@@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ by aoikyosuke ตอน จบ P.30
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ by aoikyosuke ตอน จบ P.30  (อ่าน 434478 ครั้ง)

ออฟไลน์ Koizumint

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาต่อดวนนนนน
จะลงแดง เข้าใจค.รู้สึกเต๋อนะ
งืดดดดดดดดดด


ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
มาดันกระทู้ค่ะ
รอมาลงต่ออยู่น้าาาา

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
ก๊อกๆๆๆ ค่า มีรถคันไหนที่ซ่อมเสร็จจะส่งงานให้ลูกค้าได้สักคันไม๊เอ่ย ....ปิดร้านไปเป็นเดือนเลย  :m17:

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2


 @@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (บารมี&พิพัฒน์)  ตอน ก่อนจะเข้าใจ

บารมีคิดว่าตัวเองทั้งโง่ทั้งบ้า ที่กำลังจะทำเรื่องไม่ควรทำในขณะที่ยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองที่มีให้พิพัฒน์

ใช่ที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข แต่บางทีมันอาจไม่ควรทำถึงขนาดนี้
เพราะแม้ร่างกายเราจะหลอมรวมเป็นของกันและกัน

แต่ใจของพิพัฒน์ไม่ได้รู้สึกถึงตัวตนของบารมีในเวลานี้เลย

“ปา”

พิพัฒน์ยังคงเรียกหาแต่ชื่อที่บารมีไม่อยากได้ยิน
ไม่ได้เกลียดน้องสาวตัวเอง แต่ไม่อยากได้ยินชื่อของปาจรีย์ในเวลานี้  สิ่งที่บารมีทำคือการกดย้ำลงไปที่ซอกคอของพิพัฒน์อีกนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อประทับรอยเอาไว้ เพื่อให้จำ เพื่อให้เข้าใจว่าคนที่ทำรอยเหล่านี้เอาไว้ไม่ใช่คนที่พิพัฒน์โหยหา 

ความรู้สึกที่หัวใจเต้นรัวถี่แรงขึ้น บารมีไม่รู้จะเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าอะไร   มันอาจเรียกว่าความหึงหวงก็ได้ บารมีไม่แน่ใจ

แต่สิ่งที่บารมีรู้แน่ทุกครั้งที่ร่างกายสอดแทรกประสานกัน  และทุกครั้งที่พิพัฒน์เรียกหาคนที่บารมีไม่ต้องการได้ยิน   มันทำให้บารมีรู้สึกปวดร้าวลึก ๆ ในใจ

จะทำแบบนี้ไปทำไม  ทำไปเพื่ออะไร

หาคำตอบอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง 

แต่ไม่อยากปล่อยมือ 
ไม่อยากให้ทุกความรู้สึกนึกคิดของพิพัฒน์เป็นของคนอื่นอยากให้เป็นของตัวเอง  เป็นของบารมีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น

“บัส”

พูดให้ได้ยิน พูดให้รับฟัง  พูดให้เข้าใจ

และพิพัฒน์ก็ขมวดคิ้วมุ่น 

“พี่.....บัส”

เรียกชื่อของใครอีกคนด้วยน้ำเสียงแผ่วโหย  และบารมีก็ค่อย ๆ ยกฝ่ามือที่ปิดตาของพิพัฒน์ออก

เพื่อให้พิพัฒน์ลืมตาขึ้นมา
เพื่อให้พิพัฒน์มองมา
เพื่อให้พิพัฒน์เข้าใจ  ว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่อยู่ด้วยในเวลานี้

ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง
พิพัฒน์นิ่งมองไปที่ดวงตาของบารมี เหมือนอยากจะถามว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่

อยากจะรู้
อยากเข้าใจให้มากกว่านี้
ความรู้สึกที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ  ความรู้สึกอบอุ่น อ่อนหวานที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวในเวลานี้เรียกว่าอะไร

พิพัฒน์แตะฝ่ามือที่ใบหน้าของบารมีเบา ๆ แตะและลูบไล้เล่น

แต่ไร้ซึ่งคำพูด  มีเพียงความเงียบงัน
ความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ ก่อตัวอย่างเชื่องช้า  และเหมือนเกลียวเชือกที่ค่อย ๆ ผูกมัดกันเอาไว้อย่างเงียบ ๆ พิพัฒน์อยากให้เป็นอย่างที่ตัวเองคิด

ลูบไล้ฝ่ามือที่ข้างแก้มของบารมีอยู่อย่างนั้น แต่ในเวลาไม่นานดวงตาของพิพัฒน์ก็เลื่อนลอยและเมินหนีจากใบหน้าของบารมี

“พัฒน์”

เรียกให้กลับมา
เรียกให้กลับมาหา
และพิพัฒน์ก็ดึงสายตาตัวเองกลับมาที่บารมีอีกครั้ง

แค่จะทำให้ลืมแค่นั้นเองเหรอ
แค่ทำให้ลืมใครบางคนแค่นั้นเองใช่มั้ย
พิพัฒน์รู้สึกเศร้าใจลึก ๆ กับสิ่งที่บารมีอยากจะทำให้
แค่ทำให้ลืม..........

ร่างกายแนบชิดกัน  แต่ความรู้สึกห่างไกลกันออกไปอย่างช้า ๆ
ทุเรศชะมัด
ทุเรศตัวเองสิ้นดี
บารมียิ้มเยาะตัวเองและนึกสมเพชที่ถึงขนาดต้องใช้ข้ออ้างโง่ ๆ ในการยึดพิพัฒน์มาเป็นของตัวเอง

ทำแบบนี้บางทีมันยิ่งกว่าโง่ 
โง่เกินไป และรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง
พิพัฒน์ยกแขนขึ้นโอบรัดรอบคอของบารมีเอาไว้  กอดเอาไว้เพราะโหยหาและต้องการไออุ่นของร่างกายที่แนบชิดให้มากกว่านี้

กอดเอาไว้แน่นและรั้งต้นคอของบารมีลงมา

แนบริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากร้อนรุ่มของบารมี  ดูดดุนเรียกร้องเอาแต่ใจกับบารมีให้สนองตอบทุกอย่าง

เป็นพิพัฒน์ที่กอดบารมีเอาไว้แน่น
และเป็นพิพัฒน์ที่เรียกร้องให้บารมีทำเรื่องบางอย่างให้เตลิดไปไกล

ไม่มีคำพูดระหว่างคนสองคน
มีเพียงเสียงลมหายใจกระเส่าและที่หอบหนักขึ้นพร้อม  ๆ กันเมื่อร่างกายสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลึกล้ำในทุกขณะ

พิพัฒน์เรียกร้องอย่างถึงที่สุด และบารมีก็ตอบสนองให้อย่างถึงที่สุด

“ไม่ให้เสียใจทีหลังนะพัฒนฺ”

เสียใจที่หลัง
เสียใจทีหลังงั้นเหรอ
พิพัฒน์ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเสียใจกับเรื่องอะไรในชีวิตอีกแล้ว

พิพัฒน์กอดที่ไหล่ของบารมีแน่น  และขบริมฝีปากลงที่ลาดไหล่กว้าง ขบเม้มดูดดุนและฝากร่องรอยแดงช้ำเอาไว้มากมาย

เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาจนถึงลึกในสุด
และในเวลาไม่นาน เมื่อบารมีค่อย ๆ ขยับกายอย่างเชื่องช้า พิพัฒน์ก็หรี่ปรือตาลง  ดวงตาของพิพัฒน์ยังคงจ้องมองไปที่ใบหน้าของบารมีนิ่ง ๆ ด้วยใบหน้าแดงก่ำ

ริมฝีปากที่ขบเม้มแน่นเหมือนพยายามสะกดกลั้นเสียงครางของตัวเองเอาไว้  ยิ่งเร่งเร้าทุกความรู้สึกของบารมีมากขึ้น
ดวงตาฉ่ำหวานหรี่ปรือและพิพัฒน์ก็กอดไหล่ของบารมีเอาไว้  ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นและขยับร่างกายให้เปลี่ยนมาเกยทับอยู่เหนือร่างของบารมี 

เอนหลังแนบกับแผ่นอกกว้างและรั้งแขนของบารมีให้โอบรัดรอบเอวเอาไว้  ก่อนจะค่อย ๆ ขยับร่างกายไปมาอย่างเชื่องช้า เมื่อบางสิ่งบางอย่างที่คับแน่นอยู่ภายในช่องทางด้านหลังเริ่มเข้าที่เข้าทาง

“อือ”

พิพัฒน์ขบริมฝีปากแน่น และส่งเสียงครางเครือ เพราะไม่สามารถหยุดอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้

ห่างเหินจากความรู้สึกแบบนี้ไปนาน และเมื่อได้สัมผัสอีกครั้งถึงได้รู้ว่าตัวเองโหยหาความรู้สึกแบบนี้มากขนาดไหน

พิพัฒน์ค่อย ๆ ขยับสะโพกให้เคลื่อนไหวไปตามจังหวะของสะโพกแกร่งที่ขยับขึ้นลง   คร่อมทับและกดฝ่ามือไหว้ที่หน้าขาแกร่งของร่างที่ปล่อยให้พิพัฒน์ทำอย่างที่ต้องการ เพื่อให้ทุกการแทรกสอดเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงกัน

หยดน้ำข้นหนืดไหลซึมออกมาที่ท่อนเอ็นที่ขยับไหวไปตามแรงกระแทกและพิพัฒน์ก็กำท่อนเอ็นของตัวเองเองเอาไว้ ขยับฝ่ามือให้ส่วนปลายผลุบหายเข้าออกอยู่ในฝ่ามือ  รูดรั้งขึ้นลงตามความยาวอย่างเชื่องช้า

ช่องทางด้านหลังยังถูกกระแทกกระทั้นจากท่อนเอ็นร้อนใหญ่ที่คับแน่นอยู่ภายใน  ความแข็งแกร่งร้อนรุ่มเคลื่อนไหวไปมาอยู่ภายในร่าง    และเรียวขาขาวก็ค่อย ๆ แยกออกกว้างเพื่อให้ทุกสัมผัสลึกล้ำมากขึ้น 

เสียงร้องครางที่เต็มไปด้วยความต้องการ ยิ่งเป็นตัวช่วยเร่งเร้า ให้บารมีกระแทกเอวให้เร็วขึ้น

“ตรงนี้เหรอพัฒน์  โดนตรงนี้แล้วเสียวมั้ย”

พิพัฒน์ไม่ตอบ  แต่การที่ช่องทางด้านหลังบีบรัดแก่นกายแกร่งที่แทรกสอดอยู่ภายในก็เป็นคำตอบได้ดี

“แรง ๆ เข้ามา อีก อึก อาส์”

เสียงร้องครางยิ่งทำให้บารมีรู้สึกดีไม่น้อย จนต้องเบียดเสียดท่อนเอ็นอุ่นเข้าออกเร็วขึ้น แรงขึ้น จนพิพัฒน์ร้องครางไม่หยุดเมื่อโดนกระแทกเข้ามา  หยดน้ำขุ่นข้นฉ่ำเยิ้มไหลออกมาจากภายในช่องทางที่บีบรัด  ท่อนเอ็นแกร่งถูกเคลือบชโลมด้วยของเหลวข้นหนืดที่ไหลออกมาจากช่องทางนั้น

พิพัฒน์เร่งมือของตัวเองให้เร็วขึ้น เมื่อรู้สึกใกล้ถึงที่หมายเต็มที่ และเป็นบารมีที่โอบรัดแขนทั้งสองข้างของพิพัฒน์เอาไว้แน่น และกระแทกกายเข้ามาไม่ยั้ง

เรียวขาขาว แยกออกกว้างเพื่อให้การสอดแทรกรุนแรงขึ้น พิพัฒน์รู้สึกเหมือนมีคลื่นความรู้สึกอย่างรุนแรงมหาศาลไหลวนอยู่ที่หน้าท้องและกำลังมารวมกันอยู่ที่ความแข็งขืนในฝ่ามือที่เมื่อปล่อยให้เป็นอิสระก็ขยับไหวไปมาตามแรงกระแทกของท่อนเอ็นที่อยู่ภายใน

“พี่บัส  เสียว  แรง อีก  ไม่ไหวแล้ว ซี้ดดดดดดด จะแตกแล้ว  พี่ตรงนั้นแรง ๆ”

พิพัฒน์ร้องครางด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีไม่คิดจะปิดบัง
และบารมีที่กำลังรู้สึกไม่ต่างกัน ก็อัดกระแทกท่อนเอ็นใหญ่เข้าไปในช่องทางที่ดูดกลืนและบีบรัดแน่นเพราะรู้สึกเหมือนกำลังจะทนต่อไปไม่ไหว 

ความรู้สึกซาบซ่านที่ทำให้ร่างกายร้อนรุ่มกำลังจะถึงที่สุด
และบารมีก็กระแทกกระทั้นร่างกายเข้าไปโดยไม่คิดจะหยุดพัก
เสียงลมหายใจที่หอบหนักดังก้องประสานกันไม่ลดละ

บารมีหยัดกายลุกขึ้นนั่งและรั้งใบหน้าของพิพัฒน์ให้หันกลับมาหา

ริมฝีปากพัวพันขบกัดที่ริมฝีปากแดงเรื่อแนบแน่น  และเมื่อพิพัฒน์แนบใบหน้าเข้าหาบารมีก็ดูดดุนที่ริมฝีปากทั้งบนและล่างของพิพัฒน์  ดูดดุนควานหารสชาติหวานที่ปลายลิ้นแลกเปลี่ยนลมหายใจซึ่งกันและกัน

บารมีกระแทกสะโพกขึ้นและพิพัฒน์ก็กดแทรกร่างกายลงมาหา

อ้อมแขนแกร่งกอดรัดที่เอวของพิพัฒน์เอาไว้  และพิพัฒน์ก็กอดแขนของบารมีแน่นเพื่อให้ร่างกายแนบชิดกันมากขึ้น

ไออุ่นจากอ้อมแขน  ความรู้สึกที่ได้ร่วมรักและโอบกอดกันยิ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นและอยากให้ร่างกายหลอมรวมกันให้มากกว่านี้
อยากจะกลืนกินทุกความรู้สึกของกันและกันเอาไว้ทั้งหมด

และเมื่อความรู้สึกที่มีทั้งหมดไหลวนมารวมกันที่ส่วนปลายของร่างกายในจังหวะสุดท้าย
พิพัฒน์ก็ร้องครางเสียงลั่น  และแหงนเงยใบหน้าขึ้น เมื่อท่อนเอ็นแกร่งอัดกระแทกเข้ามาถี่รัวไม่หยุด
พิพัฒน์ไม่อาจต้านทานความรู้สึกของตัวเองได้อีก

บารมีช่วยรูดรั้งปรนเปรอให้ท่อนเอ็นเปียกชื้นที่ขยับไหวไปมาของพิพัฒน์เพื่อช่วยปลดปล่อยให้เร็วขึ้น

น้ำรักขาวข้น ไหลซึมกระฉอกออกมาจากส่วนปลายไม่หยุด  และเมื่อบารมีกดปลายนิ้วเอาไว้ พิพัฒน์ก็พยายามดึงมือของบารมีออกและกดสะโพกลงมาที่ท่อนเอ็นใหญ่โตที่ขยับเคลื่อนอยู่ในร่างกาย

บารมียอมปล่อยมือจากส่วนปลายของแก่นกายในฝ่ามือและน้ำรักที่ยังอัดแน่นอยู่ในนั้นก็พุ่งทะยานออกมาชโลมเคลือบไปทั้งส่วนหัวของสิ่งนั้น

บารมีขยับสะโพกไปตามการกระแทกกายลงมาของพิพัฒน์อีกเพียงเล็กน้อย ความร้อนในกายก็พุ่งทะยานเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนที่บีบรัดความแข็งแกร่งเอาไว้อยู่เนิ่นนาน  ภายในนั้นเต้นตุบและดูดกลืนร่างกายของบารมีเอาไว้

หยาดหยดอุ่นร้อนฉีดพ่นความต้องการเข้าไปภายในและไหลย้อนลงมาเปรอะเปื้อนท่อนเอ็นแกร่งที่ยังขยับเคลื่อนไหวไปมาอยู่ในนั้น

พิพัฒน์หอบหายใจหนัก  และเอนหลังซบลงที่แผ่นอกกว้างของบารมี   

หรี่ปรือตาลงอย่างช้า ๆ และยังคงจับมือของบารมีที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำรักที่พิพัฒน์ปลดปล่อยออกมา

ปลายจมูกโด่งจูบซับเบา ๆ ที่ข้างแก้มขาวและไหล่ของพิพัฒน์เบา ๆ หยดเหงื่อไหลซึมออกมาไม่หยุด

ร่างสองร่างยังไม่ได้ผละออกห่างจากกัน  มีเพียงลมหายใจเท่านั้นที่ยังหอบหนัก  และเนิ่นนานกว่าจะเริ่มปรับลมหายใจเข้าที่ได้

พิพัฒน์นิ่งงันอยู่ในอ้อมแขนของบารมี  และบารมีก็กอดพิพัฒน์เอาไว้เงียบ ๆ อย่างนั้น

ไม่มีคำพูดระหว่างคนสองคน 

พิพัฒน์นิ่งเงียบและเหม่อมองไปไกลแสนไกล
และบารมีก็ดึงความรู้สึกของพิพัฒน์กลับมาด้วยการแตะริมฝีปากลงที่ไหล่ของพิพัฒน์เบา ๆ อีกครั้ง

“พี่เอาออกก่อน  อยู่แบบนี้ผมไม่สบายตัว”

พิพัฒน์ขยับกาย ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ และส่วนที่แทรกสอดอยู่ภายในร่างกายของพิพัฒน์ก็ถูกถอนออกมาพร้อมกับหยาดหยดขุ่นขาวมากมายที่ไหลซึมจากช่องทางที่ถูกรุกล้ำและไหลเรื่อยลงมาที่ขาจนเปรอะเปื้อนไปหมด

“อื้อออ”

เมื่อบางสิ่งบางอย่างถูกถอนออกจากร่างกาย  พิพัฒน์ก็ถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ และเมื่อจะก้าวขาลงจากเตียง บารมีก็รั้งแขนของพิพัฒน์เอาไว้

“จะอาบน้ำเหรอ”

จะอาบน้ำ.........

“อือ”

ตอบรับสิ่งที่บารมีถาม  และบารมีก็พยักหน้าตาม

ไม่มีถ้อยคำหวานหู
ไม่มีคำพูดที่สื่อให้เห็นถึงความรู้สึกภายในใจสักคำ

มีเพียงความเงียบงันและสับสนระหว่างคนสองคนที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

ก็แค่เซ็กส์
บางทีอาจเป็นเพราะว่าเราอยู่ด้วยกันมานาน  และเมื่อถึงวันหนึ่งเราสองคนต้องการจะปลดปล่อยมันก็เลยเกิดขึ้น

ร่างกายตอบสนองกันอย่างเต็มที่ เมื่อเราปล่อยให้ร่างกายสอดแทรกประสานกันเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมด

บางทีมันคงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้นอกจากแค่เรื่องเซ็กส์

บางทีมันคงเป็นแค่การช่วยกันปลดปล่อยความรู้สึก

พิพัฒน์ก้าวขาเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำเงียบ ๆ โดยมีบารมีมองตาม ละอองน้ำจากฝักบัวทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นและคิดอะไรได้มากขึ้น

“จะทำให้ลืม....งั้นเหรอ”

พิพัฒน์แค่นยิ้มกับตัวเองที่กล้าปล่อยให้เรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น  เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ

ลืมงั้นเหรอ
ลืมด้วยการนอนด้วยกันแบบนี้งั้นเหรอ
โคตรสมเพชตัวเองชะมัด
พิพัฒน์ยังคงยิ้มและส่ายหน้าไปมา  เพราะไม่อยากเชื่อว่าเรื่องแบบนี้ระหว่างตัวเองกับบารมีจะเกิดขึ้นได้

หยิบผ้าขนหนูมาซับน้ำจากร่างกาย  และเมื่อก้าวขาออกจากห้องน้ำก็ไม่พบบารมีแล้ว

กลับห้องไปแล้วสินะ

หรือว่ารู้สึกแย่
บางทีเรื่องที่เกิดขึ้นก็เหมือนฝันไป
เหมือนว่าสัมผัสร้อนแรงที่เต็มไปด้วยความห่วงหาต้องการเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เป็นแค่ความฝัน

บางทีทั้งหมดนี้อาจเป็นแค่ความฝัน  เป็นแค่ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนหวานร้อนแรงที่เกิดขึ้นเพราะบารมีเองก็ดูเหมือนจะห่างจากเรื่องนี้มานาน

...........ก็เท่านั้น

เรื่องที่พูดว่า จะทำให้ลืม..ปา...มันก็แค่นั้น
พิพัฒน์ค่อย ๆ เอนกายลงนอนอย่างช้า ๆ  และดึงผ้าห่มมาคลุมจนถึงไหล่

หลับตาลงพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น

............. เพราะความอยาก
เพราะร่างกายไม่ได้รับการปลดปล่อยมานาน
จะเพราะอะไรก็แล้วแต่  ในเวลานี้พิพัฒน์กำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่างด้วยความรู้สึกมึนงงสับสน

โดนคนน้องทิ้ง  ก็เลยยอมมีอะไรกับคนพี่ เพราะว่าเงาที่ซ้อนทับมาทำให้โหยหาจนหยุดความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ไม่ได้

“เหี้ย....พัฒน์”

ด่าตัวเอง  และหัวเราะเยาะสมเพชตัวเองที่ทำเรื่องแบบนี้ลงไปได้โดยไม่รู้สึกรู้สา

จะให้คิดหรือหวังอะไร  ในเมื่อแม้คำพูดหวานหูที่ใช้ปลอบประโลมก็ยังไม่มี
แล้วจะกล้าไปหวังอะไรกับความรู้สึกอื่น ๆ ที่บารมีจะมีให้
ก็แค่ความต้องการของร่างกายเมื่อปลดปล่อยแล้วทุกอย่างก็จะเลือนหายไปอย่างช้า ๆ

พิพัฒน์ไม่ได้เสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น  แต่สมเพชตัวเองที่ทำเรื่องแบบนี้ลงไปได้โดยไม่รู้สึกผิดสักนิด

“พัฒน์........นอนยัง”

ได้ยินเสียงเรียกและพิพัฒน์ไม่ได้ตอบ เพียงแต่นิ่งเงียบไปทั้งอย่างนั้น

และบารมีที่กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตัวเองก็ได้แต่ยืนนิ่งและถอนหายใจอยู่หน้าห้องของพิพัฒน์

ทำอะไรลงไปวะกู
ที่ทำลงไปทั้งหมดนั่นคิดแล้วใช่มั้ย

บารมียืนครุ่นคิดอยู่นาน  อยากจะผลักประตูเข้าไปหาหลายครั้งแต่ก็หยุดเอาไว้

สุดท้ายถอนหายใจยาวและต้องจำใจล่าถอยไป 

บางทีตอนนี้  เราสองคนควรเริ่มตั้งสติก่อน ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นได้ยังไง    ........เพราะอะไร 
และเราก็ต้องคิดให้ได้ด้วยว่า

ความสัมพันธ์แบบก้าวกระโดดของเราในเวลานี้

เราจะนิยามความสัมพันธ์ของเราสองคนตอนนี้
........ว่าอะไร...........

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2015 23:48:37 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
โอ๊ยยยย เขาได้กันแล้ว พี่บัสน่ารักอ่ะ หาว่าเขาไม่สนใจ แล้วได้บอกรักเขาหรือยังล่ะ

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
 :ling1: :ling1: คิดไปคนละทางเลย
พี่บัสกับพัฒน์พูดกันบ้างเถอะ  คิดเองเจ็บเอง

ออฟไลน์ mapreaw

  • เคยคิดว่า "รักแท้มีอยู่จริง"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
โว๊ะ คิดมากกันจังเลยอ่ะ อย่าคิดเยอะนักสิคะใช้ใจอย่าใช้สมอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหัวใจก็พอ :-[

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
โว๊ะ โอ๊ะ พัฒน์ใจร้ายว่ะ นิยามเหรอ ขอเป็น one night (ไม่) stand ได้ปะ

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
ถึงจะดูหน่วง  :เฮ้อ: แต่ก็ก้าวหน้าไปมากนะ คิดเรื่องของกันและกันเยอะๆล่ะ   :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
เค้าได้กันแล้ววววว~
แต่ทำไมเรารู้สึกหน่วงๆหว่าา?
รีบเคลียร์กันเร็วๆนะ
 :ling3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
สองคนคุยกันด่วนๆเลยค่าาา~ อย่าปล่อยให้มันเรื้อรังน้า. :haun4:

ออฟไลน์ lollita

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เห้ออออออ สองคนนี้จะเข้าใจกันเมื่อไหร่หว่า

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
ถึงแก่น แต่ไม่ถึง(หัว)ใจ จะสงสารใครดี

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อย่าคิดเองเออเองซิ หันหน้าเข้าหากันจับเข่าคุยกันซิ ไม่งั้นเมื่อไหร่จะเข้าใจกันล่ะค่ะ

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
รอมานาน   มาทั้งทีคนอ่านถึงกับเลือดสาด    :pighaun:    :pighaun:

ขอบคุณนะที่มาลง   :3123:    :3123:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ใช่ภาษากายแทนคำพูด แต่ครั้งเดียวจะพอหรา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
ถึงมีอะไรกันก็ยังไม่เคลียร์เรื่องหัวใจอยู่ดี

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
เพิ่งอ่านทันเย้ๆๆๆ. อ่านไปนี่แอบคิดนะว่า พัฒน์เป็นใบ้่้รึป่าววว.  :laugh: :hao7: :katai2-1:

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2


 @@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (บารมี&พิพัฒน์)  ตอน ใกล้ชิดอีกนิด

“พรุ่งนี้สั่งอะไหล่ให้ด้วย”

บารมีวางเอกสารสั่งซื้อไว้ให้และหยิบกุญแจรถขึ้นมา   
ก้าวขาเดินออกจากออฟฟิศ และพิพัฒน์ก็ปิดคอมพิวเตอร์และนำแฟ้มเอกสารวางไว้บนชั้นวาง 

ปิดแอร์และไฟเรียบร้อย และก้าวขาเดินตามบารมีมาที่รถ

วันนี้เราสองคนต่างก็นิ่งเงียบใส่กัน
โดยปกติพิพัฒน์ก็ไม่ใช่คนพูดมากอยู่แล้ว  หลังเกิดเรื่องนั้นขึ้น  บารมีก็รู้สึกได้ว่าพิพัฒน์ยิ่งเงียบลงกว่าเดิม

พิพัฒน์นิ่งเงียบลงกว่าเดิม
ไม่พูดถึงไม่เรียกร้อง  ไม่ทำอะไรทั้งนั้น   ทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แล้ว...........แบบนี้  จะให้ทำยังไง

จะให้พูดคุยยังไง  พยายามทำตัวให้ปกติที่สุดแล้ว  เพื่อไม่ให้พิพัฒน์อึดอัดใจ แต่มันก็เท่านั้น  เพราะดูเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างก็อึดอัดใจด้วยกันทั้งคู่

นับตั้งแต่คืนนั้น
เราสองคนก็ดูเหมือนจะพูดคุยกันน้อยลง

บารมีวุ่นวายอยู่กับเรื่องเอกสารธนาคาร  และพิพัฒน์ก็ต้องรีบเคลียร์บัญชีก่อนสิ้นเดือน 

ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องราวมากมายหลายเรื่อง  แต่บารมีไม่ลืมเรื่องที่ค้างคาใจ

ยิ่งเห็นพิพัฒน์นิ่งเงียบกว่าเดิม  ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ  แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตรงไหนเพื่อให้เรากลับมาเหมือนเดิม  ไม่แสดงท่าทางเย็นชาใส่กันแบบนี้

“พัฒน์  บัญชีเป็นไงบ้าง”

ลองหาเรื่องคุย  และพิพัฒน์ที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถก็หันกลับมามองหน้าของบารมี

“เหลือแค่ยื่นเอกสาร”

งั้นเหรอ

เหลือแค่ยื่นเอกสารงั้นเหรอ

แล้ว..............

อยากจะถามว่าช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง  เตรียมอ้าปากจะพูด  แต่เมื่อหันไปมองพิพัฒน์ที่เมินมองไปนอกหน้าต่างรถอีกครั้งบารมีก็เลยได้แต่หุบปากเงียบ

สองสามวันมานี้  เป็นแบบนี้ตลอด  ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลยสักนิด  และดูเหมือนจะแย่ลงด้วยซ้ำ

แบบนี้มันแย่
แย่ยิ่งกว่าแย่

บารมีแอบเหลือบสายตามองหน้าพิพัฒน์หลายครั้ง และเหมือนพิพัฒน์จะรู้สึกตัว  เลยหันมามองหน้าของบารมีบ้าง

“..........................”

มองแต่ไม่พูด และเป็นบารมีที่ต้องเป็นฝ่ายพูดเอง

“เออพัฒน์...........”

“พี่บัส”

พูดขึ้นมาพร้อมกัน  และบารมีก็พยักหน้าให้พิพัฒน์พูดก่อน

บางทีมันคงถึงเวลาที่ควรพูดอะไรบ้าง   เพราะยิ่งนานวันบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความไม่เข้าใจก็ดูเหมือนจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

“เรื่องนั้นผมไม่ได้คิดอะไร........หรอกนะ”

เรื่องนั้น
เรื่องนั้น
เรื่องนั้น

บารมีหันมามองพิพัฒน์เต็มตา

เรื่องนั้น
มึงหมายถึงเรื่องไหนพัฒน์  เรื่องนั้นที่ว่ามึงหมายถึงเรื่องไหน  มึงพูดให้ชัด ๆ

“มึงชี้แจงมาพัฒน์ เรื่องที่มึงไม่คิดคือเรื่องอะไร เอาให้เคลียร์นะพัฒน์  มึงพูดให้เคลียร์”

เคลียร์................

บารมีรู้สึกว่าอยู่ดี ๆ ก็นึกโกรธคำพูดของพิพัฒน์ขึ้นมาดื้อ ๆ อารมณ์โมโหเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เพียงเพราะคำพูดคำนั้นของพิพัฒน์

อุตส่าห์ทำเป็นนิ่งเฉยไม่พูดมาหลายวัน   แล้วอยู่ดี ๆ ไอ้พัฒน์ก็มาพูดขึ้นว่าเรื่องนั้นมันไม่คิดอะไร

ไม่คิดงั้นเหรอ
มึงไม่คิดเหรอพัฒน์

เอากันขนาดนั้นมึงไม่คิดเหรอพัฒน์

“พี่.....บัส...........”

พิพัฒน์ไม่รู้จะทำตัวยังไง  ไม่รู้จะวางตัวยังไง  นับตั้งแต่คืนนั้นบารมีก็ไม่พูดด้วยเลยสักคำ
แม้แต่หน้าก็ยังไม่มอง  แล้วจะให้ทำยังไง  จะให้พูดยังไง  จะให้ทำยังไง ถึงจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง

นอนคิดมาหลายคืนแล้ว
คิดว่าแบบไหนถึงจะดีสำหรับเราสองคน
คิดว่าแบบไหนที่บารมีจะพอใจ  คิดว่าแบบไหนที่จะทำให้บารมีกลับมาเป็นเหมือนเดิม

คิดเอาไว้แล้ว
แต่...............ไม่ถูกใจบารมี

ไม่ถูกใจเลยสักนิด
ไม่เลย...........

“ผม........”

“มึงเงียบไปพัฒน์  มีอะไรค่อยไปคุยกันที่บ้าน  กูยังไม่อยากฟังอะไรตอนนี้”

ไม่อยากฟัง
ไม่อยากฟังตอนนี้
ไม่อยาก..........ฟัง

พิพัฒน์ถึงกับชะงักนิ่งงัน
ก้มลงมองหลังมือของตัวเอง  และขบริมฝีปากแน่น 

นิ่ง  เงียบ  หุบปากเงียบ อย่างที่บารมีต้องการให้ทำ

ใจมันหวิว ๆ แปลก ๆ เหมือนหัวใจจะเต้นในจังหวะที่ช้าลงเรื่อย ๆ

ทำไมถึงไม่คิดจะฟังอะไรเลย ไม่ว่าเรื่องไหนก็ไม่คิดจะฟัง  ทำไมถึงไม่คิดจะฟังกันบ้าง ทำไม....

ไม่เคยฟัง ไม่เคยคิดจะฟัง  ไม่เคยสนใจไยดี  ไม่เคยถามว่าเป็นยังไง  ไม่เคยใส่ใจ  ไม่เคยทำให้รู้สึกดีแบบจริง ๆ จัง ๆ ไม่เคยมีอะไรในความรู้สึก  ไม่มีอะไรให้หวัง

แค่อาศัยอยู่ด้วยกันไปวัน ๆ
แค่พิพัฒน์เกาะบารมีไปวัน ๆ

เกาะไปเรื่อยๆ  อยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ  ทุก ๆ วัน

พิพัฒน์เหม่อมองไปนอกรถ  และบารมีก็กำมือแน่น  ขับรถไป พยายามระงับอารมณ์โมโหไปด้วย

ไม่คิดอะไรงั้นเหรอพัฒน์
มึงพูดมาได้ว่าไม่คิดอะไร

แล้วกูล่ะ
กูเสือกคิดไปแล้ว
กูคิดมาหลายคืนแล้ว  กูคิดอะไรไปต่าง ๆ นานา  เยอะแยะเต็มหัวไปหมด  ว่าจะทำยังไงเราถึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม

คิดว่าทำยังไงเราจะกลับมารู้สึกเหมือนเดิมต่อกันแบบที่แล้ว ๆ มา

แต่มึงเสือกมาพูดประโยคเหี้ย ๆ ว่า “เรื่องนั้น”  มึงไม่คิดอะไร

มึงไม่คิดเหรอพัฒน์
มึงไม่คิดเลยใช่มั้ย

อย่าทำให้กูโมโหมากไปกว่านี้  มึงจะไปเข้าใจจะไปรู้อะไร  ว่ากูคิดแต่เรื่องของมึงจนจะบ้าอยู่แล้ว  แล้วมึงก็มาบอกว่าไม่ได้คิดอะไร  จะให้ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปเฉย ๆ แล้วก็ทำเหมือนเราไม่เคยเกินเลยกัน  กูทำแบบนั้นไม่ได้

แต่ถ้ามึงยืนยันจะให้เป็นแบบนั้น
ก็ได้พัฒน์

มึงไม่คิดก็ไม่ต้องคิด
ไม่ต้องคิดเหี้ยอะไรแล้ว    มึงไม่คิดก็อย่าคิด  ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น   เรื่องเหี้ยอะไรนั่นน่ะ  ถ้ามึงจะบอกว่ามึงไม่คิด

................................ก็แล้วแต่มึง..............................

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2016 13:03:13 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“ก็เพราะอย่างนี้ไง ปามันถึงได้ไปมีผัวใหม่  ไม่แปลกใจเลยที่มึงโดนน้องกูทิ้ง  เพราะมึงงี่เง่าแบบนี้ไง  เพราะมึงพูดไม่รู้จักฟังแบบนี้ไง  มึงมันโคตรงี่เง่าที่สุดในโลกแล้วพัฒน์  มึงจะเงียบทำเหี้ยอะไร  ตกลงจะกวนตีนให้กูโมโหจนฆ่ามึงทิ้งเลยใช่มั้ย  เอาแบบนั้นมั้ยพัฒน์”

บารมีสติหลุดไปแล้วและพิพัฒน์ก็ไม่รู้ควรจะทำยังไง

เราทะเลาะกัน
ซึ่งปกติเราก็คล้ายๆ  คนที่ทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา
แต่ครั้งนี้มันแรงกว่าทุกวัน

เรื่องนี้มันอาจเล็กน้อยแต่สำหรับพิพัฒน์เรื่องนี้คือเรื่องใหญ่  และมันทำให้บารมีกำหมัดแน่นและตะคอกใส่หน้าของพิพัฒน์เพราะรู้สึกทั้งโกรธทั้งโมโห  และเหมือนว่าความอดทนกำลังจะหมดลง

“........................”

ยิ่งโกรธ  ก็ยิ่งด่า ยิ่งโมโหใส่พิพัฒน์ก็ยิ่งเงียบ

“ไอ้พัฒน์”

“......................”

ไม่มีเหตุผลให้พูด
ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก
พิพัฒน์เตรียมจะก้าวขาเดินขึ้นบ้าน แต่ถูกบารมีกระชากแขนเอาไว้เพื่อเคลียร์เรื่องนี้ให้จบ

“เอายังไงก็ว่ามา  อย่ามาเงียบใส่กูแบบนี้  พูดเดี๋ยวนี้พัฒน์  พูด”

ไม่พูด

ทำไมต้องพูด  ไม่มีอะไรจะพูด  ไม่อยากพูด พูดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะยิ่งไปกันใหญ่

“พัฒน์”

จากโมโหสุด ๆ
คราวนี้น้ำเสียงของคนพูดแผ่วโหยลงเมื่อได้เห็นทั้งสีหน้าและแววตาของคนที่ตัวเองกำลังด่าและตะคอกใส่

พิพัฒน์ไม่พูด
แต่ดวงตาที่เริ่มแดงก่ำและเหมือนจะร้องไห้ได้ตลอดเวลานั่นกลับทำให้คนที่เห็น   ใจอ่อนยวบลง

“ผม.....แย่ ....มากเลย....เหรอ  พี่ต้องพูดกับผมขนาดนี้เลยเหรอ”

ข้อมือยังถูกบารมีกำเอาไว้แน่นแต่พิพัฒน์ไม่คิดจะสะบัดหรือถอยหนี
น้ำเสียงของคนพูดขาดห้วงไปเหมือนพยายามพูดแต่ก็พูดสิ่งที่คิดออกมาทั้งหมดไม่ได้

อารมณ์โกรธของบารมีหายไปไม่มีเหลือ
กลายเป็นความรู้สึกอื่นเข้ามาแทน

“พัฒน์”

สงสาร
เห็นแบบนี้แล้วมันยิ่งกว่าสงสาร
กลายเป็นบารมีที่ต้องถอนหายใจและยอมปล่อยข้อมือของพิพัฒน์ให้เป็นอิสระ


“ผมไม่ได้อยากโดนทิ้งหรอกนะ  แต่เพราะผมเป็นแบบนี้น้องสาวพี่จะทิ้งผมก็ไม่แปลก  เพราะผมงี่เง่า จะโดนใครด่าแบบนี้มันก็สมควร  ผมสำนึกแล้วพี่   ผมรู้สึกกับคำที่พี่ด่ามากพอแล้ว  ผมขอร้อง พี่จะด่าอะไรผมก็ได้ แต่อย่าตอกย้ำอีกเลย  สงสารผมเถอะ”

พิพัฒน์ไม่ค่อยพูด
และเมื่อถึงวันที่ต้องพูด  คนที่อยากให้พิพัฒน์พูดมาตลอดอย่างบารมีก็ได้แต่ยืนฟังเงียบๆ

“ผมได้ยิน  คนเขาว่าผมเข้ามาเกาะพี่   เขาว่าพี่โง่ที่ให้ผมมาดูบัญชีให้    เขาว่าผมไม่มีปัญญาหาเงินแล้ว  เลยต้องมาอาศัยมาเกาะให้พี่ช่วย  ทั้งที่ผมกับพี่ไม่ได้เป็นอะไรกันผมก็ยังเกาะพี่ไม่เลิก”

เรื่องนั้นทำไมจะไม่เคยได้ยิน  แต่กูไม่รู้ว่าจะทำให้มึงคิดมากและเป็นกังวลได้ขนาดนี้นะพัฒน์

“มึงสนใจปากชาวบ้าน  มึงเลยจะไม่ช่วยงานกูแล้วว่างั้น”

ลุงป้าน้าอา  และญาติ ๆ ที่อยู่รอบบ้าน มันไม่ใช่คนอื่นหรอก

“..................”

“พัฒน์  มึงคิดอะไรอยู่ในหัวกูไม่สนหรอก  มีปัญญาทำงาน มึงก็ทำ  กูมีปัญญาจ้างกูก็จ้าง  กูไม่มีปัญญาจ้างกูก็ไม่จ้าง จบมั้ยพัฒน์”

พิพัฒน์ได้แต่นิ่งฟังเงียบ ๆ

และบารมีก็ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง
โอเคน่า  อย่างน้อยมันก็ฟัง แล้วก็เริ่มพูดสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาบ้างแล้ว

“แล้วไอ้เรื่องที่คนเขาว่ามึงมาเกาะกูเนี่ย  มึงก็ไม่ต้องไปสนใจ  ไร้สาระจะตายห่า  ถ้าถามมาก ๆจนเลี่ยงไม่ได้ก็บอกให้เขามาถามกูนี่ เดี๋ยวกูจะช่วยตอบให้”

พิพัฒน์ยังคงเงียบแต่บารมีเริ่มยิ้มได้ เพราะรู้แล้วว่าปัญหาที่ทำให้พิพัฒน์ดื้อรั้นที่จะออกจากการช่วยทำบัญชีที่อู่คืออะไร

“ไปแกะกับข้าวไป  พูดกับมึงมาก ๆ กูชักหิวข้าว”

เราคืนดีกันแล้ว
ไม่ต้องให้แปลพิพัฒน์ก็พอรู้

น่าแปลก
ยิ่งอยู่ด้วยกันนานวันเข้า  สิ่งที่พิพัฒน์เคยเข้าใจ  มันก็ไม่ใช่อย่างที่เคยคิดเอาไว้มาตลอด

บารมีเป็นคนอารมณ์ร้อน
โมโหร้าย
ไม่เคยใส่ใจสิ่งที่ตัวเองพูดว่าจะทำร้ายจิตใจคนฟังขนาดไหน
แต่บารมีไม่ใช่คนไม่ดีเพราะถ้าหากบารมีเป็นคนไม่ดีเราคงไม่อยู่ด้วยกันมาได้นานขนาดนี้

พิพัฒน์กำลังแกะกับข้าว แต่มีบางสิ่งที่ต่างออกไปจากเดิมนับตั้งแต่วันแรกที่อยู่ด้วยกัน

บารมีเป็นคนตักข้าวใส่จาน  เตรียมน้ำดื่มและช่วยเตรียมจานใส่กับข้าวให้ ไม่ใช่เมินเฉยและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพิพัฒน์เหมือนอย่างที่แล้วๆ  มา

พิพัฒน์ได้แต่มอง แต่ไร้คำถาม

“เออ.....พัฒน์”

เตรียมอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว  และเมื่อพิพัฒน์นั่งลงบนเก้าอี้บารมีก็พูดอะไรบางอย่าง

“มึงจะย้ายมานอนห้องกู  หรือจะให้กูไปนอนห้องมึง”

อยู่ดี ๆ บารมีก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาแบบดื้อ ๆ และพิพัฒน์ก็นิ่งงันกับสิ่งที่บารมีพูด

 “จะเอายังไง  มึงก็พูด.........”

เอายังไง
ยัง..........ไง

“กูไม่ได้มีเวลาว่างมาโอ้โลมปฏิโลมอะไรมึงมากมายนะ   มึงจะย้ายมานอนห้องกูมึงก็ย้าย  หรือจะให้กูย้ายไปนอนห้องมึง   มึงก็ไปนอนคิดดู  แล้วมาบอกกูด้วย”

พิพัฒน์นิ่งเงียบ  และกระพริบตาปริบ ๆ ถือช้อนนิ่งค้างเอาไว้แบบนั้น และฟังสิ่งที่บารมีพูดต่อไปเรื่อย ๆ

“แต่ถ้ามึงคิดไม่ออก   วันไหนหยุดเก็บห้องเรียบร้อยแล้ว  กูจะไปนอนห้องมึงแล้วกันพัฒน์”

..........บารมีตัดสินใจเอาเองตามใจชอบ  และไม่ต้องการจะรอฟังคำตอบของพิพัฒน์เลยสักนิด

“แล้วถึงมึงจะบอกว่าไม่ได้  กูก็ไม่ฟังหรอกมึงก็น่าจะรู้  ก็เอาตามนั้นแหละนะพัฒน์”

บารมีเป็นมนุษย์เผด็จการ
และคนเผด็จการอย่างบารมีก็ใช้วิธีที่ใช้บ่อย ๆ กับพิพัฒน์แล้วได้ผล  ก็คือการตัดสินใจให้โดยไม่ต้องให้พิพัฒน์มีโอกาสคิดมาก

คนคิดช้าอย่างพิพัฒน์จะไปเข้าใจอะไร
มัวแต่คิดอยู่นั่น  ขืนมัวแต่นั่งคิดนอนคิด   ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานะความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ยังไง

ทำเป็นนิ่งเฉยไม่มีปากเสียงแบบนั้นมาตลอดมันหมายความว่ายังไง ขี้เกียจจะหาเหตุเข้าหา  ก็ย้ายไปนอนห้องเดียวกันซะเลยหมดเรื่อง

“กูไม่ใช่คนชอบฝืนใจอยู่กับอะไรที่กูไม่ชอบนะพัฒน์”

ไม่ชอบฝืนใจอยู่กับอะไรที่ไม่ชอบ

ไม่ชอบ..........ฝืนใจ........

พิพัฒน์ยังคงเงียบ  และตักข้าวเข้าปากต่อไปเรื่อยๆ

ถ้า........ไม่ได้ฝืนใจก็แสดงว่าอยู่ด้วยกันแล้วไม่ต้องฝืนใจ

บารมีไม่ได้พูดอะไรให้ชัดเจนแต่พิพัฒน์เข้าใจสิ่งที่บารมีพูด

“ห้องผม...............เหรอ”

บารมีวางช้อนลงและเงยหน้าขึ้นมองพิพัฒน์ทันทีเพราะคำพูดแบบนั้นของพิพัฒน์

ทำไมถึงได้ถามอะไรโง่ ๆ แบบนี้   กูพูดจนปากจะฉีกถึงหูแล้ว  เคยเข้าใจอะไรง่าย ๆ บ้างมั้ย

“เออ ห้องมึง  มีปัญหาหรือไง”

พิพัฒน์ก้มกลับลงไปกินข้าวต่อ  และยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย

“มึงมีปัญหามึงพูดมาพัฒน์  มึงมีปัญหาอะไร”

พิพัฒน์ไม่ได้พูด เพราะพิพัฒน์ไม่ใช่คนเจ้าปัญหา

พิพัฒน์เงยหน้ามองหน้าของบารมีอีกครั้ง   และสิ่งที่พิพัฒน์ทำก็ทำให้บารมีเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องมีคำพูดให้มากความ

พิพัฒน์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบารมี

และในเวลานี้บารมีต้องถือช้อนกินข้าวค้าง

เพราะปลายเท้าของพิพัฒน์กำลังลากเรื่อยขึ้นมาจนถึงเป้ากางเกงของบารมีอย่างช้า ๆ

“..................................”

พิพัฒน์ไม่ได้พูดอะไรมาก และยังคงลากปลายเท้าขึ้นมาเรื่อย ๆ   และเป็นบารมีที่ต้องรีบจับปลายเท้าของพิพัฒน์เอาไว้  เมื่อพิพัฒน์เริ่มขยับเท้ายุกยิกไปมาอยู่ตรงเป้ากางเกงของบารมี  และเหมือนกำลังปลุกเร้าให้ท่อนเอ็นที่อัดแน่นอยู่ในกางเกงเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาง่าย ๆ


บารมีลุกขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความโมโห และลากแขนของพิพัฒน์ให้เดินตาม

พิพัฒน์ไม่ได้สะบัดหนีหรือบอกให้อีกฝ่ายปล่อย   สิ่งที่ทำก็แค่ยอมก้าวขาเดินตามบารมีไปโดยไม่มีปากมีเสียง

 “ข้าวแม่งไม่ต้องด่งต้องแดกแล้ว   มึงทำห่าอะไรของมึง   มึงเล่นเหี้ยอะไรของมึงไอ้พัฒน์"

บารมีสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดโมโห  แต่พิพัฒน์ไม่คิดจะโต้เถียง

คนอย่างพิพัฒน์จะไปทำอะไรได้

ก็ได้แต่ต้องเดินตามขึ้นห้องอย่างว่าง่าย  โดยไม่มีปากมีเสียงและคงต้องยอมให้บารมีจัดการทำอะไรบางอย่างตามใจชอบ

แล้วคนอย่างพิพัฒน์จะเอาปัญญาที่ไหนไปขัดขืนบารมีได้



TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2015 00:01:21 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
พิพัฒน์!!!! เกือบจะเศร้าแล้วเชียว สรุป พัฒน์มันซึนนี่หว่า ยั่วหลบใน 555 แอบแรงจริงๆ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พัฒน์!!! พัฒน์นี่หนูยั่วหรอ!? ระวังจะลุกจากเตียงไม่ไหวนะจ๊ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อุ้ยยยยยย. พิพัตร แอบหื่น  :haun4: :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ WASAWATTE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เฮ้ยยย พัฒน์เป็นอะไรไป
เห็นมั๊ยไม่ได้กินข้าว ได้กิน..แทนเลย อิอิ
 :hao6:

ออฟไลน์ PHA_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
พัฒฒฒฒฒฒฒฒฒ น่าร๊ากกกกกกก :katai5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด