@@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ by aoikyosuke ตอน จบ P.30
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ by aoikyosuke ตอน จบ P.30  (อ่าน 434331 ครั้ง)

ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ตามมาอ่านซิค้าาาาาาาาาาาาาา :m1: ก็หลงรักผลงานของคนแต่งขนาดนี้อ่ะ มาต้อนรับเรื่องใหม่ด้วยอีกคนค่าาาาา :pig2:

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2

 @@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (บารมี&พิพัฒน์)  ตอน งานอดิเรกของพิพัฒน์

“เฮีย พี่พัฒน์แม่งเตะตะกร้อโคตรเก่ง”

บารมีถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูงและทำหน้าประหลาดใจหลังได้ยินสิ่งที่เต๋อบอก   ฟังแล้วทั้งพิลึกทั้งแปลกประหลาดสิ้นดี

“ไอ้พัฒน์เนี่ยนะ”

“ใช่แล้วเฮีย....พี่พัฒน์นี่แหละ”

“มึงรู้ได้ไง”

จะไม่ให้รู้ได้ไงล่ะ

“ก็เมื่อกี้พวกผมแพ้พี่พัฒน์”

พูดเป็นเล่น

บารมียังมึนงง กับสิ่งที่ได้ยินไม่หาย

เย็นแล้ว และวันนี้ไม่มีงานด่วน   พิพัฒน์หายไปตั้งแต่สี่โมงเย็นและป่านนี้ก็ยังไม่กลับซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะพิพัฒน์บอกก่อนแล้วว่าจะไปดูบ่อปลาแถว ๆ หลังอู่

และในเวลาไม่นานคนที่ทำให้บารมีประหลาดใจก็โผล่หน้าเข้ามา

เสื้อเชิ้ตถูกพับขึ้นจนถึงข้อศอก กางเกงพับขึ้นมาจนถึงน่อง  ปกติเห็นแต่งตัวดูดีมีสกุลรุนชาติ  แล้วนี่อะไรไปลากรองเท้าแตะของใครมา แล้วสภาพเหงื่อท่วมมาเลยนี่มันคืออะไร

มองหน้าของคนที่เดินมากดน้ำในตู้น้ำดื่มแล้วบารมีก็เริ่มขมวดคิ้วมุ่น

“มึงเล่นตะกร้อเป็นด้วยเหรอพัฒน์”

เคยเล่นสมัยเรียนมัธยมเล่นจนได้เป็นตัวโรงเรียนเลยด้วยซ้ำแต่ตอนหลังก็เลิกไปเพราะต้องทำงานหาเงิน

“พอได้บ้าง”

พิพัฒน์ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่บารมียังคงสงสัย

คำว่าพอได้บ้างเนี่ย มันไม่ใช่แค่พอได้บ้างอย่างที่ปากพูดจริง ๆ แล้วมั้ง  ถ้าเล่นพอได้บ้างไม่มีทางชนะไอ้เต๋อได้หรอก ไอ้เต๋อมันธรรมดาซะที่ไหน

“มึงใส่ชุดนี้เล่นเลยเหรอ ใช้ได้นี่หว่า ได้ข่าวว่าชนะด้วย”

พิพัฒน์พยักหน้ารับ และเดินมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบารมี ที่กำลังเช็คยอดอะไหล่ที่จะนำเข้า

“...............”

พิพัฒน์นั่งมองสิ่งที่บารมีทำ วางแขนสองข้างทับกันบนโต๊ะและวางปลายคางลงบนหลังมือทั้งสองข้างที่ทับกันอยู่  ทำเหมือนอยากพูดเรื่องบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูด

“..............”

“มองห่าอะไรของมึง อยากกลับบ้านแล้วหรือไงนี่เพิ่งจะหกโมงครึ่ง   แม่งของก็หายากชิบหาย  ไอ้คนหาอะไหล่ที่เซียงกงเสือกไม่อยู่ กว่าจะกลับอีกสามเดือน  ไปถอดอะไหล่รถที่ญี่ปุ่น  แล้วไม่เสือกบอกล่วงหน้า   ลูกค้าก็นัดจะเอารถ  แม่งปัญหาเยอะชิบหาย ไม่รู้อะไรนักหนา”

บารมีเริ่มบ่นไม่หยุด และกลับไปก้มหน้าก้มตาเช็คตารางงานของตัวเองต่อ และพิพัฒน์ก็เหลือบสายตาขึ้นมองหน้าของคนที่เริ่มเล่าปัญหาแบบเดิม ๆ ให้ฟังเหมือนทุกวัน

“วันนี้แวะซื้อกางเกงขาสั้นหน่อยได้มั้ย”

ร้อยวันพันปีมันไม่เคยพูด พอจะพูดเสือกบอกให้แวะซื้อกางเกง  อะไรของไอ้พัฒน์มันวะ

“มึงจะเอามาทำไม จะเอามาใส่เตะตะกร้อกับพวกไอ้เต๋อมันหรือไง  ว่างงานดีนะ กูนี่ทำงานงก ๆ ไม่เคยคิดจะช่วย เอาแต่งานของตัวเองเสร็จตลอดเลยนะมึง หัดเห็นใจกันบ้าง”

พิพัฒน์ฟังที่อีกฝ่ายพูด   แต่การฟังของพิพัฒน์คือการก้มหน้าลงซบกับหลังมือของตัวเองและหลับไปต่อหน้าต่อตาคนที่กำลังบ่นไม่หยุด

“แล้วอีกอย่างนะ....มึงอ่ะ....พัฒน์ ไอ้พัฒน์”

หลับจริง ๆ
หลับแบบจริงจัง
หลับกันต่อหน้าต่อตา
และบารมีก็ได้แต่อ้าปากค้างกับสิ่งที่พิพัฒน์ทำ

เห็นแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ส่ายหน้าและหยิบหมอนที่ใช้หนุนหลังมาตีหัวคนหลับไปหนึ่งทีและพิพัฒน์ก็ลืมตาขึ้น และดึงหมอนมาหนุนนอนแทนมือของตัวเอง

“สบายจริงนะมึง”

บารมีบ่นพึมพำ  แต่พิพัฒน์เหนื่อยเกินกว่าจะฟังสิ่งที่บารมีพูด

“....อย่าลืมพาไปซื้อกางเกงนะ..”

สั่งกูเหรอ

“กูไม่ใช่ทาสรับใช้มึงนะ  สั่งกูอยู่ได้ถ้ารีบขนาดนั้นไม่ขี่มอร์เตอร์ไซด์ไปซื้อเองเลยล่ะ  แม่ง”

เพราะความหมั่นไส้ บารมีก็เลยยื่นมือไปเขย่าหัวของคนที่นอนหลับ และพิพัฒน์ก็ดึงมือของบารมีออกจากหัวแต่ยังจับเอาไว้ไม่ยอมปล่อย  หลับไปทั้งอย่างนั้น  และกลายเป็นบารมีที่ต้องหยุดการทำงานและมองมือของตัวเองที่ถูกพิพัฒน์จับเอาไว้แน่น   

มันคงกลัวจะไปแกล้งเขย่าหัวมันอีกรอบสินะ   พยายามดึงมือของตัวเองออกอย่างช้า ๆ แต่พิพัฒน์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและจับมือของบารมีเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย  จนบารมีต้องขมวดคิ้วมุ่นเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่พิพัฒน์ทำ

“กูจะทำงาน”

บอกให้อีกฝ่ายเข้าใจ  พิพัฒน์ถึงยอมปล่อยตอนที่บารมีดึงมือออกครั้งสุดท้าย
บารมีส่ายหน้ากับสิ่งที่พิพัฒน์ทำ และลงมือทำงานของตัวเองที่ยังค้างอยู่ 

ไม่ได้ปลุกให้พิพัฒน์ลุกขึ้นมาช่วยงานแต่ทำงานของตัวเองไปเรื่อย ๆ และเหลือบสายตามองหน้าพิพัฒน์หลายครั้งก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นและบ่นพึมพำ

“สบายจริงนะมึง  กูเป็นเจ้าของแต่ต้องทำงานงก ๆ”

บารมีบ่น แต่พิพัฒน์อมยิ้มและซุกหน้าลงกับหมอนหลับสบาย

บางวันก็ดี  บางวันก็แย่  บางวันบารมีก็โกรธและโมโหใส่  แต่บางวันก็เป็นแบบนี้

เรื่อย ๆ สบายใจดีที่จริงแล้ว  พอได้อยู่ด้วยกันได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันไปเรื่อยๆ  มันก็ไม่เลวร้ายนักหรอกที่ต้องอยู่ด้วยกัน  อาศัยและพึ่งพากันอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ  แบบนี้ทุกวัน  มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2015 18:15:18 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ออกแนวชินกับสภาวะทางอารมณ์ของกันและกันแล้วใช่ไหมเนี่ย

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พัฒน์เริ่มชินกับนิสัยพี่บัสแล้วเนอะ ยังไงพี่บัสก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกเนอะ

ออฟไลน์ cross

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
สนุกอ่ะ แบบมันซึนๆ มึนๆ งงๆ ทั้งคู่ น่ารักดี

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
ชอบนิยายที่คุณ aoikyosuke เขียน อ่านแล้วมีความสุข  :กอด1:

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2

 @@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (บารมี&พิพัฒน์)  ตอน เมื่อพิพัฒน์จะไปเที่ยวสถานที่อโคจร

เย็นวันหนึ่ง  บารมีกำลังเกิดอาการมึนงงกับสิ่งที่พิพัฒน์ทำ
 
"..................."
 
ไอ้คนไม่ช่างพูดมันก็ยังไม่ยอมพูดอะไร มองมือของบารมีเสร็จแล้วก็ดึงมาทาบกับมือตัวเองโดยไม่มีการขออนุญาตสักคำ
 
"ทำห่าอะไรของมึงวะพัฒน์  ว่างมากนักหรือไง วุ่นวายจริงวะอย่าเพิ่งมายุ่งกับกูได้มั้ย แม่งงานกูยิ่งยุ่ง ๆ อยู่"
 
บารมีดึงมือตัวเองกลับและตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยไม่สนใจคนที่เอียงคอมองและเดินออกไปนอกออฟฟิศ
วันนี้พิพัฒน์คงไปเตะตะกร้อกับพวกไอ้เต๋อเห็นหิ้วถุงกระดาษใส่เสื้อผ้ามา บารมีไม่อยากจะสนใจอะไรมากนัก
 
และไม่รู้ว่าอยู่ดีๆเกิดรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำได้ยังไง
 
"เล่นเหี้ยอะไรของมันวะไอ้ห่าพัฒน์"
 
บ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิดใจไม่เลิก  แต่ก็รู้สึกดีแบบแปลก ๆ บารมีไม่ชอบหาคำตอบเพราะกำลังยุ่งมาก
ได้แต่บ่นไปเรื่อย
 
"หลอกแต๊ะอั๋งกูหรือไงไอ้ห่าพัฒน์....แม่งเล่นอะไรไม่รู้จักเล่นอยู่ดีๆ  มาจับมือกูซะได้    ช่วงนี้กูยิ่งเงี่ยน ๆ อยู่  ที่ลงก็ยังหาไม่ได้ เดี๋ยวก็ลงที่มึงซะเลยเป็นไง......แม่งนึกอยากจะเล่นห่าอะไรไม่ถงไม่ถามความเห็นกูซ้ากกกคำ"

บารมีโยนแฟ้มเอกสารไว้บนโต๊ะ  และคว้ากุญแจรถเพื่อไปติดต่องานข้างนอก  บอกพิพัฒน์เอาไว้แล้ว  ว่าวันนี้จะเข้ามาดึกหน่อย
ถ้าจะกลับก่อนก็ได้  หรือถ้าจะให้เข้ามารับก็ให้พิพัฒน์รอ

บารมีเดินออกจากออฟฟิศไป และพิพัฒน์ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินกลับเข้ามาในออฟฟิศอีกครั้ง

“พี่พัฒน์ พี่พัฒน์ วันนี้มีร้านคาราโอเกะเปิดใหม่”

เต๋อ  สมาชิกชมรมตะกร้อยามเย็นมายืนเกาะขอบประตูออฟฟิศและบอกบางอย่างกับพิพัฒน์

คาราโอเกะ?????????????
 
“เล่นตะกร้อเสร็จอาบน้ำแต่งตัวไปกัน   พี่พัฒน์ไปมั้ย”

แค่ได้ยินเรื่องที่น่าสนใจพิพัฒน์ก็ลุกขึ้นมาฟังสิ่งที่เต๋อบอกอย่างตั้งใจ

คาราโอเกะเหรอ เคยเห็นอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่เคยเข้า ที่ไม่เข้าไม่ใช่ไม่อยากเข้าแต่เพราะไม่เคยมีใครชวนเข้าไปแค่นั้นเอง

“....ไปกี่โมง”

เต๋อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูและก็กำลังเตรียมจะโทรถามเพื่อน ๆที่นัดแนะว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน

“ซุ้มยาดองเปิดใหม่ก็มีนะ พี่พัฒน์เคยกินป่ะ  ยาดองน่ะ”

นั่นก็อีกอย่างที่ไม่เคยกิน  เห็นอยู่บ่อยๆ แต่ไม่รู้ว่ามันอร่อยแค่ไหน  แบบนั้นมันก็น่าไปอยู่เหมือนกัน

“ตกลงไปไหนคาราโอเกะหรือซุ้มยาดอง”

ยังคงตัดสินใจไม่ได้และเต๋อก็เกิดความลังเลขึ้นมาชั่วขณะ

“เล่นตะกร้อเสร็จก่อนเดี๋ยวไปคุยกันว่าจะไปกันกี่โมง”

บารมีไปรับงานจากลูกค้า กว่าจะกลับก็คงจะมืด หรือไม่แน่ก็อาจไม่กลับเพราะเห็นว่าต้องไปงานแต่งงานต่อ  ถ้าพิพัฒน์ทำงานเสร็จแล้วก็คงกลับบ้านเอง  ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

พิพัฒน์เดินตามเต๋อไปที่สนามตะกร้อ  แต่จิตใจไปจดจ่อถึงเรื่องซุ้มยาดองและร้านคาราโอเกะแล้ว

ไม่เคยไป  และอยากจะไปเพราะมีคนชวน

อยากรู้เหมือนกันว่าจะสนุกแค่ไหน ทำไมใคร ๆถึงชอบไปกัน


++++++++++++++++++++++++

“พี่พัฒน์....พี่พัฒน์ เฮียให้มาตาม”

เสียงตะโกนเรียกที่ข้างสนามทำให้พิพัฒน์ต้องหันไปมอง

เด็กจากที่อู่ถูกใช้ให้มาตามที่ข้างสนามและพิพัฒน์ก็โบกไม้โบกมือให้คนอื่นๆ  เล่นไปก่อน

“ตามไปทำไม”

พิพัฒน์เอ่ยถามคนที่มาตามและยกแขนเสื้อขึ้นซับเหงื่อบนใบหน้า

“ไม่รู้ พี่พัฒน์ไปคุยกับเฮียเอาเอง”

ทำไมถึงกลับเร็ว ก็ไหนว่าไปคุยงานแล้วก็จะเลยไปงานแต่งงานเลย

“เดี๋ยวมานะ”

ตะโกนบอกสมาชิกในสนามและพิพัฒน์ก็วิ่งเหยาะ ๆไปตามทางเดินเพื่อลัดไปที่อู่

บารมียืนรออยู่ข้างรถและกวักมือเรียกให้พิพัฒน์วิ่งไปหา

“...เล่นห่าอะไรนักหนาวะ กลับมาแทนที่จะเจอมึง ที่ไหนได้เสือกไปเล่นอะไรเรื่อยเปื่อยไม่ยอมอยู่เฝ้าอู่นะมึงไอ้พัฒน์”

มาถึงก็โดนบ่นและพิพัฒน์ก็ได้แต่ยืนฟังก่อนจะย่อกายลงและหมุนหัวเข่าไปมาอยู่ตรงหน้าบารมี

“ทำอะไรของมึงไอ้พัฒน์มันใช่เวลามายืดเส้นยืดสายใส่กูมั้ย”

“.....................”

พิพัฒน์ไม่ตอบ  แต่ยืนตัวตรงและยืดแขนไปมาทั้งซ้ายและขวาและกลายเป็นบารมีที่เริ่มหงุดหงิดกับพฤติกรรมของคนที่อยู่ตรงหน้า

“ไอ้พัฒน์”

ตะคอกอีกฝ่ายไปเสียงดัง และพิพัฒน์ก็ยอมยืนนิ่ง ๆ ไม่ยุกยิกวุ่นวายอีก

“........................”

“เดี๋ยวกลับบ้านไปอาบน้ำพร้อมกันมีกินเลี้ยงตอนสองทุ่ม”

ได้ไงอ่ะ
ก็นัดจะไปคาราโอเกะกับพวกไอ้เต๋อแล้ว อยู่ดีๆ จะมาบอกให้ไปกินเลี้ยงงานแต่งได้ยังไง

“ไม่เอา”

พิพัฒน์หน้างอ และเดินหนีเข้าออฟฟิศไปทันที โดยมีบารมีเดินตามเข้ามา

“ต้องไป.....มึงอย่ามางี่เง่าพัฒน์ ไปด้วยกัน”

ไม่เอา  ไม่อยากไป  ทำไมต้องไป ไม่อยากไป ทำไมต้องไป  ไปทำไม ก็คนมันไม่อยากไป

“ไม่ไป”

พิพัฒน์ยังคงปฏิเสธและส่ายหน้า ยิ่งถูกบังคับยิ่งทำหน้ายุ่งเหยิงใส่บารมี

“ไม่ไปก็ไม่ไป  งั้นเอาตังค์ใส่ซองแล้วเขียนชื่อให้หน่อย”

บารมีเปิดกระเป๋าและหยิบธนบัตรใบละหนึ่งพันออกมาส่งให้และพิพัฒน์ก็รีบเปิดลิ้นชักหยิบซองสีขาวออกมาและเขียนชื่อของบารมีลงไปด้วยลายมือบรรจง

“ป่ะ เดี๋ยวกลับบ้านพร้อมกันเลย จะแวะไปอาบน้ำที่บ้านก่อนแล้วค่อยไป”

แบบนี้ยิ่งไม่ดีใหญ่
ยังไม่อยากกลับบ้าน ตั้งใจว่าอาบน้ำที่นี่ก็ได้ เสื้อผ้าก็มีเปลี่ยนทำไมต้องกลับด้วย

“พี่พัฒน์ เปลี่ยนเวลานะไปสองทุ่ม”

ประตูออฟฟิศถูกผลักเข้ามาและเต๋อก็เอ่ยบอกพิพัฒน์ที่กำลังเขียนหน้าซองใส่เงินให้บารมี

“ได้ ๆ เดี๋ยวตามไป”

ประตูออฟฟิศปิดลงแล้วและบารมีที่ได้ฟังประโยคสนทนาก็นึกสงสัยสิ่งที่ได้ยิน

“ไปไหนพัฒน์”

เอ่ยถามและพิพัฒน์ก็เงยหน้าขึ้นมองและส่งซองใส่เงินช่วยงานให้บารมี

“........................”

“กูถามได้ยินมั้ย มึงจะไปไหนกันพัฒน์”

ไม่อยากตอบเลย  ตอบแล้วเดี๋ยวก็โดนว่า

“ไปเกะ”

“เกะห่าอะไร นี่มึงมีเวลาว่างขนาดไปเที่ยวคาราโอเกะได้แล้วใช่มั้ย ว่างจริงนะมึง  กูนี่วิ่งงานหาเงินเข้าอู่  มึงเสือกจะไปเที่ยวคาราโอเกะเหรอพัฒน์”

บารมีเริ่มด่า   ไม่ใช่ด่าธรรมดาแต่ยืนค้ำหัวพิพัฒน์ที่นั่งหน้ามุ่ยและกำลังจะด่าแบบไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ

“มึงลองไปสิ กูหักเงินไอ้เต๋อแน่”

เอ้า  แล้วไปเกี่ยวอะไรกับคนอื่น

“...................”

พิพัฒน์เริ่มงอแง  พยายามจะลุกขึ้นยืนแต่ถูกบารมีกดไหล่เอาไว้ไม่ให้ยืน

“ไม่ต้องไปไหน   เดี๋ยวกลับบ้านไปอาบน้ำแล้วไปงานแต่งพร้อมกูเลย ไม่งั้นกูหักเงินไอ้เต๋อ กูพูดแค่นี้แหละ มึงจะทำไม่ทำก็เรื่องของมึง”

บารมีเปิดประตูและเดินไปรอที่รถ  ส่วนพิพัฒน์ได้แต่นั่งหน้ามุ่ย  และยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาคนที่ชวนให้ไปเที่ยวด้วยกัน

“ไปไม่ได้แล้ว พอดีว่า.....”

กำลังจะยกเหตุผลมาอ้าง ก็พอดีกับปลายสายหัวเราะออกมา

“พวกผมก็ว่าอยู่ว่าพี่พัฒน์ไม่น่าไปได้ถ้าเฮียอยู่”

หมายความว่ายังไง ทำไมถึงคิดว่าไปไม่ได้  ถ้าบารมีอยู่

“เฮีย หวงพี่พัฒน์จะตาย คงยอมให้ไปเที่ยวซุ้มยาดองกับคาราโอเกะง่าย ๆ หรอก”

ทำไมถึงคิดว่าหวงล่ะ  ทำไมถึงคิดว่ายังไงก็ไม่ให้ไป

“มึงจะคุยโทรศัพท์อีกนานมั้ย เร็ว ๆสิวะกูยืนรอจนขาแข็งแล้วเนี่ย ไอ้ห่า”

เสียงตะโกนดังลั่นเข้ามาในออฟฟิศและพิพัฒน์ก็ต้องเก็บความสงสัยของตัวเองเอาไว้แค่นั้น  รีบออกจากออฟฟิศและล็อคกุญแจออฟฟิศเรียบร้อย

บารมีสตาร์ทรถรอตั้งนานแล้ว และเมื่อพิพัฒน์ขึ้นรถมาบารมีก็ทำตาขวางใส่ด้วยความไม่พอใจ

“รวยนักนะมึง มีเงินเที่ยวคาราโอเกะ”

ไม่ใช่ว่ารวย แค่อยากรู้เฉย ๆ ว่ามันเป็นยังไง  ดูแล้วมันน่าสนุก  พอมีคนชวนก็นึกอยากจะไปแค่นั้น

ทำไมต้องโกรธกันด้วย

“.......................”

พิพัฒน์ยังคงนั่งนิ่ง และมองออกไปนอกหน้าต่างรถ 

การไม่พูดของพิพัฒน์สามารถอธิบายความรู้สึกได้สองอย่าง

หนึ่ง  อารมณ์เป็นปกติดี    และสอง ไม่พอใจ
และบารมีก็เลือกข้อสอง เพราะอาการที่แสดงออกทางสีหน้ามันชัดเจนจนไม่ต้องอธิบาย

“อยากไปนักหรือไง คาราโอเกะนั่นน่ะ มึงอยากร้องเพลงมึงบอก  เดี๋ยวกูซื้อชุดคาราโอเกะเสียงแบบเซอราวด์  ฟังกันรอบทิศ เอาให้กระหึ่มกันทั้งซอยเลยก็ยังได้”

ประเด็นมันใช่เรื่องนั้นซะที่ไหน ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่เครื่องเสียงแต่ประเด็นคืออยากไปเที่ยว จะได้รู้ว่าเป็นยังไงแค่นั้น

“............................”

“ไอ้พัฒน์ มึงอย่ามางอนกูนะ  กูไม่ง้อนะบอกให้”

ใครจะไปทำแบบนั้นล่ะ
ง้อหรือไม่ง้อ มันก็มีค่าแบบเดียวกันอยู่แล้ว จะให้คาดหวังอะไร  ก็คงไม่หวังอยู่แล้ว

“พัฒน์”

“.....................”

“ไอ้พัฒน์”

“......................”

เรียกแล้วยังไม่ยอมหัน คราวนี้บารมีก็เลยจับหัวของพิพัฒน์ให้หันมาหาและพิพัฒน์ก็ปัดมือของบารมีออก

“หน้างอเป็นตูดลิงเลยนะมึง  แค่ไม่ได้ไปเที่ยวตามใจชอบนี่ทำเป็นมีปัญหา  ไปทำไมคาราโอเกะ  เขาไปออฟเด็กกัน  มึงก็อยากจะไปออฟเด็กกับเขาด้วยว่างั้น  ถ้ามึงใฝ่ขนาดนั้น มึงบอก  เดี๋ยวกูพาไปลงอ่างเลยก็ยังได้ เอาแบบเบอร์ตองขาวสวย หรือจะเอาแบบไซด์ไลน์ก็ยังได้ แบบนั้นดีกว่าเยอะไอ้พัฒน์ เกิดมามึงเคยเที่ยวกับเขาบ้างหรือเปล่าไปก็มีแต่ไปโดนเด็กดริ๊งหลอกล่ะไม่ว่า”

พิพัฒน์ถึงกับตาโตและมองหน้าของบารมีด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“เบอร์ตองคืออะไร”

เบอร์ตองเหรอ

“พวกที่แขกเยอะ ๆ ดาวเด่นไง พวกนี้ก็จะสวยหน่อย  แขกติดเยอะ”

พิพัฒน์พยักหน้าเข้าใจสิ่งที่ได้ฟังและบารมีก็ขมวดคิ้วมุ่น  และมองหน้าของพิพัฒน์ที่กำลังฟังอย่างตั้งใจ

“มึงเงี่ยนมากเหรอพัฒน์”

ห๊ะ

พิพัฒน์คิดว่าตัวเองฟังผิด  และรีบหันหน้าไปถามบารมีด้วยความสงสัย

“เมื่อกี้ว่าไงนะ”

“เงี่ยนก็บอกว่าเงี่ยน  สรุปอยากไปเที่ยวคาราโอเกะเพราะมึงเงี่ยนว่างั้น  แล้วไม่เสือกบอกตั้งแต่แรก  เห็นหน้าหงิม ๆ มึงก็ไม่ธรรมดานี่หว่าก็สมควร ไม่ได้เอาใครมาเป็นปีแล้วนี่มึงอ่ะ”

มันใช่เรื่องนั้นที่ไหน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า  อะไรของมึงพูดแค่นี้ทำเขิน เงี่ยนก็บอกว่าเงี่ยนพัฒน์ มึงอย่ามาทำเงียบกลบเกลื่อน”

มันไม่ใช่แบบนั้นเลยโว้ยยยยย
อารมณ์มันก็มีบ้าง แต่ไม่ใช่ตั้งใจจะไปเที่ยวแบบนั้นแค่อยากไปให้รู้เฉย ๆ

“พี่ก็รู้เยอะ กว้างขวางทางนี้มากเลยสิ”

จะไม่ให้กว้างขวางได้ยังไง ถึงไม่อยากจะรู้หรือใฝ่ทางนี้ก็ต้องรู้

“มันทำให้งานสะดวกขึ้นพัฒน์”

ทำให้งานสะดวกขึ้นเหรอ ทำไมถึงทำให้งานสะดวกขึ้น

“มึงก็รู้ เรื่องประมูลรถมาซ่อม เรื่องเขียนบิลเกินกูก็ใช่ว่าจะอยากทำ  แต่ถ้าไม่ทำ งานมันก็ไม่เข้ามา ลำพังรอแค่รถมาซ่อมแบบจริง ๆ จังๆ  มันจะมีกี่คันวะวัน ๆ   พวกที่ปล่อยประมูลให้กู  มันก็ต้องมีนั่นมีนี่ไปกำนัลเขา   ไม่ทำก็ไม่ได้  ไม่งั้นก็ไปไม่รอด  ถ้ากูไม่กำนัล   อู่ไม่อยู่มาถึงป่านนี้ได้หรอกพัฒน์  พาไปเที่ยวมันก็ช่วยให้เขาตัดสินใจได้เร็วขึ้น ผู้หญิงที่ทำพวกนี้เขาก็ไม่ใช่อยากจะมาทำหรอก  มันก็ด้วยเรื่องเงินทั้งนั้น  บางคนมีลูกโต ๆ ส่งเรียนกันสูง ๆ บางคนเป็นนักศึกษาก็มีกูเห็นแล้วก็อนาถใจ แต่ทำไงได้ เราก็ต้องทำธุรกิจของเราเหมือนกัน  ก็ถือว่าพึ่งพากันไป  สังคมจริงๆมันมืดแล้วก็ดำสนิทแบบนี้แหละพัฒน์”

บารมีเล่าเรื่องบางอย่างให้พิพัฒน์ฟังและครั้งนี้พิพัฒน์ก็ตั้งใจฟังสิ่งที่บารมีพูด

“ถ้ามึงเงี่ยนมึงอยากมึงอย่าไปเลยคาราโอเกะอะไรนั่นน่ะ ถ้ามึงอยากจริง ๆ มึงบอกกู กูหาให้ได้ไม่ยากหรอก   แค่มึงบอกว่ามึงอยากจริง ๆ จะเอาจริง ๆ กูจะช่วยดูๆ ให้”

พอได้ฟังแบบนี้ พิพัฒน์ไม่นึกอยากไปเที่ยวอีกแล้ว  ถึงก่อนหน้านี้จะอยากรู้อยากเห็นก็เถอะ

“พัฒน์”

พิพัฒน์หันหน้าไปหาคนที่เรียกและบารมีก็มองหน้าพิพัฒน์นิ่ง ๆ

“แต่เอาจริง ๆ กูไม่อยากให้มึงไปเที่ยวแบบนั้น  ถ้าจะอะไรยังไงมึงหาเมียเป็นตัวเป็นตนเถอะ  มันไม่ใช่เรื่องดีหรอกพัฒน์ทำแบบนั้นน่ะ”

บารมีเป็นคนโมโหง่าย  และขยันบ่นเรื่องต่างๆ ในแต่ละวันให้พิพัฒน์ฟัง  แต่ครั้งนี้สิ่งที่บารมีพูดให้ฟังมันทำให้พิพัฒน์ต้องคิดตาม

“หนังโป๊มั้ยพัฒน์  ง่ายกว่าไม่ต้องเสี่ยงด้วย”

หมายความว่ายังไง

พิพัฒน์ยังทำหน้าสงสัย แต่บารมีเริ่มอมยิ้ม

“สรุปมึงเงี่ยนว่างั้นใช่มั้ยพัฒน์”

บารมีหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นและเป็นพิพัฒน์ที่อ้าปากค้างและชกไหล่บารมีไปหนึ่งครั้ง  และอีกหลาย ๆ ครั้งก็ตามมา

“อายอะไรพัฒน์ เรื่องธรรมดา  เสือกทำเป็นอายกูไปได้  กูรู้หรอกบางคืนมึงก็ชักว่าวตอนดึก ๆ  เสียงนี่ดังมาห้องกูเลยเหอะ”

โว้ยยยยยยยยย
ไม่ใช่แล้ว
แบบนี้ไม่ใช่แล้ว

เถียงไม่ออก ได้แต่อ้าปากค้างและไม่รู้จะแก้ตัวยังไง

“.......ฮื่อ.........”

พิพัฒน์ยกมือขึ้นปิดหูเพราะไม่รู้จะตอบโต้อีกฝ่ายยังไง  และเป็นบารมีที่ยังหัวเราะเสียงดังลั่นไม่ยอมหยุด

ไอ้พัฒน์แม่งตลกเถียงไม่ได้เสือกหนีด้วยการยกมือขึ้นมาปิดหูซะงั้น

ไม่เคยเห็นใครตลกขนาดนี้มาก่อนเลยว่ะ    ยิ่งมองสิ่งที่พิพัฒน์ทำ บารมียิ่งรู้สึกว่าทั้งตลกทั้งน่ารัก

หน้าแม่งแดงเถือกไปถึงไหนต่อไหนแล้วนั่น  ยิ่งเห็นยิ่งทำให้ขำไม่หยุด

“พัฒน์  มึงแม่ง.......โคตรตลกเลยว่ะ  เอายังไง ตกลงจะเอามั้ยไซด์ไลน์”

บารมียังคงหัวเราะด้วยความขำ

แต่พิพัฒน์เงยหน้าขึ้นมาและพยักหน้ารับ   และนั่นทำให้บารมีชะงักและเริ่มโมโห

"ไอ้พัฒน์"

โดนบารมีตะคอกใส่  และพิพัฒน์ก็เอามือกุมหัวตัวเองเอาไว้เพราะกลัวโดนบารมีโบกหัว

"กูจะไม่คุยเรื่องนี้กับมึงอีก  จบ  ไม่มีการต่อความยาว"

พิพัฒน์ไม่เข้าใจว่าทำไมบารมีถึงโมโหขึ้นมาดื้อ ๆ ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ และมองหน้าบารมีที่เอาแต่ขมวดคิ้วมุ่น
และทำเหมือนโมโหกันอยู่ตลอดเวลา

สารภาพตามตรง
พิพัฒน์ไม่เข้าใจสิ่งที่บารมีคิดเลยจริง ๆ


TBC.




ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
เรื่องใหม่~~~~~~~!!! กรี๊ด >\\\<
พี่บัสนี่ซึนมากๆเรยจิงๆ 555
ส่วนพัฒน์ ก้ออึนสุดดดด ดูเข้ากันดีเหมือนกันนะ คิคิ

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
พี่เต๋อเข้าใจถูกต้องงงงงง
พี่บัสแกขี้หวงค่ะ  :laugh:
รอตอนต่อไปน้อออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ห่วงก็บอกว่าห่วงสิคุณพี่

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
อย่าว่าแต่พิพัฒน์เลย เค้าก็ไม่เข้าใจบารมีเหมือนกัน หวง ห่วง ก็บอกมา 5555

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
สิ่งที่พัฒน์ทำนี่มันเรียกว่ายั่วนะหนูนะ จะยั่วโมโหหรือยั่วอารมณ์ก็แล้วแต่ อิพี่บัสมันแทบคลั่งแล้วนะ ระวังตัวไว้เหอะ

ออฟไลน์ kkmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พี่บัสห่วงก็บอกว่าห่วงเถอะ ส่วนพัฒน์พูดน้อยเกินไปป่ะค่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
บัสนี่หาข้ออ้างในการกักตัวเขาไว้ซะเนียนเชียว -..-
ความเคยชินนี่น่ากลัวนะ  พอรู้ตัวว่าจะต้องขาด
อาการมันก็แสดงออกมาชัดเจน
บัสนีต้องเริ่มรู้ตัวแล้วแนๆ แต่พัฒน์นี่สิ คิดอะไรไหมน้อ

ออฟไลน์ คุณอัง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ว้ายยยย~ เราเพิ่งไปไล่อ่านเรื่องนี้ในเพจเฟสบุ๊คของคุณเท็นจนถึงตอนล่าสุดเมื่อกี้นี้เองค่ะ

เปิดเล้ามาเจอคุณอัพในนี้แล้วนึกว่าตาฝาด
อิอิ เป็นกำลังใจให้นะคะ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :hao4:พัฒนนี่มันเอ๋อหรือเปล่าหว่า หรือท่าจะบื้อสุด ๆ  :hao7:

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2


 @@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (บารมี&พิพัฒน์)ตอน พวกไม่มีความเกรงใจ

พวกมึงชักจะมีความสุขกันมากเกินไปแล้ว     ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกหงุดหงิดโมโห
พวกมึงว่างกันมากนักหรือไง  แม่ง  ทำตัว......น่าหงุดหงิดชิบหาย

บารมีกำลังรู้สึกไม่พอใจ ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เรื่องที่ทำให้หงุดหงิด และไม่ชอบใจก็ไม่มีอะไรมาก

แค่.............

“พี่พัฒน์ไม่กินจริงดิ แม่งอย่างอร่อย ลองชิมดู”

ไม่ใช่แค่พูด  แต่ไอ้เต๋อมันยังอุตส่าห์มีน้ำใจ  ป้อนขนมถ้วยให้พิพัฒน์กินด้วย

แดกเองไม่เป็นหรือไงหรือมือหงิก เป็นง่อย  เลยถือช้อนเองไม่เป็น

“นี่มันที่ทำงานไม่ใช่ที่กินขนม”

ทำเสียงเข้มเข้าข่ม และทั้งพิพัฒน์และเต๋อก็หันมามองบารมีที่ทำหน้าขรึมและใช้นิ้วกระแทกเครื่องคิดเลขจนแทบจะพังคามืออยู่แล้ว

“อารมณ์เสียอะไรวะเฮีย”

เต๋อไม่เข้าใจและยังคงตักขนมถ้วยเข้าปากต่อไป  และป้อนให้พิพัฒน์ด้วย

“อร่อยดิ  บอกแล้วพี่พัฒน์ไม่เชื่อผม”

แม่ง

กูพูดเนี่ย มีใครคิดจะฟังบ้างมั้ย

“นี่ห้องสำหรับทำงาน แดกอะไรหัดเกรงใจกูบ้าง”

ไม่ใช่แค่พูด แต่คราวนี้บารมีเงยหน้าขึ้นมามองและใช้ดินสอเคาะโต๊ะเพราะชักจะทนไม่ไหวกับปฏิกิริยาของทั้งเต๋อและพิพัฒน์ที่มีต่อกัน

“อะไรของเฮียวะ อารมณ์เสียอะไรนักหนา ป่ะ พี่พัฒน์ไปเหอะ เฮียประสาทแดกไปแล้ว”

และคราวนี้บารมีก็ลุกขึ้นยืนทันทีและกำลังจะอ้าปากด่าทั้งเต๋อทั้งพิพัฒน์ที่ไม่รู้จักให้เกียรติกันบ้าง

แต่ยังไม่ทันได้ด่า ช่างวินัยก็ผลักประตูเข้ามา  และ...........

เต๋อยังคงตักขนมถ้วยป้อนพิพัฒน์
บารมีกำลังทำหน้าหงุดหงิดไม่พอใจและคราวนี้คนที่มาร่วมทำหน้าหงิกอีกคนคือช่างวินัย

ช่างวินัยมองสิ่งที่เต๋อทำ และเดินไปหยิบกล่องเครื่องมือช่างที่วางไว้บนโต๊ะ  กระแทกกล่องเสียงดังจนเต๋อถึงกับสะดุ้ง

และไม่ใช่แค่ช่างวินัย บารมีก็ฟาดแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะเหมือนกัน

...............เป็นเหี้ยอะไรกันวะ...............
เต๋ออยากจะถาม แต่ไม่รู้ว่าจะถามไปทำไม ไม่เห็นจะเกิดประโยชน์

“เฮียครับ  คนไม่ครบ  ผมไม่มีคนส่งเครื่องมือให้”

ช่างวินัยหันมาบอกบารมี และบารมีก็หันไปมองหน้าเต๋อ

“อะไรวะ ยังกินไม่เสร็จเลยเนี่ย  อะไรก็ผม  จะเร่งทำไมนักหนาวะ”

เต๋อบ่นพึมพำให้ได้ยินกันทุกคนและบารมีก็รีบเร่งให้เต๋อออกไปช่วยช่างวินัย

“รถเขาจะมารับเย็นนี้ มึงวางมือแล้วไปช่วยช่างนัยเดี๋ยวนี้”

ไม่ใช่แค่พูด แต่ยังทำเสียงเข้มใส่อีกด้วยและเต๋อก็เลยจำใจต้องวางขนมถ้วยเอาไว้บนโต๊ะ และบอกให้พิพัฒน์เก็บขนมไว้ให้

“เดี๋ยวมากินต่อพี่พัฒน์ ถ้าเสร็จเร็ว ไปเล่นตะกร้อกัน”

“ไปทำเหี้ยอะไร  มึงอย่าหวังว่าจะได้ไปง่ายๆ ไอ้เต๋อ  งานไม่เสร็จมึงไม่ต้องไป”

ไม่ใช่แค่เต๋อ แต่หมายรวมไปถึงคนที่นั่งทำหน้าเฉยอยู่ข้าง ๆ เต๋อด้วย

“จ้างมาทำเอกสารไม่ได้จ้างมากินขนม”

ประชดประชันกันแบบชัดเจน และพิพัฒน์ก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของบารมีก่อนจะเก็บกล่องขนมถ้วย และหันไปจัดการกับแฟ้มเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้า

เต๋อลุกขึ้นเดินไปกับช่างวินัยแล้วและช่างวินัยก็เหลือบสายตามองหน้าเต๋ออีกเล็กน้อย

...........มาลากกูไปใช้งานได้คงจะสบายใจมากสินะ...........

เต๋อคิดแบบนั้นแต่ช่างวินัยคิดอีกอย่าง

พิพัฒน์กับเต๋อ  พักหลัง ๆดูสนิทกันมาก และมันมีผลกับความรู้สึกของช่างวินัยและไม่ใช่แค่มีผลกับช่างวินัยคนเดียวแต่มีผลกับจิตใจของบารมีด้วย

พิพัฒน์ก้มหน้าก้มตาทำงานไปเงียบ ๆ แต่บารมีกระแทกนิ้วที่เครื่องคิดเลขไปเรื่อยๆ ทำอะไรก็พาลจะหงุดหงิดไปหมด

พิพัฒน์ไม่เข้าใจว่าบารมีเป็นอะไรและสิ่งที่พิพัฒน์ทำได้ก็มีแค่เพียงตักขนมถ้วยในกล่องส่งให้บารมีและมองหน้าของบารมีเหมือนกำลังลุ้นว่าอีกฝ่ายจะด่ากลับมาว่ายังไง

บารมีไม่ได้รับช้อนมาถือเอาไว้แต่มองหน้าของพิพัฒน์อย่างไม่พอใจและเมื่อพิพัฒน์กำลังจะดึงมือกลับ  บารมีก็ดึงมือของพิพัฒน์เอาไว้  และกินขนมที่พิพัฒน์ป้อน

หน้ายังคงงอหงิกแต่นิ้วที่กดตัวเลขบนเครื่องคิดเลขลดความรุนแรงลงมาในระดับปกติ

พิพัฒน์กลับไปทำงานต่อ

แต่สายตาของบารมีแอบเหลือบมองพิพัฒน์อยู่เป็นระยะ

ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เป็นอะไร ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้หงุดหงิดโมโหไม่พอใจที่เต๋อกับพิพัฒน์สนิทกัน

แต่ตอนนี้อารมณ์ที่ครุกรุ่นอยู่จางลงบ้างแล้วและบารมีก็เกือบจะสามารถทำงานต่อไปได้อย่างปกติสุข

ถ้า.........ไม่เพราะว่าไอ้เต๋อมันจะผลักประตูเข้ามาอีกเพื่อมาหยิบเครื่องมือไปให้ช่างวินัย

และก่อนออกจากห้องไปมันยังไม่ลืมหันมาบอกพิพัฒน์

“อีกนิดเดียวพี่พัฒน์ เดี๋ยวเจอกันที่สนาม”

ไอ้เต๋อ................มึง.........

บารมีลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปตะโกนบอกช่างวินัยที่กำลังเช็คสภาพรถ

“ช่างนัย  คันนี้ลูกค้าขอเช็คแบบละเอียดยิบทุกรายการ”

ช่างวินัย ไม่ได้ตอบ  แต่ยกมือส่งสัญญาณตอบรับบารมีว่ารับทราบ

เต๋อมองหน้าพิพัฒน์และพิพัฒน์ก็มองหน้าเต๋อด้วยความมึนงง อยากจะถามว่าทั้งบารมีและช่างวินัยเป็นอะไร แต่เมื่อพิจารณาจากอารมณ์ของทั้งบารมีและช่างวินัยแล้ว ไม่ถามคงดีกว่า

บารมีทำงานต่อไปได้อย่างสบายใจและช่างวินัยก็ไม่ได้รีบเร่งกับงานที่ทำ

เต๋อเหลือบสายตามองหน้าช่างวินัยเป็นพัก ๆและส่งเครื่องมือให้เรื่อยๆ มีบางครั้งที่ปลายนิ้วสัมผัสกันบ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เพราะต่างคนต่างไม่ได้........คิด.........อะไรกัน

บารมีทำงานอยู่ในออฟฟิศและเหลือบสายตามองหน้าพิพัฒน์ที่ก้มหน้าก้มตาทำงานโดยไม่เคยปริปากพูด

...........ทั้งไอ้เต๋อทั้งไอ้พัฒน์....งานการไม่รู้จักทำ.........
มัวแต่ป้อนขนมกันอยู่ได้ คำว่า “มารยาท”  และ “ความเกรงใจ”  สงสัยจะสะกดไม่เป็น  ถึงได้ทำตัวน่าหงุดหงิดแบบนี้  คราวหน้าถ้าเห็นอีก กูจะจับพวกมึงแยกกันยิ่งกว่านี้

โคตรเกลียด พวกไม่รู้จักมารยาท .....ทำแบบนี้  แม่ง....ไม่มีความเกรงใจกันบ้างเลย


TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2015 07:07:16 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ sine_saki

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
โอ้ย พี่บัสทำเป็นโวยวายกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริง

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
เฮียขี้หึงนะเนี่ย

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2


 @@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (บารมี&พิพัฒน์)  ตอน  ข้างอู่มีกรงกระต่าย


บารมีไม่เข้าใจว่าทำไมในเวลานี้ต้องมาทำตัวไร้สาระขนาดนี้ด้วย

“.....................”

พิพัฒน์จ้องมองกระต่ายในกรงและยังไม่ยอมขยับไปไหนง่าย ๆ  จนบารมีเริ่มโมโห

“มึงจะจ้องให้กระต่ายในกรงกลายเป็นกระต่ายทองคำหรือไงไอ้พัฒน์  งานการไม่ต้องทำเลยว่างั้นใช่มั้ยวะ”

พิพัฒน์เงยหน้าขึ้นมองและแตะปลายนิ้วที่ริมฝีปากตัวเองเพื่อเป็นการบอกบารมีว่าอย่าส่งเสียงดังแต่นั่นยิ่งทำให้บารมีหงุดหงิดโมโห

“นี่มึงว่างงานขนาดมานั่งดูกระต่ายคลอดลูกเลยเหรอสบายจังเลยนะชีวิตมึงเนี่ย”

แกล้งว่าคนที่นั่งมองกระต่ายในกรงด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง  จากโมโหตอนนี้บารมีชักจะเริ่มขำ

มาถึงอู่ตั้งแต่แปดโมงเช้า  ไอ้พัฒน์รีบเดินตรงมาที่กรงกระต่ายก่อนเลยอย่างแรกงานการนี่ไม่คิดอยากจะทำ

“ไปลุก  ไปทำงาน เร็ว”

บารมีดึงแขนของคนที่นั่งอยู่ข้างกรงกระต่ายให้ลุกขึ้น  แต่พิพัฒน์ขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมลุก

“ไอ้พัฒน์”

เรียกแล้วแต่คนที่ยังมองไปที่กรงกระต่ายก็ไม่ยอมทำตาม

“พี่บัสดูสิ...มันกินผากกกกบุ้ง แล้วมันจะกินหม่าเล็ดทานตะวานมั้ยเนอะ”

เหี้ยยยยยยยย

บารมีไม่เข้าใจทั้งคำพูดและกิริยาท่าทางของพิพัฒน์ที่แสดงออกมาให้ได้เห็น  มึงเป็นอะไรของมึง  อยู่ดี ๆ ก็พูดจาด้วยคำพูดแปลก ๆทำเสียงแบบนั้นมึงคิดว่ามึงน่ารักมากหรือไงไอ้พัฒน์

กำลังจะด่า  แต่สุดท้ายไม่รู้ทำไมถึงลงไปนั่งข้างๆ พิพัฒน์จนได้

“กูนับหนึ่งถึงสามถ้ามึงไม่ลุกนะพัฒน์  กูจะ...”

ยังพูดไม่ทันจบพิพัฒน์ก็ยกมือขึ้นปิดปากบารมีเอาไว้ และเป็นบารมีที่ต้องดึงมือของพิพัฒน์ออก

มึงกล้าเอามือมาปิดปากกูเลยเหรอไอ้พัฒน์

มึงกล้า.....

“กระต่ายมันจะคลอดลูก ดูอีกแป๊บแล้วจะตามไปนะ”

นี่เรียกว่าอะไร

การขอความเห็นใจ หรือเรียกอีกอย่างว่าการอ้อนใช่มั้ย

“....................”

พิพัฒน์หันไปสนใจกระต่ายในกรงที่กำลังทำท่าแปลก ๆ เพราะกำลังจะคลอดลูก

แต่บารมีกำลัง  งง  และไม่เข้าใจตัวเองว่ากำลังทำอะไร

นี่กูมานั่งเฝ้ากระต่ายคลอดลูกกับไอ้พัฒน์ทำไมวะเนี่ย  งานการก็ท่วมหัว  ยังไม่เสร็จ ไหนจะนัดออกไปคุยงานกับลูกค้าตอนสิบโมงอีก ไม่ได้มีเวลาว่างขนาดมาทำอะไรไร้สาระแบบนี้นะ  แล้วกูจะนั่งมองกระต่ายคลอดลูกไปทำไมวะ  แบบนี้มันไร้สาระเกินไปแล้ว

“พี่บัส....”

“เออ”

“กินหม่าเล็ดทานตะวานมั้ย”

ไม่ใช่แค่พูด  แต่พิพัฒน์ดึงมือของบารมีมาแบออกและวางเมล็ดทานตะวันสองสามเม็ดลงไป

“ป่ะ”

พิพัฒน์ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าออฟฟิศไปแล้ว หยุดความสนใจกระต่ายที่กำลังจะคลอดลูกในทันที

เหลือแค่บารมีที่ยังนั่งมองเมล็ดทานตะวันในมือด้วยความมึนงงสงสัย

มันทำไปทำไมวะ
ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร

บารมีไม่รู้ว่าพิพัฒน์มีเหตุผลอะไรถึงได้ทำแบบนี้  บารมีรู้แค่ว่า.........การทำเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้   หลายครั้งมันทำให้บารมียิ้มได้

บารมีลุกขึ้นและเดินตามพิพัฒน์เข้าออฟฟิศและหันมามองกระต่ายในกรงอีกครั้ง

ถึงตอนนี้ยิ่งไม่เข้าใจตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ

บารมีคิดว่าตัวเองคงไม่มีอารมณ์รื่นเริงมานั่งเฝ้ากระต่าย  ไม่ว่ายังไงก็ไม่มี  แล้วทำไมถึงตามพิพัฒน์มา

มาฟังพิพัฒน์พูดจาบ้า ๆ บอ ๆ ใส่ แล้วก็ยิ้มไปกับสิ่งที่พิพัฒน์พูด

บางทีเพราะว่ากำลังมีความสุขหรือเปล่าถึงได้ยิ้ม
บางทีอาจเป็นเพราะว่ากำลังมีความสุขเลยสามารถยิ้มได้ขนาดนี้

ทั้งที่ก่อนหน้านี้  การยิ้มออกมาจากใจเป็นเรื่องยากที่สุด
เพราะมีเรื่องให้คิดมากมาย
มีเรื่องให้คิดมากหลายๆ  เรื่อง

รอยยิ้มของบารมีจางหายไปอย่างช้า ๆ 
และจากที่กำลังมีความสุข บารมีเริ่มถอนหายใจยาว ๆ

มีเรื่องที่ยังไม่ได้สะสางและยังคงเป็นปัญหาชีวิต  จนทำให้นอนไม่หลับมาหลายคืน

แต่ช่างเถอะ
ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ช่างมันก่อน

ขอแค่ตอนนี้ยังสามารถยิ้มได้อยู่ และได้สัมผัสกับความสุขบ้างก็พอแล้ว


TBC.

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2


 @@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (บารมี&พิพัฒน์)  ตอน กระต่ายที่หายไป

“พัฒน์”
“ไอ้พัฒน์”
“พัฒน์โว้ย”
 “ไอ้ห่าพัฒน์”
“อย่าให้กูต้องเรียกมึงอีกครั้งนะพัฒน์  กูจะไม่ทนกับมึงอีกต่อไปแล้วนะ”

บารมีโกรธ เพราะไม่ว่าจะเรียกกี่ครั้งหรือพยายามพูดด้วยแค่ไหน พิพัฒน์ก็ยังคงเมินเฉย

ปกติมันก็ไม่พูดอยู่แล้ว
คราวนี้ เลยเงียบจนบารมีกำลังจะประสาทเสีย
กดดันกูใช่มั้ย  มึงคิดจะกดดันกูใช่มั้ยไอ้ห่าพัฒน์

“.................”

ห้าโมงครึ่ง
และพิพัฒน์ก็ลุกขึ้นยืนและเก็บทั้งบิลและเอกสารใส่แฟ้มและเอาไปวางไว้บนชั้น

“ไอ้พัฒน์”

“......................”

พิพัฒน์ยังยืนยันที่จะไม่คุยกับบารมี และกลายเป็นบารมีที่ทนไม่ไหว

“ปึง....โครม...เคร้ง...”

เสียงทุบโต๊ะและเสียงเตะเก้าอี้ไม่ใช่ฝีมือใคร  แต่เป็นฝีมือของบารมีและพิพัฒน์ก็ชะงักและหยุดเดินหนี

เงยหน้าขึ้นมองหน้าของบารมี และก้มหน้าลง

“....................”

“แค่เรื่องนิดเดียว มึงจะเป็นจะตายอะไรนักหนา  เดี๋ยวมันก็ออกมาอีกกระต่ายมึงอ่ะ   ลูกค้าเขาเห็นเขาก็ว่ามันน่ารัก  ยกให้ไปแค่ตัวสองตัวมึงจะเป็นจะตายให้ได้เลยหรือไง กระต่ายมันลูกดกจะตายห่า เดี๋ยวมันก็คลอดออกมาอีกเป็นโขยง แม่งงงง  อย่าให้กูโมโหได้มั้ยพัฒน์  มึงอายุเท่าไหร่มึงเป็นเด็กอมมือหรือไง ถึงจะต้องมาโกรธกูเพราะกูยกกระต่ายให้ลูกค้าไปเนี่ย  ห๊ะ กูถามหน่อยซิ อย่ามาทำเป็นเงียบ มึงจะเอายังไงไอ้พัฒน์ ให้กูไปตามเอากระต่ายมึงคืนเลยมั้ย”

บารมีตะคอกพิพัฒน์เสียงดังลั่นออกมาข้างนอก  และเด็กในอู่ที่กำลังทำงานกันอยู่  ก็มีอันต้องวางมือ

“ไอ้เต๋อ กระต่ายมึงทำเรื่องแล้ว  พี่พัฒน์โดนเฮียฆ่าทิ้งแน่”

เมื่อก่อนอาจจะใช่
กระต่ายในกรงเคยเป็นของเต๋อก็จริง  ที่เลี้ยงก็แค่เลี้ยงเล่น ๆ เห็นพื้นที่ข้างบ้านว่าง ๆ อยู่ก็เลยต่อกรงแล้วเอากระต่ายมาเลี้ยง    แต่ตอนนี้พี่พัฒน์โมเมเอากระต่ายในกรงไปเป็นของตัวเองแล้ว

“ไอ้พัฒน์”

บารมียังตะคอกใส่หน้าของคนที่ยืนก้มหน้านิ่ง แต่ไม่ยอมพูด  และเสียงก็ยังคงดังลั่นออกมาข้างนอกให้ลูกน้องได้ยิน

“เต๋อ  มึงไปห้ามเฮียหน่อยเถอะสงสารพี่พัฒน์   จะโดนเฮียแดกหัวอยู่แล้ว  ยังไงมึงก็เป็นหลาน  เฮียคงไม่ว่ามึงหรอก  มึงไปช่วยห้ามเฮียหน่อยสิวะเต๋อ”

ห้ามทำไม
ไม่เห็นจำเป็นต้องห้ามเลย

เต๋อยืนกอดอก และอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

“เออน่า เดี๋ยวเขาก็เคลียร์กันเองแหละ”

เต๋อไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้อาของตัวเองขาดสติจนถึงขั้นทำร้ายพิพัฒน์ได้

มองแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม ก่อนจะคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

“อยากให้กูช่วยเหรอ เดี๋ยวกูไปช่วยก็ได้”

เต๋อแกล้งเดินเข้าไปผลักประตูออฟฟิศ   แกล้งทำเหมือนไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

“พี่พัฒน์  เตะบอลป่ะวันนี้”

แล้วระเบิดก็เหมือนจะลงมาอีกลูกใหญ่ หลังคำพูดนั้น

“เอออออออ สนุกสนานกันจริงชีวิตมึง กูจ้างมึงมาทำบัญชีนะไม่ใช่จ้างมาเลี้ยงกระต่ายมาเตะบอล เล่นตะกร้อ  มึงขยันซ้อมขนาดนี้ ไปแข่งโอลิมปิกเลยมั้ยไอ้ห่า”

บารมีเปิดประเด็นในการด่าเรื่องใหม่ และเต๋อก็แกล้งทำสีหน้าตกอกตกใจ

“อ้าว.....เฮียอารมณ์ไม่ดีเหรอ โทษ ๆ”


“กูไม่ให้มึงไปไหนทั้งนั้นไอ้พัฒน์  วันนี้ไม่ต้องเล่น  มึงอีกตัวไอ้เต๋อ   พาแต่ให้ไอ้พัฒน์มันเสียคน เรื่องเหี้ยๆ  นี่ชวนกันนัก เย็นนี้กูจะบอกแม่มึง  ให้หักเงินค่าขนมมึง”

อ้าว
เกี่ยวไรกะกูวะ แค่มาทิ้งระเบิดเล่น ๆ แค่เนี้ยะ

“ผมไม่ยุ่งก็ได้วะ  พี่พัฒน์ ไว้เจอกัน”

เต๋อเดินไปแตะมือกับพิพัฒน์และคราวนี้บารมีก็เลยยิ่งโมโหไปกันใหญ่

เจอกันเหี้ยอะไร

“ไม่ต้องจงต้องเจอใครทั้งนั้นแหละมึงไอ้พัฒน์   ทีกูนี่จะพูดทีดอกพิกุลจะร่วงจะหล่น  ทีกับไอ้เต๋อ มึงทำเสียงอ่อนเสียงหวาน.... “เจอกัน”....... เจอกันเหี้ยอะไร ไม่ต้องจงต้องเจอแม่งแล้ว มึงนั่งอยู่นี่เลย ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”

บารมีเตะเก้าอี้ขวางทางเอาไว้ และชี้นิ้วสั่งให้พิพัฒน์นั่งลง

พิพัฒน์ไม่ได้แสดงอาการกระฟัดกระเฟียดหรือโมโห

มีแค่ความเงียบเท่านั้น

นั่งลงบนเก้าอี้ตามที่บารมีสั่ง  นั่งอยู่เฉย ๆ และไม่ยอมพูดยอมจา

“..............”

บารมียังไม่หายโมโห และผลักประตูเดินออกไปคุมเด็กที่กำลังดูรถอยู่ด้านนอก

“เย็นนี้เฮียส่งจะเข้ามาเอารถ มึงเคลียร์คันนี้ก่อนเลย  อันนั้นค่อยทำทีหลัง”

สั่งงานลูกน้องและยิ่งหัวเสียมากขึ้นเมื่อลูกน้องทำงานไม่ได้ดั่งใจ

บารมีมัววุ่นวายอยู่กับการเคลียร์รถให้ทันก่อนลูกค้าจะมารับ โดยไม่ยอมหันไปมองหรือสนใจคนที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ในออฟฟิศและไม่ขยับไปไหน

พยายามทำงานให้ลืมว่าโมโห
พยายามแกล้งทำเป็นไม่สนใจคนที่อยู่ในออฟฟิศและไม่เคยมีปากมีเสียงหรือเถียงบารมีเลยสักครั้ง

แค่เรื่องกระต่ายสองตัวที่ยกให้ลูกค้าไปมันไม่ใช่เรื่องที่บารมีต้องมาคิดหรือใส่ใจความรู้สึกพิพัฒน์เลยสักนิด

พยายามจะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่
พยายามจะบังคับให้พิพัฒน์เป็นไปอย่างที่ต้องการ

แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้
และลงเอยด้วยการทะเลาะกัน และเป็นการทะเลาะกันที่เหมือนบารมีทะเลาะอยู่คนเดียว โดยที่พิพัฒน์  ทำเหมือนบารมีไม่มีตัวตน  ทำเหมือนไม่เห็นว่าบารมีพูดด้วย

และนั่นยิ่งทำให้บารมีโมโห ทั้งด่าทั้งว่าทั้งตำหนิพิพัฒน์ไปสารพัด

แต่สุดท้าย.....กลับต้องรู้สึกผิดที่ว่าพิพัฒน์ไปถึงขนาดนั้น  แต่พิพัฒน์ไม่แสดงอาการโมโห หรือตอบโต้ในทุก ๆ คำพูดที่แสนร้ายกาจของบารมีเลย


+++++++++++++++++++++


สามทุ่มแล้วแต่พิพัฒน์ยังคงนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมไม่ได้ขยับไปไหน

บารมีผลักประตูออฟฟิศเข้าไป  และพิพัฒน์ก็หันไปมอง

อารมณ์หงุดหงิดโมโหหายไปหมดแล้วและบารมีก็มายืนอยู่ตรงหน้าของพิพัฒน์

“ป่ะ กลับบ้าน”

พิพัฒน์เงยหน้าขึ้นมอง และก้มหน้าลงอีกครั้ง

“ไอ้พัฒน์”

บารมีไม่เคยง้อใครและพิพัฒน์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น และพิพัฒน์ก็รู้  ว่าบารมีไม่เคยสนใจความรู้สึกกันเลยสักนิด

“กระต่ายที่พี่บัสให้ลูกค้าไป ชื่อปา”

พิพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ  ขยับกายลุกขึ้นอย่างช้าๆ  และเดินหนีออกจากออฟฟิศไป

ไม่รอให้บารมีถาม
และเป็นบารมีที่ยืนอึ้ง และไม่รู้จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง

เรื่องกระต่ายที่ยกให้ลูกค้าไปมันไม่ใช่ปัญหาหรอก
ปัญหาคือไอ้ห่าพัฒน์เสือกไปตั้งชื่อกระต่ายว่า “ปา”

ตั้งชื่อให้กระต่าย มึงได้ปรึกษาใครบ้างหรือยัง

ตั้งชื่อให้กระต่ายขนาดนั้น ก็แสดงว่ามึงไม่เคยลืม น้องสาวกูเลย ใช่มั้ยพัฒน์

ไม่เคยลืม
ไม่เคยลืมเรื่องนั้นเลยสินะ

ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาได้ บารมีได้แต่ถอนหายใจออกมายาวๆ   เดินไปที่รถ และเห็นพิพัฒน์ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ที่ข้างรถ

“อีปามันไม่กลับมาหรอกนะ มันมีผัวใหม่ไปแล้ว  มึงก็รู้  แล้วมึงยังจะพร่ำเพ้อถึงมันอยู่ได้ทำไมทุกวันวะพัฒน์”


ไม่ได้พร่ำเพ้อ
ไม่ได้คิดจะให้เวลาย้อนกลับมาที่เก่า ก็แค่อยากให้แต่ละวันได้มีรอยยิ้มบ้าง

สุขเล็ก ๆ กับเรื่องที่ไม่มีวันเป็นจริง  แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้พอมีรอยยิ้มได้บ้าง

“...............”

พิพัฒน์ไม่ตอบ
พิพัฒน์ไม่พูด
พิพัฒน์เป็นคนที่ทำตัวน่าโมโหที่สุดและบารมีก็ต้องเดินอ้อมมาอีกฝั่งเพื่อจะย้ำให้พิพัฒน์เข้าใจว่าไม่ว่ายังไงเวลามันก็ไม่มีทางหมุนย้อนกลับมาอีกแล้ว

“พัฒน์”

ตั้งใจจะพูดบางอย่าง ตั้งใจจะทำให้พิพัฒน์เข้าใจให้มากขึ้น

แต่เมื่อเดินเข้ามาใกล้  ๆ พิพัฒน์ก็ยกมือขึ้นมาปิดปากของบารมีเอาไว้

“...............”

บารมีต้องหยุดพูด และนิ่งมองใบหน้าของพิพัฒน์ตรง ๆ  และก็เห็นว่าในดวงตาคู่นั้นมีแต่ความหม่นหมองเศร้าสร้อยที่พิพัฒน์พยายามปกปิดเอาไว้มาโดยตลอด

พิพัฒน์ลดมือลงแล้ว และก้มหน้าลงแตะหน้าผากไปที่ไหล่ของบารมีเบา ๆ

“...............”

บารมีไม่มีปัญญาจะพูดอะไรได้อีก
ได้แต่เงียบและปล่อยให้พิพัฒน์ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

ลาดไหล่ของพิพัฒน์กำลังสั่นแต่ไม่มีแม้กระทั่งเสียงสะอื้นออกมา

ความเจ็บปวดมันฝังอยู่ในใจมาตลอดบารมีก็พอรู้  แต่ไม่มีวันไหนที่พิพัฒน์แสดงมันออกมา

ไม่มีคำพูดปลอบใจจากปากของบารมี
ไม่มีการโอบกอด ไม่มีการปลอบประโลม ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สิ่งที่บารมีทำมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น

ยืนนิ่ง ๆ ให้พิพัฒน์ใช้เป็นหลักยึดเพื่อยืนร้องไห้  จนกว่าจะพอใจ


TBC.

ออฟไลน์ tou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
พัฒน์จ๋า คิดอะไรในใจก็บอกพี่บัสบ้างก็ได้นะ
เก็บไว้คนเดียว เดี๋ยวจะเครียดเกินไป
แย่งพี่บัสพูดบ้าง พี่เขาจะได้บ่นน้อยลง ฮาาา

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
คุณเท็นเปิดเรื่องใหม่แล้ว :mc4 สงสารพัฒน์จังเลย เฮียบัสทำตัวดีๆหน่อยสิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด