เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เงาจันทร์ในม่านหมอก [บทที่ 23: ไซคีพบอีรอส END]  (อ่าน 272989 ครั้ง)

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ตอนนี้เคร่งเครียดมาก ลุ้นทุกบรรทัด

เร็นโผล่มาแป๊บเดียวแต่ก็ชื่นจายยยย

พี่คาสึกิคือพระเอกตัวจริง รักพี่มากกกก บอกเลย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ใกล้จะดีแล้วใช่ไหมมมม

ออฟไลน์ myapril

  • Tomorrow
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1436
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-3
พยายามเข้านะเร็น จะดีล่ะๆ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกรักคาซึกิกับคาโอรุจัง  :katai2-1: เร็นก็สู้สู้นะ :กอด1:

ออฟไลน์ FollowingTK

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แอบสงสารน้องเร็น.... กร้ากกกกกก
ตอนเจ้านายโมโหเลือดขึ้นหน้า อะไรก็ไม่ฟังทั้งน้าน
พยายามอีกรอบโนะนุ้งเร็นโนะ เดี๋ยวเจ้านายก็ต้องคิดถึงเราแน่ๆ กิกิกิ

ขอตอนต่อไปข่าาาาา.  :katai4: ขอมุ้งมิ้งๆบ้างงงง. กร้ากกกกกกกกกก  :katai5:

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
รอตอนต่อไป รอเขาง้อกัน :mew2:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
รักพี่คาซึกิ เก่งจัง ฉลาด อุ้ย เพอร์เฟค ดาริลก็อดทนมามากแบบสุดๆ ควรหลุดพ้นได้แล้ว
ขอแค่ทุกอย่างเป็นไปตามที่หวัง

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ subbeau

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณเลขาคือผู้ช่วยชีวิตของเร็น(และคนอ่านอย่างข้าพเจ้า)จริงๆ  :heaven เร็นอย่าเขม่นคาโอรุเลยน้า นางไม่ใช่คู่แข่งของนายหรอก  :katai2-1:

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4

Chapter 22 :


Daryl Ross


ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองภาพเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มซึ่งเป็นเอซของทีมเบสบอลมหาวิทยาลัยเฮเซ ในการแข่งขันชิงเข้ารอบรองสุดท้ายจากโทรทัศน์ภายในห้องนั่งเล่น ในมือยังคงถือแฟ้มเอกสารพลิกหน้าค้างไว้ แม้จะพยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงเรื่องของอีกฝ่าย หากเมื่อได้ยินข่าวจากเลขาหนุ่ม เขาก็อดที่จะเปิดโทรทัศน์แล้วเบาเสียงไว้ไม่ได้สักที

ใบหน้าหล่อเหลาของเร็นฉายแววจริงจังในการแข่งขันทุกรอบ ดวงตาสีเข้มเปล่งประกายราวกับตาเสือ เด็กหนุ่มทุ่มเทให้กับการแข่งขันอย่างกับว่าเอาชีวิตเข้าเป็นเดิมพันไว้อย่างไรอย่างนั้น จนคาซึกิเองก็ยังเอ่ยปากชื่นชมให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ

ดาริลยิ้มบาง คิดว่าก็ดีแล้วที่เร็นกลับเข้าทีมเบสบอลและเดินตามความฝันต่อไปได้ ใจนึกอยากมีพลังอย่างเด็กหนุ่มบ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี เพราะตัวเขาในเวลานี้ เหนื่อยกับการต่อสู้ดิ้นรนมากเหลือเกินแล้ว

มือขาวปิดแฟ้มในมือแล้วโยนลงไปบนโต๊ะกระจกตรงหน้าโซฟาดังตุ้บ จากนั้นจึงถอนหายใจยาว เขาเท้าแขนบนที่รองแขนแล้วทิ้งน้ำหนักตัวลงไป สายตาทอดมองออกไปทางด้านนอกหน้าต่าง เวลาหลายเดือนผ่านพ้นไปแล้ว หลังจากพยายามแทบตายก็ซื้อหุ้นของบริษัทมาได้อีกสิบเปอร์เซ็นต์ รวมกับของเดิมที่มีอยู่เป็นยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ส่วนหุ้นที่อยู่ในมือของอัตสึชินั้น ยังไม่มีวี่แววว่าจะทำให้อีกฝ่ายเทขายหุ้นที่เหลือได้ งานแต่งงานก็ใกล้เข้าไปทุกที ถึงจะรู้ว่าเป็นการแต่งงานแค่บังหน้า แต่การที่ต้องฝืนแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก จะให้เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยอย่างดีอกดีใจคงเป็นไปไม่ได้

มีเพียงกิจการที่เขาร่วมหุ้นกับคาโอรุเท่านั้นที่กำลังไปได้สวย เวลานี้เขามีเงินมากพอที่จะซื้อหุ้นทั้งหมดของอัตสึชิด้วยซ้ำ แต่ติดปัญหาอยู่ตรงที่อีกฝ่ายไม่ยอมขายนี่สิ

อีกอย่างที่ทำให้เขารู้สึกร้อนใจ นั่นก็เพราะเวลาของเขากับคาโอรุก็ไม่ได้มีมากมายนัก พวกเขาจะต้องสะสางเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้เสร็จก่อนที่เธอจะถึงกำหนดคลอดบุตร

ขณะที่กำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย สายตาก็เคลื่อนกลับไปยังจอโทรทัศน์ หัวใจของชายหนุ่มร่วงวูบเมื่อเห็นว่าแพทย์สนามกรูกันเข้าไปตรวจดูอาการของเร็น ก่อนจะตัดสินใจเรียกให้เด็กหนุ่มตามออกจากสนามไป

“เกิดอะไรขึ้น ยังแข่งไม่จบเลยนี่” ดาริลพูดออกมาอย่างลืมตัว

“ดูเหมือนว่าคุณคิมุระจะมีปัญหาที่แขนนะครับ คงจะมีการสั่งให้เปลี่ยนพิชเชอร์สำหรับช่วงสุดท้าย”

ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก แล้วหันไปทางต้นเสียง “พี่คาซึกิ”

คาซึกิเดินไปหยิบรีโมตโทรทัศน์มากดเร่งเสียงเพื่อให้ได้ยินนักพากย์พูดถึงสถานการณ์ในสนามแข่งขัน เร็นยืนอยู่ท่ามกลางสมาชิกในทีม พวกเขาพยายามรั้งเด็กหนุ่มไว้ไม่ให้กลับเข้าไปในสนาม เร็นดื้อดึงอยู่สักพัก ใบหน้าที่มีเม็ดเหงื่อผุดพรายดูกราดเกรี้ยว จนกระทั่งกัปตันทีมและโค้ชเข้ามาห้าม ในที่สุด เร็นก็จำใจต้องถอยออกไปนั่งรออยู่ที่ด้านข้างของสนามให้แพทย์ดูแล เด็กหนุ่มจ้องมองเข้าไปในสนามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

เหลือเวลาสำหรับการแข่งขันไม่มากแล้ว แต่เป็นโชคดีของทีมเบสบอลจากมหาวิทยาลัยเฮเซที่กัดฟันสู้จนนำชัยชนะและพาทีมเข้าสู่รอบชิงแชมป์ได้ ทุกคนในทีมกรูกันออกมาห้อมล้อมเร็น ส่งเสียงไชโยโห่ร้องเสียงดังลั่น

กล้องถ่ายภาพประชิดใบหน้าหล่อเหลาของของเด็กหนุ่มซึ่งเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา หลังจากโอบกอดกับเพื่อนๆ ในทีมแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง

“...เขา... จะแข่งรอบสุดท้ายได้มั้ย”

“เป็นห่วงหรือครับ” คาซึกิหัวเราะ

ดาริลไม่ยอมละสายตาไปจากจอโทรทัศน์ เขาเม้มปากพลางพ่นลมหายใจออกหนักๆ

“หลายวันมานี่ ดูเหมือนว่าคุณดาริลจะเหนื่อยๆ นะครับ” เลขาหนุ่มก้าวเข้าไปนั่งลงบนโซฟาตัวที่อยู่ข้างๆ กัน จากนั้นจึงวางเอกสารปึกใหญ่ลงบนโต๊ะกระจก “...ถ้าเป็นห่วงคุณคิมุระละก็ ผมจะโทรไปสอบถามอาการให้เดี๋ยวนี้ครับ” คาซึกิไม่รอคำตอบจากเจ้านาย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกไปทันที เขาพูดคุยสักพักก็วางสายไป

ผู้เป็นนายรอฟังรายงานจากเลขาหนุ่มด้วยใจจดจ่อ “เป็นยังไงบ้าง”

“ไม่เป็นอะไรมากครับ คือว่าคุณคิมุระมีอาการเจ็บที่แขนเพราะใช้งานหนักมากเกินไป ส่วนทางโค้ชกับกัปตันทีมก็ต้องการให้เขาออมแรงไว้สำหรับการแข่งขันนัดสุดท้าย แล้วคะแนนตอนนั้นก็นำอยู่แล้วด้วย พวกเขาเลยสั่งให้คุณ

คิมุระออกจากสนามครับ แต่เพราะคุณคิมุระเป็นพิชเชอร์คนสำคัญที่จะต้องปาลูกตอนเปิดและปิดเกมซึ่งมีผลต่อผลการแข่งขันมาก เขาจึงอยากจะลงสนามด้วยตัวเอง ก็เลยมีปัญหาวุ่นวายกันนิดหน่อยครับ”

ดาริลถอนหายใจยาว “ค่อยยังชั่ว”

“สงสัยมั้ยครับ... ว่าทำไมคุณคิมุระถึงได้สู้อย่างเต็มที่ขนาดนี้”

“ก็คงอยากเป็นแชมป์น่ะสิ จะได้เป็นโปรฯ” ผู้เป็นนายพูดเสียงเรียบ เขาปรายตามองกองเอกสารที่คาซึกินำมา ขณะเอนหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่าทีที่อ่อนล้าเต็มที
 
ตอนที่แยกจากกันนั้น ท่าทางของเร็นเหมือนจะเป็นจะตาย เด็กหนุ่มใช้เวลาปรับตัวเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นก็ได้กลับลงสนามมาเป็นนักกีฬาตัวจริง จะว่าไปก็ปรับตัวได้เร็วดีเหมือนกันนะ เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ อดสงสัยไม่ได้ว่าท่าทางของเร็นในวันนั้นมีความจริงใจอยู่บ้างไหม หรือทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงแค่การแสดงเพื่อให้เขาพอใจ ดาริลส่ายศีรษะไปมาแล้วหันไปทางเลขาหนุ่ม “พี่คาซึกิมีอะไรด่วนรึเปล่า ผมอยากพักแล้วล่ะ”

คาซึกิผ่อนลมหายใจออกยาว เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน พยายามชั่งใจว่าควรจะบอกเจ้านายเรื่องของเร็นดีหรือไม่ หากท่าทางที่ไร้เรี่ยวแรง กับใบหน้าที่เศร้าหมองจนน่าสงสาร ส่งผลให้เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดข้อความเสียงที่บันทึกไว้


“ผม... เป็นคนผิดเอง ผมทำผิดกฎ ผมเปิดผ้าม่านทั้งที่รู้ว่าเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง แล้วยังคิดทำทุกวิถีทางให้ได้รู้ว่าคนที่ผมกอดจูบอยู่ทุกคืน คือคนคนเดียวกันกับคนที่ผมรอคอยมานาน”

“ผมรักคุณดาริล จะให้ผมทำอะไรก็ได้เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของผม แต่ได้โปรด ขอโอกาสให้ผมพบคุณดาริลสักครั้งนะครับ”
เสียงจากในโทรศัพท์นิ่งไปชั่วครู่ คล้ายกับเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนั้นกำลังครุ่นคิด

“...ถ้าภายในสามเดือนนี้ คุณคิมุระ...สามารถลงแข่งเป็นตัวจริงในลีคมหาวิทยาลัยในโตเกียวภาคฤดูใบไม้ร่วง แล้วสามารถทำให้เฮเซชนะได้ละก็ ผมจะช่วยให้คุณได้พบกับคุณดาริล”



ดาริลเบิกตาโพลง “เสียงนั่น” พอได้ฟังบทสนทนาอีกครั้งก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าเร็นพูดชื่อของเขาออกมาด้วย “ชื่อผม... พี่คาซึกิบอกเขางั้นเหรอ” 

คาซึกิส่ายหน้า พร้อมยิ้มบาง “ดูเหมือนว่า จะมีใครบางคนรอเก้อที่โรงพยาบาลเมื่อหลายปีที่แล้ว เพราะคุณดาริลผิดสัญญาที่บอกว่าจะไปเยี่ยม”

...เขาไม่เคยเล่าเรื่องสัญญาตอนนั้นให้ใครฟังนี่! “พี่คาซึกิ!”

“คงเข้าใจแล้วนะครับ ว่าทำไมคุณคิมุระถึงได้ต่อสู้เพื่อชัยชนะของเฮเซขนาดนั้น”

ดาริลยังคงมีสีหน้าสับสน คิ้วเรียวขมวดเป็นปม “....”

“มีอะไรหรือครับ”

“...ผมไม่รู้ว่าจะเชื่อเขาดีรึเปล่า”

“ให้โอกาสเขาอีกสักครั้งก็ไม่เสียหายอะไรนี่ครับ” คาซึกิเอื้อมมือออกไปบีบไหล่เล็ก “ลองคิดทบทวนถึงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน แล้วคุณดาริลจะได้คำตอบ”

ดาริลยื่นมือที่เย็นเฉียบออกไปหยิบโทรศัพท์จากในมือของเลขาหนุ่ม กดเปิดข้อความเสียงนั้นอีกครั้งและอีกครั้ง จนมั่นใจ โดยไม่ลืมที่จะกดดูวันเวลาที่บันทึกเสียงนั้นไว้ “...เร็น” ริมฝีปากสีแดงพึมพำชื่อคนที่แสนรัก ก่อนจะหันไปสบสายตากับคาซึกิ พร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน “ขอบคุณนะครับ พี่คาซึกิ”

“ว่าแต่... มีแรงจะอ่านเอกสารที่ผมนำมาแล้วใช่มั้ยครับเนี่ย”

ผู้เป็นนายหัวเราะพลางพยักหน้าหงึกหงัก พวงแก้มนุ่มซับสีเลือด “อื้ม แต่ว่า เอ้อ... พี่คาซึกิ แล้วรอบชิงแข่งวันไหนนะครับ”

คาซึกิกดดูวันในโทรศัพท์มือถือ แล้วทำหน้าเครียด “เอ่อ...”

“ทำไมเหรอ? ทีมได้เข้ารอบไม่ใช่เหรอครับ”

เลขาหนุ่มเคลื่อนสายตามาประสานกับเจ้านาย “วันแข่งชิง... ตรงกับวันแต่งงานของคุณดาริลพอดีเลยครับ”

รอยยิ้มน่ารักเลือนหายไปทีละน้อย “ฮะ!?”

คาซึกิส่งข้อมูลให้เจ้านายดู พลางถอนหายใจ “.....”

วินาทีนั้น ดาริลใจหายวาบ ถ้าหากเร็นรู้ข่าว เด็กหนุ่มจะคิดอย่างไร แล้วการแข่งขันล่ะ “...ผมควรจะทำยังไงดี”

..

....

..

ภายในห้องโสตของมหาวิทยาลัยเฮเซ นักกีฬาในทีมเบสบอลทั้งตัวจริงและตัวสำรองต่างนั่งพิจารณามองภาพเคลื่อนไหวของการแข่งขันจากทีมตรงข้ามที่จะเข้าแข่งร่วมกันในรอบสุดท้ายอย่างจริงจัง พวกเขาประชุมเพื่อหาจุดอ่อน ออกความคิดเห็นและวางแผนกันอย่างเคร่งเครียด เมื่อพูดคุยกันเสร็จแล้ว เหล่าผู้จัดการทีมซึ่งเป็นแฟนของพวกรุ่นพี่สองสามคนก็ยกถาดขนมหวานเข้ามาเสิร์ฟพร้อมกับน้ำชา

“โอ้โห วันนี้มีขนมพิเศษด้วย”

“คุณฟูจิฮาระให้คนเอามาให้เป็นพิเศษเลยค่ะ เห็นว่าเป็นขนมมงคล เอาไว้ฉลองชัยชนะล่วงหน้า”

“จริงสิ คุณฟูจิฮาระ... เขากำลังจะแต่งงานไม่ใช่เหรอ คนที่เอาดอกไม้มาให้เอ็งน่ะเร็น เห็นข่าวในทีวีเมื่อวาน” รุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังตักขนมใส่ปากชะงักกึก

“แต่งงาน?”

“เออ แต่งกับฝรั่ง ลูกชายบริษัทรอสอะไรนั่น”

เร็นลุกขึ้นพรวด มือหยาบกระชากคอเสื้อของรุ่นพี่เข้าหาตัวแล้วตะคอกถามเสียงดังลั่น “เมื่อไหร่!”

“เฮ้ย!” รุ่นพี่เบิกตาโพลงเพราะท่าทางที่ดูเกรี้ยวกราดของเด็กหนุ่ม “เอ่อ ไม่รู้... เอ๊ย! จำได้ละ วันแข่งชิงแชมป์ของพวกเราไง!”

มือหยาบปล่อยคอเสื้อของรุ่นพี่ออก เขาไม่ได้สนใจว่าสายตาทุกคู่ในห้องจ้องมองมาที่ตนเองเขม็ง ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือด ความเจ็บปวดกรีดลึกลงไปในอก เจ็บจวนเจียนจะขาดใจ เร็นสาวเท้ายาวๆ ตรงไปยังประตูห้อง แต่แล้วก็ชะลอความเร็วลงเมื่อได้ยินเสียงของกัปตันเรียกไว้

“เร็น! จะไปไหนน่ะ! ยังมีซ้อมต่อนะ!”

เด็กหนุ่มกำมือแน่น เขากัดฟันตอบกลับไป “ผมขอเวลาสักพัก” แล้วก้าวฉับๆ ออกจากห้องไป ปล่อยให้ทุกคนได้แต่สงสัย จ้องตากันไปมา

...จะมีประโยชน์อะไรไหมกับการทุ่มเทแทบตายของตัวเขานี่ ในเมื่อเจ้านายกำลังจะแต่งงาน ถึงเขาจะรู้ว่าเจ้านายไม่ได้เต็มใจ แต่การที่ได้ยินข่าวแบบนี้ก็ทำให้หัวใจสั่นคลอน เขาอยากพบเจ้านาย อยากกอดร่างผอมบางนั่นไว้ในอ้อมแขน อยากจะได้ยินจากปากเจ้านายว่าการแต่งงานนี้เพื่อบังหน้าเท่านั้น แค่นั้นเขาก็คงจะพอมีแรงสู้ต่อไปได้

ร่างสูงก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ผ่านห้องเล็กใหญ่มากมาย ซึ่งบางห้องก็มีสมาชิกของชมรมอื่นๆ มาทำกิจกรรมร่วมกันในวันปิดเทอม

เสียงของไวโอลิน เชลโล ผสมเปียโนดังแว่ว เรียกความสนใจของเร็นให้หยุดเงี่ยหูฟัง เพราะเป็นเพลงที่เขาเคยได้ยินและรู้สึกคุ้นเคยมากเหลือเกิน เขาก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปยังห้องต้นเสียง

Salut d'amour... เพลงที่เจ้านายเล่นให้ฟังหลายรอบจนจำได้

เด็กหนุ่มเปิดประตูผลัวะ ส่งผลให้เสียงเพลงนั้นเงียบไป ทุกคนภายในห้องหยุดนิ่งแล้วหันมามองที่ร่างสูงเป็นตาเดียว ดวงตาสีเข้มฉายประกายวาบ “เพลงนี้!”

“...คะ!? มีอะไรรึเปล่า” ผู้หญิงที่นั่งอยู่หน้าเปียโนหันมาถาม

กว่าจะรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป เร็นก็เข้ามายืนอยู่กลางห้องดนตรีแล้ว ภายในห้องมีเด็กสาวนั่งอยู่เกือบสิบคน พวกเธอกำลังฝึกซ้อมเพลงร่วมกัน เร็นยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “เอ่อ... ขอโทษครับ พอดีผมได้ยินเพลงคุ้นๆ”

หญิงสาวในห้องหัวเราะคิกคัก พวกเธอหันไปซุบซิบกันแล้วเอ่ยถามขึ้น “ได้ยินใครสารภาพรักมาอย่างนั้นเหรอคะ”

“หือ? สารภาพรัก?” จู่ๆ หัวใจก็เต้นแรง เร็นเดินเข้าไปหากลุ่มของหญิงสาว ซึ่งพวกเธอก็ดูเหมือนว่าจะรู้จักเขาดี พอเร็นเข้าไปใกล้ก็หน้าแดงกันด้วยความเขินอาย “หมายความว่ายังไงเหรอครับ”

หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “เพลงนี้ คนแต่งเขาแต่งให้กับคู่หมั้นก่อนจะแต่งงานกันน่ะค่ะ ชื่อเพลงแปลว่า ทักทายความรัก เป็นเพลงที่คนแต่งบอกรักกับภรรยาน่ะเองค่ะ... เป็นการบอกรักด้วยภาษาเพลงยังไงล่ะคะ”

ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และคงจะแดงยิ่งกว่าใบหน้าของเหล่าหญิงสาวตรงหน้าเขาซะอีก หัวใจที่มันห่อเหี่ยวไปในคราวแรกเต้นระรัวเมื่อย้อนนึกไปถึงคำพูดของเจ้านาย


“Salut d'amour... เพลงนี้ ผมเล่นให้กับคุณโดยเฉพาะ”


ในตอนนั้น เจ้านาย บอกรัก เขาอย่างนั้นเหรอ


"ผมอยากให้คุณจำเพลงนี้ไว้ให้แม่นๆ"


เร็นยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเขาทำให้เหล่าเด็กสาวพลอยหัวใจเต้นแรงไปด้วย เขาค้อมศีรษะลง “ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ แล้วก็ขอบคุณมากครับ” ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

ขายาวพาเจ้าของวิ่งไปตามทางเดินในตึก ความปิติในใจส่งผลให้เขาวิ่งไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ใจนึกอยากจะตะโกนโห่ร้องดังๆ ด้วยความดีใจ ถ้าหากเป็นไปได้ก็อยากจะวิ่งไปให้ถึงบริษัทของเจ้านายซะตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

...คุณดาริล

“โอ๊ยยยย! อยากกอดคุณจะแย่อยู่แล้ว!”

..

.....

..

วันแข่งขันชิงแชมป์มหาวิทยาลัยในโตเกียวประจำฤดูใบไม้ร่วงมาถึงในที่สุด การแข่งขันจะเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายโมงตรง เนื่องจากในฤดูนี้ท้องฟ้าจะมืดเร็วมากขึ้น ภายในสเตเดียมแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่ชื่นชอบในกีฬาเบสบอล รวมทั้งนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มาร่วมให้กำลังใจทีมของตน เสียงโห่ร้องจากกองเชียร์ทั้งสองทีมดังก้องไปทั่วสนาม

ภายในห้องพักนักกีฬา เร็นอยู่ในชุดยูนิฟอร์มเรียบร้อย เขากำลังวอร์มร่างกายไปพร้อมๆ กับฟังคำแนะนำจากโค้ช แต่ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีใครบางคนเคาะประตู ก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมช่อดอกลิลลี่สีชมพูช่อใหญ่

“มีคนฝากช่อดอกไม้นี่มาให้คุณคิมุระค่ะ”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง เขาปราดเข้าไปรับดอกไม้ช่อนั้น “ขอบคุณครับ”

เดาได้ไม่ยากว่าใครเป็นคนส่งดอกไม้นี้มา แม้ในวันที่อีกฝ่ายคงจะยุ่งมาก แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะนึกถึงเขา เร็นผ่อนลมหายใจออกเบาๆ ตั้งใจว่าเมื่อรู้ผลของการแข่งขันในวันนี้แล้ว ถ้าเขาได้รับชัยชนะละก็ พรุ่งนี้จะรีบไปพบกับเลขาของเจ้านายทันที

ดวงตาสีเข้มจับจ้องช่อดอกไม้ด้วยความพอใจ เขาพลิกช่อดอกไม้นั้นไปมาเพื่อตรวจสอบดูว่ามีจดหมายหรือการ์ดอะไรจากคนส่งบ้างรึเปล่า หากก็ไม่พบข้อความใดๆ “ผมจะถือว่านี่คือคำอวยพรให้ได้ชัยชนะจากคุณนะ เจ้านาย” เขาพึมพำกับช่อดอกไม้ในมือ

“เอาล่ะ เตรียมพร้อมลงสนามได้!” สิ้นเสียงประกาศจากโค้ช สมาชิกในทีมทุกคนก็ขานรับเสียงดังลั่น เร็นวางช่อดอกลิลลี่ไว้ในล็อกเกอร์ของเขาแล้วพึมพำ

“ผมจะชนะให้ได้ รอก่อนนะครับ”

จากนั้นจึงปิดประตูตู้ล็อกเกอร์แล้วหันหลังวิ่งตามเพื่อนในทีมออกจากห้อง ก้าวลงสู่สนามอย่างมั่นใจ


ภายในห้องแต่งตัวของโรงแรมหรู

ร่างผอมบางในชุดทักซิโดสีขาวซึ่งตรงสาบเสื้อขลิบสีเงินยวง ผูกโบไทสีเงินเข้ากันกับสีของสาบเสื้อ ยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าหน้าต่างบานใหญ่ สองแขนกอดอกแล้วทอดสายตามองออกไปทางด้านนอกอย่างเหม่อลอย

คาซึกิก้าวเข้ามาหาเจ้านายพลางค้อมศีรษะลง “วันนี้คุณดาริลดูดีมากเลยทีเดียวครับ”

ดาริลหันไปทางเลขาหนุ่มช้าๆ แล้วหัวเราะเสียงขึ้นจมูก “...งั้นเหรอ ขอบคุณนะครับ”

“อดทนอีกนิดเดียวเท่านั้นนะครับ”

สีหน้าของชายหนุ่มราวกับกำลังจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ... อดทนอย่างงั้นเหรอ เขาอดทนมาเป็นสิบปีแล้ว ยังไม่พออีกหรือไง ราวกับนกอินทรีย์ซึ่งควรจะได้กางปีกกว้างโบยบินอย่างมีความสุขบนท้องฟ้า แต่กลับต้องถูกขังอยู่ในกรงแคบๆ ซึ่งแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้

คาซึกิดูเหมือนจะอ่านสีหน้าของเจ้านายได้ เขาก้าวเข้าไปแตะไหล่เล็กอย่างแผ่วเบาพร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบ “ตอนนี้คุณคิมุระลงสนามแล้ว ทีมของคุณคิมุระทำคะแนนนำออกไปแล้วด้วยนะครับ”

“แล้วดอกไม้ล่ะ”

“ส่งถึงมือเรียบร้อยแล้วครับ”

ดาริลหันกลับมาสบสายตากับเลขาหนุ่ม แววตาใสสั่นไหว เสียงที่เอ่ยถามแหบพร่า “แล้ว... เมื่อเขาชนะ เราจะได้พบกันเมื่อไหร่”

เลขาหนุ่มยิ้มบาง “โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ ขอให้ไว้ใจผม แต่ว่าตอนนี้ ใกล้เวลาต้องออกไปรับแขกในงานแล้วล่ะครับ”
ในช่วงเช้าของวันนั้นได้มีการจัดพิธีการแต่งงานแบบชินโตในศาลเจ้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งไปแล้ว ทั้งดาริลและคาโอรุเข้าร่วมพิธีในชุดกิโมโนสำหรับพิธีการ แขกเหรื่อมีเฉพาะบุคคลสำคัญและไม่อนุญาตให้สื่อใดๆ เข้าร่วมงานด้วย ส่วนในตอนเย็นของวันจะเป็นการฉลองการแต่งงานในห้องบอลรูมขนาดใหญ่แทน

เสียงดนตรีที่บ่งบอกถึงการเปิดงานเริ่มขึ้นแล้ว ภายในงานมีแขกเหรื่อนับพันคน และหนึ่งในนั้นก็มีไดอิจิปะปนอยู่ด้วยโดยที่ไม่มีใครสงสัยว่าแท้จริงแล้วคนคนนี้คือคนรักตัวจริงของฝ่ายเจ้าสาว

คาโอรุคล้องแขนดาริลไว้ตลอดเวลา เนื่องจากการตั้งครรภ์เข้าสู่เดือนที่สี่ เธอเริ่มมีอาการแพ้ท้องและรู้สึกอ่อนแอ ดาริลจึงต้องคอยประคองเธออย่างระมัดระวังที่สุด

“ไหวมั้ย คาโอรุ” ชายหนุ่มกระซิบ

“ไหว แต่คลื่นไส้เหลือเกิน” เธอทำหน้าพะอืดพะอม

“อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวขึ้นเวทีแล้วจะพาไปพักผ่อน”

“อืม”

คุณตากับบิดามารดาของเจ้าสาวก้าวเข้ามาหาคู่บ่าวสาวที่ภายนอกมองดูเหมือนว่ารักและทะนุถนอมกันดีเหลือเกิน ทุกคนยิ้มหน้าชื่นตาบาน “มีอะไรหรือคะ คาโอรุตื่นเต้นหรือ”

“ว่าแต่คุณอัตสึชิไปไหนล่ะคะเนี่ย” มารดาของคาโอรุเอ่ยถาม

“อ๋อ อยู่ทางนู้นน่ะครับ เห็นว่ากำลังเตรียมของขวัญให้กับลูกชาย” คุณตาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“อุก!” หญิงสาวซบใบหน้าลงในอ้อมแขนของว่าที่สามี

“คาโอรุ!”

“คาโอรุ เป็นอะไรไปลูก” มารดาถลาเข้าไปช่วยประคอง “เอ๊ะ! หรือว่า...”

ดาริลยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก พลางอมยิ้ม “ชู่ว อย่าเอ็ดไปครับ คุณน้า”

“อา...” มารดายิ้มกว้าง เธอรีบหันไปสบสายตากับสามีและคุณตาของดาริล “ข่าวดีสินะคะ”

คุณตาเบิกตากว้าง หัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี “เจ้าดาริลนี่ ไวจริงๆ แต่ว่าอย่างนี้เราก็ต้องให้ของขวัญแบบพิเศษกันหน่อย” ชายสูงวัยหันไปเรียกเลขาของเขาเข้ามา “ไปตามทนายมา ฉันจะเปลี่ยนแปลงของขวัญที่เตรียมไว้สักหน่อย วันนี้ฤกษ์งามยามดีซะเหลือเกิน”

บิดาของคาโอรุพยักหน้า “นับเป็นข่าวดีของครอบครัว แต่ว่า คุณดาริลจะเรียกว่าคุณน้า ไม่ได้แล้วนะ”

ชายหนุ่มอมยิ้มพร้อมค้อมศีรษะรับ “ครับ คุณพ่อคุณแม่”

ผู้สูงวัยกว่าทั้งสามคนต่างดีอกดีใจ จนไม่ได้สนใจสายตาของคู่บ่าวสาวที่สบประสานกันแล้วยิ้มกริ่ม ดาริลหันไปทางพ่อตา “คุณพ่อครับ ผมเกรงว่าคาโอรุจะเหนื่อย นี่ก็อดทนมาตั้งแต่เช้า เดี๋ยวเสร็จจากขึ้นเวทีแล้ว ผมคงจะต้องขออนุญาตพาคาโอรุไปพักผ่อน แล้วจะรีบกลับเข้ามาในงานนะครับ”

“ได้สิ ไม่มีปัญหาน่ะ”

หลังจากพูดคุยกันสักพัก คู่บ่าวสาวจึงเดินไปทักทายแขกเหรื่อคนสำคัญ จากนั้นก็ถึงเวลาที่จะต้องขึ้นไปกล่าวอะไรบนเวทีสักหน่อย ดาริลทำหน้าที่ของเขาเป็นอย่างดี เขาพูดจาฉะฉานด้วยภาษาที่สุภาพน่าฟัง ก่อนคุณตาจะขึ้นไปกล่าวอะไรกับหลานชายสั้นๆ บนเวทีนั้น

“ดาริลเป็นหลานชายที่ผมภูมิใจ ทั้งเก่ง ฉลาด ความสามารถเป็นที่หนึ่ง ดังนั้นผมจึงวางใจ เนื่องในโอกาสดีในวันนี้ ผมขอประกาศมอบตำแหน่ง CEO ของบริษัทพร้อมกับหุ้นจำนวน 20% ให้กับหลานชายของผมครับ” เมื่อพูดจบก็มีเสียงฮือฮาแว่วมาจากแขกเหรื่อ ตามมาด้วยเสียงปรบมือดังก้อง

ทางฝ่ายบิดามารดาของคาโอรุก็ไม่ยอมแพ้ พวกเขาเองก็ประกาศมอบหุ้นจำนวน 30% จากที่มีอยู่ในมือ 60% ให้กับลูกสาวเช่นกัน 

ดาริลยิ้มมุมปาก ในมือของเขามีหุ้นอยู่แล้ว 25% เมื่อได้รับจากคุณตาอีก 20% ประกอบกับตำแหน่งผู้บริหาร ชีวิตของเขาจะเรียกว่ามีอิสระแล้วก็ว่าได้เพราะถือว่าเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของบริษัท

หากในวันมงคลเช่นนี้ ราวกับเทวดาบนสรวงสวรรค์ช่วยประทานพรพิเศษให้กับดาริล เพราะอเล็กซิสผู้ซึ่งเป็นพ่อตาได้เอ่ยปากเรียกลูกเขยขึ้นมามอบของขวัญให้กับหลานชาย หรือลูกบุญธรรมด้วย

ภายนอกอาจดูเหมือนว่าพ่อตากับลูกเขยนั้นสนิทสนมกันเป็นอย่างดีแม้ลูกสาวหรือภรรยาของพวกเขาได้จากไปแล้ว แต่ภายในใจนั้น อัตสึชิต้องอดทนข่มใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณชนที่เขาจำเป็นต้องอาศัยภาพพจน์ดีๆ ไว้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

“ผมคิดว่า อัตสึชิเองก็เตรียมของขวัญไว้ให้ลูกชายเขาเช่นกัน จริงมั้ย อัตสึชิ”

อัตสึชิยิ้มแหย ทว่าภายในใจต่อว่าชายสูงวัยยกใหญ่ เมื่อตอนก่อนจะถึงวันงานนั้น อเล็กซิสส่งเลขากับทนายมาพูดคุยกับเขา เรื่องของขวัญให้กับลูกบุญธรรม ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้ต้องการหรือสนใจ หากเพราะการเจรจากึ่งบังคับแบบนั้น ทำให้เขาจำใจต้องสวมรอยบิดาบุญธรรมที่แสนดี จัดการให้ทนายส่งมอบหุ้นจำนวนห้าเปอร์เซ็นต์ให้กับลูกเลี้ยงเป็นของขวัญในวันแต่งงานด้วย

สองพ่อลูกปลอมๆ จำต้องโอบกอดกันบนเวทีอย่างไม่เต็มใจนัก ทั้งที่ในใจเกลียดกันราวกับเป็นศัตรู ดาริลค้อมตัวลงต่ำ “ขอบคุณครับ คุณพ่อ” จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นสบประสานสายตากับบิดาบุญธรรม เขายิ้มมุมปากพลางส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ

อัตสึชิกัดฟันกรอด เขาฝืนยิ้ม แล้วก้าวฉับๆ ลงจากเวทีไป

...การแต่งงานนี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้หุ้นของบริษัทมาครองถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วยังมีหุ้นของบริษัทฟูจิฮาระของคาโอรุอีก ริมฝีปากสีแดงสดยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

หลังจากนั้น เจ้าบ่าวก็เอ่ยปากขอเวลาเข้าร่วมวงดนตรีกับกลุ่มนักดนตรีในงาน โดยอ้างว่าจะมอบเพลงนี้ให้แก่เจ้าสาวของเขา ดาริลรู้ว่าภายในงานมีนักข่าวจากหลายสำนักเข้าร่วม เขาจึงใช้โอกาสนี้เพื่อส่งข้อความถึงคนรักที่คงจะกำลังเฉลิมฉลองชัยชนะอยู่ภายในเมจิจิงกุสเตเดียม

พิธีกรนำไวโอลินมาส่งมอบให้กับชายหนุ่ม ก่อนเขาจะก้าวขึ้นไปบนเวทียกพื้นเตี้ยๆ อีกหนึ่งเวทีซึ่งตั้งอยู่กลางงาน เวทีแห่งนี้ใช้เป็นที่สำหรับเหล่านักดนตรีที่มีหน้าที่บรรเลงเพลงขับกล่อมแขกเหรื่อในงานโดยเฉพาะ เขาพูดคุยกับนักเล่นเปียโนให้ช่วยเล่นคลอไปเบาๆ จากนั้นจึงเริ่มบรรเลงเพลง Salut d'amour

เสียงใสของไวโอลินดังก้อง ส่งผลให้ทั้งงานเลี้ยงเงียบสงัด สายตาทุกคู่จ้องมองไปบนเวทีขนาดเล็กนั้นราวกับถูกเวทมนตร์ของชายหนุ่มตรึงไว้

คาโอรุน้ำตาซึม เธออมยิ้มขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่ดาริล สามีในนามของเธอ หญิงสาวรู้ว่าดาริลไม่ได้มอบเพลงนี้ให้กับเธอ แต่มันคือบทเพลงแห่งความรักของอีกฝ่ายต่างหาก เมื่อเทียบกันแล้ว ตัวเธอยังโชคดีกว่าเพื่อนรักของเธอมาก

...ฉันภาวนาขอให้นายสมหวังในรักเช่นกันนะ ดาริล

เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อบทเพลงบรรเลงจบลง ดาริลค้อมศีรษะลงต่ำ ก้าวลงจากเวทีนักดนตรีแล้วกลับขึ้นไปบนอีกเวทีหนึ่งเพื่อไปหาเจ้าสาวเพียงในนามของเขา ชายหนุ่มหัวเราะเมื่อเธอโผเข้าโอบกอด ซึ่งเขาก็โอบตอบและลูบหลังเธอเบาๆ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นสบสายตากับใครบางคนที่ยืนหลบมุมอยู่ทางด้านล่าง

ไดอิจิค้อมศีรษะลงต่ำ แม้ในใจเจ็บปวดที่ไม่สามารถทำหน้าที่ สามี ที่ถูกต้องของคาโอรุได้ แต่การที่ได้มีเพื่อนที่ดีอย่างดาริล ก็ถือว่าตัวเขาไม่ได้อาภัพจนเกินไป ทุกคนกำลังอดทนและต่อสู้ ตัวเขาเองก็เช่นกัน สักวัน... คงจะเป็นวันของเขากับคาโอรุ และดาริลกับคนที่ชายหนุ่มรักบ้าง

เสียงเพลงบรรเลงดังคลอแผ่วเบาขณะที่คู่บ่าวสาวก้าวลงมาจากเวทีอย่างเชื่องช้า พวกเขาเข้าไปกล่าวขอบคุณแขกวีไอพีในงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หากถ้ามีใครสักคนได้สังเกตและมองลึกเข้าไปในแววตาของทั้งสอง ก็คงจะรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่า ท่าทางที่มีความสุขนั่นเป็นเพียงแค่การแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น


(มีต่อค่ะ)


ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Kimura Ren

เด็กหนุ่มผิวสีคร้ามแดดทรุดลงบนเข่าอย่างอ่อนแรงเมื่อได้ยินเสียงประกาศครบอินนิ่งที่เก้า ซึ่งหมายถึงการแข่งขันได้จบลงแล้วในที่สุด แขนแกร่งที่ใช้แรงมาอย่างหนักสั่นเทา แต่เขาก็ยกแขนขึ้นตะโกนร้องไชโยเสียงดังลั่น ทว่าไม่อาจเทียบได้กับเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจากคนในสนามเลยแม้แต่น้อย

เพื่อนๆ ในทีมกรูกันเข้ามาโอบกอด ขยี้เส้นผมสีดำที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะจับตัวเร็นยกขึ้นโยนไปในอากาศ “สำเร็จแล้วโว้ย ไอ้เร็น! วันนี้ต้องฉลองใหญ่!”

ในใจของเร็นนั้นนึกถึงเพียงว่า เขาได้ทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับคาซึกิสำเร็จแล้ว เขาดีใจมากเหลือเกิน ถึงแม้เจ้านายอาจจะไม่ได้รับรู้ถึงความสำเร็จของเขาก็ตามที เพราะเวลานี้... อีกฝ่ายคงจะอยู่ในงานฉลองพิธีแต่งงาน

กว่าจะพูดคุยแสดงความยินดีกันเสร็จก็ใช้เวลาไปกว่าชั่วโมง จนท้องฟ้าทางด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีหม่น ร่างสูงที่เหงื่อโซมกายเดินกลับเข้าไปในตัวอาคารพร้อมกับเพื่อนๆ ในทีม ตรงไปยังห้องพักนักกีฬาซึ่งเป็นห้องเก็บล็อกเกอร์ด้วยเพื่อที่จะไปเอาเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนหลังอาบน้ำ

หากระหว่างทางนั้นมีใครบางคนในชุดสูทยืนอยู่ เนื่องจากเร็นไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขาจึงเดินผ่านชายคนนั้นไป

“คุณคิมุระครับ”

เด็กหนุ่มหยุดกึก “ครับ”

ชายในชุดสูทก้าวเข้าไปตรงหน้าเร็นพร้อมกับส่งซองจดหมายให้ “ผมมารับคุณคิมุระครับ”

“หือ ผมเหรอ” เด็กหนุ่มชี้ไปที่ตัวเอง เขาลังเลเล็กน้อยที่จะรับซองจดหมายนั้นมา สบสายตากับอีกฝ่ายอยู่สักพักจึงตัดสินใจรับมาเปิดออกดู ภายในซองนั้นเป็นการ์ดเชิญของงานแต่งงานซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที

“รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับ ผมจะพาคุณคิมุระไปที่งาน”

เร็นชักสีหน้า “ผมไม่ไป”

“ไม่อยากพบ ท่าน หรือครับ”

...อยากพบน่ะใช่ แต่จะให้ไปพบอีกฝ่ายในชุดเจ้าบ่าว ในงานแต่งงานเนี่ยนะ เขาคงจะต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ “......”

“คุณเลขาเป็นคนสั่งให้ผมมารับคุณคิมุระครับ”

เร็นจ้องชายในชุดสูทเขม็ง “.....”

“อย่าชักช้าสิครับ เดี๋ยวจะไปไม่ทันงานนะครับ”

...ลองไปดูก็ได้ เร็นบอกกับตัวเอง เขาก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าถ้าเจ้านายเห็นเขาในงาน อีกฝ่ายจะทำสีหน้าแบบไหนกันนะ

เด็กหนุ่มรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาใช้เวลาบอกปัดงานเลี้ยงฉลองกับทุกคนในทีมอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็โทรศัพท์ไปแจ้งข่าวกับมารดา เสร็จแล้วจึงเดินออกมาหาชายในชุดสูทที่ยืนรอเขานิ่งราวกับเสาปูน ในมือของเขาถือช่อดอกลิลลี่ที่เพิ่งได้รับมาก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น ส่วนเสื้อผ้าที่ใช้แล้วอยู่ในเป้สะพายหลัง

“เรียบร้อยแล้วนะครับ เชิญทางนี้ครับ”

เร็นเดินตามชายหนุ่มไป ทั้งที่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาควรจะไปดีหรือไม่ แล้วเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่นี่ก็เป็นแค่เสื้อสเวตเตอร์กับกางเกงยีนส์ จะเข้าไปในงานแต่งงานหรูหราในโรงแรมได้อย่างนั้นหรือ

พอเดินไปถึงรถที่จอดรออยู่ เด็กหนุ่มก็พูดกับชายหนุ่มในชุดสูทคนนั้น “ผม... กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีมั้ยครับ”

“ไม่จำเป็นครับ คุณเลขาเตรียมไว้ให้หมดแล้ว เชิญครับ” ชายหนุ่มเปิดประตูออกแล้วส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้รีบเข้าไปนั่งในรถโดยเร็ว

“เอ่อ... ครับ”

ไม่นานเร็นก็ไปถึงโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน จำนวนรถที่จอดอยู่ทั้งทางด้านหน้าโรงแรมและในที่จอดรถแน่นขนัด ชายหนุ่มขับรถเข้าไปจอดในที่จอดรถแล้วพาเร็นเดินเข้าไปภายในโรงแรม ตรงไปยังห้องพักแบบเรียบๆ ที่จัดเตรียมไว้ เขาใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้องออก แล้วผายมือให้เด็กหนุ่มเข้าไปรอด้านใน

“อีกสักพักคุณเลขาจะมาครับ เชิญคุณคิมุระตามสบาย”

เร็นก้าวเข้าไปนั่งรอบนโซฟาเดี่ยวภายในห้องที่เปิดไฟไว้สว่างจ้า เขาประสานมือไว้ด้วยกันอย่างเกร็งๆ สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนบานประตูจะเปิดออก

“สวัสดีครับ คุณคิมุระ” เลขาหนุ่มยิ้ม “ยินดีด้วยกับชัยชนะของคุณในวันนี้”

...เขาชักสงสัยแล้วว่ายินดีด้วยจริงๆ น่ะหรือ

ร่างสูงผุดลุกขึ้น “เรียกผมให้มาที่นี่ในวันแบบนี้ ใจร้ายจังเลยนะครับ”

คาซึกิหัวเราะ “ผมนึกว่าคุณคิมุระอยากจะพบเจ้านายเร็วๆ ซะอีก”

“อยากพบสิครับ! แต่ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วย” เร็นเถียง จากนั้นจึงเบือนหน้าหลบ

“คุณคิมุระเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าครับ” หากเลขาหนุ่มไม่ใส่ใจ เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบชุดสูทสีดำมาส่งให้ “อยากพบเจ้านายมั้ยครับ”

เด็กหนุ่มอึกอัก แต่ก็พยักหน้า เขาต่อสู้ดิ้นรนมาขนาดนี้แล้ว จะมายอมแพ้เอาตรงนี้หรือ... ถ้านี่เป็นเพียงโอกาสเดียวที่จะได้พบกับเจ้านาย เขาก็คงต้องยอม

เร็นรับเสื้อผ้ามาเปลี่ยน เสื้อตัวในนั้นเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับไว้ด้วยเวสต์สีเทา จากนั้นคาซึกิจึงช่วยผูกเนกไทแล้วสอดเข้าไปในเสื้อเวสต์ให้ ก่อนจะส่งเสื้อสูทให้สวมทับ เสร็จแล้วก็จัดการกับทรงผมให้เรียบร้อยเป็นทรง “คุณคิมุระจะนั่งรออยู่ในห้องก่อน หรือจะเปลี่ยนใจลงไปในงานสักหน่อย”

“ผมรออยู่ที่นี่ดีกว่าครับ”

คาซึกิยิ้มมุมปาก “ไม่อยากฟังเจ้านายสีไวโอลินหรือครับ น่าเสียดาย ไม่ได้มีโอกาสได้เห็นและได้ยินบ่อยนักนะครับ”

เร็นเลิกคิ้วขึ้น “เจ้านายจะสีไวโอลินในงานด้วยเหรอครับ” ...เจ้านายเคยบอกว่าจะสีไวโอลินให้เขาเพียงคนเดียวนี่นา แล้วทำไม... หรือว่า... “ผมเปลี่ยนใจแล้ว คุณเลขา”

“ถ้างั้นก็เชิญตามผมมาเลยครับ”

เมื่อเด็กหนุ่มก้าวเข้าไปภายในห้องจัดเลี้ยง คาซึกิกับเขายืนหลบมุมอยู่บริเวณที่ไม่มีคนเพ่นพ่านไปมามากนัก ไม่นานหลังจากนั้นเสียงของไวโอลินก็ดังขึ้น เสียงเพลงบรรเลงซึ่งเร็นรู้จักดี เขายิ้มกว้าง เจ้านายกำลังส่งสารถึงเขาใช่ไหมนะ แต่ภาพของเจ้านายบนเวทีไกลๆ เขาไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนนัก หากก็คิดว่าชุดทักซิโดสีขาวคงจะเหมาะกับเจ้านายอยู่ไม่น้อย

ดวงตาสีเข้มจับจ้องร่างผอมบางนิ่ง ส่งเสียงถอนหายใจออกมาเป็นระยะๆ อดนึกน้อยใจในระยะห่างของตัวเขากับเจ้านายไม่ได้ เขาเป็นเพียงแค่นักศึกษาธรรมดาๆ ส่วนเจ้านายนั้น... ถ้าจะว่าไปแล้วก็ราวกับอยู่คนละโลกกับเขาเลยทีเดียว

เร็นมองตามเจ้าบ่าวของงานเดินลงจากเวทีขนาดเล็ก ส่งไวโอลินให้กับคนที่รอรับอยู่แถวนั้น แล้วเดินขึ้นไปหาเจ้าสาวบนเวทีหลัก ซึ่งเธอโผเข้ากอดชายหนุ่มในทันที วินาทีนั้นรู้สึกราวกับหัวใจถูกขยี้ให้แหลกเป็นผุยผง เขาเบือนหน้าหลบ

...ไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกต้องหรือเปล่าที่ตามมาถึงงานเลี้ยงนี่ แล้วในวันแบบนี้ เจ้านายจะมีเวลามาฟังคำอธิบายของเขาอย่างนั้นหรือ แต่ถ้าเขาจะเปลี่ยนใจกลับบ้านไปก่อนก็กลัวว่าคุณเลขาจะไม่ยอมให้ได้พบกับเจ้านายอีก

“เอาล่ะครับ ผมจะต้องเข้าไปดูแลเจ้านายแล้ว ถ้าคุณอยากจะเดินไปเดินมาแถวนี้ ทานอะไรเล่นสักหน่อยก็ตามสบาย หรือจะขึ้นไปพักผ่อนในห้องรอเวลาก็ได้ ตามใจคุณละกัน”

“ผมไปรอที่ข้างบนห้องดีกว่า”

คาซึกิพยักหน้ารับ “ถ้างั้นผมจะบอกให้พนักงานจัดอาหารไปส่งให้ที่บนห้องนะครับ”

“แล้ว... นี่ผมจะได้พบเจ้านายตามลำพังรึเปล่า”

คาซึกิอมยิ้ม เขาหยิบซองขนาดเล็กเสียบเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท “รออีกประมาณสองชั่วโมง ให้งานเลิกสักพักก่อนนะครับค่อยขึ้นไปที่ห้องนี้ แล้วระวังด้วยล่ะ พยายามให้คนเห็นน้อยที่สุดนะครับ” เขากระซิบ แล้วเดินฉับๆ ออกไป

มือหยาบสัมผัสซองกระดาษลื่นภายในกระเป๋าเสื้อ เขาลองหยิบออกมาเปิดดู ก็พบว่ามีคีย์การ์ดสองใบ ใบหนึ่งน่าจะเป็นของห้องพักที่เขาใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าในคราวแรก ส่วนอีกใบเป็นของห้องพักที่อยู่ชั้นบนสุด ก็น่าจะเป็นของ... เจ้านาย... อย่างนั้นหรือ

พอเร็นเงยหน้าขึ้น คาซึกิก็เดินหายเข้าไปในฝูงชนเช่นเดียวกับเจ้านายของอีกฝ่ายแล้ว เด็กหนุ่มหันรีหันขวาง ภายในงานนี้ก็ไม่ได้รู้จักกับใครซะด้วย เขาจึงเดินกลับไปที่ห้องพักตามลำพัง

เร็นจัดการกับอาหารมื้อค่ำที่พนักงานโรงแรมนำมาเสิร์ฟให้ไปเล็กน้อย ทั้งที่เขาควรจะหิวเพราะใช้พละกำลังในการแข่งขันไปมาก หากในใจรู้สึกกังวลแบบแปลกๆ ทำให้รับประทานอาหารไม่ลง เขาพลิกคีย์การ์ดไปมาอยู่ในมือ จากนั้นจึงหันไปมองช่อดอกลิลลี่สีชมพู

นัยน์ตาคมกริบชำเลืองมองเวลาบนนาฬิกาภายในห้องพัก เวลาช่างเดินไปอย่างเชื่องช้าเสียจริง เขานับถอยหลังทุกวินาที รอเวลาที่จะขึ้นไปพบกับเจ้านาย

และเมื่อถึงเวลา เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องไปอย่างระมัดระวัง ขายาวก้าวไปตามทางเดินในตึก ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสูงสุด เมื่อประตูลิฟต์โดยสารเปิดออกก็ก้าวออกมาแล้วหันมองซ้ายขวา จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตาเดินตรงไปยังห้องที่เป็นจุดหมาย

เร็นง้างมือขึ้นเพื่อเตรียมเคาะประตู แต่แล้วก็ชะงักค้าง ถ้าเวลานี้เจ้านายอยู่ในห้องด้วยกันกับเจ้าสาว เขาคงจะตกใจไม่ใช่น้อย แต่ถ้าหากเจ้านายอยู่ตามลำพัง แล้วพอรู้ว่าเป็นเขาก็ไม่ยอมเปิดประตูล่ะ

ร่างสูงเม้มปาก ก่อนจะตัดสินใจเสียบคีย์การ์ดเข้าไปในช่องอ่านการ์ดแล้วค่อยๆ เปิดประตูออก เขาชะโงกหน้าเข้าไปสำรวจภายในห้องสวีตขนาดกว้างขวาง หากมีแสงไฟสลัวมาจากโคมไฟตรงหัวเตียงที่เปิดทิ้งไว้เท่านั้น ภายในห้องไม่มีใครอยู่เลยสักคน

เร็นก้าวเข้าไปข้างในพลางปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ เขากวาดสายตามองไปรอบๆ อีกครั้งขณะเดินสำรวจพื้นที่ภายใน มือกร้านไล้ผ่านโต๊ะทำงานตัวเขื่อง แล้วไปสะดุดกับโลหะเย็นเฉียบ ซึ่งสัมผัสนั้นเรียกให้เขาหันไปมองดูทันควัน

แหวนสีทองกลมเกลี้ยงที่วางอยู่บนผ้าเช็ดหน้าสีขาว... มันคือแหวนแต่งงานของดาริล

เด็กหนุ่มหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมาตรงหน้า หัวใจเจ็บราวกับถูกแทงด้วยมีดแหลม เขากำมันไว้ในมือแน่น ใจนึกอยากจะปาทิ้งไปเสีย แต่ก่อนที่จะทำอะไรลงไป เสียงที่แว่วมาจากทางห้องอาบน้ำก็ดึงสติเขาให้กลับคืนมา พอหันไปดูก็เห็นว่ามีแสงไฟเล็ดลอดออกมาตามแนวประตูเล็กน้อย ทำให้นึกได้ว่าบางทีเจ้านายอาจจะกำลังอาบน้ำอยู่ข้างใน

เด็กหนุ่มวางแหวนวงนั้นคืนที่เดิม จากนั้นจึงเดินไปหยุดที่ตรงบานประตูแล้วเงี่ยหูฟัง ภายในห้องอาบน้ำมีเพียงเสียงน้ำไหลเท่านั้น เขาจึงค่อยๆ เลื่อนบานประตูออก แล้วมองเข้าไปภายใน

ร่างผอมบางนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ ศีรษะเอนพิงขอบอ่าง เส้นผมสีทองเปียกชื้น ดวงตาคู่สวยปิดสนิท ชายหนุ่มฮัมเพลงเบาๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่ามีใครบุกเข้ามาจวนเจียนจะถึงตัวอยู่รอมร่อ

เร็นชะโงกเข้าไปสำรวจภายในห้องน้ำ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดสวิตช์ไฟ


TBC~*



จะได้พบกันแล้วววว สองหนุ่มเขาเคยแต่พบกันในความมืด เพราะงั้นน้องเร็นปิดไฟรอแล้วนะคะ 5555

ถ้าได้พบเจ้านายในที่สว่างสักครั้ง น้องเร็นจะเป็นยังไงน้อ >< ยังไงก็ขอให้รอติดตามในตอนต่อไปนะคะ

ขอบคุณนักอ่านทุกคนค่ะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ถึงกับไม่อยากรอ อยากให้สองคนนี้เจอกัยเร็วๆ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
น้องเร็นเล่นอะไรคะเนี่ย ^^ เดี๋ยวดาริลก็ตกใจแย่หรอกค่ะ แต่ทำแล้วต้องรับผิดชอบด้วยการโอ๋ดาริลด้วยละกันน้าาา งื้ออออ ขวัญเอ๊ยขวัญมา~ :-[

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
จะพบกันแบบสว่างๆ แล้ววว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
โอ้ย ตื่นเต้นกับแผนการณ์คุณเลขา

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ยินดีด้วยนะทั้งเร็น ดาริลและคาโอรุ 

ในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว :กอด1:


อยากกลายร่างเป็นจิ้งจกเกาะข้างฝาในห้องนี้.....


ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ความตั้งใจใกล้จะเป็นจริงแล้ว อดทนอีกนิดเดียวนะเจ้านาย

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ลอยคอ รอคอยตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อ สองคนนี้เค้าจะได้เจอกันแล้ววว
ดาริลกับเร็นเป็นพระนายที่แลดูอาภัพแบบแปลกๆ เคยเจอกันคุยกันเมื่อหลายปีก่อนแค่ครั้งเดียว
หลายปีต่อมากลับมาเจออีกทีดันไม่ได้เห็นหน้า พอเข้าตอนที่ 13 ก็ต้องจากกัน ห่างกันไปตั้ง 9 ตอน
ไฟนอลลี่ๆๆๆๆตอนต่อไปก็จะได้เจอกันแบบปกติเห็นหน้าค่าตาแล้ว เย้ๆๆๆ...T_T

เร็นนี่ตั้งแต่รู้ว่าดาริลจะแต่งงานจนกระทั่งมานั่งอยู่ในงานแต่งเค้าทั้งๆที่ไม่รู้ความจริงก็คงอดทนมากเนอะ
ดาริลเองก็น่าสงสารตั้งแต่ยังเด็ก แต่ยังดีที่มีคนรอบข้าง ทั้งพี่คาซึกิ ทั้งเพื่อนๆที่ดีคอยเป็นกำลังให้
ตอนย้อนความสมัยดาริลยังเด็กมีเรื่องกับพ่อแล้วพี่คาซึกิมาช่วยนี่เราแอบน้ำตาซึมเลย พี่คาซึกิช่างเท่จริงจริ๊ง ซาบซึ้ง
ตอนนี้คุณพี่ก็จัดการอะไรๆให้เร็นได้เจอกับดาริลอย่างสะดวกโยธินเลยเนอะ แก้ตัวที่หลายปีก่อนเคยวางแผนไว้ละกันนะ
จะว่าไปสมัยที่ดาริลไปเจอฉากเด็ดเร็นอ่ะ ตอนนั้นสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกันไม่ใช่เรอะ เราเลยไม่ได้อะไรมากเท่าไหร่

ชอบสถานะของสองคนนี้นะ คนนึงอายุมากกว่าเพอเฟ็กต์บ้านรวย อีกคนอายุน้อยกว่าเป็นนักกีฬามหาลัยธรรมดา
อุต๊ะ ไม่รู้ทำไมมันช่างก๊าวใจจริงๆ ไม่ค่อยเห็นนักกีฬาเบสบอลในนิยายเท่าไหร่ด้วย
ปกติชอบดูอนิเมะกีฬาเบสบอลนะ (ถึงจะไม่ค่อยรู้กติกาก็เถอะ แต่ดูๆไปก็สนุกดี อิอิ)
น้องเร็นดูรักกกดาริลดี ชอบแสดงออก น่าจะช่างอ้อน เหมือนน้องหมาตัวโต น่าย๊ากกกกกกกกก

กลัวเรื่องนี้จบเร็วจัง อย่างที่บอกว่าแอบรอสองคนนี้เจอกันแบบเห็นหน้ามาเกือบสิบตอนละ
อยากเห็นเค้าอยู่ด้วยกันไปอีกหลายๆตอนเลยค่ะ คุณฮัสกี้อย่าเพิ่งรีบจบน้าาาาาาาาาา
ช่วยชดเชยที่ต้องแยกจากกันไปหลายตอนด้วยเถิดดด พลีสสสส
 :mew2:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ดีจังที่เร็นไม่ขี้งอน บอกให้ทำอะไรก็ทำตามหมดทุกอย่าง บางคนไม่รอถึงวันนี้แน่ โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปแล้ว

ออฟไลน์ PaTtO

  • อาซามิซามะ.. ทาคาบะ4ever
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1638
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
และแล้ว.....ก็ปิดไฟ :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
งื้อออ มาหลอกให้ค้างงง ตอนนี้มีความสุขไปกับเร็นกับดาริล
ได้เจอกันซะทีนะ

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
ตื่นเต้นสุดๆ. จะเจอกันแล้ว  :-[

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
 เรื่องนี้เหมือนชะตารักของตัวละครจะลำเค็ญที่สุดในบรรดางานของคนเขียนเลยค่ะ

สงสารทั้งคู่ และคาโอรุและค่หมั้นด้วย เกลียดผู้ใหญ่ที่ชอบบังคับให้คนอื่นเดินตามทางตัวเองเลือกโดยอ้างว่าหวังดี

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ว้ากกกก
ปิดไฟรอ เค้าจะเป็นยังไงกันต่อเนี่ยยย

ออฟไลน์ newone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai5: เค้ากะลังแอบซ่อนตัวอยู่ในห้อง คลุมโปงรอส่องดูสองหนุ่มปรับความเข้าใจกันค่ะ
โอยยยยยยยยย ลุ้น หวังว่าตอนหน้าต้องฟินมากๆแน่เลย แฮ่ๆ :m25:
แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะชอบแบบมืดหรือสว่างมากกว่าค่ะ
เจอกันตอนสว่างก็คงเขิลๆเนอะ ฮิฮิ ดีงามอ่าาาาา

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
เค้าจะได้เจอกันแล้ว  :katai2-1: รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ subbeau

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ถึงจะมีอุปสรรคต่างๆนานา แต่สุดท้ายสองคนนี้ก็จะได้พบกันอีกครั้งแล้ว ดีใจ ฮืออออ  :katai1:

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 23 : ไซคีพบอีรอส



...จบสิ้นซะที งานเลี้ยงบ้าๆ ไร้สาระแบบนั้น

เสียงผ่อนลมหายใจแผ่วเบาแว่วมาจากเจ้าของร่างผอมบางในอ่างน้ำอุ่น ริมฝีปากสีแดงสดอมยิ้มน้อยๆ ในยามนี้นึกถึงแต่เพียงเวลาที่จะได้พบกับเด็กหนุ่มที่แสนรักอีกครั้ง อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ก็ได้ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเขาจะลองเร่งเร้าคาซึกิดูสักหน่อย

ดวงตาสีเขียวมรกตหรี่ปิดลงช้าๆ จนสนิท ตั้งใจว่าหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วจะเปิดดูคลิปบันทึกการแข่งขันเบสบอลของมหาวิทยาลัยในโตเกียวรอบชิงแชมป์นั่น เขาอยากจะเห็นนัยน์ตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังกับรอยยิ้มแห่งชัยชนะของเด็กหนุ่มมากเหลือเกิน นั่นคงเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความหวังในการต่อสู้อุปสรรคในชีวิตเช่นกัน


“ผม... เป็นคนผิดเอง ผมทำผิดกฎ ผมเปิดผ้าม่านทั้งที่รู้ว่าเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง แล้วยังคิดทำทุกวิถีทางให้ได้รู้ว่าคนที่ผมกอดจูบอยู่ทุกคืน คือคนคนเดียวกันกับคนที่ผมรอคอยมานาน”


...รอคอยมานาน อา... เร็นจำเขาได้ จำได้แม้กระทั่งชื่อ


“ผมรักคุณดาริล จะให้ผมทำอะไรก็ได้เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของผม”



เพียงแค่นึกถึงว่าเด็กหนุ่มเพียรพยายามต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้ได้พบกันอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยก็เต้นระส่ำ ดาริลฮัมเพลงเบาๆ อย่างมีความสุข เขาไม่อยากที่จะรอให้คาซึกิไปพบกับเร็นก่อนซะแล้ว ในอดีตตัวเขาเป็นฝ่ายเอาแต่หนีแล้วก็หลบเลี่ยงเพราะคิดว่าเร็นไม่เคยให้ความสนใจอะไรกับตนเองเลย ประกอบกับกลัวว่าถ้าเด็กหนุ่มรับรู้ถึงความรู้สึกที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ อีกฝ่ายอาจจะมองว่าเขาเป็นคนแปลกประหลาด น่ารังเกียจ ทว่าในเวลานี้ หัวใจของพวกเขาตรงกันแล้ว... เขาอยากจะพบกับเร็น อยากอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงและอบอุ่นอีกครั้ง


พรึ่บ


“หือ?” ดาริลลืมตาพลางยันตัวขึ้นนั่ง... ไฟดับ? ในโรงแรมเนี่ยนะ จะเป็นไปได้ยังไงกัน?

เมื่อได้ยินเสียงประตูแง้มเปิดออก ใบหน้าหวานหันไปทางต้นเสียงทันที แสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงทางด้านหลังฉาบร่างสูงเบื้องหน้าให้เห็นเพียงแค่เงาสีดำ ชายหนุ่มลุกขึ้นพรวด มือขาวรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาปิดบังร่างกาย “ใครน่ะ! พี่คาซึกิเหรอ!? อ๊ะ!” ร่างผอมบางที่เปลือยเปล่าถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขนแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ดวงตากลมโตเบิกโพลง มือขาวผลักตนเองออกด้วยความตกใจ “ใคร! ปล่อยเดี๋ยวนี้!”

“เจ้านาย”

เจ้าของน้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบประชิดใบหูขาว สองแขนรัดเรือนกายที่เปียกชุ่มเอาไว้แน่น “เจ้านาย... คิดถึงคุณเหลือเกิน”

ชายหนุ่มที่กำลังดิ้นเร่าพร้อมกับทุบตีคนที่ถือวิสาสะเข้ามาแตะต้องเนื้อตัวหยุดกึก “เร็น” กลีบปากอิ่มเผยอค้าง 

“ขอโทษที่บุกรุกเข้ามาแบบนี้ แต่ผมกลัวว่าถ้าเคาะประตูเรียก เจ้านายเห็นผมแล้วจะไม่ยอมเปิดประตูให้ ผมเลยใช้คีย์การ์ดที่คุณคาซึกิให้เปิดเข้ามาเอง” ใบหน้าหล่อเหลาซุกลงบนหัวไหล่เล็ก “ขอผมกอดคุณอีกสักนิด อย่าเพิ่งไล่ผมออกไปเลยนะครับ”

สองแขนเรียวค่อยๆ ยกขึ้นโอบลำตัวหนา ทั้งๆ ที่มีคำพูดมากมายที่อยากจะเอ่ยออกไป ทว่าเวลานี้กลับพูดอะไรไม่ออกเลยสักนิด “.....”

“ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน” เร็นย้ำคำพูดของตนด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

ราวกับเวลาของพวกเขาหยุดลงแค่นั้น ทั้งสองยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน มีเพียงเสียงของลมหายใจแผ่วเบากับหัวใจที่เต้นรัวแรงประสานกันเป็นจังหวะหนักๆ

ร่างผอมบางสั่นน้อยๆ เมื่อรู้สึกหนาว เขาจึงสะกิดเจ้าของอ้อมกอด “ผมหนาวน่ะ... ออกไปคุยกันข้างนอกได้มั้ย”

เร็นเงยหน้าขึ้น “เจ้านายจะไม่ไล่ผมออกไป ไม่หนีผมไปไหนใช่มั้ยครับ”

ริมฝีปากสีสตรอว์เบอร์รีคลี่ยิ้ม “ไม่หรอก”

แขนแกร่งคลายออกช้าๆ อย่างลังเล แต่ก็เป็นห่วงว่าเจ้านายจะไม่สบาย “งั้นผมจะไปเอาเสื้อคลุมมาให้ก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มหันไปควานหาเสื้อคลุมตามชั้นวาง

“เปิดไฟสิ”

“ไม่ดีกว่าครับ เจ้านายโป๊อยู่...”

ดาริลชะงัก ใบหน้าร้อนวาบ มือขาวเอื้อมไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมร่าง จากนั้นก็ก้าวออกมาจากอ่างน้ำแล้วเดินฉับๆ เข้าไปภายในห้อง

“เจอแล้ว! อ้าว! เจ้านายครับ!” เร็นคว้าเสื้อคลุมตามออกไป “เจ้านาย นี่ครับ เสื้อคลุม”

ชายหนุ่มหยุดกึก เขาหันมาประจันหน้ากับร่างสูง แสงสลัวภายในห้องทำให้พวกเขามองเห็นกันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก่อนมือขาวจะปล่อยผ้าเช็ดตัวออก

เร็นปิดตาลงพร้อมหันหน้าหนีทันควัน แต่มือก็ยื่นเสื้อคลุมให้กับเจ้านาย “เชิญครับ”

ดาริลเอื้อมมือออกไปรับเสื้อคลุมมาสวม “ถ้าไม่อยากเห็นผมนักละก็ จะปิดไฟที่หัวเตียงนั่นก็ได้นะ”

“เจ้านาย!” เด็กหนุ่มหันขวับกลับมาประสานสายตากับดวงตาสีเขียวใส ภาพตรงหน้าส่งผลให้หัวใจเต้นแรงจนเจ็บในอก เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ สายตาไล่มองจากปลายเท้าขึ้นมายังใบหน้าอย่างเชื่องช้า เจ้านายของเขาช่างงดงามราวกับภาพวาด เรือนร่างขาวที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ประปราย ร่องชีพจรกับแผ่นอกที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากอวบอิ่มดูเย้ายวน เส้นผมสีเดียวกับทองคำล้ำค่าปรกตามกรอบใบหน้าเรียวเล็ก “เอ่อ... ไม่ใช่...”

ใบหน้าสวยหวานเบือนหลบ “....”

“ผม... คือ... อา...” ร่างสูงยกมือขึ้นลูบท้ายทอย เขาจะอธิบายกับเจ้านายว่าอย่างไรดี ไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด “...คือ ผมไม่เคยได้เห็นร่างกายของคุณใกล้ๆ ชัดๆ มาก่อน ผมกลัวว่าจะตื่นเต้นจนทนไม่ไหว” เขาก้าวเข้าไปยืนเบื้องหน้าชายหนุ่ม แล้วเอื้อมมือออกไปกุมมือขาว “เจ้านาย... คุณไม่รู้เลยรึไงกันว่าตัวคุณสวยงามมากขนาดไหน ผมกลัวว่าหัวใจของผมจะรับไม่ไหว”

พวงแก้มนิ่มซับสีเลือด “...พูดบ้าๆ”

“จริงๆ นะครับ” เร็นดึงมือขาวไปวางบนแผ่นอกเหนือหัวใจที่กำลังเต้นรัว “เชื่อผมรึยังครับ”

ดาริลดึงมือกลับ ใบหน้าร้อนผ่าว จะว่าไป... อย่าว่าแต่เร็นเลย หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นส่ำเช่นกัน ทำอย่างกับว่าเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกอย่างนั้นล่ะ เขาตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดคุยกับเด็กหนุ่มอย่างไรดีแล้ว

“เจ้านาย คือ... ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี” เร็นพ่นลมหายใจออกหนักๆ “อ่า... อย่างแรก ผมต้องขอโทษที่ผิดสัญญา ผม... เพราะผมคิดว่าคุณเป็นคนเดียวกับคนที่ผมเคยพบมาก่อน เป็นคนที่ผมรอคอย เพราะงั้นก็เลย...”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”

“ไม่ได้หรอกครับ” เร็นส่ายหน้าไปมา “เจ้านาย เมื่อห้าปีก่อน คุณบอกว่าจะมาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาล”

“ผมก็ไปเยี่ยมแล้วไม่ใช่เหรอ”

“แต่คุณบอกว่าจะมาอีก ผมรอคุณทั้งวัน รอจนออกจากโรงพยาบาล จนกลับลงสนามได้ แต่คุณก็ไม่เคยกลับมาหาผมเลย”

“ไปแล้ว... ไปตั้งหลายหน” ดาริลพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“อ้าว... งั้นทำไมเราไม่ได้พบกันล่ะครับ เจ้านายใจร้ายจัง”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบสายตากับร่างสูง เขาเม้มริมฝีปากที่สั่นระริกไว้เล็กน้อย “ผมเห็นว่าคุณอยู่กับเพื่อนๆ ก็เลยไม่อยากรบกวน แต่ครั้งสุดท้ายที่ตั้งใจว่าจะไปพบคุณให้ได้... ผมเห็นคุณอยู่กับคนรักของคุณ... ในห้อง”

เร็นเลิกคิ้วขึ้น วางมือบนหัวไล่เล็กแล้วโน้มศีรษะเข้าไปหา “เจ้านาย ผมไม่รู้เรื่องเลย ผมขอโทษ... ผมไม่ได้ต้องการให้คุณเห็นตัวผมแบบนั้น คือว่า เอ้อ... มันอาจจะฟังดูเหมือนคำแก้ตัว แต่... ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าหากคบกับใครสักคนก็อาจจะลืมเรื่องของคุณไปได้บ้าง” นัยน์ตาคบกริบสบประสานกับดวงตาสีเขียวใส “...แต่ก็เป็นอย่างที่เจ้านายเห็นนี่ล่ะครับ ผมไม่สามารถลืมคุณได้ คุณรู้ใช่มั้ยครับว่าที่โบสถ์ใกล้โรงพยาบาลที่แม่ผมรักษาตัวอยู่มีภาพวาดบนผนังที่เหมือนกับคุณมาก ผมชอบไปที่นั่น... เพราะจิตใต้สำนึกของผมคิดถึงแต่คุณอยู่เสมอ”

แววตาสีมรกตสั่นไหว เช่นเดียวกับหัวใจของผู้เป็นเจ้าของ เขาไม่อยากเชื่อหูตนเองสักเท่าไหร่ ตลอดเวลาที่ผ่านมานี่ เร็นคิดเช่นนี้มาตลอดเลยงั้นหรือ ถ้างั้นพวกเขาก็ไม่ต่างกันเลยน่ะสิ

“เจ้านาย คุณเองก็ลืมผมไม่ได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ คุณถึงได้ซื้อตัวผม”

ดาริลเบือนหน้าหลบ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

เด็กหนุ่มรวบมือขาวขึ้นมาแนบจูบ “เจ้านาย ขอให้เชื่อใจผมอีกสักครั้งได้มั้ยครับ ผมรักคุณ ผมจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังอีกเด็ดขาด”

“เร็น... ผมแต่งงานแล้วนะ”

มือหยาบค่อยๆ เคลื่อนไปโอบกอดร่างผอมบางไว้หลวมๆ “ผมรู้ แต่เจ้านายไม่ได้เต็มใจนี่! ไม่อย่างนั้น คุณคงไม่อยู่ที่นี่คนเดียวในคืนเข้าหอแบบนี้!” จากนั้นจึงจับมือซ้ายของเจ้านายขึ้นมาตรงหน้า “แหวนแต่งงานคุณก็ไม่ได้ใส่”

“ผมแค่ถอดออกเพราะอาบน้ำ”

“เจ้านาย” เรียวปากหยักได้รูปจูบลงบนข้อนิ้วนางตรงที่ควรจะมีแหวนแต่งงานสวมอยู่ “สักวัน เมื่อผมคืนเงินให้เจ้านายได้หมดแล้ว ผมจะหาซื้อแหวนที่เหมาะสมมาสวมให้กับคุณเองนะครับ รอก่อน... รอผมนะครับ”

“คืนเงินอะไรกัน”

“เงินที่ผมรับมา ผมจะคืนให้คุณทั้งหมด ผมสัญญา”

ดาริลหลุบตาลงต่ำ “เงินแค่นั้น มันไม่ทำให้ผมลำบากหรอกน่ะ”

“เจ้านาย ผมรักคุณจริงๆ นะ ถ้าผมคืนเงินพวกนั้นไม่ได้ ผมก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่ต้องการเอาแต่ผลประโยชน์จากคุณน่ะสิ” มือหยาบเชยคางเรียวขึ้นมาสบสายตากัน พลางยิ้มบาง “ได้มองหน้าคุณใกล้ๆ แบบนี้ ไม่อยากเชื่อเลย” แขนแกร่งโอบรัดร่างผอมบางเข้ามาประชิดลำตัว ก่อนจะแนบจูบบนหน้าผากมน “...มันทั้งเหงาแล้วก็ทรมานสุดๆ ไปเลยนะครับ เวลาที่ผมไม่ได้เจอกับเจ้านาย ทุกวัน... ผมต้องซ้อมวิ่งจนเหนื่อย เพื่อให้สลบไปก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดลง ผมกลัวว่าจะนอนไม่หลับ เพราะคิดถึงคุณจนจะขาดใจ”

ใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ เร็นนี่ ช่างรู้จักวิธีพูดที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงดีจริงๆ ดาริลพยายามไม่แสดงความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้มากนัก หากเสียงที่เปล่งออกไปเบาหวิว “ปากดีอีกแล้ว”

“ถ้าเจ้านายได้เห็นว่าผมต่อสู้มากแค่ไหนเพื่อให้ได้มาพบคุณอีกครั้ง คุณจะไม่สงสัยในความรักของผมเลย” เร็นยิ้มกว้าง “ผมรอวันที่จะได้พบกับคุณ ได้กอดคุณแบบนี้มาตั้งนาน”

รอยยิ้มของเด็กหนุ่มตรึงสายตาของดาริลไว้นิ่ง รอยยิ้มที่เขาหลงใหล “เร็น”

“ผมรักคุณนะ รักจนจะบ้าอยู่แล้ว” เรียวปากอุ่นจูบแก้มสีแดงเรื่ออย่างแผ่วเบา ค่อยๆ เคลื่อนไปยังริมฝีปากที่เป็นจุดหมายอย่างเชื่องช้า พลางพร่ำกระซิบคำหวาน “เจ้านายครับ เพลงที่คุณสีไวโอลินในงานเพลงนั้น คุณตั้งใจจะเล่นให้กับผมใช่มั้ย”

ดาริลเงยหน้ารับจุมพิตที่แนบเข้ามาบนกลีบปากอิ่มอย่างเชื่องช้า ความนุ่มนวลและอ่อนโยนแบบที่ตัวเขาเองก็เฝ้าคิดถึง “ใช่” นัยน์ตาสีเขียวใสปิดลง พร้อมกับเผยอเรียวปากเล็กน้อย

เร็นบดริมฝีปากเข้าหาเรียวปากนุ่มนิ่ม สอดลิ้นเข้าไปตระกองกอดลิ้นเล็กสีชมพู ขบเม้มกลีบปากหอมหวานเบาๆ สัมผัสอย่างทะนุถนอมที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

...โชคดีที่เขาเองก็เชื่อมั่นเช่นนั้น เพราะภาพที่เจ้านายกอดกับคนอื่นทำให้เขาหวั่นไหวมากเหลือเกิน

“เจ้านาย ให้โอกาสกับผมอีกครั้งนะครับ ขอให้ผมได้ใกล้ชิดกับคุณ ได้เป็นคนพิเศษของคุณอีกครั้ง... นะครับ” เด็กหนุ่มกระซิบบนกลีบปากที่เพิ่งจากมา

ดาริลลืมตาขึ้นช้าๆ พลางยิ้มบาง “...เร็น แต่ว่า...”

เร็นจูบปิดริมฝีปากสีแดง บดเคล้าหนักหน่วงขึ้น แล้วจึงละออกมาเล็กน้อย “เจ้านาย ผมรักคุณนะ อย่าใจร้ายกับผมเลย”

แขนเรียววาดโอบลำคอหนา ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมอง “คุณเป็นคนพิเศษของผมเสมอ คุณน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว” เขาถอนหายใจหนักๆ “แต่เรื่องของเรา... คงต้องปิดบังไว้แบบนี้ ถ้าเราต้องคบหากันแบบหลบๆ ซ่อนๆ ตลอดเวลา คุณจะทนได้เหรอ”

“ทนได้สิครับ ผมยอมทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่าง” ร่างสูงยิ้ม ดวงตาคมกริบฉายแววหนักแน่น “ต่อให้ผมต้องเก็บเรื่องของเราเป็นความลับไปตลอดชีวิต ผมก็ยอม”

“ต่อไปในอนาคต คุณคงจะมีคนเข้ามาหามากมาย”

“แต่คนที่ผมรักคือคุณ ผมรักคุณ”

“ตอนนี้ก็พูดได้” ดาริลหัวเราะเบาๆ

เด็กหนุ่มตอบสวนกลับไปทันที “แล้วผมจะพิสูจน์ให้คุณได้เห็น”

ร่างผอมบางอ่อนยวบไปทั้งใจ เขาคล้อยตามคำสัญญาของอีกฝ่าย แม้ลึกลงไปจะยังไม่อยากปักใจเชื่อเท่าไรนัก นั่นเป็นเพราะอนาคตของเร็น เมื่อเด็กหนุ่มได้เป็นนักเบสบอลมืออาชีพ มีชื่อเสียงและเงินทองแล้วก็คงจะไม่สนใจเขาอีก อีกอย่างเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะได้เป็นอิสระเมื่อไหร่ “ขอบใจ”

“เจ้านายยังไม่เชื่อผมใช่มั้ยครับ” เร็นอ่านเอาจากสีหน้าของเจ้านาย “...เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์”

“อืม” ดาริลไม่พูดอะไรมากนัก แค่พยักหน้าหงึกหงักแล้วคลายอ้อมแขนออก ทว่าร่างสูงกลับย่อตัวลงแล้วอุ้มเขาขึ้นอย่างรวดเร็ว “เร็น! จะทำอะไร!”

“คืนส่งตัวทั้งที เจ้าบ่าวควรจะได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับเจ้าสาวไม่ใช่เหรอครับ แต่เจ้านายอยู่คนเดียวแบบนี้ เพราะงั้น ผมจะเป็นเจ้าบ่าวให้คุณเอง” เร็นอุ้มเจ้านายไปยังเตียงหลังใหญ่ พอวางลงแล้วก็ขยับขึ้นไปคร่อมทับ

“เร็น! เดี๋ยวก่อน!” ใบหน้าหวานเบือนหนี

มือหยาบประคองมือขาวขึ้นมาจูบลงไปบนหลังมือแล้วพูดเสียงอ้อน “ไม่ได้เหรอครับ... เจ้านาย”

“ปิดไฟ... ก่อนนะ”

“อา จริงสิ” เร็นเอื้อมมือไปเปิดไฟให้สว่างขึ้น ส่งผลให้คนใต้ร่างโวยวายขึ้นมาทันที

“เร็น!”

“ผมอยากเห็นเจ้านายชัดๆ นี่ครับ” เด็กหนุ่มให้เหตุผล “...วันนี้ ผมจะจูบเจ้านายให้ครบทุกส่วน จะจูบทั้งตัว...” เขากระตุกเชือกผูกเอวของเจ้านายออก แล้วสอดมือเข้าไปภายใต้เสื้อคลุม

“อะ” ใบหน้าสวยหวานร้อนราวกับถูกไฟลน

ลิ้นอุ่นลากไล้ สลับพรมจูบบนลำคอ เลื่อนลงมาบนแผ่นอก ก่อนจะแตะลงเบาๆ บนยอดอกสีชมพู ขบสลับดูดให้เกิดเสียงดังจนคนใต้ร่างต้องยกมือขึ้นปิดหูเมื่อได้ยินเสียงนั้น

เร็นอมยิ้ม เขาจับข้อมือเจ้านายยกขึ้น แตะลิ้นลงไปตรงปลายนิ้วมือแล้วไล้เลีย โดยที่นัยน์ตาสีเข้มยังจับจ้องอยู่บนใบหน้าหวาน จากนั้นจึงจูบลงไปบนข้อมือ พรมจูบไปตามความยาวของลำแขน แล้วจึงสลับไปทำเช่นเดียวกันกับท่อนแขนอีกข้าง

ดวงตาสีมรกตปรือปรอย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างไม่ปิดบังของเด็กหนุ่มทำให้ตัวเขารู้สึกอาย “อา... พอแล้ว”

“นี่แค่เริ่มต้นเองนะครับ” ร่างสูงโน้มใบหน้าลงมาจูบเม้มบนแผ่นอกสีขาวอีกครั้ง สร้างร่องรอยสีแดงเรื่อไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆ เคลื่อนกายลงสู่ที่ต่ำ “ของจริงจะเริ่มต่อจากนี้”


...

........

...

เด็กหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ เต็มตื้นในหัวใจที่ได้เห็นเจ้านายมีความสุขกับการร่วมรักไปกับตน ร่างผอมบางที่พลิ้วไหวอยู่บนตักราวกับเปลวไฟต้องลมช่างดูมีเสน่ห์มากเหลือเกิน ใบหน้าสวยหวาน ดวงตาคู่สวยนั้น การได้ครอบครองเจ้านายทั้งตัวและหัวใจแบบนี้ทำให้เขามีความสุขจนคิดว่าถึงต้องตายก็คงไม่เสียดายชีวิต “เจ้านาย ผมรักคุณ รัก... รักจนจะตายอยู่แล้ว”

ดาริลจูบปิดเรียวปากหยักบาง สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัด แลกเปลี่ยนของเหลวเหนียวใสของกันและกัน เมื่อถอนริมฝีปากออกมาก็จูบลงไปอีกครั้งเบาๆ “เลิกเรียกเจ้านายได้แล้ว ผมไม่ใช่เจ้านายคุณแล้วนะ”

เร็นหัวเราะ มือหยาบวางประกบเอวคอดเพื่อช่วยประคองร่างผอมบางที่กำลังขยับขึ้นลง “...ผมไม่รู้จะเรียกว่ายังไงดี”

“เรียกดาริลสิ” ริมฝีปากที่เผยอหอบกระซิบตอบ พลางเบียดส่วนไวสัมผัสเข้ากับหน้าท้องแกร่ง

“คุณดาริล อา... ซี้ด...” เด็กหนุ่มกัดกรามแน่น “...แล้วผม... จะอยู่ในฐานะอะไรของคุณล่ะครับ”

“อื้อ... ยังต้องถามอีก อา... เร็น ผมจะทนไม่ไหวแล้ว”

เร็นกุมส่วนที่แข็งเกร็งของอีกฝ่ายไว้เพื่อไม่ให้ข้ามผ่านจุดสูงสุดของอารมณ์ไปได้ แล้วโอบเอวบางไว้แน่น “ผมอยากได้ยินจากปากของคุณนี่นา”

“ฮึก” อารมณ์ที่ปั่นป่วนอยู่ในกายจวนเจียนจะล้น อยากจะเร่งขยับตัวเร็วและแรงขึ้นหากก็ทำไม่ได้ ดาริลกัดริมฝีปาก “...คนรัก... ของผม”

หัวใจของเด็กหนุ่มแทบจะหยุดเต้นเสียเดี๋ยวนั้น ในตอนแรกคิดว่าเจ้านายคงจะตอบว่าเขาเป็นคนพิเศษ ในฐานะนั้นเขาก็ยินดีจะแย่ ทว่า คนรัก... “คุณดาริล”

“พูดว่ารักผมสิ เร็น” ดาริลเอ่ยขณะที่กลีบปากอวบอิ่มคลอเคลียอยู่บนเรียวปากได้รูป “จูบผม... รักผมให้มากๆ”

“ผมจะทำให้คุณมีความสุข ผมรักคุณ คุณดาริล รักที่สุด”

“อะ... อ๊า...”

เมื่อเห็นว่าคนรักก้าวถึงฝั่งเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มจึงเร่งจังหวะกระแทกสวนขึ้นไปในร่างผอมบางเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ดึงอีกฝ่ายลงมา เขากัดกรามแน่นจนนูนเป็นสัน “คุณดาริล” ร่างสูงพูดเสียงกระเส่า “ผม... ปล่อยข้างในได้มั้ยครับ” 

ดาริลพยักหน้า “ได้สิ อื้ม...” หยาดรักอุ่นร้อนแทรกลึกในช่องทางอ่อนนุ่มที่โอบรัดอยู่แน่น เขารู้สึกถึงส่วนร้อนที่เต้นตุบๆ อยู่ในกาย

สองร่างโอบรัดกันแน่นจนแทบจะรวมเป็นหนึ่ง ค้างนิ่งอยู่เช่นนั้นจนลมหายใจเกือบจะกลับเป็นปกติ ดาริลผละออกเล็กน้อย แล้วแตะหน้าผากไว้ด้วยกันกับของเด็กหนุ่ม สองมือประกบแก้มแล้วพรมจูบ

“ผมรักคุณนะ คุณดาริล”

“รู้แล้วล่ะ”

เร็นยกมือขึ้นประกบหลังมือขาวทั้งสองข้างแล้วกุมไว้ “...คือ... ผมอยากจะขออะไรจากคุณสักหน่อย ได้มั้ยครับ”

“หืม”

“ผม... ขอเบอร์โทรศัพท์มือถือของคุณได้มั้ย คือ... ผมอยากจะโทรหาคุณบ้าง ถ้าหากคุณไม่ว่าอะไร”

ดาริลหัวเราะ “ได้สิ ถ้างั้นผมขออะไรจากคุณบ้าง แลกกันนะ”

“ครับ ผมให้คุณดาริลได้ทุกอย่างเลย” เร็นยิ้มแบบที่ทำให้หัวใจของคนบนร่างสั่นรัว

ศีรษะเล็กซุกลงบนแผ่นอกกว้างพลางอมยิ้ม “อาจจะไม่สะดวกนัก แต่... เราพบกันบ่อยๆ ได้มั้ย”

ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้น “ได้เหรอครับ! ผม... จะมาหาคุณดาริลได้เหรอครับ”

ดาริลขมวดคิ้วพร้อมยกศีรษะขึ้น “ใครขอใครกันแน่เนี่ย” มือขาวหยิกแก้มของเด็กหนุ่มเบาๆ “เอาไว้โทรคุยกัน แล้วค่อยนัดเจอกันเนอะ แต่คุณคงจะวุ่นกับการฝึกซ้อมเบสบอลแทบทุกวันเลย”

“ถ้าคุณดาริลอยากพบผม ไม่ว่าเมื่อไหร่ ตอนไหน ผมก็จะไปหา”

“ถ้าเป็นตอนเรียนอยู่ล่ะ”

“เรียนอยู่ก็จะแอบออกจากห้องไปเลยครับ”

“แล้วถ้าแข่งอยู่ล่ะ”

“ก็จะรีบออกจากสนามไปหาคุณเลย โอ๊ยๆ คุณดาริล~”

ชายหนุ่มหัวเราะแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปกัดปลายจมูกโด่งด้วยความหมั่นไส้ “แล้วจะคอยดู”

เร็นค่อยๆ พลิกตัวให้ร่างผอมบางเป็นฝ่ายลงไปอยู่ใต้ร่างโดยที่ร่างกายของทั้งสองยังเชื่อมติดกันอยู่ ใช้สองแขนกักอีกฝ่ายไว้ภายในพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณดาริลไม่ยอมเชื่อใจผมสักที เห็นทีผมคงจะต้องยืนยันด้วยร่างกายอีกครั้ง”

“อะ!” ดาริลสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงความแข็งขึงในกายที่เริ่มขยายขนาดจนคับแน่น “เดี๋ยวสิ! อะ! อื้ออออ!”

ไม่ปล่อยให้คนใต้ร่างได้ขัดใจ เด็กหนุ่มขยับกายแบบที่รู้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายเผลอไผล ไออุ่นจากรสสัมผัสที่ยังไม่ทันจางหายไปจากผิวกายถูกเร่งเร้าให้กลับมาร้อนผ่าว ร่างกายทั้งสองสอดประสาน หลอมหลวมอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน ภายในห้องอันเงียบสงัด มีเพียงเสียงของลมหายใจกระเส่า และคำหวานที่กระซิบถึงกันอย่างไม่รู้เบื่อ


(มีต่อค่ะ)


ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


สามปีผ่านไป

ระบบสั่นสะเทือนเตือนเจ้าของโทรศัพท์มือถือให้รับรู้ว่ามีข้อความเข้า ร่างสูงจึงหยิบมากดดูข้อความ

“พบกันที่เดิมของเรา”


เขายิ้มกว้าง รีบกดข้อความตอบกลับไป “ตามที่คุณต้องการครับที่รัก”

“ขับรถระวังด้วยนะ อย่าขับเร็วนักล่ะ”

“คงจะยากสักหน่อย เพราะผมอยากไปพบคุณให้เร็วที่สุด”



นักกีฬาเบสบอลมืออาชีพของทีมดังโบกมือลาทีมงานและพวกนักข่าวจากภายในงานฉลองชัยชนะประจำปี หลังจากการให้สัมภาษณ์ ถ่ายรูปและรับประทานอาหารร่วมกันเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงก็ปราดออกจากงาน ตรงไปยังรถสปอร์ตคันหรูที่จอดรออยู่ รถซึ่งเขาได้รับเป็นรางวัลจากสปอนเซอร์ เนื่องจากการแข่งขันชนะเลิศในนัดที่แล้ว

คิมุระ เร็น ได้ชื่อว่าเป็นนักกีฬามือต้นๆ ของประเทศ เขามีค่าตัวแพงติดอันดับหนึ่งในห้าของนักกีฬาเบสบอลอาชีพเลยทีเดียว ความเก่งกาจและความมุ่งมั่นของเขาทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รักของผู้คนไปทั่ว

มือหยาบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรไปหามารดา ซึ่งในเวลานี้พวกเขาพักอยู่ในบ้านหลังใหญ่แถบชานเมืองด้วยกันอย่างสงบสุข ฮานาโกะแข็งแรงขึ้นมาก ที่จริงก็สามารถไปทำงานได้แล้วด้วยซ้ำ หากลูกชายไม่ยินยอมให้มารดาของเขาต้องลำบากอีก

“แม่ครับ คืนนี้ผมไม่กลับนะ”

“จ้า จะไปฉลองกันที่บ้านชายหาดสินะ”

“ครับ” เร็นหัวเราะ

“ขับรถดีๆ นะลูก แล้วก็ ยินดีด้วยกับชัยชนะนะจ๊ะ”

“คร้าบบบ หลับฝันดีนะครับแม่”

รถสปอร์ตคันหรูวิ่งไปบนทางด่วน มุ่งตรงไปยังบ้านพักส่วนตัวริมหาดซึ่งคืนนี้เป็นที่ที่คนรักของเขารออยู่ บ้านพักซึ่งสำหรับตัวเขาแล้ว เต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย

ร่างสูงจอดรถเทียบตรงทางเข้าตัวบ้าน รีบลงจากรถแล้วสาวเท้ายาวๆ เข้าไปภายในบ้านที่มืดสนิท หากเขารู้ที่ทางในบ้านหลังนี้ดีจึงไม่มีปัญหาใดๆ ขายาวพาเจ้าของตรงไปยังห้องนอนขนาดใหญ่

“คุณดาริลครับ ผมมาแล้ว”

ภายในห้องนอนเงียบสงัด มีเทียนจุดไว้ให้แสงพอสลัว เมื่อเขาก้าวเข้าไปในห้อง ก็ต้องสะดุ้งตัวเพราะเสียงดังปังและเศษกระดาษสีๆ ที่พุ่งตรงมาที่ตน


ปัง!


ดาริลดึงพลุกระดาษแบบพวยในมือ “ยินดีด้วยกับชัยชนะนะ เร็น”

“คุณดาริล” เมื่อได้เห็นคนรักที่ร่างกายมีเพียงเสื้อเบสบอลตัวโตสวมอยู่ แขนแกร่งก็รวบเอวบางเข้ามากอด “คิดถึงคุณจังเลย”
มือขาวทุบไหล่หนาเบาๆ “คิดถึงอะไร เมื่อคืนก็เพิ่งเจอกัน”

“ฮื่อ! แต่เมื่อคืนทำอะไรไม่ได้อย่างใจเพราะวันนี้ผมมีแข่ง คืนนี้ผมจะขอทบต้นทบดอกเลย”  ใบหน้าหล่อเหลาซุกเข้ากับซอกคอหอมกรุ่นแล้วพรมจูบอย่างแสนรัก พออีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก เขาก็ย่อตัวลงอุ้มร่างผอมบางขึ้นมาแนบกาย แล้วพาไปวางลงบนเตียง จากนั้นจึงคุกเข่าลงบนพื้นข้างๆ กัน

“ทำไมไปนั่งตรงนั้น”

เร็นล้วงมือเข้าไปภายในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหยิบกล่องไม้ขัดเงาขึ้นมาเปิดออก “ที่จริง... ผมตั้งใจว่าจะสวมให้กับคุณต่อหน้าแม่... แต่ผมรอไม่ไหว อยากให้คุณสวมมันจะแย่แล้ว ขอโทษที่ใช้เวลานานไปสักหน่อย”

ริมฝีปากสีแดงคลี่ยิ้ม “ไม่เห็นนานเลย... แต่ก็คุ้มที่รอ” พลางยื่นมือออกไปตรงหน้าอีกฝ่าย “ใส่ให้หน่อยสิ”

มือหยาบหยิบแหวนแพลตตินัมฝังเพชรล้อมทั้งวงออกมาจากในกล่อง หลังจากที่มีเงินรายได้จากการเข้าทีมเบสบอลอาชีพ สิ่งแรกที่เขาทำก็คือคืนเงินจำนวนสามล้านเยนให้กับดาริล จากนั้นก็เก็บเงินซื้อที่ดินแถบชานเมืองเพื่อสร้างบ้านไว้อยู่อาศัยกับมารดาและคนรัก ซึ่งต้องใช้เงินเป็นจำนวนไม่น้อย แต่เร็นก็เพียรพยายามเก็บเงินต่อไปอย่างตั้งใจ เพื่อที่จะซื้อแหวนวงนี้มาให้กับคนรักตามคำสัญญา เขาค่อยๆ สวมเข้าไปบนนิ้วนางข้างซ้าย แล้วแนบจูบประทับลงไป “คุณดาริล... ผมรักคุณ เราอยู่ด้วยกันมาสามปีแล้วนะครับ ผมรักคุณมากขึ้นทุกปีเลยนะ”

ดาริลยิ้มหวาน พลางโน้มใบหน้าเข้าไปเพื่อแต้มจูบ ทว่าเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน “อ๊ะ รอเดี๋ยวนะ”

เร็นขมวดคิ้ว ใครกันที่ทำให้ดาริลทิ้งเวลาโรแมนติกกับตัวเขาไปรับโทรศัพท์ได้นี่ “....” ร่างสูงนึกน้อยใจ ขณะที่เงี่ยหูฟังการสนทนา

“คลอดแล้ว ผู้หญิงอีกละ ฮ่าๆๆ อื้อ ไว้จะไปเยี่ยม... จะพาเร็นกับคุณแม่ไปด้วย แล้วเจอกัน”

“ใครน่ะครับ” เร็นถามเสียงขรึม

“คาโอรุน่ะ วันนี้คลอดลูกคนที่สาม ลูกสาวอีกแล้วล่ะ”

หลังจากที่หย่าร้างกันไป หญิงสาวก็ย้ายไปอยู่ประเทศอเมริกาเพื่อดูแลสาขาใหม่ของเครือบริษัทรอส ร่วมกับคนรักของเธอซึ่งปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยของดาริล พวกเขาแต่งงานและซื้อบ้านหลังสวยไว้เพื่อสร้างครอบครัวใหม่ที่นั่น ส่วนบริษัทฟูจิฮาระนั้น ดาริลกลายเป็นผู้ถือหุ้นแทนตัวเธอ เขาเจรจากับผู้ถือหุ้นที่เหลือจนส่วนใหญ่ยินยอมให้บริษัทฟูจิฮาระเข้ามารวมเป็นอีกบริษัทในเครือรอสเรียบร้อย คาโอรุจึงเป็นอิสระจากครอบครัว เช่นเดียวกันกับดาริล ชายหนุ่มถือหุ้นเกือบทั้งหมดของเครือบริษัทรอส เขาจึงเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุด แล้วยังเป็นเจ้าของบริษัทที่เคยลงทุนร่วมกันกับคาโอรุ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็กลายเป็นหนึ่งในสิบบริษัทใหม่ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในประเทศ

เร็นหัวเราะเบาๆ “โอ้โห! คุณไดอิจินี่ ขยันจังเลยนะครับ”

แขนเรียวคล้องลำคอหนาแล้วดึงร่างสูงเข้ามาใกล้ “...เอาไว้เราไปเยี่ยมพวกเขากันนะ”

เร็นยิ้มกว้าง “ฤดูการแข่งขันจบแล้ว ผมเพิ่งได้พักร้อนมาหนึ่งเดือนพอดีเลย”

“อืม... งั้นไปเที่ยวกันต่อด้วย อ๊ะ...” ยังไม่ทันพูดจนจบประโยค ร่างผอมบางก็ถูกดันเบาๆ ให้นอนลงไปบนเตียง โดยที่ร่างสูงคืบคลานขึ้นมาคร่อมทับ

“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังนะครับ ตอนนี้... ขอรางวัลให้เอซคนดังของไจแอนท์ก่อนนะ”

แสงสีนวลของจันทราทอดผ่านลงมายังสองร่างเปลือยเปล่าที่หลอมรวมเข้าเป็นหนึ่ง บนท้องฟ้าซึ่งไร้เมฆหมอกใดๆ ส่งผลให้ดวงจันทร์ทอแสงสว่างไสว เฉกเช่นเดียวกันกับหัวใจสองดวงที่เข้าใจกันและกัน ไม่มีม่านหมอกใดๆ มากางกั้นหรือสร้างความขุ่นเคืองใจให้กันอีก มีเพียงคำว่า รัก ชัดเจนอยู่ในโสตประสาทของทั้งสองคน


END


จบลงเรียบร้อยแล้ว สำหรับความรักของไซคี (น้องเร็น) กับอีรอส (ดาริล) นะคะ แฮปปี้เอนดิ้ง~

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนจบเรื่องค่ะ  :hao5:

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาลงนิสรีนตอนจบนะคะ ^^ อาทิตย์นี้ฮัสกี้ลงจบเรื่องสองเรื่องเลย แอร๊...  :hao7:

แล้วจะแจ้งข่าวการรวมเล่มอีกที ประมาณอาทิตย์หน้านะคะ ขอบคุณมากค่า  :mew1:

พบกันในเรื่องใหม่ (ที่ยังไม่รู้จะได้ฤกษ์ลงเมื่อไหร่) นะคะ รักทุกคนเลยยยย

ปล. ขอโทษคุณRoseBulletด้วยน้า แง จบซะแล้ว ได้หวานกันนิดนึงนะคะ ><



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2015 16:28:42 โดย huskyhund »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เร็นเจ้าเล่ห์นักน้าาา เล่นบอกรักกันวันละหลายรอบแบบนี้ ดาริลก็แก้มร้อนฉ่ากันพอดีสิคะเนี่ย~ :-[ มีความสุขตามไปด้วยเลยค่าาา สุดท้ายทั้งคู่ก็ประสบความสำเร็จทั้งหน้าที่การงาน และทั้งเรื่องของ 'หัวใจ' จนได้เน้ออออ.. คุ้มค่าแก่การรอคอยจริงๆ :heaven

ขอบคุณนะค้าา.. o1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด