ยามค่ำของคืนต่อมาซึ่งมีจันทร์เสี้ยวประดับท้องฟ้า ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับงามจับตา ดาริลเดินทางมาถึงบ้านพักด้วยหัวใจที่เต้นแบบแปลกๆ จะว่าไปเขาก็รอเวลาที่จะได้มาพบกับเร็นอยู่ตลอดทั้งวัน ทว่าคืนนี้ พอมาถึงในห้องแล้ว ร่างสูงในเงามืดนั้นกลับนิ่งไปจนน่าสงสัย ผู้เป็นนายพยายามคิดทบทวนว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใด หรือเพราะเรื่องเมื่อวานทำให้เร็นรู้สึกเกร็งเวลาที่อยู่ด้วยกัน เด็กหนุ่มจะนึกรังเกียจตัวเขารึเปล่า แต่ว่าเร็นเองก็มีอารมณ์เหมือนกันไม่ใช่เหรอ
หากเด็กหนุ่มเอาแต่จับจ้องมาที่เขา ทำไมกันล่ะ พอชวนพูดคุยก็เอาแต่อ้ำอึ้ง ดาริลขมวดคิ้ว พลางยกมือขึ้นแตะปลายคางอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ได้ผละหนี ก็คิดว่าคงจะเป็นสาเหตุอื่น... แต่ว่า... เพราะอะไรนะ?
“...อ้อ..." จริงสิ คงจะเป็นเรื่องนี้...
"คุณคงจะเป็นห่วงคุณแม่สินะ”
“ก็... นิดหน่อยครับ”
ดาริลยิ้มมุมปาก เขาคิดว่าเร็นน่ารักก็เพราะแบบนี้ล่ะ “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ พวกหมอที่เข้าทำการผ่าตัดน่ะ เป็นหมอมือหนึ่งทั้งนั้น...” แล้วพอเขาใจดีเข้าหน่อย ร่างสูงก็เข้ามาอ้อนราวกับเด็กๆ จนเขาใจอ่อน
“...วันนี้เจ้านายใจดีจังเลยครับ”
ใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับลูกมะเขือเทศ ก็ดูเข้าสิ ไม่ใช่แค่พูดจาออดอ้อนอย่างเดียว แต่การกระทำที่มาขอนอนตัก จับมือแล้วจูบบนฝ่ามือแบบนี้... ถึงจะพยายามไม่คิดอะไร แต่ก็ทำให้รู้สึกเขินๆ ชอบกล “...ผมเคยใจร้ายกับคุณตอนไหนกันล่ะ”
“เพราะคุณ... ผมถึงได้มีโอกาสรู้สึกถึงความสุขเหมือนคนอื่นๆ เขา”
หัวใจราวกับหยุดเต้นไปชั่ววินาทีที่ได้ยินคำพูดหวานๆ แบบนั้น ดาริลหายใจติดขัด เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดีแล้ว
“...คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมขอบอกคุณไว้ตรงนี้เลย... ผมไม่คิดขายตัวแบบนี้อีกไม่ว่าต่อไปต้องลำบากแค่ไหน ผมจะเรียนจนจบมหาลัย แล้วจะต้องเป็นนักเบสบอลอาชีพให้ได้...”
...ราวกับเร็นรู้ว่าเขาต้องการจะได้ยินคำพูดแบบไหน ถ้าเช่นนั้นแล้วทั้งการกระทำและคำพูดเหล่านี้ ก็คงเพื่อเอาใจเขาเท่านั้น ไม่มีอะไรมากหรอก ดาริลบอกกับตนเอง “ก็ดีแล้ว” ชายหนุ่มพยายามนิ่งเฉย แต่แล้วอีกฝ่ายก็ลุกขึ้น แล้วรุกล้ำเข้ามากอดจูบตามอำเภอใจ ซ้ำยังจับมือเขาไปสัมผัสกับส่วนร้อนที่แข็งเกร็ง การกระทำที่บ่งบอกถึงความต้องการอย่างไม่ปิดบัง
อารมณ์ของดาริลถูกปลุกปั่นโดยง่าย ก็เพราะฝ่ามือที่ลูบไล้ไปบนเรือนกายเป็นฝ่ามือของเร็น เขาทอดกายให้อีกฝ่ายล่วงล้ำและพาไปจนถึงจุดสูงสุดแห่งอารมณ์
...นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว ดูท่า เร็นจะถูกใจร่างกายของเขามาก หรือไม่ก็เป็นเพราะด้วยความที่อายุยังน้อย ดาริลเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
ทั้งสองคนนอนเคียงข้างกัน เรียวปากอุ่นๆ ของเด็กหนุ่มยังคงไล้เล็ม แขนแกร่งกอดรัดเจ้านายไว้ “เจ้านายตัวหอมมากเลย”
นัยน์ตาสีเขียวกะพริบปริบ เร็นช่างเอาอกเอาใจเก่งจริงๆ สมแล้วที่มีประสบการณ์มามากมาย เขาแทบจะหลงคารมอีกฝ่ายเข้าซะแล้ว แต่ก็พยายามหักห้ามใจไว้
“เจ้านายครับ... พรุ่งนี้มาเร็วๆ หน่อยได้มั้ยครับ มาตอนยังไม่มืดก็ได้ ผมจะเอาผ้าปิดตาไว้รอ”
“...หืม... อยู่คนเดียวเบื่อเหรอ”
“ก็นิดหน่อยครับ”
“...อยู่กับผมไม่น่าเบื่อกว่ารึไง”
“ไม่ครับ... ผมออกจะชอบเวลาที่ได้อยู่กับคุณนะ”
ดาริลหลุดหัวเราะ “...นี่ถ้าคุณตกลงทำงานที่โฮสต์คลับละก็ ต้องได้เป็นเบอร์หนึ่งแน่ๆ”
“เจ้านาย! คุณพูดยังกับว่าผมเป็นพวกคาสซาโนว่ายังงั้นแหละ” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “...คุณคิดว่าที่ผมพูดๆ ออกไปนี่เพื่อเอาใจคุณงั้นเหรอครับ”
“แล้วไม่ใช่รึไง”
“แต่ผมพูดเพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ” เร็นพูดเสียงขรึม พร้อมกับเล่าถึงความรู้สึกของตนเองที่ผ่านมาอย่างไม่ปิดบัง เด็กหนุ่มกุมมือขาวไว้แน่น ราวกับกำลังเอ่ยคำสัญญา “...ผมตั้งใจว่าจะไม่คบกับใครโดยปราศจากความรักอีก แล้วถ้าผมรักใคร ผมก็จะซื่อสัตย์แต่กับเขาคนเดียวเท่านั้น”
ริมฝีปากสีแดงสดเม้มเข้าหากันแน่น หัวใจเจ็บราวกับมีมีดมาเฉือน ดาริลนึกอิจฉาคนรักของเด็กหนุ่มในอนาคต ไหล่ของเขาสั่นเล็กน้อย แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของตน ดาริลก็รีบกระตุกมือออก เขาพยายามพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติมากที่สุด “...ถ้างั้น... ผมก็ดีใจกับคนรักของคุณในอนาคตด้วย”
หรือว่าเร็นจะรู้ว่าเขาเสียใจ ร่างสูงขยับเข้ามาอ้อน แล้วเริ่มพูดจาหวานๆ อีกครั้ง เด็กหนุ่มปรนเปรอความสุขให้กับเขา ทำให้เขาถลำลึกลงไปในห้วงแห่งภวังค์ สุขราวกับอยู่ในความฝัน... ที่อีกไม่นานก็คงจะต้องตื่นขึ้นเพื่อเผชิญกับความจริง
TBC~*
ย้อนอดีตแห่งฟามสุข ในช่วงของดาริลบ้างนะคะ ^^ จะได้เข้าใจว่าในความมืดนั้น นายเอกคิดอะไรอยู่น้อ
ความสัมพันธ์ของสองหนุ่มคงจะชัดเจนกว่านี้ถ้าเขาจีบกันในที่สว่าง คงจะเป็นอย่างที่คุณMouse2Uบอกไว้นะคะ 5555
เพราะ "ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ" แล้วดวงตาก็เป็นสิ่งแรกที่น้องเร็นหลงรักซะด้วยซี
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านค่ะ 