เสียงไวโอลินแปร่งๆ เรียกเลขาหนุ่มให้กลับคืนสู่ปัจจุบันอีกครั้ง เบื้องหน้าของเขาคือเด็กชายในอดีตที่เติบโตขึ้นมาโดยปราศจากความรักของบิดามารดา โชคดีเหลือเกินที่ดาริลยังมีหัวใจมีความรู้สึกเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป เขาหัวเราะเบาๆ "คุณดาริลครับ เสียงเพี้ยนมากเลยล่ะครับ"
"โธ่ พี่คาซึกิ ก็ผมไม่ได้สีไวโอลินนี่มานานมากแล้ว"
"แล้วทำไมจู่ๆ ถึงอยากจะสีขึ้นมาล่ะครับ"
ดาริลเบือนหน้าหลบแล้วพึมพำ "...ก็แค่อยากสีน่ะครับ ไม่ได้สีมานานแล้ว" เขาปรับเสียงอยู่อีกสักพัก จนคิดว่าใช้ได้ ชายหนุ่มเอียงคอไปมา พยายามนึกถึงตัวโน้ตในความทรงจำอันรางเลือน "อืม..."
คาซึกิยิ้ม เอื้อมไปหยิบแท็บเล็ตมาเปิดหาโน้ตเพลง แล้วส่งให้เจ้านาย "ลองดูมั้ยครับ ผมเคยได้ยินคุณดาริลเล่นเพลงนี้อยู่บ่อยๆ"
"ขอบคุณครับ" เมื่อได้มองตัวโน้ตแล้วบรรเลงเพลงไปสักพัก ทุกอย่างก็ดูจะกลับเข้าที่ ดาริลจึงเริ่มค้นหาเนื้อเพลงอื่นๆ บ้าง
"อืมมม... คุณดาริล วันนี้คุณมีประชุมตอนสิบเอ็ดโมง ยังไงไปฝึกต่อที่ออฟฟิศดีมั้ยครับ"
"อ๋าาา! จริงด้วยสิ! ผมต้องไปทำงานนี่นา!" ดาริลเบิกตาโพลง "ยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย!"
ท่าทีของเจ้านายทำให้เลขาหนุ่มต้องกลั้นหัวเราะ นานเหลือเกินแล้วที่ไม่ได้เห็นเจ้านายทำตัวสมวัยแบบนี้ ตลอดเวลาชายหนุ่มติดอยู่กับคำว่าเพอร์เฝ็กต์ซะจนราวกับเป็นหุ่นยนต์ คาซึกิคงรอยยิ้มอยู่เช่นนั้น หัวใจของเขามีความสุข... ดาริลเองก็คงจะมีความสุขมากเช่นกัน จนเขานึกอยากให้เจ้านายเป็นเช่นนี้ตลอดไป
คาซึกิเอื้อมมือไปหยิบแท็บเล็ตกลับมาดู ก็พบว่าเนื้อเพลงที่เจ้านายกดบันทึกไว้ มีแต่เพลงรักทั้งสิ้น เลขาหนุ่มขมวดคิ้ว ลึกลงไปชักนึกเป็นกังวล... ถ้าหากเป็นตัวเขา เขาคงไม่ขัดใจดาริล อะไรที่ทำให้อีกฝ่ายมีความสุขได้ เขาก็ยินดีทั้งนั้น แต่เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าดาริลมีคู่หมั้น และจากการพูดจาของคุณตาของดาริลนั้น ดูท่างานแต่งงานคงจะมีขึ้นในไม่ช้า เลขาหนุ่มถอนหายใจหนักๆ ...เขาก็ได้แต่หวังว่า สิ่งที่ดาริลพยายามทำอยู่ จะประสบความสำเร็จในเร็ววัน
ช่วงเวลาว่างยามบ่ายในออฟฟิศ ดาริลขึ้นไปยังดาดฟ้าของตึกเพื่อฝึกบรรเลงไวโอลินในเพลงที่ต้องการ เนื่องจากเวลามีไม่มาก เขาจึงตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อม นัยน์ตาจ้องดูตัวโน้ตแล้วพยายามจดจำให้ได้มากที่สุด โดยมีเลขาหนุ่มนั่งเฝ้าอยู่ใกล้ๆ
"พี่คาซึกิไม่ต้องมาเฝ้าผมก็ได้นะครับ"
"ไม่เป็นไรครับ งานส่วนของผมวันนี้เสร็จแล้ว" คาซึกิยิ้มรับ แต่ที่จริง เขาอยากรู้มากกว่าว่าเจ้านายเลือกฝึกเพลงอะไร ซึ่งจากที่ฟังดูก็เรียกว่าหลากหลาย เจ้านายคงจะกลัวว่าเขาจะจับความรู้สึกได้
"วันนี้ผมจะไปที่บ้านพักเร็วสักหน่อย"
...เป็นอย่างที่เลขาหนุ่มคาดเดาไว้ เจ้านายตั้งใจฝึกไวโอลินนี่เพื่อที่จะไปสีให้เร็นฟัง "ถ้างั้นผมจะโทรไปบอกคุณแม่บ้านไว้ให้นะครับ"
รถยนต์คันหรูเคลื่อนเข้าไปจอดที่ด้านหน้าบ้านพักในตอนหัวค่ำ สีหน้าของดาริลบ่งบอกถึงความสุขอย่างไม่ปิดบัง คาซึกิจึงปิดปากเงียบ เขาเอ่ยลาแล้วนั่งรถกลับไปยังที่พักของตนเฉกเช่นทุกวัน
ดาริลถือกระเป๋าใส่ไวโอลินเดินตรงไปยังศาลากลางสวน เขายิ้มกว้างเมื่อเห็นเร็นนั่งรออยู่ที่นั่น ใจนึกอยากให้เป็นแบบนี้ทุกวัน อยากกลับมาบ้านหลังจากเลิกงานแล้วมีคนรักรออยู่
เร็นทำให้ชายหนุ่มแปลกใจอีกครั้ง กับช่อดอกกุหลาบสีแดงในมือ
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “...เอาดอกไม้มาจากไหนกันน่ะ”
“ผมฝากคุณแม่บ้านซื้อมาครับ... แต่ผมเป็นคนเลือกดอกไม้เองนะครับ!”
“กุหลาบสีแดงนี่น่ะเหรอ” ดาริลหัวใจเต้นแรง เขาหลุดปากถามคำถามออกไป “...ทำไมถึงเลือกกุหลาบสีแดงล่ะ”
“ผมเดาเอาว่าเจ้านายคงจะเหมาะกับสีแดง...”
ร่างผอมบางชะงัก นึกโกรธตัวเองที่ถาม ที่แอบมีความหวัง เขาผ่อนลมหายใจออกยาว “งั้นเหรอ” ...ก็นั่นสินะ จะมีความหมายอะไรแฝงล่ะ พอมาถึงตอนนี้ ดาริลก็อดนึกย้อนไปสงสัยการกระทำทุกอย่างก่อนหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้
“ช่างเถอะ” คิดไปก็รังแต่จะทำให้เสียใจและผิดหวังเท่านั้น ชายหนุ่มลังเล หากในที่สุดก็ตัดสินใจเปิดกระเป๋าใส่ไวโอลินออก... เพราะคิดว่ายังไงก็ตั้งใจจะมาสีไวโอลินให้เร็นฟังอยู่แล้ว
เสียงเพลงไพเราะดังกังวาน ดาริลบรรเลงไปพลางยิ้มบาง เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มนั่งฟังอย่างตั้งใจ พอเล่นจบเพลงแรก อีกฝ่ายก็ชวนคุย พร้อมถามคำถาม
"...ทำไมจู่ๆ”
ดาริลเบือนหน้าหนี จะให้ตอบว่าเพราะอยากสีไวโอลินให้ฟัง อยากบอกความรู้สึกผ่านทางเสียงเพลงงั้นเหรอ ไม่มีทางซะล่ะ “...ก็ไม่ได้เล่นนานแล้ว แต่จู่ๆ นึกอยากเล่นขึ้นมา”
“...เจ้านายอยากเล่นให้ผมฟังใช่มั้ยครับ...”
ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก ยังไม่ทันปฏิเสธ เร็นก็คว้ามือเขาไปแนบแผ่นอก ซึ่งภายใต้ฝ่ามือขาวนั้นหัวใจของเด็กหนุ่มเต้นเป็นจังหวะรัวแรง
“...เจ้านายรู้สึกมั้ยครับ... ช่วยยืนยันกับผมที ว่าผมเข้าใจถูกต้องแล้ว”
ดาริลดึงมือกลับ ตอนแรกก็ทำเหมือนไม่ได้คิดอะไร แล้วจู่ๆ ก็ทำเหมือนว่ามีใจให้ จะให้เขาคิดยังไงกัน ทำให้เขาสับสนไปหมดแล้ว นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่เข้าใจ
...อย่าทำให้มีความหวังถ้าไม่ได้คิดอะไร
ร่างผอมบางบรรเลงเพลงต่อไปเรื่อยๆ เขาทอดสายตาออกไปภายในสวนที่มืดมิด พลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าของยามราตรีซึ่งมีเพียงก้อนเมฆหนาตา เมื่อบรรเลงจนจบเพลงแล้วก็เลยไปถอดผ้าปิดตาของเด็กหนุ่มออกให้ แล้วค่อยเริ่มเพลงใหม่
เร็นนั่งฟังบทเพลงและคำพูดของดาริลอย่างตั้งใจ แล้วดึงเขาเข้าไปสวมกอดพร้อมกับถามซ้ำ “เจ้านาย... คุณตั้งใจจะมาสีไวโอลินนี่ให้ผมฟังใช่มั้ยครับ” เสียงที่ฟังดูออดอ้อนแบบนั้น ถ้าดาริลไม่ใจอ่อนก็คงจะเรียกว่าไร้หัวใจไปแล้ว
“ก็รู้อยู่แล้วนี่” ผู้เป็นนายตอบไปเสียงอ่อย “...แค่ไวโอลินธรรมดาๆ เท่านั้นเอง...”
ร่างสูงยังคงพูดคำหวานต่อไปเรื่อย “เป็นไวโอลินที่วิเศษมากต่างหากล่ะครับ... เพราะมันทำให้เจ้านายมีความสุข... ผมชักจะอิจฉาไวโอลินนี่ซะแล้วสิ”
คำพูดนั้นส่งผลให้ใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ “...ช่างพูดซะจริง” แล้วอมยิ้ม เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เร็นใช้ปลายนิ้วสัมผัสริมฝีปากของเขา ดาริลจับจ้องคนตรงหน้าอย่างเหม่อลอย เขาจูบปลายนิ้วนั้นเบาๆ “...ไม่จำเป็นต้องอิจฉาอะไร... ไวโอลินนี่ ผมไม่คิดว่าจะเล่นให้ใครฟังอีกแล้ว”
“เจ้านายกำลังจะบอกว่า เจ้านายจะสีไวโอลินนี่ให้ผมฟังคนเดียวเท่านั้นใช่มั้ยครับ”
...รู้ก็ดีแล้ว
แววตากลมใสสั่นระริก พลางทอดถอนใจ ก่อนจะเริ่มบรรเลงบทเพลงที่ตั้งใจจะมอบให้กับเด็กหนุ่ม “Salut d'amour... เพลงนี้ ผมเล่นให้กับคุณโดยเฉพาะ”
...เขาคงไม่มีโอกาสได้พูดความในใจออกไป บางทีสักวัน เร็นอาจจะเข้าใจ
"...ผมขอฟังเพลงสุดท้ายที่คุณเล่นอีกสักครั้งได้มั้ย”
“ชอบเหรอ”
“ชอบครับ ฟังแล้วหัวใจเต้นตึกตักเลย... เพลงที่เจ้านายเลือกให้ผม”
...หัวใจหวั่นไหวและเจ็บแปลบ ดาริลไม่อาจห้ามตนเองได้ เขาขยับเข้าไปแต้มจูบเรียวปากอุ่นๆ ที่ช่างพูดจาเอาอกเอาใจซะเหลือเกิน
ท้ายที่สุดแล้ว ร่างผอมบางก็ไม่อาจปฏิเสธสัมผัสของเร็นได้ ก็ในเมื่อหลงรักซะจนหมดหัวใจแบบนี้ ผิวกายที่แนบชิดกัน ร่างกายที่สอดประสาน อ้อมแขนที่เหมือนกับว่าจะทำให้เขาหลอมละลาย ดาริลไม่อาจปฏิเสธว่าตนเองต้องการเร็นมากแค่ไหน
“ผมรู้สึกดีมากเลย... ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน...”
“ปากหวานจริง” ...พอสักที เขากำลังจะคิดเข้าข้างตัวเองแล้วนะ
“ผมพูดจริงๆ นะครับ... เจ้านาย... ผม...”
ริมฝีปากสีแดงสดเผยอหอบหายใจ ดาริลรีบปิดปากของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้พูดคำหวานอะไรออกมาอีก เพราะหัวใจของเขารับไม่ไหวแล้ว “เร็น... เรากลับเข้าไปต่อข้างในกันดีกว่านะ อุ้มผมไปหน่อยได้มั้ย”
“ทุกอย่างที่เจ้านายต้องการครับ”
TBC~*
ดาริลช่างน่าสงสาร
คาซึกิก็ช่างเป็นคนดี หงุงงง~
เนื้อเรื่องอาจจะเครียดๆ ไปนิด แต่รับรองว่าคู่นี้เขาแฮปปี้เอนดิ้งแน่ๆ ค่า แฮ่ๆๆ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคะ