CHAPTER 20
“What doesn’t kill you makes you stronger
Standing little higher”
(Stronger – Kelly Clarkson)
ผมพูดอะไรออกไป
แต่ถึงย้อนเวลากลับไปได้ผมก็เลือกที่จะทำแบบเดิม
คนตรงหน้ามองผม นิ่งเงียบไปอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะค่อยๆ สูดลมหายใจลึกราวกับพยายามสงบสติอารมณ์ในขณะที่คนข้างกายกำมือผมแน่น ราวกับเตือนว่าผมพูดอะไรออกไปเมื่อกี้นี้
“พีรพัฒน์!” อินทร์เรียกชื่อผม น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยแต่ดังเสียเหลือเกิน
ผมกำมือของอีกฝ่ายแน่น หวาดกลัวว่ามันจะผละออกไปหรือสะบัดทิ้ง ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของผมผมรอ รอจนคนอายุน้อยกว่าตรงหน้าจะปริปากพูด
“คุณ...” ในที่สุดเอ็กซ์ก็ทำมัน “พูดอะไรออกมา”
น้ำเสียงทุ้มเล็ดลอดออกมาอย่างแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด เขากัดฟันแน่น แน่นจนเห็นเส้นเลือดบนต้นคอ ใบหน้าแดงก่ำจนผมนึกหวาดหวั่น ลมหายใจถูกสูดเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า
“คุณรู้ตัวหรือเปล่า ว่าคุณกำลังพูดอะไร...ในบ้านของผม”
“พีท” อินทร์เรียกชื่อผมเสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัด “อย่านะ... ขอร้อง...”
ผมกุมมือของอีกฝ่ายแน่นเพื่อที่จะบอกให้มันฟังโดยไร้เสียง...ว่าผมจะไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้อีกต่อไป
“เรารักกัน” ผมพูดมันออกมาอีกครั้ง สบตาเอ็กซ์อย่างตรงไปตรงมา ใบหน้าของเขาเรียบเฉยจนน่ากลัวแต่ผมต้องพูดมันออกไป “ช่วยยอมรับ...”
ผลัวะ! แรงกระแทกเข้ากระทบเข้าจังๆ ที่ใบหน้าจนผมเซ ได้ยินเสียงตะโกนผรุสวาทหยาบคายดังจากคนตรงหน้า รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หลังของผมกระแทกเข้ากับผนังอย่างแรง ไม่มีเวลาให้หายใจด้วยซ้ำก่อนที่ความเจ็บปวดจะกระทบบนใบหน้าอีกครั้งหนึ่ง
ได้ยินเสียงตะโกนของกชอินทร์เรียกชื่อผมกับน้องชายมัน สั่งให้หยุดแต่กลับไม่ยื่นมือเข้ามาป้องกัน ผมคิดว่าดีแล้วที่ทำแบบนั้น ขืนมันได้ยื่นเท้าเข้ามาเกี่ยวข้องคงจะมีอะไรเลวร้ายกว่านี้
หลังจากกระแทกกำปั้นสองหมัดใส่หน้าผม คนอายุน้อยกว่าที่ตัวสูงกว่าก็ดันผมติดกำแพง มือกำคอเสื้อของผมแน่นจนสั่น ผมคิดว่าถ้าเสื้อขาดก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอีกต่อไป
ลมหายใจคนตรงหน้าหอบถี่ ผมเองก็เช่นกัน รสเค็มคาวปะแล่มๆ ติดอยู่ที่ปลายลิ้น ขณะที่อีกฝ่ายตะโกนเสียงดังราวกับขาดสติ
“คุณพูดมันออกมาได้ยังไง!”
“เอ็กซ์!” เสียงนั้นทำให้พวกเราทั้งสามคนหยุดชะงักในทันที
ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก คิดว่าคงไม่ต่างกับสองพี่น้องที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เมื่อเสียงนั้นตะโกนเรียกชื่อเอ็กซ์พร้อมกับร่างของคนที่พวกเราอาจจะลืมไปแล้วว่าท่านอยู่ในบ้านหลังนี้
แม่ของกชอินทร์ “เราทำอะไร” ท่านถามเสียงขุ่นเคือง มองที่มือสองข้างของลูกชายคนเล็กที่จับอยู่ที่คอของผม “แม่ถามว่าเราทำอะไร เอ็กซ์”
“...”
เมื่อเห็นว่าลูกชายคนเล็กให้คำตอบไม่ได้ ท่านก็หันไปหาลูกชายอีกคน “ไหนตอบแม่มาสิ อินทร์”
อินทร์เหลือบตามองมาทางผมกับน้องชายมัน ผมเห็นมันก้มหน้า ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปาก สุดท้ายแล้วก็เป็นแม่ของกชอินทร์เองที่ถอนหายใจยาวแล้วพูดต่อ
“ที่นี่ที่บ้าน ไม่ใช่โรงมวย” ท่านเอ่ยเสียงเรียบ “ทุกคน มาคุยกับแม่เดี๋ยวนี้เลย”
ท่านสงบสติอารมณ์ได้ดีมาก
เอ็กซ์มองหน้าผม ขยับปากผรุสวาทเบาๆ ก่อนที่จะยอมคลายมือจากคอเสื้อให้ผมรู้สึกโล่งขึ้นมาบ้าง ในขณะที่อินทร์เดินตามแม่ของมันไปที่โซฟาที่น้องชายมันเพิ่งลุกขึ้นมา คุณแม่ของอินทร์หย่อนกายนั่งที่กลางโซฟาตัวยาวแล้วจึงเรียกลูกชายทั้งสองคนเข้าไปนั่งข้างๆ ส่วนตัวผมจำต้องนั่งโซฟาเดี่ยวที่อยู่ใกล้กับอินทร์แทน
ผมเห็น อินทร์เหลือบตามองผม แววตาแดงก่ำ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น
...มันเจ็บนะเวลาที่เห็นมันเป็นแบบนี้แต่ทำอะไรไม่ได้เลย เอื้อมมือไปจับก็ไม่ได้ โอบกอดไว้ก็ไม่ได้ แค่ปลอบโยนมัน ผมยังทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ความเงียบชวนให้ผมรู้สึกอึดอัดอีกครั้ง แต่บางทีผมต้องปรับความคิดใหม่ เมื่อสตรีเพียงคนเดียวเอ่ยปากขึ้น
“เราชื่ออะไรนะ...” ท่านถามผมเช่นนั้น
“พีทครับ” ผมตอบโดยพยายามควบคุมตัวเองให้ดีที่สุด “พีรพัฒน์”
ท่านนิ่งไปชั่วครู่แล้วจึงพยักหน้าเล็กน้อย
“พีท... เล่ามาสิ เกิดอะไรขึ้นหรือลูก” ความเงียบน่าอึดอัดขึ้นอีกหน
ลำคอผมแห้งผาก มีถ้อยคำต่างๆ นานาวิ่งแล่นไปในหัวเต็มไปหมด ผมควรทำอย่างไร โกหกหรือ
พูดความจริง ผมต้องบอกตรงไหน ปิดบังส่วนใดบ้าง ผมเอาแต่คิดเรื่องแบบนั้น จนท่านเอ่ยปากออกมา
“มีเรื่องอะไรที่ให้แม่รู้ไม่ได้”
ผมเหลือบตามองกชอินทร์ มันมองผม แววตาอ้อนวอนคล้ายจะร้องขอให้ปิดบังโดยไร้เสียง นั่นยิ่งทำให้คำพูดที่ผมปรารถนาจะพูดออกมาจุกอยู่ที่คอ ผมพูดไม่ออกเวลามองตาที่แดงก่ำของมัน ความปรารถนาของผมคือการบอกความจริง ทำให้ท่านยอมรับ...แต่ดูเหมือนของอินทร์จะไม่ใช่แบบนั้น
“อย่าโกหกแม่นะ...” ท่านพูดต่อ “เอ็กซ์ อินทร์ พวกลูกน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าแม่ไม่ชอบคนโกหก”
ผมเม้มริมฝีปากแน่น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกเพื่อตั้งสติ บอกว่าสิ่งที่ตัวเองอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด มันอาจจะมีหนทางที่ดีกว่านี้...แต่ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่กชอินทร์ไม่เคยลองทำ
และบางทีสิ่งนั้นอาจจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด
“ผม...คบกับอินทร์อยู่ครับ...” แม่ของกชอินทร์มองผมเมื่อผมพูดจบ ท่านเม้มริมฝีปากแน่น แต่ไม่พูดอะไรออกมา
หัวใจของผมเต้นดังและรัวด้วยความหวาดกลัวที่คืบคลานเข้าไปในทุกอนุภาคของอากาศ ความเงียบทำให้ผมรู้สึกแย่อีกคราแต่นี่มันแย่กว่าเก่าเสียอีก ผมมองตาท่าน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำสีหน้าแบบไหนออกไป สุดท้ายแล้วแม่ของกชอินทร์ก็ถอนหายใจออกมา
“แม่ไม่เข้าใจ...” นั่นเป็นถ้อยคำแรกที่ท่านพูด ท่านเงียบไปอีกพักใหญ่ ผมเหลือบตามองกชอินทร์ มันก้มหน้า แต่ถึงกระนั้นผมก็เห็นว่ามือของมันสั่น
“แม่ไม่เข้าใจ...ลูกจะร้องไห้ทำไม อินทร์” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้น เอ็กซ์และผมเองก็เช่นกัน เสียงของท่านสั่นเล็กน้อยต้องพูดมันออกมา ผมกลั้นหายใจ มองท่านที่ยิ้มให้ผมเล็กน้อยแม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มที่เศร้าเสียใจเต็มทีก็ตาม
“แม่ถามว่าลูกจะร้องไห้ทำไม”
อินทร์เม้มปากแน่น มันมองท่านเล็กน้อยก่อนที่จะก้มหน้าลงไปใหม่ เสียงลมหายใจของมันขาดห้วงไปนิดหน่อยก่อนที่ท่านจะลุกขึ้น เดินไปจับศีรษะลูกชายคนโตและโยกมันเล็กน้อย
“จริงๆ เลยลูกคนนี้...”
ขอบตาผมร้อนเล็กน้อยกับภาพที่เห็น นี่มันดีกว่าที่ผมคาดคิดไว้เยอะมาก สิ่งที่ผมต้องการคือการยอมรับ อย่างน้อยก็อยากให้ท่านยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ไม่ให้การสนับสนุนก็ไม่เป็นไร แต่การกระทำของท่านทำให้ผมรู้สึกว่า
ผมเห็นแค่หัวไหล่ของอินทร์เพราะแม่ของมันกอดมันไว้ ไหล่ของมันสั่นเล็กน้อยแต่ไหล่ของท่านสั่นมากกว่า ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น พ่นลมหายใจออกมาหลังจากกลั้นหายใจไว้เป็นเวลานานเสียเหลือเกิน
ผมเหลือบสายตาไปมองอีกคนที่นั่งด้วย เพิ่งตระหนักได้ว่าเอ็กซ์เองก็ยังอยู่ ผมเห็นน้องกำมือแน่น สูดลมหายใจลึกแต่ไม่ได้มองที่ครอบครัวตัวเองเลยแม้แต่น้อย เขามองผมอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะก้มลงไปมองมือตัวเองที่กำลังกำหมัดอยู่
“ทำไม...”
สุดท้าย เสียงที่แทรกขึ้นมาก็เป็นเสียงของเอ็กซ์
“ทำไมแม่ถึงรับเรื่องแบบนี้ง่ายจัง...” เขาเค้นหัวเราะ “เพราะอินทร์เป็นลูกรักหรืออย่างไร” พูดคำประชดประชันที่ชวนเจ็บปวดใจถูกหยิบยื่นขึ้นในเวลาแบบนั้น
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง ผมรู้สึกตกใจที่เขาพูดคำนั้นออกมาตรงๆ เช่นนั้น เหมือนกับความน้อยใจที่ถูกสะสมมาเป็นเวลานานกำลังจะถูกระเบิดออก
“ทำไมตอนผม...มันไม่ง่ายแบบนี้บ้างล่ะ?” ผมคิดว่าตอนนี้ตัวเองควรทำอะไรแต่แน่นอนว่าผมไปไหนไม่ได้ เอ็กซ์พูดมันออกมาด้วยสีหน้าที่เหมือนกับสกัดกั้นอารมณ์เต็มที่ เสียงเขาสั่นเล็กน้อย ผมไม่รู้ว่านั่นมาจากสาเหตุอะไร เรื่องในครอบครัวอินทร์เล่าไม่หมด ต่อให้มันเล่าหมดผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเข้าใจ มีคนเคยบอกว่าทุกเรื่องมีสามมุม เรื่องของเขา เรื่องของเรา และเรื่องของความเป็นจริง มันหมายความว่า เรื่องที่อินทร์เข้าใจกับเรื่องที่เอ็กซ์เข้าใจอาจจะเป็นคนละเรื่องกันก็ได้
“ทำไมตอนนั้นมันไม่ง่ายแบบนี้บ้าง...”
มันเป็นเรื่องในครอบครัวและผมเองก็ยังเป็นคนนอก
ผมเม้มริมฝีปากแน่นตอนที่เอ็กซ์ย้ำคำเดิม แต่คนในครอบครัวสองคนกลับเงียบ เขาไม่ได้พูดอะไร
สุดท้ายเอ็กซ์ก็ลุกขึ้นเดินไปจากที่ซึ่งพวกเรานั่งกันอยู่
“เอ็กซ์!”
แม่ของอินทร์เป็นคนเรียกตอนที่ลูกชายคนเล็กของเธอเดินขึ้นไปที่บันได แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ฟัง สุดท้ายแล้วท่านก็นั่งลง เอามือกุมขมับแล้วถอนหายใจเสียยาว
กชอินทร์หันมามองผม สลับกับแม่ตัวเองตอนที่ได้ยินเสียงปิดประตูดังลั่นจากข้างบน ผมทำอะไรไม่ถูก จะขอลาเลยก็ไม่ใช่เรื่อง สาเหตุที่ผมมาตอนนี้ไม่ใช่การที่ทำให้แม่ของอินทร์ยอมรับอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่ แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ผมจะพูดอะไรได้
แม่ของอินทร์ไม่ได้พูดอะไร ท่านนั่งเงียบราวกับมีเรื่องที่คิดอยู่ในใจ ใช่... ผมคิดว่าท่านมี แต่แน่นอน ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรอีกเหมือนกัน
“วันนี้แม่พูดอะไรมากไม่ได้หรอก” ท่านเอ่ยออกมาหลังเงียบไปพักใหญ่ “แต่ยังไงก็รักกันดีๆ แล้วกันนะ”
“ครับ...” ผมรับคำอย่างยากลำบาก
ผมเม้มริมฝีปากแน่น อินทร์มองผมด้วยแววตากังวลใจ แต่ก็ไม่วายเอ่ยปากถาม “ทำไมแม่ถึงยอมรับ...ง่ายๆ แบบนี้ล่ะครับ” มันถามเสียงสั่นเล็กน้อย
“อยากให้แม่ต่อต้านหรือ” ท่านถามกลับ “อินทร์ ลูกก็รู้ แม่ต่อต้านไม่ได้”
“...”
“ถ้าต่อต้านแล้วทำให้ครอบครัวเราพังไปมากกว่านี้...แม่ไม่เอาด้วยหรอก” มีอะไรที่ผมทำได้บ้างไหม... ถ้าตอนนี้เราอยู่กันแค่สองคนผมก็คงกล้าเอ่ยปากถาม แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ แม่ของอินทร์ก็ยังอยู่ตรงนี้ ถ้าผมพูดอะไรแบบนั้นออกไป ท่านอาจจะคิดว่าผมจะทำอะไรได้ แต่...
ผมกลืนน้ำลายเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมา “ผมขึ้นไปคุยกับเอ็กซ์ได้ไหมครับ”
แม่ของอินทร์หันมามองผม ท่านเลิกคิ้ว แต่ผมก็ย้ำคำเดิมอีกทีจนสีหน้าท่านดูลำบากใจ แต่ท้ายที่สุดแล้วท่านก็พยักหน้าให้ “อย่ามีเรื่องกันนะ เอ็กซ์มันใจร้อน”
“ครับ...” ผมพยักหน้า ลุกขึ้นจากโซฟาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อท่านพูดอะไรเพิ่ม
“อินทร์ ตามขึ้นไปทีสิ” เจ้าของชื่อทำท่าจะแย้งแต่ท่านพูดเสริมเสียก่อน “แม่ขึ้นไปก็รั้งแต่จะทำให้น้องโกรธขึ้น ลูกขึ้นไปเถอะ”
“แต่...” อินทร์เถียงออกมาแค่นั้นก่อนที่จะชะงักไปเอง สุดท้ายแล้วมันก็เป็นคนที่พยักหน้าเสียเอง
มันเดินตามผมมาเงียบๆ จนถึงชั้นสอง มันถึงเปลี่ยนมาเดินนำหน้าผมไปที่หน้าห้องหนึ่ง กชอินทร์หันมาเล็กน้อย มันโน้มกายเข้ามาใกล้
“จะทำอะไร...” คำถามแผ่วเบาหลุดออกจากปากมัน
ผมส่ายหน้า ใช่ เรื่องจริงคือผมทำอะไรได้ไม่มากหรืออาจจะทำอะไรไม่ได้เลย ผมรู้ดี มันอาจจะดันทุรังแต่ผมก็ยังอยากจะลองอยู่ดี
ผมเปิดประตูห้องตรงหน้าเข้าไป มันไม่ได้ล็อก สภาพในห้องดูไม่ได้เลย ข้าวของบนโต๊ะถูกกวาดลงพื้น ผมพอคิดสภาพออก เอ็กซ์หันมามองผมอย่างรวดเร็ว แววตาแดงก่ำ ไม่รู้ว่ามันเกิดจากการร้องไห้หรือการโกรธ ผมคิดว่าเป็นอย่างหลัง
“ขึ้นมาทำไม” เขากัดฟันกรอด พูดเสียงต่ำ
ตอนนี้เขาร้อน ต่อให้เอาน้ำเย็นเข้าลูบมันก็ไม่มีทางเย็นลง ผมรู้... ริมฝีปากผมเม้มเข้าหากันแน่น ถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยปากคำที่ต้องการพูดออกมาเพียงคำเดียว
“อินทร์” ผมเรียกชื่อคนที่ยืนอยู่ข้างกาย
“ขอโทษเอ็กซ์...ดีกว่าไหม?” ทั้งเอ็กซ์และอินทร์เองก็มองผมแบบไม่เชื่อสายตา โดยเฉพาะเจ้าของห้อง เขามองผมด้วยแววตาไม่เข้าใจก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ มือหนึ่งเอื้อมมาจับคอเสื้อของผมอีกครั้งแต่ผมก็ปล่อยให้เขาทำมันอย่างเสียไม่ได้
“คุณเห็นผมน่าสมเพชมากเลยหรือ?”
“เปล่า” ผมตอบตามตรง “ที่ผมบอกให้อินทร์ขอโทษเป็นเพราะอินทร์อยากทำ แต่มันไม่กล้าทำ ผมเลยบอกให้มันทำ” ผมพูดตามความจริงที่ผมคิด
“มันไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“แต่มันเป็นเรื่องของอินทร์...ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเรา” ผมพูดออกมาอีกครั้ง
เอ็กซ์ผรุสวาทคำหยาบออกมาชุดใหญ่ เขาหันไปทางอินทร์ พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันเสียเหลือเกิน “ขอโทษอะไร อยากขอโทษ...อย่ามาพูดให้ขำเลย”
ผมเห็นอินทร์บดริมฝีปากเข้าหากัน มันก้มหน้าหลบตาจนผมต้องพูดออกมา “อินทร์...”
“เลิกบ้าสักที!”
“ไม่...” เสียงของอินทร์แผ่วเบาราวกับกระซิบหลังจากเอ็กซ์ตวาดใส่ผมอย่างเดือดดาล “พีทพูดถูกแล้ว”
เอ็กซ์มองพี่ชายตนเองด้วยแววตาที่ผมอ่านไม่ออก มือของอีกฝ่ายเบาแรงลงจากคอเสื้อผมแต่ก็ยังคงกำมันไว้อยู่ เขานิ่งไปชั่วครู่ตอนที่กชอินทร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
“พี่ขอโทษ...” เสียงนั่นสั่นอย่างน่าสงสาร ผมเผลอเม้มปากแน่นอย่างลืมตัวตอนที่อินทร์พูดคำนั้นออกมา
“ขอโทษที่ตอนพ่อรู้เรื่องพี่ช่วยอะไรไม่ได้ ขอโทษที่ตอนนั้นด่าเอ็กซ์ ขอโทษที่ด่าว่าเป็นคนวิปริต...พี่ขอโทษ” อินทร์พูดคำนั้นอย่างแผ่วเบา มันเงยหน้าขึ้นมองเพดาน คิดว่าพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา “พี่เอาแต่คิดว่าพี่ยังเด็กเกินกว่าที่จะเสียพ่อ แต่พี่ลืมคิดไปว่าเอ็กซ์เด็กกว่าพี่อีก” มันเว้นวรรคไปชั่วครู่ “พี่จะไม่บอกว่าที่พี่เลิกกับพีทเป็นเพราะเอ็กซ์ เพราะมันไม่ใช่เพราะเราเลย มันเป็นเพราะตัวพี่เอง... มันเป็นแค่วิธีการแก้ปัญหาโง่ๆ พี่ก็แค่ผลักปัญหาให้คนอื่น เป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้...”
“...”
“พี่ขอโทษ...จริงๆ” อินทร์ย้ำคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา
ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างเราสามคน ผมเริ่มสัมผัสได้ว่ามีเสียงสะอึกสะอื้น อินทร์สูดลมหายใจเสียงดัง สุดท้ายแล้วมือที่กำเสื้อของผมอยู่ก็ค่อยๆ คลายออก
“ขนาดตอนนี้...อินทร์ยังทำให้มันเป็นเรื่องง่ายๆ ได้เลย” ถ้อยคำตัดเพ้อนั้นหลุดออกมาจากคนเป็นน้อง “ทำไมมันไม่ยุติธรรมเลย...” เขาค่อยๆ ทรุดกายลงกับพื้น มือกุมศีรษะและก้มหน้าลง “ผมจมกับเรื่องแบบนี้มาตั้งสิบปี พี่คิดว่าแค่คำขอโทษมันจะพอหรือ”
“ไม่... มันไม่พอหรอก” เสียงของอินทร์ตอบ มันเคลื่อนกายเข้าไปใกล้น้องชายของมัน “แค่อยากให้รู้ว่าพี่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน”
“...”
“และพี่ก็ไม่อยากให้เอ็กซ์เสียใจต่อไปแล้ว” ผมได้แต่มองภาพตรงหน้า สองพี่น้องที่พยายามหันหน้าเข้าหากันแต่เข้าใกล้กันมากไม่ได้
ความเกลียดชัง น้อยใจ หรือความรู้สึกในด้านลบต่างๆ ที่เอ็กซ์มีให้กับพี่ชายของมันมาร่วมสิบปีคงไม่มีทางหายไปได้ง่ายๆ ความเป็นจริงมันเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าอย่างไรมันก็ยังมีความขุ่นเคืองในใจหลงเหลืออยู่ ผมไม่รู้ว่าเอ็กซ์ยอมรับเรื่องของเราหรือยัง
บางอย่างต้องใช้เวลา...โดยเฉพาะสิ่งที่ใช้เวลาสั่งสมมานาน... ผมเลื่อนมือไปสัมผัสกับปลายนิ้วของกชอินทร์ มันหันมา คลี่ยิ้มให้เล็กน้อยด้วยแววตาที่คลอไปด้วยน้ำตา
ปมอาจจะยังเหลืออยู่ แต่อย่างน้อยมันก็เข้าใกล้ทางออกมากขึ้น
---------------------------------------------------------------------------
อีกสองตอนจบแล้วค่ะ
ปล. ขอโทษที่มาช้านะคะ!