“เปล่าครับ... คือว่า เขาไม่ต้องการให้ผมรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ผม... ก็สืบดูจนรู้”

“แล้วสืบทำไมล่ะ”

“เพราะผมอยากรู้ว่าคนที่ผมรักเป็นใคร ใช่คนที่ผมเคยพบมาก่อนแล้วรอคอยเขาอยู่รึเปล่า แล้วผมก็คิดว่าผมจำเป็นที่จะต้องรู้ ถ้าหากวันใดเขาหายตัวไป ผมจะได้ตามหาเขาได้ โดยไม่ต้องรอคอยแบบลมๆ แล้งๆ อีก”

บาทหลวงยิ้ม “ก็มีคำตอบให้ตัวเองแล้วนี่ลูก”

เร็นชะงัก “.......”

“ความรักไม่อาจคงอยู่ได้หากปราศจากความไว้ใจ... ถ้าอยากได้ความรักจากเขากลับคืนมา ก็ทำให้เขาไว้ใจเราอีกครั้งสิลูก”

“...ทำให้เขาไว้ใจอีกครั้ง” เด็กหนุ่มทวนคำพูดของบาทหลวง “แล้วผมจะทำยังไงดี”

“ตัวลูกเองรู้ดีที่สุด ลองกลับไปนึกทบทวนดู การแก้ปัญหาต้องใช้สติให้มากๆ”

“ขอบคุณครับ” ร่างสูงลุกขึ้นค้อมศีรษะ

“ถ้ามีปัญหาอะไร ก็แวะมาได้เสมอ ขอให้พระเจ้าอวยพรนะลูกนะ”

“ถ้าคุณพ่อต้องการให้ผมช่วยอะไร ก็เรียกใช้ได้เสมอนะครับ” เร็นกล่าวอำลา จากนั้นจึงกลับเข้าไปในตัวโบสถ์ ไปยืนอยู่ที่หน้าภาพวาดของเทวดาอีกครั้ง

“...ผมรู้ว่าคุณกำลังจะแต่งงาน แต่ว่า... อย่างน้อยการที่ผมจะรักคุณ ก็ไม่ใช่ความผิดอะไรไม่ใช่เหรอ... ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมเป็นคนที่คุณไว้ใจได้”

อย่างแรกที่เขาต้องทำ คือค้นหาที่ตั้งของบริษัทเจ้านาย เขาจะต้องเอาเงินที่เพิ่งได้มาไปคืน แล้วก็จะตั้งใจทำงานหาเงินมาใช้คืนให้ได้ทั้งหมด


“...คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมขอบอกคุณไว้ตรงนี้เลย... ผมไม่คิดขายตัวแบบนี้อีกไม่ว่าต่อไปต้องลำบากแค่ไหน ผมจะเรียนจนจบมหาลัย แล้วจะต้องเป็นนักเบสบอลอาชีพให้ได้...”

“...ผมตั้งใจว่าจะไม่คบกับใครโดยปราศจากความรักอีก แล้วถ้าผมรักใคร ผมก็จะซื่อสัตย์แต่กับเขาคนเดียวเท่านั้น”



...คำพูดที่เคยบอกกับเจ้านาย เขาจะพิสูจน์ให้อีกฝ่ายได้เห็น เขาจะต้องทำให้เจ้านายเชื่อมั่นในตัวเขาอีกครั้ง

เร็นรีบกลับไปที่บ้าน เขารื้อหาเบอร์โทรศัพท์ของกัปตันทีมเบสบอลสมัยที่อยู่ไฮสคูลในหนังสือรุ่นแล้วรีบโทรไปสอบถามเรื่องของบริษัทที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมของโรงเรียน จากนั้นก็เสิร์ชหาที่ตั้งของบริษัทจากอินเทอร์เน็ต เมื่อได้ข้อมูลครบตามต้องการแล้ว เขาจึงจัดการโทรศัพท์ไปที่บริษัทแล้วขอให้ต่อสายหา ดาริล รอส หากโชคไม่ดีนักเพราะอีกฝ่ายไม่รับสายจากใคร และคนที่รับสายแทนก็คือเลขา ซึ่งเร็นจำเสียงได้อย่างแม่นยำ เขาจึงรีบวางสายไป

เด็กหนุ่มเคลื่อนสายตาไปมองดูเวลาที่ปรากฏบนจอโทรศัพท์พลางขมวดคิ้ว หรือเขาควรจะไปแอบดูลาดเลาแถวๆ บริษัท เพราะไหนๆ ก็ตั้งใจว่าจะออกไปหาลุงมาซะเพื่อขอกลับไปทำงานเช่นเดิมอยู่แล้วด้วย

เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็รีบออกจากห้องพัก นั่งรถไฟอีกสองสามต่อ จนถึงบริเวณใกล้ๆ กับสำนักงานใหญ่ของเครือบริษัทรอสจึงลงเดินต่อ สายตาของร่างสูงสอดส่าย กวาดมองไปโดยรอบตลอดทางที่เดินไปยังตึกสูงใหญ่ พอไปถึงทางด้านหน้าตึกซึ่งมียามรักษาการณ์ประจำอยู่ เขาก็หยุดสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ

การเดินทางผ่านเข้าออกตึกนั้นดูไม่ลำบากนัก แต่เมื่อเข้าไปแล้วนี่สิ เฉพาะพนักงานที่มีบัตรผ่านเท่านั้นจึงจะผ่านต่อไปยังลิฟต์โดยสารได้ เพราะงั้นคงจะยากสำหรับเขาอยู่สักหน่อย

เร็นนั่งมองดูอยู่สักพัก หากยังไม่ทันถึงเวลาเลิกงาน เขาก็สังเกตเห็นว่ามีรถสีดำคันหรูเคลื่อนเข้าไปจอดด้านหน้าบริษัท ไม่นานคนที่เขารอคอยก็เดินออกมาพร้อมกับเลขาส่วนตัว เด็กหนุ่มลุกขึ้นพรวด ก้าวขาจะวิ่งออกไปแต่ก็หยุดชะงัก ถ้าหากเขาทำอะไรผลีผลามไป คงจะไม่ดีแน่ เพราะถ้าครั้งนี้พลาด เจ้านายจะยิ่งระวังตัวแจ โอกาสที่จะได้ปรับความเข้าใจกันคงจะยากมากขึ้นไปอีก

การเข้าถึงตัว ดาริล รอส คงจะยากเกินไป แต่ถ้า... ดวงตาสีนิลเคลื่อนไปทางชายหนุ่มที่ก้าวเข้าไปนั่งบนเบาะหลังด้วยกันกับเจ้านาย... ถ้าเป็นเลขาคนนั้น อาจจะพอมีโอกาส

...แต่จะทำยังไงได้บ้างล่ะ

นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองรถคันหรูเคลื่อนออกไปช้าๆ พลางถอนหายใจ เขารอจนรถคันนั้นลับตาไป จึงเดินกลับไปยังสถานีรถไฟแล้วเดินทางต่อไปหาลุงมาซะ

“ไอ้เร็น!” ลุงมาซะเบิกตากว้าง แล้วถลาออกมาต้อนรับ “เป็นไงวะไอ้หนุ่ม! แม่เอ็งเป็นไงบ้าง!”

“แม่อาการดีขึ้นแล้วครับ จะออกจากโรงพยาบาลอาทิตย์หน้าแล้ว ผมเลยกลับมาของานทำจากลุง”

“ได้สิ ได้ๆ ลุงก็ไม่ได้จ้างใครเพิ่มหรอก เข้ามาก่อนสิ”

“ผมเริ่มทำงานวันนี้เลยได้มั้ย”

“ได้สิ โชกับเคนจิกำลังวุ่นอยู่ในครัวน่ะ เอ็งไม่อยู่นี่ ลูกค้าสาวๆ หายไปโหม้ดดด” ลุงมาซะบ่น

เมื่อโชกับเคนจิเห็นเร็นเข้าก็ยิ้มรับ “ไอ้เร็น! พี่นึกว่าเอ็งมีคนเลี้ยงดูไม่มาทำงานอีกแล้วววว”

เร็นหัวเราะแหะแหะ “ใครเขาจะมารับเลี้ยงผมกัน ตัวโต กินจุขนาดนี้”

“แล้วเอ็งหายไปไหนมาวะ แม่เอ็งผ่าตัดรึยัง”

“ผ่าตัดแล้วครับพี่ พอดีมีคนให้กู้เงินได้ นี่ผมก็ต้องกลับมาทำงานหาเงินใช้หนี้น่ะครับ”

“อืออ เอ็งโชคดีนะ ไอ้น้องชาย”

พวกเขาพูดคุยกันได้ไม่นานเท่าไหร่ก็ถึงเวลาเลิกงานของคนทั่วไป ลูกค้าทยอยกันเข้ามาจนแน่นร้าน หลายคนที่ทักเร็นว่าไม่ได้เห็นหน้ากันนาน เขาดูจะเป็นที่รักของขาประจำร้านอยู่ไม่น้อย

“เฮ้ เร็น! เมื่อตอนบ่ายเห็นที่รปปงหงิ ว่าจะเรียกอยู่แล้วเชียว ไปทำอะไรแถวนั้นล่ะ” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งโต๊ะตรงเคาน์เตอร์พูดขึ้น เขาเป็นขาประจำคนหนึ่งของร้าน

“เห็นผมที่รปปงหงิ... ทำไมคุณอาถึงเห็นได้ล่ะครับ”

มาซะที่ยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์พอดีพูดขึ้นบ้าง “คุณทานากะมีร้านดอกไม้อยู่แถวนั้นใช่มั้ยนะ”

“ใช่แล้ว”

เร็นเลิกคิ้วขึ้นพลางโน้มใบหน้าเข้าไปหา “...คุณอา... รู้จักตึกของบริษัทรอส... มั้ยครับ”

ชายวัยกลางคนยกแก้วสาเกขึ้นจิบพร้อมพยักหน้าหงึกหงัก “รู้ซี่ บริษัทใหญ่ขนาดนั้น ไม่รู้ก็แย่แล้ว... อีกอย่างมีคนในบริษัทนั้นมาสั่งดอกไม้ที่ร้านอาเป็นประจำ เลขาของลูกเจ้าของที่ผมทองหล่อๆ น่ะ เขามารับดอกไม้ที่ร้านกับมือเลยนะ”

เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง “จริงเหรอครับ! คุณอา! อย่าหลอกผมนะ!”

“เฮ่ย! จะหลอกทำไมล่ะว้า”

เร็นหันมองไปรอบๆ รอจนมาซะหันไปจัดการกับอาหารจึงย่อตัวลงนั่งข้างๆ ลูกค้าคนนั้น “คุณอา เลขาคนที่ว่า เขาชื่ออะไรครับ แล้วเขาไปที่ร้านคุณอาเมื่อไหร่บ้าง”

“มีอะไรกับเขาเหรอ”

“เดี๋ยวผมเลี้ยงสาเกอีกแก้ว คุณอาบอกผมหน่อยนะ นะครับ”

ชายวัยกลางคนยิ้มกว้าง “เขาชื่อมิยะ มิยะ คาซึกิ เขาจะมาที่ร้านวันพฤหัสตอนหลังเลิกงาน มารับช่อดอกลิลลี่สีขาวให้เจ้านายเขา เห็นว่าเพราะจะแวะไปโบสถ์ทุกวันศุกร์เช้าน่ะ”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “ขอบคุณคุณอามากครับ ร้านคุณอาอยู่ตรงไหน ชื่ออะไร ช่วยบอกผมทีสิครับ”

“ถ้าบอกแล้วจะไปช่วยงานที่ร้านบ้างได้มั้ยล่ะ อาอยากได้ผู้ช่วยหน้าตาดีๆ เอาไว้เรียกสาวๆ บ้าง ส่วนค่าจ้างอาจะให้เป็นรายชั่วโมงดีมั้ย”

“ดีเลยครับคุณอา ผมว่าจะไปหางานเพิ่มพอดี ผมเริ่มงานที่ร้านนี้ห้าโมงเย็น คุณอาอยากให้ผมไปทำเวลาไหนบ้างก็บอกมาเลยครับ”

หลังจากตกลงกันได้ ก็สรุปว่าเร็นจะไปทำงานพิเศษที่ร้านดอกไม้เพิ่มอีกอาทิตย์ละสองวัน วันละสองชั่วโมง เงินเดือนที่ได้ก็ถือว่าดีเลยทีเดียว แต่เด็กหนุ่มก็คิดว่าคงจะต้องหางานเพิ่มอีก เพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงปิดเทอม เขาควรใช้เวลาทำงานพิเศษให้ได้เงินมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เร็นหางานพิเศษไปพลาง จนกระทั่งถึงวันพฤหัสที่รอคอย ก่อนถึงเวลาเด็กหนุ่มจึงเข้าไปช่วยงานเจ้าของร้าน เวลาที่มีคนมาสั่งช่อดอกไม้ เขาก็จะเข้าไปช่วยถือดอกไม้ไว้ในขณะที่พนักงานในร้านจัดช่อ

ระหว่างนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาภายในร้านกับเพื่อน ผู้ชายคนนั้นท่าทางเขินอาย แต่พวกเพื่อนก็ดันหลังแรงๆ ไปยังตรงหน้าชั้นวางแจกันที่มีดอกกุหลาบตั้งโชว์ไว้หลากสี เร็นก้าวเข้าไปทักทาย “สวัสดีครับ จะรับดอกกุหลาบเหรอครับ จัดช่อมั้ยครับ”

“ไอ้หมอนี่จะเอาไปจีบสาว ช่วยจัดกุหลาบแดงให้มันสักช่อครับ”

“เฮ้ย! จะดีเหรอ จู่ๆ ก็จะเอากุหลาบแดงไปให้เลย!”

“เขาจะได้รู้เจตนามึงแต่แรกไง ไอ้งี่เง่านี่!”

เร็นยิ้มมุมปาก พลางเอื้อมมือไปยังแจกันดอกกุหลาบสีแดง “จะรับกี่ดอกดีครับ”

“สอง... เอ๊ย สามละกันครับ”

“ครับ จะรับดอกอื่นแซมด้วยมั้ยครับ”

“เอา...”

“ไม่ครับ เอาแต่กุหลาบแดงครับ!” เพื่อนที่มาด้วยกันชิงตอบ แล้วหันไปตบศีรษะชายหนุ่มดังป้าบ “จะบอกรักสาวทั้งที เอาห้าดอกเลย อย่างกน่ะ!”

เร็นขมวดคิ้ว “จะบอกรัก? ต้องใช้กุหลาบสีแดงเหรอครับ”

“อ้าว! ไอ้น้อง! ทำงานร้านดอกไม้ไม่รู้เรอะ!”

“อา... ขอโทษครับ พอดีผมเพิ่งมาทำงาน”

ลูกค้าโบกมือไปมา “ไอ้น้อง! หน้าตาแบบนึ้คงไม่เคยต้องง้อผู้หญิงหรอกว่ะ”

“.....” เร็นก้มลงมองดอกกุหลาบที่เขาหยิบออกมาจากในแจกัน พลางนึกไปถึงเมื่อตอนที่ยังอยู่ด้วยกันกับเจ้านาย เขาฝากแม่บ้านซื้อช่อดอกกุหลาบสีแดงขนาดเล็กให้เจ้านายเช่นกัน โดยที่ไม่ได้รู้ความหมายอะไรเลย


“...ผมเป็นคนเลือกดอกไม้เองนะครับ!”

“กุหลาบสีแดงนี่น่ะเหรอ ...ทำไมถึงเลือกกุหลาบสีแดงล่ะ”



อา... เพราะอย่างนี้นี่เอง ที่เสียงของเจ้านายในตอนนั้นไม่ได้แสดงถึงความดีใจอะไร เพราะคำตอบที่ไม่ได้เรื่องของเขาสินะ แต่ก็เพราะตอนนั้นเขาไม่รู้จริงๆ นี่นา แค่หวังจะทำอะไรให้เจ้านายมีความสุขบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี

ร่างสูงรีบนำดอกไม้ไปส่งให้พนักงานในร้านจัดช่อ เขายืนอยู่ข้างๆ เธอแล้วถาม “พี่ครับ... ปกติแล้ว กุหลาบแดงใช้บอกรัก แล้วดอกลิลลี่สีชมพูมีความหมายว่ายังไงเหรอครับ”

หญิงสาวเงยหน้าแล้วเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับยิ้มมุมปาก “ใครให้มาล่ะ”

เร็นหัวเราะ “ผมอยากรู้เฉยๆ”

“อืม... ความรักที่ดีที่สุดที่ได้พบเจอ ที่สุดของหัวใจที่ตามหาจนพบเจอ... อะไรทำนองนี้น่ะล่ะ โรแมนติกใช่มั้ยล่ะ”

เด็กหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปฟังอย่างสนใจ พอได้รู้ความหมายหัวใจก็เต้นแรง อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า... แล้วเจ้านายล่ะ ให้ดอกไม้นั้นกับเขาด้วยความหมายเดียวกันรึเปล่า

ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ เร็นก็คิดเข้าข้างตัวเองไปแล้ว ซึ่งทำให้เขามีใจฮึกเหิมมากขึ้นไปอีกนิด

เมื่อใกล้ถึงเวลาเลิกงานของบริษัท ร่างสูงออกไปตั้งหลักรอที่ด้านนอกร้านดอกไม้เพื่อไม่ให้เจ้าของร้านเดือดร้อนจากการกระทำของตน เด็กหนุ่มใส่หมวกแก๊ปพรางใบหน้า ขณะที่กวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างรอคอย

แล้วก็เป็นอย่างที่เจ้าของร้านว่าไว้ ไม่นานเลขาหนุ่มของดาริลก็มาถึงที่ร้านดอกไม้แห่งนี้ ร่างสูงหัวใจเต้นระส่ำ เขายืนรออีกฝ่ายทางด้านนอกร้านด้วยใจจดจ่อ

คาซึกิก้าวออกมาจากร้านพร้อมช่อดอกลิลลี่สีขาวในมือ เขาหยุดชะงักเมื่อมีใครบางคนก้าวเข้ามาขวาง แต่พอเงยหน้าขึ้นสบสายตากับเด็กหนุ่ม สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที “มีอะไร”

เร็นไม่หลบสายตาดุๆ นั่น เขาพูดเสียงเข้มเช่นกัน “ผมมีเรื่องจะต้องคุยกับคุณสักหน่อย ผมไม่ได้ขู่นะ แต่จะให้ผมพูดตรงนี้หรือจะไปคุยกันตามลำพัง”

คาซึกิขมวดคิ้ว เนื่องจากตัวเขาออกมาตามลำพังคนเดียว แล้วเร็นก็ตัวใหญ่ไม่ใช่น้อยเสียด้วย เรื่องกำลังยังไงก็แพ้แน่ๆ ประกอบกับไม่อยากให้กระโตกกระตากเป็นที่สนใจ เขาจึงพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “ไปร้านกาแฟตรงนั้นแล้วกัน”

เลขาหนุ่มเดินนำเข้าไปภายในร้าน ไปที่มุมหลบตาคน เขาสั่งกาแฟให้ตนเองกับเร็น แล้วพูดขึ้นอย่างไม่รอช้า “มีอะไรก็ว่ามา”

เร็นเปิดกระเป๋าเป้ หยิบซองสีน้ำตาลหนาขึ้นมาแล้ววางลงบนโต๊ะตรงหน้าคาซึกิ “ผมฝากคืนให้เจ้านายของคุณด้วย ส่วนที่เหลือ ผมจะทำงานมาใช้คืนให้”

เลขาหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น “...คุณต้องการอะไรกันแน่”

“ผมอยากพบกับคุณดาริลอีกครั้ง” ร่างสูงพูดออกไปอย่างชัดเจน

“คุณคิมุระ!” คาซึกิเบิกตาโพลง เพราะไม่นึกว่าเด็กหนุ่มจะจำเจ้านายของตนได้ เขารู้เรื่องแค่สั้นๆ จากเจ้านายเพียงแค่ว่า ถูกเร็นมองเห็นหน้าเพราะไม่ระวังตัวให้ดี ไม่ทันคิดว่าเป็นคืนที่มีแสงสว่างจากจันทร์เพ็ญ ก็เลยยกเลิกสัญญา และเพื่อตัดปัญหาที่อาจจะตามมา จึงยกเงินส่วนที่ค้างอยู่ให้กับเร็นไป

“ผมสัญญาว่าจะคืนเงินให้ทั้งหมด แล้วก็ไม่บอกใครเด็ดขาด แต่ผมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับคุณดาริลให้รู้เรื่อง”

“...คุณ... จำชื่อได้ด้วยงั้นเหรอ”

“จำได้สิครับ ผมจำได้แม่น จำได้ด้วยว่าผมเคยพบกับคุณดาริลครั้งแรกเมื่อตอนอยู่ไฮสคูลปีหนึ่ง”

“นี่คุณ...” คาซึกิอ้าปากค้าง

“ผมหวังที่จะได้พบกับคุณดาริลอีกครั้งมาตลอด... คุณคงไม่อยากเชื่อว่าผมดีใจมากแค่ไหนที่คุณดาริลมาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาล แล้วบอกว่าจะมาเยี่ยมผมอีก วันต่อมาน่ะ ผมรออยู่ทั้งวัน ถึงรุ่นพี่ที่ชมรมจะบอกว่าให้เจียมตัว คุณดาริลไม่มีทางมาเยี่ยมผมอีกครั้งแน่ๆ ผมก็ไม่เชื่อคำพูดของใคร จนกระทั่งคุณพยาบาลยกถุงขนมกับดอกไม้เข้ามาให้ตอนค่ำๆ ของวัน ผมถึงสำนึกได้... แล้วพยายามตัดใจ”

“แต่คุณคิมุระก็คบหาผู้หญิงมากมายหลังจากนั้น”

“ก็คุณจะให้ผมหวังลมๆ แล้งๆ รอให้เทวดาบนสวรรค์ร่วงลงมาบนดินเหรอครับ คุณรู้มั้ยว่ามันยาก มันทรมานแค่ไหน กับการพยายามลบใครสักคนออกไปจากหัวใจ”

 “......” ใบหน้าของคาซึกิเคร่งเครียด เขาสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ จากนั้นจึงโน้มตัวกลับไปทางเด็กหนุ่มอีกครั้ง

“ผม... เป็นคนผิดเอง ผมทำผิดกฎ ผมเปิดผ้าม่านทั้งที่รู้ว่าเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง... แล้วยังคิดทำทุกวิถีทางให้ได้รู้ว่าคนที่ผมกอดจูบอยู่ทุกคืน คือคนคนเดียวกันกับคนที่ผมรอคอยมานาน” เร็นพูดเสียงสั่นเล็กน้อย หัวใจของเขาเจ็บปวดมากจนแทบบ้า ทรมานราวกับจะขาดใจ

“อะไรที่ทำให้คุณสงสัย นึกสงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตั้งแต่คืนที่สอง... ผมพบเส้นผมของคุณดาริล ทำให้ผมนึกถึงเรื่องในอดีตทันที ทั้งที่พยายามจะลืม... เมื่อตอนที่ได้พบกับคุณดาริลครั้งแรกนั่นน่ะ เขามักจะใส่เสื้อแจ็กเกตหนาๆ กับกางเกงยีนส์สีซีดมาที่โรงเรียน แล้วก็ใส่แว่นดำด้วย... แต่ผมเคยได้สบสายตากับเขาแค่สองครั้งเท่านั้น”

คาซึกิยิ้มมุมปาก น่าแปลกที่เขาค่อนข้างจะเชื่อคำพูดของเด็กหนุ่ม นั่นคงเป็นเพราะรายละเอียดที่เด็กหนุ่มใส่ใจจะจดจำตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน แล้วไม่ว่าจะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น ต้องห่างกันไกล เวลาผ่านไปนานแค่ไหน พวกเขาก็ยังกลับมาพบกันจนได้ แบบนี้ใช่ที่เขาเรียกกันว่า... พรหมลิขิตรึเปล่านะ

“คุณเลขาครับ ได้โปรด... ช่วยผมหน่อยเถอะนะครับ ผมอยากพบคุณดาริลจริงๆ”

เลขาหนุ่มปรับสีหน้าให้นิ่งเฉย ขณะถามคำถามไปเรื่อย “...เพื่ออะไร... จะพบไปทำไมกัน”

เร็นพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่น “ผมรักคุณดาริล ผมต้องการขอโทษ อยากจะอธิบายให้เขาเข้าใจถึงเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจทำผิดสัญญา”

เลขาหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นพลางหัวเราะ “คุณคิมุระ อยากตกถังข้าวสารมากเลยเหรอครับ แต่เสียใจด้วยนะ คุณดาริลกำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว”

“ผมรู้ แต่ผมก็ยังอยากจะบอกความรู้สึกของผมให้คุณดาริลรู้อยู่ดี”

“ตัดใจซะเถอะ”

“ไม่ครับ ถ้าคุณเลขาไม่ช่วย ผมก็จะหาวิธีอื่น” เด็กหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง

คาซึกิคิดว่าเขาไม่ควรจะให้โอกาสกับเร็น เพราะยังไงซะ เจ้านายก็ต้องแต่งงาน ถ้ายิ่งรู้ว่าพวกเขาใจตรงกัน ก็จะยิ่งทำให้ตัดใจจากกันลำบาก แต่เขากลับไม่อาจตัดรอนหรือตอบปฏิเสธอีกฝ่ายได้ เพียงเพราะคิดว่า... เจ้านายคงจะดีใจและมีความสุขมาก หากได้ยินคำบอกรักจากคนที่รอคอย “......”

...เจ้านายที่น่าสงสารของเขา ตั้งแต่เล็กมาก็แทบไม่เคยได้สัมผัสกับความสุขเลย ไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กคนอื่นๆ แถมยังต้องแบกรับความรับผิดชอบและหน้าที่ไว้มากมายยิ่งกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก ส่วนตัวเขา... คนที่ครั้งหนึ่งเคยใจร้ายกับเจ้านายมาแล้ว ภาพใบหน้าน่ารักที่แสดงถึงความผิดหวังและเจ็บปวดยังคงฝังลึกอยู่ในใจ หยดน้ำตาที่หลั่งไหลเปื้อนแก้มใสทั้งที่เจ้านายเป็นคนเข้มแข็ง เคยร้องไห้นับครั้งได้ แล้วแบบนี้ตัวเขายังจะกล้าตัดสินใจอะไรหักหาญน้ำใจอีกฝ่ายอีกอย่างงั้นหรือ

“จะให้ผมทำอะไรก็ได้เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของผม... แต่ได้โปรด ขอโอกาสให้ผมพบคุณดาริลสักครั้งนะครับ” เร็นลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วคุกเข่า พร้อมค้อมศีรษะลงต่ำ “ได้โปรดเถอะครับ”

...ทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ... เขาไม่อยากตัดสินใจผิดพลาดอีกแล้ว เพราะงั้น ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาก็แล้วกัน “...ถ้าภายในสามเดือนนี้ คุณคิมุระ...” คาซึกิผ่อนลมหายใจออกยาว “...สามารถลงแข่งเป็นตัวจริงในลีคมหาวิทยาลัยในโตเกียวภาคฤดูใบไม้ร่วง แล้วสามารถทำให้เฮเซชนะได้ละก็ ผมจะช่วยให้คุณได้พบกับคุณดาริล”

เร็นประสานสายตากับอีกฝ่าย สองมือกำเข้าหากันแน่น “ตกลงครับ”

“ส่วนเงินนี่... เอาไว้คืนด้วยตัวเองก็แล้วกัน” คาซึกิลุกขึ้นแล้วผงกศีรษะเล็กน้อย “หวังว่าคุณคิมุระจะทำได้ทุกอย่างอย่างที่พูดไว้จริงๆ”

เด็กหนุ่มยืนขึ้น “ขอบคุณที่ให้โอกาสครับ ผมจะพยายามให้มากที่สุด”


TBC~*


พาน้องเร็นมาส่งแล้วค่ะ

ถึงเวลาที่น้องเร็นจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามเจ้านายบ้างแล้วววว~

แล้วเจ้านายเคยไปวิ่งตามน้องเร็นตอนไหน? เดี๋ยวฮัสกี้ต่อตอนหน้านะค้า

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านค่ะ
  :mew1:


ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
มาแล้วๆๆๆ เร็นสู้ๆ นะ  o13

ออฟไลน์ Kimkibog

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โฮ หนูเร็นเป็นไซคีนี่เอง  :hao7:
แล้วเมื่อไรจะเจอกันหนออ  :m15:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ทีมเร็นนนนนนนนนน

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
อย่ารอพรหมลิขิต สู้ๆนะเร็นคุง

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
มามะเจ้านาย ป้ากอดปลอบเองค่ะ มาเลยมา

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
คุณเจ้านายเคยช้ำใจจากเร็นที่ไปคบกับสาวๆแน่ๆ
 :ling1:

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เร็นสู้ๆนะ คิดถึงเจ้านายจัง555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sweetyswtcou

  • R.Chek SwtCou
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
สู้ๆนะเร็น  :hao5:
เอาชนะใจดาริลให้ได้นะ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เร็น สู้ๆนะ พาเจ้านายออกจากกรงทองให้ได้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
คุณเจ้านายค่าตัวแพงขึ้นทุกวันๆ โผล่มาแต่ชื่อ คิดถึงเจ้านายยยย

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

      เร็นจ๋าาาา สู้สู้นะ :katai2-1:  รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เร็นสู้ๆ เข้าน้าา..^^

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
เอาใจช่วยให้เร็นสมหวัง สู้ สู้ :katai2-1:

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
เร็นสู้ๆๆๆ  :impress2:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ Memindbucker

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หนูเร็นสู้ๆ ขอให้ทำได้ขอให้เจ้านายใจอ่อน
ถ้าทั้งคู่รักกันขนาดนี้ จะหลีกหนีกันไปทำไมมมมมมม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AppleBerry

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ขอให้เร็นชนะน้าจะได้มีโอกาสเจอกับเจ้านาย

 :กอด1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เร็นสู้ๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พยามเข้านะเร็น เป็นกำลังใจให้จ้า

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เร็นตื้อเท่านั้นที่ครองโลกท่องเอาไว้น่ะ

ออฟไลน์ Poppy29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องเร็นนี้ที่รอคอย  :katai2-1: อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกดีมากเลยค่ะ ฮึกเหิมตามไปด้วย ทั้งแม่และคุณพ่อที่โบสถ์ก็มีคำสอนคำแนะนำที่ดีๆให้กับเร็นแม้มันอาจดูเหมือนไม่มีอะไรมากแต่การที่มีคนที่เราใกล้ชิดและไว้ใจคอยอยู่ข้างๆและให้กำลังใจในยามท้อแท้นั้นสำคัญจริงๆค่ะ ตอนที่แล้วหน่วงมากแต่ตอนนี้เหมือนฟ้าหลังฝนเลย ตอนถัดไปอาจจะดีขึ้นไปอีกเอาแบบเห็นรุ้งเลยดีมั๊ยคะคุณดาว :mew1:  เอาใจช่วยน้องเร็นให้ทำสำเร็จแล้วได้เจอเจ้านายเร็วๆ ป.ล. อยากรู้เรื่องราวและความรู้สึกของเจ้านายบ้างจังค่ะ ฝ่ายนั้นก็คงจะเศร้าและทรมานใจไม่แพ้กันใช่มั๊ยคะ? รออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  :mew3:

ออฟไลน์ FollowingTK

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai4: เจ้านายไม่โผล่มาตอนนึงคิดถึงเหลือเกินนนนน เอาเจ้านายคืนมาาาาา~~~~  :katai4:
เปงกำลังใจให้นู๋เร็นชนะใจเจ้านายนะคะะะะ นี่ก็คิดถึงเจ้านายพอๆกะนู๋เร็นเบยยย กร้ากกกกก
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะๆ กี้ดดดด >_______<

ออฟไลน์ i c u

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
 :impress2:

คิดถึงเจ้านาย   มาต่อเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ subbeau

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดูแล้วเร็นคงสู้สุดใจ คุณเลขาจะช่วยเร็นยังไงกันนะ  :katai1:

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 15 : Daryl



เงาเลือนรางของจันทราปรากฏขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้ายามเย็น ตรงข้ามกันกับดวงสุริยันที่กำลังจะลาลับไปยังอีกฝั่งของปลายฟ้า หากเพราะท้องนภายังคงสว่างไสว จึงทำให้มองเห็นดวงจันทร์ได้ไม่ชัดเจนนัก

หลังจากพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว เร็นยังคงนั่งรออยู่ภายในร้านกาแฟจนกระทั่งเลขาหนุ่มเดินกลับออกไป แล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหากัปตันทีมเบสบอลที่มหาวิทยาลัยทันที

“รุ่นพี่ฮารุครับ... ตอนนี้รุ่นพี่ซ้อมอยู่ที่มหาลัยรึเปล่า ผมมีเรื่องจะขอร้องครับ”

เด็กหนุ่มตรงไปมหาวิทยาลัยหลังจากวางหูโทรศัพท์ เมื่อเขาไปถึง เพื่อนๆ ในทีมเพิ่งจะเลิกซ้อมประจำวัน โค้ชผู้ดูแลทีมเองก็อยู่ที่นั่น พวกเขาโบกมือทักทายเด็กหนุ่มจากระยะไกล

ร่างสูงสาวเท้าลงไปในสนามฝึก แล้วหยุดอยู่ตรงทางเข้าตึกซึ่งเป็นทางผ่านของทุกคนพอดี เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเพื่อนทุกคนในทีม จากนั้นจึงตะโกนออกไปเสียงดังลั่น “ขอโอกาสให้ผมได้กลับเข้าทีมฝึกซ้อมกับทุกคนด้วยครับ!”

“เฮ้ย ไอ้เร็น!” เพื่อนในทีมถึงกับผงะ

“ผมรู้ว่าตัวเองขาดซ้อมไปพักใหญ่แล้ว แต่ผมจะตั้งใจฝึกซ้อมให้หนัก จะพยายามให้ถึงที่สุด และจะไม่ให้เป็นตัวถ่วงของทีมครับ!”

กัปตันก้าวเข้าไปฉุดเร็นให้ลุกขึ้นพร้อมกับโอบไหล่หนา “สำหรับพี่น่ะ อย่างที่เคยบอกไป พี่รอเอ็งเสมอ” จากนั้นก็ตะโกนถามคนอื่นๆ ในทีม “เอ้า!” ทุกคนว่าไง”

นักกีฬาในทีมหันไปพูดคุยกัน ก่อนจะตอบกลับมาเสียงขรึม พวกเขายืนกอดอกเรียงเป็นกำแพงหนา “ถ้าให้เอ็งกลับเข้าทีม เอ็งต้องสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้ทีมของเราชนะโตเกียวลีคนี่ให้ได้นะเว้ย!”

“ผมจะสู้ให้ถึงที่สุด!” เด็กหนุ่มค้อมศีรษะลงต่ำ “ขอโอกาสให้ผมด้วยครับ!”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน “ถ้างั้นพวกเราก็ยินดีต้อนรับ ดีใจที่เอ็งกลับมา”

โค้ชยิ้ม “เอซคนสำคัญของเรากลับมาแล้ว ต่อไปนี้ต้องฝึกกันให้หนัก เดือนหน้าเราจะคัดเลือกนักกีฬาตัวจริงกันแล้ว! แข่งฤดูใบไม้ร่วงนี้ พวกเราต้องชนะเท่านั้น!”

เพื่อนในทีมเฮลั่น ขณะกรูกันเข้ามาขยี้เส้นผมของเร็น บางคนก็ตีเข่าใส่เบาๆ บ้างก็ตบไหล่ “เอ็งทำให้พวกเราใจไม่ดี แข่งภาคฤดูใบไม้ผลิก็เสียแชมป์ ต้องทำโทษ!”

“ผมขอโทษ” เร็นพูดเสียงเศร้า “มันจำเป็นจริงๆ ครับ”

“พวกเรารู้หรอกน่า”

เด็กหนุ่มค้อมศีรษะให้กับทุกคนอีกครั้ง “ขอบคุณที่ช่วยเหลือผมด้วย ผมจะไม่ลืมน้ำใจของทุกคนเลย”

“ไปๆ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันได้แล้ว” โค้ชเอ่ยปากไล่ พลางเดินไปยืนข้างๆ เร็น “แม่เป็นยังไงบ้าง”

“ผ่าตัดเรียบร้อยแล้วครับ อีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะได้กลับบ้านแล้ว”

“ดีแล้ว จากนี้ไปเรามาพยายามด้วยกันอีกนะ”

“ครับ!”

เพียงแค่กลับเข้าทีมได้ เร็นก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่งแล้ว ลำดับที่สำคัญถัดไปคือเขาจะต้องได้เป็นตัวจริงในทีม ร่างกายที่ไม่ได้ผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักมาเป็นเวลาหลายเดือนอาจจะทำให้ตามหลังเพื่อนในทีมอยู่บ้าง การทำงานพิเศษไม่ต้องขยับกายหนักหน่วงเฉกเช่นการฝึก หากเมื่อตอนที่ต้องไปอยู่ที่บ้านริมทะเลของดาริล การฝึกขว้างลูกเบสบอลกับการว่ายน้ำก็ทำให้ร่างกายฟิตพร้อมมากขึ้น

คืนนั้น เมื่อเร็นกลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์แล้วก็จัดเก็บข้าวของเพื่อเตรียมเข้านอน เขาเปิดกระเป๋าเดินทางที่แม่บ้านของดาริลจัดให้เพื่อนำเสื้อผ้าที่ได้รับมาจัดเก็บลงในกล่อง เสื้อผ้าที่เจ้านายให้... มันดีเกินไปสำหรับเขา ระหว่างที่หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาดู เขาอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าเจ้านายเป็นคนเลือกซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ด้วยตนเองหรือเปล่า พอเปิดกระเป๋าเดินทางอีกใบจึงพบกับรองเท้า ถุงมือและลูกเบสบอล สิ่งของเหล่านี้... ถ้าหากคิดเข้าข้างตัวเอง ก็ราวกับเจ้านายเลือกสรรมาให้ตัวเขาโดยเฉพาะ

มือหยาบกำลูกเบสบอลแน่นจนเกร็งไปทั้งท่อนแขน เจ้านายใจดี เอาใจใส่ และทำเพื่อตัวเขาทุกอย่าง ถ้าเช่นนั้นแล้วเจ้านายก็น่าจะมีใจให้กันบ้าง พอคิดถึงอีกฝ่ายหัวใจก็พลันเต้นรัวแรง เพื่อเจ้านาย เขาจะต้องเอาชนะการแข่งขันให้ได้

เร็นรื้อเสื้อผ้าที่เคยใช้ในการฝึกซ้อมออกมาจากกล่องที่ซุกไว้ภายในตู้ ตามด้วยจัดเก็บเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน กับถุงมือเบสบอลที่ได้รับเป็นของขวัญใส่ลงกระเป๋าเป้ไว้ให้เรียบร้อย

“คุณดาริล... ถ้าหากคุณเป็นเทวดาของผมจริงๆ แล้วละก็ ถุงมือเบสบอลนี่ก็คงจะนำโชคให้กับผม ขอให้ผมได้เป็นตัวจริง ขอให้ทีมของเราชนะ... ผมจะสู้ให้ถึงที่สุด จะไม่เอาแต่เป็นฝ่ายรอให้คุณกลับมาหาอีกแล้ว”
 

..

....

..


Daryl Ross

ย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อน 


ชมรมเบสบอลของนิชิไฮเป็นชมรมที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงระดับจังหวัด นักกีฬาตัวจริงของชมรมเบสบอลต่างเคยได้ไปแข่งถึงสนามโคชิเอ็งกันมาแล้วทั้งนั้น ศิษย์เก่าของโรงเรียนก็มีเป็นนักเบสบอลอาชีพชื่อดังอยู่หลายคน กัปตันชมรมในตอนนั้นโด่งดังในเรื่องการตีลูกแบบพิฆาต เขามีความแม่นยำและตีลูกโฮมรันมาแล้วนับไม่ถ้วนในการแข่งนัดสำคัญหลายๆ นัด ส่วนผู้เล่นหน้าใหม่ซึ่งเป็นที่น่าจับตาของทีมคนถัดมา เขามีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีน้ำผึ้งคร้ามแดด ใบหน้าหล่อเหลาคมคายพรั่งพร้อมไปด้วยพรสวรรค์ที่นักกีฬาเบสบอลทั้งหลายต่างแสวงที่จะมี... คิมุระ เร็น... เขาเป็นพิชเชอร์ (มือขว้าง) ที่มีหัวไหล่แข็งแกร่ง สามารถปาลูกที่มีความเร็วสูงและมีเทคนิคแพรวพราวจนยากที่นักกีฬาเบสบอลคนไหนในทีมจะสามารถรับมือได้ นอกจากความสามารถในการปาลูกแล้ว เขายังเป็นคนที่มีสมาธิในสนามดีมากพอๆ กับกัปตันชมรม ทั้งที่อายุและประสบการณ์อ่อนกว่าถึงสามปี เขาเป็นหนึ่งในตัวเก็งของทีมหลักที่จะได้ไปแข่งในสนามโคชิเอ็งอันยิ่งใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้

เช้าวันนี้ไม่ต่างจากทุกวัน แม้หิมะจะหนาตา แต่สมาชิกในชมรมทั้งหมดก็ช่วยกันโกยหิมะไปกองรวมไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยตั้งแต่เช้าตรู่ อากาศที่เย็นเยือกไม่ได้ทำให้ทุกคนอ่อนล้า หากยังคึกคักเหมือนเช่นเคย เสียงกัปตันสั่งให้วอร์มอัพ และเสียงของคนในชมรมขานรับเป็นจังหวะพร้อมเพรียงกันดังก้อง จนสามารถได้ยินได้ทั้งที่ไม่ได้อยู่ขอบสนาม

ดาริล รอส เด็กหนุ่มชาวต่างชาติรูปร่างผอมบางผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์ ผิวขาวราวกับงาช้าง... เขาแต่งกายตามแบบวัยรุ่นทั่วไป สวมเสื้อแจ็กเกตกันหนาวกับกางเกงยีนส์สีซีด แล้วสวมแว่นดำเพื่อปกป้องดวงตาจากแสงแดดที่สะท้อนมาจากหิมะ ตัวเขาและเลขาหนุ่มที่เป็นเสมือนพี่เลี้ยงติดตามบิดาบุญธรรมซึ่งมาที่โรงเรียนแห่งนี้เพื่อมาเยี่ยมเยียนชมรมเบสบอลของโรงเรียนที่ทางบริษัทเป็นสปอนเซอร์ให้ตามคำสั่งของคุณตา

"ฉันจะไปคุยกับผู้อำนวยการ แกไปเดินดูชมรมแล้วเขียนรายงานส่งคุณอเล็กซิสด้วย" บิดาบุญธรรมออกคำสั่ง

"ครับ" ดาริลตอบรับ แม้ในใจจะเบื่อหน่ายกับการที่จะต้องรับคำสั่งจากอีกฝ่าย แต่มีเพียงคำสั่งนี้เพียงคำสั่งเดียวที่เขายินยอมทำตามอย่างเต็มใจ...

เด็กหนุ่มถูกพาตัวกลับมาญี่ปุ่นทันทีที่มหาวิทยาลัยในอังกฤษปิดเทอม ทั้งๆ ที่เป็นช่วงวันหยุดในเทศกาลของครอบครัว หากตั้งแต่มาถึงแผ่นดินญี่ปุ่นนี่ก็ยังไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่น้อย เขาถูกสั่งให้ไปฝึกงานที่บริษัท บางวันก็ต้องติดตามบิดาบุญธรรมไปตามสถานที่ต่างๆ

"คุณดาริล เชิญทางนี้ครับ นักกีฬาในทีมกำลังฝึกกันอยู่พอดี" เลขาที่อยู่ในชุดสูทเต็มยศกล่าวขึ้น

“อืม...” ดาริลพยักหน้าตอบ

"ระวังหน่อยนะครับ อย่าเหม่อล่ะ แถวสนามอาจจะเกิดอันตรายได้นะครับ" เลขาหนุ่มเอ่ยเตือน เขาทำหน้าที่เป็นทั้งพี่เลี้ยงและครู ดูแลเด็กหนุ่มมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ถูกพามาสวมตำแหน่งลูกเลี้ยงของตระกูลรอส

ดาริลเดินตามเลขาหนุ่มไปยังสนามเบสบอล พวกเขาหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากรั้วลูกกรงทางด้านนอกตัวสนามนัก เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าร่วมชมรมหรือทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันจ้องมองสมาชิกในชมรมเบสบอลฝึกฝนกันอย่างขันแข็งโดยไม่หวั่นเกรงต่อความหนาวเหน็บ แต่เมื่อหยุดพักก็พูดคุยหยอกล้อกันเสียงลั่น ทำท่าทางล้อเลียนกันแบบประหลาดๆ จนทำให้ดาริลหัวเราะออกมาเบาๆ เช่นเดียวกับพวกนักเรียนหนุ่มสาวที่ยืนเชียร์กันอยู่ข้างสนามทางด้านใน

เลขาหนุ่มอมยิ้ม เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเด็กหนุ่ม เขารู้ว่าดาริลขาดช่วงชีวิตในวัยรุ่นไป ก็นึกเห็นใจอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย และเขาสังเกตว่าทุกครั้งที่มาที่สนามฝึกเบสบอลนี่ เจ้านายจะดูสดชื่นและอารมณ์ดีขึ้น "คุณดาริล เดี๋ยวผมจะไปหาเครื่องดื่มอุ่นๆ มาให้ รอสักครู่นะครับ"

"อื้ม" เด็กหนุ่มตอบโดยที่ไม่ยอมละสายตาไปจากสนามเบสบอลเลยสักนิด

ชมรมเบสบอลของโรงเรียนแห่งนี้ได้รับอภิสิทธิ์ให้มีสนามฝึกเฉพาะของชมรม สมาชิกในชมรมประกอบไปด้วยเด็กนักเรียนไฮสคูลปีหนึ่งถึงปีสามที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว พวกเขาต่างอยู่ในชุดยูนิฟอร์มสีขาวมีลายคาดสีดำและตราของโรงเรียน ทุกคนมีความกระตือรือร้นและทุ่มเทให้กับการฝึกฝนกันอย่างเต็มที่


“ว้าย กัปตันเดินออกมาจากสนามแล้ว”

“นั่นคิมุระคุงนี่ คิมุระคุงงงงง!”

“รุ่นพี่อิโตะค้าาาาา”



เสียงวี้ดว้ายของหญิงสาวแฟนคลับกลุ่มใหญ่ที่มาคอยยืนเชียร์เป็นประจำด้านข้างสนามทำให้ดาริลหัวเราะออกมาเบาๆ เขาไม่แปลกใจที่นักกีฬาเบสบอลของชมรมจะมีแฟนคลับมากมายขนาดนี้ เพราะแต่ละคนมีรูปร่างหน้าตาดีชนิดที่จัดอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกไอดอลเลยทีเดียว

ระหว่างพักจากการฝึกซ้อม นักกีฬาบางคนก็ออกมาพูดคุยกับสาวๆ ที่มายืนรออยู่นอกลูกกรงตาข่าย บางคนไปนั่งดื่มน้ำที่ข้างสนาม บางคนไปปั้นตุ๊กตาหิมะด้วยหิมะที่กองอยู่ข้างๆ สนามเล่น ยกเว้นแต่เด็กหนุ่มร่างสูงผิวสีแทนคนนั้น ที่ยังคงยืนอยู่ในสนามทั้งเหงื่อโซมกายแม้อากาศจะเย็นเยือกเช่นนี้ เขาปาลูกเบสบอลต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจใคร

“ไอ้ เร็นโว้ย พักก่อน เหนื่อยว่ะ” เสียงร้องโอดครวญจากแคชเชอร์ (คนที่ใส่ถุงมือรับลูกจากพิชเชอร์ นั่งยองๆ อยู่หลังแบทเทอร์ซึ่งเป็นคนตีลูกอีกที)

“ยังโว้ย อีกห้านาที”

“ห่าเอ๊ยยยย ไม่เอาแล้ว นู่น แฟนคลับมึงมายืนรอนานจนจะก่อม็อบแล้ว”

“ช่างแม่ง ปล่อยให้รอไป” ร่างสูงตอบอย่างไม่ใส่ใจ หากพอหันหน้ากลับมาอีกที เด็กหนุ่มที่ทำหน้าที่แคชเชอร์ก็วิ่งออกจากสนามไปแล้ว เด็กหนุ่มร่างสูงคนนั้นจึงสบถออกมาเบาๆ แล้วเดินไปหากัปตันที่กำลังปรึกษาเรื่องแผนการซ้อมอยู่กับโค้ชและ อาจารย์ที่ปรึกษาของชมรม


ดวงตากลมโตเผลอมองตามร่างสูงไปโดยไม่รู้ตัว เด็กหนุ่มคนที่อยู่ในตำแหน่งพิชเชอร์ของทีมดูโดดเด่นกว่าใครๆ และทุกครั้งที่เขามาสนามแห่งนี้ ก็จะได้เห็นความมุ่งมั่น ความขยันขันแข็งของเด็กหนุ่มคนนี้เสมอๆ ทำให้รู้สึกประทับใจอยู่ไม่น้อย

เสียงเป่านกหวีดของโค้ชดังลั่น พร้อมกับคำสั่งเรียกให้นักกีฬาทุกคนเข้าที่ กัปตันและนักกีฬาตัวหลักวิ่งเข้าไปประจำตำแหน่ง ยกเว้นเด็กหนุ่มที่ชื่อเร็นคนนั้นที่ไม่ได้ตามเข้าไปด้วย แล้วก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอๆ โค้ชไม่จัดให้เร็นและกัปตันลงสนามพร้อมๆ กัน แต่ให้แยกสลับกันไปอยู่คนละทีม คงจะกลัวว่าทั้งสองจะทำให้ลูกทีมเหนื่อยเร็วจนเกินไป

"เฮ้ย กูไปซื้อน้ำแป๊บ" เด็กหนุ่มร่างสูงตะโกนบอกเพื่อนๆ ที่กำลังวิ่งกุลีกุจอเข้าไปในสนามและอีกกลุ่มที่ไปนั่งประจำที่ตัวสำรอง ก่อนจะจ้ำอ้าวออกจากสนามไป

เสียงเชียร์ดังสนั่นเมื่อกัปตันทีมก้าวลงไปในสนาม หากเสียงของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ดาริลจึงหยิบขึ้นมากดรับสาย เขาละสายตาจากสนามฝึกเพียงชั่วครู่เท่านั้น แม้จะได้ยินเสียงอื้ออึงดังขึ้นมาก็ไม่ได้ใส่ใจ


“ระวัง!!!”


ดาริลเงยหน้าขึ้น หากยังไม่ทันหลบลูกเบสบอลที่พุ่งฝ่าสายลมเข้ามาตรงที่เขายืนอยู่ “อะ!” ร่างผอมบางถูกกระชากอย่างรุนแรง ทำให้เซเข้าไปในอ้อมแขนแกร่งที่โอบรัดเอวของเขาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ แรงดึงและแรงกระแทกส่งผลให้ทั้งสองคนถอยไปชนกับรั้วลูกกรงเหล็กเบื้องหลังดังโครมใหญ่

แว่นตาสีดำที่ดาริลสวมอยู่ตกลงบนพื้น “อูย...” ทันทีที่ตั้งหลักได้ มือขาวก็รีบดันตัวออกจากอ้อมกอดนั้น ก่อนจะเหลือบไปเห็นลูกเบสบอลที่กลิ้งหล่นอยู่ไม่ไกลจากแว่นสีดำนัก

“เฮ้ย! ไอ้เร็น เป็นไรป่าววะ!”  เสียงร้องถามลั่นมาจากกลุ่มคนในสนาม

“คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” สายตาของทั้งสองสบประสานกันเป็นครั้งแรก ก่อนเด็กหนุ่มจะถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “เจ็บตรงไหนรึเปล่า” เขาก้มลงหยิบแว่นกันแดดบนพื้นขึ้นมาเช็ด แล้วส่งคืนให้

“ไม่... ไม่เป็นไร” ดาริลก้มลงมองฝ่ามืออีกฝ่ายที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ดูท่าจะเจ็บอยู่ไม่น้อย นี่คนคนนี้เอามือรับลูกเบสบอลไว้แทนตัวเขาอย่างงั้นหรือ ทั้งๆ ที่ลูกมันแข็งแล้วก็น่าจะพุ่งมาด้วยความเร็วไม่ใช่เล่น

“งั้นก็ดีแล้ว” เร็นตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะก้มลงหยิบลูกเบสบอลด้วยมืออีกข้าง แล้วเดินกลับไปยังสนามที่เขาเพิ่งจากมา

ร่างผอมบางยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ พยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้า... เด็กหนุ่มคนนั้น... เร็น... เข้ามาปกป้อง... มาช่วยเขาให้พ้นจากลูกเบสบอล

“ไอ้เร็น! ไอ้บ้าเอ๊ย! รับลูกของกัปตันด้วยมือเปล่าได้ไงวะ มึงอยากอนาคตดับวูบเรอะ!” เสียงต่อว่าต่อขานดังลั่นมาจากภายในสนามฝึกซ้อม

“เจ๋งป่าวล่ะ” เร็นตอบพลางเขวี้ยงลูกเบสบอลกลับเข้าสนามไป

“เร็น...” นัยน์ตาสีเขียวใสจ้องมองแผ่นหลังกว้างอย่างไม่กะพริบ เด็กหนุ่มที่เข้ามาช่วยเหลือเขาไว้ อ้อมกอดที่แม้เพียงชั่วครู่ หากสัมผัสนั้นกลับทำให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย


“คุณดาริล! เป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมเมื่อกี้รับโทรศัพท์แล้วไม่พูดอะไรเลยครับ” เลขาของดาริลวิ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรครับ” ดาริลตอบพลางก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือที่เขาทำหล่นไว้

“คุณอัตสึชิออกมาจากห้องท่านผู้อำนวยการแล้วครับ เราคงต้องเตรียมเดินทางกันแล้ว”

“อืม” ริมฝีปากสีแดงสดเผยอตอบ แต่แล้วก็หันหน้ากลับไปหาเด็กหนุ่มร่างสูงคนนั้นอีกครั้ง

“...เด็กคนนั้น... มีอะไรรึครับ”

“ช่วยติดต่อโค้ชให้พาเขาไปโรงพยาบาลหน่อยได้มั้ยครับ ผมกลัวว่าข้อมือเขาจะมีปัญหา... แล้วถ้ามีปัญหาอะไร ก็ให้จัดการรักษาให้เขาให้ดีที่สุด เรื่องค่าใช้จ่าย ผมจะรับผิดชอบเอง"

"ได้ครับ คุณดาริล..." เลขาหนุ่มรับคำพลางขมวดคิ้ว

"แล้วก็... เช็กประวัติเขาที แล้วเอามารายงานผมด้วย” ผู้เป็นนายสั่ง จากนั้นจึงเดินนำหน้าออกไปยังลานจอดรถ


วันถัดมา เลขาส่วนตัวของดาริลนำแฟ้มประวัติของเด็กหนุ่มที่ชื่อเร็นเข้ามาให้ในห้องทำงานชั่วคราวของเขา

“เอาวางไว้บนโต๊ะนั่นล่ะ” เด็กหนุ่มตอบ ใบหน้าเขายังคงก้มงุดอยู่กับกองเอกสารตรงหน้าที่บิดาบุญธรรมสั่งให้จัดการให้เสร็จสิ้นก่อนจะหมดวัน

“เด็กคนที่คุณดาริลให้ผมเช็คประวัติ เขาเกิดอุบัติเหตุที่ข้อมือเมื่อวาน เลยต้องเสียโอกาสที่จะได้เข้าคัดเลือกตัวเป็นนักกีฬาที่จะไปแข่งที่โคชิเอ็งในฤดูร้อนนี้ไป น่าเสียดายนะครับ” เลขาหนุ่มเปรย

“หืม?” ร่างผอมบางเงยหน้าขึ้นทันควัน

“เห็นว่าเป็นอุบัติเหตุตอนฝึกซ้อม ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ข้อมือครับ”

...เป็นมากขนาดนั้นเลยรึนี่ เพราะเสียสละเข้ามาช่วยเขาไว้แท้ๆ ...เด็กหนุ่มที่ใจดีและอ่อนโยนคนนั้น...

ดาริลหลุบตาลงต่ำ “ช่วยจัดการให้เขาได้รับการรักษาที่ดีที่สุดด้วยนะครับ เขาเป็นผู้มีพระคุณของผม”

“ผู้มีพระคุณ?” เลขาหนุ่มขมวดคิ้ว เขานึกสงสัย แต่ก็รับปาก “ครับ ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”

เด็กหนุ่มเร่งสะสางงานทั้งหมดแล้วนำไปส่งให้กับบิดาบุญธรรมด้วยตัวเอง เพื่อที่จะขอเวลาว่างไปเยี่ยมเยียนผู้มีพระคุณของตน เขาก้าวเข้าไปในห้องทำงานของอีกฝ่าย ซึ่งบิดาบุญธรรมนั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่ที่บนเก้าอี้

เมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาเยือน เจ้าของห้องก็สบถออกมาเบาๆ “ทำไมไม่ให้เลขาเอามาส่ง ฉันละเกลียดขี้หน้าที่เหมือนผู้หญิงของแกซะจริงๆ”

เด็กหนุ่มไม่ใส่ใจ เขาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ “พรุ่งนี้เช้าผมจะขอไปธุระส่วนตัวสักหน่อย...” ยังพูดไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็คว้าเอกสารตรงหน้าปาใส่เต็มแรง

“จะไปไหนก็ไป บอกตาแกไว้ด้วยแล้วกัน”

แผ่นกระดาษปลิวว่อน กระจัดกระจายไปทั่ว ดาริลยืนนิ่ง จ้องมองผู้ชายคนที่เขาเกลียดจับใจด้วยสายตาที่เย็นชา ก่อนจะย่อเข่าลงเก็บแผ่นกระดาษขึ้นมาแล้ววางกลับคืนที่เดิม “แล้วจะรีบกลับมาที่ทำงานก่อนสิบเอ็ดโมงครับ” เขาพูดโดยไม่มองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับออกมา

นับสิบปีแล้วที่เด็กหนุ่มจำใจต้องอดทนกับท่าทีที่กักขฬะของผู้ชายคนนี้ เพียงเพราะอีกฝ่ายมีศักดิ์เป็นบิดาบุญธรรม พวกเขาไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดเลยสักนิดเดียว อัตสึชิ รอส เป็นชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ซึ่งเป็นลูกเขยแบบแต่งเข้าตระกูล เขาแต่งงานกับนามิโกะ รอส บุตรสาวเพียงคนเดียวของ อเล็กซิส รอส ผู้เป็นทั้งประธานและ CEO ของกิจการในเครือรอส ทั้งหมด ซึ่งมีทั้งโรงแรม โรงงาน ภัตตาคาร และบริษัทส่งออกสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย 

อเล็กซิสเป็นลูกครึ่งอังกฤษ-ญี่ปุ่น หากย้ายถิ่นฐานมาปักหลัก ทำกิจการอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลานานมากแล้ว ส่วนดาริลนั้นเป็นหลานที่สืบเชื้อสายมาจากปู่ของอเล็กซิสโดยตรง และเพราะนามิโกะกับอัตสึชิไม่สามารถมีบุตรได้ เขาจึงเดินทางไปรับดาริล หลานชายวัยเก้าขวบมารับตำแหน่งทายาทตระกูลรอสคนต่อไป

คุณตาของดาริลไม่ค่อยถูกชะตากับอัตสึชินัก หากหลังจากที่นามิโกะจากไป อัตสึชิก็ได้ครอบครองหุ้นถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของกิจการในเครือบริษัทรอสซึ่งเขาได้ยกให้กับลูกสาวไปเมื่อตอนที่เธอแต่งงาน และขึ้นรับตำแหน่งรองประธานบริษัทแทนเธอ โดยที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดจำนวนห้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นของอเล็กซิสซึ่งยังคงตำแหน่งประธานบริษัทและ CEO ผู้บริหารงานด้วยตนเอง ตัวอัตสึชินั้นก็เบื่อที่จะต้องประจันหน้ากันกับพ่อตา โดยเฉพาะเมื่อภรรยาจากไปแล้ว เขากลายเป็นคนร่ำรวยขึ้นกว่าเดิมมาก หากจะแต่งงานใหม่หรือไปเที่ยวหาความสุขใส่ตัวก็ไม่ได้ เพราะติดที่ยังต้องเกรงใจพ่อตาซึ่งเป็นที่รู้จักและเคารพนับถือของพวกนักธุรกิจและรัฐมนตรีอยู่บ้าง ส่วนทางด้านอเล็กซิสนั้น เนื่องจากมีหุ้นอยู่ในมือเพียงครึ่งหนึ่ง หากวันใดที่หุ้นอีกครึ่งไปอยู่ในมือของอัตสึชิ อำนาจและสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจของเขาก็จะสั่นคลอน แล้วอัตสึชิเองก็ไม่ได้มีความสามารถในการบริหารสักเท่าไหร่ เก่งแต่จะคอยขัดขาเขาเท่านั้น อเล็กซิสจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้หุ้นของเครือบริษัทกลับคืนมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ดาริลกลายเป็นหมากตัวกลางที่ถูกกดดันจากทั้งสองฝั่ง คุณตากดดันเขาเพื่อให้รับช่วงต่อจากตัวเองได้โดยเร็วที่สุด และวางแผนให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของเครือบริษัทที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เพื่อที่จะได้ใช้ตัวเขาเป็นสะพานในการขยายอิทธิพลทางธุรกิจ จะได้มีอำนาจพอที่จะต้านบิดาบุญธรรมได้ อาจดูเหมือนเขาเป็นหนูตกถังข้าวสาร หากตัวดาริลเองนั้นไม่ได้ต้องการจะมายืนอยู่ในที่นี้เลยแม้แต่น้อย

บิดาและมารดาแท้ๆ ของดาริลนั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อเขาอายุยังน้อย ปู่และย่าจึงรับเลี้ยงเขาต่อ ทว่าทั้งสองก็มีอายุไม่ใช่น้อยแล้ว ครอบครัวแท้ๆ ของดาริลนั้นแม้จะไม่ได้ร่ำรวยมากเหมือนตระกูลรอส แต่ก็ไม่ได้ขัดสน เขามีชีวิตอย่างมีความสุขและอบอุ่น จนกระทั่งต้องมาสวมบทบาททายาทเพียงคนเดียวของตระกูลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ก้าวแรกที่เข้ามาเป็นทายาทของตระกูลรอสไม่ได้เลวร้ายนัก เขาได้รับความรักจากนามิโกะมากมายล้นพ้น ส่วนอเล็กซิสแม้จะเข้มงวดกับเขามาก แต่ก็ยังมีความรักและความผูกพันของคนที่มีสายเลือดเดียวกันอยู่ หากทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อนามิโกะจากไป ตัวอเล็กซิสเองก็อายุมากแล้วจึงเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ สำหรับอัตสึชินั้น บิดาบุญธรรมเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทั้งหยาบคาย โลภมาก และเห็นแก่ตัว หรืออาจจะเรียกว่าเปิดเผยธาตุแท้ทั้งหมดออกมามากกว่า

ดาริลรู้ตัวดีว่า... ชีวิตเขาไม่มีวันหลุดพ้นจากความกดดันพวกนี้ ต่อให้รับช่วงบริษัทต่อมาจากคุณตา ก็ยังต้องงัดข้อกับบิดาบุญธรรมต่อไปอยู่ดี นอกเสียจาก... เขาจะเอาชนะบิดาแล้วยึดหุ้นของบริษัทกลับคืนมาได้ และเป็นผู้บริหารที่มีสิทธิขาดในบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

เด็กหนุ่มเดินกลับไปที่ห้องทำงานชั่วคราวของตน เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยหน่าย เงยหน้าขึ้นมองเงาของขอบกระจกที่แสงอาทิตย์ทอดผ่าน ดูราวกับลูกกรงขัง อีกหนึ่งปีครึ่งเท่านั้น ที่เขาจะเรียนจบจากมหาวิทยาลัย แล้วต้องกลับมาทำงานประจำที่นี่... ห้องๆ นี้จะกลายเป็นเสมือนคุกที่ใช้คุมขังนักโทษอย่างเขา

นัยน์ตาสีเขียวเหลือบไปเห็นแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาพลิกดู

บนหน้ากระดาษของเอกสารเหล่านั้น มีประวัติตั้งแต่ชื่อผู้ปกครอง ที่อยู่ การศึกษา และเจาะจงลงไปละเอียดถึงเรื่องส่วนตัว ตั้งแต่สัดส่วน สถานะ ไปจนถึงเรื่องเพื่อนๆ และคนรอบตัว

ดาริลไล่อ่านลงไปเรื่อย พออ่านถึงหัวข้อเรื่องแฟนหัวใจก็เต้นแบบแปลกๆ ...คิมุระ เร็น เคยคบหากับเพื่อนสมัยเรียนจูเนียร์ไฮสคูลอยู่สองคนแล้วเลิกรากันไป ทั้งหมดนั้นผู้หญิงเป็นฝ่ายบอกเลิก ด้วยเหตุผลว่าเด็กหนุ่มไม่ค่อยมีเวลาให้ เนื่องจากใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกซ้อมเบสบอล

“สืบมาซะละเอียดเชียว” ดาริลหัวเราะเบาๆ  เขาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นในรายงานว่าตอนนี้เร็นไม่ได้คบหากับใคร จากนั้นก็อ่านรายงานต่อไปอย่างเพลิดเพลิน

“ผลการเรียนอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยดีนัก สมัยเรียนจูเนียร์ไฮสคูลก็ต้องสอบซ่อมอยู่บ่อยๆ แต่เพราะมีฝีมือในการเล่นเบสบอล เก่งกาจและโดดเด่นจนเป็นที่น่าจับตามอง ดังนั้นในวิชาเรียนที่ไม่สำคัญนักก็มักจะได้รับการอนุโลมให้ผ่านไปได้ง่ายๆ"

“เวลาที่ลงสนามแข่งขันคิมุระ เร็นจะกลายเป็นเสาหลักอีกเสาของทีม ท่าทางเย็นเยือกสุขุม มีสมาธิอย่างแรงกล้าจนเพื่อนในวัยเดียวกันและรุ่นพี่ยังให้ความนับถือ เขามีเทคนิคในการปาลูกเบสบอลจัดอยู่ในระดับสูงกว่านักกีฬาในวัยเดียวกันมากนัก”

“เนื่องจากมารดาต้องทำงานหนัก เธอทุ่มเทและเอาใจใส่บุตรชายอย่างดีมาตลอด คิมุระ เร็น จึงติดมารดามาก หลังจากการฝึกซ้อมเบสบอลอย่างขะมักเขม้นทุกวัน เขาจะกลับบ้านไปรับประทานมื้อเย็นพร้อมกับมารดา แล้วช่วยเธอทำงานบ้าน นานๆ ครั้งที่จะได้ไปเที่ยวด้วยกันสองแม่ลูก เพราะพวกเขาไม่ได้มีเงินทองให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากนัก"

"คิมุระ เร็น เป็นเด็กที่แข็งแรง อารมณ์ดี มีความตั้งใจและเอาจริงเอาจัง เป็นที่รักของเพื่อนๆ และอาจารย์ทุกคน ในอนาคตต้องการเป็นนักเบสบอลอาชีพ"

...อืม... จากเมื่อครั้งที่ได้พบกัน ดูจากนิสัยแล้ว เร็นก็น่าจะเป็นที่รักของทุกคนจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่...

ริมฝีปากสีแดงคลี่ยิ้ม  "ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้... คิมุระ เร็น"


TBC~*


:hao5: สงสารดาริลลลล

จากตอนนี้ไป ฮัสกี้จะขอเล่าเรื่องทางฝั่งดาริลบ้างนะคะ ฮี่ๆ

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านค่ะ


ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
คุณพ่อบุญธรรมนิสัยแย่มากเลยค่ะ ถ้าไม่อยากเห็นหน้าดาริลขนาดนั้นก็ปิดตาไปเสียสิคะ ไม่มีใครเขาบังคับให้ตัวมองสักหน่อย :m31: ..แล้วอย่าลืมนะคะว่า คนโลภมักจะมีจุดจบที่ไม่สวยงามนัก หึหึ o18
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2015 20:19:13 โดย Mouse2U »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด