แจ้งข่าว++ B e c a u s e_O f_Y o u . . .' ซ น ' [ตอนพิเศษ 1.2] 11-8-15 P.13
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แจ้งข่าว++ B e c a u s e_O f_Y o u . . .' ซ น ' [ตอนพิเศษ 1.2] 11-8-15 P.13  (อ่าน 108947 ครั้ง)

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
Because of you ซน ตอนที่ 13 แย่ง
 
เสียงบีบแตรดังลั่นบ้าน ผมขยับมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มเป็นรอบที่ร้อย ไม่รู้ว่าใครมาแต่เช้า ไม่รู้ว่าญาติใครเสีย พอเงยหน้าหันไปมองนาฬิกาที่อยู่ข้างฝาบอกเวลายังไม่เจ็ดโมงดีด้วยซ้ำ แม่งเอ๊ย!!!ใครมาแต่เช้าวะเนี่ย

“น่านใครมาก็ไม่รู้” ผมเอื้อมมือไปกระตุกเสื้อน่านฟ้าเบาๆเป็นการบอกให้มันลุกไปเปิดบ้าน
 
“อืออ” อือพ่อง มึงเป็นเจ้าของบ้านไม่ใช่เหรอน่าน มึงลุกไปเปิดประตูดิวะ ผมลุกขึ้นนั่งขยี้หัวตัวเองแบบลวกๆ ก่อนจะมองท่าทางหลับปุ๋ยของไอ้น่านอย่างหมั่นไส้ พอคิดได้ว่ามันน่าหมั่นไส้เกินความจำเป็นเลยจัดการถีบไปที่ท้องมันทีนึง “ลุกดิ๊”
 
“โอ้ย เจ็บ”
 
“ก็กูถีบให้เจ็บ ลุกดิ๊น่าน”
 
“อะไรของมึงวะซน”
 
“มึงไม่ได้ยินหรือไงเสียงใครไม่รู้บีบแตรอยู่หน้าบ้านอ่ะ”
 
“บ้านอื่นหรือเปล่า” มันงัวเงียแล้วทำท่าจะล้มลงต่อ
 
“บ้านอื่นเหรอวะ”
 
“ใช่ดิ ก็กูไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว นอนๆ” น่านฟ้ากวักมือเรียกให้ผมล้มตัวลงไปนอนบนแขนมัน
 
 
ปรี๊ดดดดดดดดดดด ปรี๊ดดดดดดดด
 
“คุณน่านฟ้า คุณน่านฟ้า บ้านหลังนี้มีคนอยู่ไหมครับ”
 
“แล้วน่านฟ้าที่ตะโกนเรียกจากด้านล่างนั้นน่ะชื่อมึงหรือชื่อหมาข้างบ้านวะ”
 
“ครับน่านฟ้าเนี่ยชื่อผมเอง” น่านฟ้าส่ายหัวเบาๆแล้วขยี้หัวผมทีนึงก่อนจะลุกเดินออกไป ได้ยินมันบ่นกับตัวเองงึมงัมว่าใครมาแต่เช้าถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญคงได้มีมหากรรมด่าแม่กันแน่นอน
 
ผมมองการกระทำมันอย่างขำๆแต่ก็ขำไม่ได้นานหรอกครับ เพราะความง่วงแม่งมีเยอะกว่า เลยล้มตัวลงนอนอีกรอบ ตื่นมาอีกทีเกือบๆเที่ยง ปกติน่านฟ้าก็ตื่นประมาณนี้ แปลกที่วันนี้มันไม่ขึ้นมานอนต่อ ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำแปรงฟันแล้วเดินลงมาข้างล่าง มองหามันจนทั่วทั้งในบ้านแต่ก็ไม่มี ได้ยินแต่เสียงไอ้เงินกับไอ้ทองเห่าเสียงดังอยู่หน้าบ้าน จนสุดท้ายเดินออกมาถึงรู้ว่ามันก็อยู่นี้เหมือนกัน
 
“ทำอะไรกันวะ” ผมเดินไปตามเสียงเห่าของไอ้เงินไอ้ทอง เห็นมันกำลังกัดสายยางที่ไอ้น่านฉีดไม่หยุด แม่งน่ารักดี แต่แม่งความน่ารักทุกอย่างในความคิดผมสะดุดลงทันทีที่สายตาไปปะทะกับของใหม่อีกสองอย่างที่อยู่หน้าบ้าน “มึง”
 
ของใหม่ที่ไอ้น่านเอามาทำผมสตั้นไปหลายวิ สีหน้าผมตอนนี้คงไม่ต่างอะไรจากการมองเห็นสาวสวยตรงหน้า
 
“ไง สวยอ่ะดิ คันนี้ลูกรักกูเลยนะเว้ย”
 
ผมมองรถสองคันที่จอดอยู่ด้านหน้าผมอย่างเหม่อลอย  คันแรกเป็นบิ๊กไบค์ซึ่งประมาณจากสายตาแล้วคิดว่าปุถุชนคนธรรมดาอย่างผมคงไม่มีปัญญาซื้อได้แน่ๆ ส่วนอีกคันเป็นซีคันสีฟ้าดูเท่ๆสไตล์อาร์ตๆ แต่ถ้าให้เลือกระหว่างสองคันนั้นแน่นอนว่าคันแรกที่ผมเลือกก็ต้องเป็นบิ๊กไบค์อยู่แล้วป่ะ
 
“มึงงงงง” ผมขี่มอไซค์ไม่เก่ง ขี่ได้เฉพาะพวกฟีโน่ที่เป็นเกียร์ออโต้ ส่วนบิ๊กไบค์คันตรงหน้ามันมันเป็นความชอบและก็ความใฝ่ฝันที่ชีวิตหนึ่งในลูกผู้ชายควรจะได้ขี่สักครั้ง ถึงผมจะขี่แบบเกียร์มีคลาสไม่เป็นก็เถอะ “ทำไมกูไม่เคยเห็นมาก่อนวะ”
 
“จะเคยเห็นได้ไง คันนี้กูเอาไปซ่อม ส่วนอีกคันก็ไปแต่งอะไหร่เพิ่ม”
 
“เชี่ยยยยย” ผมลูบไปตามแผ่นท้องแข็งแกร่งของบิ๊กไบค์สีดำคันโต “กูขี่ได้เปล่าวะ”
 
“ได้ดิ แต่มึงขี่มอไซค์เป็นใช่ป่ะ” อ่า ผมเม้มปากมองหน้าไอ้น่าน ส่วนมันก็หรี่ตาเล็กมองผมอย่างจับผิด
 
“หยุดเลยซน”
 
“กูขี่ได้ ขนาดฟี่โน่กูยังขี่มาแล้วเลย”
 
“มันเหมือนกันที่ไหนวะ”
 
“ก็คล้ายๆกันแหละ ใช่ไหม” ผมกำลังจะขยับขึ้นนั่งบนบิ๊กไบค์แต่ไอ้น่านแม่งนิสัยเสียล็อคคอผมไว้ได้ก่อน “มึงขี้หวงเหรอน่าน”
 
“กูเปล่าหวง”
 
“ไม่ได้หวงก็ปล่อยกูดิวะกูจะขี่แล้ว”
 
“มึงหัดก่อนไหม รถกูคันล่ะไม่ใช่แค่พันสองพันนะเว้ย”
 
“หัดจาก...”ผมเอียงคอถามน่านฟ้า มันเลยชี้ไปที่คันที่อยู่ใกล้ๆ “มึงบ้าเหรอให้กูหัดจากซีเนี่ย” ไร้สาระที่สุดคนเท่ๆอย่างผมจะมาหัดจากรถคันล่ะแค่ไม่กี่หมื่น มันดูถูกผมเกินไป
 
“ขี่มอไซค์แบบไม่ใช่เกียร์ออโต้มันก็ต้องเริ่มจากคันเล็กๆก่อนดิวะ ซีก็เป็นหนึ่งในคันที่ไม่ใช่เกียร์ออโต้ มึงก็หัดจากมันไปก่อนดิ”
 
“พูดเยอะแยะขนาดนี้ก็บอกมาเลยเหอะว่าหวง”
 
“ก็บอกแล้วว่าเปล่า”
 
“เปล่าก็เงียบไปเลย” ผมเบื่อจะเถียงกับแม่งแล้วครับแล้วก็ไม่สนด้วยว่ามันจะรักรถคันนี้มากแค่ไหน ผมจัดการปีนขึ้นไปนั่งบนรถมอไซค์แล้วพยายามอย่างมากที่จะยกรถให้มันตั้งตรงโดยไม่ต้องใช้ขาตั้ง แต่รถแม่งหนักมากครับ
 
“เฮ้ยๆๆๆ” ส่วนไอ้คนที่ทำเสียงดังอยู่ตรงหน้าก็เว่อร์มาก ตอนที่ผมขึ้นคร่อมมอไซค์มัน ไอ้น่านนี่แทบจะเข้ามาช้อนตัวมอไซค์สุดที่รักของมันอยู่แล้ว
 
“มึงอย่าเว่อร์ได้ป่ะน่าน” ผมขมวดคิ้วด่ามันแล้วพยายามจะประคองมอไซค์ขึ้นมาใหม่อีกรอบ ผมประคองได้แล้ว และก็มั่นหน้าด้วยว่าสามารถยืนด้วยขาตัวเองแบบไม่ต้องยันขาตั้ง เลยตัดสินใจเอาขาตั้งขึ้น...เท่านั้นแหละ
 
 
 
โครมมมมมมมมม
 
 
ต่อหน้าต่อทั้งผมกับมันและสักขีพยานอีกสองตัวที่ยืนมองกันตาปริบๆ
 
“มะ...มึง”
 
“เอ่อ....” ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะในหัวมีแต่เสียงวิ้งๆเต็มไปหมด พอผมหันไปมองไอ้น่านมันก็ทรุดลงไปนั่งยองๆกับพื้นแล้ว
 
 “พี่น่าน” เปลี่ยนสรรพนามทันที “ซนขอโทษนะ” พอผมเปลี่ยนสรรพนามตัวเองเท่านั้นแหละน่านฟ้าขมวดคิ้วทันทีก่อนจะลุกขึ้นหันหลังให้ผมแล้วเดินไปหยุดยืนตรงซากรถที่นอนแอ้งแม้งตายอยู่บนพื้น
 
“เดี๋ยวซนยกเองก็ได้” ผมทำท่าจะเดินเข้าไปยกแต่น่านฟ้าส่ายหัวแล้วเป็นคนยกขึ้นมาเอง  สภาพด้านข้างที่สีไปกับพื้นปูนมีรอยขีดข่วนกับรอยกระจกที่บิ่นเล็กน้อย ถ้าผมเป็นมันผมคงด่าแบบไม่ได้ผุดได้เกิดแล้วอ่ะ มันก็บอกอยู่ว่าลูกรัก แสดงว่ารักมาก แล้วผมแม่งทำลูกรักมันถลอกงี้....
 
 
เกลียดกูแล้วสินะ
 
 
“พี่น่าน”
 
“เงียบเลย” ผมงับปากทันที่ที่จบประโยค น่านฟ้าเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่พูดอะไรกับผมสักคำ ไอ้เงินกับไอ้ทองยังส่งสายตารังกียจมาให้ผมอ่ะ “มึงเป็นแค่หมาจะมารู้ดีอะไร กูไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”
 
ผมอุ้มไอ้เงินไอ้ทองมาไว้บนตัก แล้วนั่งรอน่านฟ้าอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน
 
“ครับพี่...โทษทีนะพี่...ผมรบกวนอีกรอบนะครับ...ขอบคุณมากครับพี่..ครับ...หวัดดีครับ” ตอนที่มันคุยโทรศัพท์สายตามันก็จ้องจิกทำลายร้างผมไปด้วย ผมจะทำไรได้วะนอกจากทำหน้าสำนึกผิดแล้วแสดงความรับผิดชอบเต็มที่
 
“ค่าซ่อมเท่าไหร่อ่ะพี่น่านเดี๋ยวซนออกเองก็ได้นะ” พูดเพราะไว้ก่อนล่ะวะ แม่งต้องอ้อนมันก่อนอ่ะ
 
“กระดากปากไหม ที่พูดอ่ะ”
 
“แหะ แหะ ก็นิดนึง”
 
“กลับมาพูดแบบเดิมก็ได้ กูไม่ว่าอะไรหรอก”
 
“กูขอโทษนะน่าน กูไม่ตั้งใจ ยังไงค่าซ่อมกูยินดีรับผิดชอบเองทุกอย่าง” มันคงไม่กี่พันหรอกมั้ง
 
“มึงคิดว่าทำสีใหม่กับเปลี่ยนกระจกบิ๊กไบค์มันเท่าไหร่กัน” น่านฟ้ามองผมด้วยสายดูถูก มันคิดว่าเงินไม่กี่พันผมไม่มีปัญญาจ่ายหรือไง
 
“คงไม่กี่พันป่ะ”
 
“สมองงงง” ไอ้น่านพูดพร้อมกับเอานิ้วจิ้มลงมาที่หัวผม “กูประเมินจากสายตาแล้วคงไม่ต่ำกว่าหมื่น”
 
“มึงเว่อร์ป่ะน่าน”
 
“กูพูดจริง”
 
“โหวววว มันจะแพงเชี่ยอะไรขนาดนั้นวะ เวลามึงซื้อรถมึงใช้สมองซื้อหรือใช้ขี้เลื่อยในหัวซื้อกันแน่ รถแม่งก็แพงอยู่แล้ว อะไหล่ซ่อมยังแพงอีก คนที่ซื้อรถพวกนี้นี่โง่หรืองโง่วะ” ผมบ่นไปเรื่อย ลืมสนิทเลยว่าตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนทำรถมันพัง แล้วก็ยังไปด่ามันอีกทั้งๆที่ตอนแรกผมก็อยากได้ไม่ต่างจากมัน
 
“ปากดี” น่านฟ้าจับหน้าผมด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะก้มลงมากัดที่ริมฝีปากล่างผมอย่างแรง ผมรู้ว่ามันโกรธ แต่มันก็ไม่ได้ทำร้ายร่างกายผมมากไปกว่านี้  หลังที่มันดูดปากผมจนหนำใจมันก็ผละหน้าออก ผมมองหน้าไอ้น่านนิ่งๆรอดูท่าทีว่ามันจะพูดอะไรไหม แต่มันก็ไม่พูดอะไร สุดท้ายผมนี่แหละที่ต้องพูดเอง
 
“กูขอโทษ หายโกรธกูเถอะนะ” พูดไปก็จับริมฝีปากตัวเองไป เพราะสิ่งที่ผมรับรู้ได้คือความเจ็บพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดนิดหน่อย มันกัดปากผมจนห้อเลือดเลยแม่ง ซาดิตส์ฉิบ แต่ก็ช่างมันเถอะครับ เพราะครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่มันทำร้ายร่างกายผม (กัดปากก็ทำร้ายร่างกายเหมือนกันนั่นแหละน่า) ปากแตกแค่นี้มันคงไม่เท่ากับเงินที่ไอ้น่านจะต้องเสียไปอย่างไร้สาระเพราะผมหรอก
 
“ไม่ได้โกรธอะไร” ไม่ได้โกรธบ้าอะไรกัดซะปากกูฉีกแบบนี้ “แล้วนี้ มึงไม่เป็นไรใช่ไหม” ผมส่ายหน้าให้มันแทนคำตอบ ตอนที่รถมันจะล้ม ผมรู้ตัวเองดีครับมีสติทุกอย่างเลยดึงขาตัวเองออกมาทัน แต่สภาพรถไอ้น่านนี่แบบ...โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง “จริงๆแล้ววันนี้กูว่าจะพามึงไปขับรถเที่ยวกัน”
 
“ก็ไปดิ ถลอกนิดหน่อยเอง”
 
“กูไม่ชอบให้มันมีตำหนิ มันรู้สึกไม่สบายใจ เลยโทรเรียกช่างให้มารับแล้ว อีกสักพักคงมา”
 
“ขอโทษ” ผมรู้สึกผิดจริงๆนะครับ เพราะเห็นว่ามันคงอยากไปจริงๆ
 
“ช่างมันเถอะ”
 
“งั้นให้กูไถ่โทษโดยการพามึงไปแทนได้ป่ะล่ะ”
 
“ไปไหน”
 
“ก็รอบๆกรุงนี่แหละ ขับรถเล่น ถ่ายรูป แล้วก็หาของกิน แต่มึงต้องเป็นขับมันนะ” ผมชี้ไปที่ซีคันสีฟ้าแล้วยักคิ้วให้มันไปที
 
“เอาดิ กูก็ไม่เคยไปที่แบบนั้นสักที”
 
“ไฮโซเหรอมึงอ่ะ”
 
“ก็ประมาณนั้น” น่านฟ้ายักไหล่แล้วทำหน้ากวนตีนจนผมอดไม่ได้ที่จะเบะปากใส่มัน จริงๆแล้วผมได้มีโอกาสไปเที่ยวรอบกรุงกับเพื่อนที่วิทยาลัยหลายครั้งแล้วครับ ส่วนใหญ่พวกมันก็ไปถ่ายรูปเล่น หรือไม่ก็ไปหาของกิน ดึกๆหน่อยก็จะมีร้านเหล้าตรงถนนพระอาทิตย์ที่บรรยากาศน่านั่งจนไม่อยากกลับ ยังไงซะวันนี้ผมก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้วจะยอมเป็นไกด์พาไฮโซอย่างไอ้น่านเที่ยวหน่อยล่ะกัน
 
 
 
 
หลังจากที่ตกลงกันได้ว่าจะไปไหน เราสองคนก็แวะกลับไปที่บ้านผมก่อนเพื่อไปยืมกล้องไอ้ซู แน่นอนว่าของแพงแบบนั้นผมไม่ซื้อหรอกครับ ไม่ใช่ว่าไม่อยากได้นะแต่ไม่มีปัญญาซื้อซะมากกว่า ของแพงขนาดนั้นเวลาเก็บตังค์ทีแม่งหมดไปกับอย่างอื่นก่อน
 
“มึงชอบกล้องเหรอ”
 
“ชอบนะ แต่ไม่มีโอกาสได้เล่นหรอก ไม่มีเวลา แล้วก็เกรงใจไอ้ซูด้วย กลัวเอาของมันมาพัง” น่านฟ้าถามผมตอนที่ผมกำลังยกกล้องถ่ายวิวอีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ผมกับมันมาถึงท่าพระจันทร์กันเกือบๆเที่ยงก่อนจะเอารถเข้าไปจอดในมหาลัยแถวๆนั้น นั่งเรือพามันมากินข้าวที่ฝั่งวังหลังก่อนแล้วกะว่าจะพามันขับมอไซค์ไปเที่ยววัดแถวๆถนนราชดำเนิน
 
“มึงอยากได้งั้นเหรอ”
 
“ทำไมมึงจะซื้อให้กู??? จริงดิ จริงเปล่า” ผมตาลุกวาวมากครับไม่สนใจด้วยว่าใครจะมองว่าผมหน้าเงิน แต่ก่อนก็มีอยู่หรอกไอ้ทิฐิที่ว่า แต่พอนานๆไปอยู่กับไอ้คนตรงหน้ามากขึ้นความหน้าเงินก็มีมากกว่าทิฐิเสียอีก
 
“กูบอกเหรอว่าจะซื้อให้” แม่งเอ๊ย!! ผมไม่น่าแสดงธาตุแท้ให้มันเห็นเลย สุดท้ายเลยได้แต่เบ้ปากใส่มันแล้วหันไปถ่ายรูปต่อ
 
“รอเรือจอดเทียบท่าสนิทก่อนนะครับแล้วค่อยข้าม ก่อนลุกเช็คของก่อนออกจากที่นั่งด้วยนะครับ” เสียงเจ้าหน้าที่ท่าเรือตะโกนบอกผู้โดยสาร พอขึ้นจากเรือผมก็พาไอ้น่านไปกินข้าวมันไก่เจ้าอร่อยของวังหลัง ต่อด้วยขนมเจ้าดัง ก่อนออกจากวังหลังผมแวะซื้อของกินไปฝากม๊ากับป๊านิดหน่อย หลังจากนั้นก็พากันขึ้นเรือข้ามฝั่งกลับมาที่ท่าพระจันทร์อีกรอบ ไอ้น่านบ่นผมใหญ่ว่ากะอีแค่กินข้าวธรรมดาๆทำไมต้องลำบากนั่งเรือมาด้วย ก็ร้านที่ผมพามันไปกินอร่อยจริงๆนี่หว่า แล้วแม่งทำมาเป็นบ่นผมเห็นมันกินตั้งสองจานด้วยเถอะ
 
เสร็จจากวังหลังผมก็ให้มันขับรถลัดเลาะไปตามถนนราชดำเนินที่แรกที่ผมแวะคือวัดภูเขาทอง เราจอดรถอยู่ด้านล่างแล้วเดินขึ้นไปบนเขา คนค่อนข้างเยอะแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการถ่ายรูปของผมเท่าไหร่ เวลาที่ผมหลุดเข้าไปในโลกของตัวเอง รูปที่ผมอยากได้มุมที่ผมต้องการบางอย่างมันก็ได้มาโดยที่ทำเอาผมเกือบจะบาดเจ็บอย่างคราวนี้ก็เกือบตกบรรไดเพราะมัวแต่ถ่ายรูปตีระฆัง ถ้าไม่ได้ไอ้น่านจับไว้ผมคงตกบรรไดตายไปแล้ว
 
“ยังมีหน้ามายิ้มใส่อีก รู้งี้ปล่อยให้ตกบรรไดตายไปก็ดี”
 
“กูรู้หรอกน่าว่ามึงไม่มีทางทำแบบนั้น” ตอนนี้ผมกับน่านฟ้ากำลังนั่งอยู่ในร้านนมชื่อดังย่านนี้ ระหว่างที่รอเขาเอาของมาเสิร์ฟผมก็เช็ครูปไปพรางๆ แปลกใจตัวเองเหมือนกันครับเพราะมีหลายรูปมากๆที่ผมถ่ายคนที่อยู่ตรงหน้า ผมเป็นประเภทที่ไม่ชอบถ่ายรูปบุคคล รูปส่วนใหญ่ที่ผมถ่ายมักจะเป็นสถานที่ ต้นไม้ หรือพวกสัตว์ สิ่งของ ขนาดกับน้องเอยผมยังไม่ค่อยถ่ายเก็บไว้เลยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมในมือผมตอนนี้กลับมีรูปไอ้น่านอยู่ในกล้อง ถึงมันจะมีไม่ถึงสิบรูป แต่แค่ไม่ถึงสิบรูปสำหรับผมมันก็มากพอให้รู้สึกแปลกแล้ว
 
“แล้วนี่จะไปไหนต่ออ่ะ”
 
“ก็คงแถวๆนี้” ผมบอกรายละเอียดคร่าวๆกับไอ้น่านว่าหลังจากนี้จะไปไหนต่อ มันพยักหน้าเข้าใจและดูตื่นเต้นกับทุกสถานที่ที่ผมพามันมา และที่สุดท้ายที่ผมพามันมาคือหน้าพระที่นั่งอนันต์ มีช่างกล้องหลายคนมาถ่ายรูปเก็บความประทับใจกันอยู่มากพอสมควร ผมบอกให้มันจอดรถในเขตที่สามารถจอดได้ ความเงียบตอนนี้กลายเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุด เพราะช่างกล้องทุกคนดูมีสมาธิกับการถ่ายรูปเสียจนผมเองก็ไม่กล้าเอ่ยปาก น่านฟ้ายืนมองคนเหล่านั้นแป๊บนึงก็หันมามองผม
 
“กูอยากลองถ่ายบ้าง”
 
“เอาดิ” ผมยื่นส่งให้มัน ไอ้น่านรับไปถ่ายรอบๆพื้นที่ ท่าทางของมันดูมีความสุขและดูตื่นเต้นจนผมอดอมยิ้มออกมาได้
 
แชะ
 
“มาถ่ายอะไรกูเนี่ย”
 
“ก็เปล่า ถ่ายๆไปงั้น”
 
“ลบเลย” ผมพยายามจะยื้อกล้องจากมือไอ้น่านแต่มันก็ดึงขึ้นสูงแล้วขยับลงมานั่งบนมอไซค์ที่ผมนั่งอยู่ “ไอ้น่าน เอามาลบ”
 
“ลบไมวะแค่รูปเดียว”
 
“กูไม่ชอบให้ใครถ่ายรูปอ่ะ มันน่าเกียจ”
 
“รู้ตัวเองด้วย”
 
“สัส เอามาลบดิ๊” น่านฟ้ายื่นกล้องส่งกลับมาให้ผมก่อนจะขยับขึ้นมานั่งคร่อมบนซี ผมนั่งหันข้างไงมันถึงสามารถเอาคางหนักๆมาวางไว้บนไหล่ผมได้ พอจะขยับหนีมันก็ดึงเอวผมไว้ เชี่ยแม่งนิสัยเสีย ชอบเอาหัวมาวางท้าวคนอื่น
 
“มึงนี่เป็นโรคอะไรวะน่าน กระดูกสันคอพังหรือไง ห้ะ” ด่าแม่งก็ยังยิ้ม เกลียดแม่งจริงๆ
 
“เฮ้ย ห้ามลบรูปที่กูถ่ายนะ”
 
“ทำไม”
 
“ก็รูปที่กูถ่ายกูมีสิทธิ์ที่จะไม่ลบ”
 
“แต่มันเป็นรูปกู”
 
“รูปมึงแล้วกูถ่ายป่ะล่ะ”
 
“ก็..ใช่” ผมขมวดคิ้วทำหน้างง
 
“ก็ใช่ไง เพราะงั้นห้ามลบ”
 
“อะไรวะ รูปกูไม่ใช่เหรอ”
 
“อ่าวแล้วกูถ่ายหรือเปล่าล่ะ” มันถามย้ำผมอีกรอบ ซึ่งผมก็พยักหน้าว่าใช่
 
“นั่นไง รูปกูถ่ายเพราะงั้นไม่ต้องลบ เดี๋ยวกลับบ้านไปกูขอรูปที่กูถ่ายทั้งหมดด้วย เข้าใจ๋” นี่มันบังคับกันชัดๆ “แล้วก็พรุ่งนี้พากูไปห้างด้วย...”
 
“ไปไม”
 
“ซื้อกล้องไง”
 
“อ่าวไหนบอกว่าจะไม่ซื้อให้กู”
 
“กูบอกเหรอว่าซื้อให้มึง”
 
“เออออ กูเข้าใจผิดเอง มึงพูดแค่ว่าจะไปซื้อกล้องไม่ได้บอกว่าจะซื้อให้กู แม่ง”
 
“ฮ่า ฮ่า” ไอ้น่านหัวเราะเบาๆแล้วก้มลงมองรูปในมือผมต่อ มาคิดๆดูแล้วผมว่าชีวิตไอ้น่านมันไม่เคยขาดอะไรเลย  แม่งมีทุกอย่างอยากได้อะไรก็แค่กระดิกนิ้ว สิ่งที่มันอยากได้ก็แทบจะมากองรวมกันตรงหน้า มีเงินไม่ขาดมือ และผู้หญิงก็คงไม่ขาดเหมือนกันล่ะมั้ง ถึงมันไม่เคยเล่าให้ผมฟังเรื่องผู้หญิง แต่ผมคิดว่าคนแบบมันมีอยู่แล้วไม่ต้องสืบ ใครได้มันไปเป็นแฟนคงสบายไปทั้งชาติ ขนาดผมเป็นแค่คนที่มีความสัมพันธ์ทางกายมันยังดีกับผมขนาดนี้ ถ้าใครได้เป็นแฟนมันคงจะดูแลดีแบบสุดชีวิต
 
 
แปลกนะครับพอมาคิดถึงตรงนี้ ไม่รู้ทำไมในหัวผมแว่บนึงมันกลับคิดขึ้นมาว่าถ้าน่านฟ้ามันมีแฟนขึ้นมาจริงๆล่ะ วันนั้นผมจะเสียดายหรือเปล่า แค่คิดเล่นๆผมยังรู้สึกแปลกๆกับตัวเองขึ้นมาเฉยเลย...แปลกชะมัด
 
“คิดไรวะ”
 
“กูแค่อิจฉามึง”
 
“อิจฉาเรื่อง”
 
“ก็มึงแม่งมีทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ได้ เงินมีไม่ขาดมือ ที่บ้านกูนะจะซื้ออะไรทีแม่งต้องเก็บเงินเอง ม๊านี่แทบจะไม่ยอมเจียดเงินที่ไม่จำเป็นให้กูเลยด้วยซ้ำ” ผมถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วคิดถึงเวลาตัวเองอยากได้นู่นอยากได้นี่แล้วขอม๊ากับป๊าไม่เคยหรอกที่จะได้ดีๆต้องหาอะไรมาแลก ไอ้ซูน่ะมันมีเกรดเฉลี่ยมาแลก ร้อยทั้งร้อยคือได้แน่ๆ ส่วนคนโง่ๆอย่างผมในเมื่อเอาเกรดแลกไม่ได้ก็ต้องเอาแรงกายมาแลกแทน
 
“ไม่หรอก สิ่งที่กูอยากได้บางอย่างกูก็ยังไม่ได้เลย”
 
“มีด้วยเหรอวะ”
 
“มีดิ”
 
“อะไรอ่ะ” ไม่อยากเสือกหรอกแต่อยากรู้
 
“ไม่เสือกดิ”
 
“เอ้า ก็แค่อยากรู้ เปล่าเสือกสักหน่อย”
 
“มึงรู้ไปก็ช่วยอะไรกูไม่ได้หรอก เพราะสิ่งที่กูอยากได้ตอนนี้มันเป็นของๆคนอื่น” เสียงมันดูเศร้าจนผมอดรู้สึกหดหู่ไม่ได้ “แต่มึงไม่ต้องห่วงนะ” มึงถามกูหรือยังว่ากูห่วงมึงไหม แต่ผมไม่พูดนะ คิดเฉยๆ เดี๋ยวมันหาว่าผมขัดมัน “กูว่ากูสามารถพอว่ะ”
 
“สามารถ??”
 
“ก็ถ้าในเมื่อกูอยากได้ กูก็สามารถพอที่จะแย่งมันมาก็เท่านั้น”
 
“เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แย่งอะไรของมึงวะเนี่ย สำคัญระดับชาติเลยหรือไง”
 
 “หึก็คงงั้นมั้ง” น่านฟ้ายิ้มมุมปากแล้วจับหัวผมให้หันมามองหน้ามัน ผมรู้ว่ามันจะทำอะไรเลยพยายามหันซ้ายมองขวาว่ามีคนสนใจผมอยู่หรือเปล่า แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมถึงยอมให้มันจูบเบาๆที่ริมฝีปากโดยไม่คิดที่จะห้ามอะไรมัน
 
 
 
 
 
 
จริงๆแล้วผมว่าผมเองก็พอจะเดาอะไรบางอย่างจากคำพูดและการกระทำของมันได้นะ ถึงมันจะเคยบอกกับผมว่าไม่มีวันก็เถอะ
 
 
 
แต่ก็นะ ถึงพอจะเดาได้ ผมก็ไม่อยากเดา และไม่อยากรับรู้อยู่ดี
 
 
 
บางที...อาจจะเพราะว่าผมกลัวล่ะมั้ง กลัวว่าวันนึงสิ่งที่มันกำลังจะแย่งไปดันเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตผม เพราะถึงตอนนั้นขึ้นมาจริงๆ ผมคง.....








ไม่รู้ดิ ไม่รู้เหมือนกัน










 
>>>>TBC<<<<
ตอนนี้ไม่มีอะไร ก็แค่ ค่อยๆรักกันเบาๆ (หราาาาาาาาาาา)
ประเด็นอยู่ที่ว่าซนรู้อะไร รู้จริงหรือเปล่าเหอะ อิอิ
รักคนอ่าน...

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2015 08:56:11 โดย nuoouka »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
น้องซนอย่ามา...~ ไอ้เรื่องที่หนูรู้น่ะเรื่องเดียวกับที่พี่น่านพูดเปล่าเหอะ ไม่ใช่คิดว่าพี่เขาจะแย่งลูกเงินกับลูกทองของหนูนะ :laugh: รักคนเขียนเหมือนกันจ้า~

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สงสารพี่น่านจัง ซนก็ซึนเกิ๊นนนนน

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :katai2-1:   แ่งเลยพี่
แล้วบอกไอ้ตัวหน้ามึนซึนเดเระด้วยนะว่าจะแย่ง. 555
ขอบคุณค่ะ. เป็นเดทที่น่ารักดี

ออฟไลน์ ssipra

  • นักอ่านมืออาชีพ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ซน...ถ้าวันนึงน่านมีแฟนซนจะเสียใจนะ  o16

ออฟไลน์ PK13

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอยยยยยยยตกบ่วงน้องซนอ่ะทำไงดี 55555555

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ซน เปิดใจสิเปิดใจ ของรักของหวง ไม่มีใครไม่โกรธนะ แต่น่านก็ไม่โกรธซน ลองดูสิ  :hao7:

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เหมือนจะหน่วงนิดๆ แต่ยังไงก็เชื่อว่าน่านฟ้าคงแย่งมาได้แน่ๆ ถึงตอนนี้ซนเพิ่งจะเริ่มรู้ตัวนิดๆ
แต่กลัวใจกลัวความคิดของซนจริงๆ ยิ่งคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้านอยู่ด้วย

เอาเป็นว่าซนรีบรู้ใจตัวเองแล้วรีบเคลียร์กับเอยซะะะะ

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
Because of you ซน ตอนที่ 14  คนนิสัยเสีย

ตอนแรกผมคิดว่าการมาฝึกงานคราวนี้ แก๊งไอ้น่านจะไม่ยอมให้ตัวเองลำบากแน่นอน เพราะแต่ละคนก็ลูกคุณหนูทั้งนั้น เชื่อมั่นเอามากๆว่ามันต้องมาเครื่องบินไม่ก็ขับรถกันไปหรืออย่างแย่ที่สุดก็คงนั่งรถทัวร์ แต่นี่มันอะไรของพวกมัน ผมแม่งก็เริ่มเอะใจตั้งแต่ที่มันพาผมขึ้นไฟใต้ดินมาแล้วนะครับ แต่ไม่คิดว่าพวกแม่งจะพาผมขึ้นรถไฟจริงๆ

แถมพอมาถึงสถานีไอ้พี่ป๊อบชูตั๋วชั้นสามโบกไปโบกมาราวกับว่าเป็นความภาคภูมิใจของมันเหลือเกิน แต่ก็อย่างว่ามันไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่รู้สึกเพราะ...

“มึงเป็นอะไรป๊อบ มึงบ้าเหรอ” ไม่ต้องรอให้ผมโวยวายก็มีคนโวยวานแทนผมอยู่แล้ว “มึงคิดได้ไง นั่งรถไฟไปหนองคายโดยใช้ตั๋วชั้นสามเนี่ยนะ มึงใช้สมองหรือตาตุ่มคิดห้ะ???”

ผมยืนมองพี่แอลด่าไอ้พี่ป๊อบอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ หวังในใจเล็กๆว่าจะมีการรุมกระทืบไอ้พี่ป๊อบกลางลานหัวลำโพงเพื่อย้ำเตือนความโง่ของมันให้บุคคลภายนอกเห็น แต่สิ่งที่พี่แอลทำกลับทำให้ผมผิดหวังนิดๆ เพราะกะอีแค่ตบหัวสองสามทีมันไม่ได้บรรเทาความหมั่นไส้ที่สุมอยู่ในอกผมลงเลยสักนิด

“ก็แค่ตั๋วรถไฟชั้นสาม มึงคุณหนูขนาดนั้นเลยหรือไงถึงนั่งไม่ได้น่ะแอล”

“นั่งไม่ได้? ใช่!!! กูนั่งไม่ได้!!! มึงคิดไหมว่าคนอย่างกู จะนั่งรถไฟชั้นสามเนี่ยนะ มึงบ้าเหรอห้ะ ถ้านั่งกันแค่ 2-3 ชั่วโมงกูไม่มานั่งด่ามึงอย่างนี้หรอกป็อบบบบ ไอ้เชี่ยยย” พี่แอลด่าไม่หยุด แกด่าด้วยทำร้ายร่างกายด้วย แน่นอนว่าคนดีๆแบบผมถึงในใจจะคุกกรุ่งเพียงใด ก็เลือกที่จะยืนยิ้มเป็นกำลังใจอยู่ห่างๆ สู้ๆนะพี่ แค่ไอ้พี่แอลคนเดียวก็แทบจะทำให้หัวลำโพงแห่งนี้เป็นสงครามกลางเมืองอยู่แล้ว

“ใจเย็นน่าแอลเดี๋ยวกูลองไปเปลี่ยนดูให้” พี่โก้เป็นบุรุษน้ำใจงามที่เลือกจะดึงตั๋วในมือพี่ป๊อบไปถือก่อนจะวางกระเป๋าเป้มันลงบนพื้น มันเดินไปต่อแถวที่ช่องจำหน่ายตั๋วเพื่อเปลี่ยนเป็นตั๋วนอนแทน

“ก็ใครจะไปรู้วะว่าพวกมึงจะไปตั๋วนอน กูรู้แค่ว่ากูบอกพวกมึงแล้วนะว่ากูจะไปรถไฟ แล้วมึงก็บอกเองว่าโอเค จองตั๋วเผื่อพวกมึงด้วย มึงจำได้ไหมแอลมึงพูดกับกูแบบนั้น” ไอ้พี่ป็อบพูดสวนกลับพี่แอลบ้าง แต่มีเหรอคนอย่างพี่แอลจะยอม

“แล้วมึงทำไม่คิดบ้างว่ารถไฟไปหนองคายมันใช้เวลาเกือบๆ 10 ชั่วโมง 10 ชั่วโมงนะมึงกับการต้องนั่งหลังคดหลังแข็งแบบนั้น มึงบ้าเหรอ” ไอ้พี่ป๊อบยักไหล่สบายอารมณ์ก่อนจะขยับนั่งลงกับพื้น

“แล้วมึงจะขอบใจกู” ใครจะไปขอบใจแม่งวะ ขนาดผมเองยังร่ำๆจะแช่งพ่อไอ้พี่ป็อบในใจอยู่เลย “นั่งๆอย่าคิดมาก กูว่าไอ้โก้ทำได้ทุกอย่างที่ใจมึงหวังแน่นอนเชื่อกู ผัวมึงนี่นา”

“ผัวพ่อง!!!” ไอ้พี่ป็อบยักคิ้วหลิ่วตาล้อไอ้พี่แอล ผมนี่รีบหันไปมองหน้าไอ้น่านทันทีด้วยความเสือก

“จริงดิ” ปากก็ไวพอจะกระซิบกระซาบกับไอ้น่าน

“ไม่ใช่หรอก ถึงไอ้แอลมันจะยังไม่มีใคร แต่ไอ้โก้มันมีแฟนแล้ว ส่วนเรื่องที่ไอ้ป็อบพูดมันก็แกล้งแซวไอ้แอลมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วแหละ” ผมพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจในเรื่องชาวบ้าน

“ขี้เสือกเหรอมึง” ไอ้พี่แอลหรี่ตาเล็กมองมาทางผม ผมเลยยิ้มแหะๆส่งไปให้มัน แต่เชี่ยพี่แอลแม่งนิสัยเสียทำร้ายผมโดยการผลักหัวผมโคตรแรง ถ้าไม่ติดว่าไอ้น่านยืนอยู่หัวผมคงกระเด็นไปติดที่กำแพงฝั่งนู้นอ่ะ

“เอ้า!!”ผมทำหน้ายู่ “ก็เรื่องของพี่แอลน่าเสือกดีออก ใช่ไหมพี่ป็อบ”

“ช่ายยยย” ไอ้พี่ป็อบพยักหน้าแล้วยกมือขึ้นแท๊กมือผมก่อนจะหันไปหัวเราะคิกคักใส่พี่แอล เออตลกดีว่ะ หลังจากแซวกันไปสักพักพี่แอลก็ขยับนั่งลงกับพื้นข้างๆพี่ป็อบก่อนจะเป็นผมกับไอ้น่านที่ขยับนั่งลงตามพวกมัน ที่พวกเราเลือกนั่งลงกับพื้นเพราะที่นั่งทั่วทั้งหัวลำโพงเต็มหมด เหลือก็แต่พื้นนี่แหละครับที่ยังพอมีว่างให้จับจองอยู่

“พิงกูอีกและ” ทำไมไอ้น่านมันเป็นคนแบบนี้วะ พอนั่งปั๊บไม่นัวเนียผมก็เอาคางมาท้าวที่ไหล่ หรือไม่เอนตัวพิงผมแบบนี้

“พูดมาก พิงนิดพิงหน่อยทำเป็นบ่น”

“ลองให้กูพิงมึงดูบ้างไหมล่ะน่าน”

“เอาดิ” มันขยับนั่งตัวตรงแล้วดึงผมให้เอนตัวพิงไหล่มันแทน เออแม่งสบายจริงๆว่ะ ถึงว่าทำไมไอ้น่านมันชอบพิงผมจัง “ชอบอ่ะดิ”

“เฉยๆเหอะ”

“เหรอครับ” น่านฟ้ากวนตีนแต่ก็ไม่ได้ผลักผมออกจากตัวมัน ส่วนผมก็ขี้เกียจไฝว้กับมันเพราะกำลังดูกล้องในมืออยู่ ไม่ใช่กล้องผมหรอกครับ กล้องไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆผมนี่แหละ หลังจากวันที่ไปเที่ยวแถวถนนราชดำเนินเสร็จเช้าวันต่อมามันก็บังคับผมไปดูกล้องตัวใหม่ ผมพามันเข้าร้านกล้องหลายร้านมาก เลือกอยู่หลายรุ่น ดีตรงที่ไอ้น่านไม่บ่นสักคำ แถมดูท่าทางมันจะสนใจเอามากๆ เวลามันเห็นผมจับตัวไหนมันก็จับขึ้นมาดูด้วย มีบ้างที่หันไปถามเจ้าของร้านว่าสเป็คแต่ล่ะตัวแตกต่างกันยังไงโดยไม่ต้องรอให้ผมอธิบาย

“มึงชอบรุ่นนี้เหรอ” ผมพยักหน้าให้มัน เพราะรุ่นนี้เข้าร้านไหนผมก็เรียกมาดูทุกครั้ง ราคาก็ลดลั่นกันไปตามส่วนลดที่แต่ล่ะร้านให้ ถึงมันจะไม่ได้ลดเยอะมากแต่ดูมาทั้งหมดก็มีร้านนี้ที่ลดเยอะสุด “แล้วมันดีเหรอ หรือว่าไง”

“ดีดิ พวกมือใหม่อย่างมึงถ้าเอารุ่นนี้ถ่ายนะจะบอกเลยว่ารูปที่ออกมาขั้นเทพเหมือนพวกมืออาชีพเลย”

“งั้นเอา”

“เฮ้ยย แพง” ผมรู้นะครับว่ามันแม่งงบเยอะ แต่มือใหม่อย่างมัน ผมไม่ค่อยอยากเอารุ่นที่แพงเว่อร์เท่าไหร่ กลัวว่าจะพัง บางคนดูแลไม่ดีเดือนเดียวก็ไปแล้ว ผมเลยกะว่าซื้อสักตัวรวมบอดี้กับเลนส์เอาไม่เกิน 4 หมื่น ก็คิดว่าหรูแล้ว

“ก็กูจะเอา”

“เล่นไม่เป็นเสียของเปล่าๆ”

“ตังค์กู กล้องกู มึงเกี่ยวอะไร” เออออ พ่อคนรวย ตังค์มึง ถึงในใจจะหมั่นไส้ไอ้คนตรงหน้าระดับร้อยแต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรมากบอกพนักงานว่าเอาตัวนี้ แถมกระซิบบอกพนักงานว่าไม่ต้องลดให้มันด้วย พี่เขาก็พยักหน้าเข้าใจแต่สุดท้ายก็ต้องลดตามระเบียบโปรโมชั่นอยู่ดี และกล้องที่ได้มาอยู่ในมือผมตอนนี้คือกล้อง DSLR ของ Nikon รุ่น D750 ราคาเกือบ 9 หมื่น สมใจคนรวยเขาล่ะ

“น่านมึงดูไอ้เงินกับไอ้ทอง” เมื่อเช้าก่อนมา ผมเอาเงินกับทองไปฝากม๊า หมาสองตัวของผมมันเชื่องมากครับรีบวิ่งไปหาอิแสนดีแล้วเล่นกับอิแสนดีจนอิแสนดีทำหน้ารำคาญใส่ ตอนแรกที่เจอกันไอ้เงินกับไอ้ทองกลัวแสนดีมาก หน้าหยิ่งๆอย่างมันคิดดูล่ะกันว่าทำให้หมากลัว บางทีก็อยากถามหมาตัวเองว่ามันลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นหมา แต่พออยู่กันไปสักพัก ไอ้เงินกับไอ้ทองก็เลิกกลัวแสนดีแล้วเข้ามาเล่นหรือพูดง่ายๆว่าก่อกวนอิแสนดีแทน นัวเนียกันหลายครั้งเจอแสนดีตะปบไปก็หลายที แต่เงินทองไม่แคร์ได้แผลก็ไม่สน สุดท้ายก็ยังเข้าไปเล่นด้วยจนอิแสนดีเลิกตะปบแล้วนอนนิ่งๆให้เงินไอ้ทองมาเล่นกับมัน ภาพแมวหยิ่งที่ถูกหมาก่อกวนเป็นความภาคภูมิใจของผมสุดๆ ฮ่า ฮ่า

“สงสารแสนดี” ผมเงยหน้าเอาหัววางพาดตามไหล่มันแล้วมองไอ้น่านด้วยความไม่พอใจ มึงสงสารแมวคนอื่นมากกว่าหมากูได้ไง “ดูไอ้เงินไอ้ทองดิแม่งดื้อ ทำไมต้องไปก่อกวนแสนดีด้วยวะ” ไอ้น่านพูดพลางดูรูปในมือผมที่ถ่ายไอ้เงินไอ้ทองไว้เมื่อเช้า

“ทีอิแสนดีมันตะปบหน้าลูกกู กูไม่เห็นเคยด่า”

“ก็มึงตบหัวมันกลับไปแทนแล้วไง”

“ก็แค่ตบหัวเบาๆ ไม่ได้ตบแรงเลยเถอะ” ไอ้น่านก็เว่อร์

“แต่มันก็เจ็บไหมล่ะ”

“มึงเข้าข้างมันมากกว่ากูเหรอ”

“ก็....”

“เป็นไงมั่งมึง” ก่อนที่ผมจะเถียงกับน่านฟ้าต่อพี่แอลก็เงยหน้าขึ้นถามพี่โก้เรื่องตั๋ว พี่โก้ขยับนั่งลงข้างๆพี่แอลแล้วทำหน้าเศร้ามากจนบางทีผมก็คิดว่ามันคงไม่ได้ “เพราะมึงเลยไอ้ป็อบ” พี่แอลพูดเสร็จก็หันไปโบกหัวพี่ป็อบทีนึง “กูไม่ไปด้วยหรอกนะถ้าจะนั่งเมื่อยหลังไปแบบนั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้กูนั่งเครื่องตามไปล่ะกัน”

ไอ้พี่แอลพูดบ่นงึมงำแล้วทำท่าจะลุกขึ้น

“ยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่ได้” พี่โก้เอื้อมมือไปจับมือไอ้พี่แอลแล้วยิ้มออกมาเบาๆ ผมหรี่ตามองก่อนจะหันหน้าไปสบตากับไอ้น่านที่เลิกคิ้วถามผมว่ามีอะไร พอผมพยัดเพยิดไปที่เพื่อนมัน ไอ้น่านก็ขมวดคิ้วทำหน้าโง่ส่งกลับมา สงสัยผมคงจะคิดมากไปเอง

“สัส”ไอ้พี่แอลพอได้ยินแบบนั้นเข้าก็หันขวับมองตาเขียวเลยครับก่อนจะสะบัดไอ้พี่โก้ออกอย่างรังเกียจ “กูเพื่อนเล่นมึงเหรอโก้”

ผมก็เห็นด้วยกับพี่แอลนะ คนอย่างไอ้พี่แอลไม่สมควรไปเล่นด้วยสักนิด แม่งดุอย่ากะหมา ไอ้เงินไอ้ทองยังน่ารักกว่า

“ฮ่า ฮ่า ได้ที่นั่ง 5 ที่พอดี แต่คงต้องรอหน่อย”

“กี่ทุ่มอ่ะ”

“สี่ทุ่มครึ่งอ่ะ”

“นี่หน่อยของมึงเหรอโก้ เชี่ยอีกตั้งสามชั่วโมงครึ่ง” ผมมองดูนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่ด้านบนหัวลำโพงบอกเวลา ทุ่มเศษๆ เราต้องนั่งรอกันอีกสามชั่วโมงครึ่งอยากที่พี่แอลบ่น ผมไม่ได้อะไรอยู่แล้ว ไม่เมื่อยเพราะตอนนี้มีที่พิงพนักส่วนตัว ถึงแม้หลังจากที่เถียงกันเมื่อกี้ไอ้น่านมันขยับเปลี่ยนท่าจากให้ผมพิงไหล่มาพิงอกมันแทนก็ตาม ถึงท่านี้จะสุ่มเสียงต่อการโดนมองแต่ความสบายมีมากกว่าเลยเลือกที่จะมองข้ามสายตาพวกนั้นไป

“ถ้างั้นก็แจ่มจะแดมแจ่มว้าวเลยครับพี่น้อง เดี๋ยวเพื่อเป็นการไถ่โทษในความผิด เดี๋ยวกูไปซื้อเบียร์มาให้” โอ้โหวววว ไอ้พี่ป็อบแม่งใจปล้ำ เพิ่งจะเห็นมันเป็นคนดีก็คราวนี้ ผมกำลังจะยกมือขึ้นขอบคุณอยู่แล้วครับ ถ้าไม่ติดว่าประโยคถัดมาจากปากมันทำตีนผมกระตุกแทน “เงินมา กูไปซื้อให้ไม่ได้หมายความว่าจะออกให้นะโว้ย เอามาเลยครับ คนละ 200 เบียร์บวกกับแก้ม เร็วครับเร็ว สองร้อยครับสองร้อย”

ทุกคนทำหน้าเอือมใส่มันแต่ก็ยังหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาแล้วส่งเงินไปให้


Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นไอ้น่านคว้าเอากระเป๋าเป้ส่งมาให้ผมก่อนจะเป็นผมที่หยิบมือถือขึ้นมารับ

“ว่าไงคะ”

(พี่ซน อยู่ไหนอ่ะ)

“พี่อยู่หัวลำโพงค่ะ น้องเอยอยู่ไหนคะ” ผมพูดพร้อมกับแนบโทรศัพท์ไว้ที่คอก่อนจะดึงเอาเงินสดสองร้อยส่งไปให้พี่ป็อบ ตอนที่ส่งเงินไปให้มันทุกคนหันมามองหน้าผมพร้อมกันจนผมอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ มีอะไรเปล่าวะ

“ป็อบกูฝากซื้อบุหรี่ด้วย” เป็นไอ้น่านที่ดึงความสนใจจากทุกคนไปที่มันแทน

“เออๆมาๆ ใครฝากซื้ออะไรก็เอามา”

(เอยอยู่ใต้ดิน ตอนนี้ถึงสามย่านแล้ว) ผมขมวดคิ้วอัตโนมัติ งงอยู่ว่าทำไมเอยถึงบอกว่าตัวเองอยู่สามย่าน

“นี่เรากำลังจะทำอะไรคะเนี่ย”

(ไม่เจอพี่ซนตั้ง 2 เดือนแน่ะ)

“อย่าบอกนะว่า...” เอยจะมาหาผม

(ใช่ค่ะ เอยกำลังจะไปหัวลำโพง พี่ซนอยู่ไหนคะ เดี๋ยวเอยเดินไปหา)

“จะมาพี่จริงดิ”

(จริงๆสิคะ)

“ถ้างั้นเอางี้น้องเอยไม่ต้องออกมาจากสถานีหรอก เดี๋ยวพี่เดินลงไปหาที่สถานี”

(ทำไมอ่ะ เงินแค่นี้เอยออกได้)

“เอาน่า จะได้ไม่ต้องเสียเงินหลายรอบ เดี๋ยวพี่ลงไปหา รออยู่ที่สถานีนั่นแหละค่ะ” ผมคุยกับน้องอีกสองสามคำก็วาง ก่อนจะผุดลุกขึ้นไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าตังค์ตัวเองไปด้วย “เดี๋ยวกูมา”

“ไปไหน” ไอ้น่านถาม

“ไปหาน้องเอยแป๊บ”

“ไปด้วย” เอ้า ไอ้นี่ ไปไมวะ ผมไปหาแฟนแล้วมันทำไมขี้เสือกงี้อ่ะ “กูยังไม่เคยเห็นแฟนมึงเลย ขอไปดูหน้าหน่อยดิ สวยหรือเปล่า”

“น่ารักมากกว่า”

“แค่ไหนกันเชียว” ไอ้น่านแม่งปากดี

“เออๆจะมาก็ลุก” ผมบอกมันเสร็จก็เดินนำหน้ามันไปก่อน ไอ้น่านเดินตามผมมาเงียบๆ ไม่ได้ปริปากพูดอะไร น้องเอยเคยได้ยินชื่อไอ้น่านบ้างเวลาที่น้องถามว่าผมอยู่กับใคร น้องมักจะเข้าใจมาตลอดว่าผมกับมันเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องที่ติวหนังสือให้กัน

แต่จริงๆแล้วก็อย่างที่รู้ เรื่องติวหนังสือตอนนี้ไม่ใช่ส่วนสำคัญแล้ว

ผมหยุดเดินแป๊บนึงแล้วหันหน้าไปมองไอ้น่านที่เดินตามหลังมา “ทำไมไม่มาเดินข้างกันวะ”

“ข้าน้อยมิกล้า” เป็นบ้าอะไรของมัน

“น่าน เป็นไรของมึงเนี่ย มานี่” ผมเดินย้อนกลับไปดึงแขนไอ้น่านให้มาเดินข้างๆผม มันยักไหล่เบาๆเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรแต่หน้านี่หงิกงออย่างกะจวัก ผมว่าไอ้น่านมันชักจะทำตัวไม่ต่างจากพวกเมียน้อยขี้หึงยังไงก็ไม่รู้ ผมดึงมือไอ้น่านมาจนถึงสถานีรถไฟใต้ดินหัวลำโพง พอมาถึงก็เห็นน้องเอยยืนรออยู่ก่อนแล้ว ผมปล่อยมือไอ้น่านทันทีแล้วรีบวิ่งไปหาน้อง

“ยังไงเรา” ผมวางมือไว้บนหัวน้องเอยแล้วยิ้มบางๆให้ตอนที่น้องหันกลับมา น่านฟ้าไม่ได้เดินเข้ามาใกล้ผม มันหยุดยืนพิงกำแพงจากตรงที่ไม่ใกล้นัก

“มากับใครคะ” น้องเอยที่เมียงมองไปทางไอ้น่านที่หน้าหงิกกับโทรศัพท์ในมือ มันยืนก้มหน้าเล่นอยู่ไม่หันมามองหน้าผมกับน้องสักนิด

“อ้อ พี่น่านน่ะค่ะ”

“คนที่พี่ซนบอกว่าช่วยติวหนังสือ??” น้องเอยเลิกคิ้วแล้วมองตรงไปยังไอ้น่าน ผมพยักหน้าเบาๆกลับไปให้

“น่า...” ผมที่กำลังจะเรียกแค่ชื่อมันก็หุบปากแล้วเปลี่ยนคำเรียกแทน “พี่น่าน” พอเรียกชื่อมันจบไอ้น่านก็เงยหน้าบูดๆขึ้นจากโทรศัพท์คิ้วตึงของมันขมวดแน่นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร “นี่น้องเอย แฟนซน”

น้องเอยยกมือไหว้ไอ้น่านแล้วส่งยิ้มน่ารักไปให้มัน ส่วนไอ้น่านก็แค่พยักหน้าตอบแล้วก้มดูโทรศัพท์ต่อ

“พี่เขาโลกส่วนตัวสูงเหมือนกันนะคะ”

“มันก็เป็นคนแบบนี้แหละ” ผมยืนคุยกับน้องเอยสักพักก็คิดว่ามันเลยเวลากลับบ้านน้องนานแล้ว เลยบอกน้องรีบกลับกลัวว่าที่บ้านน้องจะเป็นห่วง

“พี่ซนไล่อ่ะ”

“ไม่ได้ไล่ค่ะ แต่มันดึกแล้ว ตัวเล็กกลับบ้านได้แล้วไป เดี๋ยวที่บ้านเป็นห่วง” ผมเอามือโยกหัวเอยเบาๆเป็นเชิงหยอก

“ค่ะๆ กลับแล้ว” น้องเอยทำท่าจะหันไปลาไอ้น่านแต่ผลที่ได้คือไอ้น่านหันหลังพิงกำแพงมาทางผมกับน้อง สุดท้ายผมเลยบอกให้น้องกลับไปเลยไม่ต้องล่ำลาไอ้คนนิสัยไม่ดี หลังจากที่ยืนมองน้องเดินลงบันไดจนลับตาผมก็เดินมาหยุดตรงหน้ามัน

“เป็นไรอีกวะ”

“เสร็จแล้วเหรอ”

“อื้ม”

“งั้นกลับเหอะ” น่านฟ้าพูดพร้อมกับดึงเอาหูฟังยัดใส่หูตัวเอง เดินไปแบบไม่พูดไม่จาอะไรต่อสักคำ ไม่รู้ว่าเพราะผมขาสั้นหรือเพราะมันขายาวและเดินเร็วทำให้ผมตามมันไม่ทัน

“จะรีบไปไหนของมึง”

“ขามึงสั้นเอง” แม่งด่าอย่างอื่นยังพอเถียงได้นะแต่พอด่าว่าขาสั้นทีไรไม่กล้าเถียงทุกที ก็ความจริงมันอยู่ตรงหน้านี่ครับ

“เป็นไงแฟนกูน่ารักเปล่า” ผมวิ่งมาเดินข้างมันก่อนจะเงยหน้าถามไอ้น่าน มันคว่ำปากแล้วมองตรงไปข้างหน้า

“ก็ดี”

“แค่นั้น??” ทำไมแค่ก็ดีวะ ผมว่าแฟนผมน่ารักมาเลยนะ ผิวขาวตัวเล็ก ยิ้มทีมีลักยิ้มตรงแก้มด้วย

“.....” น่านฟ้าไม่ตอบแต่หน้ามันหงิกยิ่งกว่าเก่า ผมรู้ว่ามันเป็นอะไร ผมรู้หมดแหละ ก็บอกแล้วว่าผมไม่ได้โง่




“มึง...” น่านฟ้าหันมามองหน้าผมอย่างตกใจ มันขมวดเลิกคิ้วใส่ผมนิดๆก่อนจะมองเลยมาที่มือผมกับมัน ใช่ครับ ผมกำลังจับมือมัน ถึงไม่ได้สอดประสานแต่ก็ถือว่าจับ ปกติผมไม่เคยทำแบบนี้ แต่เพราะใบหน้าไอ้น่านมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆจนไม่อยากทำให้ทุกอย่างมันผ่านเลยแบบนี้



“เหลือเวลาอีกตั้ง  2  ชั่วโมง ไปไหว้พระที่วัดไตรมิตรกัน” ผมยิ้มแล้วดึงหูฟังของไอ้น่านที่อยู่อีกฟากมายัดเข้าหูตัวเอง แต่จู่ๆน่านฟ้าก็หยุดเดินก่อนจะดึงหูฟังมันกลับ แล้วยัดมาลงกระเป๋ากางเกง ผมเอียงคอมองหน้ามัน “เป็นไรวะ”


“มึงมันนิสัยเสีย...ซน มึง...รู้อยู่แล้วใช่ไหม มึงรู้...” น่านฟ้ามองตรงมาที่ตาผม มันมองเหมือนคาดคั้นเอาคำตอบ ส่วนผมไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการยิ้มบางๆ

“กูไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ แล้วมึงก็ไม่ต้องพูดอะไรออกมาทั้งนั้น...”เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มันหลุดปากพูดอะไรบางอย่างที่แม้แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจ ผมกลัวใจตัวเองว่าจะทำบางอย่าง


บางอย่างที่อาจจะทำให้.....ผมกับมันไม่เหมือนเดิม


แต่ช่างมันเถอะครับ


“รู้แค่ว่าตรงนี้มีกูกับมึงก็พอ”



ก็อย่างที่น่านฟ้าบอก ผมแม่ง...นิสัยเสีย




>>>>>>>>>>>~TBC~<<<<<<<<<<<
เปล่าม่า บอกแล้วนิยายเรื่องนี้ไม่ม่าค่ะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
น้องซนนิสัยไม่ดีจริงๆ ด้วย :ruready อยากให้พี่น่านถอยกลับมาอยู่คนเดียวบ้างจังค่ะ อย่าพยายามทำเลยถ้าน้องซนยังมองเห็น แต่ไม่คิดที่จะใส่ใจน่ะ ..ความสัมพันธ์แบบเราสองสามคนเนี่ยไม่ดีเลยจริงๆ นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BoolinMini

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
เมื่อไรน้อจะถึงจุดเปลี่ยนสักที  :ling1:

ออฟไลน์ pungpondppp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
จุดเปลี่ยนอยู่ตรงไหนของเรื่องจะไปอ่านในอนาคต
สงสารเอยเล็กๆ อ่ะ ไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ก็ต้องเลิกกัน :hao5:
แต่ไม่เป็นอะไร สาววายนั้นเชียร์ให้ผู้ชายรักกันอยู่แล้ว :hao7:

ออฟไลน์ hibarihao

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อยากตีก้นเด็กซนนิสัยไม่ดี

สงสารน้องเอยเหมือนกันนะ.
ขอบคุณที่มาต่อจ้ะ. สวัสดีปีใหม่ไทยขอให้น่ารักแบบนี้ไปตลอด

ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ซนนิสัย จะคบใครก็เลือกไปเลยดิ ทำงี้น้องเอยก็เสียใจ พี่น่านก็เสียใจนะเฮ้ย

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อ่านมาถึงตรงนี้



บอกเลย สงสารน่าน  สงสารน้องเอย



เกลียดซน



ถ้าน้องเอย หันมาสนใจน่าน แทนอิซน มีฮาแน่ จะสมน้ำหน้าให้เข็ด



พี่น่าน ซนมันก็ไม่ได้แคร์เท่าไรที่เสียจิ้นให้พี่  ถ้าพี่จะเปลี่ยนใจก็ได้นะ ป้าไม่ว่า

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ssipra

  • นักอ่านมืออาชีพ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ซนนิสัยเสีย จะคบซ้อนหรอ นิสัยเสีย  :o211:

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
 :ling1: :ling1: :ling1:ซนๆๆๆๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
น้องซน นิสัยไม่ดี
ให้พี่น่านลงโทษเลยนะ เอาหนักๆ
จะได้ทบทวนตัดสินใจใหม่ซะที

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ซนทำแบบนี้ไม่โอเคเลย

เลือกเถอะ เอาซักคน

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
Because of you ซน ตอนที่ 15 แค่เรา



พวกผมมาถึงหนองคายกันเกือบเที่ยง ขนาดนั่งรถไฟแบบนอนมายังเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด

“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าให้นั่งเครื่องบินตั้งแต่แรกก็จบ อยากอินดี้นักเป็นไงห๊า” ไอ้พี่แอลก็บ่นพี่ป็อบไม่หยุด บ่นจนไอ้พี่ป็อบลงไปนั่งกับฟุตบาตเอามือสองข้างอุดหูไว้แล้วร้องเพลงบางระจันเสียงดัง จนคนรอบๆตัวเราหันมามองกันเป็นแถบ ส่วนผมก็ได้แต่ยืนห่างจากพวกมันออกมาหน่อย คนอื่นๆจะได้คิดว่าผมไม่รู้จักพวกมัน

“น่าน กูเมื่อย” ผมปัดแขนไอ้น่านออกจากบ่าแล้วหันไปมองมันอย่างไม่พอใจ มันหัวเราะเบาๆแต่ก็ยังไม่เลิกเอาแขนมาวางท้าวบ่าผม แถมยังกอดจากด้านหลังทั้งตัวเอาคางมาไชๆหัวผมอีก ที่มันทำได้เพราะผมยืนอยู่ข้างล่างฟุตบาตแล้วไอ้น่านอยู่ด้านบน คิดดูล่ะกันว่ามันยิ่งกดไหล่ผมลงท่านี้ผมจะเตี้ยลงกว่าเดิมแค่ไหน นี่ถ้าความสูงผมลด ผมจะด่ามันคนแรกเลย

“พี่เขาจะมารับเราตอนไหนวะ” พี่แอลเลิกสนใจพี่ป็อบแล้วหันไปถามพี่โก้ที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จ

“พี่เขาบอกว่าอีกชั่วโมงอ่ะ หาข้าวกินก่อนก็ได้นะ แล้วก็ให้เบอร์โทรกูมา บอกว่ามีนักศึกษาอีกกลุ่มมาฝึกงานกับเราเหมือนกัน”

“อ่าวเหรอ กี่คนวะ จากม.ไหนอ่ะ” พี่โก้บอกชื่อมหาลัยกับพี่แอลก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองมาสะพายส่วนผมก็ลากไอ้น่านไปหาร้านข้าวโดยที่คนอื่นๆก็เดินตามมา

“ไปไหนวะ”

“หาร้านข้าวไง มึงไม่หิวรึไง เมื่อเช้ายังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ”

“หิว” เมื่อเช้าตอนตื่นมาผมเห็นคนขายข้าวบนรถไฟ ผมกับคนอื่นๆก็ซื้อมานั่งกินกันหมด ขาดก็แต่ไอ้คุณชายข้างๆนี่แหละที่เบ้ปากทำหน้าบู้รับไม่ได้ ไม่กิน ขนาดไอ้พี่แอลที่เห็นเรื่องมากแบบนั้นยังไม่เรื่องมากเรื่องกินเหมือนไอ้น่านเลย

“ก็กูบอกแล้วว่าให้กินรองท้องไปก่อนก็ไม่เชื่อ ทำอิดออดเป็นคุณชายแดกของบนรถไฟไม่ได้อยู่นั่น” มันคว่ำปากยักไหล่แล้ววางแขนบนบ่าผมอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก เห็นแบบนี้แล้วมันน่ากระทืบจริงๆครับ

“เอาร้านนี้ไหม” ผมชี้นิ้วถามไอ้น่าน เจ้าตัวก็มองร้านข้าวแล้วพยักหน้าหงึก ร้านที่ผมเลือกเป็นร้านขนาดกลางบรรยากาศโดยรอบไม่อึดอัดและไม่อับทึบ ที่สำคัญมีที่นั่งเป็นม้าหินอ่อนด้านนอกไม่เหมือนร้านอื่นๆที่ต้องเข้าไปนั่งข้างใน พวกผมสั่งอาหารตามสั่งกันไปคนล่ะจานระหว่างรอข้าวไอ้พี่โก้ก็คุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้คิดว่าน่าจะเป็นเด็กฝึกงานอีกกลุ่ม ส่วนไอ้พี่แอลก็นั่งเล่นโทรศัพท์ ไอ้พี่ป็อบนั่งคุยกับหมา ส่วนไอ้น่าน....ก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปคนนั้นที คนโน้นที โคตรขี้เห่อ

“มองอะไร” พอไอ้น่านลดกล้องในมือลงก็เห็นว่าผมมองมันอยู่

“เปล่า”

“ก็กล้องกูอ่ะ”

“ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ” ผมเอื้อมมือไปขยี้หัวไอ้น่านเบาๆก่อนจะเอนหลังพิงอกมัน ไอ้น่านก็รู้งานยกแขนข้างนึงขึ้นให้ผมขยับเข้าไปนั่งพิงมันดีๆก่อนจะเปิดรูปที่มันถ่ายให้ผมดู ส่วนใหญ่ที่มันถ่ายก็เป็นรูปคน แปลกนะครับ น่านฟ้ามันชอบถ่ายคน ขนาดแม่ค้าที่ไม่รู้จักมันยังซูมจนเห็นแค่หน้า แต่ภาพที่ออกมาบรรยายความรู้สึกของคนได้ดีจนไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นมือใหม่ “กูถ่ายสวยอ่ะดิ”

“ก็งั้นๆ” มันเลื่อนรูปให้ผมดูเรื่อยๆ มีรูปผมบ้างปะปราย ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงโวยวายให้มันลบแล้วล่ะครับ แต่ตอนนี้เรียกว่าชินแล้วดีกว่า




“พวกมึง” เสียงพี่โก้ดึงความสนใจจากพวกผมให้หันไปมอง พี่โก้พาคนมาใหม่อีก 3 คนดูท่าทางทะมัดทะแมง แถมหิ้วกีต้าร์มาด้วย “พวกนี้จะมาฝึกงานกับเราด้วย ไอ้นี้ชื่อ ฉัตร สิงห์ แล้วก็ลม ปีสามเหมือนกันมาจากเทคโนXX” พวกพี่แอลพี่ป็อบก็พยักหน้ารับรู้คนมาใหม่ พี่โก้เลยแนะนำต่อ

“อันนี้เพื่อนผม ป็อบ แอล น่าน รุ่นเดียวกัน ส่วนนั่นน้องซนเป็นรุ่นน้องอยู่เทคนิค”

“อ่าวเหรอแล้วมาฝึกงานได้ไงวะ” คนชื่อฉัตรเอากระเป๋าวางลงกับพื้นแล้วนั่งลงข้างๆพี่แอล

“คนมันขาดแล้วน้องมันก็อยากเข้าป.ตรีวิศวะพอดีด้วยเลยให้มันมาฝึกพร้อมกัน”

“เฮ้ยงี้ก็ถามไอ้ลมได้เลยดิ มันก็จบปวส.แล้วมาเข้าป.ตรีเหมือนกัน” พี่ที่ชื่อสิงห์บอกผมพลางบุ่ยปากไปที่คนชื่อลม ผมส่งยิ้มไปให้มันแล้วพยักหัวให้นิดหน่อย มันก็พยักหัวแล้วยิ้มกว้างตอบกลับมา หน้าตาพี่ที่ชื่อลมบ่งบอกความเป็นเทคนิคเต็มที่มาก มันเป็นคนผิวขาวแต่ไม่มากเท่าผม ตัวสูงมีหนวดเครารำไรคล้ายๆโบทเดอะเยอร์ส ส่วนผมก็ยาวประบ่า โคตรของโคตรเท่ชิบหาย คือผมเคยอยากไว้เครานะครับ อยากมาก แต่พอลองไว้แล้วม๊าด่าบอกว่าเหมือนโจร ป๊านี่ถามเลยว่าจะไปปล้นใคร ตั้งแต่นั้นเลยเลิก

“อะไรของมึงเนี่ยน่าน” ไอ้น่านไม่รู้เป็นบ้าอะไรนึกจะนัวเนียผมก็นัวเนียไม่ถามความสมัครใจผมเลยว่าอยากให้มันทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นไหม

“หิวข้าว”

“หิวข้าวแล้วมานัวกูมันจะหายไหม รอแป๊บดิเดี๋ยวสักพักข้าวคงมามั้ง คนเยอะ” ผมขยี้หัวไอ้น่านอีกรอบก่อนจะหันมามองมันที่กำลังวางคางไว้บนไหล่ น่านฟ้าขยับปากเข้ามาใกล้จนชิดริมหู

“ไอ้เชี่ยลมแม่งมองมึงตาเป็นมันเลย” น่านฟ้าทำเสียงหงุดหงิด

“มึงนี่อะไรเนี่ย กูบอกแล้วไงว่าคนอย่างกูไม่ได้มีฟีโรโมนเพศเมียขนาดนั้น มีแต่มึงนั่นแหละที่ได้กลิ่นอ่ะ”

“มึงตั้งหากที่ไม่รู้อะไร” น่านฟ้าอมลมในแก้มจนป่องแล้วทำหน้าไม่พอใจใส่ผม เห็นแล้วก็ขำนะครับ คือในบางมุมน่านฟ้าก็ดูเด็กจนผมอดคิดไม่ได้ว่ามันอายุมากกว่าผมจริงไหม แต่ความเอาแต่ใจของมันก็มีแค่บางมุมที่อยู่กับผมเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่เวลาอยู่กับเพื่อนหรือคนอื่นๆมันก็ทำตัวปกติ

“คิดมาก” ผมยักไหล่เดาะคางน่านฟ้าเล่นแล้วหันมาสนใจกล้องต่อ

“แล้วนี่พวกนายมาถึงกันนานหรือยัง” พี่ฉัตรเริ่มต้นถามพวกผม

“เฮ้ย!!นายเนยอะไร กูมึงทั้งนั้น เรียกนายมึงไม่กระดากปากเหรอถามจริง”ไอ้พี่ป็อบถามพี่คนที่ชื่อฉัตร

“เออโคตรอ่ะ งั้นพวกกูไม่เกรงใจแล้วนะเว้ย”

“เออตามนั้นอยู่ด้วยกันอีกสองเดือนเว้ย พวกกูเพิ่งมาถึงเมื่อกี้ กำลังรอข้าว พวกมึงกินข้าวกันยังอ่ะสั่งดิ” พี่ป็อบหันไปถามพวกพี่ที่มาใหม่พอเห็นว่าพวกเขาส่ายหน้าพี่แกก็ตะโกนเรียกเด็กเสิร์ฟมารับเมนู

“แล้วนี่พวกมึงพอจะรู้รายละเอียดคร่าวๆเกี่ยวกับเนื้องานที่พวกเรารับผิดชอบบ้างไหมวะ”

“คือบริษัทที่พวกเราจะไปทำมันเป็นพวกบริษัทที่ทำเกี่ยวกับพลังงานทดแทน หน้าที่พวกเราก็คงไม่ได้ไปยืนหน้าสลอนทำตัวเหมือนวิศวกรชี้นิ้วสั่งหรอก สิ่งที่พวกเราต้องทำคือไปติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ตามบริษัทหรือตามที่ๆเขาจ้างไป” หลายคนพยักหน้าเข้าใจมีก็แต่พี่แอลที่ส่ายหน้าอยู่คนเดียว

“กูว่านะไปทำกับพวกกรมทางหลวงยังดีกว่า เพราะมึงเลยเชี่ยป็อบบังคับกูมาเนี่ย แม่งดูดิ๊เห็นแต่ความหายนะชัดๆ” ผมก็ว่างั้น ถ้าขึ้นชื่อว่าจ้างแม่งใช้สุดแรงแน่ๆ

“เอาน่าพวกมึงฝึกงานนะเว้ยจะมาสบายมีความสุขมันก็ไม่ใช่หรือเปล่า อย่างน้อยก็ได้เงินไว้แดกเหล้าตอนเย็นล่ะวะ” พี่สิงห์พูดเสร็จไอ้พี่ป็อบแม่งลุกขึ้นมาจับไม้จับมือกับพี่เขาทันที

“กูเห็นด้วย ตีมือครับเพื่อน” เป็นผู้ชายก็งี้เข้ากันได้ง่ายๆไม่ต้องทำความรู้จักกันเยอะแยะ ส่วนใหญ่ที่คุยกัยก็หนีไม่พ้นเรื่อง ผู้หญิง เหล้าและก็บอล





หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จไม่นาน พี่ที่เขารับผิดชอบในส่วนของการดูแลเด็กฝึกงานก็มารับพวกเรา พี่แกชื่อชัยเป็นวิศวกรประจำอยู่ที่ศูนย์อีสาน บ้านแกอยู่ที่หนองคายแกเลยไม่ลำบากเท่าไหร่นัก ซึ่งศูนย์นี้มีวิศวกรคือพี่ชัยแค่คนเดียวส่วนคนงานที่ช่วยยกนั่นนี่นู่นก็มีแค่ไม่กี่คน พี่ชัยแกบอกว่าจะมีวิศวกรใหม่ๆเวียนมาประจำที่นี้บ้างแต่ไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะส่งพวกเด็กฝึกงานมาล็อตละ 5-10 คน อย่างล็อตที่เพิ่งกลับไปก็เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ส่วนล็อตที่ต่อจากผมก็มีมาอีกเรื่อยๆ ทำงานเป็นสเต็ป ไอ้น่านเลยมองว่าบริษัทนี้ฉลาด ไม่จ้างวิศวกรมาประจำเพิ่มแต่ใช้พวกเด็กฝึกงานแล้วให้ค่าหัวแทนอย่างน้อยพวกปีสามปีสี่มันก็พอเป็นงานบ้าง

“งงว่ะ ถ้ากะอีแค่ติดตั้งโชซาเซลล์ก็จ้างพวกรายวัน วันสามร้อยไม่ง่ายกว่าเหรอ”

“กูคิดว่าเขาคงสอนเรางานสองสามครั้งแล้วให้แบ่งงานกระจายกันไปทำเองล่ะมั้ง คนงานบางคนเขาก็ไม่ได้เข้าใจในเรื่องบางเรื่องที่อาจจะต้องใช้ความรู้ด้านวิศวะไง อย่างน้อยเอาเด็กฝึกงานปี3-4 มาเวลาพูดภาษาพวกนั้นมันเลยเข้าใจง่ายกว่า งานเสียหายน้อยกว่า เพิ่มเงินอีกแค่ 200 แต่งานมันโฟร์กว่าเป็นมึงมึงจะเลือกอะไรล่ะ” ผมพยักหน้าเข้าใจที่ไอ้น่านพูด มันก็จริงอย่างที่มันบอก

“เลือกห้องกันได้ตามสบายเลยนะ ใครอยากนอนห้องไหนก็นอนได้เลย ห้องล่ะสองคน เย็นๆเดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงข้าวในเมือง” พี่ชัยขับรถมาที่ศูนย์ ซึ่งที่นี้ตั้งอยู่นอกตัวเมืองหนองคายค่อนข้างมาก ในศูนย์มีอุปกรณ์พวกแผงต่างๆเยอะมาก แล้วก็มีตึกสองชั้นที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับนักศึกษาฝึกงานยังไงก็ไม่รู้ มีห้องนอนอยู่ชั้นสองประมาณ5-6ห้อง ชั้นล่างเป็นห้องครัว ที่ประชุม ดูโทรทัศน์ ยังดีที่ห้องน้ำแยกเป็นห้องส่วนตัวใครส่วนตัวมัน

“กูนอนกับซนนะ”ไอ้น่านชี้นิ้วมาที่ผม

ไม่ต้องบอกกูรู้หรอกเว้ย ส่วนมึงก็คงนอนกับไอ้โก้” พี่ป็อบถามพี่แอล

“ใช่ดิใครจะไปนอนกับมึงกรนเสียงดังเหมือนปลุกป่าได้ทั้งป่า”

“แล้วมึงจะเสียใจ” ไอ้พี่ป็อบยักไหล่แล้วหันไปมองเพื่อนกลุ่มใหม่อีกสามคน “เอ้า มึงสามคนไม่ต้องแย่งกันนะใครอยากนอนกับกูบ้าง อย่าครับ อย่าแย่งกันแบบนั้นพี่ป็อบเป็นของทุกคนครับ” ผมยังไม่เห็นว่าจะมีใครมันแย่งกันนอนกับพี่ป็อบสักคน สุดท้ายพี่สิงห์เลยเดินออกมาแล้วพูดว่าจะนอนกับพี่ป็อบเอง ไอ้พี่ป็อบนี่ยิ้มหน้าบานเดินเข้าไปตบไหล่พี่สิงห์โคตรแรงปากบอกว่า มึงมันตาถึงไปตลอดทาง




“น่าน”

“ห้ะ??”

“โทรศัพท์กูไม่มีสัญญาณ” ตอนที่ยกมือถือขึ้นมาดูรู้เลยว่าทำไมก่อนมาไอ้น่านมันพูดว่าไม่ต้องเอาไปหรอก ก็ที่นี้เล่นไม่มีสัญญาณเลยนี่ครับ ในเมืองยังพอมีให้เห็นบ้างแต่พอนอกเมืองปั๊บ ดับมืดไม่เหลือสักขีด

“ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องเอามา”

“แล้วงี้กูจะติดต่อม๊ายังไง”

“ม๊าหรือใคร”

“ม๊าไง”

“แน่ใจเหรอว่าแค่ม๊า”

“ก็.....”

“มึงบอกกับกูเองนะซนว่าที่นี้จะมีแค่กูกับมึง คนอื่นไม่เกี่ยวไม่ใช่เหรอ” คนอื่นที่มันพูดถึงน่ะแฟนผมหรือเปล่าวะ คงจำกันได้ใช่ไหมครับว่าเมื่อวานผมพูดกับมันว่าอะไร ตอนที่พูดคำนั้นจบไอ้น่านมันก็รู้ทันทีเลยว่าจริงๆแล้วผมน่ะรู้ว่ามันคิดยังไงกับผม



ก่อนหน้านี้ผมเองก็ไม่ได้มั่นใจกับความรู้สึกมันเท่าไหร่หรอกนะครับ ก็มันเป็นคนพูดเอง ตะโกนใส่หน้าผมเองว่าไม่มีทางรู้สึกแบบนั้นกับผมแน่ๆ แต่พฤติกรรมของมันที่แสดงให้ผมเห็นใช่แบบที่มันพูดกับผมซะที่ไหน แล้วที่มามั่นใจเอาสุดๆก็เมื่อวานแหละครับเห็นอาการมันก็รู้ชัดเลยว่าใช่ชัวร์ๆ แต่ถึงจะรู้มากแค่ไหนผมก็เลือกที่จะไม่รับรู้มากกว่า มันก็ไม่ได้ถึงกับมองข้ามความรู้สึกไอ้น่านหรอกนะครับ แค่ทำเป็นไม่รู้เท่านั้น และผมก็ห้ามมันตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าไม่ต้องพูดอะไรออกมา เพราะผมไม่อยากฟัง ผมสบายใจกับความคลุมเคลือในระดับที่กำลังเป็นอยู่ เพราะผมมีขีดจำกัดบางอย่างที่มีแค่ตัวผมเองที่เข้าใจ



ถ้าใครรู้จักผมดีพอ เขาจะรู้ว่าผมชอบความชัดเจน ชอบความแฟร์ ยิ่งสิ่งไหนที่มันชัดเจนมากๆผมก็จะยิ่งยอมรับมันมากขึ้น และบางครั้งในความชัดเจนมันก็ทำร้ายผม เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่มันชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะกับคำพูดที่พูดออกมาตรงๆ ผมพร้อมที่จะเดินหันหลังให้กับมันโดยไม่หันกลับไปมองอะไรทั้งนั้น เพราะการทำให้รู้สึกกับมันตรงๆมันทำให้ความรู้สึกผิดที่มีต่อใครอีกคนมันถาโถมเข้ามาทันที เพราะงั้นผมถึงบอกน่านว่าไม่ต้องพูดอะไรออกมาแค่ให้มันเข้าใจว่ามีผมกับมันก็พอแล้ว



และดูจากตัวไอ้น่านเองมันก็ไม่ได้มีทีท่าว่ารับไม่ได้สักหน่อย เพราะฉะนั้นเรื่องที่มันยังไม่เกิด ผมเลยยังไม่คิด แค่ป้องกันไม่ให้มันเกิดก็พอ



“แต่กูก็ต้องคุยกับเขาบ้างป่ะวะ” ผมทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงมองหน้าไอ้น่านที่กำลังเก็บของเข้าตู้

“แต่มึงบอกเองว่าที่นี้จะมีแค่กูกับมึง”

“โอเคๆงั้นกูส่งข้อความไปบอกเขาก็ได้ว่าที่นี้ไม่มีสัญญาณ นานๆทีถึงจะได้ติดต่อไปหา โอเคไหม”

“ก็ได้ อ่ะโทรศัพท์ มีสัญญาณ ส่งไปบอกเขาดิ” ผมขมวดคิ้วหรี่ตามองมัน

“ทำไมของมึงมีสัญญาณ”

“ก็กูใช้คนล่ะเครือข่ายกับมึง” ผมมองไอ้น่านอีกรอบ อดคิดไม่ได้ครับว่ามันรู้อยู่แล้วหรือเปล่าว่าที่นี้สัญญาณมือถือค่ายที่ผมใช้อยู่มันจะใช้ไม่ได้ แต่มาคิดๆดูอีกทีมันคงไม่มีความพยายามมากมายขนาดนั้นหรอกมั้ง หลังจากที่ส่งข้อความไปหาน้องเอย น้องก็ส่งกลับมาว่าไม่เป็นไร ผมถึงค่อยโล่งอกแล้วล้มตัวลงนอน

สองเดือนกับการใช้ชีวิตในแบบที่ไม่เคยใช้ รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย แปลกตรงที่ตัวผมเองไม่ได้รู้สึกเหงา หรือคิดถึงใครมากเป็นพิเศษ อาจเพราะมีน่านฟ้าอยู่ตรงนี้ด้วยล่ะมั้ง



“จะนอนเหรอ”

“อื้อ” ผมครางรับสัมผัสอุ่นๆที่กระทบลงบนริมฝีปาก น่านฟ้าเปิดพัดลมในห้องแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ มันท้าวศีรษะมองผมแล้วลูบหัวเบาๆแบบที่มันชอบทำ

“ไม่อาบน้ำก่อน จะได้สบาย นั่งรถไฟมาเหนียวตัวจะตาย”

“ขี้เกียจ” ผมบ่นพึมพำกับปากมันที่วนเวียนไล่จูบสะเปะสะปะอยู่แถวๆปากผม

“เหม็น”

“ก็ไม่ต้องมาหอมดิ ใครสั่งมึงวะ ง่วง จะนอนแล้ว เลิกคุย”

“อยากคุยอ่ะ”

“น่านฟ้า”

“ครับผม”

“กวนตีน กูจะนอน” ผมใช้มือปิดสายตาจังไรไอ้น่านไว้ไม่ให้มองมาที่ผม เวลามันใช้สายตาแบบนี้มองทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองจะเสร็จมันทุกที

“ปิดตาทำไมวะ”

“กูเกลียดสายตามึงอ่ะ”

“เกลียดไมออกจะน่ารัก” มันดึงมือผมออกจากหน้าตัวเองแล้วยิ้มกริ่ม “ไหม??”

“อะไรของมึงมามงมาไหม คนนะเว้ยไม่ใช่พระอรหันต์ ตรัสรู้ไม่ได้หรอกว่ามึงไหมอะไร จะนอนแล้ว” จริงๆผมก็รู้หรอกนะครับว่าไอ้การทำสายตาแบบนั้นแล้วถามแบบนั้นมันคืออะไร ถ้าจะเอาความหมายเต็มมันก็ไม่ต่างจากการพูดว่า

“เอากันไหม” นั่นแหละคำนั้นเลย


“ส้นตีนและ จะนอน” ผมหลับใส่แล้วมุดหน้าลงกับอกไอ้น่านทันที เป็นการปัดความคาดหวังของมันทิ้งลงไปในทะเล ผมมาฝึกงานนะครับจะมานอนๆเล่นๆ เอากันแบบตอนอยู่บ้านก็ไม่ใช่ แต่คนอย่างไอ้น่านพูดไปก็เท่านั้น ถ้ายืนยันว่าจะทำอะไรแม่งก็จะเอาให้ได้ “น่านฟ้า กูจะนอน”


“นิดเดียว”


“คนอย่างมึงแม่งไม่เคยนิดสักครั้งเลยเหอะ”


“แล้วได้ไหมล่ะ”







มันคิดว่าผมง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง







“เออ” ผมลืมตาแล้วรับจูบจากปากมัน ลิ้นร้อนๆชอนไชเข้ามาจนทั่วโพรงปาก น่านฟ้าขำหึในลำคอก่อนร่างกายจะเริ่มทำตามอารมณ์และความรู้สึกที่พัดโหมกระหน่ำเข้ามาทั้งตัวผมและก็ตัวมัน





>>>TBC<<<<
ตอนนี้สั้นไปเหรอ ตัดจบเร็วไปไหม
เราไม่ถนัดแนวนั้นจริงๆ 55555
คิดว่าตอนนี้คนอ่านหลายคนก็พอจะเข้าใจความคิดซนมากขึ้น น้องเป็นคนอ่านไม่ยากแค่อินดี้เท่านั้น
บอกได้คำเดียวว่า อย่า(เพิ่ง)เกลียดน้อง อิอิ

ปล.สุขสันต์วันสงกรานต์ย้อนหลังนะคะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :katai3:   สุขสันต์ปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะ.

น้องซนไม่เคยปฏิเสธได้จริงๆ แรงดีจริงหนอพ่อคุณ
จากนี้จะมีแค่เรา. จริงอะ. จะยาวและดีกว่านี้ถ้ามีnc  :hao6: 

ออฟไลน์ hibarihao

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่น่านน่าร๊ากกกกก.. ขี้อ้อนเป็นเด็กน้อยเลย ^^ น่าเอ็นดูขนาดนี้น้องซนยังใจร้ายกับพี่น่านได้ลงคออี๊กก.. T^T ถ้าเสียพี่น่านไปน้องซนจะรู้สึกน้าา ว่าแต่.. วานเก็บพี่ลมไปทีค่าา ดูท่าแล้วพี่ลมน่าจะมาทำให้พายุหึงหวงของพี่น่านพุ่งสูงขึ้นนะคะเนี่ย..

ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
พี่น่านน่าสงสารอ่ะ ซนชัดเจนไปเลยไม่ต้องกล้ว เดี๋ยวพี่น่านไปมีแฟน(ตัวจริง)แล้วจะเสียใจนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ssipra

  • นักอ่านมืออาชีพ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
น่านเป็นคนน่าสงสาร ชอบแฟนคนอื่นก็เงี้ย  :undecided:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด