แจ้งข่าว++ B e c a u s e_O f_Y o u . . .' ซ น ' [ตอนพิเศษ 1.2] 11-8-15 P.13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แจ้งข่าว++ B e c a u s e_O f_Y o u . . .' ซ น ' [ตอนพิเศษ 1.2] 11-8-15 P.13  (อ่าน 108935 ครั้ง)

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ซนบอกตัวเองต้องการความชัดเจน


แล้วน้องเอย


แล้วน่านละ พวกเขาไม่ต้องการความชัดเจนเหรอ


น่านเป็นห่วง เป็นกังวลกับเรื่องของซน


แต่ซน ดูจะ ชิลๆ สบายๆไปกับทุกสิ่งรอบตัว หาความสำคัญของน่านไม่เจอเลยในความคิดซน

ออฟไลน์ BoolinMini

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
แหม ถ้าคนแต่งไม่เบรกบอกว่าอย่าเกลียดน้องเนี่ย อีกนิดก็จะถึงแล้วนะเนี่ย  :m16: :m16:

ออฟไลน์ armize

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ซนเอ้ย....วันนึงที่น่านไม่อยู่กับหนูจะเกิดความรู้สึกอย่างไร.  หนูกำลังจับปลาทั้งมือ
ระวังตัวเองจะเจ็บสุดนะ

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3
เข้ามาตามอ่านเรื่องนี้อีกคนครับ

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
Because of you ซน ตอนที่ 16 คนสำคัญ

เสียงดังเหมือนตอกหรือทุบอะไรสักอย่างทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา ฟ้าสีส้มด้านนอกบ่งบอกว่าเวลาตอนนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงหัวค่ำ น่านฟ้าส่งเสียงครางงึมงำในลำคอเหมือนไม่พอใจที่ผมขยับตัว มันดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเองแล้วหลับต่อแบบไม่คิดจะลุกขึ้นไปไหน

ผมกับพวกไอ้น่านเรามาอยู่ที่นี้เกือบจะสองอาทิตย์แล้วครับ พี่ชัยไม่ปล่อยให้เงินบริษัทที่จ่ายพวกผมวันล่ะ 500 บาทสูญเปล่า เรียกว่าเงิน ที่ได้มาในแต่ล่ะวันคุ้มเกินคุ้มเสียยิ่งกว่าอะไร ผมยอมรับนะว่าตัวเองก็เป็นลูกคุณหนูคนนึงถึงจะไม่ได้มากมายเท่าแก๊งไอ้น่านแต่เวลาเจอแดดแรงๆ หรือต้องปีนไปติดแผงโซลาเซลล์ก็ทำเอาผิวแสบคันไปหมด (ผมเป็นโรคแพ้เหงื่อตัวเอง เวลาเหงื่อออกมากๆจะแพ้ คันเต็มตัวไปหมด)

ส่วนพวกไอ้น่านกับแก๊งสเตอร์ ผมไม่ยักกะเห็นมันบ่นอะไรสักคำ ขนาดพี่แอลที่ผมแอบปรามาสมันไว้ในใจลึกๆมันยังแค่บ่นนิดๆหน่อยๆ ไม่ได้บ่นเยอะ บ่นมากถึงกับทำให้คนอื่นเดือดร้อนเหมือนผม ส่วนไอ้คนที่เดือดร้อนเพราะผมก็มีอยู่แค่คนเดียวแหละครับ เพราะต้องวิ่งไปหาน้ำ หายามาให้ผมตลอด ไหนจะต้องช่วยเอากระดาษมาพัดให้เหงื่อมันแห้ง เพราะเวลาที่ตัวผมชุ่มไปด้วยเหงื่อมากๆรอยผื่นแดงจะเต็มตัวไปหมด

ผมถามมันนะว่ามันเหนื่อยหรือร้อนบ้างหรือเปล่า มันก็ตอบว่าเหนื่อย ร้อน แต่ชิน แล้วก็เล่าให้ฟังว่าภาควิชาที่มันอยู่ต้องไปเข้าค่ายสร้างนู่นนี่นั่นเยอะแยะ มันถึงชิน

“น่าน”

“อื้ม”

“ตื่นไหม เดี๋ยวปวดหัว วันนี้พี่ชัยแกจะพาไปบ้านแกที่อยู่ในตัวเมืองไม่ใช่เหรอวะ” มันหรี่ตามองผมแล้วหลับลงไปอีกรอบ “น่านฟ้า ตื่น”

“อืม ตื่นแล้ว” มันพูดว่าตื่นแล้วแต่ตามันยังหลับสนิท แถมยังขยับเอาหัวหนักมานอนทับบนตักผมก่อนจะกอดเอวผมไว้หลวมๆ หน้ามันซุกอยู่ตรงท้องผม ลมหายใจร้อนๆที่เป่ารดผิวเนื้อเพราะไม่ได้ใส่เสื้อมันทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ

“น่าน” ผมเลิกคิ้วมองไอ้แมวตัวโตบนตักอย่างงงๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากเรียกชื่อมันเท่านั้น ส่วนมือตัวเองก็ยกขึ้นลูบศีรษะมันอย่างเคยชิน

“พี่ชัยนัดกี่โมง”

“ทุ่มสองทุ่มมั้ง” น่านฟ้าขยับพลิกตัวนอนหงายเพื่อสบตาผมที่กำลังก้มมองหน้ามันอยู่ หนวดไอ้น่านเริ่มขึ้นเป็นตอๆ ในสายตาคนอื่นมันอาจจะดูเท่แต่สำหรับผมกับไม่ใช่เพราะไอ้หนวดบ้าของมันแทงผิวผมจนแดงไปหมด

“เหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่ามึงไปอาบน้ำแล้วโกนหนวดออกด้วยนะ หนวดมึงเริ่มขึ้นแล้ว” ผมใช้มือลูบไปตามคางไอ้น่านเบาๆ แต่เพราะความรู้สึกเหมือนคนกำลังจ้องผมถึงเลื่อนสายตาไปสบตากับมัน เห็นไอ้น่านกำลังยิ้มแบบกรุ่มกริ่มเหมือนคนบ้า “.ยิ้มทำไมวะ”

“เปล่าครับผม”

“เปล่าเชี่ยอะไรก็เห็นยิ้มอยู่ชัดๆ ด่ากูในใจใช่ไหม”

“ทำไมมึงชอบคิดว่ากูด่าวะ” จะไม่ให้คิดได้ไง สายตามันเหมือนคนมีปัญหากับผมอยู่ตลอดเวลาแบบนั้น ใครไม่คิดก็บ้าแล้ว

“ก็หน้าตามึงกวนตีน สรุปมาเลยว่าที่มึงยิ้มอ่ะ มึงล้ออะไรกูอยู่ในใจใช่ไหม”

“เปล่าครับผมก็แค่ ...มีความสุข” น่านฟ้าพูดพร้อมกับใช้มือเกลี่ยหลังผมไปด้วย ไม่ใช่แค่มันหรอกครับที่รู้สึกแบบนั้น ผมเองก็สุขไม่ต่างจากมันนักหรอก ถึงแม้งานจะหนักมากแค่ไหน แต่ความสุขมันก็มีมากกว่า

“มากมายขนาดนั้นเชียว”

“ก็มากนะ มากในระดับที่เอนโดฟินหลั่งโดยที่ไม่เอากับมึงอ่ะ อยู่แบบนี้โดยไม่เอามึงไปตลอดกูว่าก็มีความสุขดี ความฟินอยู่ในระดับใกล้ๆกัน”

“หึ” ผมขำหึในลำคอก่อนจะยกยิ้มมุมปาก “คนอย่างมึงไม่มีเซ็กส์เนี่ยนะ พูดให้ตัวเองดูดีทำไมวะ ทั้งๆที่มันไม่จริงสักนิด”

“ผมพูดจริงครับคุณ อยู่กับคุณผมมีความสุขจริงๆ” ผมชอบนะเวลาที่มันคิดอะไรอยู่แล้วพูดออกมาทันที ซึ่งนั่นเป็นส่วนดีของน่านฟ้า และก็เป็นส่วนที่ผมกลัวมากที่สุด เพราะน่านฟ้าเป็นคนชัดเจนไม่ต่างอะไรจากผม แต่ที่มันยังไม่ลงลึกในรายละเอียดบางอย่างให้มันชัดเจนมากกว่านี้เป็นเพราะผมเองที่ขอมันไว้

เฉพาะแค่ผมกับมันเท่านั้นที่ผมกลัวความชัดเจน กลัวจน....ไม่อยากให้มันพูดอะไรออกมาทั้งนั้น

ก็อย่างที่บอก ผมมีความสุขกับสถานะที่เรากำลังเป็นอยู่ตอนนี้ และผมก็คิดว่าน่านฟ้าเองก็คง...มีความสุขไม่ต่างกันหรอกมั้ง

แต่ถ้าถามว่ารู้สึกแบบเดียวกับที่มันรู้สึกไหม


ผมตอบไม่ได้หรอกครับ


เพราะผมก็มีใครอีกคนที่ต้องรักมากกว่ามัน
 
“ลุกได้แล้วมั้ง”

“ขี้เกียจ”

“จะลุกไหม กูเมื่อยเนี่ย”

“ครับๆลุกแล้วคร้าบ..แล้วนี่มึงกินยาแล้วใช่ไหม”

“กินแล้ว” ยาที่ไอ้น่านพูดถึงคือยาแก้แพ้ โดยปกติผมไม่ได้กินมันทุกวันหรอกครับ แต่วันนี้แดดแรงมากจนผื่นขึ้นเต็มตัวไปหมด

“กินแล้ว???แล้วทำไมตรงนี้ยังแดงอยู่ล่ะ” น่านฟ้าลุกขึ้นนั่งดีๆแล้วเอานิ้วจิ้มตามจุดแดงๆที่มันบอกว่าเป็นผื่นที่เกิดจากอาการแพ้เหงื่อ “แล้วจุดแดงๆพวกนี้มันอะไรกันนะ”

“มึงจะเล่นใช่ไหมน่าน”

“ก็ถามว่าไอ้จุดพวกเนี่ยแพ้อะไร” มันยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนจุดสีแดงที่อยู่ใกล้ปากตัวเองที่สุดก่อนจะดูดเม้มอีกครั้งให้รอยแดงมันชัดขึ้นมากกว่าเดิม

“พอออออ กูบอกหลายรอบแล้วไหมน่านเวลาจะดูดกูเนี่ย กูให้เฉพาะในร่มผ้ามึงเล่นซะตรงซอกคอ ใครเห็นใครทักตลอด ยิ่งไอ้พี่แอลกับพี่ป็อบนี่ล้อกูยันลูกบวชเรื่องที่มึงทำเนี่ย”

“ล้อก็ล้อไปดิ คนอื่นจะได้รู้”

“เลิกมโนเหอะว่ะน่านมันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดหรอก” ช่วงที่ผ่านไอ้น่านมันชอบมโนว่าพี่ลมสนใจผมในเชิงนั้น ซึ่งจากที่ผมสังเกตดูมันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าคนรู้จักกันที่บังเอิญมาฝึกงานด้วยกันเท่านั้น

“เหอะ มึงอ่ะไม่รู้อะไร เตี้ยๆอย่างมึงมองสายตามันไม่ออกหรอกว่ามันคิดอะไรอยู่” ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับมันแล้วครับ เถียงไปก็เหมือนพูดให้คนหูหนวกฟังเพราะมันไม่รับฟังอะไรสักอย่าง เชื่อมั่นในความคิดตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว พวกซ้ายจัด บ้าอำนาจ ขี้เอา นิสัยเสีย

“มึงอ่ะคิดเยอะลุกได้แล้วสัส จะอาบไหมน้ำ ถ้าไม่อาบกูจะอาบก่อน” ผมผลักหัวไอ้น่านออกจากบ่าแล้วลุกเดินเข้าห้องน้ำทันที ได้ยินเสียงมันหัวเราะตามมาเบาๆ เห็นแล้วหมั่นไส้โคตร ช่วงนี้น่านฟ้าอารมณ์ดีจนเหมือนคนบ้า แล้วพอมันอารมณ์ดีคนที่ลำบากก็มีแต่ผมเนี่ยแหละ โดนแซะ โดนแกล้ง โดนทำนั่นนี่นู่นตลอด บางทียังแอบคิดอยู่ในใจลึกๆเลยว่าจริงๆแล้วผมแอบมีความสัมพันธ์ทางกายกับคนประสาทไม่ดีหรือเปล่า






หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ลงมานั่งรอพี่ชัยที่โถงด้านล่าง คนที่นั่งรออยู่ก็มีพวกกลุ่มพี่ลมที่กำลังนั่งเล่นกีต้าร์กันอยู่ ส่วนพี่ป็อบกับพี่แอลก็ดูเหมือนกำลังซ่อมโต๊ะที่เมื่อวานตอนนั่งกินเหล้าพี่ป็อบถีบโต๊ะนั้นจนขาหัก ถึงว่าตอนที่ตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงดังเหมือนตอกอะไรกัน

“ผมว่ามันจะยิ่งแย่กว่าเดิมไหมพี่โก้” ผมถามพี่โก้ที่ยืนมองพี่ป็อบกับพี่แอลซ่อมโต๊ะอยู่ใกล้ๆ ไม่รู้คิดดีแล้วหรือเปล่าที่ให้สองคนนี้ซ่อมกลัวว่าจากที่ซ่อมๆอยู่มันจะกลายเป็นพังซะมากกว่า
 
“แค่นี้มึงก็ทำไม่เป็นหรือไงป็อบกะอีแค่เอาขามาต่อกับตัวโต๊ะแล้วตอกตะปูเข้าไปแบบนี้”

“พูดมันก็ง่ายดิก็มึงเป็นคนสั่งนี่หว่า”

“งั้นส่งค้อนมาดิ ให้กูทำ”

“อย่างมึงจะทำเป็นอะไรแอล โง่ๆอย่างมึงอ่ะ”

“เชี่ยป็อบมึงด่ากูเหรอ!!!!”

“เฮ้อออ พี่ก็ว่างั้นแหละ” ไอ้พี่โก้เพิ่งตอบคำถามผมก่อนจะส่ายหัวแล้วเดินไปดึงค้อนออกจากมือพี่ป็อบ

“โก้ ดูเชี่ยป็อบดิ”

“เลิกบ่นได้แล้วแอล” พี่โก้ดึงมือพี่แอลที่ยืนอยู่ให้ขยับนั่งลงข้างๆกัน

“ก็ไอ้เชี่ยป็อบมันกวนตีนกูอ่ะโก้ มึงเข้าข้างมันมากกว่ากูเหรอ”

“กูเปล่ากวนสักหน่อย ตีนมึงไม่เห็นจะมีอะไรน่ากวน แดกก็ไม่ได้”

“เออออ เดี๋ยวมึงจะได้แดกตอนนี้และเชี่ยป็อบ” ผมมองพี่ป็อบกับพี่แอลที่กำลังจะตีกันโดยมีพี่โก้คอยห้าม ตลกดีนะครับ เวลานี้ก็ตีกันตลอด แต่เวลาไม่เห็นก็ถามถึงกันทุกที

“ซนมานี่มา” ผมหันมามองพวกพี่ลมที่กวักมือเรียกผมอยู่ตรงโซฟากลางบ้าน

“ไอ้น่านล่ะซน” พี่สิงห์เป็นคนเอ่ยปากถามผมพร้อมกับลุกจากที่นั่งตัวเองไปนั่งตรงโซฟาอีกฝั่งก่อนจะพยักหน้าให้ผมนั่งลงแทนที่เขาคือที่นั่งข้างๆพี่ลมแทน

“อาบน้ำอยู่ครับ แล้วนี้พวกพี่เล่นเพลงอะไรกันอ่ะ”

“ก็เล่นไปเรื่อยอ่ะ น้องซนอยากลองเล่นดูบ้างไหมล่ะ”

“อย่าเลยครับ ผมเล่นไม่เป็นหรอก  เคยอยากลองเล่นอยู่เหมือนกันแต่ก็ยังไม่มีโอกาส” ผมก้มมองกีต้าร์บนตักพี่ลมอย่างสนใจ

“ตอนนี้ก็เป็นโอกาสแล้วนี่ ซนลองเล่นดูเลยล่ะกัน” พี่ลมขยับกีต้าร์ที่วางอยู่บนตักตัวเองมาวางไว้บนตักผม

“จะดีเหรอพี่ลม ผมเล่นไม่เป็นนะ ถ้ามันพังขึ้นมาทำไง”

“ไม่พังหรอก เดี๋ยวพี่สอน” ไอ้พี่ลมไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรสักอย่างขยับเข้ามาใกล้ผมก่อนจะใช้มือข้างนึงโอบอ้อมหลังผมมาจับที่มือ...

“พี่ลม...” ผมเอนตัวหนีไอ้พี่ลมที่ขยับเข้ามาใกล้มากเกินไป “ทำอะไรวะพี่” รู้สึกว่าหน้ามันใกล้ผมเกินไปหรือเปล่า

“ก็พี่กำลังจะสอนกีต้าร์ซนไง” แน่ใจเหรอวะ??



“ทำอะไรกันน่ะ!!” ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเสียงที่ดังขึ้นทั่วบ้านเสียงใคร ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ยินเสียงไอ้น่าน

“ทำไมต้องเสียงดังขนาดนั้นด้วยวะ” ไอ้พี่ลมส่งสายตาไม่พอใจไปให้ไอ้น่านที่ยืนอยู่ตรงประตู

“มึงนั่นแหละที่ควรเงียบลม” พี่ฉัตรบอกเพื่อนตัวเองส่วนไอ้พี่ลมมันก็แค่ยักไหล่เหมือนไม่ได้แคร์ในสิ่งที่เพื่อนตัวเองพูดเท่าไหร่ ผมว่าไอ้พี่ลมกวนตีน

“อ่าวเด็กๆ...เตรียมตัวเสร็จกันแล้วใช่ไหม งั้นเราไปกันเลย...มะ...ไหม” พี่ชัยเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะหันซ้ายทีขวาที เหมือนพี่แกกำลัง งงๆ กับบรรยากาศอึมครึมที่เกิดขึ้น “มีอะไรกันหรือเปล่า”

“เปล่าพี่ ไปกันเลยไหม ป่ะๆ” ไอ้พี่ป็อบทิ้งงานแล้วเข้าไปกอดคอพี่ชัยอย่างเป็นกันเอง

“อะไรของมึงเนี่ยป็อบ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ฝึกงานด้วยกันต้องรักกันนะพวกมึง ห้ามทะเลาะกันเข้าใจไหมวะ ถ้าพวกมึงทะเลาะกันรุ่นน้องมึงหมดสิทธิ์ได้มาฝึกต่อที่นี้แน่”

“โหพี่ชัยไม่มีอะไรหรอกพี่ ไปพี่ไปกินเหล้ากันดีกว่า” ไอ้พี่ป็อบกอดคอพี่ชัยแล้วพากันเดินออกจากบ้านไป ส่วนคนอื่นๆก็เดินตามออกไปเงียบๆ ตอนเดินออกไปพี่ลมหันมามองผมด้วยเหมือนจะชวนให้เดินออกไปพร้อมกันแต่มันโดนไอ้พี่ฉัตรลากตัวออกไปก่อน ได้ยินเสียงพี่ฉัตรกับพี่สิงห์ด่าพี่ลมแว่วๆแต่ไม่รู้ว่าด่าว่าอะไร เพราะในหัวผมตอนนี้กำลังคิดถึงคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมมากกว่า

“น่าน...”ผมเรียกชื่อมันเสียงเบามาก  ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกผิดแบบแปลกๆทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรสักนิด

“...........”น่านฟ้าไม่ตอบแต่หันหน้ามามองผมแบบไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

“มึงงอนกูเหรอ”

“ห้ะ??? อย่างกูเนี่ยนะงอน เหอะ”

“เอออย่างมึงนั่นแหละ” ผมเบะปากใส่แล้วเอื้อมมือไปจับนิ้วมัน น่านฟ้าก้มหน้ามองมือผมที่จับนิ้วมันแล้วเลิกคิ้วถาม

“ง้อกู”

“รู้ได้ไงว่าง้อ”

“อ่าวก็ที่มึงทำอยู่แถวบ้านกูเรียกว่าง้อ”

“งั้น.....แสดงว่ามึงงอนจริงๆอ่ะดิ” ผมยิ้มหน้าบานที่จับไต๋คนอย่างไอ้น่านได้แต่สุดท้ายก็ต้องรีบหุบยิ้มทันทีเพราะมันไม่ได้ยิ้มด้วย

“มึงโกรธกูเรื่องแค่นี้อ่ะนะน่าน เขาก็แค่สอนกีต้าร์กูป่ะวะ”

“มันไม่ใช่แค่ที่มึงเข้าใจหรอกนะซน”

“แล้วที่มึงเข้าใจมันถูกแล้วเหรอวะ ที่มึงคิดว่าเขาชอบกู มึงบ้าป่ะวะ เขาจะมาชอบกูทำไม กูผู้ชายนะเว้ย”

“มึงลืมคิดไปหรือเปล่าว่ากูก็ผู้ชาย!!!” มันตะโกนเสียงดังลั่นบ้านจนผมสะดุ้ง “กูผิดเหรอวะที่โกรธมึง ไม่โอเคที่เห็นมันโอบมึงแบบนั้นอ่ะ ถ้ากูมาไม่ทันอีกนิดเดียวปากมันจะโดนแก้มมึงอยู่แล้ว” น่านฟ้ามันชอบพูดเว่อร์ เมื่อกี้ผมก็เอนหน้าหนีแล้วเหอะ ห่างกันเป็นวาไม่ได้ใกล้ขนาดนั้นสักหน่อย

“น่านมึงเริ่มไม่มีเหตุผลแล้วนะ” ผมกระตุกแขนไอ้น่านเบาๆอย่างน้อยให้มันมีสติมากกว่านี้ “แล้วถึงแม้ว่าไอ้พี่ลมจะทำอะไรกูมึงก็ไม่มีสิทธิ์หวงป่ะวะ ก็ในเมื่อมึงไม่ได้เป็นอะไรกับกู”

ผมยอมรับก็ได้ครับว่าผมโมโห ผมไม่ชอบคนไม่มีเหตุผล ยิ่งไอ้การหวงไร้สาระที่มันกำลังทำอยู่มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่

“เรื่องนั้นกูรู้อยู่แล้วแหละซน มึงไม่ต้องย้ำกูมากนักหรอก กูรู้อยู่แล้ว...ว่ากูไม่สิทธิ์หวงอะไรมึง...ขนาดจะพูดว่ารู้สึกยังไงกับมึง กูยังไม่มีสิทธิ์เลย...”

“น่าน...คือกู...”

“ช่างเถอะ...” มันพูดเสียงเบาเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า “พี่ชัยรออยู่ รีบไปกันเถอะว่ะ”

น่านฟ้าพูดเสร็จก็เดินนำหน้าผมไปที่รถพี่ชัยที่จอดรออยู่ทันที คนอื่นๆนั่งหน้ากันหมดเหลือแค่กระบะหลังไว้ให้ผมนั่งกับไอ้น่านนั่ง



ลมเย็นที่พัดโกรกตอนที่รถวิ่งมันเป็นบรรยากาศที่ผมไม่สามารถสัมผัสได้ถ้าอยู่ที่กรุงเทพ เพราะบรรยากาศรถติด มลพิษมาเป็นโขยงแบบนั้นมันทำให้ทุกคนที่นั่นแทบจะไม่ซื้อปิ๊กอัพเพื่อใช้ในครัวเรือนเลย มีแต่ใช้ไว้ส่งของเท่านั้น

สองทุ่มกว่าๆของที่นี้ช่างแตกต่างจากกรุงเทพอย่างสิ้นเชิง ความมืดโรยตัวเข้ามาเร็ว บ้านเรือนหลายบ้านที่รถขับผ่านปิดไฟนอนกันตั้งแต่ยังหัวค่ำ ท้องฟ้าของที่นี้เป็นท้องฟ้าเดียวกันกับกรุงเทพ แต่ฟ้าที่นี้กับเต็มไปด้วยดาวที่เต็มท้องฟ้ามากกว่า

“น่าน...”

“........”

“มึงรู้ไหมว่าทำไมท้องฟ้าที่นี้มันถึงมีดาวมากกว่าที่กรุงเทพ” ผมถามมัน แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็ยังเป็นความเงียบ ผมรู้นะว่าผมผิด ผมพูดในสิ่งที่ทำให้คนข้างๆรู้สึกแย่ แต่จะให้ทำไงวะก็ตอนนั้นมันโกรธจริงๆนี่หว่า น่านฟ้ามันไม่มีเหตุผลอ่ะ “น่าน.....”

“.....” มันก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม

“น่านฟ้า...”

“........”

“กูขอโทษ” ผมขยับตัวเอาหัววางไว้บนบ่าไอ้น่าน  ยังดีที่มันไม่ได้ทำท่ารังเกียจขยับตัวหนี

“มึงไม่ผิดอะไรนี่หว่า”

“กูผิด กูขอโทษ”

“ไม่ผิดหรอก ก็ที่มึงพูดออกมามันจริงนี่หว่า กู...ไม่มีสิทธิ์หวงอะไรมึง...” ยิ่งได้ยินมันพูด ผมก็ยิ่งรู้สึกแย่ ผมไม่ชอบที่มันเป็นแบบนี้เลยด้วยซ้ำ “กูเองก็ไม่รู้ว่ะซน กูไม่รู้ว่าตัวเองจะทนกับมันได้อีกนานแค่ไหน ยิ่งได้ยินมึงพูดย้ำตลอด กูก็ยิ่งรู้ตัว ว่ากูไม่ได้สำคัญอะไรกับมึงขนาดนั้น”

“ไม่ใช่!!”

“พอเถอะ ขี้เกียจฟังแล้วว่ะ เมื่อกี้มึงกำลังจะพูดว่าทำไมดาวที่กรุงเทพถึงมีน้อยกว่าที่นี้ใช่ป่ะ แล้วไงต่อนะ” มันพูดถามผมทั้งๆที่ไม่ได้มองหน้าผม

“มึง”

“กูบอกแล้วไงว่าช่างมันเถอะ”

“น่าน...มึงฟังกูก่อนได้ป่ะล่ะ กูขอโทษ มึงอย่าเข้าใจไปเองได้ป่ะวะ ว่ามึงไม่สำคัญ” ผมขยับนั่งหันไปมองหน้าไอ้น่านแบบเต็มตัว

“.....”

“มึงสำคัญกับกูนะน่าน” ผมจับหน้าไอ้น่านด้วยมือทั้งสองข้าง ส่วนตัวเองก็แทบจะปีนขึ้นไปนั่งบนตักมันแล้ว “สำคัญ มึงสำคัญกับกู”


รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองกลัวอะไรมากที่สุด ความรู้สึกบางอย่างที่ตื้อขึ้นมาจนจุกอยู่ที่คอ



มันทำให้ผมรู้เลยว่า ถ้าไม่มีไอ้น่าน ผมไม่มีทางยืนต่อไปได้ไหว



ผมรับมันไม่ไหวแน่ๆ





“มึงสำคัญ”

“ก็แค่นั้นแหละ...” มันหลุดยิ้มออกมาจนดูน่าหมั่นไส้

“หมายความว่าไงอ่ะ”

“ก็หมายความว่า สำหรับกู ณ ตอนนี้ เท่านี้ก็โอเคแล้ว”

“จริงนะ” ผมถามมันเพราะยังไม่ค่อยเชื่อมันเท่าไหร่

“เออออจริง” ผมถอนหายใจออกมาแล้วขยับลงจากตักไอ้น่านมานั่งพิงกระบะแทน

“หายโกรธกูจริงๆนะเว้ย ห้ามมางอแงไร้สาระอีกเด็ดขาดนะมึง”

“เออหายแล้ว” ผมยิ้มแล้วเอาหัววางบนบ่ามันอีกรอบ แค่มันหายโกรธ ผมก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก แค่นี้จริงๆ สำหรับผมบางที มันอาจจะมีแค่นี้จริงๆ แค่มันไม่โกรธ ไม่เกลียดผม แค่นั้นก็พอแล้ว “แล้วคนที่งอแงมันก็มึงไม่ใช่หรือไง”

“ตลกและ ไม่ใช่กูเถอะ”

“เหรอวะ”

“เออดิ เลิกพูดเถอะว่ะ กูกำลังจะเล่าเรื่องที่ดาวที่นี้มีมากกว่า” ผมเปลี่ยนเรื่องแล้วเงยหน้ามองดาวบนฟ้า “ที่ดาวที่นี้มีมากกว่าจริงๆแล้วดาวมันเท่าเดิม แต่แค่กรุงเทพแสงสว่างจากไฟฟ้ามันมีมากกว่า ทำให้เรามองเห็นดาวไม่ชัดเท่าที่นี้ไง”

“อืมมม ดูมีความรู้นะเรา”

“ก็แหงล่ะ นี่ใครครับ” ผมพูดพร้อมกับเอาคางวางไว้บนบ่าน่านฟ้า มันหันมามองหน้าผมแล้วจุ๊บลงที่ปาก หลายรอบ

“กูสำคัญกับมึงหรือเปล่าซน” ริมฝีปากมันยังคลอเคลียอยู่ตรงปากผม

“มึงคิดว่าไงล่ะ”

“อย่าเล่นลิ้นได้ไหม กูอยากฟังอีกรอบ”

“สำคัญสิ” สำคัญมากจนตัวผมเองยังไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำ




ปัง ปัง ปัง

เสียงทุบกระจกทำให้ผมกับไอ้น่านหันไปมองคนที่อยู่หน้ารถ พวกพี่แอล พี่ป็อบทำท่าจะอ้วกใส่ผม ส่วนไอ้พี่ลมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่จากที่เห็นก็ดูเหมือนจะแค่แกล้งทำนะครับ เพราะมันจับหัวใจตัวเองแล้วเบะปากเหมือนเด็กๆ

“มึงทำอะไรของมึงวะ จูบกูต่อหน้าพวกมันทำไม” ผมโวยวายเสียงดัง

“จะไม่ให้กูจูบได้ไงก็ในเมื่อมึงอ่อยกูอ่ะ”

“อ่อย?? อ่อยตรงไหนวะ กูยังไม่ได้อ่อยมึงอย่างที่มึงพูดสักนิด”

“ก็อ่อยตรงที่จู่ๆก็เอาคางมาวางไว้บนบ่ากู ยื่นปาก ยื่นจมูกมาให้กูจูบเอง...ไม่ใช่เหรอ”

“เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย มันไม่ใช่แบบนั้นโว้ยยยยยย”



>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<
ยังฟินอยู่นะ ยังไม่ม่าเลย ><
บางทีก็เพลียตรรกะอิน้องซนนะ แบบว่าบางทีก็คิดเยอะ แต่บางทีก็คิดน้อยไป
เฮ้ออออ :เฮ้อ: สงสารก็แต่อิคนที่นั่งอยู่ข้างๆนั่นแหละจะรับไหวไหม (เปล่าสปอยนะ 5555555555 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:)
เจอกันอาทิตย์หน้านะคะ

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
รู้สึกแบบ อร๊างงงงงงงงงงงงง
น่ารักอ่ะความสัมพันแบบนี่อ่ะ
ถึงจะเจ็บปวดแต่บางทีก็หวามหอม

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
:เฮ้อ:

เมื่อไรพี่น่านจะหันมาเยียวยาหัวใจตัวเองสักทีล่ะค้าา?? ถอยออกมาเถิดด~ เราอยากเห็นน้องซนวิ่งตามพี่น่านบ้างแล้วล่ะค่ะ *ชูป้ายไฟประท้วงน้องซน (ชั่วคราว)* o18

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ขอบคุณค่ะ.  ตอนนี้แอบสั้นนะ ไม่หายคิดถึงพี่น่านเลย
คราวหน้าขอพี่น่านเล่าบ้างนะคะ. อ่านที่ซนเล่าบอกตรงๆว่ายังเข้าไม่ถึงนางเลย. ติสเกิ๊น

เป็นคนที่สำคัญ แต่ความสัมพันธ์ไร้คำนิยามสินะ.  :katai1:  ฟินแบบหน่วงๆค่ะเคยเป็นไหม

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ความสัมพันธ์ที่มีกัน 3 คนนี่มันคับแคบและอึดอัดนะ
ซนวินที่สุดในตอนนี้ได้ความรักจากทั้งสองด้าน
เห็นแก่ตัวไหม? ก็ใช่อยู่
ซนลืมไปกระมังว่าอีก2 คนก็รู้สึกเป็นและคิดเป็น
ทางฝ่ายน่านถ้าหากว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนก็อาจจะตัดสินใจทำอะไรเอง
ฝ่ายผู้หญิงซนคงลืมไปว่าผู้หญิงเซ๊นส์แรง
ต่อให้ซนจะแสดงความรักมากยังไงก็ตาม
ซนเปลี่ยนไปแล้ว ความสนใจที่มีเคยให้เขาคนเดียวมันแบ่งไปแล้ว
คิดหรือว่าสาวเจ้าจะไม่รู้สึกอะไร
ดูถูกผู้หญิงมากไปนิดนะซน
อีกอย่างทั้งน่านและแฟนสาวก็ไม่ใช่ของตายสำหรับซนตลอดไปหรอกนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สงสารน่านอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3
จะได้สมหวังกันไหมคู่นี้

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
ถอยเหอะน่าน เชื่อป้า

ออฟไลน์ BoolinMini

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ทีมน่านฟ้านะคะ :monkeysad:

ถึงจะฟินก็ยังไม่ปลื้มซนอยู่ดี

ถ้ารู้ตัวว่าต้องรักใครมากกว่าก็ปล่อยอีกคนเถอะ

สงสารคนอื่นบ้าง ไม่ใช่มองเห็นแค่ตัวเอง

น่านลูก น่านมูนวอร์คถอยหลังได้แล้วลูก

อกอีแม่จะแตกแล้วววว :ling1:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
 น่านอยีาเพิ่มท้อนะเพราะซนมันไม่ยอมรับความจริงทั้งๆที่คงขาดน่านไม่ได้หรอกกเชื่อเถอะ

ออฟไลน์ ssipra

  • นักอ่านมืออาชีพ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ซนมันผู้ชายขี้อ่อย น่านหลงหัวปรักหัวปรำ สงสารน่าาาาาาา  :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
Because of you ซน ตอนที่ 17

“เหนื่อยอ่ะ” ผมบ่นไม่หยุด เพราะความเหนื่อยสะสมตลอดสองเดือนที่ผ่านมามันทำให้ผมเหนื่อยจนแทบจะขาดใจ ที่พี่ชัยเคยบอกไว้ว่าให้ทำห้าวันหยุดสองวันแม่งโกหกทั้งเพ เพราะเอาเข้าจริงๆพวกผมกลับทำงานเจ็ดวันเลยด้วยซ้ำ อาจจะมีหยุดบ้างแต่อาทิตย์นึงมันก็แค่หนึ่งวันเท่านั้นหรือเลวร้ายสุดๆก็คือไม่หยุดเลย ยังดีที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พวกผมจะฝึกงานที่นี้ สองเดือนที่ผ่านมาอาจจะเร็วมากสำหรับใครบางคน แต่กับผมมันไม่ต่างจากนรกที่แต่ล่ะวันผ่านไปช้าเหลือเกิน แรกๆงานมันก็ทรงตัวไม่หนักเท่าไหร่ แต่พอเริ่มเข้าอาทิตย์ที่สามเท่านั้นแหละ งานเข้ามาไม่ขาดสายเลย ทั้งงานซ่อม งานติดตั้ง ซึ่งปกติแล้วพี่ชัยจะแบ่งทีมออกไปซ่อมหรือติดตั้งทีมล่ะสี่คน แต่ช่วงเดือนสุดท้ายที่เหลือพี่แกต้องแบ่งเหลือแค่ทีมล่ะ 2 เท่านั้น

“บ่นอะไรวะ กูเองก็เหนื่อยไม่ต่างไปจากมึงหรอก เอาน่าหลังจากนี้ก็ไม่มีแล้ว” น่านฟ้าพูดพร้อมกับขยับนั่งลงบนเตียง มันเอามือมาขยี้หัวผมจนหัวผมยุ่งไปหมด

“น่านอย่าขยี้หัวดิวะ เสียทรงหมด” คนยิ่งห่วงหล่ออยู่ยังจะมาหัวเราะคิกคักอีก ก็วันนี้จะเป็นอีกวันที่พี่ชัยจะพาไปเลี้ยงส่ง ได้ข่าวว่าที่ๆแกจะพาไปได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเด็ด เขาบอกว่าเด็กสาวราชภัฏจากดินแดนริมแม่น้ำโขงมักจะมานั่งร้านนี้กันเพราะร้านจะไม่ได้ออกแนวตะวันแดงสาดแสงเดือนเหมือนคราวที่แล้วที่แกพาพวกผมไป ถ้าเป็นแบบคราวที่แล้วที่มีแต่คนทำงานกับอายุรุ่นแม่มองไปทางไหนก็หาอาหารตาไม่เจอแบบนั้นผมก็คงขอบายอ่ะ อย่างน้อยก็อยากเห็นอะไรที่มันชุ่มชื่นหัวใจอย่างสาวหนองคายก่อนกลับกรุงเทพก็ยังดี เพราะกลับไปกรุงเทพต้องไปเจอวิบากกรรมต่ออีก

แม่งเอ๊ย!!!ไม่อยากอ่านหนังสือโว้ยยยย คิดผิดคิดถูกวะเนี่ยที่เลือกเรียนต่อวิศวะเนี่ย


“แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ” น่านฟ้าเอานิ้วมาจิ้มตรงหว่างคิ้วผมให้คลายออก รู้เลยว่าตอนนี้คิ้วผมแทบจะชนกันอยู่แล้ว

“กูกำลังคิดว่ากูคิดผิดหรือเปล่าที่เลือกจะเรียนต่อวิศวะ” ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะสามารถอยู่กับมันได้ตลอดชีวิตหรือเปล่า แค่มาฝึกงานแค่สองเดือนก็ทำเอาผมจะเป็นบ้าตายอยู่มะรอมมะร่อ “กูว่ากูไปเรียนถ่ายรูปพวกนิเทศศิลป์ดีไหมวะ แต่พวกจบปวส.อย่างกูเขายังจะรับไหมอ่ะ”

 ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเปลี่ยนสายตอนนี้ยังจะทันหรือเปล่า เพราะหนังสือหนังหาที่ติวกับไอ้น่านมาก็เยอะจนสมองตอนนี้จำแต่พวกสูตรคำนวณหมดแล้วด้วยดิ เอาไว้กลับไปกรุงเทพค่อยเลือกอีกทีล่ะกันเพราะยังมีเวลาเหลืออีกตั้งอาทิตย์นึงกว่ามหาลัยเขาจะเริ่มเปิดรับนักศึกษาปวส.อย่างพวกผม ถึงตอนนั้นก็คงดูอีกทีว่าสายผมจะสามารถลงเรียนคณะอะไรได้บ้าง

“ก็น่าจะรับนะ ที่มหาลัยกูก็มีเด็กปวส.ไปสมัครนิเทศเพียบ” ผมพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ไอ้น่านพูด ขอให้มันมีจริงๆเถอะไอ้ที่มันบอก อย่างน้อยก็จะได้โล่งใจขึ้นมาอีกนิด

“เราลงไปนั่งรอคนอื่นๆข้างล่างไหม” ถึงเวลาตอนนี้มันจะเพิ่งสี่โมงเย็น และคิดว่าพวกพี่ๆหลายคนยังไม่กลับมาก็เถอะ แต่จะมานั่งง่วงนอนอยู่ในห้องตลอดมันก็น่าเบื่อ ยังดีที่งานวันนี้ของผมกับไอ้น่านเสร็จตอนเที่ยงมีเวลานอนตลอดทั้งบ่ายจนถึงตอนนี้ก็คงนอนต่อไปไม่ไหวแล้วด้วย

“เพิ่งจะสี่โมงเอง กูว่าพวกมันยังไม่กลับหรอก”

“แต่กูเบื่อแล้ว หาอะไรทำแก้เบื่อเหอะ” ผมกระเง้ากระงอดไม่เลิก ตั้งแต่อยู่กับมันมารู้สึกว่าตัวเองจะกลายเป็นคนเอาแต่ใจขึ้นมากกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังดีที่คนตรงหน้าก็เป็นพวกชอบตามใจอยู่แล้วด้วย

“หืมมมม หาอะไรทำแก้เบื่อ....เอาจริงดิ” รอยยิ้มมุมปากกับสายตาเจ้าเล่ห์ของน่านฟ้า รู้เลยว่าหัวสมองระดับหื่นกามของมันกำลังคิดอะไรอยู่ พูดเสร็จมันก็ใช้มือสองข้างกันผมเป็นกรงมนุษย์ไม่ให้ขยับหนีไปไหนได้

“จะทำอะไร”

“คิดว่าอะไรล่ะ”

“น่านฟ้า”

“ครับผม” มันยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผมแบบคนจังไรคนนึงที่พึงมีต่อคนเรียบร้อยแบบผม เอาแบบไม่เข้าข้างตัวเองเลยนะครับ ถ้าเทียบระดับหื่นกามกันระหว่างผมกับมัน บอกเลยว่าผมนี่ติดลบเรียกว่าละทางนี้โดยสิ้นเชิง ส่วนไอ้คนตรงหน้าบอกเลยว่าต่อให้พระอรหันต์มาเทศสันดานดิบอย่างมันก็ไม่มีทางลด ละ เลิกได้

“ตามใจมึงล่ะกัน บอกไว้ก่อนนะว่ากูไม่ได้อยาก...” ผมพูดพร้อมกับทำเสียงเนือยๆ เหมือนไม่ได้ตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดหลังจากนี้เท่าไหร่ ทั้งๆที่จริงๆแล้วหัวใจตัวเองแทบจะหลุดออกมาจากอก เพราะนับตั้งแต่ที่มาหนองคายจนถึงวันนี้(ไม่นับรวมวันแรก)ผมกับมันไม่ได้มีเวลามาทำเรื่องแบบนี้หรอกครับ ทำงานเสร็จ อาบน้ำ หัวถึงหมอนต่างคนก็ต่างหลับไปนอนเฝ้าพระอินทร์กันแล้ว

“หึ ครับ พี่น่านรู้ว่าน้องซนไม่อยาก มีแค่พี่น่านเองคนเดียวที่อยากทำกับน้องซน” ผมชอบนะเวลาที่น่านฟ้าเรียกผมแบบนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนว่ามันใส่ใจในความรู้สึกผม ถึงชอบมากจนเลือดทั้งตัวไหลไปรวมกองกันที่หน้ามากแค่ไหนผมก็ไม่เคยบอกมันว่าผมชอบที่มันเรียกผมแบบนี้ เพราะผมอายและเขินเอามากๆถ้ามันเรียก และถ้ามันรู้นะว่าผมชอบ มันต้องเรียกแบบนี้ไม่หยุดแน่ๆ

“เหอะ...มันก็แน่อยู่แล้วแหละ” ผมกลั้นยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นคล้องคอน่านฟ้า เอาหน้าซุกบ่ามันที่กำลังขยับเคลื่อนตัวลงมาคล่อมผมไว้ มือเย็นๆที่ถูกสอดเข้ามาในเสื้อยืดทำเอาผมสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที น่านฟ้าไม่ปล่อยให้ร่างกายผมชินกับความเย็นของฝ่ามือ มันใช้ปลายนิ้วไล้เรื่อยไปทั่วหน้าอก แผ่นท้อง และกำลังจะขยับต่ำลงไปเรื่อยๆ

“อื้ออ” แต่แทนที่น่านฟ้าจะสอดมือเข้าไปต่อมันกลับหยุดอยู่แค่นั้น วนอยู่รอบๆเอวไม่คิดจะทำอะไรมากกว่านี้ จนผมอดยกมือทุบไปที่หลังมันแรงๆไม่ได้ “อย่าแกล้ง...”

“เปล่า” เสียงกระเส่าดังชิดริมหู แต่มือเย็นยังวนรอบเอวไม่มีทีท่าว่าจะต่ำลงมากกว่านี้จนเป็นผมเองที่ทนไม่ไหว ขยับเอวขึ้นลงให้มือมันเสียดสีกับส่วนกลางลำตัวผมแทน ได้ยินเสียงมันหัวเราะเบาๆเหมือนชอบใจกับการกระทำของผมไม่มากก็น้อย น่านฟ้ามันนิสัยเสีย เวลาที่จะทำอะไรกันแต่ล่ะทีชอบมีลูกเล่นมาแกล้งให้ผมหมั่นไส้ทุกครั้ง

“อ๊า” ผมซบลงกับบ่ามันแล้วครางออกมาอย่างไม่จำเป็นต้องอายคนตรงหน้า เหงื่อผุดออกตามไรผม ขาข้างนึงยกขึ้นเกี่ยวเอวมันไว้ ส่วนอีกข้างอ้าออกให้มือหนาของคนตรงหน้าทำหน้าที่ชักนำได้สะดวกมากขึ้น “อ..อึก..อ๊ะ”

ความเร็วในจังหวะคงที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ น่านฟ้าอมยิ้มที่เห็นคนอย่างผมหลุดมาดแล้วร้องครางอยู่ใต้ร่างมัน

“หะ..น่าน” ตาหวานฉ่ำกับริมฝีปากตัวเองที่งับลงบนลาดไหล่คนตัวโตกว่า ผมชอบความรู้สึกนี้ ชอบความหวานละมุนที่น่านฟ้ากำลังมอบให้ ชอบความอ่อนโยนในทุกสัมผัสถึงแม้ไม่ได้อ่อนหวานแต่การกระทำของมันแต่ล่ะอย่างมันแสดงให้ผมเห็นว่าคนอย่างมันใส่ใจในทุกรายละเอียด

“ซน” เสียงกระซิบเรียกชื่อผมผะแผ่วพร้อมกับรอยจูบที่ฝั่งลงบนกลีบปาก ผมยิ้มรับความสุขที่เพิ่งเกิดขึ้น ก่อนจะหลับลงไปพร้อมกับความเหนื่อย











“พี่รักซนนะครับ”








เสียงทุ้มต่ำคุ้นเคยดังขึ้นเหมือนมาจากที่ไกลๆ ไกลมากจนผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินมันเป็นเรื่องจริงหรือความฝัน แต่ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้มันเป็นเพียงแค่ความฝันที่ยังไม่หลุดลอยออกมา เพราะเมื่อไหร่ที่มันหลุดออกมาผมก็กลัวว่าความจริงจะทำร้ายใครอีกหลายๆคน
























ผมตื่นขึ้นมาอีกทีเกือบๆหนึ่งทุ่ม น่านฟ้าไม่ได้อยู่ในห้องแล้วคิดว่าน่าจะลงไปข้างล่าง ความเมื่อยขบตามเนื้อตามตัวที่สะสมมาตลอดหลายเดือนดูเหมือนจะบรรเทาขึ้นมาเสียดื้อๆ ไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ แต่ที่ใครหลายคนเคยพูดไว้ว่าเซ็กส์ช่วยทำให้คลายเครียดผมคิดว่ามันก็คงมีส่วนจริงแหละ เพราะหลังจากที่มีเซ็กส์กับมันไปความเครียดหรืออาการปวดหัวตุบๆที่เป็นมาหลายวันดูจะหายเป็นปลิดทิ้งด้วยซ้ำ

หลังจากที่นั่งทำหน้าอึนอยู่บนเตียงสักพักผมก็เดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพราะอย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกวันนี้พี่ชัยจะพาไปเลี้ยงส่ง

“ตื่นแล้วเหรอ” น่านฟ้าเดินเข้ามาในห้องตอนที่ผมกำลังแต่งตัวเสริมหล่ออยู่หน้ากระจก ผมเลิกคิ้วถามมันทำนองว่ามึงเห็นกูหลับอยู่หรือเปล่าล่ะ มันหัวเราะออกมาเบาๆแล้วเดินมายืนซ้อนหลังผม เงาเราสองคนสะท้อนผ่านกระจกโดยที่มีมันสูงกว่าผมอยู่ไม่เยอะ(ก็แค่ไม่กี่สิบเซ็น ไม่อยากพูดเรื่องนี้มากหรอกครับเพราะเรื่องความสูงพูดทีไรเจ็บใจทุกที) น่านฟ้ายกกล้องที่มันภูมิใจนักหนาขึ้นวางไว้บนบ่าผม กดชัตเตอร์สองสามรูปพอเป็นพิธีก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาถ่ายอีกรูป

“ถ่ายอะไรเยอะแยะวะ”

“ก็ถ่ายไว้งั้นแหละ มึงจะได้รู้ว่าชีวิตนึงมึงเคยตัวดำขนาดนี้” ก็จริงอย่างที่มันบอก ขนาดผมลูกคนจีนผิวขาวจัดขนาดนี้ เจอแดดที่นี้เข้าไปสองเดือนคล้ำลงเหมือนกัน

“แล้วพวกพี่ๆคนอื่นๆเขากลับมากันหรือยังอ่ะ”

“มาแล้ว กำลังนั่งรอพี่ชัยมารับ” น่านฟ้าวางคางไว้บนศรีษะผมได้พอเหมาะพอเจาะ เรามองหน้ากันผ่านกระจก สีหน้ามันเหมือนคนที่ดูมีความสุขมากๆ มากเสียจนผมอดยิ้มตามไม่ได้

“ช่วงนี้มึงลืมกินยาเขย่าขวดหรือเปล่าวะน่าน ยิ้มอยู่ได้” ผมด่าไอ้น่านที่ยังคงยิ้มยักไหล่ไม่ได้แคร์เลยสักนิดว่าผมจะด่าอะไรมัน “เออมึงพรุ่งนี้เรากลับกรุงเทพกันแล้วใช่ป่ะ”

“อืม ทำไมวะ”

“ไปเที่ยวเชียงคานกันไหม ใกล้ดี ไปสักสองคืนแล้วค่อยกลับกรุงเทพ” ผมได้ความคิดนี้มาจากพี่ตุ่นคนทำความสะอาดที่พักพวกเรา แกเราว่าจากหนองคายไปเลยเดินทางไม่ไกลเท่าไหร่เพราะเป็นพื้นที่ติดกัน แล้วผมเองก็ไม่เคยไปเที่ยวเชียงคานมาก่อนด้วย อยากไปถ่ายรูป บรรยากาศที่นั่นคงจะดีสุดๆ

“กูอยากไปเที่ยวฝั่งลาวมากกว่า” น่านฟ้าหันมาเสนอความคิดเห็นในสิ่งที่ตัวเองอยากไป ฝั่งลาวผมเองก็อยากไปนะครับแต่ว่าพวกเราไม่มีพาสปอร์ตกันเลยสักคน

“แต่กูอยากไปเชียงคานอ่ะ” ผมหันหน้าไปบอกน่านฟ้าแล้วดันตัวมันให้เดินออกจากห้องพร้อมกัน

“ทำไมต้องเชียงคานวะ ไปลาวดิได้บรรยากาศเขาบอกที่นั่นอุมดมสมบูรณ์จะตาย ถ้ามึงอยากถ่ายรูปก็ไปถ่ายที่นี้ก็ได้ เห็นเขาบอกว่าใช้ใบผ่านแดนอยู่ได้ตั้งห้าวันแน่ะ” นั่นแหละที่ผมกลัว ถึงการใช้ใบผ่านแดนมันจะไม่ยุ่งยากและเสียค่าใช้จ่ายไม่เท่าไหร่ แต่พี่ตุ่น(คนเดิม)ก็เล่าให้ฟังว่าบางคนต้องเสียเงินเป็นหมื่นๆเพื่อกลับประเทศเพราะใบผ่านแดนหมดอายุ เหตุเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ทำใบผ่านแดนให้ผิดจาก 5 วันเป็น 3 วัน อะไรประมาณนี้ ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ในเมื่อคนพื้นที่เขาบอกมาอย่างนั้นผมก็ต้องเชื่อเขาไว้ก่อนแหละ

“ไม่เอา...ไปเชียงคานนั่นแหละ...นะ”

“เอางั้นเหรอ”

“เอาแบบนี้แหละ จะได้ชวนคนอื่นๆไปด้วย ไปหลายๆคนจะได้สนุก”

“เฮ้ย ไม่เอา ไปกันแค่สองคนก็พอแล้ว จะชวนคนอื่นไปทำไมเยอะแยะ” น่านฟ้าทำหน้าไม่พอใจทันทีที่ผมเอ่ยปากบอกว่าจะชวนคนอื่นๆไปด้วย ผมไม่ค่อยเข้าใจตรรกะมันเท่าไหร่ว่าทำไมถึงไม่อยากชวนคนอื่น ไปกันสองคนโอเคมันอาจจะสนุกในแบบของมัน แต่ถ้าไปกันเยอะๆเวลากินเหล้ามันต้องสนุกกว่านี้แน่ๆ

“ทำไมวะ ก็ชวนพวกพี่แอลพี่ป็อบไปด้วยมันก็น่าจะโอเคกว่าไม่ใช่เหรอ”

“อะไรชวนๆวะ พวกมึงจะไปไหนกันเหรอ” เสียงพี่ป็อบดังขึ้นตอนที่ผมเดินมาถึงโถงกลางด้านล่างแล้ว ไอ้น่านทำหน้ามุ่ยแทบทันทีที่รู้ว่าไอ้พี่ป็อบได้ยินสิ่งที่ผมกับไอ้น่านพูด

“เปล่าไม่มีอะไร”แล้วมันก็ปฏิเสธทันทีด้วย

“ไม่มีอะไรได้ไงกูได้ยินว่าชวนไปเที่ยวไหนอะไรสักที่ นี่มึงจะไปเที่ยวกันโดยทิ้งภาระอย่างไอ้แอลไว้ที่นี้เนี่ยนะ เฮ้ย!!มึงใจร้ายไปไหมวะน่าน กูเข้าใจนะเว้ยว่ามึงเกลียดมันแต่ก็ไม่ต้องถึงกับรังเกียจขนาดไม่ชวนไปเที่ยวแบบนี้ก็ได้..”พี่ป็อบพูดเป็นตุเป็นตะ คิดเองเออเองแล้วหันไปตบบ่าพี่แอลเบาๆ “กูเข้าใจนะเว้ยแอล ในเมื่อเพื่อนมันรักกูมากกว่ามึง มันเลยเลือกที่จะชวนกูแบบเงียบๆโดยไม่ชวนมึง แล้วที่มันเถียงกันลงมาก็คงหนีไม่พ้นไม่อยากชวนมึงไปแน่ๆ เชื่อกูดิ กูรู้ กูสัมผัสได้หมดแหละ ไม่ต้องไปนอนร้องไห้น้ำตาเปื้อนหมอนในห้องล่ะ”

หน้าตาไอ้พี่ป็อบดูจะเห็นอกเห็นใจพี่แอลเป็นอย่างมาก ส่วนไอ้พี่แอลพอได้ยินพี่ป็อบพูดแบบนั้นก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นคว้าหมอนมาตีหนังหน้าพี่ป็อบเรียกว่าไม่ยั้ง

“กูบอกแล้วไงอย่าเสียใจแอล โอ้ยย เหี้ย แอล กูเจ็บนะเว้ย”

“ก็มึงมันพูดมากปากหมานี่หว่า กูว่าคนที่เขาไม่อยากจะชวนมันมึงมากกว่าไหม” พี่แอลพ่นลมหายใจออกมาอีกทีไม่ลืมที่ยันเท้าไปที่พี่ป็อบอีกรอบ

“เฮ้ยแอล กูเข้าใจนะเว้ยว่ามึงเสียใจอ่ะ แต่ไม่เห็นจะต้องพูดปลอบใจตัวเองขนาดนั้นเลยนี่หว่า เอาล่ะๆเดี๋ยวกูคุยกับไอ้น่านให้เพื่อจะได้ไม่ให้มึงเสียใจไปมากกว่านี้ น่านมึงก็ยอมๆให้ไอ้แอลไปด้วยเถอะ เดี๋ยวมันก็ร้องไห้เสียใจน้ำมูกไหลอีก” น่านฟ้ายกมือขึ้นกุมหัวแล้วหันมามองผมที่ยังหัวเราะไม่หยุด ผมขำจริงๆนะครับ ขนาดรู้ทั้งรู้นะว่าพี่ป็อบแกล้งพี่แอลแต่มันก็ยังอดขำไม่ได้อยู่ดี

“โอคครับไม่ต้องทะเลาะกันนะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราทุกคนไปเที่ยวเชียงคานกันก่อนกลับกรุงเทพ พวกพี่ลมก็ไปด้วยกันนะครับ” ประโยคแรกผมหันไปพูดกับพวกพี่แอล ส่วนประโยคต่อมาผมหันไปพูดกับพวกพี่ลมที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

“น้องซนชวนพี่แบบนี้มีเหรอที่คนอย่างพี่จะไม่ไปอ่ะ”

“ดีครับไปหลายๆคนจะได้สนุก” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มไปให้พี่ลม ไอ้พี่ลมทำท่าตื่นๆแล้วยิ้มกลับมาที่ผมอีกรอบ

“พอเลย จะยิ้มอะไรนักหนา น่ารำคาญตา” น่านฟ้ายกมือขึ้นปิดหน้าผมก่อนจะยกนิ้วกลางส่งไปให้พี่ลมอีกรอบ หลังจากที่พี่ลมระแคะระคายหรือพอจะเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้น่านมากขึ้นแล้ว มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาจีบผมหรือทำรุ่มร่ามกับผมเหมือนแต่ก่อน จะมีหยอดแกล้งๆบ้างเวลาที่ผมอยู่ไอ้น่าน พี่แกบอกว่าหมั่นไส้เวลาไอ้น่านหวง มันน่ารำคาญจนบางทีรู้สึกอยากจะแกล้งมากกว่า


“แล้วสรุปพวกพี่ไปกันหรือเปล่า”

“ไปดิ ไปกันหลายๆคนสนุกดี ได้เงินค่าฝึกงานมากันแล้วก็ใช้ให้มันคุ้มเว้ย” พี่ฉัตรเป็นคนพูดขึ้นมาในตอนท้าย ก่อนหลายๆคนจะพากันพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ฉัตรพูด

ผมเองก็เห็นด้วยนะ เงินที่ได้มานับรวมๆกันแล้วสองหมื่นกว่าๆด้วยซ้ำ แต่เมื่อทำงานมาหนักก็อยากจะใช้มันให้สมกับความเหนื่อยหน่อย

ใช่ ผมไม่เคยทำงานหาเงินมาก่อนในชีวิต จบจากการฝึกงานครั้งนี้ไปก็รู้และเข้าใจเลยว่าการหาเงินแต่ล่ะบาทมันยากมาก กว่าจะได้มาต้องแลกไปกับความอดทน แรงงาน แรงเหงื่อ ถ้าอยากได้เงินมากกว่านี้ก็ต้องเหนื่อยกว่านี้ มีความรู้กว่านี้ พวกที่กินตำแหน่งสูงๆในบรษัทเอกชนหลายที่ผมก็มองนะว่ากว่าเขาจะสบายหรือมีเงินเยอะใช้ได้ขนาดนั้นมันก็ต้องผ่านความลำบากสุดๆไปเหมือนกัน

สมัยนี้เงินมันสำคัญที่สุดแหละครับ ใครที่เคยบอกไว้ว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ ผมคนนึงแหละที่ยืนยันนอนยันตรงนี้เลยว่ามันสำคัญที่สุด และเป็นสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยความลำบากทั้งนั้น


พวกเราพูดคุยกันเรื่องเชียงคานกันได้ไม่นานพี่ชัยก็มาถึงที่บ้านก่อนจะพาเราไปนั่งที่ร้านบรรยากาศดีแถวริมโขงร้านหนึ่ง ภายในร้านเต็มไปด้วยเด็กวัยรุ่นนักศึกษาราชภัฏเต็มไปหมด ยอมรับนะครับเด็กหนองคายผิวขาว หุ่นอวบ เนื้อนมไข่กันเยอะมาก ผมว่าผมชอบแนวนี้มากกว่าพวกหุ่นผอมเซ็กซี่นะเวลาจับทีดูเต็มไม้เต็มมือมากกว่า

“มองอยู่นั่น” ผมเอียงคอมองน่านฟ้าที่วางแขนหนักๆไว้บนไหล่ ส่วนผมก็ยักคิ้วส่งกลับไปให้มัน “มองไปก็ไม่ได้หรอก เตี้ยๆอย่างมึงใครเขาอยากได้กัน”

“เรื่องแบบนี้มันไม่ผลในแนวราบไม่ใช่เหรอวะ”

“เหอะ” น่านฟ้าทำเสียงไม่พอใจขึ้นจมูกก่อนจะทำท่าจะดึงแขนตัวเองออกไหล่ผม แต่เป็นผมเองที่ดึงมือมันไว้ก่อน

“ขี้งอน” ผมใช้มืออีกข้างจิ้มแก้มคนที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วเอียงตัวเอนไปพิงที่อกมัน ผมไม่ได้อายคนอื่นหรอกครับถ้าเราจะนั่งกันท่าไหน เพราะที่ตรงนี้มีแต่คนที่ผมรู้จัก ส่วนคนที่ไม่รู้จักผมก็ไม่ได้แคร์อยู่แล้ว






เสียงหัวเราะกับบรรยากาศริมแม่น้ำโขงมันทำเอาความเหนื่อยที่พวกเราหลายคนสะสมไว้ให้พลอยหายไปได้บ้าง ดนตรีสดที่เล่นเพลงชิวๆในแบบที่พวกผมชอบทำให้บรรยากาศมันดีขึ้นเรื่อยๆจะมีบ่นบ้างก็พี่ป็อบที่อยากไปเพื่อชีวิตตะวันแดงสาดแสงเดือนที่เดิม ไม่ใช่ที่นั่นไม่ดีนะครับ แต่ผมชอบที่นี้มากกว่า






“มีความสุขว่ะ” น่านฟ้าเอ่ยขึ้นเสียงเบาที่พอจะได้ยินกันเพียงแค่ผมกับมัน “กูไม่อยากให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปเลย... กูอยากให้ทุกๆวันมันมีแค่นี้....แค่กูกับมึง”






มันพูดเสียงเบาแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหนักแน่น ผมยิ้มกับคำพูดไอ้น่านแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปทั้งๆที่ตัวผมเองก็รู้สึกไม่ต่างจากมัน




>>>>>TBC<<<<<
ถามคนอ่านว่า “พร้อมหรือยัง”
อิอิ พร้อมสำหรับอะไรเอ่ย ฮ่า ฮ่า ต้มมาม่ารอแรงๆ ขอบคุณคนอ่านคนเม้นนะคร้า
สุขสันต์วันแรงงานจ้า เจอกันเร็วๆนี้
[/color]

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :hao3:    จัดมาโลด  อยากให้ชัดเจนมันต้องกินมาม่าสินะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เตรียมตัวกินมาม่าชามโต

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ยังไม่อยากกินอาหารญี่ปุ่นตอนนี้ พลัดๆปก่อนดิ หวานนิดเดัยวเอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ตั้งน้ำร้อนรอแล้วค่ะ ขอแบบชามใหญ่ๆ เลยนะคะ จะได้รู้กันไปเลยว่าการจับปลา
สองมือน่ะ ทำได้ไม่นักนานหรอก.. :katai3:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
อ่อยยยยยยยยย ทั้งคู่เลย ฮ่าๆๆๆ
ไม่อยากใหักลับไปสู่โลกแห่งความจริงเช่นกัน แต่คงเลี่ยงไม่ได้ซินะ
ค่อยๆแก้ไขกันไปทีละเรื่อง
เอาเรื่องแฟนน้องซนก่อนเลยดีมั้ย หุหุ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ล้างท้องรอ
โคตรอ่อยเลยค่ะ บอกตรงๆ
สงสารน่านฟ้ารอค่ะ

ออฟไลน์ gwaiplay

  • ♛ Victoria 。
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
ไม่กินมาม่านา แก๊สหมด เครื่องต้มน้ำร้อนระเบิด มาม่าขึ้นราคา :ling1:

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
Because  of  you  ซน  ตอนที่ 18 มีค่าแค่ไหน


ตอนนี้ผมกับแก๊งฝึกงานนับรวมชีวิตกัน 8 คนถ้วนกำลังนั่งรถทัวร์เพื่อไปเที่ยวเชียงคานกัน หลังจากที่เมื่อวานเมากลิ้งกันทั้งคืน กว่าจะได้ออกเดินทางก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง พี่ชัยยังทำหน้าที่สุดท้ายของการเป็นพี่เลี้ยงโดยการมาส่งพวกผมที่บขส.ก่อนจะจากลากันโดยที่ชาตินี้ผมตั้งปฏิญาณกับตัวเองไว้แน่วแน่แล้วว่าจะไม่เลือกสายพลังงานทดแทนเป็นอันขาด ถึงแม้งานสายนี้จะเต็มไปด้วยเงินเป็นกอบเป็นกำก็เถอะ


“หิวว่ะ” ผมบ่นกับไอ้น่านที่เอาแต่นั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ แปลกใจอยู่เหมือนขนาดนั่งรถทัวร์แบบนี้มันยังเล่นได้โดยที่ไม่รู้สึกเมารถสักนิด แต่ผมนี่ดิขนาดนั่งอยู่เฉยๆยังอยากจะอ้วก น่านฟ้าบอกว่าเพราะผมมองสองข้างทางมากเกินไปทำให้มึนหัว สุดท้ายก็เลยเอาหัวพิงบ่ามันแล้วเปิดเพลงฟังไปเรื่อยๆ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็รู้สึกหิว

“.....” มันไม่ตอบ อาจจะเพราะไม่ได้ยิน ผมเลยดึงหูฟังไอ้น่านออก มันเอียงคอหันมาเลิกคิ้วถามผมประมาณว่าอะไร

“หิว...”

“กูไม่ได้ซื้ออะไรติดกระเป๋าไว้เลยว่ะ มีแต่น้ำเปล่า”

“หิวอ่ะ” ตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องผมเลย  ผมขยับเอาปากไปกัดที่บ่าไอ้น่านแรงๆหลายที มันยิ้มแล้วยกมือขึ้นขยี้หัวผม

“พวกมึงอีกนานไหมวะจะถึงอ่ะ” น่านฟ้าหันไปถามพวกพี่ๆคนอื่นที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

“อีก 20 โลมั้ง ไมวะ” เป็นพี่ฉัตรที่ตอบกลับมา

“ซนมันหิวข้าว พวกมึงมีขนมปังหรืออะไรรองท้องหน่อยไหมอ่ะ” น่านฟ้ายังไม่ลืมที่จะถามคนอื่นว่าพอจะมีขนมปังหรืออะไรที่จะให้ผมกินรองท้องก่อนหรือเปล่า
 
“ขี้อ่อยเหรอเตี้ย เอาแต่ใจเหลือเกินนะมึงอ่ะ” ไอ้พี่แอลไม่พูดเปล่า มันตบหัวผมมาทีก่อนจะโยนขนมปังวางไว้บนตักผม ไม่ค่อยเข้าใจพี่แอลเท่าไหร่ ว่าทำไมมันชอบกวนตีนผมอยู่เรื่อย ไม่รู้น่านฟ้าทนคบกับไอ้คนนิสัยเสียอย่างไอ้พี่แอลได้ไง

“กินได้เปล่า ไม่มีไส้นะ” ไอ้น่านรับขนมปังจากมือพี่แอลมาแกะถุงพลาสติกออก ก่อนจะยื่นขนมปังมาจ่อที่ปากผม ส่วนผมก็ทำได้แค่มองขนมปังตรงหน้าแล้วเงยหน้ามองไอ้น่านอีกรอบ จริงๆผมไม่ใช่คนกินยากหรอกนะครับ แต่ผมไม่ชอบขนมปังที่ไม่มีไส้ มันไม่อร่อย ไม่มีรสชาติ

“ทำเป็นเบะปาก แดกไม่ได้ใช่ไหม ถ้าแดกไม่ได้ก็ไม่ต้องแดก” ไอ้พี่แอลทำท่าจะดึงขนมปังกลับไป แต่เป็นผมที่ยื้อขนมปังเอาไว้ได้ก่อน

“กินได้”

“แล้วก็มาทำหน้าทำตา” มันพูดด่าผมแล้วไม่ลืมที่จะตบหัวผมลงมาอีกที เกลียดมันจริงๆเลยครับ ถ้าคนแรกที่ผมอยากฆ่านะตอนนี้ผมยกตำแหน่งนี้ให้....

“มึงก็ไปแกล้งมันแอล คนเขาอยากอ่อยผัว มึงไม่รู้จักเหรอ คนอ่อยผัวอ่ะ ฮ่า ฮ่า” แน่นอนว่าคนแรกที่อยากฆ่าตอนนี้ยกตำแหน่งให้ไอ้พี่ป็อบแทนเลยล่ะกัน

“กูเกลียดเพื่อนมึงว่ะน่าน” ผมบ่นอุบอิบในลำคอ ดึงขนมปังในมือไอ้น่านมาถือไว้ แต่ก็ยังไม่อยากกิน กลัวกินแล้วไม่อร่อย อ้วกอีก

“มันก็แกล้งมึงไปงั้นแหละ จริงๆไอ้แอลมันออกจะชอบมึงด้วยซ้ำ” นี่คือคนที่ชอบเหรอวะ ผมว่ามันเกลียดผมมากกว่า  “แล้วนี่กินได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้ก็ทนอีกหน่อย ใกล้ถึงแล้ว”

“ถ้าบอกว่าไม่ได้ล่ะ มึงจะทำไง”

“ก็ต้องทนไง” แล้วแม่งจะถามทำไม ผมส่ายหน้าให้คนนั่งข้างๆ ก่อนจะกลั้นใจกินขนมปังในมือจนหมด กินๆไปโดยไม่ต้องคิดถึงความอร่อยมันก็เพลินอยู่หรอกครับ






เวลาเกือบสามชั่วโมงจากหนองคายมาถึงที่บขส.เลย พี่ๆหลายคนหันมามองหน้าผมก่อนจะพูดจาหว่านล้อมบอกให้ผมไปกินข้าวที่เชียงคานเลยจะได้ไม่เสียเวลา ไอ้ผมจะพูดอะไรได้ก็ในเมื่อเป็นแค่คนส่วนน้อยนี่ครับ สุดท้ายก็ต้องเลยตามเลย


ออกจากบขส.เราก็มาต่อสองแถวเพื่อนั่งรถต่อไปเชียงคานอีก 40 กว่าโล พอถึงก็เดินหาที่พัก กว่าจะได้ก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็น ยังดีที่ได้ที่พักริมโขง มีแคร่ยื่นออกไปในน้ำเหมาะกับการกินเหล้าเมายาสุดๆ ห้องที่ผมนอนเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่กว้างมาก ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นผสมไทย ผมชอบที่นี้นะ ยิ่งพอเห็นเตียงแทบอยากจะกระโดดแล้วจมตัวเองลงกับที่นอนและหมอนหนุน แต่เพราะความหิวมันทำให้ตาลายมากจนไม่อยากจะล้มตัวลงไปนอนสุดท้ายก็เลยชวนน่านฟ้าออกมาหาก๋วยเตี๋ยวแถวนั้นกิน


"ป้าครับ เอาเล็กน้ำตกหมู สองครับ" ผมเดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวพร้อมกับเดินไปตักน้ำแข็งให้คุณชายที่เอาแต่บ่นว่าร้อน ทั้งๆที่ตอนนี้เลยเวลาเย็นมาก็เกือบจะชั่วโมงแล้ว "กินเสร็จแล้วค่อยกลับไปอาบน้ำ"

"คืนนี้มึงจะออกมากินเหล้ากับพวกไอ้แอลไหม" ผมส่ายหน้าให้มันเป็นคำตอบ ไม่ไหวครับ เหนื่อยนั่งรถ อยากนอนมากกว่า เดี๋ยวพรุ่งกะว่าจะขับจักรยานเล่นรอบริมโขงด้วย ได้ข่าวว่ามีจักรยานให้เช่า "แล้วมึงอ่ะจะออกมากินไหม"

"ไม่อ่ะอยากนอนกอดเมียมากกว่า"

"เชี่ยยย...กูไม่ชอบให้มึงพูดว่ากูเป็นเมียมึงเลยน่าน" ผมยกแก้วน้ำสีสแตนเลสขึ้นมาดูดกลบเกลื่อนความร้อนที่ใบหน้า ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด

"เอ้าไม่ให้พูดคำนี้แล้วจะให้พูดคำไหน สถานะมันก็ออกจะชี้ชัด"

"เลิกพูดเถอะกูขี้เกียจฟัง" ผมเปลี่ยนเรื่องทันทีที่มันทำสายตาเจ้าเล่ห์  ตัวผมไม่อยากเล่นทางนี้เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าผมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันขึ้นชก

“บรรยากาศที่นี้ดีว่ะ น่ามาเปิดร้านเหล้า”ผมพูดพลางมองออกไปนอกร้าน วันธรรมดาของที่นี้ไม่ได้คึกคักมากเท่าไหร่นัก แต่ก็มีนักท่องเที่ยวเดินกันประปราย พวกพี่แอลกับพี่ฉัตรแยกกันเดินเที่ยวคนล่ะทาง ส่วนพวกผมไม่ได้รีบร้อนอยากเดินตลาดคนเดินนักก็แวะมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวอย่างเห็น

“เราจะอยู่ที่นี้กันกี่วันอ่ะน่าน”

“น่าจะแค่สองคืน เพราะต้องไปเตรียมรับน้อง กับช่วยอาจารย์เตรียมห้องสอบให้เด็กโควต้ากับเด็กปวส.อ่ะ” ผมพยักหน้าเข้าใจ ก็ดีเหมือนกันนะครับ อยู่ที่นี้แค่สองคืน เพราะว่าผมเองก็เพิ่งรู้ก่อนจะมาถึงที่เชียงคาน ไอ้วีมันโทรมาหาผมบอกว่ามหาลัยไอ้น่านจะเปิดให้เด็กปวส.ซื้อใบสมัครได้ถึงวันศุกร์นี้เท่านั้น วันนี้วันจันทร์กลับวันพุธเที่ยงไปถึงกรุงเทพก็ตีซะว่าวันพฤหัส พักซักวันนึงแล้ววันศุกร์ค่อยไปซื้อใบสมัคร ถ้าไม่ทันจริงๆก็ให้ไอ้ซูไปสมัครแทนก็ได้ แต่คุ้นๆว่าเอกสารสมัครเรียนผมอยู่ที่บ้านไอ้น่านหรือเปล่าวะ

“ดีเหมือนกันเพราะเมื่อกี้ วีมันโทรมาบอกว่าที่มหาลัยมึงเขาเปิดรับเด็กปวส.ถึงแค่วันศุกร์นี้ ยังไงมึงพากูไปนะน่าน เอกสารสมัครเรียนกูอยู่บ้านมึงใช่ป่ะวะ” น่านฟ้าพยักหน้าก่อนจะพูดว่าใช่ ตอนแรกคิดว่าอีกอาทิตย์กว่ามหาลัยไอ้น่านจะเปิดรับสมัคร ที่ไหนได้รู้ตัวอีกทีแม่งก็จะปิดรับอยู่แล้ว ดีนะที่ไอ้วีโทรมาบอกไม่งั้นผมคงไม่ได้สมัครเรียนที่เดียวกับไอ้คนตรงหน้าแหงๆ

“มึงว่ากูจะทำข้อสอบได้ไหมวะ มาฝึกงานที่นี้เหมือนสิ่งที่มึงเคยติวให้กูมันหายไปกับความเหนื่อยหมดแล้วอ่ะ สมองกูตอนนี้มันเหมือนว่างเปล่าไม่มีสูตรเชี่ยอะไรอยู่ในหัวเลยด้วยซ้ำ” ผมไม่แน่ใจว่าที่เคยติวกับน่านฟ้าไปจะยังจำได้หรือเปล่า กลัวเหมือนกันครับว่าตัวเองจะทำไม่ได้ถึงหลังจากยื่นใบสมัครยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนให้ทบทวน แต่ผมก็ยังกังวลอยู่ดี

“ไม่รู้ว่ะ”

“หมายความว่าไงอ่ะ”

“ก็หมายความตามที่บอก คือไม่รู้ เพราะตั้งแต่กูติวหนังสือให้มึงมา กูดูไม่ออกว่าจริงๆแล้วมึงมันโง่หรือควายกันแน่” โอ้ยยย เชี่ยน่าน มึงด่ากูขนาดนี้เอาปืนมาจ่อยิงที่หัวกูดีกว่าไหม ผมเอื้อมมือสองข้างขยี้หัวน่านฟ้าอย่างหมั่นไส้ เกลียดความกวนตีนมันทั้งๆที่ปากยังยิ้มหล่ออยู่


เรานั่งกินนั่งคุยกันสักพัก ก็เดินกลับมายังโรงแรม ไอ้น่านโดนพี่แอลลากไปกินเหล้าส่วนผมก็ปฏิเสธเพราะง่วงมาก หนังท้องตึงหนังตาก็ทำงานเต็มที่ ตอนที่ผมหลับอยู่ได้ยินเสียงหัวเราะจากพวกไอ้น่านดังเข้ามาในห้องเป็นระยะๆ เสียงของพวกมันทำให้ผมตื่นขึ้นมาเป็นพักๆ แต่ไม่นานความอบอุ่นที่ถูกกอดด้านหลังก็ทำให้ผมหลับลึกจนไม่ได้ยินอะไรอีก


ชอบความรู้สึกนี้จังเลยครับ ไม่อยากให้มันหายไปไหน


อยากให้มันอยู่กับเราไปตลอด

 




เช้าวันต่อมาพวกผมและเหล่าคณะฝึกงานนั่งรถสองแถวขึ้นไปบนภูทอก (ค่ารถ 25 บาท) อากาศเย็นๆกับทะเลหมอกที่ไม่สามารถสัมผัสได้ถ้าอยู่กรุงเทพ ผมสูดความบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดก่อนจะหันไปมองน่านฟ้าที่ยังคงมีเห่อกล้องใหม่มือไม่ต่างจากวันแรกที่ซื้อ

“น่าน” ผมเรียกชื่อมันที่กำลังก้มดูรูปในกล้องให้เงยหน้าขึ้นมองกล้องหน้าผมแทน มันเอียงคอเอาหัววางบนไหล่ผมแล้วยิ้มจนตาหยี หลังจากที่ถ่ายไป 1 รูปถ้วน น่านฟ้าก็ก้มลงไปดูรูปต่อ  ส่วนผมก็ไม่ต่างจากมันเท่าไหร่ เพราะจะเข้าไปจัดไฟล์เอารูปที่ถ่ายเมื่อกี้ลงในอัลบั้มภาพที่ชื่อว่า N&Z

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมชอบถ่ายรูปมัน กลายเป็นว่าตอนนี้ในมือถือผมมีทั้งภาพนิ่งแล้วก็คลิปวีดีโอเกี่ยวกับมันเยอะแยะไปหมด ยิ่งหลังจากที่กลับมาจากหนองคาย รูปและคลิปของเราสองคนเยอะมาก จนผมต้องลบรูปอื่นออกไปหลายรูปเหมือนกัน

และที่สำคัญมันไม่ใช่แค่รูปปกติทั่วไปด้วย ยังมีรูปที่ผมถ่ายตอนที่มีอะไรกับมันเสร็จแล้วอีกเยอะเหมือนกัน ไม่ได้ถ่ายออกแนวคลิปหรือรูปโป๊อย่างที่หลายคนเข้าใจหรอกนะครับ เพราะรูปที่ผมถ่ายส่วนใหญ่มันจะเป็นรูปออกแนวอาร์ทๆโทนขาวดำ หรือไม่ก็สีซีเปียเสียมากกว่า หนึ่งในรูปที่ผมชอบก็มีรูปตอนที่มันคาบถุงยางไว้ในปาก รูปตอนที่มันหลับ หรือสูบบุหรี่ตรงปลายเตียง แต่ทั้งหมดทั้งมวลผมกลับชอบรูปๆนึงมากที่สุด รูปนั้นก็คือรูปที่มันกำลังจูบลงบนขาอ่อนด้านในของผม ในรูปเป็นสีขาวดำ มีผ้าห่มปิดส่วนสำคัญหมิ่นเหม่จะหลุดแต่ก็ไม่หลุด ไม่รู้ดิครับผมว่ามันอาร์ทดี เคยเอารูปนี้ตั้งเป็นพื้นหลังด้วย ไอ้น่านพอเห็นก็เอาไปตั้งบ้าง แต่ผมไม่ชอบตั้งเหมือนคนอื่นไง เลยเปลี่ยนรูปเป็นรูปไอ้เงินกับไอ้ทองแทน

แปลกดีเหมือนกันนะครับรู้ตัวอีกที อัลบั้มไอ้น่านก็มีมากกว่าอัลบั้มคนอื่นในมือถือ ขนาดน้องเอยผมยังมีไม่เยอะเท่ามันด้วยซ้ำ

“เสร็จจากนี้แล้วไปไหนต่ออ่ะ” เพราะเราขึ้นมาดูทะเลหมอกกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง จนตอนนี้พระอาทิตย์ดวงกลมกำลังลอยเด่นทำท่าจะขึ้นสู่ท้องฟ้า

“ไปปั่นจักรยานเล่น แถวริมแม่น้ำโขงมีของกินเยอะแยะอ่ะ เห็นไอ้ฉัตรบอกว่ามีร้านแนะนำอยู่หลายร้าน” ผมพยักหน้าหงึกแล้วส่งมือไปให้น่านฟ้าดึงฉุดให้ลุกขึ้นจากก้อนหิน เราลงมาอาบน้ำที่โรงแรมแล้วก็ปั่นจักรยานกินเที่ยวรอบๆเชียงคานกันจนเย็น กลับมาอาบน้ำแล้วหาร้านนั่งกินเหล้าในถนนคนเดิน เสียงหัวเราะ ดนตรีสด กับความรู้สึกมีความสุขจากไออุ่นของมือใครอีกคนที่จับกันอยู่ใต้โต๊ะ ความสุขตรงนี้ผมเองก็บรรยายมันไม่ถูก และไม่อยากให้มันหายไปเลยด้วย ยังอยากให้เวลาแบบนี้อยู่กับเราไปนานๆ


แต่ก็นั่นแหละครับ


สุดท้ายเราก็ตื่นขึ้นมาเผชิญกับความจริงตรงหน้าอยู่ดี









“พี่ซน”

“น้องเอย” ผมเม้มปากตัวเองจนเป็นขีด ความรู้สึกผิดมันถาโถมเข้ามาจนทำให้ตัวเองรู้สึกแย่จนผมรีบดึงมือที่อยู่ใต้โต๊ะให้คลายออก น่านฟ้ามองหน้าผมนิดนึง แต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อย จนเป็นผมที่หันไปขมวดคิ้วใส่มันไอ้น่านก็เลิกคิ้วถามประมาณว่าทำไมมันต้องปล่อยมือผม

“น่าน กูจะลุกไปหาน้อง”

“แล้วกูล่ะซน...”

“มึงก็...นั่งกินเหล้ากับพวกพี่เขาไปดิวะ ปล่อย” ผมดึงมือตัวเองออกจากมือไอ้น่านก่อนจะลุกขึ้นเดินไปผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าร้านเหล้า

“คิดถึงพี่ซนอ่ะ ติดต่อก็ไม่ได้ ไม่อยากเชื่อว่าจะบังเอิญมาเจอกันที่นี้” น้องเอยยิ้มจนผมอดยิ้มตามไม่ได้ มือข้างนึงเอื้อมไปโคลงหัวน้องอย่างที่ทำเป็นประจำ

“แล้วนี่มากับใครคะ ทำไมมาเดินคนเดียวเนี่ย”

“เอยมากับเพื่อนค่ะ เพิ่งมาถึง แล้วนี่พี่ซนกลับวันไหนอ่ะ”

“พรุ่งนี้ค่ะ”

“เหรอคะ พี่ซน...กลับพร้อมเอยไหมคะ เอยกลับวันมะรืน” น้องเอยเอื้อมมือสองข้างมาจับที่แขนผมแล้วอ้อน

“แต่ว่า....”

“นะคะ กลับพร้อมเอยนะ แล้วคืนนี้พี่ซนย้ายมานอนกับเอยนะ นะคะ” เสียงอ้อนพร้อมกับริมฝีปากที่อมจนแก้มป่อง ผมเอามือข้างนึงจิ้มไปที่แก้มน้องแล้วตอบตกลง ไม่นานพวกเพื่อนๆน้องเอยก็เดินมาถึง น้องเอยบอกว่าจะไปจัดการเรื่องห้องแล้วบอกให้ผมโทรหาถ้าเก็บกระเป๋าเสร็จ ทุกอย่างดูเร็วมาก แต่ผมก็ตัดสินใจไปแล้ว

“ใครวะซน น่ารักโคตร” พี่ฉัตรเอ่ยแซวผมตอนที่ผมเดินกลับมานั่งที่

“แฟนผมพี่”

“ห้ะแฟน???~ อะไรวะ แล้วไอ้น่านอ่ะ” พี่ลมถาม แต่ผมไม่ตอบ เพราะตอนนี้กำลังมองไอ้คนที่กำลัง ยกแก้วเหล้าซดแล้วซดอีกอยู่ตรงหน้า

“น่าน...คือว่า....คืนนี้กูจะไปนอนกับน้องเอยนะ” ผมไม่อยากพูดอ้อมค้อม ไหนๆก็ต้องไปอยู่แล้วพูดตรงๆไปเลยน่าจะง่ายกว่า “แล้วก็ขากลับกูว่าจะกลับพร้อมน้องเลย พรุ่งนี้มึงก็กลับไปก่อน ยังไงถ้าสมมติว่ากูไปไม่ทันสมัครเรียน มึงสมัครให้กูแทนเลยนะน่าน นะ” ผมสอดมือเข้าไปใต้โต๊ะ ก่อนจะวางมันบนขาไอ้น่าน ลูบไปมาเป็นเชิงอ้อน

“นะ..”

“หึกูจะห้ามอะไรได้ว่ะ...” น่านฟ้าลุกขึ้นหยิบกระเป๋าตังค์แล้วจ่ายในส่วนที่เป็นของผมกับของมัน “กูกลับห้องก่อน เอาไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้า”

“เฮ้ย!!มึงจะไปไหน นั่งกินกันก่อนดิ๊วะ เหล้ายังเหลืออีกบานเลย”

“ไม่เป็นไรถ้าเหลือก็เก็บเอาไว้กิน เพราะกูไม่ว่างว่ะต้องไปเปิดห้องให้บางคนกลับไปเก็บของ...ใช่ไหม” ผมพยักหน้าให้ไอ้น่านแล้วเดินตามมันออกมาไม่ลืมที่จะหันไปยกมือไหว้พี่ๆที่เหลือที่นั่งอยู่บนโต๊ะ

“พี่ๆครับ ถ้ายังไงเราไปเจอกันที่กรุงเทพนะ พี่ลมพี่ฉัตรพี่สิงห์เอาไว้เดี๋ยวเจอกันนะพี่ หวัดดีครับ” ผมบอกพี่คนอื่นรอบโต๊ะแล้วเดินกลับที่พักพร้อมกับน่านฟ้า ไม่มีเสียงอะไรหลุดออกจากปากมัน มีแค่ควันสีขาวที่ถูกพ่นออกจากปากพร้อมกับแผ่นหลังที่เดินนำหน้าผมเท่านั้น โดยปกติถ้ามันรู้ว่าผมเดินมาด้วย น่านฟ้ามันจะลดฝีเท้าให้ผมสามารถเดินเคียงคู่กับมันได้ แต่คราวนี้...มันกลับไม่ยอมรอผมสักนิด สุดท้ายผมเลยวิ่งไปเดินข้างๆมันก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่ปลายนิ้วคนข้างๆ บีบเบาๆให้มันรู้ว่าผมเดินมาด้วย

“น่าน...มึงเข้าใจกูใช่เปล่า” จนเดินมาถึงห้องผมถึงเอ่ยปากพูดกับมัน เพราะผมไม่อยากพูดกับมันตอนที่อารมณ์มันกำลังขึ้น

“กูเข้าใจ...”

“ถ้าเข้าใจก็อย่าทำหน้าแบบนี้ดิวะ มันทำให้กูรู้สึกไม่สบายใจรู้เปล่า” ผมชอบรอยยิ้มของมันมากกว่าแววตาเศร้าๆของมันแบบนี้


“กูเข้าใจ...เข้าใจแล้วว่าที่มึงรบเร้าจะมาเชียงคานให้ได้เพราะอะไร หึ...มึงว่ากูโง่ป่ะ” น่านฟ้าหันมาถามผมพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมไม่รู้สึกว่ามันเป็นยิ้มสักนิด

“น่าน...มันไม่ใช่อย่างที่มึงเข้าใจ กูไม่ได้นัดกับน้องเขา มันเป็นเรื่องบังเอิญ”

“บังเอิญ!! มึงพูดคำนี้ออกมาได้ไงวะซน มันไม่มีหรอกเว้ยเรื่องบังเอิญในโลกนี้อ่ะ มันมีแต่ในละครเท่านั้นแหละ กูไม่เข้าใจว่าทำไมมึงต้องโกหกกูเพื่อเขาขนาดนี้ด้วย....” เสียงเป่าปากดังขึ้นเบาๆพร้อมกับมือน่านฟ้าที่ดึงมือผมออก มันเดินไปหยุดตรงโต๊ะหน้าห้องที่มีวิวบรรยากาศของริมโขง ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอีกมวน ลมเย็นประทะหน้าเราไม่ได้ช่วยให้ความร้อนภายในใจเราลดลงสักนิด

“มึงกำลังเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว...”

“พอเถอะว่ะ กูไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เพราะมันฟังไม่ขึ้นว่ะซน สุดท้ายยังไงสิ่งหนึ่งที่กูรู้ตอนนี้ คือยังไงมึงก็เลือกเขามากกว่ากู เพราะกูมันก็แค่คนอื่น...ในสายตามึงอยู่ดี ไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องอะไรด้วยซ้ำ” ผมไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกโกรธอะไรตอนนี้ ในใจตอนนี้มันคุกกรุ่นจนจะระเบิดออกมาเสียตอนนี้ ผมไม่เข้าใจคนตรงหน้าเท่าไหร่ทั้งๆที่ผมพยายามอธิบายให้มันฟัง ให้มันเข้าใจว่าเรื่องราวมันเป็นแบบไหน แต่สุดท้ายน่านฟ้ามันก็ไม่เคยเข้าใจ และก็วกเข้าเรื่องเดิมๆ




เรื่องที่มันเองก็น่าจะรู้ว่าตัวมันควรจะอยู่ที่ตรงไหน















 
“ถ้ารู้ตัวก็ดีแล้ว.... มึงก็รู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายคนที่กูเลือกยังไงก็จะเป็นน้องเขา...ไม่ใช่มึง...” ผมพูดออกไปทั้งๆที่ในใจลึกๆผมยังไม่แน่ใจกับคำนั้นด้วยซ้ำ รู้แค่ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังโมโห อยากเอาชนะคนตรงหน้า อยากให้น่านฟ้ารู้ว่ามันไม่มีสิทธิ์ตัดพ้อให้ผมเลือก เพราะสุดท้ายคนที่ผมเลือกก็จะเป็นน้องเอย






 
“ไอ้ความสัมพันธ์ของเราที่มันเดินต่อมาแบบนี้ ไม่ใช่ก็เพราะมึงเป็นคนรั้งไว้เหรอวะ...คนที่ตะโกนใส่หน้ากูว่าไม่อยากให้เรื่องของเรามันจบมันเป็นมึงไม่ใช่เหรอ แล้วมึงจะมาเรียกร้องในสิทธิ์ที่มึงไม่ควรจะได้ทำไมวะน่าน....”




“..........”





“มึงเลือกที่จะอยู่ข้างกูเงียบๆเองไม่ใช่เหรอน่าน ไม่ใช่มึงเหรอที่เป็นคนเลือก....”






“...........”






“ช่างเถอะ...เปิดประตูให้กูหน่อย กูจะเข้าไปเก็บเสื้อผ้า” น่านฟ้าไม่ได้เดินมาเปิดประตูให้ผม แต่มันโยนกุญแจไว้บนโต๊ะหน้าห้อง ให้ผมเดินเข้าไปหยิบแล้วไขกุญแจเข้าห้องเอง ผมใช้เวลาไม่นานในการเก็บของใช้ส่วนตัวเข้ากระเป๋า ตอนที่เดินออกมาจากห้องพักผมเห็นไอ้น่านนั่งยองๆพิงอยู่ข้างประตูห้อง ผมมองมันแว่บนึงก่อนจะปิดประตูแล้วยื่นกุญแจห้องกลับคืนไปให้มัน
 



 
ทั้งผมและมันต่างคนก็ต่างไม่มีใครเริ่มต้นเปิดปากพูดออกมาก่อน ตอนนี้กลายเป็นว่าความเงียบดันเป็นเสียงที่น่าอึดอัดที่สุด





"น่าน" ผมเรียกชื่อมันเพื่อดึงสติบอกให้คนที่นั่งอยู่กับพื้นรับกุญแจไป แต่แทนที่น่านฟ้าจะดึงกุญแจมันกลับคว้ามือผมแล้วกระตุกให้นั่งลงตรงหน้ามัน
 
 
 
 
 
 
“ซน...” เสียงเรียกชื่อผมมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ตัวผมเองก็อดรู้สึกหดหู่ น่านฟ้าไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองหน้าผม แต่แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่ามันคงรู้สึกเจ็บไม่น้อยกับคำพูดที่ผมเพิ่งพูดกับมันก่อนหน้านี้ “กู.เคยมีค่ากับมึงบ้างหรือเปล่าวะ.....ที่มึงเคยบอกว่ากูสำคัญกับมึงมันจริงแค่ไหนกัน.....”
 
 
 








 
“น่าน...” ผมเอื้อมมือไปจับแก้มน่านฟ้า ใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆที่ริมฝีปาก ก่อนจะกดจูบลงไปอีกครั้ง “กลับไปกรุงเทพแล้วค่อยคุยกันนะ”









ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันถูกไหม กับการเดินออกมาโดยไม่พูดอะไรมากไปกว่าเมื่อกี้ เพราะผมคิดว่าการปล่อยให้น่านฟ้าสงบสติอารมณ์แล้วคิดทบทวนกับตัวเองก่อนมันเป็นเรื่องที่ดีที่สุด










แต่สิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนคือการที่ผมปล่อยมันไปคิดทบทวนเรื่องของผมกับมันแบบนั้น




จะกลายเป็นความผิดพลาดที่สุดในชีวิตผม



>>>>>>>~TBC~<<<<<<<
เพลง ฉันมีค่าแค่ไหน เพราะนะ เปิดเลย  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
น้องซนนี่ก็เหลือเกิน ไม่รู้จะพูดยังไง เอาเป็นว่า
เราทุกคนจะเป็นกำลังใจพี่น่าน.....(เติมคำในช่องว่าง).......ใช่ไหมคะ  :hao7:
ขอบคุณคนเม้นคนอ่านนะคะ ถ้าผิดพลาดตรงไหน บอกด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2015 14:58:37 โดย nuoouka »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ซนพลาดตั้งแต่ไม่ปฏิเสธน้องเอยแล้ว. มากับใครก็ต้องกลับกับคนนั้นสิ นี่เป็นเรื่องที่เด็กน้อยอย่างซนไม่เข้าใจ
 :katai1:

คนเขียนจะดราม่าคู่หลักจริงๆเหรอ. สงสารพี่น่านนะ แลดูเป็นของเล่น เป็นเบ๊. เป็นอะไรก็ไม่รู้. ฮืออ

ซนน่าถีบมาก แกจะเก็บน้องเอยไว้เพื่ออะไรเป็นเกย์ก็ยอมรับดิ

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
เศร้าอ่ะ​  :hao5:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อ้างถึง
เรื่องที่มันเองก็น่าจะรู้ว่าตัวมันควรจะอยู่ที่ตรงไหน

ขอโทษนะ   เลวค่ะ  ไม่ว่าจะกับฝ่ายไหน

คนเราไงก็ต้องเลือก  ซนเลือกเอยก็โอเคค่ะ แต่คุณก็ต้องอยู่กับผลของการตัดสินใจของคุณด้วย

เราไม่ชอบมาม่านะ  ไม่ชอบแบด-แซดเอนดิ้ง  แต่กรณีนี้อยากให้น่านตัดใจไปจากซน เจ็บขนาดนี้แล้วจะทนเจ็บไปทำไมอีกกับคนที่ไม่เห็นค่าของตัวเอง  น่านเป็นคนที่ไม่ใช่ว่าด้อยกว่าคนอื่นเชื่อว่าคนที่เห็นคุณค่าของน่านยังมีอีกเยอะ  ตัดให้ขาดไปเลย

ตราบใดที่ซนไม่เห็นค่าของน่านและไม่ทำตัวให้ทีค่าพอที่น่านจะหันกลับมาหาก็ไม่เชียร์ค่ะ 

ป.ล ถ้าเราเป็นเอยนะ ถ้ารู้เรื่องน่าน-ซนก็ไม่เอาซนหรอกค่ะ  นางนอกใจแถมผู้ชายด้วย ผัวเราเป็นเมียคนอื่นเขาหรือ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2015 22:55:48 โดย Freja »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เฮ้อ~ หลังจากวันนี้ไปไม่ว่าผลจะเป็นยังไงซนก็ต้องรับให้ได้นั่นล่ะค่ะ เพราะซนเลือกที่จะไปกับน้องเอยเอง ให้ได้รู้เสียบ้างว่าพี่น่านก็ไม่ใช่ของตายที่จะต้องคอยให้ซนมาหาในเวลาที่ไม่มีน้องเอยหรอกนา.. ปากบอกไม่อยากให้พี่น่านหวังลมๆ แล้งๆ แต่การกระทำบางอย่างของซนมันก็เชิญชวนให้คิดเหลือเกินไงคะ ..คนที่มีใจปฏิพัทธ์อย่างพี่น่านก็ต้องวาดฝันไปไกลอยู่แล้วล่ะค่ะ ไม่แปลกเลย~

เจ็บจากวันนี้ให้พอไปเลยนะคะพี่น่าน แล้วพรุ่งนี้ค่อยลุกขึ้นยืนใหม่ คนนี้เขาไม่มีใจก็ปล่อยเขาไปค่ะ หันกลับมารักตัวเองบ้างดีกว่าเนอะ เพราะเรารู้สึกว่าพี่น่านละเลยตัวเองมานานเกินไปแล้วล่ะ สู้ๆ เข้านะคะ :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด