https://www.youtube.com/v/SNMBQUzGKHQRrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr“กินๆอย่าพูดมาก ไอ้เด็กนรกแม่งโทรเข้ามาแล้ว”
“มะ..มึงไม่สนจริงดิแคป”
“เออ” แคปเอามือเข้าไปตบๆหลังอาร์บอกให้กินข้าวอย่ามัวแต่มองไปที่บรรดาพวกนั้น ก่อนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นเรียกอยู่บนโต๊ะมากดรับ
“กูขี้เกียจคุยกับมึงฉิบหายเลยว่ะมึงรู้บ้างป่ะเนี่ย..” แคปกรอกคำทักทายลงไป คนฟังนี่ส่ายหัวเลย เขาเหยียดรอยยิ้มพออกพอใจมองดูที่รอบๆร้านก่อนเดินเข้าไปด้านใน
(กูอยู่หน้าร้านแล้ว มึงนั่งอยู่จุดไหน) เสียงทุ้มๆของแบงค์กรอกมาตามสาย
“เดินตรงเข้ามาเลยไม่ต้องเลี้ยว พวกกูนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะที่มีต้นไม้กั้นเป็นพาร์ทิชั่นน่ะ”
(กูเข้ามาแล้ว ทุกโต๊ะก็มีต้นไม้ทั้งหมดอ่ะ) แบงค์มองซ้ายมองขวามองหาคนที่อยู่ปลายสาย ขณะที่แคปเห็นแล้วว่าแบงค์เดินเข้ามายืนอยู่ที่จุดไหน เขาจึงลุกเดินเข้าไปกระชากแขนมันแรง ๆ
“ไอ้เด็กไม่ดีกูอยู่นี่เหี้ย!”
“เฮ้ย! ตกใจ” แบงค์เอามือทาบอก แคปหันมองตาเขียวดึงให้มันเดินตามมา “ปัญญาอ่อน”
“ใจร้ายว่ะ พูดจา...”
“เรื่องของกูเหอะ เอางานมาให้กูดิ๊ แล้วมึงก็ออกไปได้แล้วไป” แคปแบมือบอกเอาสคริปส่งมาได้แล้ว เห็นมันถือเข้ามาด้วยรู้แน่นอนว่าเป็นงานที่จะเอาเข้ามาให้กับเขา จากนั้นโบ้ยหน้าบอกกลับไปได้แล้ว
“อะไรเนี่ยมาถึงก็ไล่กันเลยอ่อ?” แบงค์ส่งสคริปต์ให้กับแคป สองคนเดินมานั่งลงที่โต๊ะ แบงค์เลือกนั่งลงที่เก้าอี้ว่างฝั่งขวามือของแคป เขาชี้บอกว่าสคริปอันนี้ต้องใช้ด้วยกัน
“อะไรของมึงวะ ทำไมถึงไม่ถ่ายเอกสารมาล่ะ”
“อ่านด้วยกันดิ ทำไมต้องถ่ายด้วย ไม่กี่หน้าเอง..” แคปหันไปมองหน้าคนพูดแล้วส่ายหัวเซ็ง ๆ เขาถอนหายใจยาวเหยียดออกมาก่อนกวาดตามองสำรวจรายละเอียดของงานในมือ
“มึงกินข้าวมารึยังวะไอ้แบงค์” ปอถามขึ้น
“มึงไปถามมันทำไมวะไอ้ปอแม่ง” อาร์พึมพำออกมาอย่างหงุดหงิด ปอเลยเอามือไปขยี้หัวเล็กบอกให้ใจเย็น ๆ เขารู้ว่าอาร์มันไม่ถูกกับแบงค์เพราะเรื่องผู้หญิง แต่ตอนนี้อย่างน้อยแบงค์กับแคปมันก็กลายเป็นเพื่อนร่วมงานกันไปแล้ว เขาก็แค่ถามออกไปตามมารยาทเท่านั้น
“มีอะไรอร่อยวะร้านนี้..” แบงค์เอ่ยขึ้นก่อนยกมือเรียกพนักงานเข้ามารับออเดอร์ แคปไม่เข้าใจอะไรบางอย่างเขาเอียงตัวเข้าไปถาม แบงค์ก็ก้มเข้ามาอธิบาย สองคนนั่งคุยงานกัน ขณะที่อาร์กับปอเงียบไปนานแล้วเหมือนกับว่ากำลังชี้ให้กันมองอะไรบางอย่าง และก่อนที่อาร์จะทนไม่ไหวอีกต่อไป มือเล็กดึงแขนเสื้อแคปดึงๆๆๆ
“ไอ้แคป! ไอ้แคป!!” แคปเกือบทำข้าวหกออกจากช้อนหันไปจะดุใส่แต่เห็นสายตาที่อาร์มองไปที่ฝั่งของเฮียเต้แล้วเขาจึงมองตาม
“อะไรของมึงวะไอ้อาร์.. ” แคปมองไปก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไร แต่หน้าตาอาร์นี่คือไม่ใช่เลย
“มะ...มะ....มึงไม่เห็นเหรอ” อาร์ทำหน้าตกใจ
“เห็นอะไร” แคปวางสคริปลง เขาก้มลงกินต่ออีกคำ หยิบแก้วเอสเพรสโซ่เย็นๆขึ้นมาดูด จากนั้นเอาสคริปงานขึ้นมาสแกนต่ออีกรอบ
“ไอ้เหี้ย มึงดูให้ดี นั่นไอ้เอสไง นั่งอยู่ข้าง ๆผู้หญิงคนนั้นน่ะ อีกฝั่งนึงเป็นเฮียเต้แล้วตรงข้ามมันเป็นไอ้เตี้ยที่มีเรื่องกับกูนั่นไง มึงไม่เห็นเรอะ..” อาร์บอกทั้งที่ตายังจ้องอยู่ฝั่งทางนั้นไม่กระพริบ
“ตายห่า! จริงดิ่!?” แคปใจหายวาบแค่ได้ยินว่าไอ้เหี้ยเอสนั่งอยู่กับพี่เต้ เรื่องอื่นแทบไม่ต้องคิด คิดไม่ทัน ไม่ทันได้คิด
“ก็จริงสิวะ โน่นมึงดูอิน้องนั่นสวยหยดเลยดาววิศวะปีไหนวะกูคุ้นๆหน้า เพื่อนมันมั้ง มากับพวกเฮียเต้ได้ไงวะนั่น..” คราวนี้แคปชะเง้อชะแง้มองตามที่อาร์ชี้ เขาเพ่งมองอยู่ตั้งนานสองนาน เห็นเพื่อนมันครบทุกคนแล้ว พี่เต้พี่รัฐและกลุ่มเพื่อนพี่เต้เขาก็เห็นแล้ว แต่ไอ้ตัวมันนี่สิ ให้ตายเหอะ
...ฉิบหายแล้วกูจำผัวตัวเองไม่ได้ แคปจ้องจนตาจะหลุด ยังไม่เห็นมันจริง ๆ ต้นไม้แม่งก็บังเอามือแหวกๆค่อยดูชัดหน่อย
“ไอ้สัสเอส ผมสีนี้เท่ฉิบหายเลยแม่ง..” เสียงทุ้มของปอแทรกขึ้นมา แคปเพิ่งถึงบางอ้อ เขาจำได้แล้วไอ้ห่า มันนั่งอยู่ตรงนั้นนี่เอง ไอ้คนที่อยู่ข้างๆเฮียเต้นั่นไง กูกะว่าใครหล่อฉิบหายที่แท้โฮ้ยยยยกูน๊อออออ
“ไอ้สัส! มันไปเปลี่ยนสีผมกูจะไปจำมันได้เรอะ!”แคปครางลอดไรฟันออกมา ตาจ้องอยู่ที่ตรงนั้นไม่ขยับ ไอ้เหี้ยเอสจริงๆ
“มึงบ้ามากป่ะแคป ก็ใครกันล่ะที่พามันไปทำมาเมื่อคืน มึงไม่ใช่รึไง๊ที่ไปนั่งเฝ้ามันทำห๊ะ!” ปอหันมาว่าใส่เสียงดุ
“หมามันลากกูไปเหอะ สองทุ่มแทนที่จะนอนดูการ์ตูนเสือกต้องลงไปนั่งเฝ้ามันอยู่ที่ร้านเสริมสวย เซ็งโคตร มันทำสีอะไรตอนเสร็จกูกะลืมดู ใครจะไปสนใจหัวมันวะ เซ็งฉิบเลยกู"
“หึหึ เซ็งแต่ก็ไปเนาะคนเรา..” ปอแซวต่อยิ้มๆ
“ปากมากนักไอ้ปอมึงแดกต่อไปเลยไป..” แคปหันไปทำตาเขียวใส่เตะขาที่ใต้โต๊ะยันโครมไปหนึ่งที ปอก็แค่ขำแล้วทำหน้าบอกยอมแล้ว
“ใครจะไปจำได้วะอยู่ดีไม่ว่าดีไปเปลี่ยนสีหัวมาทำไม แง่งๆๆๆๆ” แคปนั่งบ่นยุกยิกไปคนเดียว เหลือบมองไปอีกครั้งเอสกำลังหันไปคุยอะไรสักอย่างกับเฮียเต้ เขาหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดูดต่อ
“ไม่ใช่แค่เปลี่ยนสีด้วยนะ มันไถข้างมาด้วยนี่หว่า ดูเท่ชะมัด” เสียงทุ้มๆของแบงค์ดังขึ้นมาอีก แคปจึงตวัดสายตาหันไปด่ากราด แบงค์ก็แค่ไหวไหล่
“แต่สีเข้มไปนิดกูไม่ชอบ”
“เงียบปากไปเลยมึงอ่ะ”
“อะไรล่ะ ดุทำไม”
“ไม่ต้องมามองในสิ่งที่กูกำลังมอง มึงกินข้าวของมึงไป”
“อาหารยังไม่มาสักหน่อย กินจานมึงได้ป่ะล่ะ เดี๋ยวอาหารกูมามึงค่อยมากินของกูแทน”
“เรื่องดิ!” แคปรีบดึงจานตัวเองไว้แล้วหันไปถลึงตาด่า แบงค์ที่เร็วกว่ามากคว้าเอาไว้ได้ก่อนแคปรีบคว้าเอามาคืนข้าวเกือบหกหมดจาน สองคนทะเลาะกันเสียงดังจนปอต้องบอกให้เบาปากลงหน่อยเพราะกลุ่มทางนั้นหันมองกันแล้ว
“ไอ้แคป เอานี่บังไว้มึง” อาร์หัวไวมากส่งเมนูไอติมยื่นให้ แคปรีบคว้าเอามากางบังหน้าตัวเองไว้ แอบๆส่องดู อาร์กับปอเองก็กางบังเหมือนกัน ทั้งโต๊ะมีแต่ไอ้แบงค์ที่มันยังนั่งลอยหน้าเฉยๆอยู่ได้ แถมยังเอาจานข้าวเขาไปนั่งกินต่ออีกด้วย
“มึงนะมึง” แคปหันไปกัดฟันด่า เขาขยับเมนูตามใบหน้าตัวเองกลัวเฮียเต้จะเห็นว่านั่งอยู่ตรงนี้ แต่ที่สำคัญคือไม่อยากจะมีเรื่องกลัวไอ้บ้าเอสมันเห็นว่าเขานั่งกินข้าวอยู่แถวนี้ด้วยแล้วจะเดินเข้ามาทัก
“มึงดูดิ๊ มันหันมาทางนี้รึเปล่าวะ จะได้เอาไอ้เมนูนี่ลงสักทีกูจะกินข้าวต่อ” แคปบอกอาร์ให้ดู เพราะมุมตรงนั้นน่าจะเห็นถนัดกว่ามุมที่แคปนั่งอยู่ ต้นไม้บังพอดี๊พอดี
“เปล่า มันไม่เห็นพวกเราหรอก”
“จริงดิ่” แคปถามย้ำอีกเพื่อความแน่ใจ คราวนี้ปอช่วยดูด้วยทุกอย่างปลอดภัยเขาจึงลดเมนูลงแล้วแอบๆหรี่ตามอง เห็นเอสนั่งคุยอยู่กับผู้หญิงสวยๆคนนั้น ข้าง ๆ มันอีกด้านก็เป็นพี่ชายเขาเองคุยกับเธออยู่เช่นกัน ส่วนไอ้เตี้ยเมี่ยงเพื่อนมันนั่งฝั่งตรงข้าม ข้างๆบุ้งและชิพกับเพื่อนคนอื่นอีกเป็นฝูง
“มันคุยกับผู้หญิง อินั่นยิ้มใหญ่เลยไม่รู้พูดเหี้ยไรกับมัน ใส่สั้นฉิบหายยืนขึ้นแล้วเว้ยมึง ตายๆๆๆเอื้อมมือไปหยิบอะไรไม่รู้นมเกือบถูกมือมันน่ะดีนะมันชักออกทัน..” นี่เสียงไอ้อาร์ผู้หวังดี มันสะกิดยิกๆทำเสียงกระซิบกระซาบประหนึ่งกำลังจับผิดผัวตัวเอง แคปมองตามไปอีกแวปนึง
“มึงหึงป่ะวะไอ้แคป”
“หึงหัวมึงสิ! กูจะไปหึงทำไม!!” แคปรีบตอบอย่างไว กลัวแบงค์จะได้ยิน เรื่องส่วนตัวลับสุดยอดแบบนี้ยังไม่อนุญาตให้ไอ้เด็กบ้านี่รู้เด็ดขาด แต่แบงค์หรือจะเซ่อ เขาคิดว่าเขารู้เรื่องแคปกับเอสตั้งแต่วันที่โดนซ้อมอยู่ที่สนามบอลแล้ว แบงค์หันมองคนข้าง ๆ ตัวที่กำลังเมียงๆมองๆไปที่โต๊ะไกลๆนั่น ท่าทางแบบนั้นของแคปไม่รู้ทำไมมันถึงน่ารัก บอกเลยว่าเขาไม่แปลกใจเลยที่เอสมันหวงของมันมาก
“มันไม่เห็นพวกเราหรอก” อาร์กระซิบบอกอีก
“เออมันไม่เห็นน่ะดีแล้ว อย่าให้มันเห็นก็แล้วกัน” ปอลากกระถางต้นไม้ให้ขยับๆเข้ามาอีกนิดบังพวกเขาได้พอดี เหลือช่องให้มองได้นิดหน่อย พนักงานถือจานอาหารเข้ามาส่งแบงค์จึงบอกให้แคปกินจานนี้แทนเพราะจานของแคป แบงค์มันกินจนหมดไปแล้ว
“ไอ้เด็กเวร มึงนี่มันสันดานเสียจริง ๆ กะมาแดกข้าวกูเลยใช่ไหมเนี่ยห๊ะ!”
“ดุทำไมเล่าตอนกูกินมึงทำไมไม่ด่า มัวแต่แอบดูแฟนอยู่นั่นแหละ”
โครม!“ไอ้สัส! ปากเสีย มึงพูดถึงใครห๊ะ! ไอ้เด็กนรก..” แคปยันโครมเข้าให้ วันนี้เขาหลุดมากไปหน่อยลืมไปว่าแบงค์มันนั่งอยู่ด้วย ปอกับอาร์แม่งก็ไม่เตือน หันไปมองปอที่นั่งขำกับอาร์อยู่สองคน และแคปคงลืมตัวมากไปจริง ๆ เพราะทันทีที่ถีบโครมเข้าที่ขาโต๊ะ ก็เรียกความสนใจจากโต๊ะอื่นๆได้มากพอสมควรเลย หนึ่งในนั้นมีสายตาของเอสรวมอยู่ด้วย
“มันจ้องมาทางนี้ว่ะไอ้แคป แม่งมองใหญ่เลย..” น้ำเสียงอาร์ลุ้นสุดตัว
“จริงดิ่!”แคปตาโต
“ลุกขึ้นมาแล้วเหี้ย”
“มันจะลุกขึ้นมาทำม๊ายยยยยย พี่เต้ก็นั่งอยู่ด้วย ไอ้สัสแม่งเอ๊ยยยยย” แคปกัดฟันกรอดๆ หน้าตาเหมือนคนจะร้องไห้ เห็นเอสเดินเข้ามาแล้วจริง ๆ เขาเริ่มทำอะไรไม่ถูกหยิบโหย่งไปหมด แบงค์เหมือนรู้งานยัดสคริปต์ใส่มือ “อ่านไปมึง”
“กูไม่ขอบใจมึงหรอกไอ้เด็กเหี้ย..” แคปกระแทกเสียงใส่ ก้มหน้าทำเป็นอ่าน แบงค์หัวเราะหึหึ เขาแกล้งเลื่อนเก้าอี้ขยับเข้าหาอีกหน่อย แคปเตะโต๊ะมันแล้วบอกให้ขยับออกไปห่างๆแม่งเลย แต่แบงค์นั่งเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อนแคปกำลังจะด่าให้อีก แต่ตอนนั้นเองที่เอสเดินเข้ามาถึงพอดี
“แคป มาตั้งแต่เมื่อไหร่..” คนทักเดินเข้าถึงด้านหลัง มือใหญ่ลากเก้าอี้จากโต๊ะข้าง ๆ เข้ามา
“ขยับออกไป” เสียงทุ้มต่ำสั่งแบงค์เรียบ ๆ หน้ามันไม่ยิ้มเลย อาร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รีบลากเก้าอี้ไอ้แบงค์ให้เลื่อนออกมา เอสจึงเข้าไปนั่งข้าง ๆแคปได้ แทบจะซ้อนทางด้านหลัง
“ไอ้สัสเอส มึงขยับห่างออกไปเลย พี่ชายกูดูอยู่เหี้ยหนิ..” แคปลุกขึ้นแทบจะทันทีเอสดึงเสื้อบอกให้นั่งลง อย่าทำตัวให้ผิดปกติ
“เฮียเต้ไม่เห็นหรอกต้นไม้บังอยู่”
“กูเชื่อมึงเหรอ ขนาดมึงยังเห็นกูเลย..” แคปใช้สายตาบอกปอว่าให้มาเปลี่ยนที่กัน แต่ปอส่ายหัวแล้วรีบหลบสายตา
“โอเค กูขยับเอง..” เอสขยับออกมานั่งห่างขึ้นอีกนิด เดือดร้อนแบงค์ต้องเลื่อนเก้าอี้ตัวเองให้ห่างขึ้นด้วย แคปถึงค่อยนั่งลงได้
“กินข้าวหรือยัง..” เอสถาม
“กำลัง..” แคปตอบ เอสมองกระดาษสคริปในมือแต่เขาไม่ได้ถามอะไรมาก เห็นจานข้าวแคปไม่พร่องลงเท่าไหร่เขาจึงบอกให้แคปกินข้าวอย่ามัวแต่เล่น
“ยุ่ง มันเรื่องของกูเหอะมึงกลับโต๊ะมึงไป..” แคปไล่แต่เอสไม่สน เขาก็แค่หันไปหาอีกคนกวาดตามองแบงค์ที่นั่งทำหน้าเฉยๆอยู่
“เข้าไปนั่งกับพวกกูไหม นั่งข้างๆพี่มึงก็ได้ ไปกันทั้งโต๊ะนี่แหละ”
“ไม่เอา มึงกลับไปโต๊ะมึงเลยไปพวกกูจะนั่งอยู่ที่นี่ ห้ามมากวน เดี๋ยวกินเสร็จกูจะออกไปแล้ว”
“จะไปไหนกันต่อ..” เอสรู้ว่าวันนี้แคปไม่มีเรียนบ่าย ต่างจากพวกเขาที่เรียนอีกช่วงประมาณบ่ายสองซ้ำยังต้องมีแลปพิเศษอีกช่วงเย็นกว่าจะเลิกราวๆหกโมง
“กลับไปได้แล้ว..” แคปไม่ตอบแต่หันไปดุใส่อีกครั้ง เอสส่ายหัวจับช้อนในจานข้าวตักออกมาหนึ่งคำแล้วบอกจะป้อนถ้าไม่ยอมกิน
“ไอ้สัสแม่งกวนตีนฉิบ มึงจะไปไหนก็ไปเลยไป!” แคปหันไปฟาดมือมันบอกให้วางช้อนลง
“ถ้างั้นมึงก็กินอย่ามัวแต่เล่น”
“กูไม่ได้เล่นไอ้สัส”
“จะกินไม่กิน”เอสกดเสียงต่ำๆ มือหนาสอดเข้าไปที่ท้ายทอยเล็ก แคปตกใจจนตาเหลือก กลัวว่ามันจะทำในสิ่งที่ชอบทำ
“เดี๋ยวกูจะกินเอง มึงกลับไปได้แล้ว..” แคปจับมือมันออกจากต้นคอ เอสก้มลงมามองหน้าใกล้ ๆ แคปจึงส่ายหัวบอกห้ามมอง เขายิ่งกลัวพี่ชายเห็นอีกคนก็ประเจิดประเจ้อสุด
“นั่งอยู่โต๊ะนั้นไม่เห็นมึงหรอก”
“ไอ้สัส กูเชื่อมึงก็ควายแล้วสิ..” แคปแหวใส่อีกครั้ง เอสขำ
“โอเคงั้นเย็นๆเจอกัน..” มือใหญ่สอดเข้าไปจับท้ายทอยแคปแล้วเล่นผมนิ่มๆอย่างที่ชอบทำอีกครั้งก่อนลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกไป แคปรีบเอียงหลบบอกไม่ให้ทำ เอสจึงเปลี่ยนมาผลักหัวเล็กแทน
“อ้อ...” ขายาวๆหยุดขาเอาไว้เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
“อะไรของมึงอีก?” แคปหันไปเงยหน้าถาม
“เมื่อกี้ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปไหนกันต่อ”
“กูก็กลับห้องสิไอ้วะ การบ้านเป็นภูเขากูจะไปไหนได้”
“มึงโกหกแล้วแคป จะไปไหนกันต่อวะอาร์..” คราวนี้เขาหันไปถามอาร์ รายนั้นทำหน้าตาตื่น ๆ เหมือนตั้งตัวไม่ทัน เจอเอสจ้องทีเดียวทำอะไรไม่ถูก
“ว่าไงนะ...” เสียงทุ้มดุดันน่ากลัว เขาจ้องหน้าอาร์นิ่ง ๆ รอฟังคำตอบอยู่
“ปะ...ไปเดินห้าง ตากแอร์เย็นๆ ดูหนัง ช็อปปิ้ง อาจจะกินไอติมกันต่อ การบ้านหาได้มีไม่” แคปเตะโครมเข้าที่ใต้โต๊ะทันที อาร์เบ้หน้าบอกเจ็บๆๆ เอสนี่หันไปมองแคปแล้วทำหน้าคาดโทษไว้เลย
“นิสัยไม่ดีนะมึง”
“เรื่องของกู” แคปพูดหน้ายุ่ง ๆ ผลักเอสบอกให้กลับไปได้แล้ว แต่เจอมือใหญ่จับลงที่บ่าเล็กของเขาจากนั้นก้มลงไปกระซิบเอ่ย
“อย่าทำอะไรให้กูหึงนะครับเมีย”
เพี๊ยะ!“กูไม่กลัวมึงหรอกไอ้สัส กลับไปโต๊ะมึงโน่น..” แคปปัดมือเอสออกแรง ๆ คนถูกตีก็แค่ยืนขำ ก่อนวางมือลงที่หัวเล็กแล้วขยี้เบา ๆ
“อ่ะเอานี่ไปใช้ เดี๋ยวจะโทรหาอีกทีเย็นๆค่อยเจอกัน..” เอสล้วงเอากระเป๋าตังค์ขึ้นมาหยิบบัตรเครดิตสีดำสวยวางลงให้แคปหนึ่งใบจากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง แคปเมียงๆมองๆตาม เห็นมันนั่งลงที่เดิมแต่ตอนนี้เมี่ยงย้ายมานั่งข้าง ๆ ส่วนผู้หญิงย้ายไปนั่งอีกโต๊ะรวมกลุ่มกับเพื่อนของเธอแทน
“โหหหหหไอ้เอสแม่งใจดีว่ะ” อาร์มองบัตรตาลุกวาว
“มันน่ะไอ้ตัวอันตราย ไม่เห็นใจดีตรงไหนเลยเหอะ” แคปหยิบบัตรขึ้นมาดูพลิกหน้าพลิกหลัง บอกให้เขาเอาไปใช้งั้นเรอะ? ใครจะบ้าไปใช้วะไม่ใช่เงินตัวเองแม่งเอามาวางต่อหน้ากูเท่าไหร่กูก็ไม่สนหรอกเว้ย
“มึงโชคดีมากนะไอ้แคป กูล่ะอิจฉา”
“กูซวยสุดๆล่ะสิไม่ว่า”
“กินข้าวเหอะ สายแล้วเดี๋ยวต้องออกไปทำงานต่ออีก..” แบงค์ที่นั่งเงียบอยู่นานขยับเก้าอี้เข้ามาคืน ขณะที่แคปเก็บบัตรเข้ากระเป๋าแล้วหยิบใบสคริปต์ขึ้นมาอีกครั้ง แบงค์ตักข้าวในจานแคปกินต่ออีก
“นี่มึงจะกินข้าวจานกูไปอีกนานไหมวะ..” แคปหันไปถาม ไม่ใช่อะไรนะจานที่แล้วมันกินของเขาไปแล้ว จานมันมาแทนที่จะให้เขากินมันยังมีหน้ามากินด้วยอีก
“ก็กินด้วยกันไง เมื่อกี้มึงกินไปครึ่งนึงแล้วกูกินแค่ครึ่งเดียวมันจะอิ่มได้ยังไง”
“ตกลงว่าจะกินจานนี้”
“อือ มึงก็กินด้วยดิอ่ะ กูตักให้” แบงค์ตักไข่เจียวมาใส่ช้อนแคปไว้พร้อมกับข้าวสองสามเม็ด แคปมองดูแล้วส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ
“ไม่ต้องมายุ่งเลย กูกินของกูเองได้” เขาว่าแล้วดึงจานตัวเองขึ้นมา พุ้ยข้าวแบบเร็วๆด่วนๆไม่กี่คำก็หมดจาน สองแก้มกลมเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ
“มึงทำอะไรแคป ตลกว่ะ”
“เรื่องของกู” แคปตอบอู้อี้ทั้งที่ข้าวเต็มปาก แบงค์หัวเราะร่วน เขาหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดูดบ้าง ขณะนั้นเองที่อาร์สะกิดบอกว่าเอสมองมาอีกแล้ว แคปมองตามไปเห็นไอ้เตี้ยเพื่อนมันลุกขึ้นเดินไปสั่งอะไรสักอย่างที่เคาน์เตอร์จากนั้นเดินกลับมาแต่ยังไม่ยอมเข้าที่นั่งกลับไปยืนกอดคอมันอยู่ทางด้านหลัง แคปนี่ปรี๊ดขึ้นเลย
“ไอ้เตี้ยนั่นแม่งทำไมทำแบบนั้นวะ” อาร์เป็นคนทักขึ้นมายิ่งสะกิดใจแคปไปกันใหญ่ ปอหันไปมองตามไม่เว้นกระทั่งแบงค์เองก็มองตามไปด้วย
“เหมือนแฟนกันเลย..” แบงค์พูดขึ้นมาอาร์เลยถีบขามันแรง ๆ หนึ่งที “อะไรเล่าก็แค่พูดไปตามที่เห็น”
“อย่าปากมากไอ้หนู..” แคปว่าออกมาเรียบๆพยายามข่มอกข่มใจ คำพูดเมื่อกี้ของไอ้ตัวดีแบงค์ช่างเหมือนเชื้อเพลิงชั้นดี ถึงภายนอกเขาจะดูเฉยๆไม่อะไรเท่าไหร่นะ แต่ข้างในนี่เดือดสุดๆ
“ไอ้เอสลุกแล้วเว้ย มันหนีมานั่งที่ฝั่งตรงข้ามแล้วเพื่อนมันไอ้หล่อๆนั่นไปนั่งแทนที่” อันนี้ปอรายงาน แต่แคปหมดอารมณ์ไม่อยากจะฟังต่อแล้ว เขายกมือเรียกเช็คบิล
“มึงจะเข้าไปกี่โมง” แคปหยิบสคริปต์งานขึ้นมาดูอีกรอบ พร้อม ๆ กับดูเวลาที่ข้อมือก่อนหันไปถามแบงค์
“กี่โมงก็ได้ ตามใจกูไม่มีเรียนบ่ายแล้ว”
“ตามใจใคร”
“ตามใจมึงไง”
“หมายความว่ายังไง”
“เดี๋ยวเราออกไปพร้อมกันเลย บ่ายกูว่าง เข้าไปตอนนี้เลยไหมล่ะ” พนักงานเข้ามาเก็บตังค์ ปอเป็นคนควักจ่าย พวกเขาส่วนใหญ่สลับกันจ่ายแต่กับปอ แคปจะเอาเงินทิ้งไว้ให้เป็นรายเดือนสำหรับค่าอาหารค่าใช้จ่ายในห้อง เพราะงั้นอาหารเที่ยงของแคปปอจึงทำหน้าที่จ่ายให้ตลอดอยู่แล้ว
“ไอ้แคปมึงจะไปไหนวะ แล้วไหนว่าเราจะไปดูหนังแล้วช้อปปิ้งกันไงล่ะ มึงสัญญาจะพากูไปเลือกฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่ไง” อาร์โวยวายขึ้นมา ทำหน้าตื่นๆ
“วันนี้กูไม่ว่าง มึงให้ไอ้ปอมันพาไปนะ เดี๋ยวกูจะเข้าไปที่ตึกไพร์ม ทำงานนิดหน่อยเย็นๆจะกลับ”
“จะไปยังไง..” ปอถามขึ้น พวกเขาทั้งหมดลุกขึ้นแล้ว
“มึงไปส่งไง..”แคปบอก
“แล้วตอนกลับ”
“แท็กซี่ไงครับพี่ปอ ไม่งั้นก็บีทีเอสใกล้ ๆ” แคปเดินผ่านออกมา เต้เห็นเข้าพอดีเขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหา
“นั่งอยู่นานยังเนี่ย ทำไมไม่เข้ามาหากูวะคาปู มึงเห็นกูป่ะ”พี่ชายจับไหล่เล็กดึงให้หันมา เขาพูดเสียงดุๆด้วย
“เห็นตั้งแต่เข้ามาแล้วเหอะ”
“เดี๋ยวเหอะมึง ไม่เข้ามาทักกูเลยนะ”
“ไม่อยากทักว่ะ เพื่อนเฮียเยอะขี้เกียจทัก” คือมันเยอะจริง ๆ แทบจะครึ่งนึงของร้าน ถ้าทักต้องไหว้เรียงตัวเลยอ่ะ นั่นคือเหตุผลที่แคปหลบ
“แล้วกินข้าวยังหนิ”
“กินแล้วดิ ไม่กินจะลุกออกจากร้านทำไม”
“ปากดีนัก” เต้เอามือมาบีบแก้มแคปแรง ๆ เจอฝ่ามือเล็กฟาดเพี๊ยะเสียงดัง เอสที่นั่งมองอยู่ยังต้องหันมอง
“จะไปไหนกันวะ ไม่มีเรียนบ่ายนี่”
“เที่ยว” แคปตอบตอบสั้นๆ
“เที่ยวที่ไหน”เต้ถามแทรกขึ้นมาทันทีแคปหันมองตาขวาง ๆ
“พี่เต้ถามมากว่ะ ถอยไปได้แล้วจะออกไปกันแล้วนี่ไง” แคปดันพี่ชายตัวเองบอกจะเดินออกไป อาร์กับปอและแบงค์แทรกตัวเดินออกไปรออยู่ที่หน้าร้านแล้ว แคปกับเต้เดินตามไป
“จะไปเที่ยวไหนกันวะพวกมึง เดินห้าง?” เต้หันไปถามปอ แดดแรงจนเขาต้องหยีตา ทั้งกลุ่มจึงเดินมาแถวใต้ต้นไม้ใหญ่ร่ม ๆ หน่อย
“ไม่ใช่หรอกครับเฮีย ไอ้แคปมันต้องไปทำงานดีเจอะไรของมันน่ะ” ปอทำหน้าดุบอกแคปว่าห้ามโกหก
“ทำไมถึงเป็นวันนี้ล่ะวะ”เต้ซักไซ้น้องชายตัวเอง วันนี้มันวันพฤหัส แต่แคปมันจัดรายการทุกคืนวันศุกร์ เขาไม่มีทางจำผิดแน่นอน
“อัดสปอร์ตเพิ่ม ไม่มีอะไรแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จ”
“อ้อ..” เต้พึมพำพยักหน้าเข้าใจ สองพี่น้องคุยอะไรบางอย่างกันนิดหน่อย ขณะที่แบงค์แยกออกมาสูบบุหรี่รอเอสก็เดินออกมายืนอยู่ข้างเต้แล้ว
“จะกลับแล้ว?” เอสถามขึ้น แคปพยักหน้าบอกใช่ เขาพยายามทำท่าทางให้ปกติที่สุดเพื่อไม่ให้พี่ชายผิดสังเกตแม้ว่าจะรู้สึกเคือง ๆ เรื่องเพื่อนมันเมื่อกี้อยู่ก็ตาม
“มึงขับรถดีๆนะไอ้ปอ ตึกไพร์มไม่ใกล้แล้วแถวนั้นรถเยอะด้วย ติดฉิบหายเลยล่ะ ไปช่วงนี้ตอนเย็นมึงจะกลับยังไง ทำไมไม่ขับรถมาเองวะคาปูเพื่อนต้องเสียเวลาไปส่งเนี่ย” เต้ดุน้องชาย แคปนี่เซ็งเลย ก็ตอนเช้าไอ้น้องรหัสเฮียนั่นแหละที่เป็นคนบังคับลากเขาขึ้นรถมัน เป็นไงล่ะพอจะใช้รถขึ้นมาจริง ๆ ต้องอาศัยรถคนอื่น
“จะไปทำไมตึกไพร์ม” คราวนี้เป็นเอสที่ถามขึ้นเสียงเย็นเฉียบเลย เพราะว่าก่อนหน้านี้แคปบอกเอาไว้ว่าจะไปช้อปปิ้งเขาจึงทิ้งบัตรเครดิตไว้ให้ แต่นี่จู่ ๆ เฮียเต้บอกว่าแคปมันจะไปตึกไพร์ม ตกลงคืออะไร?
“มันจะไปอัดสปอร์ต”เต้หันไปบอกเสียงเรียบ ๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกคนคุกรุ่นแค่ไหน
“อัดสปอต?”