@@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (บารมี&พิพัฒน์) ตอน กลับสู่จุดเริ่มต้น
“เอาดีไม่ได้หรอก อย่างอีปาเนี่ย มีผัวตั้งแต่เด็ก เรียนก็ไม่จบ มีแต่เป็นภาระให้พี่ให้น้องเปล่า ๆ แล้วดูตอนนี้ทำได้แค่งานโรงงานธรรมดา จะมีหน้ามีตาอย่างคนอื่นเขาได้ยังไงไม่มีทาง”
เสียงพูดคุยของคนในออฟฟิศ ทำให้ปาจรีย์ต้องหยุดฟัง
“ป้าเห็นมาทีไรก็มีแต่เรื่องมาให้บัสทุกที รอบนี้ก็ให้ไปเซ็นค้ำประกันเข้าทำงานให้ใช่มั้ย แบบนี้จะไปได้เรื่องอะไร เดี๋ยวก็มาก่อเรื่องอีกจนได้เชื่อป้าสิ”
บารมีไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่นั่งฟังสิ่งที่ป้ากัญญาพูดนิ่ง ๆ
ยังไงก็น้อง แม่สั่งไว้ก่อนตายให้รักน้อง ช่วยเหลือน้อง ดูแลน้อง จะดีจะร้ายก็น้อง
และป้ากัญญาที่ไม่เคยเห็นด้วยกับอะไรเลย ตั้งแต่สมัยที่แม่ยังอยู่กับพ่อก็พูดเรื่องบางอย่างให้บารมีหนักใจ
“ช่างเถอะป้า ปามันน้องผม มีอะไรถ้าผมไม่ช่วยแล้วใครจะช่วย”
บารมียังไม่ทันได้พูดอะไรมากไปกว่านี้เพราะปาจรีย์ผลักประตูเข้ามาแล้ว
“ไม่ต้องช่วยปาหรอกพี่บัส ปามันเหี้ย ขอโทษที่ทำให้พี่หนักใจ”
ปาจรีย์หยิบกระเป๋าสะพายที่วางไว้บนเก้าอี้และปรายตามองหน้าของหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามบารมี แต่ไม่เคยมีความผูกพันอะไรร่วมกัน
“ไม่ไหว้นะคะ เพราะไม่ใช่ญาติ”
ปาจรีย์แค่เพียงใช้หางตามอง และเดินออกไปจากออฟฟิศโดยไม่รู้สึกอะไรกับคนที่เป็นป้าของบารมีเลยสักนิด
และบารมีก็ได้แต่มองตามน้องสาว พร้อมกับถอนหายใจ
“ดูมันทำ มันไม่เห็นหัวป้าเลย อีคนแบบนี้ไง ไม่มีวันเจริญหรอก บัสอย่าไปช่วยมันเด็ดขาดเลยนะ”
บารมีไม่รู้จะจัดการปัญหาเดิม ๆ ซ้ำ ๆ แบบนี้ยังไง
ป้าไม่เคยเห็นด้วยกับอะไรทั้งสิ้น แต่ที่ยังต้องเกรงใจกันเพราะยังไงก็เป็นป้า แม้จะท้อใจกับป้าของตัวเองแค่ไหน ก็ได้แต่ถอนใจไม่อยากพูดอะไรให้มากความ ที่จะทำให้ผู้ใหญ่เสียใจ
“เดี๋ยวผมไปดูมันก่อน”
ไม่ฟังที่ป้าพูดเลยสักนิด แต่ลุกขึ้นและเดินไปหาน้องสาวที่เดินหนีไปแล้ว
“ปา อีปา มาคุยกันก่อน”
เรียกน้องสาวเอาไว้ และปาจรีย์ก็หันกลับไปมองหน้าพี่ชาย ที่เดินมาตาม
ปาจรีย์มีสีหน้าบูดบึ้ง แสดงอาการให้เห็นว่าไม่พอใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือการที่ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา
“ปาต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยวรถสองแถวข้างหน้าจะหมด”
รีบตัดบท และก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของพี่ชายที่มองมา
“เดี๋ยวกูไปเซ็นค้ำให้ วันไหนล่ะ ต้องเอาหลักฐานอะไรบ้าง”
บารมีเอ่ยบอกน้องสาวทั้งที่เหนื่อยใจกับเรื่องราวหลายๆ อย่างรอบตัวเต็มทน
“ไม่เป็นไรพี่ หางานที่อื่นก็ได้”
“มึงอย่ามาเรื่องมากกับกูได้มั้ย มึงคงไม่ไปขโมยของโรงงานเขาหรอกมั้ง เต็มที่ก็คงไปตบกับคนในโรงงาน กูคงไม่ต้องไปจ่ายเงินทองอะไรมากไปกว่าค่าทำขวัญ อย่าไปทำใครถึงตายแล้วกัน มันบาป”
บารมีเป็นคนแบบนี้
พูดจาไม่ไว้หน้าใคร และปาจรีย์ที่กำลังร้องไห้เพราะเสียใจกับคำพูดของคนอื่น ก็ถึงกับหลุดเสียงหัวเราะออกมา
“ปาไม่ทำถึงตายหรอกพี่บัส พี่ก็พูดเกินไป ถ้าเป็นผู้หญิงปาแค่เอาน้ำกรดสาด แต่ถ้าเป็นผู้ชายปาจะเอาทำผัวซะก็สิ้นเรื่อง”
เพราะคำพูดแบบนั้น ปาจรีย์ก็เลยโดนพี่ชายผลักหัวด้วยความหมั่นไส้ และบารมีก็ถึงกับส่ายหน้ากับสิ่งที่น้องสาวพูด
“มึงก็เป็นแต่แบบนี้ ทำตัวให้ดี ๆ ให้กูสบายใจบ้างเถอะ”
“ก็จบ ม.6 แล้วนี่ไง มันก็ต้องค่อย ๆ ก้าวสิพี่ ถึงจะไม่เหมือนชาวบ้านเขา แต่ปาก็ตั้งใจนะพี่”
ปาจรีย์เริ่มยิ้มออกมาได้และบารมีก็ปรายตามองน้องสาวและเบะหน้าเพราะการคุยโม้โอ้อวดของปาจรีย์
“เอาไว้จบปริญญาแล้วมึงค่อยมาคุย”
คำพูดง่าย ๆ แฝงไว้ด้วยความประชดประชันของพี่ชายยิ่งทำให้ปาจรีย์สามารถยิ้มออกมาได้
“ถึงปาจะเหี้ยจะเลวขนาดไหนนะ ปาก็ไม่ยอมให้ใครมาดูถูกหรอก แล้วสักวันปาจะต้องได้ดี จะเอาเงินมาตบปากคนที่คอยดูถูก คอยปากหมาใส่ คอยดูเถอะ”
คำพูดแบบนั้นบารมีได้ยินไม่รู้กี่ครั้งและไม่ว่าเมื่อไหร่ น้องสาวก็ยังคิดแบบนั้น
“หาได้แล้วไปหลอกเอาเงินเขา ก็อย่าทำเลย เวรกรรมเปล่า ๆ”
ได้แต่เตือน และปาจรีย์ก็รับฟัง
“เงินหาเมื่อไหร่ก็หาได้ แต่คนดี ๆ ไม่ใช่หาได้ง่าย ๆ”
ฟังสิ่งที่พี่ชายเตือนและปาจรีย์ก็ยกมือไหว้พี่ชายที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังช่วยเหลือเสมอ ไม่เคยทอดทิ้ง
“พี่บัส.......”
แค่เพียงเรียกชื่อ และน้ำตาก็คลอรินที่หน่วยตาของปาจรีย์ก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณนะพี่ ขอบคุณที่พี่ไม่เคยทิ้งปา”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ชื่อน้องลูกหนู อยู่บัญชี ไม่ใช่เด็กฝึกงานนะเจ๊ปา อย่าไปแซวนะ น่าสงสาร โดนแซวอายกลับไปตลอดเวลามาถ่ายเอกสารที่แผนกเรา”
ปาจรีย์เข้ามาทำงานได้พักใหญ่แล้ว งานที่ทำไม่ได้ลำบากอะไร พอจะอยู่ได้อย่างสบาย ๆ ไม่เดือดร้อน
มีคนแวะเวียนเข้ามาหาบ้าง แต่ปาจรีย์ไม่คิดจะมองหรือสนใจ
...............ถ้าจะมีก็ขอที่รวย........ถ้าไม่รวยก็ขอให้เป็นคนดี..........
วิธีการคิดง่าย ๆ ที่ไม่ซับซ้อน แม้ใครจะมองยังไง แต่ปาจรีย์ไม่คิดจะสนใจ
ชีวิตของใครก็ของคนนั้น ความรักมันกินไม่ได้ ผ่านมาหมดแล้วทุกอย่าง เรียนรู้มาหมดแล้ว
และในเวลาไม่นาน คนดี ที่ปาจรีย์ไม่คิดว่าจะมีจริง ๆ ก็เข้ามาถ่ายเอกสารในแผนกบ่อย ๆ จนปาจรีย์นึกสนใจ
“น้อง ๆ มาถ่ายเอกสารทุกวัน ไม่กลัวโดนจีบเหรอ”
ปาจรีย์หมุนเก้าอี้ไปมา และหันไปมองผู้ชายตัวขาว ๆ ท่าทางขี้อายที่มาถึงก็ก้มหน้าก้มตาถ่ายเอกสารโดยไม่ค่อยจะเงยมองหน้ามองใคร
และพิพัฒน์ก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก ทำหน้าเลิ่กลั่ก และมองไปที่ปาจรีย์ก่อนจะรีบกลับมาก้มหน้าถ่ายเอกสาร ทั้งที่หน้าเริ่มแดงเพราะโดนแซว
“อ่ะ ผม มาถ่ายเอกสารเฉย ๆ เดี๋ยวถ่ายเอกสารเสร็จแล้วก็ไป”
ท่าทางแบบนั้น ทำให้ปาจรีย์ยิ่งนึกชอบ
“มีคนบอกหรือเปล่าว่าน่ารัก”
ชมกันซึ่ง ๆ หน้า และพิพัฒน์ก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูก และตั้งใจกับการถ่ายเอกสาร จนหยิบกระดาษผิด ๆ ถูก ๆ
“เอ่อ อ่ะ ไม่ ไม่มีหรอกครับ”
“งี้เราก็เป็นคนแรกของเธอน่ะสิ”
พิพัฒน์ถึงกับทำตัวไม่ถูกเพราะคำพูดหยอกล้อที่ดูจะแปลความหมายไปได้หลายทาง และปาจรีย์ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาช่วยจัดเอกสาร
“หน้าแดงแล้ว เขินจริงเหรอเนี่ย แซวเล่นนิดเดียวเอง”
ปาจรีย์ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้ และพิพัฒน์ก็มองเลยไปทางอื่น เพราะไม่กล้าสบตา
“ผู้ชายป่ะเนี่ย เขินอะไรขนาดนี้”
ปาจรีย์ยังแซวไม่เลิก และแกล้งด้วยการแตะมือไปที่หลังมือของพิพัฒน์และพิพัฒน์ก็ดึงมือหนี
“อ้าวโทษ จะช่วยหยิบกระดาษ มือไปโดน”
ยังคงแกล้งพิพัฒน์เพราะนึกสนุก และพิพัฒน์ก็ก้มหน้าก้มตาเรียงกระดาษให้เข้าชุดกันโดยมีปาจรีย์ช่วย
“ขอบคุณครับ”
“จะขอบคุณทำไม เดี๋ยวก็ต้องมาถ่ายเอกสารอีกบ่อยๆ ก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว......เนี่ย...ชื่อปานะ........ชื่อลูกหนูเหรอเห็นใครๆ เรียกลูกหนู ชื่อจะน่ารักไปไหน”
ได้ทีก็เลยล้อไปเล็กน้อยและพิพัฒน์ก็ขมวดคิ้วมุ่น
“ชื่อพัฒน์ ลูกหนูนั่นมันชื่อตอนเด็ก ๆ พี่คนที่พาเข้ามาฝากเขาเรียก เลยเรียกต่อ ๆ กันมา”
อธิบายที่มาที่ไปของชื่อ และปาจรีย์ก็ส่งยิ้มให้
“พัฒน์มาบ่อย ๆ นะ อยากเห็นหน้าพัฒน์ทุกวัน”
ปาจรีย์ยังคงแกล้งหยอกล้อไม่เลิก และพิพัฒน์ที่หอบกระดาษถ่ายเอกสารไว้ในมือก็มีท่าทางลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้า.....ถ้า.....มีถ่ายเอกสารก็จะมา....ครับ”
“แต่ถ้าคิดถึงปา ไม่มีเอกสารต้องถ่าย ก็มาหาปาได้นะ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“พัฒน์......ทำไมปาอยู่กับพัฒน์แล้วไม่ค่อยรู้สึกอะไรเลยวะ มันก็ดีนะที่พัฒน์อยู่ด้วย ปานี่ก็เหี้ยเนอะ อยู่ด้วยกันทุกวันแท้ ๆ แต่ปาก็รักพัฒน์ได้ไม่เท่าที่พัฒน์รักปาเลยว่ะ........พัฒน์โกรธปามั้ย”
ปาจรีย์ยกมือขึ้นและมองไปที่นิ้วของตัวเองที่มีแหวนทองสวมอยู่และพิพัฒน์ก็ได้แต่ส่ายหน้า
“ไม่หรอก อยู่ ๆ กันไป ปาก็รักพัฒน์เองแหละ”
ปาจรีย์หัวเราะเสียงเบาและดึงมือพิพัฒน์มาแนบที่ข้างแก้ม
“อยู่ ๆ กันไปแล้วรักกันเองได้จริง ๆ เหรอ”
ถามคนที่ให้หนุนตัก และพิพัฒน์ก็แตะฝ่ามือเบาๆ ที่แก้มของปาจรีย์และปาจรีย์ก็มองที่นิ้วของตัวเองไม่เลิก
“ต้องมีแหวนกี่วง ปาถึงจะพอใจวะพัฒน์”
“กี่วงก็ได้ พัฒน์จะหาเงินมาซื้อให้ปานะ”
ปาจรีย์มองหน้าของพิพัฒน์และพิพัฒน์ก็ส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับคนที่นอนหนุนตัก
“พัฒน์รู้ป่ะ นอกจากพ่อกับแม่ แล้วก็พี่ชาย ไม่มีใครดีกับปาเท่าพัฒน์หรอก”
คำพูดแบบนั้น ปาจรีย์พูดบ่อย ๆ และพิพัฒน์ก็ได้แต่พยักหน้ารับกับสิ่งที่ปาจรีย์พูด
“ถ้าวันหนึ่งปาต้องไปจากพัฒน์ พัฒน์จะโกรธปามั้ย”
โกรธเหรอ บางทีอาจจะโกรธ หรือบางทีอาจจะไม่โกรธ
“ถ้าวันไหนปาต้องไปจริง ๆ พัฒน์จะไม่โกรธแล้วกัน”
รอยยิ้มหมองเศร้าของพิพัฒน์ ปาจรีย์ไม่เคยลืม และก็ทำได้แค่เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น
คนที่รัก กับคนที่ไม่ได้รัก ไม่รู้ว่าใครเจ็บปวดมากกว่ากัน
และเมื่อวันที่ปาจรีย์ตัดสินใจจะไปจากพิพัฒน์จริง ๆ แม้จะดูโหดร้ายและเห็นแก่ตัวที่สุด
แม้ใครจะมองว่าปาจรีย์ไม่รู้สึกอะไร แต่ปาจรีย์ก็รู้สึกปวดใจทุกครั้งที่กลับมานอนเตียงเดียวกัน แล้วรู้ว่าพิพัฒน์ที่นอนหันหลังให้กำลังร้องไห้เงียบ ๆ
พลิกกายหันไปกอดพิพัฒน์เอาไว้แน่นและแนบใบหน้ากับแผ่นหลังที่กำลังสั่นสะท้าน
“พัฒน์”
ถ้าปล่อยเวลาไปให้เนิ่นนานกว่านี้ นับวันก็ทำให้พิพัฒน์เจ็บปวดเพิ่มขึ้น สุดท้ายปาจรีย์เลยตัดสินใจยุติเรื่องทุกอย่าง
“พัฒน์จะโกรธปาก็ได้นะ พัฒน์เกลียดปาไปเลยก็ได้”
พิพัฒน์ไม่มีอะไรจะพูด นอกจากนอนหลับตานิ่ง ๆ และปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบ ๆ
และปาจรีย์ก็รู้สึก ถึงอาการเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ
“.........ไม่เป็นไรปา.......พัฒน์ทำใจได้ ไม่เป็นไร....แต่ถ้าที่นั่นไม่ใช่สำหรับปา ปากลับมานะ ยังไงพัฒน์ก็อยู่ตรงนี้...ไม่ว่าเมื่อไหร่ขอให้ปากลับมา”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“มึงไปหลอกลูกหลานใครเขามาอีปา มันยังเด็กอยู่เลยนะนั่น”
บารมีตะคอกใส่หน้าน้องสาวที่อยู่ดี ๆ ก็มาบอกให้ช่วยผ่อนบ้านต่อให้ โดยมีเงื่อนไขคือระหว่างที่ผ่อนบ้านขอให้พิพัฒน์อยู่ด้วย
บารมีรู้ว่าน้องสาวไม่ได้อยู่คนเดียวในทาวเฮ้าส์เล็ก ๆ หลังหนึ่งแต่ไม่นึกว่าผู้ชายที่ปาจรีย์อยู่ด้วย จะเด็กถึงขนาดนี้
“มันยี่สิบกว่าแล้ว หน้ามันเด็กเอง ปาไม่ได้ไปหลอกใครหรอกน่าพี่บัส แต่ขอร้องล่ะ ปาทิ้งพัฒน์มันไปแบบนี้ไม่ได้ ปาเพิ่งรู้ว่ามันโดนให้ออก เพราะฝ่ายบัญชีมีเรื่องทุจริตภายใน มันเลยโดนหางเลขไปด้วย โดนล้างบางทั้งแผนกซวยสุด ๆ”
บารมีไม่สนใจว่าใครจะซวยแค่ไหน เพราะในเวลานี้บารมีคือคนที่ซวยที่สุดเพราะต้องมาผ่อนบ้านต่อ ทั้งที่ไม่ใช่ภาระของตัวเอง
“กูมาคราวก่อน ตอนเอาขนมไหว้มาแขวนไว้ให้ นึกว่าลูกใครน้องใคร สรุปนี่คือ.............ผัวมึง.............”
บารมีได้แต่ยกมือขึ้นตบหน้าผากด้วยความกลุ้มใจ และปาจรีย์ก็หัวเราะที่พี่ชายทำแบบนั้น
“โธ่ ก็พี่บัสบอกให้หาดี ๆ นี่ปาก็หาคนที่ดี ๆ แล้วไง”
ยังกล้าพูดว่าหาคนที่ดีแล้ว
“แต่มึงก็จะเลิกกับมัน”
“ก็เพราะว่าเจอที่ดีกว่าไงพี่ ปาก็ต้องเลือกที่ดีกว่า”
พูดออกมาได้หน้าตาเฉย และบารมีก็ยิ่งอยากจะบีบคอน้องสาวให้ตาย ๆ ไปซะ
“อีปา มึงนี่ทำไมถึงได้เหี้ยขนาดนี้ กูไม่รู้จะด่าอะไรมึงแล้ว”
“ก็รู้ว่าเห็นแก่ตัว รู้หมดแหละเรื่องผิดชอบชั่วดี แต่ทำไงได้พี่ ปามันเหี้ย ถ้าจะเหี้ยปาก็พร้อมจะเหี้ยให้สุด ปายังทำได้มากกว่านี้อีกนะพี่ พี่บัสอยากเห็นมั้ย”
บารมีสุดจะทนกับน้องสาว ลุกขึ้นเขย่าไหล่ปาจรีย์ด้วยความหงุดหงิดโมโห และปาจรีย์ก็ยอมให้พี่ชายทำแบบนั้นแต่โดยดี
“อีปา มึงนะมึง หาเรื่องให้กูอีกแล้ว หาเรื่องให้กูตลอด”
“พี่บัส ปาก็ไม่ได้อยากจะเลิกกับมันหรอก ปาก็สงสารมันอยู่ มันเพิ่งตกงาน เงินเก็บก็เหลือไม่เท่าไหร่แล้ว ปาก็รู้ว่ามันหาเงินมาผ่อนบ้านให้ปาอยู่สบาย ๆ ที่ปามีเงินแต่งตัวสวย ๆ ก็เพราะมัน ปาก็ยอมรับว่าปาผิด ไอ้พัฒน์มันไม่ได้ผิดอะไร”
บารมีไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับชีวิตน้องสาวต่างพ่อมากนัก แต่ตอนนี้ถึงไม่อยากยุ่งก็ทำไม่ได้ ในเมื่อน้องสาวมาขอความช่วยเหลือถึงที่ ดี ๆ ร้าย ๆ ก็เป็นพี่น้องกัน แม่สั่งเสียเอาไว้ก่อนตายไม่ว่ายังไงก็ต้องดูแลน้องอย่าปล่อยให้เตลิดไปมากกว่านี้
“แต่คือพี่เข้าใจปาหน่อยเถอะ ปาไม่ได้รักมันตั้งแต่แรก ตอนนี้ปาเจอเจอคนที่ปารักจริง ๆ แล้ว ไอ้พัฒน์มันก็รู้ตั้งนานแล้วแต่มันไม่พูด พี่คิดดูมันรู้ขนาดนี้ มันก็ยังทำเป็นเฉย จนปาไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาเลิกกับมันดี ปาสงสารมัน ปาเลวปายอมรับ แต่พี่ก็รู้ ถึงทนอยู่กันไปก็ไปกันไม่รอด นิสัยมันอย่างนั้น แล้วปาเป็นแบบนี้ ปาไม่คิดว่าปาจะอยู่กับมันไปได้ตลอดชีวิต”
ปาจรีย์ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่ถึงแม้จะเห็นแก่ตัวขนาดไหนก็ไม่สามารทิ้งพิพัฒน์ไปได้โดยไม่รู้สึกอะไร
สงสารพิพัฒน์เกินกว่าจะทำแบบนั้น
“พี่บัสช่วยปาหน่อย ไอ้พัฒน์มันยอม ปาบอกมันแล้วว่าพี่บัสจะผ่อนบ้านต่อเอง ถ้าหมดเมื่อไหร่ปาก็จะให้มัน ปาสงสารมัน ดี ๆ ร้าย ๆ มันก็ทำงานส่งปาเรียนจนจบ จะให้ปาถีบหัวส่งตอนที่มันลำบาก ปาก็ทำไม่ลงจริง ๆ”
นี่ขนาดทำไม่ลงนะ
“อีปา มึงนี่มันเหลือเกินจริง ๆ แล้วไง มึงบอกไม่ถีบหัวส่ง แต่ที่ทำอยู่นี่ก็ใช่ทั้งหมดนั่นแหละ นี่ถ้ามึงไม่ใช่น้องกูนะ กูด่าเสียคนไปแล้ว”
“พี่บัสก็เลิกด่าปาซะทีเหอะ ยังไงก็ช่วยปาหน่อยนะพี่ ปาสงสารไอ้พัฒน์มันจริง ๆ ปาเลว ปาก็รู้ แต่จะให้ปาอยู่กับมันไปตลอด ปาก็ทำไม่ได้จริง ๆ”
นี่ไง เหตุผลของคนเลว ๆ อย่างมึงไงปา
“มึงไม่รักมันแต่มึงก็หลอกให้มันส่งเสียมึงมาได้ตลอด มึงนี่มัน....กูไม่รู้จะพูดอะไรกับมึงแล้วจริงๆ อีปา”
บารมีรู้สึกหงุดหงิดใจกับสิ่งที่น้องสาวทำ ถึงไม่อยากยุ่งแต่ก็คงต้องยุ่ง
“นอนที่อู่มันก็ไม่สบายเหมือนนอนที่บ้านหรอกน่าพี่ ไอ้พัฒน์มันไม่มีอะไรหรอก พี่ช่วยปาหน่อยนะ นะพี่บัส ปาเป็นน้องพี่นะ พี่จะไม่ช่วยปาเลยเหรอ”
เป็นเรื่องที่กูสมควรช่วยมากเลยนะ
“มึงนี่มัน อีปา มึงไปไกล ๆ ตีนกูเลยไป”
ไปก็ได้
“ปาไปแน่แหละ แต่พี่ต้องรับปากก่อนว่าพี่จะช่วยปา นะพี่ ช่วยปาสักครั้งเถอะ”
ก็เพราะโดนขอร้องมาแบบนี้
สุดท้ายชีวิตของบารมีก็เลยต้องมาพัวพันกับอดีตน้องเขยที่แทบจะไม่เคยพูดจากันเลยสักครั้ง
“ผม...ชื่อพัฒน์ครับ”
“เออ กูรู้แล้ว อีปามันบอกหมดแล้ว”
พิพัฒน์ได้แต่ก้มหน้าก้มตารับคำกับสิ่งที่บารมีพูด
“พี่บัสเขาปากร้าย แต่ใจดีไม่มีอะไรหรอก แบบพัฒน์อยู่กับพี่บัสได้สบาย อย่าไปคิดมากนะ อยู่ ๆ กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง”
ปาจรีย์แกล้งพูดจาหยอกล้อให้พิพัฒน์สบายใจขึ้นบ้างแต่พิพัฒน์ไม่ได้รู้สึกดีกับสิ่งที่ปาจรีย์พูดเลยสักนิด
“พี่ชายปานะ จะมารักอะไร ปาก็พูดไปเรื่อย”
พิพัฒน์ส่ายหน้าและถอนหายใจยาว ๆ เพราะคงต้องอยู่กับพี่ชายของปาจรีย์อีกนานในขณะที่สภาพจิตใจยังไม่ปกติดี
“ถ้าเป็นพี่บัส ปาก็ไม่ห่วง........ปายังไงก็ได้”
ยังคงแกล้งหยอกล้อเพื่อให้พิพัฒน์สบายใจขึ้น และพิพัฒน์ก็ได้แต่ส่งยิ้มเศร้า ๆ ให้กับปาจรีย์
“พัฒน์........”
ปาจรีย์รั้งมือของพิพัฒน์มาจับเอาไว้แน่นก่อนจะยกขึ้นแนบที่แก้มและส่งยิ้มให้เหมือนวันแรกที่เจอกัน
“ขอโทษนะ ขอโทษจริง ๆ ถึงจะบอกว่าให้โกรธได้ แต่ปาไม่อยากถูกพัฒน์โกรธหรอกนะ ปาไม่อยากถูกพัฒน์โกรธจริง ๆ นะพัฒน์ ปาขอโทษ”
ปาจรีย์ยังพูดคำขอโทษอีกนับครั้งไม่ถ้วน
แต่พิพัฒน์รู้ดีว่าถึงจะรั้งเอาไว้แค่ไหน ถึงจะพยายามทำดีด้วยแค่ไหน ถึงแม้ปาจรีย์จะขอโทษอีกกี่หมื่นกี่พันครั้ง หรือถึงจะโกรธจะเกลียด แต่ยังไงคนจะไปก็ไปอยู่ดี
“ไม่เป็นไรปา........พัฒน์ไม่เป็นไรจริง ๆ พัฒน์อยู่ได้.......พัฒน์ไม่โกรธปาหรอก.........ไม่........เป็น.......ไร”
เสียงพูดค่อย ๆ ถูกกลืนหายไปในลำคอ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่น ปวดร้าวอยู่ข้างใน แต่พิพัฒน์ก็ยังพยายามพูดปลอบโยนปาจรีย์นับครั้งไม่ถ้วน
...........ไม่เป็นไร..............
TBC.