[เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58  (อ่าน 49984 ครั้ง)

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
Burn


แสงแดดแสบตาร้อนอบอ้าวสาดส่องทั่วบริเวณ  ก้มหน้าหลบไอรินแล้วเดินเข้าตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง  ถอนหายใจทิ้งสั้น ๆ เมื่อพ้นจากแดดแผดผิวด้านนอก  หรี่ตามองแสงแสบตาที่อยู่ด้านนอกตลาดสด  ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ แล้วกระชับถุงผ้าในมือที่เริ่มจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ  เดินตามแผ่นหลังเล็กเข้าไปในซอยขายของแห้ง  ข่มใจไม่ให้เกิดความรู้สึกอื่นนอกจาก ‘เฉย’ เมื่อเดินเข้าไปใกล้จุดหมายที่อยู่กลางซอย  ถังไม้ตั้งออกมากินพื้นที่ด้านหน้าร้าน  ข้างในมีปูเค็ม  กุ้งแห้ง   ปลาร้าบรรจุอยู่ทุกถัง  ยืนหันหลังให้ร้านรอแม่ที่เดินเข้าไปสั่งของกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน  เบือนหน้ามองไอร้อนที่ลอยจากพื้นถนนหน้าปากซอย  หลับตากัดกรามแน่นกับเสียงทุ้มที่คุยกับแม่ลอยเข้ามาให้ได้ยิน

“ที่  2  ครับ  น้าติ๋ม”  ยกยิ้มมุมปากกับคำตอบของมัน  แม่ผมถามว่าสอบคราวนี้ได้ที่เท่าไหร่?  มันได้ที่  2  ของระดับชั้น  เกรดเท่ากัน  แต่คะแนนวิทย์ผมดีกว่า  อันดับ  1  ก็เลยต้องตกเป็นของผม  สะใจฉิบหาย!  ผมกับมันเป็นคู่แข่งกันทุกเรื่อง  ไม่ว่าจะเรื่องเรียน  กีฬา   รวมถึง..ผู้หญิงด้วย

“ไม่เป็นไรจ๊ะน้องโอม  แม่ให้พี่เต็มหิ้วไปได้จ๊ะ”  ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะหันหลังไปมองแม่ยื้อถุงหิ้วในมือมันมาถือไว้ซะเอง  เบือนขึ้นสบนัยน์ตาสีดำเฉยชา  ยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้าไปหา  ยื่นมือทำท่าจะจับถุงในมือมันก่อนจะปล่อยให้แรงโน้มถ่วงของโลกทำหน้าที่ของมันไป  เสียงถุงหล่นกระทบพื้นปูนดัง ‘ปุ’  แสดงสีหน้าตกใจและเสียดายของที่อยู่ในถุง  ซ่อนความสะใจที่เห็นน้ำปูเค็มไหลออกมาท่วมกุ้งแห้งที่หลุดออกมาจากถุงที่แตก  เลิกคิ้วสูงสบตาสีดำที่หันมาจ้องเอาเรื่อง  ยิ้มมุมปากส่งให้แล้วจงใจเหยียบมือที่วางราบกับพื้น  ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงลงน้ำหนักไปที่มือเรียวนั่น..เต็มข้อ 

“ตายแล้วน้องโอม!  วางไว้เถอะลูก  เดี๋ยวน้าซื้อใหม่ได้จ๊ะ”  คนที่ได้ที่  2  กัดกรามแน่นก่อนจะปล่อยถุงนั้นวางกับพื้น  ยิ้มมุมปากเมื่อมือที่อยู่ใต้เท้าผมดึงออกเต็มแรงจนหลังมือถลอก  ริมฝีปากสีส้มอ่อนคลี่ยิ้มให้แม่ผมแล้วค่อย ๆ กลายเป็นเส้นตรงเมื่อหันมาหาผม  มองคนที่นั่งยอง ๆ กับพื้นลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินชนไหล่ผมเข้าไปในร้าน  ยักไหล่ไม่ใส่ใจ  เบือนหน้าไปมองไอร้อนที่เดิมไม่สบตาแม่  พักใหญ่มันก็จัดของที่เหมือนเดิมเอามายื่นให้..แม่ผม   

“ขอโทษครับคุณน้าที่ผมถือของไม่ระวัง  ไม่ต้องจ่ายเพิ่มนะครับ  แม่รู้ว่าน้าจ่ายเพิ่มผมโดนดุแน่เลย”  ปรายตามองหน้ายิ้มอ่อนโยนของมันแล้วอดเบะปากใส่ไม่ไหว  ตีหน้าเฉยตอบโต้ดวงตาสีดำของแม่ที่กำลังมองตำหนิผม  รับถุงจากแม่มาถือแล้วเกร็งหน้าท้องรับเล็บที่จิกลงมา

“กลับบ้านแล้วอย่าไปไหน  แม่มีเรื่องต้องคุยกับเรา!”  อ้าปากสูบลมเข้าช้า ๆ ไล่ความแสบที่หน้าท้องแกร่งได้รับ  ถ้าการที่แม่หยิกมันหมายถึงการลงโทษ  ดวงตาสีดำที่กำลังมองผมอยู่ตอนนี้..ก็น่าจะสื่อถึงความสะใจที่เห็นผมกำลังจะถูกพิพากษาสินะ  กระชับถุงในมือแล้วเบือนหน้าหนีดวงตายิ้มสะใจของมัน  เดินตามแม่กลับไปที่รถ  ระหว่างทางแม่ไม่ปริปากพูดอะไรกับผมแม้แต่คำเดียว  ความกดดันที่ผมเจอในรถ  มันเทียบไม่ได้กับระเบิดอารมณ์เสียของแม่ที่รอการปลดปล่อยที่บ้านอย่างเต็มที่ไม่ได้หรอก

“ทำตัวเหมือนพวกไม่มีสกุลนะเต็ม  น้องไม่ได้ทำอะไรให้เราเลยนะ  ทำไมถึงได้ชอบแกล้งน้องแบบนี้  แม่ไม่ดุไม่ได้หมายความว่าแม่ไม่รู้นะว่าเต็มแกล้งอะไรน้องบ้าง  อย่าทำแบบนี้อีก!  เมื่อก่อนเรากับน้องออกจะรักกัน  ทำไมยิ่งโตยิ่งห่างแบบนี้ไปได้ล่ะ..”  ยืนตีหน้าเฉยกัดฟันกรอดให้แม่ตีแขนแถมต้องนิ่งฟังแม่บ่น  ไม่อยากได้ยินว่าตอนเด็ก  ผมกับมันสนิทกันแค่ไหน  บ้านใกล้กัน   รุ่นราวคราวเดียวกัน  เล่นด้วยกันทุกวัน  แอบมานอนค้างด้วยกัน  เพราะห้องนอนอยู่ตรงข้ามกันผมที่รักน้องมากเลยแอบปีนระเบียงไปนอนกับน้องประจำ  มันก็แค่เรื่องเล่าสมัยผมยังเด็กเท่านั้นล่ะน่า!  ผมกับมันเกิดปีเดียวกันแต่คนละเดือน  ผมเกิดก่อนมัน  3  เดือนแม่เลยให้ผมเป็นพี่  แต่..ผมไม่ยักจะจำได้  ว่าผมเคยมีน้องที่รักมากหน้าตาแบบมัน 

ยืนเฉยจนแม่ยอมแพ้  ไล่ให้ผมเอาของไปจัดใส่ที่  หลับตารับคำแล้วเดินตรงไปหลังบ้าน  วางถุงใบโตกับถุงผ้าไว้ที่โต๊ะ  กวาดตามองของทุกอย่างแล้วส่ายหน้าไล่ภาพคนที่นั่งยอง ๆ เก็บของพวกนี้ที่พื้นหน้าร้านของแห้งในตลาด  หันหลังหยิบโหลใสมาวางแล้วหยิบถุงปูเค็มมาแกะ  เทพรวดใส่เข้าไปจนเต็ม  เม้มริมฝีปากล่างแน่นเมื่อภาพรอยยิ้มอ่อนโยนของมันที่ส่งให้แม่ตามมาหลอกหลอน  ทำเป็นยิ้ม..แต่จริง ๆ อยากจะโวยวายมากกว่า  อยากจะบอกแม่เต็มกลืนว่าอย่าได้หลงเชื่อหน้าตาอ่อนโยนกับรอยยิ้มจริงใจของมันเด็ดขาด  เฮอะ!

“เบา ๆ เจ้าเต็ม!  หกหมดแล้วลูก  ไม่มีสมาธิก็ไปเด็ดมะละกอในสวนให้แม่ก็แล้วกัน  ตรงนี้เดี๋ยวแม่ทำเอง”   ถอนหายใจแรง ๆ แล้วหมุนตัวเดินออกไปหลังบ้าน  หยิบตะกร้าหวายใบใหญ่ติดมือเข้าไปในสวนหลังบ้าน  เลือกเด็ดมะละกอลูกใหญ่มา  15  ลูก  ปกติแม่จะขายอยู่แค่นี้  มะละกอหมดก็เก็บของ  ผมบอกรึยังว่าที่บ้านทำอะไรขาย  ของชอบของผู้หญิงทั่วประเทศน่ะ  ส้มตำ  ไก่ย่าง  ขนมจีนเส้นเล็กกว่าที่อื่น  แล้วก็ข้าวเหนียวร้อน ๆ  อย่าสั่งพวกลาบ  น้ำตก  ก้อย  ต้มแซ่บมาให้แม่ด่าเอาล่ะ  ถ้าจะกินก็สั่งร้านตรงข้ามโน่น  ไม่มีเวลาทำหรอก

หิ้วตะกร้าเข้าหลังบ้านแล้วหงายกะละมังใบโต  เทมะละกอใส่แล้วตักน้ำราดจนท่วม  ปล่อยไว้แบบนั้นแล้วหันหลังกลับเข้าสวน  เด็ดถั่วฝักยาว  พริกหอม  มะเขือเทศใส่ตะกร้าแล้วเดินย้อนกลับมาที่เดิม  นั่งลงกับเก้าอี้พลาสติกตัวเล็ก  จับมีดปอกผลไม้มาปอกเปลือกมะละกอ  เสร็จแล้วก็ล้างเอายางออกให้เกลี้ยง  ระหว่างทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำก็เอาถั่วฝักยาวกับผักอย่างอื่นมาล้าง  พอล้างผักเสร็จมันก็ได้ที่พอดี  ยกทุกอย่างเข้าไปในครัวให้แม่จัดการสับมะละกอ  ที่บ้านจะไม่ใช้ที่ขูด  เพราะมันจะไม่อร่อย  แม่ว่างั้นน่ะนะ

“ออกไปรับข้าวเหนียวหน่อยเต็ม  แม่ไม่ว่าง”  พยักหน้ารับคำแล้วลุกไปล้างมือ  เช็ดกับกางเกงแล้วเดินออกไปหน้าบ้าน  ยิ้มกว้างให้คนส่งข้าวเหนียวที่หน้าหวานที่สุดในตลาด

“ชีทมาเองเหรอ?  ลุงเชียรไปไหนล่ะ?”  ยื่นมือรับข้าวเหนียวในกระติกมาถือไว้แล้วเอ่ยปากทัก  หน้าใสกับยิ้มบางของน้องชีสบอกผมว่าลุงไม่ค่อยสบาย  เลยต้องมาส่งข้าวเหนียวเอง  เบือนหน้าไปมองคนขับที่นั่งรออยู่ในรถ  โบกมือทักทายแล้วยิ้มกว้างส่งให้  พี่ช้างพี่ชายน้องชีทเป็นรุ่นพี่ที่ผมรักมาก  เป็นหัวโจกประจำซอย  และเป็นโค้ชสอนผมเล่นแบดด้วย 

หรี่ตามองมือหยาบที่กวักเรียกผมผ่านกระจกสีทึม  ยกยิ้มมุมปากแล้ววางข้าวเหนียวกระติกใหญ่ไว้บนสนามหญ้าหน้าบ้าน  เดินเข้าไปหยุดยืนมองกระจกที่ลดลง  พี่ช้างทำหน้าหล่อแล้วกระดิกนิ้วเรียก   เลิกคิ้วสูงแล้วย่อตัวให้อยู่ในระดับเดียวกัน  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของพี่ช้างเบือนมามองผมแล้วยิ้มน้อย ๆ

“จะจีบน้องกูรึไงไอ้ไก่อ่อน  ไม่เข็ดนะมึง!”  เบี่ยงหลบมือหนาที่คว้าคอได้ทัน  แต่ดันพลาดถูกมือหยาบคว้าแขนไม่ให้หนี   พี่ช้างเปิดประตูรถลงมายืน  มือข้างหนึ่งคว้าแขนผม  อีกข้างก็ยีหัวผมซะเละ  ปัดป้องไม่จริงจังแล้วขำไปด้วย   เมื่อก่อนผมเคยจีบน้องชีท   ไม่ได้ชอบ  แต่หมั่นไส้พี่ช้างที่ชอบทำหวงใส่ผมเลยแกล้งจีบไปงั้น  พี่ช้างมันก็รู้แต่ก็นะ  มันคงสนุกที่ได้แกล้งผม  เหมือนที่ผมสนุกที่ได้แกล้งมันกลับ  เคยลงไม้ลงมือกันหนักเพราะแกล้งกันไปมาก็บ่อย  แกล้งไอโขลกใส่แขนที่ล็อคคอไว้จนพี่ช้างต้องยอมปล่อยเพราะรังเกียจน้ำลายผม

“ไอ้เต็ม  ไอ้เด็กเหี้ย!  เช็ดออกให้หมดเลย  กูต้องไปฉีดยามั้ยเนี่ยยยย”  เท้าเอวยืนยิ้มกับท่าทางขนลุกของพี่ช้าง  จับชายเสื้อตัวเองแล้วขยับเข้าใกล้  เช็ดน้ำลายที่ไม่เห็นฟองที่แขนพี่ช้างเบา ๆ  เงยหน้ามองพี่ช้างที่เงียบไป  นิ่งมองตากับหน้าหล่อนานจนพี่ช้างเป็นฝ่ายหลบตา  ขยับถอยหลังให้พี่ช้างเข้าไปนั่งในรถ  หันไปยิ้มให้น้องชีทแล้วบอกว่าพี่ช้างจะไปแล้ว  น้องชีทยิ้มน้อย ๆ แล้ววิ่งมาขึ้นรถ  โบกมือส่ง  2  พี่น้องเสร็จก็เดินเข้าบ้าน  หิ้วกระติกข้าวเหนียวไปไว้ท้ายกระบะรถแล้วเดินเข้าครัวไปดูแม่   ย้ำ..ว่าเข้าไปดูจริง ๆ ไม่ได้ช่วย  หน้าที่ผมไม่ได้อยู่ที่การช่วยแม่สับมะละกอ..

“ลุงเชียรไม่สบาย  2  พี่น้องเลยมาส่งเอง  ผมไปอาบน้ำนะแม่  ว่าจะนอนพักนึงด้วย  แม่ไปตลาดก่อนเลยนะ  แล้วผมตามไปทีหลัง”  แม่พยักหน้าส่ง ๆ เลยหมุนตัวขึ้นไปอาบน้ำ  กำลังจะล้มตัวลงนอนก็เหลืบเห็นคนตรงข้ามห้องเดินอยู่ในห้อง  ผ่อนลมหายใจยาว ๆ แล้วลุกขึ้นยืน  เดินไปที่หน้าต่าง  มองเจ้าของห้องฝั่งตรงข้ามกำลังดึงเสื้อออกจากหัว  สบตาสีดำนิ่ง  โอมปล่อยเสื้อหล่นข้างตัวแล้วเดินมาตรงหน้าต่าง  มองมือเรียวจับขอบหน้าต่างจ้องหน้าผมกลับ  ริมฝีปากสีสิ้มยกยิ้มแล้วหันหลังกลับไปเปิดลิ้นชักโต๊ะอ่าหนังสือ  ดวงตาสีดำเบือนกลับมาสบตาผม  แววตาท้าทายส่งกลับพร้อมกับมีดพับคมกริบที่เจ้าตัวดึงออกมาจากลิ้นชัก  มองมือเรียวดึงใบมีดออกมา  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ความรู้สึกกระหายอะไรบางอย่างพุ่งพล่านเมื่อสบตาสีดำพราวคู่นั้น  จ้องตามันไม่หลบ  มองทุกการกระทำอย่างไม่รู้สึกกลัว  มีดถูกขว้างออกจากมือเรียว  คมมีดเฉือนผ้าม่านที่หน้าต่างตรงหางตาดัง ‘ฟึ่บ’ แสบที่โหนกแก้มเป็นริ้ว  ยกยิ้มให้เจ้าของหน้าเฉยที่อยู่ในห้องนอนฝั่งตรงข้าม  มือจับบานหน้าต่างแน่นก่อนจะดึงเข้าหาตัว  ภาพหน้าใสกับริมฝีปากสีส้มอ่อนแสยะยิ้มค่อย ๆ ถูกหน้าต่างบดบังจนเหลือแต่สีดำสนิท  ละมือจากบานหน้าต่างแล้วยกขึ้นแตะน้ำเหนียวข้นที่ไหลจากแผลที่แก้มจนถึงปลายคาง  ปาดออกมามองแล้วเกลี่ยนิ้วเช็ดเลือดสีเข้มที่ติดปลายมือ  ความร้อนเผ่นพล่านเข้ามาในอก  ภาพดวงตาสีดำสนิทที่กำลังมองท้าทายพุ่งตรงเข้ามาในใจ..

ความร้อนจุกรวมกันที่เป้ากางเกง  ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นก่อนจะดึงมือมากดความแข็งขืนที่พองคับเป้ากางเกง  มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ผมมีเรื่องมีราวจนถึงขั้นเลือดตกยางออกกับไอ้โอม  เป็นอาการที่ผมไม่สามารถควบคุมได้  มันเกิดกับไอ้โอม..คนเดียว..

ผมมีเรื่องชกต่อยกับใครมาก็มาก  แต่ไม่มีสักครั้งที่จะรู้สึกอย่างอื่นนอกจากคำว่าเลือดขึ้นหน้า  แต่กับไอ้โอม  มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะควบคุม  ผมรู้ว่ามันแปลก  และออกจะน่ารังเกียจ  แต่ผมก็อยากรู้อยากลอง  ว่าทำไมผมถึงได้มีความรู้สึกแบบนี้กับมัน  เคยลองกับคนใกล้ตัว...

ผมลองกับพี่ช้าง..

ผมเล่นแรงกับพี่ช้าง  ชกจนเลือดกบปากกันทั้งคู่  นอนหงายให้พี่ช้างคร่อมต่อยปาก  นิ่งจ้องทุกหมัดที่พี่ช้างชกเข้ามาไม่หลบตาแม้วินาทีเดียว  พี่ช้างหยุดต่อยแล้วนั่งหอบมองตาผม  ผมไม่รู้สึกอะไรนอกจากชาที่หน้ากับแผล  แต่เป็นพี่ช้างเองที่มีอาการเหมือนผมตอนมีเรื่องกับไอ้โอม  กางเกงบอลโป่งขึ้นเป็นรูปจนเจ้าตัวต้องรีบลุกหนี  ผมไม่เคยถามพี่ช้างว่าทำไมพี่ช้างแข็งเวลาต่อยกับผมหรือกับคนอื่น   เหมือนที่พี่ช้างเลือกจะไม่พูดถึงเรื่องนั้น  ปล่อยให้คาใจจนมาถึงทุกวันนี้  บ่อยครั้งที่พี่ช้างมองผมด้วยแววตาแปลก  แต่พี่ช้างก็ไม่เคยรุกใส่ผม  เพราะพี่ช้างเป็นผู้ชายปกติเหมือนผม  แต่ที่มีอาการแบบนั้นอาจเพราะความตื่นเต้นจนทำให้มันตื่นตัว 

แต่ผมไม่ใช่..

ผมรู้สึกอยากกับมันแค่คนเดียว  ทุกครั้งที่ตกอยู่ในภาวะของอารมณ์ถูกท้าทายจากดวงตาของมัน  เลือดในตัวผมมันร้อน  หัวใจเต้นถี่  และไม่สามารถละสายตาจากตัวมันได้  ได้กลิ่นดิบลอยคละคลุ้งอยู่รอบตัวมันกับผมตลอดเวลา  เหมือนถูกประกายตาท้าทายของมันเผาผลาญให้มอดไหม้  อยากรู้ว่าเลือดจากริมฝีปากสีส้มจะเค็มเหมือนเลือดที่ไหลจากแก้มผมตอนนี้..หรือจะหวาน..แค่ไหน  ความคิดเตลิดจนตัวเองต้องรีบหยุด  เดินเข้าไปอาบน้ำ  ส่องกระจกดูแผลที่แก้มแล้วยกยิ้ม  เดินออกมาแกะพลาสเตอร์ปิดแผลสีเนื้อมาคาดตามความยาว  เหลือบมองมีดที่ปักแน่นกับผนังไม้   จับด้ามแล้วดึงออกทุลักทุเล  กะให้ถึงตายเลยมั้ง5555

พับมีดเก็บเข้าซองแล้ววางไว้บนโต๊ะ  ล้มตัวลงนอนหลับไปในเวลาไม่นาน  สะดุ้งตื่นกับมือถือที่ปลุกเวลาเดิมทุกวัน  ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้า  เปลี่ยนพลาสเตอร์ปิดแผลแล้วแต่งตัว  เดินมาเปิดหน้าต่างแล้วมองฝ่าความมืดไปที่หน้าต่างห้องนอนฝั่งตรงข้าม  กางมีดแล้วขว้างไปปักที่หน้าต่างห้องมันเต็มแรง  ยืนรอไม่ถึงนาทีหน้าต่างก็เปิดออก  หน้าขาวที่มีร่องรอยความตกใจมองหน้าผมไม่กะพริบ  ยกยิ้มมุมปากแล้วจับแก้วน้ำปาไปตรงด้ามมีด  นิ่งฟังเสียงแก้วน้ำแตกดังเพล้ง   มองมือที่ละจากบานหน้าต่างมากุมซีกหน้าฝั่งที่เศษแก้วกระเด็นใส่  หัวเราะลงคอเมื่อเห็นมันดึงมือออกจากหน้า  เลือดไหลเป็นทางจากแผลที่เกิดจากเศษแก้ว  ที่เดียวกับที่ผมโดนพอดี..

ปิดหน้าต่างลงพร้อมกับภาพดวงตาสีดำลุกโชน  แววตาไม่พอใจคละเคล้ากับประกายแปลกจนทำให้มันมีเสน่ห์อย่างประหลาด  ความแข็งขืนดุนดันเป้ากางเกงจนผมต้องลดมือลงไปคลึงให้มันสงบ  ผมไม่คิดหนี  เหมือนที่มันเดินดิ่งเข้าหาผม

จากที่เป็นเด็กน้อยรักกันมาก  กลับกลายมาเป็นคู่แข่งคู่กัดกันตอนโต  ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ผมกับมัน..จะกลายเป็น  ‘อะไร’  ต่อกันและกันนะ  อยากรู้..แต่ไม่อยากคาดเดา  ปล่อยให้มันเป็นไปดีกว่า  นั่งจนมันสงบก็เดินออกจากบ้านไปช่วยแม่ขายส้มตำที่ตลาด  คล้องโซ่ล็อครั้วบ้านเสร็จก็เหลืบมองหน้าต่างที่ยังคงเปิดทิ้งไว้  เพ่งมองรอยยิ้มเหยียดกับรอยเลือดที่ไหลอาบแก้มของไอ้โอมส่งผ่านแสงไฟจากหลอดนีออน  ทันทีที่มันปิดหน้าต่างผมก็ต้องลงไปนั่งยอง ๆ กับพื้น  กัดฟันกรอดล้วงมือกดความต้องการที่ลุกขึ้นมาอีกรอบ  สบถเสียงขื่นกับตัวเอง..







“อูยยย  เดี๋ยวกูก็ทนไม่ไหวหรอกไอ้โอม?!”





นั่งยอง ๆ กดความต้องการที่นูนโป่งจนมันเริ่มหดตัวลง  ผ่อนลมหายใจยาวแล้วนั่งลงกับพ้นหย้าหน้าบ้าน  เงยหน้ามองแสงไฟรถมอ’ไซค์เสียงท่อเงียบกริบของขาใหญ่ประจำซอย  ยิ้มมุมปากแล้วยื่นขาออกไปขวาง  พี่โตขี่เข้ามาหยุดล้อที่ขนหน้าแข้งพอดิบพอดี 

“ติดล้อไปด้วยดิพี่  ไปไนท์ข้างหน้าตลาดน่ะ  พี่นั่งไม่กินที่ครับน้องวี  ที่นิดหน่อยพี่ก็นั่งได้”  ลุกขึ้นยืนเอามือทาบปิดไฟหน้ารถพี่โตไว้  ประโยคหลังจงใจทักเด็กพี่โต  น้องวีพริตตี้รองเท้าแตะ  อย่าเข้าใจผิด  น้องวีเป็นเด็กผู้ชาย  หน้าตาน่ารักน่าชัง  ยิ่งเวลาอายนะ..

“รออยู่นี่ล่ะ  กูไปส่งน้องก่อน  เดี๋ยววนกลับมารับ”  ยิ้มมุมปากแซวแล้วถอยหลังนั่งฟุ่บหดขากลับที่เดิม  ยิ้มกว้างให้น้องวีที่เอาแต่ก้มหน้าติดหลังพี่โต  มือแดงแจ๋จับหมวกกันน็อคไว้ข้างหนึ่ง  มืออีกข้างผมไม่เห็นว่ามันอยู่ตรงไหน..อาจจะอยู่ในมือพี่โตที่ไม่ได้จับแฮนด์รถก็ได้ ยิ้มบางส่งแผ่นหลังเล็กที่เอนไปข้างหน้าจนแนบกับหลังกว้างของเทพบุตรนักบิด  ไม่ถึง  5  นาที  4 สูบคันเดิมก็ขี่มาจอดตรงหน้า  ปัดหญ้าที่ก้นแล้วโดดซ้อน  พี่โตพาดริ๊ฟหน้าบ้าน  1  รอบแล้วบิดพาไปหน้าตลาด  โยนผมลงจากรถแล้วบิดหายไปกับฝุ่นผงและสายลมแสงไฟ

ส่ายหน้ายิ้ม ๆ แล้วหมุนตัวเดินเข้าไนท์บาร์ซา   ยิ้มหล่อให้แม่ค้าขายพวกที่คาดผม  เร่งฝีเท้าให้ไปถึงหน้าร้านให้เร็วขึ้นเมื่อเห็นไกล ๆ ว่าแถวที่แม่ตั้งร้านคนมันมามุงกันเยอะ  ถอนหายใจยาวกับความไม่มีระเบียบ  เดินเบียดเข้าหลังร้าน  หยิบผ้ากันเปื้อนมาสวม  ล้วงถุงมือมาใส่  สะกิดไล่เด็กพม่าที่ยืนหยิบผักใส่ถุงรอถุงส้มตำจากแม่ให้ถอยห่าง  เข้าประชิดแขนเล็กที่กำลังตำพริกในครกส้มตำปู   ตีหน้าเฉยกับสายตาตำหนิของแม่แล้วแย่งสากมาถือไว้  เบือนหน้ามองสบตาลูกค้าสาว ๆ ที่ยืนล้อมร้านทีละคน  เอ่ยถามเสียงเรียบ..

“ครกนี้..ของใคร?”  ผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนเบียดโหลปลาร้าตอบชัดถ้อยชัดคำว่าของแกเอง  มองนิ่งแล้วเบือนสายตาไปถามคนที่ยืนข้างหลังป้าว่าสั่งอะไร?  จำเมนูของลูกค้าคนนั้นแล้วชะโงกหน้าถามคนที่ยืนต่อข้างหลัง  มนุษย์ผู้มีสันดานดีมันย่อมรู้ตัว    จากวงล้อมน่าอึดอัดก็กลายเป็นแถวเดียวที่ยาวคดเคี้ยวเหมือนถนนทางเข้าตลาดสด  หยิบกระเทียมใส่ลงไป  3-4  กลีบ  โขลกพอแตกก็ตักน้ำมะขามเปียก  น้ำตาลปี๊บ  บีบมะนาว  เทน้ำปลาใส่ช้อนเติมลงไป  เอาช้อนแตะให้ผงชูรสติดขึ้นมานิดหน่อยแล้วส่ายผงที่ติดลงไปรวมในครก  ใส่มากรสมันหวานปะแล่ม  ไม่เห็นจะอร่อย   หยิบถั่วฝักยาวมา แค่ฝักเดียว  ปิด ๆ ใส่ครก  หยิบมะเขือเทศลูกเล็กมาปาดแบ่งเป็น  3 ชิ้น  2  ลูกก็พอ  ตักกุ้งแห้งตัวโต  หยิบปูเค็มใส่ทั้งตัว  แม่ผมมักจะนั่งแกะเอาส่วนท้องออกก่อนจะใส่โหลให้ผมใช้น่ะ  เอาสากกด ๆ   แล้วหยิบเส้นมะละกอที่แช่เย็นไว้มาโยนลงครก  จับทัพพีเคล้า 3-4  หนก็ตักใส่ถุง  ส่งให้แม่หยิบถั่วคั่ว..แค่นี้ก็ได้ตำไทย-ปูแล้วล่ะ

ผมมีครกไม้  3  อัน  ไม่รู้หรอกว่าสรรพนามของครกมันเรียกอะไร  แต่ผมเรียกว่าอัน  อันที่อยู่ทางซ้ายคือไทย-ปู  ตรงกลางคือพวกหอยดอง-ไข่เค็ม และอันขวาคือปลาร้า  ปลาร้าที่ร้านไม่เหมือนที่อื่น  แม่ทำเอง  แม่ซื้อปลาตัวเล็ก ๆ มาหมักเอง  กลิ่นมันจะเหม็นมาก(สำหรับผม)  แต่พอเอาไปเคี่ยวแล้ว  มันกลายเป็นกลิ่นที่หอมล้ำเย้ายวนยิ่งกว่าสเต็กโชคชัยเสียอีก   รสชาติส้มตำที่ผมทำจะเหมือนเดิมทุกครั้ง  คุณเคยสั่งรสไหน  ไม่ว่าคุณจะไม่ได้มากินเป็นอาทิตย์  คุณกลับมาสั่ง อีกครั้ง  คุณก็จะได้ยัดห่าซัดโฮกลืมความเป็นผู้ดีเพราะความแซบแสบสันจัดจ้าน  มือผมมันนิ่ง

ผมยืนตำส้มตำรับออเดอร์ไม่มีผิดพลาด  ทำได้ทุกอย่างไม่ว่าคุณจะสั่งอะไร  ถ้าที่ร้านมี  ผมก็พร้อมจะเนรมิตให้  เงยหน้ายิ้มให้ลูกค้าหน้าหวานที่เอาข้าวเหนียวมาเพิ่มให้ที่ร้านผม  จัดการตำโคราชให้น้องชีสทันที  ลัดคิวใครไม่รู้ไม่ได้สนใจ  รู้แต่..อยากให้มากกกกก

“ขอบคุณครับพี่เต็ม  ชีทกลับนะครับ”  ยิ้มบางให้น้องแล้วหันกลับมาตำปลาร้าให้ลูกค้าต่อ  ผมไม่ร้อนเพราะผมมีพัดลมฮาตาริ  รุ่นเสด็จพ่อปลิว  หนากว่า  18  นิ้ว  ใหญ่กว่า  แรงกว่า  Hatari  ชอบเป็นการส่วนตัว  เลยต้องหามาไว้ในครอบครอง  ง่วนกับการตักปลาร้า  ขายดีที่สุดในบรรดาส้มตำทั้งมวล  ปิดร้านที่เวลา  4  ทุ่มกับอีก  20  นาที  ขายดีมาก  หมดเกลี้ยงทุกอย่าง  หันหลังมาล้างมือที่กะละมังล้างผัก  ลุกขึ้นยืนเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่  สะดุดตากับแผ่นหลังของคนที่ทำให้ปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลา 

ไอ้โอมยืนหันหลังให้ผม  ในมือมันกุมมือเล็กของผู้หญิงที่ไหนไม่รู้แนบแน่น  คิ้วกระตุก  ใจระส่ำ  ถอดผ้ากันเปื้อนออกจากหัว  ตาจับจ้องทุกก้าวย่างสลับกับมือที่เกาะกุมกันอยู่  ละสายตาจากมันหันกลับมาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับหน้าเบา ๆ เลี่ยงแผลที่แก้ม  หลบตาแม่ที่กำลังมองพลาสเตอร์สีเนื้อที่พาดเด่นที่แก้มผม  ล้วงกระดาษซับมันมาซับตรงจมูก  แก้ม  หน้าผาก  ขยำซากกะดาษซับมันใส่กระเป๋ากางเกงเด็กพม่าที่มาช่วยงาน  หัวเราะขำใส่หน้าตาบูดบึ้งของมัน  หยิบเงินในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนของแม่มา  2  พันก่อนจะขอตัวไปเอ้อระเหยเหล่หญิงบ้าง 

“เข้าบ้านก่อนเที่ยงคืนนะเต็ม  ได้ยินมั้ย!?”  หันหน้ากกลับมาก้มหัวรับแล้วรีบเดินฝ่าคนเข้าไปในไนท์บาร์ซา  สอดส่ายสายตามองหาแผ่นหลังของมัน  เดินวนไปวนมาหลายรอบ  เกือบจะถอดใจก็สะดุดตากับแผ่นหลังคุ้นตา  ยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินยิ้มบางเข้าไปหา  คลี่ยิ้มอ่อนโยนให้ผู้หญิงที่มันพามานั่งกินเกี๊ยวน้ำ  หยุดยืนข้างโต๊ะแล้วทำหน้าบังเอิญมากใส่ดวงตาสีดำตกใจสุดขีดของมันที่เงยหน้ามามองสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะอย่างผม

“ทานเกี๊ยวไม่ชวนผมซักคำนะโอม   สวัสดีครับ  ผม ‘เต็ม’ เพื่อนโอมครับ  ไม่ยักรู้ว่าโอมมีแฟนน่ารักแบบนี้ด้วย”  ผู้หญิงที่มันพามายิ้มเขินให้ผมก่อนจะโบกมือในอากาศวุ่นวายว่าไม่ใช่แฟนมัน  ยิ้มบางให้รอยยิ้มขวยเขินนั่นก่อนจะเบือนมามองตาสีดำเย็นชาที่กำลังกำตะเกียบแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปน..คงอยากจะเอาตะเกียบเสียบทะลุคอผมอยู่แน่ ๆ 555

หันไปยิ้มให้พี่ปุ๋ยแล้วบอกเหมือนเดิม  ไม่ถึงนาทีผมก็ได้หมี่เกี๊ยวต้มยำสูตรเด็ดที่พี่กานต์ทำกับมือมาวางตรงหน้าคนสวยที่ไอ้โอมพามา  ถือวิสาสะของเพื่อนสมัยเด็กนั่งร่วมโต๊ะ  ดันชามไปวางตรงหน้าแล้วตักน้ำซุปรสจัดใส่ช้อนของผู้หญิงคนนั้น  ยิ้มหล่อแล้วบอกนุ่มนวล  ‘ลองดูครับ..’  ยิ้มพอใจเมื่อน้องคนนั้นยิ้มเขินแล้วยกช้อนขึ้นแตะริมฝีปากชิมรสชาติน้ำซุปที่ผมตักให้  หันกลับมาสบตาสีดำโชนแสงที่จ้องหน้าผมเอาเป็นเอาตาย  ยิ้มมุมปากแล้วยักไหล่กวนตอบดวงตาของมัน 

น้องคนนั้นที่ผมไม่ได้สนใจว่าชื่ออะไรกินไม่หมดชามก็ถูกไอ้โอมชวนไปเดินดูของที่ไนท์ต่อ  ผมที่กลายร่างเป็นมือที่สาม  มีหรือจะปล่อยให้โอกาสหลุดลอย  ติดสอยห้อยตามประกบอีกข้างของน้องเหมือนปลิงที่จ้องหาจังหวะสูบเลือด  ในเมื่อน้องผู้หญิงไม่มีท่าทีรังเกียจ  คนพามาอย่างไอ้โอม..จะมีสิทธิ์อะไรไม่พอใจใส่ผมได้ล่ะ5555  เดินกัน  3  คนจนไนท์เริ่มวายมันก็อาสาไปส่งน้องที่บ้าน..พร้อมกับผม

“ขอบคุณที่มาส่งนุ่นนะคะพี่เต็มพี่โอม  บ้ายบายค่ะ”  ยืนยิ้มกว้างส่งน้องผู้หญิงคนนั้นเข้าบ้าน  ยกยิ้มมุมปากกับแผ่นหลังของมันที่หมุนตัวเดินหนีผมออกมาขึ้นรถกลับบ้าน  วิ่งดักหน้ามันก่อนจะหรี่ตามองดวงตาสีดำนิ่งเฉย
.
.
.

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
.
.

“นุ่นเหรอ?  รสนิยมมึงห่วยลงนะโอม  หน้าแย่กว่าทุกคนที่กูแย่งมึงจีบ..”  พูดยั่วไม่จบประโยคผมก็ถูกหมัดหลุน ๆ ชกเข้าที่ปาก  เซถอยหลังแล้วยกเท้าขึ้นมาถีบอกแกร่งที่ตามมาเงื้อหมัดจะชกซ้ำ  สาวเท้าพุ่งเข้าชกที่มุมปากมันเอาคืนที่เดิมเต็มแรง  มือข้างหนึ่งบีบคอแน่น  อีกข้างก็เงื้อเล็งมุมปากที่เลือดไหลตรงหน้า  มันกัดกรามแน่นแล้วชกเข้าท้องผมจนจุก  งอตัวลงไปก็โดนมันย่อตัวลงมันอัดเข้าที่ปลายคาง  หงายหลังล้มทั้งยืน  มึนพักเดียวก็อ้าปากขยับกรามให้เข้าที่  สะบัดหัว 2-3 ทีแล้วลุกขึ้นมายืนจังก้า  หมัดกำแน่น  เลือดในกายเดือดพล่าน  หรี่ตามองดวงตาสีดำที่จ้องผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเถือหนังมาทาเกลือ..

ตาคู่นั้นทำในอกผมมันร้อนวูบ     

มันมองผมนิ่ง  ก่อนจะส่งประกายนัยน์ตาร้อนแรงที่ทำให้ผมคุมอารมณ์ดิบผมไม่เคยได้  หายใจถี่  กำหมัดแน่นสะกดความร้อนที่เผ่นพล่านในอกลามไปทุกส่วนของร่างกายในเวลาอันรวดเร็ว   มองหน้าเรียวที่หันไปมองสวนหย่อมหน้าหมู่บ้านน้องนุ่น  จับจ้องหน้าขาวที่มีเลือดไหลที่มุมปากไม่วางตา  เดินตามยิ้มเหยียด   ดวงตาท้าทายเข้าไปที่สวนหย่อมเหมือนถูกมนต์สะกด  แสงไฟสีส้มอ่อนสาดส่องแผ่นหลัง  มองคนเดินนำด้วยการก้าวจังหวะที่มั่นคง  หัวใจเต้นโครมครามไม่หยุด   

หยุดฝีเท้าที่กลางสนามหญ้าด้านในที่ไฟส่องไม่ถึง  เห็นเพียงแววตาและคมมีดพับอันเดิมที่ผมขว้างคืนที่หน้าต่างสว่างแวบเล่นตา  เหงื่อผุดไปทั่วตัว  กลิ่นดิบลอยวนรอบกาย  หายใจหอบถี่  กล้ามเนื้อทุกส่วนตื่นตัวเต็มที่  พุ่งเข้าหาคมมีดพร้อมกับเจ้าของดวงตาท้าทายที่พุ่งปลายมีดใส่ผม  เบี่ยงหลบการเข้าปะทะซึ่งหน้า  จับข้อมือแข็งที่พยายามบิดข้อมือให้ปลายมีดหมุนมาทางผม  เสียงหายใจหนักอยู่ข้างแก้ม  ลมหายใจร้อนเป่ารดแขนจนขนลุกท่วม  ออกแรงบีบข้อมือมันแรงจนดวงตาสีดำหันกลับมาจ้องตาผมด้วยความขัดใจ..

“โอ้ย!”  เผลอคลายแรงที่บีบมันเลยเสยมีดถากเข้าเอวจนได้เลือด   ปล่อยมือจากข้อมือมันแล้วกุมที่เอวตัวเอง  ซี้ดปากแล้วดึงเสื้อขึ้นดูแผล  ปากแผลไม่กว้างมากแต่เลือดผมมันเยอะ  ไหลจนเสื้อสีดำชุ่มเลือดไปหมด  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วค่อย ๆ ยืดตัวถอดเสื้ออกทุลักทุเล  เอาเสื้อกดปากแผลไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมามองคนแทง

โอมถือมีดไว้ในมือแน่น  ตาสีดำมองหน้าผมนิ่ง  แววตาท้าทายที่ทำผมร้อนกลับเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเท่าทวี  เลือดผมไหลแรงขึ้นเพราะความตื่นเต้นจากภายใน  สัญชาติญาณดิบเข้าเล่นงานสำนึกดิบของผม  ก้าวเท้าออกไปหาคมมีดที่ยังคงชี้มาที่ตัวเอง  หายใจหอบเหมือนคนออกกำลังกายมาอย่างหนัก  จับจ้องประกายตาสีดำที่มองผมไม่กะพริบ  ปล่อยเสท้อที่กดปากแผลลงกับพื้นหญ้า  คว้ามือจับมีดแล้วดึงออกจากมือมัน  คมมีดกรีดเข้าที่ฝ่ามือแต่ผมกลับไม่รู้สึกอะไร  โยนมีดทิ้งไปข้างหลังโดยไม่ละสายตาจากประกายร้อนของนัยน์ตาสีดำสนิท  เดินเข้าประชิดสัมผัสกับลมหายใจร้อน  ลดไล่สายตามองสันจมูกโด่งที่พ่นลมหายใจหอบหนักไม่ต่างจากผม  ลูกกระเดือกของมันขยับขึ้นลงตามจังหวะการกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ..

กลิ่นเลือดจากแผลคละคลุ้งอบอวล  ดวงตาสีดำดึงดูดให้ต้องมองไม่สามารถละสายตา  ริมฝีปากสีส้มอ่อนที่มีรอยยิ้มเหยียดอยู่เสมอขยับเข้าหาอย่างช้า ๆ  เสี้ยวนาทีที่ผมควรจะชกเพื่อผลักริมฝีปากนั้นให้ออกห่าง  ผมกลับก้มหน้าลงอีกนิด  เผยอปากรับสัมผัสจากความชื้นนั้น..อย่างเต็มใจ   สบเสน่ห์ดึงดูดจากตาคู่นั้นตลอดเวลาที่ริมฝีปากหยุ่นแตะไล้ผะแผ่ว  ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องที่ผมกับมันกำลังทำกันอยู่เลยสักครั้ง 

ผมไม่เคยจินตนาการถึงริมฝีปากของมัน..ตรงกันข้าม  ผมคิดถึงเรื่องเหี้ยกว่านั้นหลายเท่านัก

หายใจเป็นจังหวะเดียวกัน  ขยับเอียงรับริมฝีปากที่จูบซับแผลที่มุมปาก  ผ่อนลมหายใจออกก่อนจะหลับตาเมื่อริมฝีปากไล้ขึ้นมาจูบตรงพลาสเตอร์ที่แก้ม  ลมร้อนกับเนื้อเย็น ๆ จากปลายจมูกแตะวนไปทั่วหน้า  ลืมตาขึ้นมามองขนตาหนาเป็นแพอยู่ใกล้ตา  ก้มหน้าให้หน้าผากแตะกันเบา ๆ ยอมรับการกระทำที่บอกเป็นนัยของมันว่า..  ‘ขอโทษ'   กลืนน้ำลายเหนียวลงคอบ้างก่อนจะเป็นคนถอยหลังออกมาเอง  ก้มหยิบเสื้อขึ้นมากดแผลแล้วเดินดุ่มออกมาจากสวนหย่อม  สาวเท้าเดินมาตามทาง  ล้วงมือถือกดหาพี่ช้างให้ออกมารับ  ไม่ถึงนาทีพี่ช้างก็มาถึง  เปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง  เบือนหน้าหนีความห่วงใยของพี่ช้างที่เห็นแผลผม  เหม่อมองไปสองข้างทางจนพี่ช้างยอมแพ้

“..ไปโรง’บาล?”  ส่ายหน้าตอบพี่ช้างผ่านกระจกก่อนจะมองความมืดที่รายล้อมรอบกาย  ผมไม่รู้สึกถึงความแสบหรือเจ็บปวดอะไรจากแผลบนร่างกาย  ในหัวผมมีแต่สัมผัสอุ่นจากคนที่ตอบโต้รุนแรงกับผมมาตลอดอย่างโอม  ความร้อนรุ่มที่เป้ากางเกงไม่มีทีท่าจะผุดโผล่เลยแม้แต่น้อย  ไม่เคยคิดว่าคนที่ตีกันจนจะฆ่ากันก็หลายหน  จะมี..จูบที่อ่อนโยนได้แบบนั้น 

เมื่อก่อนผมแค่รู้สึกว่าตัวเองแปลกที่มีอารมณ์กับมัน  แต่พอได้..จูบ  ผมถึงได้รู้ตัว  หัวใจเต้นตึกตักบีบรัดให้หน้าร้อนผ่าว  หลับตานิ่งนั่งเงียบ ๆ  จมกับภาพการกระทำจากอดีตจนถึงปัจจุบันจนเกือบจะถึงหน้าบ้าน  ลืมตาขึ้นมาเมื่อคิดว่าถึงรั้วบ้านตัวเองแล้ว  ไฟรถสาดตามถนนเห็นความผิดปกติที่หน้าประตูรั้วบ้านตัวเอง   พี่ช้างจอดรถแล้วดับเครื่องแต่ไม่ปลดล็อคประตูให้ผมลง  นั่งตัวตรงมองคนที่มายืนอยู่หน้าบ้าน  แววตาเฉยชาที่เคยเห็นไม่ได้จับจ้องมาที่ผมเหมือนเคย  เบือนหน้าไปมองพี่ช้างที่กำลังจ้องมันกลับแล้วยิ้มบางให้พี่ชายที่ผมนับถือมาตลอด  พี่ช้างหันมาสบตาที่มาพร้อมกับรอยยิ้มของผมก่อนจะถอนหายใจยาว

“พี่ชอบมึงไอ้เต็ม  เลือกพี่..”  ผมยิ้มอ่อนโยนให้พี่ช้างที่บอกความรู้สึกดี ๆ ที่พี่มีให้ผม  เอื้อมมือที่มีเลือดแห้งกรังแตะหลังมือพี่ช้างเบา ๆ แล้วบอกไปตามตรง..

“ผมก็ชอบพี่นะ  แต่พี่เอาผมไม่อยู่หรอก  เป็นพี่น่ะดีแล้ว..ขอบคุณมากครับ”  พี่ช้างนิ่วหน้าก่อนจะยิ้มขื่น  ก้มมองมือผมที่วางบนหลังมือนิดหนึ่งแล้วเบือนหน้าไปมองคนที่ยืนจังก้าอยู่หน้ารั้วบ้านผม  เสียงปลดล็อคพร้อมกับฝ่ามืออุ่นที่หงายมือจับมือผมเบา ๆ  ยิ้มให้พี่ช้างแล้วเปิดประตูลงจากรถ  เดินตรงไปหาคนที่ยืนรออยู่โดยไม่หันกลับไปโบกมือส่งพี่ช้าง  รอยยิ้มบางที่ผมไม่เคยเห็นมานานแล้วประดับอยู่บนหน้ามัน

เดินตรงไปหาแล้วหยุดฝีเท้าตรงหน้า   นิ่งมองนัยน์ตาสีดำทอประกายความอ่อนโยน  ผ่อนลมหายใจยาว ๆ แล้วเดินเข้าบ้านตัวเองแล้วปิดรั้วทันที  เหลือบมองทางหางตาส่งคนที่ยืนกะพริบตาอยู่นอกรั้ว  เดินเข้าบ้านไปอาบน้ำ  ฟอกสบู่แล้วลูบแผลแรง ๆ แล้วล้างน้ำทิ้งหลายครั้ง  ส่องกระจกมองรอยช้ำกับแผลที่แก้มแล้วเดินไปหยิบยามาทำแผลให้ตัวเอง  เก็บกวาดสำลีเปื้อนยาไปทิ้งแล้วมองชุดทำแผลที่ยังคงวางนิ่งบนเตียง  ยิ้มมุมปากแล้วเบือนไปมองหน้าต่างตรงข้ามบ้านตัวเอง

หอบกระเป่ายาทำแผลซุกรักแร้แล้วหนีบแน่น  จับราวระเบียงก่อนจะปีนขึ้นยืน  ทรงตัวให้ตรงแล้วกลั้นหายใจโดดลงเหยียบสันกำแพงรั้วที่กั้นอาณาเขตบ้าน  เอียงซ้ายลงน้ำหนักขวาจนยืนได้ตรงอีกครั้ง  เงยหน้ามองแสงไฟที่เล็ดลอดออกมาจากห้องนอนของมันแล้วยิ้มกริ่ม  ยืดตัวไปจับกระเบื้องที่ทำยื่นมาบังฝนให้ชั้นล่างของตัวบ้าน  ขยับเท้าเดินไปให้ตรงกับคานที่รับน้ำหนักตัวได้  ยื่นกล่องยาไปวางบนกระเบื้อง  ยื่นมือจับกระเบื้องหนาแล้วกลั้นใจตะปบมืออีกข้างเกาะให้แน่นหนา  นิ่วหน้าเพราะปากแผลที่เอวเริ่มปริฉีก  กัดฟันปีนขึ้นจนสำเร็จ

มือข้างหนึ่งจับตรงมือจับหน้าต่างแน่น   อีกข้างลดลงมากุมเอวแล้วดึงชายเสื้อขึ้นดู  เลือดซึมนิดหน่อยไม่มากเหมือนที่นึกเอาไว้  เบือนหน้าผ่านกระจกหน้าต่างที่มีผ้าม่านสีครีมกั้นอยู่  หายใจแรงจนกระจกขึ้นฝ้า  กัดฟันกรอดข่มความตื่นเต้นที่ตัวเองเป็นฝ่ายปีนเข้าหา  ย่อตัวหยิบกระเป่ายามาหนีบไว้แล้วกลืนน้ำลายเหนียวลงคออึกใหญ่  พ่นลมหายใจทิ้งแล้วใช้สันกระเป๋ายาเคาะกระจกหน้าต่าง  5  ครั้ง  คิ้วขมวดมุ่นกับอาการที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ  ความทรงจำวัยเด็กผุดขึ้นมาในหัว..

ผมมักจะแอบปีนหน้าต่างเข้ามานอนกับน้อง  ต้องมาที่หน้าต่างบานที่ตรงข้ามกับหน้าต่างที่ห้องพอดีเพราะตรงนี้มีคานรับน้ำหนักตัวได้   และเวลาขยับเท้าเดินมันจะไม่เกิดเสียงดังให้คนในบ้านน้องแตกตื่น  มีรหัสที่รู้กันแค่  2  คน คือ การเคาะที่กระจก  5  ครั้ง..

หน้าต่างมีเสียงปลดกลอนดัง ‘แกร้ก’  ปล่อยมือออกจากมือจับช้า ๆ มองผ่านผ้าม่านที่ปลิวสะบัดไปข้างหลังตามแรงลมข้างนอกที่หน้าต่างเปิดรับลมให้เข้ามา   มองหน้าเรียวที่ยังคงมีร่องรอยบวมช้ำจากการลงไม้ลงมือกันที่สวน   นัยน์ตาดำสนิทมองตาผมนิ่ง..ไม่กะพริบ  มือเรียวจับหน้าต่างให้เปิดกว้างกว่าเดิม  เท้าเปล่าถอยหลังออกจากหน้าต่างห้องนอน  ผมยื่นกระเป่ายาส่งให้มือเรียวก่อนจะยกขาก้าวข้ามขอบหน้าต่าง..

ก้าวข้ามความรู้สึกเกลียดที่ไม่รู้ที่มา..แต่..รู้จุดจบ

มือเรียววางกระเป่ายาที่เตียง  ดวงตาสีดำสนิทส่องประกายพราวให้เลือดในตัวผมร้อนเร่า  มองสบตาคู่นั้นไม่ละสายตา  เท้าเปล่าย่ำกลับทางเดิม  ดวงตาระยับจับจ้องมาที่ริมฝีปากผม  มือเรียววาดไปข้างหลังจับหน้าต่างไว้ทั้งสองข้าง..

กระเป๋ายายังคงวางที่เดิม  เหมือนเจ้าของห้องที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานเดิม  ผมเองต่างหาก..ที่ไม่ได้อยู่ที่เดิม..  ขยับก้าวเข้าหาความรุ่มร้อนที่ทำใจผมปั่นป่วน  ยื่นหน้าเข้าไปหาริมฝีปากที่เชิดรอตรงหน้า  ลิ้มชิมริมฝีปากนุ่มที่ขยับรับการรุกเร้าจากผม  ปากอ้าเผยอยั่วเย้าให้ปลายลิ้นเข้าไปสำรวจ  เสียงเกี่ยวกระหวัดรัดของปลายลิ้นดึงดูดให้ผมกับคนที่จับบานหน้าต่างขยับเข้าหากันมากขึ้นอีกนิด  เปลวไฟที่อยู่ในดวงตาคู่สวยกำลังแผดเผาความกระด้างหยาบเถื่อนในตัวผมให้เป็นเถ้าถ่าน..

โอมเบี่ยงหน้าหลบปลายลิ้น  ก่อนจะหันมาสบตาผมที่กำลังจับจ้องริมฝีปากและไล่สายตามองทุกส่วนของหน้าเรียว  ลมหายใจอุ่นของโอมหอบหนักขึ้นก่อนจะยื่นริมฝีปากมากระซิบที่ริมฝีปากผมเสียงสั่น..ไม่เป็นตัวของตัวเอง..

“อย่ามองแบบนี้..ผมตายแน่”  ความรู้สึกแปลกแล่นเข้ามาในอก  เหมือนหัวใจเป็นดอกไม้กำลังผลิออกบานท่วมอก  ย่อตัวเอียงหน้าควานหาริมฝีปากสีส้มเข้ามาจูบผะแผ่ว  หน้าขาวขึ้นสีเรื่อ  ดวงตาสวยพร่าด้วยอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้นสูง  ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ถูกดวงตาสีดำคู่นี้หลอมละลาย  เจ้าของความร้อนรุ่มเอง..ก็ถูกผมใช้ดวงตาเผาผลาญให้มอดเป็นจุล..เช่นกัน

ไม่มีคำว่า  ’รัก’ บอกกล่าวผ่านริมฝีปาก  หากแต่ใช้  ‘การกระทำ’  สื่อความรู้สึกทุกอย่างระหว่างเรา ..

แขนแกร่งออกแรงดึงหน้าต่างปิดลงพร้อมความเกลียดชังที่ผมกับโอมฝังมันลงไปในหุบเหว..ไร้ก้นหลุม  เรากำลังจะสร้างความรู้สึกใหม่ขึ้นมาด้วยกัน 







ความรักเร่าร้อนที่หลอมละลายเราให้เป็นคนคนเดียวกัน..ตลอดกาล



END.



แถม
.
.
หลังเสียงปิดหน้าต่างเงียบลง  ผมเดินขยับเข้าชิดจนหลังโอมติดแนบกับหน้าต่างห้องนอน  ริมฝีปากชื้นสัมผัสกันแผ่วเบา  จูบปลายลิ้นของกันและกัน  ฝ่ามือจับไหล่แล้วรวบเข้ามากอดไว้ทั้งตัว  มือเรียวละจากหน้าต่างสอดเข้ามากอดผมตอบช้า ๆ  สะดุ้งกับแผลที่เอวก่อนจะยิ้มบางแล้วเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากส้มที่ยังคงรอรับสัมผัสจากริมฝีปากผม  โอมเป็นฝ่ายผละริมฝีปากออกจากการจูบของผม  ลมอุ่นเป่ารดซอกคอ  ก้มหอมผมหลังใบหูก่อนจะกอดไว้หลวม ๆ

“ขอดูหน่อย”  เลิกคิ้วสูงกับการจู่โจมของโอม  ใจเต้นโครมครามเมื่อมือเรียวจับชายเสื้อผมแน่นแล้วออกแรงดึงออกให้พ้นจากหัว  หายใจไม่ทั่วท้องกับสายตาระยับที่มองกล้ามเนื้อหน้าท้อง  กลั้นหายใจกับสัมผัสจากมือเยนที่ลูบแผ่วตามร่องกล้ามเนื้อตั้งแต่หน้าอกจนถึงหน้าท้องแกร่ง  มองตามปลายนิ้วที่แตะวน  กลืนน้ำลายเหนียวแล้วจับมือโอมไว้แน่น  เจ้าของมือเรียวกระตุกก่อนจะรีบเบือนสายตาไปมองบนเตียง  ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเบือนหน้าไปมองที่อื่นทันที  ปล่อยมือเรียวที่เริ่มจะเย็นเฉียบออกจากการเกาะกุม  โดมเดินเลี่ยงไปหยิบกล่องยาแล้วเดินไปที่โต๊ะคอม  ลากเก้าอี้ออกมาแล้วหันมามองผม  พ่นลมหายใจทิ้งเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปนั่งบนโต๊ะ  ให้คนทำแผลนั่งบนเก้าอี้แทน

“ไม่ลึกเท่าไหร่..เจ็บรึเปล่า?”  นิ่วหน้าแล้วรีบส่ายหน้าตอบตาสีดำที่มองขึ้นมาสบ  จะไม่เจ็บไดยังไง  ถูกแทงนะ  ไม่ได้โดนแมวข่วน  เกร็งกล้ามเนื้อเมื่อสำลีที่จุ่มแอลกอฮอลล์เช็ดรอบนอก  มันเย็นแต่ก็แสบนิด ๆ เพราะมันลามหยดลงมาที่แผลด้วย  กัดฟันกรอดจนโอมเงยหน้ามามอง  ดวงตาสีดำที่เห็นหน้าตาเหยเกเพราะความแสบที่แผลส่องประกายที่ทำให้ความแข้งขืนผมมันตื่นตัว  หายใจถี่แล้วเบือนหน้าหนี  ลุกขึ้นยืนหันหลังให้ก่อนจะคว้ากระเป่ายามาทำแผลเอง

หยิบเบตาดีนทาแผลสดมาบีบใส่สำลีจนชุ่ม  บีบหยดลงที่แผลตัวเองแล้วรีบค้นผ้าก๊อซมาคลี่ออก  วางลงปิดแผลให้มันใหญ่กว่าแผลหน่อย  สะดุ้งกับมือขาวที่ยื่นมาตรงหน้าคว้าเอาเทปกาวไปถือไว้เอง  พยายามสะกดใจแล้วเพ่งมองไปที่กระเป่ายา  เสียงดึงเทปดังอยู่ข้างหู  เบี่ยงหน้าหลบความร้อนจากอุณหภูมิร่างกายของคนอื่นที่ขยับเข้ามาใกล้  บังคับความแข็งที่ดุนดันเป้ากางเกงให้สงบลงซักที  ขยับตัวถอยห่างเมื่อเทปปิดที่ผ้าก๊อซเรียบร้อย  นั่งขัดสมาธิเอามือประสานแน่นที่ตัก  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตัดสินใจหันหน้าไปหาเจ้าของห้อง  ถ้าผมยังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้..

แผลผมคงไม่พ้นฉีกขาดยิ่งกว่าเดิม

หันหน้าไปสบตาสีดำที่อยู่ใกล้แค่ฝ่ามือคั่น  นิ่งมองประกายฉ่ำที่จับจ้องริมฝีปากผม  เลื่อนสายตาลงมามองสองมือที่ค่อย ๆ แตะที่อกผม  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอยากเย็นกับเทปที่พันรอบข้อมือเรียวไว้ข้างเดียว  มืออีกข้างแนบข้อมือเข้ามาชิด  รอให้ผมเป็นคนหยิบปลายเทปอีกด้านมาพันรวบข้อมือโอมเอาไว้ 

หัวใจเต้นระส่ำ  เหงื่อผุดทั่วตัว  หอบหายใจหนักมองริมฝีปากสีส้มอ่อนที่ขยับเข้าประชิดริมฝีปากผม  เสียงทุ้มกระซิบที่ริมฝีปากแผ่วเบา..

‘เร็วสิ..’  กัดกรามดังกรอดสะกดกลั้นอารมณ์ไว้เต็มที่  เม้มริมฝีปากไม่ให้ถูกริมฝีปากชื้นยั่วเล่น  หลับตาแน่นเบี่ยงหนีปลายลิ้นเลียที่หู  ความอดทนที่มีขาดสะบั้นเมื่อเสียงกระซิบแหบพร่าดังขึ้นมาอีกครั้ง.. 

‘กอดผมหน่อยเต็ม..ได้โปรด’  หันหน้าเข้าหาริมฝีปากที่กระซิบยั่วยวน  เลื่อนมือจับปลายเทปที่แกว่งตรงตักขึ้นมาพันข้อมือเจ้าของดวงตาพราวจนแน่น  มือเรียวที่กำไว้หลวม ๆ ขยับข้อมือที่มีเทปกาวพันไว้นิด ๆ เหมือนกำลังทดสอบความแน่นหนาของเทปกาว  ดวงตาสีดำทอประกายแปลกที่ทำหัวใจผมสั่นไหวรุนแรงออกมาถึงภายนอก  ร่างกายเกร็ง  กล้ามเนื้อเครียดแข็ง  หอบหายใจเข้าไล่ความสั่นที่ก่อตัวอย่างรุนแรงในหัวใจ  แขนเรียวที่ถูกมัดข้อมือติดกันยื่นออกมาคล้องคอผมให้โน้มตัวลงไปหา..

เอียงหน้าเข้าหาริมฝีปากสีส้มที่เผยอยั่ว  กัดเบา ๆ ที่ริมฝีปากล่าง  เจ้าของริมฝีปากสีส้มจูบตอบผมแผ่วเบาแล้วงับริมฝีปากบนผมยั่วเย้า  ปลายลิ้นอุ่นตวัดเลียร่องฟันหน้าก่อนจะปรือตาฉ่ำขึ้นมาสบตาผม  นิ่วหน้าเพราะความร้อนรุ่มในใจผมมันแล่นลามไปทั่วทุกอณูในร่างกาย  ประกบจูบริมฝีปากที่คลี่ยิ้มบางแล้วเกี่ยวเกาะปลายลิ้นอุ่นมาพันเกี่ยว  เสียงสัมผัสด้านในริมฝีปากดัง..ส่งให้สัมผัสทางกายยิ่งร้อนเร่า   

ดันไหล่ให้เอนหลังราบกับพื้น  มือสอดลูบเนื้ออุ่นใต้เสื้อยืด  ดึงขึ้นถึงคอลากลิ้นเลียตั้งแต่หน้าท้องถึงตุ่มเล็กแข็งเป็นไต  กัดตุ่มเล็กหมั่นเขี้ยวจนเจ้าตัวสะดุ้ง  หน้าอกกระเพื่อมหนักขึ้น  นิ่งมองหน้าชมพูกับประกายนัยน์ตาฉ่ำเยิ้ม  ข้อมือที่ถูกพันธนาการด้วยเทปกาวรั้งต้นคอผมให้ลงไปที่ตุ่มเล็กสีแดงเข้ม  แตะปลายลิ้นตวัดเลียดูดขบเม้มจนปลายนิ้วที่สอดเข้ามาจับเส้นผมของผมทนไม่ไหว  โอมจิกดึงหัวขึ้นจนหน้าหงายก่อนจะดึงลงมากัดที่ซอกคอผม..ไม่แรงนัก  แต่ก็ห้อเลือดเอาเหมือนกัน

ผมกับโอมสัมผัสกันตามสัญชาติญาณดิบ  ไม่มีความอ่อนโยนเหมือนคู่รักคู่อื่นที่คุณเคยเห็น  มีแต่ความรู้สึกในใจเท่านั้นที่เราเหมือนคู่รักคู่อื่น  คือ  เรารักกัน.. 

ระหว่างการกอดรัดและเสียดสีของร่างกายที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อที่ไหลท่วมบนพื้นไม้ที่ขัดเป็นมัน  ผมได้ยินแค่  2  อย่าง..เสียงลมหายใจหนักหน่วงของตัวเอง  และเสียงครางต่ำจากริมฝีปากสีส้มอ่อน   ผมถึงสวรรค์ที่เห็นรำไรอยู่ตรงหน้าหลังจากพาโอมให้ถึงฝั่งไปก่อน  ด้วยมือที่มีเทปกาวที่จิกทึ้งเส้นผมให้ผมต้องโน้มตัวจนริมฝีปากติดกับตุ่มสีเข้มที่หน้าอกขาวเนียน  พร้อมด้วยเสียงแหบพร่าของโอมที่กระซิบบอกผม..


“กัดเลยสิ..อาห์” 

...........................................

กอด ๆ บวก ๆ ค่าาาาาา
เพิ่งจะได้เข้ามานั่งหน้าคอมพ์ค่ะ  วันนี้ทั้งวันออกพื้นที่ตลอด  ร้อนมวาก  เม้นท์ยกยอดไปตอบวันหน้าเลยนะคะ 
เห็นบางคนชอบของแถม  อ่านเลยค่ะ  ฮุฮุ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ปล.พรุ่งนี้ถ้าไม่ได้ไปไหนจะค้นแฟนฟิคของน้องวี กับเต็มโอมมาให้ค่ะ  คุณ jiki  เขียนไว้.shค่ะ ^^

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
ขอบคุณมากครับ คู่นี้แหละที่ผมรออ่านอยู่ ชอบมากที่สุดเลย โอม - เต็ม  ..... ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
ร้อนแรงพอๆๆกับอากาศตอนนี้เลยคู่นี้ :heaven

 :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
:jul1: <<< นี่คือเลือดที่ทั้งสองคนต้องเสียไปก่อนหน้านี้ หาใช่เลือดของเราจากบทเลิฟซีนไม่ แฮ่ๆ (*ตะโกน // รักของคู่นี้ช่างเร่าร้อนนนน...) คือแบบ อ่านไปใจกระตุกไปเลยค่าา~ :o8:

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
โห คู่นี้ ดุเด็ดเผ็ดมันส์ SM ของแท้ ช่างสมกันดั่งกิ่งทองใบหยก :impress2:
อ่านตอนต้นนี่ หมั่นไส้พี่เต็มมาก คนอะไรหาเรื่องจริง ๆ สงสารน้องโอม
แต่กลายเป็นว่าน้องโอมก็โหดใช่ย่อย เล่นกันถึงกับเลือดตกยางออกเลย
สรุปที่เป็นศัตรูกันมาตลอด เพราะไม่รู้ใจตัวเองกันทั้งคู่เลยสินะ แหม่
กว่าจะเข้าใจกันได้นี่ ทำเอาน่วมไปตาม ๆ กัน สัญชาติญาณดิบ ช่างร้อนแรงจริง ๆ
ชอบของแถมด้วยคน โดยเฉพาะคู่นี้ชอบเป็นพิเศษเลยจ้า อิอิ  :z1:
อยากอ่าน เต็มโอม อีกจัง คู่นี้จะมีมาฟินอีกไหมน้อ ชอบจัง
ขอบคุณคุณจิมากค่ะ  :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2015 08:39:46 โดย PURE LOVE »

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
Fan  Fic   Shy   BY   คุณ jiki


เรื่อง วันหนึ่งในฤดูร้อน


ย่ำค่ำของวันหนึ่งกลางฤดูร้อน สายลมพัดพาความร้อนที่ระอุในผืนดินตลอดจนผนังซีเมนต์ให้คลายลงได้บ้าง หากแต่คนทั่วไปนิยมใช้เครื่องปรับอากาศเพื่อความเย็นฉ่ำจนสาแก่ใจโดยลืมระวังตัวเลขมิเตอร์ค่าไฟฟ้าที่กำลังจะส่งมาก่อนสิ้นเดือน หากแต่ในยามนี้ชายหนุ่มคนหนึ่งกลับพึ่งพาเพียงสายลมที่แทรกผ่านหน้าต่างบ้านกว้างกับพัดลมที่เปิดแรงสุดหมุนวนอากาศในห้องให้ถ่ายเทเท่านั้น ไม่ใช่เพราะฐานะขัดสน เพียงแต่กับเรื่องบางอย่างคนเราเลือกไม่เหมือนกัน

ในห้องกว้างที่แสงไฟสังเคราะห์ถูกละเลยเพราะมันไร้ประโยชน์ในยามนี้ สิ่งสำคัญมีเพียงการเปิดประสาทสัมผัสรับรู้แรงบีบเค้นและการตอบสนองต่อความหฤหรรษ์นั้น เสียงหอบฮั่กดังแผ่วเบา กลิ่นชื้นเหงื่อลอยอยู่ในสายลม เมื่อดวงตาทำงานได้ไม่ดีในที่มืดสลัว ประสาทการรับรู้ในส่วนอื่นจึงทำงานมากกว่าปกติ รับรู้ถึงกลิ่นคาวที่ปะปนอยู่ ไม่ต้องสงสัยถึงที่มา เพราะเขารู้ตัวว่่ากำลังทำอะไร

********

แนบริมฝีปากลงบนผิวคอนวลเนียน ขบเม้มดูดดุนจนขึ้นสี ฟังเสียงครางผะแผ่ว รับรู้แรงขยับกายเบือนหน้า คนขี้อายของเขาบิดตัวหนี หากได้มองหน้าคงเห็นปากเล็กเม้นแน่นกักกั้นเสียงน่าอายแต่ก็เผลอหลุดให้คนด้านหลังได้ยินให้ชื่นหัวใจเป็นระยะ ปากเล็กที่โดนขบคงบวมเจ่อน่าจับจูบ...ให้บวมเห่อมากขึ้นไปอีก  จมูกกระสากลิ่นอายความกำหนัด เร่งเร้าแรงอารมณ์ให้ขึ้นสูง

แต่ยังก่อน ทุกอย่างมันไม่จบลงแค่นี้ และเขาคงไม่พอใจจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้ เด็กน้อยน่ารักของเขามีสิ่งดีๆกว่านี้อีกมาก พลิกกายหมุนร่างเล็กลงนอนแนวราบ ไล้ปลายนิ้วมือจากลำคอเล็กบางลงสู่แผ่นอกราบเรียบ ตุ่มไตน้อยๆยั่วเย้าให้แนบลิ้นลองลิ้มชิมเปรียบ....เทียบกับทับทิมกรอบในน้ำกะทิขาวข้นที่เจ้าตัวเล็กสะกิดให้พาไปชิมเมื่อตอนหัวค่ำ หากว่ากันตามจริงประสาทรับรสคงไม่รู้ถึงรสชาติใดแต่ขณะนี้ใจมันราวกับได้พบเจอรสหวาน....จนต้องกลับมาพิสูจน์ให้แน่ใจอีกครั้ง...และอีกครั้ง ยอดอกเล็กโดนประทุษร้ายจนผู้เป็นเจ้าของต้องปัดป้องด้วยเพราะเจ็บจนน้ำตาพาลจะไหล ไหนจะอารมณ์เร้นลับที่เจ้าตัวไม่เคยได้พานพบด้วยตัวเองมาตลอด สองมือผลักไสไหล่กว้างออกห่าง ร่างสูงใหญ่จึงถึงโอกาสไล้เลียลงสู่แอ่งบุ๋มที่เอวบาง จูบเบาๆแทนรอยเท้าก้าวเลื่อนลง

ต่ำลง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ต่ำลง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เว้นส่วนอ่อนไหวไวสัมผัส เขาไม่อยากให้เด็กน้อยของเขาตื่นกลัวจนเกินไป
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เลื่อนลง ฝ่ามือคลึงเค้นขาเรียวแล้วแยกออก ขบเม้มเนื้ออ่อนด้านใน จูบหนักๆทิ้งรอยไว้ทั้งสองข้าง ไม่ให้น้อยหน้ากัน สองขาแลจะหวงกัน หนีบเข้าหากันแน่นกันคนรังแกหนักโดยลืมว่า คนใจร้ายแกล้งกันได้ลงคอนั้นถูกแนบหนีบอยู่ตรงกลาง คนตัวใหญ่หลุดขำ สองมือจับเข่าของคนตัวเล็กดันเข้าหาอกบางที่ถูกแกล้งจนระบมไปก่อนหน้า ช่องทางที่ยังบริสุทธิ์เผยให้เห็นต่อสายตา มันช่าง...

นิ้วยาวกดแหย่ช่องทางที่ยังแห้งผาด ความแน่นฝืดของมันทำให้ผู้เป็นเจ้าของส่งเสียงประท้วง ผมเหลือบตาสบคนตัวเล็ก ฉวยมือที่ผลักไสไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างคว้าคอบางบังคับประกบปาก วนลิ้นปลุกเร้าจนสมยอม ซุกไซ้ข้างแก้ม กกหู ไล้เลื้อยลงตามลำคอ ถอนมือจากลำคอส่งนิ้วเข้าหยอกเย้ากับลิ้นเด็กน้อย ปล่อยร่างเล็กระบายอารมณ์กับนิ้วทั้งสองจนสาแก่ใจ มืออีกข้างที่เคยยึดมือบางไว้ก็เข้ากอบกุมส่วนอ่อนไหว สัมผัสอย่างที่เคยทำกับตัวเองแต่ทะนุถนอมกว่า

...จนเมื่อปลายเล็บของผมจิกเข้ากับส่วนปลายยอด ศีรษะน้อยสะบัดหนี เสียงครางกระเส่าดังอย่างไร้สติ ผมฉวยโอกาสนี้ส่งปลายนิ้วชุ่มน้ำลายเข้าเปิดประตูสู่หนทางหฤหรรษ์ ปลายนิ้วกวัดวาดวน เด็กน้อยของผมบิดตัวคล้ายจะทรมาน ริมฝีปากเม้นแน่น มือบิดขยำผ้าปูเตียงแทบขาด ปลายเท้าจิกฟูกนอนคล้ายจะถีบออกและคล้ายจะยันตัวเข้าหา ผมมองท่าทีปลุกเร้า ท่าทีที่คล้ายจะเป็นด้านมืดของวีที่เก็บซ่อนไว้ สัญชาตญาญดิบเข้าครอบงำ ผมก้มลงจูบปากเล็กให้คลายออก แลบลิ้นเลียรักษาแผลที่เจ้าของริมฝีปากกัดเพื่อกั้นกลืนเสียง ปลอบโยนจากด้านนอกล่วงเข้าสู่ภายใน ฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายมึนงง ถอนนิ้วออก เสือกไสความเป็นชายของตัวเองเข้าแทนที่....ช่องทางเล็กแคบ สัมผัสนุ่มแต่ร้อนระอุตอดรัดทุกทิศทาง ทางที่ไม่เคยมีใครแผ้วผ่าน เด็กน้อยที่มีผมคนแรก และมีผมเพียงคนเดียว อ้อมกอดกระชับแน่นส่งผ่านความสุขถึงจิตใจ

น้องเป็นของผมคนเดียว

"อ่า~ห์"

********

เสียงหอบหายใจดังแผ่วเบาในห้องกว้าง เมื่อลืมตามองผ่านความมืดก็ยังคงเห็นประกายสีทองตกค้างจากเมื่อตอนอารมณ์ไต่ถึงจุดสูงสุด ยันตัวออกจากข้างเตียงให้แผ่นหลังสัมผัสอากาศ ปล่อยให้ลมจากพัดลมหน้ากว้างคลายอุณหภูมิร่างกายที่สูงจนเหงื่อไหลโทรมกาย ก้มมอง'หลักฐานความผิด'ในมือตัวเอง คว้าทิชชู่มาขยี้เช็ดมือโดยแรงจนรู้สึกเจ็บก่อนจะปาออกห่างตัว ผมผิด.....รู้สึกผิดที่เอาแฟนตัวเองมาจินตนาการเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกที่คับแน่นอยู่ในอก แม้ใครจะบอกว่ามันเป็นทางออกอย่างหนึ่งเพื่อที่จะได้ไม่ไปบังคับขืนใจคนที่เรารัก แต่ก็นั่นแหละ ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจ ผมรักที่วีเป็นเด็กน้อยขี้อาย ไร้เดียงสา แมัจะไม่ได้ตั้งมั่นถึงขนาดที่จะบูชาไว้บนหิ้ง หรือจะกะเกณฑ์ให้วีบริสุทธิ์ สะอาดตลอดไป แต่เรื่องบางเรื่องมันต้องมาจากความยินยอมพร้อมใจ ไม่ใช่ล่อลวงให้เขายินยอม หรือทำให้เขาสกปรก ผมรักวี....รักทุกอย่างที่เป็นวี รวมถึงทุกอย่างที่วีจะเป็นในวันข้างหน้า รักของผมมีค่า และ'รักของผม'ต้องไม่ดึงให้วีลงมาต่ำด้วยเรื่องแบบนี้

เอนพิงข้างเตียงอีกครั้งรอตัวแห้ง ปล่อยใจคิดอะไรเรื่อยเปื่อยให้ไกลจาก'เรื่องวี' ตามองลอนกล้ามท้องของตัวเอง แสงสว่างเพียงเล็กน้อยกอรปกับหยดเหงื่อไหลแล่นผ่านร่องลอนยิ่งขัดให้กล้ามยิ่งชัด ไม่ได้แปลกใจหรือชื่นชมอะไรกับร่างกายของตัวเองเป็นพิเศษ มันก็แค่ผลพลอยได้จากการฝึกร่างกายให้'แกร่ง'พอที่จะคุมมอเตอร์ไซค์4สูบของตัวเองให้อยู่

'รักที่จะเท่ตามกระแสสังคม หรือ รักที่จะสนองตามต้องการของตัวเองอย่าง'มีความเหมาะสม' คิดดู. แล้วค่อยมาให้คำตอบ'

คำพูดจากพ่อเมื่อ 3 ปีก่อนเมื่อตอนผมปรึกษาว่าจะซื้อบิ๊กไบค์สักคัน ใช้เวลาเพียง 1 คืนในการคิดหาคำตอบให้ตัวเอง และใช้เวลาอีก 2 ปีในการพิสูจน์ว่า ผมพร้อมจะสนองความต้องการของตัวเอง เช่นเดียวกับที่พร้อมจะรับผิดชอบชีวิตตัวเองและความรู้สึกของคนรอบข้าง สมองศึกษาวิธีการขับขี่และอุปกรณ์ป้องกันแรงกระแทกตลอดจนการควบคุมพาหนะทรงพลังให้วิ่งทะยานได้อย่างปลอดภัย กายฝึกฝนให้พร้อม ไม่ใช่ให้เหมาะสมกับตัวรถ ผมไม่เคยปล่อยให้รถสุดที่รักมีอิทธิพลเหนือตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็เป็นได้แค่พวกที่บิดรถเร็วจนตัวตาย ทิ้งให้พ่อแม่เสียใจที่ปล่อยให้เงินฆ่าลูก แต่ต้องฝึกฝนร่างกายให้พร้อมที่จะพยุงรถจักรยานยนต์ที่หนักกว่า200กิโล พร้อมที่จะรับแรงต้านของลมเมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูง และต้องฝึกใจไม่ให้เตลิดไปกับความแรงของรถ เพราะผมรู้ว่า ในหลายๆครั้งความตื่นเต้นที่ได้ทะยานไปในสายลม มันก็เป็นกลลวงให้เราเข้าใกล้ความตายมากขึ้นเหมือนกัน...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ตัดใจลุกไปอาบน้ำเพราะความร้อนผิดปกติของปีนี้ทำให้เหงื่อไหลไม่หยุด ตัวเลยไม่แห้งเสียที เปิดหน้าต่างทุกบาน คว้าผ้าเช็ดตัว ใช้นิ้วเท้าสะกิดปุ่มพัดลมอีกตัวเปิดเบอร์แรงสุด ปล่อยให้มันหมุนวนไล่กลิ่นเหงื่อและกลิ่น...คาวของความต้องการ...กลิ่นที่ทำให้รู้สึกผิดที่แอบเอาแฟนตัวเล็กน่ารักที่แสนบริสุทธิ์ของตัวเองมาบำบัดความใคร่...กลิ่นที่ทำให้เกลียดความต้องการของตัวเอง ก้าวเข้าสู้ห้องน้ำ ชำระล้าง'ความรู้สึกผิด'ของตัวเองออกให้หมด

พอออกจากห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งไว้เป็นพิเศษสำหรับคนพิเศษก็ดังขึ้น จังหวะดียังกับแอบตั้งกล้องส่องดูถึงในห้อง กดรับโทรศัพท์ฟังเสียงหวานของคนรักตัวน้อยพร้อมๆกับเปิดไฟ เปิดแอร์ ปิดหน้าต่าง ฟังเสียงใสเผาตัวเองว่า เผลอหลับเมื่อตอนหัวค่ำ เพิ่งตื่นก็เลยรีบโทรหาเพราะถึงเวลา'โทรคุยกันกระหนิงกระหนิงก่อนนอน'พอดี ผมเอาเท้าสะกิดปิดพัดลมทั้งสองตอนถามน้องว่าอาบน้ำรึยัง ปลายสายหัวเราะเสียงแห้งอ้อมแอ้มตอบว่า ยัง แล้วเฉไฉไปชวนคุยเรื่องอื่น ...พูดไปมันก็ดูประหลาดแต่ผมก็อยากบอกว่า ผมอยากเอากำปั้นขยี้ขมับคนเปลี่ยนเรื่องไม่เก่งเบาๆด้วยความรักเลยจริงๆ!!!

คุยกันต่ออีกแป๊บใหญ่ๆ หลังจากนัดแนะว่าพรุ่งนี้จะไปนั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานบ้านน้องแล้วก็ไล่น้องไปอาบน้ำแล้วนอนเลย ลุกไปหยิบรีโมทแอร์ พอผ่านกระจกมันสะดุดใจจนต้องมองซ้ำ มองหน้าตัวเองชัดๆ ลูบตามไรหนวดและเคราที่ขึ้นอ่อนๆ หันไปกดปรับอุณหภูมิแอร์และกลับไปนอนแผ่บนเตียง

พอเป็นแฟนกับวีแล้วพฤติกรรมหลายๆอย่างของผมก็เปลี่ยน อย่างน้อยก็ใส่ใจตัวเองมากขึ้น และอีกเรื่องหนึ่งที่กำลังจะเปลี่ยนตามคือ เวลาโกนหนวดโกนเครา อย่างน้อยมันก็ต้องปรับเปลี่ยนตามเสวาที่จะไปพบวี

ขืนไปฟัดวีทั้งหนวดทั้งเคราแบบนี้ น้องได้ตัวแดงเถือกยังกับเอาหนวดไถ!!!!

*******

ใครจะรู้ว่าอะไรจะไม่เป็นไปอย่างที่วางแผนไว้

วันรุ่งขึ้นผมเป็นไข้เพราะอาบน้ำเย็นหลัง'ออกกำลังกายเรียกเหงื่อ'โดยไม่รอให้ตัวแห้งตัวเย็นก่อน รู้ถึงไหนอายถึงนั่น!!!

จากโปรแกรมเดิมที่วางกันไว้ว่าจะไปกินมะม่วงน้ำปลาหวานบ้านวี ก็กลับกลายเป็นว่า วีเอามะม่วงเปรี้ยวสไลค์แช่น้ำปลาน้ำผึ้งมาเยี่ยมผมแทน ยอมรับเลยว่ารสชาติเปรี้ยวๆเค็มๆหวานๆมันทำให้อารมณ์หงุดหงิดจากความไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวมันดีขึ้นจริงๆ แต่กินได้นิดหน่อยก็ต้องเก็บเข้าตู้เย็น พอไม่สบายแล้วผมจะอารมณ์ไม่ดีแล้วก็เอาแต่ใจครับ (บางคนบอกว่า หงุดหงิดแถมยังงี่เง่าอีก) แต่ก็บอกน้องไปไม่ให้เสียใจว่า

'เก็บไว้กินค่อยๆกินดีกว่า ของอร่อย กลัวหมด'

ได้รอยยิ้มกลับมาเป็นของตอบแทน น้องเบือนหน้าใสแก้มแดงหนี อ้อมแอ้มว่าจะทำมาให้บ่อยๆละกัน คนป่วยยิ้มส่งให้คนใจดีแต่ขี้เขินจนหูแดงครับ

"อากาศร้อนคราวนี้คนไม่สบายกันเยอะก็จริง แต่วีก็ไม่คิดว่าพี่โตจะไม่สบายนะนี่ อ๊ะ!ไม่ได้ว่าพี่ถึกนะ แค่เห็นว่าปกติออกจะแข็งแรง" เสียงคุยหงุงหงิงจากคนที่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ผมอยู่ด้านหลัง เห็นวีบอกว่าเช็ดตัวมันจะช่วยลดความร้อนแล้วจะหายเร็วขึ้น ผมก็ตามใจยกแขนบิดตัวอำนวยความสะดวกให้พยาบาลจำเป็นไปเรื่อย

ความเปลี่ยนแปลงใช่ว่าจะเกิดกับผมคนเดียว วีก็เช่นกัน จากคนที่ขี้อายตลอดเวลา เมื่อคุ้นเคยกันก็ช่างพูดมากขึ้น เว้นเสียแต่เวลาที่ผมมองน้องมากๆ น้องจะเขินจนหน้าแดงหูแดง หนักๆเข้าก็จะแดงทั้งตัวเป็นกุ้งต้ม พอรู้จุดผมก็พยายามไม่จ้องน้องให้มากจนเกินไป เว้นแต่เวลาอยากแกล้งนะครับ อันหลังนี้ผมจ้อง....จ้องจนจะทะลุตัวน้องเลย แต่น้องคงไม่อยากให้มองทะลุมั้งเลยทำตัวแดงกั้นสายตาผมให้อยู่ที่น้องนานๆแทน ผมมันขี้แกล้งครับ...จริงหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน น้องไม่เคยว่าผมขี้แกล้งซะด้วย เห็นวิ่งไปหาที่ซ่อนตลอด

คิดแล้วก็อมยิ้มขำจนพยาบาลคนน่ารักเช็ดตัวเสร็จ ยกอ่างน้ำไปเก็บเสร็จ เดินมามองหน้า จับหน้าผากวัดไข้ แล้วถามว่าอมยิ้มอะไร

"ก็คิดว่า เช็ดตัวแล้วมันสบายดีจัง แล้วก็..." เว้นระยะทิ้งให้สงสัย มองคนรอฟังตรงหน้า นับเวลาถอยหลังในใจ "คิดว่าแฟนพี่น่ารักจัง ดูแลกันขนาดนี้ เป็นภรรยาที่ดีได้แน่ๆ"
4

3

2

1

สองแขนเรียวคว้าหัวผมกอดเข้ากับอกดัง หมับ! ผิดคาด นึกว่าจะเป็นเหมือนในการ์ตูน หน้าแดงระเบิดบึ้ม ซะอีก อมยิ้มสูดกลิ่นเสื้อหอมน้ำยาปรับผ้านุ่มตรงหน้า

ความรักมันท่วมท้นอกในอก ไม่ได้ทำให้อึดอัดกลัดกลุ้มเหมือนตอนที่อยู่คนเดียว

คงเพราะมันไหลซึมส่งผ่านไปถึงตัวคนตรงหน้าได้...หรือจะด้วยเหตุผลอื่นใด

ตอนนี้ผมรู้แค่ว่า




'ผมรักน้องจัง'




รักแบบที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงผมอยากเรียกว่า การปรับตัวเข้าหากัน





องค์ประกอบต่างๆที่ทำให้รักของเราก้าวหน้าและมีพัฒนาการ






โดยเฉพาะคนที่กอดผมอยู่ เริ่มพัฒนาจากการวิ่งหนีหลบหน้า เป็นการซ่อนหน้าแดงๆโดยไม่ต้องเสียแรงแล้ว!









แต่ผมอยากบอกว่่า วิธีนี้พี่ได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตักชัดเจนเลยครับ น้องวี!!!








จบ


อีกตอนค่ะ


บางทีผมก็นึกอิจฉาพวกคนที่เขามีความสนใจในเรื่องเหมือนๆกันนะครับ

ช่วงนี้มีวันหยุดยาว พี่โตที่เข้าไปเรียนต่อนิติจุฬาในกรุงเทพเลยกลับบ้านมาเจอผม เจอเพื่อนๆกลุ่มนิยมความแรง(ของรถ)แต่มารยาทดี(หม่งั้นโดนเฉดหัวออกจากกลุ่ม)ได้บ้าง ซึ่งในช่วงเวลาหลังตลาดวาย ต่อช่วงก่อนตลาดไนท์บาซ่าจะเริ่ม กลุ่มขาซิ่งกลุ่มนี้ก็จับกลุ่มคุยกับสำรวจรถกันอย่างแถวข้างตลาด (ย้ายมาจากท้ายตลาดเพราะพ่อผมเอง ท่านว่าจะจับกลุ่มก็อย่าให้ลับหูลับตา คนเค้าจะสงสัยว่าทำอะไรไม่ดีกัน พร้อมกับอำนวยความสะดวกเรื่องแสงไฟให้)

อย่างตอนนี้ พี่โต~ของผม(>\\\\\<)กำลังก้มๆเงยๆดูท้องรถเปลือยๆอยู่ เกราะที่มีโลโก้CBR1000วางอยู่ใกล้ๆ โดยมีตรีกำลังปูนั่งสือพิมพ์รองพื้นแลัวนั่งใกล้ พวกที่คุยภาษาเดียวกันนี่น่าอิจฉาจังน๊า ผมเคยไปนั่งใกล้ๆฟังพวกนี้คุยกัน. ไอ้น็อต ประแจ ไขควงก็พอรู้อยู่นะ แต่ตัวกรอง จานโซ่ แกนเพลา....มันคืออะไนเนี่ย. จะไปช่วยหยิบจับก็ไม่รู้ว่าที่เค้าต้องการมันอะไร ดังนั้นผมก็เลยมายืนห่างๆดูอย่างนี้แหละ แกล้งเก็บของช้าๆให้พี่เค้ามีเวลากับเพื่อนบ้าง (ดูใจดี แต่ที่จริงแค่ไม่อย่างรู้สึกเป็นคนนอกเฉยๆ)

อาศัยแสงไฟนีออนส่องดูอะไรสักอย่าง หน้าคมก้มลงดู. ปากพูดอะไรสักอย่างแล้วคนข้างๆก็ส่งอุปกรณ์ให้ ตรีก้มลงไปหา ตาดื้อๆจ้องเขม็งพูดอะไรก็ไม่รู้ พี่โตเงยหน้ามาสวนกลับ....

อาจจะเป็นมุมกล้องก็ได้นะ แต่จากที่ผมมองอยู่ตรงนี้ หน้าทั้งสองใกล้จนแทบจะชนกัน คนหนึ่งหน้าคม อีกคนตาดื้อ คิ้วรั้นสุดฤทธิ์ หล่อสมกันขนาดนี้.....ผมคิดมากนะครับ p(>////<)q

"ดูสนิทกันดีนะ" ใครบางคนเอ่ยแทรกความคิดฟุ้งซ่านจนผมปัดไล่ความรู้สึกประหลาดๆแทบไม่ทัน หันหน้าตาแสดงอารมณ์หลายๆอย่างของตัวเองไปก็เจออีกฝ่ายยิ้มให้

"พี่(น้า)ปิง" เจ้าของร้านผัดไทเส้นเหนียวนุ่มนี่เอง

พี่เค้าชวนหันไปมองกลุ่มนักบิดทั้งหลาย "พวกชอบรถเหมือนกันนี่สนิทกันดีจังเลยนะ"

"นั่นสิครับ ก็ความชอบ ความสนใจเหมือนกัน เลยคุยกันรู้เรื่องซะทุกอย่างเลย"

"มันเป็นเรื่องวัยด้วยแหละนะ" พอได้ยิ่งอีกฝ่ายพูดอย่างนี้ ผมเลยหันไปทันมองเห็นแววตากังวลที่แว่นหนาซ่อนไม่อยู่

"พี่ปิง ตรีเค้าชอบพี่จริงๆ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ" ปลอบใจตัวเองไปด้วยเหมือนกัน พี่ปิงหันมามองผมแล้วนิ่งคิด จู่ๆหน้าเนียนไม่เข้ากับอายุก็แดงเห่อขึ้นมา คิ้วขมวด ตาเบิกกว้าง ปากเม้นแน่น ท่าทางตอนเขินน่ารักจนผมที่เพิ่งนึกได้ว่าพูดอะไรตรงเกินไปหน้าแดงแล้วร้อนลามไปถึงหู พี่ปิงกำลังจะพูดแก้ตัวอะไรสักอย่างแต่ถูกใครสักคนคว้าตัวไปกอดซะก่อน

"เดี๋ยวเถอะๆ มาทำแฟนคนอื่นหน้าแดงอะไรกันแถวนี้ ปิงก็ด้วย" ตรีที่คว้าพี่ปิงไปกอดแนบอก นิ่วหน้าส่งตาวาวๆมาให้ พอดีกับที่พี่โตเรียกผม เลยอาศัยโอกาสขอโทษแล้ววิ่งไปหาพี่โต แต่ก็ทันได้ยันตรีพูดกับพี่ปิง "ปิงไปทำหน้าอย่างนั้นให้คนอื่นเห็นทำไม ผมหวงนะ"

ได้ยินแล้วหน้าผมผมพาลจะร้อนหน้ามากกว่าเดิมอีก (0////0)

"วีมาช่วยพี่หยิบของหน่อย" มาถึงพี่โตก็ให้ผมช่วยทันที

"วีช่วยได้เหรอ เอาอะไรล่ะพี่"

"วีหยิบกระดาษตรงนั้นมาเช็ดน้ำมันตรงนี้ให้หน่อย" คว้ากระดาษ เช็ดๆ แต่พี่โตอาศัยจังหวะที่ผมก้มตัวลงไปเข้ากระซิบข้างๆหู "ไปทำหน้าตาน่ารักอย่างนั้นกับพี่ปิง เดี๋ยวพี่เค้าก็มาหลงหรอก"

ผมหันไปมองคนพูดข้างหูก็อาศัยจังหวะนั้น จุ๊บเบาๆที่ปาก "วีของพี่ พี่ห่วง"

(0{}0)

( -____<) ตาคมๆขยิบให้ "พอดีมือพี่เปื้อนน้ำมันเครื่อง เลยต้องให้วีก้มลงมาหาน่ะ"

ถึงผมจะขี้อายแดงได้ถึงหู แต่เชื่อเถอะว่า นักบิดนิติจุฬาเนี่ย ทำผมแดงได้ทั้งตัว (@//////@)



จบ







Fan  Fic   Burn    BY   คุณ jiki



   "ผมไปละนะแม่" เปิดประตูบ้านปะทะไอเย็นจากฝนที่ตกไปเมื่ิอตอนหัวค่ำขณะที่กินข้าวเย็นกันเมื่อครู่ เสียงแม่ตะโกนว่าอย่าไปทำอะไรรบกวนเขาล่ะแว่วมาเหมืิอนเคย กระชับสายเป้ขนาดย่อมบนบ่า ใจอยากไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วแต่ก็ต้องค่อยๆก้าวไปอย่างระวัง ฝนหยุดตกแล้วแต่ทางเดินบางจุดก็ค่อยข้างลื่น มองไปทางจุดหมายที่อยู่ไม่ไกล...ก็แค่ข้างบ้านนี่เอง จะอะไรกันนักกันหนา แต่ก็นะ ช่วงนี้ฝนตกบ่อยเหลือเกิน จะให้ปีนหลังคาไปหาบ่อย คงจะได้ตกลงมาคอหักตายสักวัน ช่วงนี้เลยเปลี่ยนเป็นเดินกางร่มไปหาแฟนแทน
   

   ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปนับจากวันนั้น เด็กสองคนกลับมาดีกันเหมือนเดิมท่ามกลางความงุนงงของผู้ใหญ่ แต่ก็ดีใจที่มันกลับมาสนิทกันสักที เพียงแต่ผู้ใหญ่ทั้งหลายไม่ได้รู้เลยว่า ไอ้สองคนนี้มัน'สนิท'กันมากกว่าเดิมเสียอีก อย่างวันนี้ก็ขอแม่มา'นอนเป็นเพื่อน'ไอ้โอมมันเพราะที่พ่อแม่มันไปทำธุระที่ต่างจังหวัดสักสองวัน


   ผมเข้าบ้านไปด้วยความคุ้นชิน สวัสดีพ่อแม่'แฟน'ขอบคุณคำถามไถ่ว่า กินข้าวมารึยัง ทานที่นี่ไหม แต่ก็นะ ผมก็พอรู้กาลเทศะบ้าง เลยซัดมาจากบ้านเรียบร้อยแล้ว คุยกับพ่อแม่ได้ไม่กี่ประโยค ตัวลูกก็โผล่มา ผมยืนฟังพ่อแม่บ้านนี้สั่งกำชับคนเฝ้าบ้านให้ดูแลนู่น นี่ นั่น ไปตามเรื่อง สักพักผู้ใหญ่ทั้งหลายก็ออกเดินทาง ส่วนเด็กๆก็ปิดบ้าน...นอน
.
.
.
.
.
.
.
.
   คุณคิดอย่างงั้น? ไม่มีใครคิดใช่ไหม คุณคิดถูกแล้ว พวกผมปิดบ้านเรียบร้อยก็จูงมือกันไปเล่นคอมบนห้อง
.
.
.
   ไม่ใช่อีกนั่นแหละ พอขึ้นไปที่ห้องโอม โอมก็แยกไปอาบน้ำ ส่วนผมก็เทสัมภาระที่ขนมาออกจากเป้ นั่งใช้ความคิดอยู่สักพักเก็บของที่ไม่น่าจะได้ใช้เข้าที่เดิม จัดวางของใช้ให้เข้าที่ อะไรไม่ใช้ก็เก็บซะ รอครู่เดียวโอมก็ออกมา นัยย์ตาสีดำมองหาชุดนอนที่จำได้ว่าวางไว้ปลายเตียง บัดนี้มันอันตรธานหายไปเหลืิอแต่วัตถุแปลกประหลาด ปลายนิ้วเกี่ยวเส้นสายสีดำขึ้นมาพิจารณา

   "'ไรเนี่ย"

   " กางเกงใน"

   ดวงตาดำสวยเหล่มอง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันนิดนึง

   "ของใคร" คำตอบที่ตามมาทำให้เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิม

   "ของมึง ใส่ซะ"

   โอมนิ่งไปนานมาก สองตาพิจารณามองของในมือ ริมฝีปากสีส้มเม้มแล้วคลาย เม้มแล้วคลาย จนเมื่อผมคิดว่า สงสัยโปรแกรมวันนี้คงไม่สำเร็จ โอมกลับก้มลงใส่ แล้วปลดผ้าเช็ดตัวออกไปยืนเช็ดผมต่อ...ที่หน้ากระจก สองมือขยี้เช็ดผมแต่สองตาของมันจ้องมองผมผ่านกระจก แต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะจ้องตาสีดำที่มักจุดไฟบางอย่างในตัวผม...อย่างน้อยก็ตอนนี้ แผ่นหลังผอมๆที่กล้ามเนื้อออกชัดเรื่อยไปถึงเอวบาง สะโพกถูกเส้นอิลาสติกสีดำรัดรั้งจนเห็นก้นกลมๆเปิดโล่งอย่างชัดเจน!!! นี่สินะ หลายๆคนถึงชอบมัน จีสตริง

   "มึงไปสรรหามาจากไหนเนี่ย ไอ้กางเกงในเส้นด้ายอย่างเนี้ย" ใจผมไม่อยู่กับตัว ผมไม่ได้ฟังครับ กว่าผมจะสนใจ มันก็เรียกผมหลายครั้ง จนทนไม่ไหว เดินมาสะกิดถึงตัวแทน ขอบคุณที่หมุนมาให้ดูข้างหน้าด้วยนะมึง

   "สั่งทางเน็ต มึงคิดว่ากูกล้าเดินไปซื้อที่ร้านรึไง" ผมก็บ่นพึมพัมไปตามเรื่อง

   แต่ก่อนที่ความตั้งใจเดิมจะถูกลืมไปหมด ผมกวักมือเรียกโอมที่กำลังก้มหาชุดนอนในตู้เสื้อผ้า พอมันไม่มาก็จัดการลากมันมากดกับเตียง สองมือถูกตรึงไว้เหนือหัว

   "มึงคงไม่คิดว่า กูลงทุนซื้อจีสตริงมาเพื่อให้มึงใส่นอนเฉยๆใช่ป่ะ" ผมถามไป ตาสีดำก็ส่งประกายแวววาวมาให้ ริมฝีปากสีส้มยกยิ้มยียวนตอบกลับ

   "อ้าว กูนึกว่าใช่"

   "เดี๋ยวก็รู้"

   กริ๊ก!!!

   โอมกระตุกแขนมาดูว่าเสียงอะไร แต่ข้อมือกลับถูกรั้งจากวัตถุบางอย่าง พอขยับเสียงเสียดสีโลหะก็ดังขึ้นอีก

   "อะไรเนี่ย!!!"

   ผมยิ้มตอบไปทั้งปากและตา

   "กุญแจมือ มีขนฟูหุ้มกันเจ็บด้วยล่ะ"

  โอมทำหน้าเหมือนจะกลั้นใจตาย

...

   ริมฝีปากเราบดเบียดเข้าหากัน ลิ้นเกี่ยวกวัดผลัดกันกดรัดล่อลวงอีกฝ่ายเข้าหาแล้วดูดดุน ผมผละออก จูบไล้ไซ้เลียไล่จากคอ ลงมาขบเบาเม็ดสีชมพูที่แข็งเป็นไตทั้งสองข้าง ใช้ฟันกัดเบาแล้วดึง เรียกเสียงอึกอักที่โอมไม่ยอมให้ผมฟังแต่โดยดี วันนี้โอมดื้อเป็นพิเศษคงต้องแกล้งกันอีกหน่อย ปลายลิ้นไล้เลียส่วนนั้นอีกสองสามครั้งก็เลื่อนลงต่อ แวะทำร่องรอยเผื่ิอหาทางกลับตลอดทางผ่าน พอถึงส่วนสำคัญก็เกี่ยวรั้งเศษผ้ายืดสีดำลง...พอให้หน่ออ่อนเจ้าอารมณ์โผล่หัวออกมาได้หายใจเท่านั้น แลบลิ้นไปทักทายส่วนที่มีสีสันซึ่งตอนนี้เริ่มมีหยดน้ำไหลซึม ปลายเท้าโอมถูกไถผ้าปูเตียงไปมา ขยี้ระบายอารมณ์อย่างหนัก เรียวขาวาดเข้ามาเสียดสีกับแขนผม

   แต่พอลงลิ้นไปได้สามสี่ครั้ง ไอ้โอมมันถีบไหลผมออก!!!

   "หยุดเลยมึง!!!" โอมมองหน้าผมน้ำตาคลอ เจ้าตัวพลิกตัวคว่ำสำรวจสิ่งที่พันธนาการตัวเองไว้ แต่ขอเถอะ ไอ้การยันตัวเหมือนจะคลานสี่ขาโดยที่แขนตัวเองยังประคองตัวไม่ถนัด มันยิ่งเน้นให้ก้นลอยสูง เส้นสายสีดำของชั้นในตัวจิ๋วมันไม่ได้ปิดอะไรเลย กลับยิ่งเน้นให้มองรอยแบ่งระหว่างก้อนเนื้อกลมๆและช่องทางสีสด โดยที่ผมยังนั่งอยู่ตรงปลายเท้าโอมตรงนี้!

   ให้ตายเหอะ ขอผมถ่ายรูปเก็บไว้ก่อนได้ไหมเนี่ย!!!

  "เต็ม ปล่อยกูก่อน"

   ผมมองมันตาละห้อย

  "โอมไม่ชอบขนาดนี้เลยเหรอ"

   มันกัดปากแล้วย้ำกับผมคำเดิม

   "ปล่อยก่อน"

   ผมได้แต่จำใจ เมื่อโอมไม่ยอมเล่นด้วย ผมจะทำอะไรได้ คว้ากุญแจมาไขมือซ้ายมันออกก่อน เห็นมันลูบข้อมือแดงเถือกป้อยๆก็นึกรู้ มันคงจะเจ็บ คว้าข้อมือมันมาจูบขอโทษ เลียตามรอยถลอกเล็กๆฆ่าเชื้อให้ แต่พอจะไขกุญแจมือข้างขวาออก โอมกลับใส่กุญแจมือข้างซ้ายกลับเข้าไปเหมือนเดิม ก่อนที่ผมจะตามความคิดโอมได้ทัน มันก็ตวัดแขนรั้งผมเข้าไปจูบแลกลิ้น ตามลงมาลามเลียสายน้ำเรื่อยลงไปตามต้นคอถึงแผ่นอก ถอยออกมามองหน้าจ้องตา เปลี่ยนตำแหน่งแขนกลับมาลูบกล้ามเนื้อช่วงท้องผมลากลงไปตามท้องน้อย แล้วต่ำลงไปอีก ตาสีดำจ้องผมฉายแววบางอย่าง

   " ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบ แต่มันกอดเต็มไม่ได้ ... ทำแบบนี้ไม่ได้" ปลายเล็บจิกลากกรีดหน้าท้องผมลึกพอเลือดซึม เรียวนิ้วลูบไล้ปลุกปั่นเด็กน้อยที่ตื่นแต่ยังงัวเงียสักพักให้ยืนตรง

   "แล้วก็ทำอย่างนี้ไม่ได้ด้วย" โอมขบริมฝีปากผมพอเจ็บ สองมือประคองเด็กน้อยพาส่งเข้าถ้ำ อุปสรรคขวางกั้นเส้นบางถูกเรียวนิ้วของโอมเกี่ยวรั้งพอให้หลีกทาง ความร้อน แรงตอดรัด เข้าโอบล้อม ความแนบแน่นเหมือนกับสองแขนของโอมที่กอดผมไว้ วันนี้ผมไม่ได้เป็นฝ่ายถูกล่ามด้วยโซ่ใดๆ แต่กลับเป็นฝ่ายถูกชักพาโดยโอมที่ผมใส่กุญแจมือด้วยตัวเอง
.
.
.
.
.
.
  ผมว่าบางทีความเย็นของโซ่ เสียงแกรกกรากของโลหะ แล้วก็ แรงตอดรัดที่มีสายอิลลาสติกเสียดสีไปมา...มันก็รู้สึกดีนะครับ



จบ



ขอบคุณ  jiki  ที่เขียนให้ค่ะ  เขียนดีภาษาเยี่ยม  จิสนับสนุนให้เขียนนิยายมาลงเล้าบ้าง  จะเป็นแฟนคลับคนแรกค่ะ ^^ 
กอดๆหอมๆบวกๆ
 :กอด1: :กอด1: :pig4:
ปล.จริง ๆ คู่น้องวีพี่โต  กับเต็มโอม  จิเคยเขียนตอนพิเศษตามเทศกาลลงในเล้าด้วยค่ะ  ทั้งลอยกระทง ทั้งวาเลนไทน์  แต่ไฟล์เวิร์ดจิหายด้วยความประมาท  เสียใจมากที่ไม่สามารถหามาให้อ่านเพิ่มได้ค่ะ TT
และท้ายนี้..จิยังต้องการไฟล์นิยายตั้งแต่ตอนที่  26 - 29  นะคะ  ผู้ใดมีรบกวนส่งให้จิบ้างค่ะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
อยากจะจับน้องวีมาฟัดแก้มซ้ายแก้มขวาม๊ากกก... โอ้ยย~ หนูจะน่ารักเกินไปแล้ววว มีการมโนพี่โตกับตรีคู่กันอีก ฮะๆ :o8: อื้อ~ คู่ไหนๆ ก็โดนหมดเลยค่าา...

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
น้องวีเขินได้น่าอิจฉาพี่โตมากๆๆๆๆๆ  :mew1: 

เต็มโอมนี่คู่แท้เนาะ :hao6:

 :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ชอบความรู้สึกที่พี่โตมีให้น้องวีมากเลย ทั้งรักทั้งทะนุถนอม
แบบน้องบริสุทธิ์จนไม่อยากทำให้มีมลทิน  รอได้จนกว่าน้องจะพร้อม
มีแฟนเด็กน้อย แถมขี้อายขนาดหนัก ก็ต้องใจเย็น ๆ อย่างนี้แหละนะพี่โต
น้องวี ก็ค่อย ๆ เติบโต ค่อย ๆ เรียนรู้มากแล้ว รออีกไม่นาน จะได้มีความสุขร่วมกันน้า
มีพี่ปิงกับพี่ตรีมาแจมด้วย คู่นี้ก็น่ารักมาก แอบฮาตอนน้องวีจิ้นแฟนตัวเองกับพี่ตรี
แหม่ คิดไปได้ ถ้าพี่โตรู้น้องวีได้เจอฟัดจนแก้มช้ำแน่ 555
ส่วนคู่รัก SM ของเรา เต็มโอม  :impress2: ยิ่งเป็นแฟนกัน ยิ่งร้อนแรงขึ้นไปอีก
โอมจัดเต็มมากเลย เต็มแรงมาเท่าไหร่ โอมแรงกลับไปยิ่งกว่าอีก เคะราชินีจริง ๆ
แต่จะรักใสบริสุทธิ์ของพี่โตน้องวี หรือ รักเร่าร้อนรุนแรงของ พี่เต็มน้องโอม
ไม่จะเป็นแบบไหน ขอแค่ได้เป็นสิ่งที่ได้ทำกับคนที่รัก แค่นี้ก็มีความสุขแล้วเนอะ

เสียดายที่อดอ่านตอนพิเศษเลย แต่ไม่เป็นไรค่ะ ยังมีอีกตั้งหลายคู่รอให้อ่านนิ
ขอบคุณคุณจิ ขอบคุณคุณ  jiki  สำหรับฟิคด้วยค่า เก่งจังเลย  :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ไม่อยากจะบอกว่าชอบเฮียปิงม๊ากมาก  :mew3:
เฮียน่ารักได้ทุกท่วงท่าจริงๆ

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
พี่โตนั่ลล้ากกกกกก

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
Intimacy   Seekers


ความเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศส่งทั่วถึงทุกบริเวณร้านสะดวกซื้อ  ข้าวของเรียงรายเป็นระเบียบสมกับเป็น 7-11 สาขาใหญ่หน้าตลาดสด  ทุกล็อคในร้านมีผู้คนยืนหาของใช้จนแน่น  เบือนหน้าเมินสายตาที่ส่งมาว่ารู้สึกอะไรกับพนักงานหน้าใส  ผิวขาว  ปากแดงอย่างผม  มองสินค้าหลายอย่างที่วางตรงหน้าแล้วหยิบมาแสกนตรงบาร์โค้ด  มือข้างหนึ่งวางของลงในถุง  อีกข้างกดเครื่องคิดเงินแล้วบอกจำนวนเงิน  เงยหน้าสบตา  ยิ้มให้ลูกค้าและส่งใบเสร็จทุกครั้งตามมารยาทของพนักงานที่ดี   เสียงติ้งต่องหน้าร้านดังขึ้นพร้อมเสียงทุ้มจากริมฝีปากสีแดงของพนักงานขายที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ

“เซเว่นสวัสดีครับ”  พนักงานที่เข้าเครื่องแรกจะต้องเป็นคนที่เอ่ยทักทายลูกค้าทุกครั้งครับ  เครื่องสองจะทักหรือไม่เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญมากนัก  เพราะเครื่องแรกเป็นเครื่องที่อยู่ใกล้ประตูมากที่สุด   หยิบถุงขนมมาแสกนแล้วหันหลังหยิบบุหรี่มาเข้าเครื่องคิดเงินพร้อมกัน  เงยหน้าบอกราคาของแล้วก็..อึ้ง

เด็กผู้ชายน่าจะรุ่นน้องผมซื้อบุหรี่ที่มีกฎหมายห้ามขายให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า  20  ปี  ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ แล้วเอ่ยปากถามเด็กคนนั้นว่าอายุเท่าไหร่?   ดวงตาหม่นคู่นั้นฉายแววหวาดกลัวก่อนจะบอกผมว่าบุหรี่ไม่เอาแล้ว  ซื้อแต่ขนมอย่างเดียว  จ้องหน้าเด็กคนนั้นนิ่งแล้วคิดค่าขนม  ส่งใบเสร็จให้ก็ไม่รับรีบวิ่งออกจากร้านไปทันที  ชะโงกหน้ามองตามแผ่นหลังนั้นก็เห็นว่าอยู่ในกลุ่มเด็กมีปัญหา  ชอบจับกลุ่มแล้วเหมือนพวกอยู่ตามสะพานลอยคอยจี้หรือวิ่งราวกระเป๋า  ตำรวจก็ขี้เกียจออกมาวิ่งไล่จับ  ชาวบ้านร้องทีก็ค่อยออกมาที  พ่นลมหายใจทิ้งเสียดายเวลาแทนคนพวกนั้น  แทนที่จะเอาเวลาว่างตอนปิดเทอมมาทำอะไรที่เป็นประโยชน์  เด็กพวกนั้นกลับเดินเข้าหาเรื่องที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน

“แฮปปี้  200  ครับ”  กะพริบตาปริบแล้วหันกลับมาสนใจเสียงลูกค้าที่สั่งบัตรเติมเงิน  ดึงลิ้นชักที่อยู่ข้างใต้เคาน์เตอร์ออกมาแล้วหยิบบัตรมาแสกน  ยื่นมือรับเงินสดแล้วกดที่เครื่อง  หันมองสลิปใบเสร็จที่ปริ้นท์ออกมาแล้วหยิบมาส่งให้พร้อมบัตรเติมเงิน   นิ่งมองเจ้าของมือเรียวที่ยื่นมารับบัตรเติมเงินกับใบเสร็จในมือผม  ดวงตาคู่สวยไม่ได้มองผมเพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์  รอยยิ้มสดใสส่งให้ประตูร้านที่กำลังเปิดออก  ยืนตัวแข็งมองตามลูกค้าหน้าหวานที่เดินไปตามถนนทางเข้าตลาด  หัวใจเต้นตึกตักไม่เคยเป็นมาก่อน  หน้าใส  คิ้วเรียวได้รูป  จมูกโด่งกับริมฝีปากสีชมพูอ่อนติดตา..ฝังใจ

กะพริบตาถี่แล้วเซถอยหลังมาพิงเคาน์เตอร์ที่มีแต่เหล้าและบุหรี่ตั้งเป็นแผง  ปรับลมหายใจให้เป็นปกติแล้วรีบขยับเท้ากลับมายืนที่เดิม  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหยิบของที่วางตรงหน้ามาคิดเงิน  พยายามหยุดคิดถึงลูกค้าหน้าหวานเพราะไม่อยากคิดเงินพลาด  พอใจจดจ่อกับงาน  หน้าหวานก็ค่อย ๆ จางหายจากในหัว  ใกล้หมดกะบ่ายก็รีบเคลียร์เครื่อง  เช็คบัตรเติมเงินให้ตรงกับยอดที่รับมาจากกะที่แล้ว  รอผู้จัดการมาเช็คอีกครั้งก็ออกกะ

เดินเข้าหลังร้านแล้วถอดเสื้อแขวนไว้ชั้นบน  ดึงลิ้นชักโต๊ะไม้แล้วหยิบมือถือตัวเองออกมา  เวลาทำงานทางร้านจะไม่ให้พกมือถือครับ  เดินลงมาแล้วเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์ลงเวลากลับบ้าน  ลาเพื่อนที่ทำงานเสร็จก็เดินออกจาก   7-11  ปกติจะควบมอ’ไซค์กลับบ้านเลย   แต่ลูกค้าหน้าหวานที่ใช้แฮปปี้มันติดตาเกินกว่าจะกลับบ้านไปเฉย ๆ ได้   เม้มปากตัดสินใจแล้วเบือนหน้าไปมองความแออัดของรถราและผู้คนที่เข้าไปซื้อของสดในตลาด  เสยผมลวก ๆ แล้วก้าวเท้าเดินตรงไปในตลาด  สอดส่ายสายตามองหาเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลเข้ม  ผมหนาซอยสไลด์เป็นทรง  หน้าขาวใส  ตัวไม่สูงมาก   ติดจะดูบอบบาง  และมีรอยยิ้มที่สวยที่สุดที่เคยเห็นมา  หลบรอยยิ้มหวานของแม่ค้าขายน้ำปั่นที่ส่งมาให้แล้วมองหาลูกค้าแฮปปี้ต่อไป  เดินเข้าทุกซอยอย่างคนใจเย็น  วันนี้ไม่เจอก็ไม่เป็นไร  อย่างน้อยผมก็เดินตามหาเขาแล้ว

“อ้าว..หาอะไรกินเหรอ?”  ยิ้มเก้อ ๆ ให้เพื่อนกะเดียวกันแล้วพยักหน้าตามน้ำ  ขอตัวรีบไปก่อนที่มันจะถามหาของที่ผมจะเอาไปกิน  ออกมาจาก 7-11  ตั้งนานแต่กลับไม่ได้อะไรติดมือมาเลย  หันหลังเดินผละมาคนละทางกับเพื่อน  เร่งฝีเท้าเดินออกจากซอยเพื่อจะเข้าซอยถัดไปให้เร็วที่สุด  มองแสงข้างนอกตลาดที่มืดแล้วใจก็เริ่มหาย  ก้มหน้าก้มตาเดินไปตามทาง  ใจฝ่อห่อเหี่ยว  สงสัยว่าผมคงจะไม่ได้เจอแล้วล่ะ..คนหน้าหวานแฮปปี้  200  คนนั้น..

“ให้เอาไปส่งที่ไหนครับ?  ได้ครับน้าติ๋ม  ชีทถือไหวครับ  ครับ  สวัสดีครับ”  ชะลอฝีเท้ามองไล่ตามเท้าที่เดินสวนและเสียงที่เหมือนเคยได้ยินที่ไหนซักแห่ง  เหลียวหลังมองแล้วอ้าปากค้าง   กะพริบตาถี่ก่อนจะหมุนตัวเดินตามแผ่นหลังที่เดินตามหาตั้งแต่เมื่อเย็น  ปรับหัวใจให้เต้นเป็นจังหวะปกติแล้วพยายามลดระยะห่างไม่ให้รู้ตัว  ฝีเท้าคนหน้าหวานยิ้มสวยหยุดที่หน้าร้านขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง   มองตรงไปท้ายซอยก่อนจะเดินจังหวะธรรมดา  ตีหน้าเฉยมองไปทางโน้นทางนี้เดินผ่านแผ่นหลังที่กำลังหิ้วกระติกใหญ่เดินออกมาจากร้านคนเดียว  หยุดยืนที่หน้าร้านขายไก่ย่างแล้วรวบไก่มากำใหญ่ให้น้องหมาที่บ้าน  ยืนตัวตรงเพราะหางตาเหลือบเห็นว่าคนยิ้มสวยกำลังหิ้วกระติกมาใกล้แล้ว

ก้มหน้าลงแล้วส่งความรู้สึกทั้งหมดไปรวมที่แผ่นหลังของตัวเอง  ความร้อนจากร่างกายและลมอุ่นที่มาพร้อมกับคนถือกระติกพัดผ่านแผ่วเบา  หัวใจผมมันพองคับอก  ร่างกายมันเบาโหวงไปชั่วขณะ  ยิ้มน้อย ๆ กับความเพ้อของตัวเองแล้วรีบควักเงินจ่ายค่าไก่ย่าง  รวบถุงไก่ถุงใหญ่มาถือไว้แน่น  ดวงตาจับจ้องแผ่นหลังเล็กที่เดินไปทางหน้าตลาดที่เปลี่ยนจากที่จอดรถเป็นไนท์บาร์ซา  ล้วงมือถือออกมากดชัตเตอร์เก็บภาพแผ่นหลังเล็กไว้ในเมม   เดินเข้าใกล้ขึ้นอีกนิดแล้วเก็บภาพท้ายทอยในระยะใกล้  เม้มปากกลั้นยิ้มกับรูปที่กำลังเมมเข้ามือถือ  ข้างหลังยังดูรู้เลยว่าน่ารัก 

ข่มความไม่พอใจที่เห็นสายตาผู้คนที่เดินผ่านคนถือกระติกแล้วทำตาหวานส่งให้  เผลอเดินเร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้เพราะอารมณ์ที่หวงแล้วก็รีบลดความเร็วให้ลงมาอยู่ในระยะห่างเท่าเดิม  รอจนกระติกใบนั้นส่งถึงร้านส้มตำ  ระหว่างนั้นก็หยิบมือถือมาทำเหมือนโทรไปไหนซักที่แล้วคอยเก็บภาพอย่างเนียน ๆ ตลอดเวลา  ไม่สนใจสายตาอยากรู้จักของสาว ๆ ที่พยายามเดินผ่านผมหลายครั้ง   และยังคงรออย่างใจเย็นต่อไปจนมือเรียวข้างหนึ่งหิ้วถุงส้มตำออกมาจากร้าน

เดินตามต่อไปจนเจ้าของยิ้มสวยหยิบโทรศัพท์ออกมาคุยแล้วขึ้นรถยนต์ที่ขับมารับ  ยืนมองจนรถหายลับแล้วกลับมาหน้า  7-11  ควบมอ’ไซค์กลับบ้านด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุข  ผมไม่ใช่พวกสตอล์กเกอร์หรือพวกโรคจิตที่คอยตามเด็กที่ชอบ  ผมไม่ใช่  แล้วก็ไม่มีทางเป็นไปได้ด้วย  ผมจัดอยู่ในประเภทพวกที่ถูกตามต่างหาก  บ่อยครั้งมากที่หน้าบ้านผมมีเงาตะคุ่มซุ่มอยู่ทั้งคืน  เดินไปไหนก็รู้สึกมีเงาใครสักคนคอยเดินตามตลอดเวลา  มีโทรศัพท์แปลก ๆ  ที่รับแล้วได้ยินแต่ความเงียบหรือไม่ก็ได้ยินเสียงลมหายใจหอบกระเส่า  แต่มันก็ไม่ได้รบกวนชีวิตประจำวันผม  เพราะผมมักจะให้ตำรวจคอยจัดการให้อยู่เสมอ 

สะดุ้งสุดตัวแล้วยืนตัวแข็งพร้อมม่านตาขยายขึ้น  เมื่อนึกถึงสิ่งที่ผมทำเมื่อเย็นกับคนยิ้มสวย.. 

ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนพวกนั้นขึ้นมาตงิด ๆ แล้วล่ะ

ก้มหน้าสำนึกผิดแล้วเดินคอตกขึ้นไปอาบน้ำ  เดินลงมากินข้าวกับครอบครัวที่รอทานข้าวพร้อมกัน  กินได้นิดเดียวก็อิ่ม  ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิดที่ทำตัวเหมือนสตอล์กเกอร์กับลูกค้าแฮปปี้  แต่เพราะจะรีบเอารูปโหลดเข้าคอมไว้ดูต่างหาก  นั่งตัวตรงมองภาพแผ่นหลังกับกลุ่มผมหนาที่อยู่หน้าจอคอม  หัวใจเต้นโครมคราม  อดยื่นมือไปแตะเบา ๆ ไม่ได้  น่าลูบแล้วกดจมูกหอมชะมัด  เอนหลังพิงพนัก  ดวงตาจับจ้องหน้าด้านข้างไกล ๆ ที่กำลังยืนรอส้มตำจากคนขายตัวสูง ๆ  ผมไม่ได้สังเกตว่าหน้าตาพ่อค้าส้มตำมันหล่อรึเปล่า  ดวงตาผมตอนนั้นมันมองได้แค่คนเดียว  ลูกค้าแฮปปี้ที่น่ารักที่สุดในโลก

นั่งยิ้มเยิ้มอยู่จนดึกก็ตัดใจชัทดาวน์แล้วเข้านอน  หลับก็ฝันถึง  ตื่นก็อยากเจอ  วันนี้เข้ากะดึกเลยใช้เวลาช่วงกลางวันให้เป็นประโยชน์ต่อหัวใจ  แต่งตัวธรรมดาแต่ดูแลเรื่องหน้าตาให้ดีกว่าปกติ  โกนหนวด  ทาแป้งหน่อยไม่ให้มันมากแล้วก็ออกจากบ้าน  ทำเดินผ่านวนเวียนแถวร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งบ่อย ๆ อุดหนุนแต่ไม่มองหน้า  ทำไม่ใส่ใจแล้วหักดิบเดินออกไปจากซอย  ตื่นเต้นฉิบหายที่ได้เห็นมือเรียวใกล้ ๆ  รีบกลับบ้านเอาหมูปิ้งไปให้น้องหมาที่อยู่ในความดูแล  แต่ละตัวเพิ่งจะได้  1  เดือน  ป้อนหมูปิ้งไปใจก็นึกถึงผิวละเอียดจากมือเรียวที่ยังติดตาไม่หายไปจากหัว  ถอนหายใจหนัก ๆ แล้วเดินตัวลอยเข้าบ้าน  เปลี่ยนกางเกงแล้วหยิบมือถือมาตั้งปลุก  เลื่อนมาดูภาพที่แอบถ่ายเก็บไว้ก่อนจะหลับไปด้วยความสุข

ตื่นเพราะมือถือที่ดังปลุกก่อนจะลุกขึ้นกระฉับกระเฉงอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานพาร์ทไทม์  กินข้าวไข่เจียวฝีมือแม่แล้วขี่มอ’ไซค์ไปจอดหน้า 7-11  ก้าวเท้าลงเหยียบพื้นถนนแล้วสะดุดตากับความสว่างสดใสที่กำลังจะเดินเข้าไปใน 7-11  เดินลิ่วแทบจะสะดุดขาตัวเองไล่ตามคนยิ้มสวยที่เดินเอื่อยเข้าไปเลือกซื้อขนมที่ร้าน  รีบลงเวลาทำงานแล้วเดินปรี่เข้าหลังร้าน  สาวเท้าขึ้นชั้นสองหยิบเสื้อ 7-11  มาสวมทับ  โยนมือถือไว้ในลิ้นชัก  แล้วหยิบตะกร้ามากวาดพวกขนมในชั้นเก็บของข้างบนเอาลงมาเติมที่ชั้นอย่างรวดเร็ว  หายใจไม่ทั่วท้องมองตามหน้าใสที่ก้ม ๆ เงย ๆ เลือกขนมอยู่ที่ชั้น  เดินไปยืนข้าง ๆ แล้วหยิบถุงขนมไปเติมตรงที่มันหายไป  ไม่ได้มองว่ามันไม่ใช่ยี่ห้อเดียวกัน  เอาแต่แอบเหลือบมองหน้าใสระยะประชิดกับมือเรียวที่ไล่นิ้วไปตามถุงขนม  เสียดายที่ 7-11  ไม่ให้พกมือถือ  ไม่งั้นจะถ่ายเก็บมันทุกช็อตเลย           

กลืนน้ำลายเหนียวเมื่อดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบือนมามองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างผม  อาจจะสงสัยว่าทำไมต้องมาเติมของนานขนาดนี้ก็ได้  ลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังกลับทางเดิม  ทำมองไปตามชั้นโน้นชั้นนี้แล้วรับผลุบเข้าหลังร้าน  กำหมัดแน่นข่มอาการที่อยากรวบลูกค้าหน้าหวานยิ้มสวยที่นั่งจ้องถุงขนมมากอดให้หนำใจ  ผ่อนลมหายใจทิ้งช้า ๆ แล้วรีบออกไปหาผู้จัดการที่จะเป็นบอกให้ใครเข้าเครื่องหรือแค่คอยเติมของ  ผมโชคไม่ดีที่ไม่ได้เข้าเครื่อง  เลยใช้โอกาสของพนักงานเข้าไปยืนข้างเพื่อนพนักงานเครื่องที่คิดเงินน้องชีท  หยิบของใส่ถุงแล้วคอยแอบมองเก็บความน่ารักมาใส่ในประจุความจำในสมองน้อย ๆ 

ดวงตาสีน้ำตาลก้มมองเงินในมือก่อนจะหยิบยื่นส่งให้เพื่อนผมเข้าเครื่อง  มองดวงตาคู่นั้นเคลิ้ม  สะดุ้งกับระดับสายตาที่เอาแต่มองหน้าจอว่าเงินที่จ่ายมันเท่าไหร่..เปลี่ยนมามองหน้าผมอย่างทันทีทันใด  สะดุดลมหายใจตัวเอง  ไม่รู้ว่าผมทำหน้ายังไง  รู้แต่หน้าผมมันร้อนแปลก ๆ ตาก็ไม่หลบ  มันหลบไม่ได้  มองตอบตาน้องชีทจนเจ้าตัวเป็นฝ่ายหลบไปซะเอง  มองตามแผ่นหลังที่เดินก้มหน้าก้มตาออกจากร้าน  หัวใจล่องลอยตามไปถึงร้านขายข้าวเหนียว  เดินตัวเบาออกมาจากเคาน์เตอร์ปลิวขึ้นชั้นบน  นั่งลงกับพื้นแล้วยกมือขึ้นแตะแผ่นอกที่มีก้อนเนื้อเต้นตึกตักอยู่ข้างใน  เอียงหน้าหลับตาปลาบปลื้มที่ได้เห็นประกายตาของน้องชีทที่มีผมสะท้อนอยู่ 

ไม่กินข้าวผมก็อิ่มครับ..

ทำงานต่อไปจนกระทั่งหมดกะ  ลงเวลากลับบ้านแล้วขี่มอไซค์กลับมานั่งเหม่อตรงหน้าต่างห้องนอน  เอนหลังกับเตียงแล้วหลับตานิ่ง  พ่นลมหายใจทิ้งแล้วเดินลงไปหาแม่ที่เรียกหาอยู่ชั้นล่าง

 “ต้อจะยกหมาให้ใครได้ก็ให้เลยนะ  มันเยอะไปแล้วนะเนี่ย  เอาไปปล่อยที่ไนท์บ้างไป”  พยักหน้าส่ง ๆ รับคำแม่แล้วเดินกลับขึ้นมานอนเล่นจนหลับไป  ผมไปทำงานตามปกติเหมือนที่คอยตามน้องชีทเฉกเช่นสตอล์กเกอร์โรคจิตที่ผมเคยขยะแขยง   ก่อนไปทำงานวันนี้ผมก็ออกจากบ้านเหมือนเดิม  แต่หางตาดันเหลือบเห็นอะไรสักอย่างอยู่หลังเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน  ขนแขนลุกเกรียวเมื่อคิดถึงเรื่อง ‘สตอล์กเกอร์’  ตัดสินใจเดินตรงไปที่เสาไฟ  วิ่งตามแผ่นหลังที่ใส่หมวกแก๊ปสีเทาที่วิ่งหนีผมหางจุกตูด  ผมไม่ยอมให้หนีเด็ดขาด!

วิ่งตามจนเกือบจะคว้าไว้ได้มันก็สปีดหนี  ผมฮึดเฮือกสุดท้ายกระโดดถีบ  2  เท้าใส่หลังที่อยู่สุดปลายตีนจนมันถลาหน้าคว่ำ  ตะปบคอเสื้อแล้วนั่งทับเอาไว้  หอบเหนื่อยเหมือนกันทั้งมันทั้งผม   นั่งปรับลมหายใจตัวเองจนปกติก็ลุกจากหลัง  ดึงคอเสื้อมันติดมือขึ้นมาก่อนจะดึงหน้ากากปิดปากของมันออก  เข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องเอาหน้ากากมาปิด  ไม่ใช่เพราะจะปิดบังหน้าไม่ให้ผมจำได้  แต่มันเพราะ..เอาเถอะ  คนเรามันอยากเกิดมาหน้าตาดีกันทั้งนั้นล่ะ  ไม่ว่ากัน!

เอาหน้ากากมาใส่ปิดให้มันเหมือนเดิมแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ  เอ่ยถามมันเสียงเรียบว่าใช่มันรึเปล่าที่คอยมาแอบตามผมประจำ  ใช่มันรึเปล่าเจ้าของเสียงเงียบที่โทรเข้าบ้านผม  แล้วมันรึเปล่าที่คอยมองผมจนขนลุกเกรียวตลอดเวลา  สิ้นคำถามผมมันก็จนคำตอบ  มีเพียงหมวกแก๊ปที่ขยับขึ้นลงยอมรับว่าที่ผมสงสัยทั้งหมด..เป็นมันนั่นเอง    ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วนิ่งคิดถึงเรื่องความชอบ  คลั่งไคล้จนอดไม่ได้ที่จะต้องตามติดชีวิตประจำวัน  ใจเขาใจเรา!

“จะตามก็ไม่ว่าหรอก  ผมเข้าใจ  แต่อย่าถึงกับเอาผมไปชักว่าว..อันนี้รับไม่ได้จริง ๆ”  มันผู้นั้นสะดุ้งตกใจจนผมต้องสะดุ้งตาม  สงสัยที่ผมขอมัน  อาจจะเป็นเรื่องที่มันทำอยู่เป็นนิจก็ได้   พ่นลมหายใจทิ้งแล้วหันหลังกลับทางเดิม  ไม่อยากเข้าสาย  ขี้เกียจโดนหักเงิน  หยุดฝีเท้าไว้ได้ทันแล้วรีบหันหลังกลับไปซักถามถึงเรื่องที่สงสัยอีกหลายเรื่อง

“พี่แอบถ่ายรูปผมไว้เยอะรึเปล่า?  ถ่ายกับมือถือหรือซื้อกล้องมาเก็บภาพโดยเฉพาะ?  ตามผมตลอดเวลารึเปล่า?”  พี่คนนั้นกะพริบตาปริบยืนตัวแข็งกับแรงที่ผมเขย่าไหล่ถามเรื่องการเป็นสตอล์กเกอร์  อ้ำอึ้งชักช้าจนผมยื่นคำขาดว่าถ้าไม่อธิบายขยายควมาม  ผมแจ้งจับแน่นอน

เดินกลับมาหน้าบ้านแล้วควบมอ’ไซค์ไปทำงานด้วยความรู้สึกโล่งอก  ผมไม่ใช่สตอล์กเกอร์โรคจิตน่ากลัว  พี่คนนั้นมีกล้องถ่ายภาพแบบซูมได้ในระยะไกลก็เห็นถึงขนจมูก  ซึ่งผมไม่มี  พี่คนนั้นซื้อรถยนต์ขนาดเล็กติดฟิล์มทึบไว้คอยขับตามผมไปทุกที่  ซึ่งผมไม่ทุ่มเทขนาดนั้น  พี่คนนั้นคุกคามชีวิตส่วนตัวผมด้วยการโทรเข้าเบอร์บ้านและมีข้อความน่ารังเกียจเข้ามาในมือถือผมหลายครั้ง  ซึ่งผมไม่เคยทำ  สิ่งเหล่านั้นที่ผมได้รับรู้  มันทำให้ผมปลอดโปร่งในหัวใจมากขึ้น

ผมแค่ชอบน้องชีทเฉย ๆ ไม่ได้คลั่งไคล้จนถึงกับทำตัวเหมือนพวกโรคจิต  หรือถ้าผมจะเป็น..ก็แค่ ‘สตอล์เกอร์ฝึกหัด’  เพิ่งจะเริ่มฝึกงานเท่านั้นเองครับ

อาทิตย์นี้ผมอยู่กะเช้าทั้งอาทิตย์  พรุ่งนี้แม่เลยจองที่ให้ผมพาน้องหมาไปหาบ้านใหม่อยู่  6  ตัว  ไม่ใช่ไม่รักนะครับ  แต่มันเลี้ยงไม่ไหว  น้องหมาอายุ  2  เดือนพันธุ์ลาบราดอร์  น่ารักน่าเลี้ยงมากครับ  เสียดายก็เสียดาย  แต่มันก็เยอะเหมือนที่แม่บ่นจริง ๆ นั่นล่ะ   เข้างานตามปกติ  พอเลิกก็แอบไปเดินในตลาดให้เห็นหน้าน้องนิด ๆ หน่อย ๆ ก่อนจะยิ้มหน้าบานเข้าบ้านมาอาบน้ำแล้วพาน้องหมาไปหาบ้านใหม่ที่ไนท์บาร์ซา  ไปถึงแม่ก็จองที่ได้ท้ายซอย  มีแผงที่พาน้องหมาหาบ้านใหม่นั่งอยู่  7-8  แผงได้  ส่วนมากจะเป็นบางแก้ว  มันน่ารักก็จริง  แต่มันดุมากนะครับตอนโตน่ะ   นั่งเก้าอี้ตัวเล็กแล้วนั่งมองตาน้องหมาของผมนิ่ง  ลูกค้าที่สนใจเข้ามาดูหลายคนถามถึงราคา  ผมไม่ได้คิดเอาไว้เพราะผมไม่ได้อยากขาย 

“บ้านพี่อยู่ไหนครับ?  พี่มีสนามหญ้ากว้างพอรึเปล่า?..”  กลายเป็นลูกค้าที่สนใจน้องหมาเดินหนีไปดูน้องหมาเจ้าอื่นกันหมดเพราะผมสัมภาษณ์ละเอียด  เจาะลึกถึงพื้นฐานครอบครัว  ถ้าลูกค้าผมมีที่กว้างให้น้องหมาวิ่งเล่น  มีเงินซื้ออาหารดี ๆ  บอกที่อยู่  ไม่หวงถ้าผมจะไปเยี่ยม  และไม่ใช่พวกเบื่อง่าย  ผมไม่ขายหรอก  แต่จะยกให้ฟรี ๆ  ซึ่งมันหาลูกค้าแบบที่ผมต้องการไม่ได้เลย  แรก ๆ ที่ถามก็ตอบฉะฉาน  แต่พอถามว่าหมาที่บ้านมีกี่ตัว  ปกติให้กินอะไร..ก็ยิ้มเจื่อนแล้วบอกจะกลับมาดูอีกทีกันหมด  ยิ้มบางให้ดวงตาสีดำที่อยู่ในกรงแล้วยื่นนิ้วเข้าไปแตะที่ขนสีน้ำตาลนุ่มเบา ๆ

“โหยยย น่ารักจัง  ขายยังไงครับ?”  เงยหน้ามองลูกค้าที่ดูเหมือนจะเจาะจงวิ่งเข้ามาที่กรงน้องหมาของผมเพียงอย่างเดียว  เงยหน้ามองแล้วแทบจะตกเก้าอี้  หน้าใสที่ผมแอบมองประจำนั่งอยู่ตรงข้าม  มีแค่กรงน้องหมากั้นไว้เท่านั้น  กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น  หน้าร้อนผ่าวกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่กำลังมองหน้าผม  กะพริบตาปริบเมื่อน้องชีทเงยหน้าขึ้นมาคนที่มาด้วยกัน

“พี่ไปหาไอ้เต็มนะ  ชีทดูแล้วก็ตามไปล่ะ”  น้องชีทพยักหน้ารับแล้วหันมาที่กรงน้องหมา  มองนิ้วเรียวยื่นเข้ามาเกาคอน้องหมาแล้วใจเต้นโครมคราม  เบือนหน้าไปมองความมืดท้าซอยแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หันกลับมายิ้มกว้างให้ลูกค้ายิ้มสวยของผม

“ที่บ้านเลี้ยงหมาเปล่าครับ?  แล้วมีสนามกว้างให้น้องหมาวิ่งเล่นรึเปล่า?”  ถึงจะเป็นน้องชีทที่ผมรักผมก็ต้องถามครับ  ดวงตาสวยเงยขึ้นมาสบแล้วยิ้มตาหยี  พยักหน้าเร็ว  ๆ แล้วตอบเสียงใส

“บ้านไม่มีหมาครับ  มันเพิ่งจะตายไปไม่กี่เดือนนี่เอง  เค้าแก่ตายครับ  อายุเท่าชีทเลย   ไม่ต้องห่วงนะ  ชีทจะเลี้ยงอย่างดีเลย  อาบน้ำแปรงขนแล้วก็จะให้กินอาหารสลับกับหมูปิ้งด้วย  ขายตัวเท่าไหร่ครับ?”  มองเคลิ้มกับรอยยิ้มและเสียงใส   ผมจะตัดสินใจยกน้องหมาให้น้องชีทดูแลด้วยคำถามสุดท้าย..

“..จะสะดวกรึเปล่าครับ  ถ้าผมจะไปเยี่ยมน้องหมาบ้าง”   หน้าใสที่มองน้องหมากะพริบตาปริบไปนาน  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตาผม  แก้มใสขึ้นสีชมพูน้อย ๆ แล้วพยักหน้าช้า ๆ พร้อมริมฝีปากที่เอ่ยอนุญาต  กลั้นยิ้มแล้วก้มหน้ามองมือตัวเองที่ประสานแน่นข่มความอยากเข้าไปกอดน้องให้หายมันเขี้ยว  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาสีน้ำตาลที่มองผมอยู่ก่อน  น้องหลุบตามองน้องหมาในกรงแล้วเอามือมากอดเข่าแก้เขิน  หัวใจผมมันเต้นแรงจนแทบจะหลุดจากขั้ว  น่ารัก..น่ารัก..น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกก

ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วให้น้องชีทเลือกน้องหมาได้ตามใจ  อยากได้กี่ตัวผมก็จะยกให้ฟรี ๆ  คนยิ้มสวยไม่ยอมแต่จะสู้แรงพิศวาสปรารถนาส่วนตัวผมได้ยังไง   เปิดกรงอุ้มน้องหมาให้น้องชีทอุ้มไว้ตัวหนึ่ง  ส่วนน้องหมาที่เหลือผมก็หิ้วตามไปที่รถน้องชีท   ระหว่างทางที่จะถึงรถก็ให้น้องชีทตัดสินใจว่าจะรับไปเลี้ยงได้กี่ตัว  มองหน้าใสแก้มชมพูที่เอาหน้าซุกขนปุยสีน้ำตาลของน้องหมาแล้วอิจฉาหมาขึ้นมาทันใด   เบือนหน้าหลบตาสวยที่แอบมองผมกลับ  เดินไปเขินไปจนถึงรถน้อง  ยื่นมือรับน้องหมาให้น้องชีทล้วงมือถือโทรหาพี่ชาย

“พี่ช้าง  ชีทได้น้องหมามาเลี้ยงด้วยนะ  พี่ช้างจะกลับรึยัง?  ไมเป็นไร ...ไม่เป็นไรพี่!  ชีทเข้าบ้านเองได้  น้องหมาไม่กี่ตัว  แค่นี้นะครับ!”  เลิกคิ้วกับอาการร้อนรนของน้องแล้วยืนยิ้มบางรอเป็นเพื่อน  น้องชีทเก็บโทรศัพท์แล้วยืนก้มหน้า  กลืนน้ำลายเหนียวกับความน่ารักที่มันทำให้ผมอยากเอามือถือขึ้นมาเก็บภาพไว้มาก ๆ  ยิ้มกลบความคิดโรคจิตอ่อน ๆ แล้วตั้งใจฟังเสียงใสที่ออกมาจากริมฝีปากสีชมพูอ่อน..

“พี่ชายชีทยังไม่กลับบ้านน่ะครับ  พี่จะให้น้องหมาชีทกี่ตัว?  ชีทจะได้อุ้มกลับบ้านได้  บ้านชีทอยู่ตรงหัวมุมนี่เองครับ  ไม่ใช่อย่างนั้นนะ  คือ  ไม่ได้จะให้พี่ไปส่งนะ  จริง ๆ นะ  ..ชีท..เปล่าคิดนะ..”   มือเรียวกอดน้องหมาแน่น  หน้าเหน้อแดงเถือกลามไปถึงคอ  ก่อนจะหลับตาแน่น  เม้มปากเหมือนตัวเองทำเรื่องน่าขายหน้าแล้วรีบเบือนหน้าหนี  หันหลังเดินไปทางบ้านตัวเองดื้อ ๆ 

ผมกะพริบตาถี่ไล่ความปลาบปลื้มกับอาการที่เห็น  เดินตามหิ้วกรงน้องหมาทุลักทุเลจนทันแผ่นหลังเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา  วิ่งไปขวางหน้าแล้วปล่อยกรงน้องหมาวางกับพื้น  เสียงเห่าบ๊อกแกดังเซ็งแซ่  แต่พักเดียวก็เงียบ   ยืนมองกลุ่มผมหนาที่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองยิ้มกว้างของผม  น้องเม้มปากแล้วทำหน้ามู่ทู่  มองตาสวยที่หลับลงช้า ๆ ก่อนจะทำคอตก  ยิ้มแก้มแตกกับประโยคเบาง๊องแง๊งที่หลุดจากปากบาง..

“ชีทกลัวพี่ต้อเสียเวลาอ่ะ  อจจะอยากกลับไปนอนก็ได้  พี่ทำงานที่ 7-11 ด้วยไม่ใช่เหรอ?  แล้วก็เกรงใจด้วยที่ให้น้องหมามาฟรี ๆ อ่ะ..”   เม้มปากกลั้นยิ้มแล้วเบือนหน้าไปมองทางอื่น  น่ารักเท่าโลก  จำได้ด้วยว่าผมทำ 7-11  อยู่  รู้ด้วยว่าผมชื่อต้อ  ยังไม่ได้บอกเลยซักคำนะว่าผมชื่ออะไร  ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วลูบแรง ๆ  ข่มความอยากกอดอยากฟัด  พ่นลมหายใจทิ้งแล้วจับกรงน้องหมาแน่น  กลั้นใจยื่นมือที่สั่นน้อย ๆ ไปแตะแขนเรียวให้เดินไปพร้อมกัน  กำหมัดตัวเองแน่นแล้วคลายออก  สูดลมเข้าปอดแล้วเลื่อนมือไปโอบไหล่เล็ก

น้องชีทสะดุ้งนิดหน่อยแต่ก็ไม่เบี่ยงหลบ  ตรงกันข้าม  น้องขยับตัวเดินเข้ามาจนตัวชิดผมมากขึ้น  เหลือบตามองผมหนาที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะสบตาสีน้ำตาลที่แอบมองหน้าผมพอดี  น้องก้มหลบมองขนปุยในมือ  เหมือนผมที่รีบเบือนหน้าขึ้นมาเสาไฟฟ้า  มือที่แตะไว้หลวม ๆ มันหมดแรงตกลงข้างตัว  จังหวะที่ตกมันดันไปสัมผัสกับเอวน้องพอดี   มันเหมาะกับการรับน้ำหนัก..ผมเลยจำใจขอยืมเอวน้องประคองมือ   มวลอากาศรอบกายอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม  รู้สึกได้ถึงสิ่งที่เรียกว่า  ‘ความสุข’  ยิ้มที่กลั้นไว้มันขยายมากขึ้นจนต้องปล่อยให้แก้มปริยิ้มกว้างต่อไป  ณ  อารมณ์ผมตอนนี้  ไม่มีคำไหนจะเหมาะมากไปกว่าคำนี้อีกแล้ว  ‘ดีใจเหี้ย ๆ’

ส่งน้องที่บ้านพร้อมกับให้น้องหมาไว้  3  ตัว  ยืนนิ่งมองหน้ากันไปมา  หลบตาเขินใส่จนผมทนไม่ไหว ขอตัวกลับบ้านหิ้วกรงน้องหมาที่เหลือ  3  ตัวกลับไปนอนบ้าน  ยิ้มเปื้อนหน้าจนถึงตอนหลับ  ไปทำงานก็มีความสุข  เผลอยิ้มให้พี่สตอล์กเกอร์ก่อนจะบอกอารมณ์ดีว่าผมกำลังมีความรัก   พี่คนนั้นก็กะพริบตาแล้วบอกผมว่ารู้แล้ว  เมื่อวานก็ตามดูอยู่จนผมกลับถึงบ้าน  ขนลุกนิดหน่อย  แต่อภัยได้!

ทำงานอยู่ก็เขินขึ้นหน้าเมื่อคนยิ้มสวยมาซื้อบัตรเติมเงิน  บอกก่อนน้องจะเดินออกจากร้านว่าเลิกงานแล้วจะเข้าไปหาที่ร้าน  น้องยิ้มเขิน ๆ แล้วพยักหน้ารับ  มองตามแผ่นหลังเล็กแล้วลงไปนั่งกับพื้น  เอาหัวโขกกับเคาน์เตอร์เบา ๆ ไล่ความหมั่นเขี้ยว  ก่อนจะรวบรวมสติทำงานต่อจนเลิกงาน 

เดินออกจาก  7-11  เข้าตลาดเหมาไก่ย่างแล้วรอคนยิ้มสวยที่กำลังรวบหมูปิ้งไปให้น้องหมาของผมที่บ้าน  กลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ผมทำจนเปิดเทอม  ผมบอกรักน้องชีทผ่านหน้าขนตาแป๋วของถุงเงิน(หมาผมที่ยกให้น้อง)  น้องก็อุ้มถุงทอง(หมาอีกตัว)มาตอบตกลง  ผมปล่อยถุงเงินแล้วรวบทั้งคนทั้งหมามากอด  ไม่ลืมฝังปลายจมูกลงที่แก้มใสไปหลายหน

ตอนนี้ผมไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นสตอล์กเกอร์ฝึกหัดอีกต่อไป  เพราะหัวใจผมมันได้รับสิ่งที่ผมส่งให้คนยิ้มสวยแล้ว..หลุดพ้นจากการเป็นคนโรคจิต..กลายเป็นมนุษย์ที่ยากจะเก็บความต้องการทางกายได้แทน  ยิ้มเจื่อนกับความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของตัวเอง..     








คนเรามันพัฒนาขีดความสามารถได้ไม่จำกัดครับ!



END.


กอดๆหอม ๆบวก ๆ
จิงานท่วมหัวเอาตัวไม่รอดค่ะ  เหนื่อยฝุด
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
น่ารักมากกก...~ ยิ้มตามพี่ต้อจนปวดแก้มไปหมดแล้วค่าา :-[ ตอนแรกคิดว่าน้องชีทตามสต๊อกต้อเสียอีกนะคะเนี่ย หุหุ แต่สงสัยอยู่อย่างค่ะ ต้อเนี่ยเป็นหนุ่มหน้าหวานช่ายยม้ายย... :sad3: บอกเลยว่าเราฟินคักๆ

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
น่ารักทั้งคู่ ...  :-[ :-[ :

แอบสนใจพี่สตอล์กเกอร์คนนั้นนะ

 :กอด1: :L2: :pig4:


ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
น่ารักจัง ชีท - ต้อ  ...... ขอบคุณครับ  รอคู่อื่นต่อนะครับ

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
วงกลม


กวาดตามองคนพลุกพล่านที่เดินเบียดเสียดอยู่ในถนนแคบที่ล้อมกรอบด้วยร้านค้ามากมาย  แสงไฟสาดส่องให้ความสว่างให้ไนท์บาร์ซาดูคึกคัก  ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินผ่าน  ทักทายคนรู้จัก  ยิ้มตอบยิ้มสวยที่ส่งทักจากคนแปลกหน้า  ไม่คิดจะสานต่อ  ได้แค่ยิ้มตอบเพียงเท่านั้น 

ยืนนิ่งอยู่ระหว่างร้านขายเข็มขัดกับร้านรองเท้า  มองตรงไปที่เด็กหนุ่มรุ่นพี่ยืนขะมักเขม้นกับการตำส้มตำรสจัดจ้านให้ลูกค้าที่ยืนรอคิวแถวยาวเหยียด  เฝ้ามองเสี้ยวหน้าหล่อจับจ้องส่วนผสมที่วางเรียงรายตรงหน้า  ไล่สายตามองรูปร่างสูง  กล้ามเนื้อสมส่วน  ไม่ได้แค่อิจฉาที่พี่เต็มหล่อ  แต่อิจฉาที่พี่เต็มยังได้อยู่ในหัวใจของใครอีกคนที่ยืนมองพี่เต็มอยู่อีกฝั่ง  ตรงข้ามร้านส้มตำ  และอยู่ตรงหน้าผมเอง..

ผมยืนมองพี่เต็มสลับกับพี่ช้าง..คนที่ผมชอบมาตั้งแต่ผมแตกเนื้อหนุ่ม  เฝ้ามองคนที่ตัวเองชอบไล่สายตามองตามคนที่แอบรัก  ผมเข้าใจพี่ช้างเพราะผมก็เป็นคนที่แอบรักพี่ช้างอยู่  แต่พี่ช้างไม่เห็นจะเข้าใจผม..คนที่แอบรักคนที่ไม่มีทางได้เป็นเจ้าของเหมือนกัน 

โลกไม่ยุติธรรม!

หันมองมือที่แตะหัวไหล่ตัวเองแล้วยิ้มแกน ๆ ส่งให้เพื่อนสนิท   ชีทยิ้มให้กำลังใจผมก่อนจะบีบมือที่ไหล่เบา ๆ มันยืนเป็นเพื่อนผมมองพี่ชายตัวมันเองที่มองพี่เต็มด้วยสายตาที่บอกว่ารักอย่างไม่ปิดบัง  อิจฉาพี่เต็มที่ได้รักของพี่ช้าง  อิจฉาที่พี่ช้างยังคงเฝ้ารอพี่เต็มทั้งที่พี่เต็มรักอยู่กับพี่โอม  พี่ช้างกล้าที่จะยืดอกยอมรับว่าชอบพี่เต็มต่อหน้าพี่โอม  พร้อมจะรอเสียบเสมอถ้าพี่โอมเบื่อ..ทำไมผมไม่เป็นพี่เต็มนะ?

กะพริบตาไล่ความน้อยเนื้อต่ำใจแล้วยิ้มน้อย ๆ ให้พี่ช้างที่กำลังเดินมาทางผม  ถึงยิ้มนั้นจะไม่ได้ส่งมาให้ผมแบบที่หวัง..แต่ผมก็ถือว่ามันเป็นยิ้มที่ผมควรจะดีใจที่ได้รับ  มองมือใหญ่ของพี่ช้างลูบหัวชีทเบา ๆ แล้วก้มหน้าผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติ  กดความรู้สึกอยากได้ความอบอุ่นแบบนั้นบ้าง..

“ไงไอ้แสบ!  เกาะน้องกูทุกวัน  นี่ถ้ามึงถึกเหมือนไอ้พวกเด็กในห้องมึง  กูไม่ยอมให้ตัวติดกับชีทหรอก”  แยกเขี้ยวใส่แล้วตอบพี่ช้างตามปกติ

“น้องพี่ไม่มีดีพอให้ผมอยากอัดตูดหรอก  อย่างผมมันต้องรอให้พี่มาอัด  ไม่ใช่ไปอัดตูดใคร..มาสักทีเหอะพี่ช้าง  ผมอยากได้ว่ะ”  กระโดดเข้าประกบสีข้างพี่ช้างแล้วทำห่ามใส่  พี่ช้างผลักหน้าผมออกจนหน้าหงายแล้วยกเท้าขึ้นถีบหน้าขาผมให้ออกไปให้พ้นตัว  ปากผมหัวเราะขำก๊ากแล้วทำท่าจะเข้าไปหาอีกรอบ  ทั้งที่ใจผมมันเจ็บจี๊ด  ปวดแปลบจนต้องทำหัวเราะตาหยีปกปิดความเจ็บจากหัวใจที่แล่นขึ้นกล้ามเนื้อหน้า  พี่ช้างทำหน้าหยึยแล้วเอาเท้ายันขาผมไว้อย่างนั้น  ปล่อยให้ผมทำท่าว่ายน้ำแหวกอากาศให้ไอ้ชีทขำเล่น

ดวงตาสีน้ำตาลที่เหมือนไอ้ชีทแต่ดุดันกว่ามากหันไปมองที่กระเป๋ากางเกงตัวเอง  ก่อนจะลดขาลงวางกับพื้น  มือใหญ่กดรับโทรศัพท์แล้วคุยแค่  2-3  คำ  พี่ช้างหันมามองหน้าไอ้ชีทแล้วเดินเข้ามาโอบไหล่น้องชายตัวเองเอาไว้  ถามเสียงอ่อนโยนว่าจะกลับเลยหรือจะเดินเล่นที่ไนท์ก่อน  ไอ้ชีทหันหน้ามามองผมนิดหนึ่งแล้วเงยหน้าบอกพี่ช้างพร้อมรอยยิ้ม..

“จะเดินก่อน  พี่ช้างจะไปไหนก็ไปเถอะ  เดี๋ยวชีทกลับบ้านกับตังเอง”  พี่ช้างยิ้มบางให้น้องชายตัวเองก่อนจะเหลือบมามองหน้าผมแค่แวบเดียว  มองตามสายตาพี่ช้างที่มองเลยไปที่แผงส้มตำ  แล้วหมุนตัวเดินไปท้ายซอย  ผม..มองตามแผ่นหลังที่เดินหายลับไปกับผู้คน  ก่อนจะอ้าปากระบายความปวดที่เข้าเล่นงานหัวใจตัวเองอีกครั้ง  พ่นลมสั้น ๆ ออกทางปาก  นิ่วหน้าจนต้องหลับตาแน่น  ปวดที่หัวตาหนึบ ๆ แทบจะปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาให้รู้แล้วรู้รอด  ก่อนที่ผมจะอ่อนแอไปมากกว่านี้..

“ไปหาอะไรแดกกันไอ้ชีท  กูเลี้ยงไม่อั้น!”  เงยหน้าขึ้นฟ้า  ลืมตาโพลงแล้ววาดแขนกอดคอชีทเดินตามผู้คนที่เดินดูของที่ไนท์บาซาร์  ซื้อลูกชิ้นปิ้ง  หมึกย่าง  น้ำปั่น  ขนมเบื้องคละหน้า  ผมกับมันกินแค่อย่างเดียวคือลูกชิ้นปิ้ง  ส่วนที่เหลือ..ผมซื้อฝากให้พี่ช้างทั้งหมด  เดินดูโน่นนี่จนเริ่มเมื่อยก็หย่อนก้นปุที่ร้านเตี๋ยว  สั่งเกี๊ยวมากินรองท้อง

“คืนนี้ค้างบ้านกูป่าวชีท?”  เอ่ยปากถามแต่ตาไม่ละจากเกี๊ยวชิ้นโต  ส่งเกี๊ยวเข้าปากแล้วพ่นความร้อนออกมาเบา ๆ   น้ำตาเล็ดกับความร้อนที่มันลามไปทั่วโพรงปาก  ฝืนกลืนเข้าไปให้หมดแล้วกระดกน้ำตามล้างความร้อน  ยกแขนเช็ดรอบปากแล้วมองหน้าไปมองชีทที่เงียบกริบไม่ตอบคำถามผม

มันมองพี่คนหนึ่งที่เห็นข้างหลังผมก็จำได้  ขาว  สูง  ปากแดง  เรียนเก่ง  ขยัน  คนที่มันปลื้มนักปลื้มหนา  เขี่ยเท้าเตะหน้าแข้งมันให้หันมาสนใจผม  มันสะดุ้งแล้วรีบหันมาจ้องหน้าผม  ทำเหมือนเมื่อครู่มันไม่ได้มองตามหลังใครเลย  นั่งเท้าคางแล้วเอานิ้วกลางแตะขาแว่นไร้เลนส์สีดำที่ผมใส่ไปมา  ตาจ้องจับผิดไม่กะพริบ  มันพองลมเข้าปากแล้วทำหน้ามู่ทู่ก่อนจะหลับตาเหมือนยอมแพ้  ทำคอตกก้มหน้าสารภาพงุ้งงิ้งง๊องแง๊ง..

“มองพี่ต้ออ่า~  มึงก็รู้ว่าพี่เค้าป๊อบจะตาย  กูได้มองกูก็ดีใจแล้ว  อย่ามาทำมองแซวกูนะ..”  มันหมดแรงเกยคางที่โต๊ะก๋วยเตี๋ยวเหมือนยอมรับกับความไม่มีทางเป็นไปได้ที่พี่ต้อ..พี่ต้อของมันที่ป๊อบมากในหมู่สาว ๆ จะหันมามอง..ผู้ชาย  ยิ้มแกน ๆ ให้มันแล้วยื่นมือบีบจมูกโด่งของมันเบา ๆ

“กูเข้าใจ..มึงก็รู้นี่  ว่ากูเข้าใจ..แค่ไหน”  มันรีบลืมตาขึ้นมองผมแล้วนั่งตัวตรง  เลื่อนชามเกี๊ยวเข้ามารีบตักกิน  ชวนผมคุยเรื่องอื่นไปเรื่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ แล้วเดินไปตามทาง  เหม่อมองไฟที่ติดยาวเป็นทางเหนือร้านค้า  ชีทเอาไหล่มากระแทกเบา ๆ พอผมหันไปมองมันก็ยิ้มกว้างส่งกลับมาให้..

“คืนนี้มึงค้างกับกูดีกว่า  กว่าพี่ช้างจะกลับก็โน่นล่ะ  พรุ่งนี้”  ผ่อนลมหายใจพร้อมกับยิ้มบางส่งคืนให้มัน  โทรบอกที่บ้านหลังจากเดินออกจากไนท์บาร์ซาว่าจะค้างกับชีท  ผมกับมันสนิทกันตั้งแต่เข้า ม.1  ชีทเป็นคนอบอุ่น  รักเพื่อน  เรานิสัยคล้ายกันเลยทำให้สนิทกันเร็ว  ผมชอบพี่ช้างทันทีที่เห็น  แล้วผมก็ไม่ได้ปิดมัน  ชีทไม่รังเกียจแต่ก็ไม่สนับสนุน  ชีทบอกผมเสมอว่าพี่ช้าง..ไม่ใช่คนที่เหมาะจะเป็นแฟนกับผม  ผมได้แต่ยิ้มและรับรู้ข้อนั้นไว้ในใจ 

ยิ่งได้ใกล้พี่ช้างผมยิ่งทนเก็บความรู้สึกตัวเองไม่ไหว  เพราะบุคลิกภายนอกผมไม่ได้น่ารักงุ้งงิ้งแบบชีท  การสารภาพรักแบบน่ารักมัน..ไม่เหมาะกับผมอยู่แล้ว  ผมแสดงความชอบในแบบของผม  ความห่ามกับประโยคกวน ๆ ที่ผมไม่เคยทำกับใคร  ถูกเอามาใช้กับพี่ช้างคนเดียว..ผมอยากให้พี่ช้างได้เห็นความแตกต่างที่ผมแสดงออกระหว่างพี่ช้างกับคนทั่วไป  ผมมักจะเป็นคนเงียบและไม่ค่อยมีความคิดเห็นอะไรกับคนอื่น  แต่กับพี่ช้าง  ผมพูดมาก  เพ้อเจ้อ  ทะลึ่ง..และต้องวนทุกเรื่องให้เข้ามาโยงกับความรู้สึกที่ตัวเองมีให้พี่ช้างเสมอ

เดินเข้าไปมองรูปที่ชั้นวางหนังสือในห้องรับแขก  ผมชอบพี่ช้างกับโมเม้นท์ที่กำลังก้มหน้าเล็งลูกแดงบนโต๊ะกำมะหยี่มาก  มันบอกได้ถึงความแมนและความตั้งใจ  เกลี่ยปลายนิ้วที่รูปช้า  ๆ  แล้วยิ้มบางกับตัวเอง  ผลลัพธ์ของการพยายามมันไม่สวยงาม..ผมถูกพี่ช้างเมินเพราะคนรอบตัวพี่ช้างก็แสดงออกแบบเดียวกันกับผม  ถึงจะมีความต่างตรงที่ผมเลือกจะบอกว่าผมอยากได้พี่ช้าง  แต่พี่ช้างก็มองข้ามมันไป..ทุกครั้ง  ปีกว่ามาแล้วที่ผมเพียรพยายามส่งความรักให้ถึงหัวใจพี่ช้าง  กี่ครั้งแล้วที่ผมถูกพี่ช้างเมินไม่รับรู้  หัวใจผมมันชาไปมากกว่าครึ่ง  อีกครึ่งที่ยังเต้นและยังหลงเหลือความรู้สึก  ก็ไม่เคยจะเปิดให้ใคร  ผมรู้ว่าที่ทำมันเปล่าประโยชน์  แต่ไม่ว่ายังไง..ผมก็รักพี่ช้าง  รัก..รัก  มันรักไปแล้ว
 
ตอนนี้ในใจผม..มันว่างเปล่า   ชาหนึบ  และสิ่งที่ชัดเจนจนผมหนีไม่ไหวอีกแล้ว 

ผม..

กำลังจะ..สิ้นหวัง

“อาบน้ำก่อนกูไปไอ้ตัง  กูเอาขนมไปแช่ตู้ก่อน”  กระพริบตาไล่ความเจ็บที่แล่นปราดจากในอกที่กำลังจะล้นออกมาทางดวงตา  กลืนก้อนแข็งลงไปแล้วพยักหน้ารับ  หันหลังเดินผ่านหน้าชีทขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำที่ห้องชีท  จับลูกบิดประตูหมุนเปิด  กลั้นใจก่อนจะมองประตูบานถัดไป  เจ้าของห้องไม่อยู่แท้ ๆ  ผมกลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่หัวใจผมพองโตเหมือนพี่เขาอยู่ข้าง ๆ  ยิ้มบางแล้วเบือนหน้ามองมือตัวเองที่จับลูกบิดประตูนิ่ง  ผมไม่โกหกหรอกว่าผมอยากเข้าไปอยู่ในห้องนั้นแค่ไหน  แล้วผมก็รู้ว่า..มันไม่มีทาง

ถอนหายใจยาวแล้วผลักประตูเดินเข้าไปในห้องชีท  ยิ้มน้อย ๆ กับตุ๊กตาสารพัดสัตว์ที่วางเรียงจนเต็มเตียง  ปกติผมอยู่บ้าน  หมายถึงในห้องนอนตัวเองจะไม่มีอะไรมากมายเหมือนชีท  แค่หมอนหนุนกับหมอนข้าง  ผ้าห่มแค่นี้ก็มากแล้ว  จับหูตุ๊กตากระต่ายไปโยนกองไว้ทางฝั่งที่ชีทนอน  หันหลังกลับไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าที่ผมเอาทิ้งไว้เผื่อค้างออกมาแล้วดิ่งเข้าห้องน้ำ  อาบน้ำเสร็จก็เดินมานั่งบนเตียง  ชีทเดินสวนเข้าไปอาบน้ำผมก็หยิบเอาคอมพิวเตอร์วางตักมาเปิด  ดูโน่นดูนี่ก็เปิดหน้า  Google  วางทิ้งไว้บนที่ว่างฝั่งชีท  เอนหลังนอนมองเพดานห้องนอน  ในหัวคิดเรื่องพี่ช้างจนควบคุมไม่ได้  ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเปิดประตูห้องน้ำ  รู้อีกทีชีทก็มานั่งข้าง ๆ แล้ว

“คิดเรื่องพี่กูอยู่ใช่ไหม?  ถ้ามันเจ็บ..มึงควรจะหยุด  เวลาจะช่วยหัวใจให้ดีขึ้นได้นะตัง”  ยิ้มขื่นไม่ตอบอะไรมัน  ผมรู้ดียิ่งกว่าที่มันพูดเสียอีก  ถ้ามันทำได้ล่ะก็..ผมทำไปตั้งนานแล้ว  ไม่ปล่อยให้หัวใจตัวเองถูกความเจ็บกัดกร่อนมาจนเกือบ  2  ปีแบบนี้แน่  หลับตาตัดบทสนทนา  เสียงกุกกักดังไม่นานก็เงียบ  พร้อมกับแสงไฟที่ดับลง  ลืมตาโพลงในความมืดพักใหญ่

“ตัง..มึงนอนรึยัง?”  ลมหายใจสะดุดแล้วตอบมันเสียงเรียบ

“หลับแล้ว”  ชีทพึมพำเสียงเบา  ‘เหรอ..งั้นกูขอโทษว่ะ’  ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ แล้วหันหลังให้มัน  ร่างกายผมมันเรียกร้องอยากพักผ่อน  แต่สมองและหัวใจผมกลับค้านอย่างรุนแรง  ผมแพ้  2  สิ่งหลังเลยทำให้ต้องทนนอนเงียบ ๆ ฟังเสียงจากภายนอก  เงียบฟังทุกการเคลื่อนไหวที่จะทำให้รับรู้การกลับมาของพี่ช้าง  จนผมฝืนไม่ไหว  หลับไปทั้งที่ใจมันยังกังวล  แล้วในที่สุด  ผมก็รับรู้การกลับมาของพี่ช้างในเช้าวันใหม่

ตื่นลืมตาก็ล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำ  ใส่ชุดเดิม  ลงมาหาอะไรกินข้างล่างกับชีท   ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูรถหน้าบ้าน  เราเลยรีบวิ่งออกไปไหว้พ่อกับแม่ชีทที่กำลังจะออกไปทำงานพอดี  เดินกลับเข้าบ้านแล้วกินข้าวเช้า  แม่ชีททำกับข้าวทิ้งไว้ให้เหมือนเดิม  ผมชะเง้อมองโน่นมองนี่แล้วถอนหายใจยาวก่อนจะตักข้าวเข้าปาก  เงยหน้าสบตาที่เหมือนพี่ช้างแต่อ่อนโยนกว่าแล้วยิ้มบางตอบความห่วงใยของมัน

“กินเสร็จกูกลับบ้านเลยนะ  ห่วงบ้านน่ะ  เช้านี้แม่กูต้องรีบไปเปิดร้าน”  มันพยักหน้าเข้าใจแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าว  กินเสร็จผมก็เดินออกจากบ้านชีท  เหลือบมองโรงจอดรถที่มีแต่รถยนต์ขนาดเล็กกับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่จอดอยู่..ไม่มีวี่แววของรถพี่ช้าง  ก้มหน้ามองพื้นกดความเจ็บแปลบในใจ..พี่ช้างไม่ได้กลับบ้าน

ทอดน่องไปตามถนนกลับบ้านตัวเอง   ผ่อนลมหายใจทิ้งหลายครั้ง  เบือนหน้าหนีมอ’ไซค์ที่ขับผ่านมาแล้วบีบแตรแซว  ผมไม่ได้หน้าตาน่ารักแบบชีท  แต่ผมก็หน้าตาดีพอจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกดีด้วย  เดินเข้าบ้านแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า  หย่อนก้นนั่งบนเตียง  ในหัวมีแต่เรื่องพี่ช้าง  มีแต่ชื่อพี่ช้าง  นิ่วหน้าหลับตาแน่นกลั้นไม่ให้น้ำตามันไหล  ทำไมพี่ช้างไม่หันมารักคนที่รักพี่ช้าง  ทำไมไม่หันมามองกันบ้าง..ทำไม?!

ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวฉับออกจากบ้าน ล็อคบ้านล็อครั้วแล้วเดินไปตลาดช่วยแม่ขายของ  ผมฟุ้งซ่านมากเกินไปแล้ว  ยิ้มทักทายร้านโน้นร้านนี้แล้วผลุบเข้าไปนั่งในร้านตัวเองหันมองตู้แช่ขนาดใหญ่ด้านหลังแล้วหยิบสมุดมาเช็คของว่าตรงกับในตู้รึเปล่า  เช็คไปได้ครึ่งตู้แม่ก็เดินเข้าร้านมาโอบไหล่ผม

“ออกจากบ้านน้องชีทมากี่โมง?  กินข้าวมารึยัง?”  หันหน้ากลับมายิ้มให้แม่แล้วไม่ตอบคำถาม  หมุนตัวมาจ้องสมุดสลับกับน้ำในตู้  เห็นแถวน้ำใบบัวบกแล้วยิ้มขื่น..อย่างผมคงต้องกินหลังอาหาร  3  เวลา  อาจจะลามไปถึงก่อนนอนด้วย   แก้ช้ำใจ!

กัดกรามแน่นแล้วหันหลังมามองโพยออเดอร์ของแม่แล้วหยิบน้ำตามจำนวนลงกล่องพลาสติก  จับหูลากกล่องไปตามทาง  เหมือนพวกแอร์โฮสเตสน่ะ  เดินถือกระดาษออเดอร์แล้วหยุดตามร้าน  ส่งน้ำแล้วรับเงิน  ที่ขายดีที่สุดมี  2  อย่าง  เก๊กฮวยกับน้ำลำไย  อย่างอื่นก็พอขายได้  แต่  2  อย่างนี้ขายดีสุด  เดินกลับร้านก็แวะซื้อไอศกรีมกะทิสดมาฝากแม่แล้วก็ขนมจีนน้ำยาปนน้ำยาป่าของตัวเองมานั่งกินที่ร้าน  ไม่ถึงเที่ยงไอ้ชีทก็โทรมาว่าจะแวะมาหาผมที่ร้าน  มันบ่นว่าเงินในมือถือจะหมดเดี๋ยวจะแวะไปซื้อบัตรใน 7-11  ผมก็ยิ้มกริ่มแซวไปนิดหน่อยแค่พอให้เลือดสูบฉีดที่หน้ามันเล่น

“ซื้อบัตรเติมเงินอย่างเดียว..อย่าแอบมองคนขายไอ้ชีท  อย่าแฝงอย่างอื่น - -+”  มันหัวเราะแก้เขินก่อนจะได้ยินมันสั่งบัตรเติมเงินของมัน

“แฮปปี้  200  ครับ..กูไม่เคยเหอะ  เดี๋ยวกูเดินแวะเข้าไปหา  มึงกินอะไรมั้ย  เอาหมูปิ้งป่าว?  เออ..พี่ช้างกลับมาแล้วนะ  มึงไม่ต้องห่วง  กูออกจาก  7-11  ละ  แม่ง..พี่ต้อเข้าเครื่องที่กูสั่งบัตรเติมเงินด้วยอ่ะ  กูเขินนนนน555”  ถุยใส่มันแล้วชิงวางหูก่อน  ไม่ถึง  10  นาทีมันก็เดินยิ้มหน้าบานมาที่ร้าน  เปิดตู้แช่แล้วส่งน้ำนมข้าวโพดให้มัน  ไม่แซวหรือพูดถึงเรื่องพี่ต้อเพราะแม่ผมนั่งอยู่ด้วย  ได้แต่มองแล้วยิ้มแซวหน้าเขิน ๆ ของมัน ตกเย็นผมก็ช่วยแม่เก็บร้านแล้วเดินออกจากร้านไปพร้อมมัน  มันเดินแยกกลับร้าน  ส่วนผมเดินกลับบ้าน  มันพูดยิ้ม ๆ ว่าวันนี้คนเดินไนท์เยอะ  ร้านพี่เต็มต้องสั่งข้าวเหนียวเพิ่มแน่  ไม่ทันขาดคำมือถือมันก็ดัง  มันยิ้มกว้างแล้วยื่นหน้าจอเข้ามาให้ผมดูชัด ๆ

‘น้าติ๋ม’  ยิ้มมุมปากแล้วโบกมือส่งมัน  ชีทหัวเราะร่วนกับความแม่นของตัวเองก่อนจะก้มหน้ามองโทรศัพท์แล้วกดรับ   อ้าปากค้างเมื่อเห็นคนที่เดินผ่านชีทเป็นคนที่มันปลื้มอยู่  หยุดขาที่จะเดินตามไปสะกิดบอกเมื่อพี่ต้อเดินย้อนกลับทางเดิมตามไอ้ชีทไปติด ๆ  อมยิ้มแล้วเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว  สงสัยว่าไอ้ชีทจะโดนจีบมากกว่าจะทำใจกล้าจีบพี่ต้อ  หมุนตัวเดินกลับบ้านแล้วอดดีใจกับมันไม่ได้  ถึงพี่ต้อจะยังไม่ได้ออกตัวให้ผมจับทางได้ว่ากำลังสนใจ  แต่เดาได้ไม่ยากหรอกว่าไม่นานนี้..ไอ้ชีทได้แฟนชื่อ ‘พี่ต้อ’ สมใจแหง555

ยิ้มบางเดินเข้าบ้านแล้วอาบน้ำ   นั่งเล่นนอนเล่นพักใหญ่ก็เดินออกไปรับน้ำที่แม่สั่งไว้  เช็คของว่าครบแล้วก็เซ็นต์รับ   หมุนตัวเดินเข้าบ้านพี่คนส่งน้ำที่หน้าคุ้น ๆ เหมือนรุ่นพี่ที่โรงเรียนกลับเรียกผมไว้  หันกลับมาเอียงคอมองหน้าที่กำลังยิ้มกว้างของพี่ส่งน้ำ

“พี่อยู่  ม.5  จำได้รึเปล่า?  น้ำพวกนี้ของร้านพี่เอง  ไม่รู้นะว่าเราสั่งมาขายด้วย  เดี๋ยวให้พ่อลดให้..”  อ้าปากกว้างแล้วรีบพยักหน้ารับ  ผมจำได้  แต่จำชื่อพี่ไม่ได้  ยืนยิ้มบางมองหน้าคมที่เอาแต่มองหน้าผม  เอ่ยปากชวนพี่เข้าไปนั่งเล่นในบ้านพี่ก็ปฏิเสธเพราะต้องไปอีกหลายที่  พยักหน้าแล้วยืนส่งพี่คนนั้นหน้าบ้าน  ไม่ได้ถามชื่อ  แต่เดี๋ยวก็เจออีก  เพราะที่บ้านผมสั่งน้ำกับเจ้านี้เจ้าเดียว  ยกน้ำเข้าไปแช่ถังใหญ่หลังบ้านแล้วตั้งหม้อหุงข้าว  เดินขึ้นไปอาบน้ำล้างเหงื่อ  นั่งรับลมเย็นหน้าบ้านรอเวลาแม่กลับมากินข้าวพร้อมกัน  ถอนหายใจยาวกับหัวใจที่อยู่เหนือการควบคุมทุกอย่าง  ผมนั่งเฉยทีไรก็คอยแต่จะคิดถึงพี่ช้าง  ผมทำได้แค่นี้..เป็นแค่คนที่แอบรักข้างเดียว  ดีหน่อยที่เป็นถึงเพื่อนสนิทน้องชาย  ไม่อย่างนั้น  พี่ช้างคงลงไม้ลงมือไล่ผมให้ไปห่างตัวนานแล้ว  แต่มองอีกมุม..ที่พี่ช้างไม่ไล่ผม  อาจเพราะพี่ช้างไม่เคยคิดว่าผมรักพี่ช้าง  ไม่สนใจเรื่องของผมเลยมากกว่า

เสียงเปิดรั้วดังขัดความคิดที่กำลังจะลอยไปไกล  เงยหน้าแล้วผุดลุกเดินไปรับถุงกับข้าวเยอะแยะในมือแม่มาช่วยถือ  ล็อครั้วแล้วเดินกอดเอวกันเข้าบ้าน  ผมกับแม่เรามีกันแค่ 2  คน  เข้าบ้านแล้วรีบเอาชามกับจานออกมาวางที่โต๊ะ  ช่วยแม่แกะถุงกับข้าวใส่ชาม  พอเหลือแค่ถุงเดียวก็เดินเข้าไปยกหม้อข้าวออกมา  ตักข้าวแล้วก็นั่งกินข้าวกัน  2  คน  พักเดียวหน้าบ้านก็มีคนมาตะโกนเรียก  ผมกับแม่มองหน้ากันแล้วถอนหายใจยาว  ผมรับอาสาไปดูเอง  เดินออกไปหน้าบ้านแล้วตะโกนถามผู้ชายวัยกลางคนที่ยืนจับรั้วรอเราอยู่

“มาหาใครครับ?”  ผู้ชายคนนั้นถอนหายใจพรูแล้วบอกเสียงละเหี่ยใจ

“ขอโทษครับคุณธนภัทร   ผมเข้าบ้านช้าเพราะมาต้องเคลียร์งานที่ไซต์งานให้เสร็จก่อน  กรุณาเปิดประตูบ้านให้ผมด้วยเถอะครับ”  หรี่ตามองแล้วกอดอกจ้องหน้านิ่ง  ผู้ชายคนนั้นถอยห่างจากรั้วแล้วทำท่าเดียวกับผมก่อนจะยกมือขึ้นมาชี้หน้าแล้วแกว่งนิ้วไปมา  ผมหัวเราะร่าแล้วยอมเปิดประตูให้  ทันทีที่เข้ามาได้พ่อก็วิ่งไล่จับผมมายีมะเหงกใส่หัว

“นับวันยิ่งกล้านะเรา”  ที่บอกว่า  ‘ผมกับแม่เรามีกันแค่  2  คน’ น่ะ  พ่อไม่อยู่ไง..เราเลยมีกันแค่  2  คนในตอนนั้น555 

กอดเอวพ่อเข้าบ้านแล้วบอกว่าลงมือกินข้าวกันแล้ว  ขี้เกียจรอคนไม่รักษาเวลา  พ่อยิ้มกว้างแล้วรีบเดินเข้าบ้าน  กินข้าวกันเสร็จก็ดูข่าวในพระราชสำนักพร้อมกัน  คุยเรื่องกิจกรรมที่ทำวันนี้ให้กันฟังแล้วแยกกันเข้านอน  ตื่นเช้าผมก็ใช้ชีวิตแบบเดิม  ไปตลาดนั่งขายน้ำช่วยแม่  รับมาขวดละ  7  บาท  ขาย  10  บาท  เป็นน้ำผลไม้กับน้ำสมุนไพร  ขายดีพอสมควร  ใกล้ตลาดจะวายก็โทรหาไอ้ชีท  มันชวนเดินไนท์ผมไม่รับปากเพราะเดี๋ยวเก็บร้านเสร็จแม่ไปบ้านยาย   คืนนี้ผมไปกินเลี้ยงกับพ่อขากลับจะแวะรับแม่กลับมาด้วย  ถ้าจะไปก็คงไนท์วายหรือใกล้จะวาย  มันบอกไม่เป็นไร  แล้วยังไงค่อยเจอกัน  ก่อนจะวางผมก็รีบถามว่ามันเดินกับพี่ช้างรึเปล่า  มันเงียบแล้วถอนหายใจแรง  ผมหนักในอก

“กูจะไปกับใครได้นอกจากพี่กู  มึงหน้าตาดี  หัวดี  มีคนมาชอบก็เยอะ  อย่ายกหัวใจมึงให้พี่กูเลย  มันไม่มีค่าพอให้มึงรักหรอกตัง  กูไม่อยากเห็นมึงเจ็บปวดเพราะพี่กู..”  ไม่รอให้มันพูดจนจบ  ผมแทรกใจความจริงที่มันพยายามจะเบี่ยงเบนทันที

“พี่ช้างดีมากสำหรับกู  ไม่ใช่ประเด็นนั้นมึงก็รู้  ที่จริง..พี่ช้างไม่เคยรักกูต่างหาก กูรู้ชีท  ถ้ากูค้าผงหรือกำลังติดยากูจะฟังที่มึงเตือน  แต่สิ่งที่มึงกำลังห้ามกู..กูทำไม่ได้ว่ะ  ตอนนี้กูแอบรักพี่ช้าง  ต่อไปกูไม่รู้  กูอาจจะตัดใจเพราะความเป็นไปได้ที่มีค่าเท่ากับศูนย์  หรืออาจจะแอบรักต่อไปเรื่อย ๆ กูก็ไม่รู้..เลิกห่วงกูเถอะ  กูดูแลหัวใจกูได้  มันจะเจ็บกูก็จะให้มันได้ลองดู  ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของข้างในเถอะชีท...กูไปอาบน้ำก่อนนะ    เออ..เจอกัน”  ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ ด้วยความโล่งใจ  ผมไม่เคยคุยกับชีทเรื่องพี่ช้างได้ยาวขนาดนี้  ผมมักจะตัดบททุกครั้งที่มันพยายามบอกให้ผมเลิกหวัง  มันหวังดีกับผม..ผมรู้

รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้ววิ่งลงมาข้างล่าง  พ่อส่งแม่เสร็จก็นั่งรอผมที่โซฟา  มองผมหัวจรดเท้าแล้วพยักหน้าว่าผมแต่งตัวผ่าน  พ่อหยิบแว่นแฟชั่นที่ผมชอบสวมออกแล้วใช้มือเสยผมข้างหน้าให้ขึ้นเปิดหน้าผาก  มองผมทางซ้ายทีขวาทีก็พยักหน้าอีกรอบ  ออกจากบ้านได้ก็ตรงไปที่บ้านหัวหน้างานพ่อ  มีแต่พวกคนแก่  มีลูกพนักงานรุ่นเดียวกับผมส่วนมากก็เป็นสาว ๆ ผมจะกล้าเข้าไปคุยได้ยังไง  ยืนมองสระน้ำหรู  ในหัวคิดเรื่อยเปื่อยจนพ่อเดินมาสะกิด

“กลับบ้านกันลูก”  ขมวดคิ้วแล้วมองนาฬิกา  เพิ่งจะ  3  ทุ่มกว่าเอง  อ้าปากจะบอกพ่อว่าอยู่ต่ออีหน่อยก็ได้พ่อก็จูงมือผมเดินออกมาลาผู้ใหญ่ของพ่อ  ยกมือไหว้แล้วเดินตามพ่อออกมาที่รถ  ก้มหัวลาสาว ๆ ที่ผมไม่กล้าเข้าคุยก่อนจะขึ้นรถ

“พ่อเบื่อน่ะ555”  ไม่ทันจะอ้าปากก็ต้องรีบหุบฉับ  ผมรู้ว่าผมกลัวผมจะเบื่อเลยรีบพากลับ  นั่งคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้เป็นเพื่อนพ่อจนถึงบ้านยาย  วิ่งลงไปกอดยายแล้วกินข้าวต้มมัดที่ยายทำไว้ให้  นอนตักยายให้มือเหี่ยวลูบหัวผมเล่น  เพลินจนเกือบจะหลับไปจริง ๆ  แม่เขย่าแขนผมให้ลุกจากตักก่อนจะพายายเข้านอน  คุยกับน้าต่ออีกหน่อยแล้วก็ขึ้นรถกลับบ้าน  ถึงบ้านเกือบ  5 ทุ่ม  ไนท์วายไปเรียบร้อยแล้ว  ขึ้นห้องอาบน้ำเสร็จล้มตัวนอน  หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้  ตื่นขึ้นมาอีกทีเกือบ  10  โมง  นั่ง ๆ นอน ๆ รอเวลาให้ถึงบ่ายก็ออกไปหาแม่ที่ตลาด  วันนี้ผมไมมีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้น  ปิดโทรศัพท์แล้วขลุกอยู่กับที่บ้านทั้งวัน  กลางคืนก็ขนหมอนเข้าไปนอนขวางพ่อกับแม่  หลับด้วยความรู้สึกที่มันโหวงในอก  ตื่นขึ้นมาก็ทำเหมือนเมื่อวาน  แต่พอก่อนจะนอนผมก็กดหาไอ้ชีทก่อน   เพราะผม..ผมก็คิดถึงพี่ชายมัน  อยากรู้ว่าเป็นไงบ้าง   รอสัญญาณแค่ครั้งเดียวมันกดรับ

“ไอ้ตังงงงงง  กูไม่รู้จะเริ่มยังไงอ่ะ  กู..กู..พี่ต้อมาส่งกูที่บ้านแล้วให้น้องหมากูมา  3  ตัว  กู..ตื่นเต้นอ่ะตัง!”  หัวเราะลงคอขำที่มันพูดติด ๆ ขัด ๆ แล้วก็ขำที่ตัวเองเดาไว้ไม่ผิด  เดี๋ยวไอ้ชีทต้องมีแฟนชื่อพี่ต้อแหง  นอนฟังมันเล่าเรื่องพี่ต้อที่บังเอิญไปนั่งขายน้องหมาที่ไนท์  บังเอิญที่มันวิ่งเข้าใส่เพราะชอบน้องหมาน่ารักขนนุ่มนิ่มที่อยู่ในกรงจนลืมมองคนขาย  บังเอิญที่พี่ต้อใจดียกน้องหมาให้มันไว้เลี้ยงตั้ง  3  ตัว  บังเอิญที่พี่ช้างมีธุระพี่ต้อเลยเดินไปส่งที่บ้าน  และเรื่องน่าบังเอิญสุดท้ายที่เสียงมันสั่นจนผมอดยิ้มแซวมันผ่านหน้าจอไม่ได้..

“..พี่ต้อเขา..เขากลัวกูจะเดินชนโน่นชนนี่เพราะกูอุ้มน้องหมา  พี่ต้อก็เลย..ก็เลยเอามือมาโอบเอวกูเดินไปส่งที่บ้านด้วยอ่ะ..ใจดีเนอะ~”  ยิ้มบางดีใจกับมัน  นอนฟังมันเล่าเรื่องพี่ต้อซ้ำไปซ้ำมาจนง่วง  บอกมันให้วางหูแล้วรีบนอนซะ  มันรับคำล่องลอย  ผมวางสายแล้วหลับตาด้วยความเพลีย  ตื่นขึ้นมามันก็โทรจิกผมให้รีบมาดูน้องหมาที่มันได้มา  รับคำเนือย ๆ แล้วลุกแต่งตัว  ในหัวมันหนัก ๆ เหมือนจะมีไข้  กินข้าวแล้วโทรบอกแม่ว่าผมจะเข้าไปหาบ่าย ๆ เพราะเช้าจะไปหาไอ้ชีทก่อน  วันนี้ไม่ใช่วันหยุด  คนไม่เยอะ  ออเดอร์ก็มีแค่ส่งตามแผงในตลาดกับขาจรไม่มาก  เข้าไปช้าก็ไม่เป็นไร

เดินเอื่อยไปตามทาง  ก้มหน้ามองพื้นคอนกรีต  เปลือกตาร้อน  คอแห้ง  เมื่อยตามเนื้อตามตัวไม่ยอมหาย  เดินเข้าบ้านชีทผ่านประตูเล็ก  เดินดุ่มเข้าแผ่นหลังเล็กของมันที่นั่งยอง ๆ อยู่ตรงสนามหน้าบ้าน  นั่งลงกอดเอวมันแล้วเอาหน้าซบหลังไว้เบา ๆ มันสะดุ้งแล้วรีบแกะแขนผมออก  พอเห็นว่าเป็นผมมันเลยหยุดดิ้น  คลายแขนให้มันเอาหลังมือแตะที่หน้าผาก

“กูว่าแล้วว่ามึงต้องป่วย  ไม่งั้นไม่มาอ้อนกูหรอก  เข้าบ้านกัน”  ผ่อนลมหายใจยาวแล้วขืนมือที่ดึงผมเข้าบ้าน  ก้มมองสิ่งมีชีวิตที่เข้ามาคลอเคลียที่ขาแล้วอมยิ้ม  ลูบขนนุ่มมือที่หลังของน้องหมาชีทเบา ๆ ทีละตัว  ชีทนั่งกับพื้นสนามแล้วยิ้มกว้าง  เสียงมันบอกผมว่าน้อาหมาชื่ออะไร

“ตัวนี้ถุงเงิน  ตัวกลางถุงทอง  แล้วตัวที่ตะกุยหน้าแข้งมึงน่ะ  กูตั้งใจยกให้มึง  ตั้งชื่อเอาเอง  ห้ามชื่อ ‘ช้าง’  มันไม่เหมาะกับความน่ารักของหมาพี่ต้อ”  ยิ้มมุมปากกับข้อห้าม  ผมก็ไม่ได้จะให้ชื่อนั้นหรอก  ไม่กล้าดุแน่ถ้าให้มันชื่อช้าง  นั่นถุงเงินนี่ถุงทอง  งั้น..

.
.

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
.
.
.
“มาอยู่ด้วยกันก็ต้องขยันเฝ้าบ้านนะ ‘กระสอบ’ ”  ไอ้ชีทขำพรืดกับชื่อน้องหมาที่ยกให้ผม  มันต้องมีความอดทน  แข็งแรง  และทนทานต่อทุกอย่างเหมือนผม  ชื่อนี้ล่ะ  เหมาะที่สุดแล้ว  อุ้มหมาของตัวเองไปใส่รวมไว้ในกรง  จำง่ายเพราะถุงเงินกับถุงทองมีปลอกคอแล้ว  แต่กระสอบยังไม่มี  ลุกขึ้นยืนแล้วต้องยืนนิ่งเพราะเหมือนจะหน้ามืด  ไอ้ชีทยืนรอแล้วแตะมือที่แขนผม  ดึงแขนออกแล้วบอกมันว่าไม่เป็นไร  ยังไม่ทันหย่อนก้นนั่งเสียงเปิดประตูรั้วพร้อมเสียงเครื่องยนต์ของรถพี่ช้างก็เข้าบ้านมา  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เรียกความสดใสกลับมา  แต่ในหัวมันหนักจนกล้ามเนื้อหน้าไม่ค่อยทำงานเหมือนปกติ  ชีทบอกให้ผมนั่งที่โซฟาไปก่อน  มองมันวิ่งออกไปรับพี่ช้างหน้าบ้านแล้วทรุดตัวนั่งลงที่โซฟา  เพ่งมองผ่านกระจกก็เห็นพี่น้องคู่นี้ยืนมองหมาในกรง  พี่ช้างหันมาพูดอะไรบางอย่างกับชีทแล้วชีทก็หันหลังเข้าบ้านทันที  พี่ช้างทำคิ้วขมวดแล้วเดินตาม  ชีทเดินเข้าบ้านพร้อมเสียงนุ่มที่คุยกับพี่ช้าง

“ชีทไม่ได้ซื้อ  มีคนให้ชีทมา”  พี่ช้างเดินตามคิ้วขมวดหนักแล้วรีบวิ่งมาดักหน้าชีท

“ใคร?”  ไอ้ชีทเม้มปากแน่นแล้วหลุบตามือหน้าผม  พี่ช้างหันมามองตามทิสที่น้องชายตัวเองมอง  ผมส่ายหน้าทันที  พี่ช้างหน้าขมึงเครียดหันกลับมาจ้องคาดคั้นน้องชายตัวเอง  ไอ้ชีทบิดมือตัวเองไปมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาบอกพี่ช้างเสียงเบา

“พี่ต้อ..พี่ต้อให้น้องหมาชีทมาอ่ะพี่ช้าง”  พี่ช้างนิ่งไปนาน  พี่ช้างหันหลังให้ผมผมเลยเดาเอาว่าพี่ช้างน่าจะอ้าปากค้างอยู่  กลั้นหายใจลุ้นแทนไอ้ชีทเลยล่ะผม  แผ่นหลังที่พ่นลมหายใจทิ้งกับมือใหญ่ที่ยกขึ้นลูบผมไอ้ชีทเบา ๆ มาพร้อมกับเสียงอ่อนโยนที่ผมไม่เคยได้รับ..

“เขาให้มาก็เลี้ยงให้ดี  ชอบเขามานานแล้วไม่ใช่เหรอ?  พี่ไม่ขวางหรอกถ้ามันจะจีบชีท  แต่ถ้ามันทิ้งชีทวันไหน..มันตาย!”  ผมเผลอกลืนน้ำลายเหนียวแทนพี่ต้อ  ไอ้ชีทยิ้มกว้างแล้วถามพี่ช้างว่ากินอะไรมารึยัง?  พี่ช้างส่ายหน้ามันเลยอาสาไปซื้ออะไรมาให้พี่ช้างกิน  พี่ช้างลูบหัวมันแล้วมองส่งมันที่วิ่งตื๋อออกจากบ้านไปทางตลาด  สงสัยจะมีขนมที่  7-11  ติดมือกลับมาให้พี่ช้างด้วยแน่ ๆ ยิ้มบางตามหลังมันไป 

ลืมคิดว่าถ้ามันไม่อยู่บ้าน..ก็ต้องเหลือแค่ผมกับพี่ช้าง  2  คน..

สบตาสีน้ำตาลคมแล้วหายใจติด ๆ ขัด ๆ พี่ช้างมองผมนิ่งก่อนจะมองเลยไปที่บันไดบ้าน  ขาก้าวมั่นคงเดินผ่านผมขึ้นชั้น  2  หน้าตึงไม่มีรอยยิ้ม..คงเส้นคงวากับผมเหลือเกิน   ในอกเจ็บจี๊ด  มือสั่นจนต้องเอามาประสานกันไว้  ปากสั่นกึกจนต้องกัดเม้มไว้แน่น  กะพริบตาถี่ไม่ให้น้ำตาไหล  กลืนก้อนแข็งลงคอแล้วอ้าปากสูบลมเข้าปอดลึก ๆ มองเท้าที่เดินมาหยุดตรงหน้า  ไล่สายตาขึ้นมองสบตาสีน้ำตาลเฉยชา  ในอกผมเหมือนมีโพรงกว้าง  โหวงเหวงบอกไม่ถูกเมื่อสายตาที่บอกถึงความไม่เป็นมิตรส่งมาให้ไม่ปิดบัง  เสียงแข็งเอ่ยปากพูดกับผม..


“อย่าเกาะน้องกูให้มากนักไอ้หงิม  กูไม่ชอบ  แต่ที่กูไม่พูดเพราะชีทถูกชะตากับมึง  ทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไง?!”  ผมเจ็บจนไม่รู้ว่าหน้าผมมันเป็นยังไงในสายตาพี่ช้าง  มือใหญ่ที่ลูบหัวชีทกระชากคอเสื้อผมจนตัวปลิว  หน้าห่างแค่คืบทนฟังคำที่พี่ช้างเอ่ยปากคุยกับผม

“อย่าคิดว่ากูไม่กล้าทำอะไรมึงนะ  ไอ้เด็กเมื่อวานซืน  กับคนอื่นเคารพนบนอบ  แต่กูกลับปีนเกลียวใส่  นึกว่ากูยอมเหรอ?!  ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทชีทกูก็ไม่ไว้หน้า  จำใส่หัวเอาไว้ว่ากูเป็นรุ่นพี่!  มึง  ไม่  มี  สิทธิ์  ล้ำเส้นกับกู!”  กัดกรามแน่นข่มความเจ็บปวดทางร่างกายและหัวใจไว้เต็มที่  สิ่งที่ผมทำมันส่งไม่ถึงผมไม่เคยท้อ  แต่ผมเสียใจที่พี่ช้างคิดว่าผมปีนเกลียวไม่นับถือพี่ช้าง..

“ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะพี่  ผมแค่อยากให้พี่เห็นว่าผม..”  คำอธิบายของผมถูกหมัดแกร่งของพี่ช้างชกจนเลือดกบ  เซถอยหลังแล้วถูกแรงดึงที่ยังอยู่ที่คอเสื้อดึงเข้ามารับหมัดที่  2  ตรงโหนกแก้ม  หน้าชา..แต่หัวใจปวดปร่า   มองหน้าหล่อที่ผมแอบรักมีแต่ความโกรธขึ้ง  เส้นใยนับพันที่เรียกว่า  ‘รัก’  ในหัวใจผมมันกำลังจะขาด  คนที่ผมรู้สึกดี ๆ ให้กลับทำร้าย  ทำร้ายทั้งหัวใจและร่างกายผมได้อย่างเลือดเย็น  มือที่ตกข้างตัวมีแรงมหาศาลปัดหมัดพี่ช้างที่พุ่งเข้าหา  มืออีกข้างอัดเข้าที่ชายโครงคนตัวใหญ่  มือที่จับคอเสื้อผมปล่อยทันที  ยันเท้าถีบขาแข็งแรงจนพี่ช้างล้ม  ขึ้นคร่อมแล้วปล่อยหมัดขวาเข้าที่หน้า  หมัดซ้ายตามติด  ความเจ็บปวดในอกที่ถูกคนที่แอบรักมาตลอดทำร้าย  ไม่ว่าพี่ช้างจะเข้าใจอะไรยังไงผมก็ไม่ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว..

“ผมไม่ได้ปีนเกลียว!  ที่ผมทำ..ที่ผมทำเพราะอยากให้พี่เห็นว่าผมทำกับพี่มันต่างกับคนอื่น..”  มันจับข้อมือข้างซ้ายผมแน่น  หน้าช้ำ  มีเลือดออกที่มุมปาก  หน้าอกหอบจนกระเพื่อม  แววตาที่มองผมมันทั้งสงสัยระคนแปลกใจ  หมัดที่กำแน่นของผมคลายออกเปลี่ยนมาจับคอเสื้อมันแทน  กัดกรามข่มความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วทั้งตัวเอาไว้   มองตาสีน้ำตาลที่ผมชื่นชมอยู่เสมอแล้วมันยิ่งห้ามความเจ็บในอกไม่ไหว  นิ่วหน้าเมื่อความเสียใจมันกลั่นออกมาเป็น..น้ำตา

พี่ช้างตกใจที่เห็นน้ำตาผม  มือที่จับข้อมือคลายแรงแล้วปล่อยออกช้า ๆ  นิ่งมองตาสีน้ำตาลผ่านม่านน้ำตาตัวเอง  มันถึงเวลาที่ผมควรจะตัดใจได้แล้ว  ร่างกายกับหัวใจผมมันชาไปหมดแล้ว  ยื่นมือออกไปแตะพื้นเบา ๆ คร่อมพี่ช้างเอาไว้  มองตาสีน้ำตาลที่จ้องผมไม่กะพริบ  น้ำตาตัวเองหยดลงที่แก้มพี่ช้าง  หยดแล้วหยดเล่า..มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะเจ็บเพราะการแอบรักครั้งนี้..ผม.....พอแล้ว

 “ผมชอบพี่..  ชอบมาตั้งนานแล้ว  ขอโทษที่ทำให้คิดว่าไม่เคารพ  ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว  ขอโทษครับรุ่นพี่..”  พี่ช้างทำหน้าปั้นยากเมื่อผมบอกว่ารู้สึกอะไร  แค่นยิ้มให้ตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืน  เดินลากขาออกจากบ้านไปทั้งอย่างนั้น..ทั้งสภาพอย่างนั้น  กลับมาถึงบ้านก็เข้าห้องน้ำ  นั่งกอดเข่าร้องไห้ให้พอ  เสียใจให้เต็มที่แล้วไม่ต้องมาเสียใจซ้ำเรื่องเดิมอีก  ลุกมาส่องกระจกเมื่อคิดว่ามันพอแล้ว  มองหน้าช้ำ  ตาบวมปูดแล้วหัวเราะเยาะตัวเอง  เอามือแตะที่มุมปากแล้วส่ายหน้ากับความบ้าที่ทำลงไป  เดินออกจากห้องน้ำแล้วหยิบมือถือที่ส่งเสียงร้องในกางเกงออกมารับด้วยความรำคาญ

“กูปวดหัวก็เลยกลับบ้านแล้ว  แค่นี้ก่อนชีท..กูปวดหัว”  ไอ้ชีทพูดอะไรต่อผมไม่ได้ฟัง  กดตัดสายแล้วหยิบยาแก้ปวดมากิน  2  เม็ด  ทำแผลให้ตัวเอง  หยิบยามานวดตรงที่คิดว่าน่าจะเขียวเป็นจ้ำเสร็จก็โทรบอกแม่ว่าไม่สบายจะไม่ไปหาที่ตลาดแล้ว  แม่สั่งให้กินยาแล้วนอนเลย  วางหูแล้วล้มตัวลงนอน  ภายในหัวใจที่ปวดหน่วงมันกลับมีความสุขที่ได้ระบายความรู้สึกออกไปให้พี่ช้างได้รู้  ได้เห็นสีหน้าลำบากใจที่ผมชอบ..เท่านี้ก็พอแล้ว  ตัดใจได้อย่างสมบูรณ์แล้ว 

หลับตาลงเพราะฤทธิ์ยา  ตื่นขึ้นเพราะเสียงมือถือที่ดังปลุก  หยิบมามองหน้าจอที่มีชื่อ ‘ชีท’  แล้วกดวางทันที  ปล่อยให้มันดังแล้วเงียบไปเอง  ซุกมือถือไว้ใต้หมอนข้างแล้วเอาตีนกดทับไว้  แม่เข้าห้องมาก็พลิกตัวนอนคว่ำหน้าเอาผ้าห่มคลุมไว้  ขอบคุณแม่ที่เอาข้าวมาให้กิน  หลับยาวถึงบ่ายถึงจะลุกมานั่งกินข้าว  เขี่ยหมอนข้างออกแล้วหยิบมือถือมาจ้องดูมิสคอล  20  ครั้งพอดี  พ่นลมหายใจทิ้งเมื่อมันดังขึ้นมาอีก  โยนไว้ข้างตัวแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ  ส่องกระจกดูแผลกับรอยช้ำที่หน้า  มีรอยช้ำที่โหนกแก้มหน่อยนึง  กับรอยแดงที่มุมปาก  เดินออกมาหยิบยาหลอดมาป้ายแล้วนวด ๆ ที่รอย  2   ที่  คิดว่าเย็นนี้น่าจะจางลงอีกจนมองไม่เห็นแน่

ความรักที่ผมมีให้พี่ชายเพื่อน..มันก็จะจางหายไปตามรอยช้ำนี้เหมือนกัน

ยกถาดข้าวลงมานั่งกินข้างล่าง  เดินออกมามองหญ้าสีเขียวสดสะท้อนกับแสงแดดจ้า  สวยจนต้องหรี่ตามองสู้แสงนั้น  ยิ้มบางแล้วหมุนตัวเดินเข้าบ้าน   ยกถาดเข้ามาล้างจานทำความสะอาด  หยิบไม้กวาดมากวาดบ้าน  ถูบ้าน  ทำโน่นทำนี่จนเย็น  เงยหน้ามองรั้วบ้านที่เปิดออก  ยิ้มบางที่เห็นแม่เดินหิ้วถุงกับข้าวเข้าบ้าน   นึกถึงรอยช้ำที่หน้าแล้ววิ่งเข้าไปดูรอยช้ำ  กะพริบตาปริบมองรอยที่จางลงจนเกือบจะมองไม่เห็น  หยิบขวดแป้งเด็กมาเทใส่ฝ่ามือแล้วทาที่หน้ากลบรอยช้ำแล้ววิ่งออกไปรับแม่ที่ห้องนั่งเล่น

“ดีขึ้นแล้วเหรอลูก?  เดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็กินยาไปอีกรอบนะ  ไข้จะได้ไม่กลับอีก”  พยักหน้ารับคำแล้วรีบวิ่งไปหลังบ้านเอาจานชามมาวางที่โต๊ะ  กินข้าวไปก็คอยยิ้มไปไม่ให้แม่กับพ่อห่วง  กินข้าวเสร็จก็รีบกินยาให้แม่เห็น  นั่งดูข่าวก็ฟังพ่อว่าวันนี้หัวหน้าพ่อรับงานที่ต่างจังหวัด   พรุ่งนี้อาจจะกลับช้าหน่อย  พยักหน้าแล้วรับปากว่าจะทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ดีแทนให้เอง  พ่อกับแม่ขำก๊ากก่อนจะไล่ให้ผมขึ้นไปนอน  เข้าห้องได้ก้พ่นลมหายใจทิ้ง  เดินไปกดรับโทรศัพทืที่ดังทั้งวัน

“เออ!  ..ไอ้ชีท  มึงฟังอยู่รึเปล่า?  กูวางนะ  กูกินยาแล้วง่วง”  วางหูทันทีแล้วเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำแปรงฟันเสร็จก็เอายามาทานวดที่รอยเดิมกอนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง  หน้าพี่ช้างโผล่เข้ามาเพียงแวบแล้วหายไปทันที  ยิ้มบางแล้วหลับไปพร้อมเสียงมือถือตัวเองที่ดังกล่อมทั้งคืน..ขยันโทรหากูฉิบหายเลยไอ้ชีท


ตื่นขึ้นมาก็โทรหามัน  มันรับปุ๊บก็ขอบใจมันที่ห่วง  เย็นนี้ผมจะเข้าไปหาจะไปรับกระสอบกลับบ้านมาเลี้ยงด้วย  ไม่ฟังว่ามันจะตอบยังไงก็วางหู  ล้างหน้าแปรงฟันแล้วรีบบอกแม่ว่าวันนี้จะไปนั่งเป็นเพื่อนแม่ที่ตลาดด้วย  ไปตลาดนั่งขายน้ำเป็นเพื่อนแม่เหมือนที่ทำมาตั้งแต่ปิดเทอม  พอบอกตัวเองว่าเรื่องพี่ช้าง..ผมพอแล้ว  ผมก็รู้สึกมีเวลาให้คนรอบข้างและสนใจตัวเองมากขึ้น  เก็บร้านเสร็จแม่ก็ชวนผมไปกินข้าวบ้านยาย  ชั่งใจไม่นานก็โทรบอกชีทว่าผมไม่ไปแล้ว  ไว้พรุ่งนี้ผมค่อยไปรับกระสอบ  แต่ไม่ทันได้บอกว่าที่ต้องยกเลิกนัดเพราะต้องไปบ้านยาย  ผมก็ถูกเสียงทุ้มจากปลายสายปรามาสเข้าเสียก่อน

“ที่ไม่มาเพราะไม่กล้ามาเจอกูมากกว่าล่ะมั้งไอ้เด็กเมื่อวานซืน  หมามึงกูไม่ให้ชีทเอาอะไรให้กินทั้งนั้น  หมาใครก็เอากลับไปเลี้ยงเอง  เปลืองข้าวบ้านกู!”  ตัวแข็งฟังเสียงเงียบเพราะปลายสายชิงวางหูไปแล้ว  ผมรู้ว่าพี่ช้างเป็นคนยังไง  แต่ผมไม่เคยคิดเผื่อไว้ว่า...ถ้าพี่ช้างร้ายกาจกับตัวเองบ้าง  ผมจะทำยังไง 

สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ข่มไม่ให้มือสั่น  กลืนน้ำลายลงคอยากเย็นก่อนจะหันไปบอกแม่ยิ้ม ๆ ว่าวันนี้ผมเบี้ยวนัดไอ้ชีทไม่ได้  แม่คงต้องไปบ้านยายคนเดียว  เดินกลับบ้านมาพร้อมแม่แล้วยืนยิ้มส่งแม่ที่ขับรถไปบ้านยาย  ผ่อนลมหายใจยาว ๆ แล้วเดินออกจากบ้าน  ล็อครั้วแล้วเดินตรงไปบ้านชีท  กัดริมฝีปากกับความมืดที่กำลังมาเยือน  เอาวะ..เป็นไงเป็นกัน !

สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อถึงหน้ารั้วบ้านชีท  เปิดรั้วเล็กพร้อมกับกดโทรออกหาชีท..ไม่รับสาย  กลืนน้ำลายเหนียวกับไฟในบ้านที่เปิดสว่าง  ถือวิสาสะเปิดกรงอุ้มหมาของผมออกมาอุ้ม  ตะโกนบอกคนในบ้านว่าผมมาเอาหมาไปแล้ว  หมุนตัวเดินหันหลังตรงดิ่งไปที่รั้วเล็ก  ยังไม่ทันจะจับรั้วก็มีคนมาขวางซะก่อน  เงยหน้าสบตาสีน้ำตาลดุแล้วกัดกรามแน่น 

“ผมมาเอาหมาผมกลับไปเลี้ยงที่บ้าน  ขอบคุณที่ให้อาศัยอยู่ในกรง”  พี่ช้างจ้องหน้าผมนิ่ง  มือใหญ่คว้าลูกหมาโยนลงพื้นหญ้าก่อนจะลดมือวาคว้าข้อมือผมลากเข้าบ้าน  สะบัดทิ้งก็ไม่หลุดผมเลยดิ้นหนีสุดแรง  พี่ช้างหันมาหาผมทั้งตัวแล้วเอามือมาอุดปาก  ตัวลอยจากพื้นเพราะแขนแกร่งกอดแน่น  ตาเหลือกลานเมื่อพี่ช้างปิดไฟในห้องนั่งเล่น  ทันทีที่พี่ช้างโยนผมลงโซฟาผมก็กลิ้งหนี  ทั้งชกทั้งถีบ  ผมสู้เหมือนหมาจนตรอก  ไม่ยอมอีกแล้ว!

“แรงเยอะนักนะ!”  พี่ช้างดันหลังผมติดผนังบ้านจนหลังเจ็บไปหมด   นิ่วหน้ากับมือใหญ่ที่บีบกรามผมแน่น  มือทั้งสองข้างดันไหล่ดันหน้าออก  หอบหายใจเหนื่อยจนทนไม่ไหว  ผม..สู้แรงพี่ช้างไม่ได้  ยืนหลังชนฝานิ่งนานจนผมหายใจเป็นปกติ  ไม่ได้สังเกตว่าพี่ช้างคลายแรงที่บีบกรามผมไปตอนไหน  ค่อย ๆ ไล่สายตามองตั้งแต่ลูกกระเดือก  ปลายคาง  แล้วหยุดที่ปลายจมูกที่พ่นลมหายใจอุ่นใส่ผม  ผมไม่เข้าใจว่าพี่ช้างเกลียดอะไรผมหนักหนาถึงต้องหาเรื่องทำร้ายร่างกายผมแบบนี้  หลับตาลงช้า ๆ รับชะตากรรมของตัวเอง

“หายไปไหนมาหลายวัน?”  ขมวดคิ้วมุ่นแล้วลืมตาสบตาสีน้ำตาลดุ  ไม่เข้าใจกับคำถาม..

“มึง..หายแล้วนี่  พี่ยังไม่เห็นหายเลย  ใช้ยาอะไร?”  ขมวดคิ้วงงหนัก  เอ่ยปากบอกชื่อยาที่ใช้แล้วขยับตัวเบี่ยงไปหนีข้าง ๆ คนข้างหน้าขยับตามไม่ลดระยะห่างลงเลย  ผมหันหน้าเผชิญดวงตาสีน้ำตาลที่เคยชื่นชมมาตลอด

“พี่จะทำอะไร?  ผมหยุดแล้ว  ไม่ทำแล้ว  ปล่อยผมเถอะ  จะเอาหมาไปเลี้ยงเองไม่มารบกวนอีกแล้ว”  พี่ช้างขมวดคิ้วใส่คำพูดที่ผมบอก  ขยับหน้าเข้ามาชิดจนผมต้องหดคอหนี  หัวใจเต้นแรงกับความใกล้ที่มัน..มากเกินไปแล้ว

“หยุดเรื่องที่มึงรักพี่ด้วยเหรอ?  ตอบสิ...”  หายใจเบาจนอากาศหายใจเริ่มจะไม่พอ  พยักหน้ารับส่ง ๆ แล้วรีบขยับตัวหนีให้พ้นจากผนังตรงนี้  พี่ช้างผีเข้า  รวบผมไปกอดแน่นแล้วซุกจมูกกดเข้ามาทุกที่ที่สามารถจะรุกรานได้  ผมทั้งกลัว  ไม่เข้าใจ  และสับสน   น้ำตาไหลอย่างห้ามไม่ได้  กลัวลนลาน  ตัวสั่นไปหมด

“ขอโทษ  พี่ไม่รู้ว่าที่มึงคอยมอง  คอยกวนตีน  มันหมายถึงมึงสนใจ..”  พี่ช้างหยุดซุกปลายจมูกใส่ผมแล้วเปลี่ยนมากอดไว้หลวม ๆ  กลั้นสะอื้นฟังเสียงทุ้มที่อยู่บนหัวตัวเอง

“มึงต่อยพี่แล้วมึงก็หายหัว  พี่ก็ไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไร  ในหัวมันมีแต่หน้ามึงเปื้อนน้ำตา  ใจมันเต้นแปลกจนพี่ต้องให้ชีทโทรหามึง  พี่รู้ว่ามึงอาจจะเลิกรักพี่  แต่ขอเถอะ  อย่าหยุดจริง ๆ เลยนะ  พอพี่เริ่มรู้สึกเหมือนมึง  มึงก็จะหนีเหรอ?  อกหักมันเจ็บมึงก็รู้นี่  มึงอยากให้พี่เจ็บเหรอตัง?”  น้ำตาที่หยุดไหลกลับไหลออกมาอีก  หัวใจเต้นอ่อนลงจนร่างกายต้องเอนพิงอกหนาของพีช้าง  ฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน  ผมไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกไป  ใช้เงยหน้าขึ้นจูบที่ปลายคางมนของพี่ช้างแทน  รอยยิ้มอ่อนโยนที่ผมหวังจะได้เห็น..ในที่สุดก็ส่งมาให้ผมสักที

พี่ช้างประคองหน้าผมขึ้นมามองก่อนจะก้มลงมาเอาปลายจมูกมาเช็ดคราบน้ำตาที่แก้มผม  ตาเหลือกกับประโยคที่พี่ช้างเอ่ยขึ้นมา  ในหัวคิดเสียใจขึ้นมาทันที..

“มึงร้องไห้บ่อยไม่ดีหรอกตัง  มันทำให้ค_ยพี่แข็งว่ะ”  ยืนตัวแข็งรับปลายจมูกที่คลอเคลียแถวคราบน้ำตา  สะดุ้งกับปลายลิ้นที่แตะเลียที่แก้ม  ขนลุกเกรียวแล้วหายใจเข้าสั้น ๆ ไล่ความกลัวที่กำลังก่อตัวในใจ  ในเมื่อรักไปแล้วผมก็ต้องปรับตัวให้เข้าหากันให้ได้..

ยิ้มบางแล้วหลับตาปล่อยให้พี่ช้างชิมตามใจ  หัวใจพองโตคับอกเมื่อปลายเชือกที่ผมจับอยู่อีกด้าน  มันกำลังจะเชื่อมต่อกับปลายเชือกที่มีพี่ช้างเป็นเจ้าของอยู่  มันไม่ใช่เส้นขนานอีกต่อไป..








มันเป็นวงกลมที่มีเราเป็นเจ้าของร่วมกันแล้วครับ.



END.


แถม
.
.
โต๊ะสี่เหลี่ยมกว้างมีเด็กหนุ่มในชุด รด.ยืนลุ้นอยู่รอบโต๊ะ  หนุ่มหน้าคมตาดุจับไม้คิวสาวไปมา  ตาสวยดุจ้องลูกสีดำสลับสีขาวที่เหลือบนโต๊ะ  จับขอบโต๊ะย่อขาให้ตาอยู่ระดับเดียวกับลูก  เล็งระยะ  ดูเหลี่ยมแล้วมองหลุมมุมขวานิ่ง  โน้มตัว  วางมือลงบนสักหลาดสีเขียวสด  แตะไม้บนหลังมือวางพาดตามร่องตัววีของนิ้ว  ตาคมจ้องลูกขาวตรงหน้าสลับกับลูกสีดำที่อยู่ติดชิ่งตรงกลางด้านบนของโต๊ะ  สาวไม้ไม่กี่หนเพื่อกะแรงที่จะใช้ก่อนจะแทงหัวคิวไปตรงกลางลูกขาว  เด็กหนุ่มที่ยืนลุ้นรอบโต๊ะถึงกับโห่  บางคนผิวปากชอบใจเมื่อลูกดำที่ถูกลูกสีขาวพุ่งชนค่อย ๆ ไหลเข้าหลุมบนขวาไปช้า ๆ ..

พร้อมกับลูกขาวที่ไหลเข้าหลุมกลางซ้ายไปติด ๆ

“เจ็ทเข้!  ไอ้เหี้ยยยยย” เด็กหนุ่มตาดุถึงกับปล่อยไม้คิวร่วงลงพื้น  มือใหญ่ทุบลงบนพื้นสักหลาด  ร้อนถึงเจ้าของโต๊ะต้องออกมาโวย

“ไอ้ช้าง!  เบามือมึงหน่อย  โต๊ะกูไม่ได้ขอมา  กูซื้อมา..”  ตาดุปรายมองเพียงเสี้ยว  เจ้าของโต๊ะถึงกับเงียบเสียงลงทันที   เจ้าของตาดุเดินตรงไปที่โต๊ะกลางมองเงินเดิมพันทั้งหมด  ช้างขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเงินมันทีจำนวนน้อยผิดปกติ  เงยหน้ามองโต้โผใหญ่ที่หาคนมาแทงเอาเดิมพันทันที  ‘กู่ใส่รอนานแล้ว  ฝั่งมึงต่างหากที่ยังไม่ลง  กูไม่ตามหรอก..ให้เกียรติน่ะ’  ช้างผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ข่มความหงุดหงิดกับสายตาแทะโลมของฝ่ายตรงข้าม  หันหลังกลับเดินตรงดิ่งเข้าหาเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อที่กำลังนัวเนียกับเด็กหนุ่มอีกคนที่มุมมืดหลังห้อง  มือใหญ่ของช้างยื่นล้วงควักเงินพนันในกระเป๋าเสื้อเด็กหนุ่มคนด้านนอกออกมานับ  ไม่สนใจว่า  2  คนนั้นจะตกใจหรือไม่พอใจที่เข้ามาขัดจังหวะ

“ทำไมมีแค่นี้ไอ้เต็ม  ขาดไป  200  มึงกับเมียมึงใส่รวมรึยัง?”  เด็กหนุ่มคนนอกไม่ละริมฝีปากที่ประกบจูบกับอีกคน  ล้วงมือเข้าไปในกางเกง รด.ของเด็กหนุ่มคนที่ยืนชิดผนังเจ้าของริมฝีปากสีส้มอ่อนตรงหน้า  เบี่ยงหน้าบอกช้างให้นับเองก่อนจะหันเข้าหาปลายลิ้นร้อนที่เลียมุมปากรอ

“เกมส์เมื่อกี้กูชิงดำแพ้  เสือกแทงขาวลงรูไปด้วย”  ช้างหยิบเงินออกมาตามจำนวนแล้วยัดเงินที่เหลือใส่มือของเด็กหนุ่มที่ยืนติดผนัง  ส่ายหน้ากับความร้อนแรงของคู่รัก  SM  เดินกลับมาที่โต๊ะเดิมที่มาร์คกี้ตั้งลูกรออยู่แล้ว  วางเงินเดิมพันฝั่งตัวไว้ที่โต๊ะกลาง  สาวคิวเปิดก่อนเก็บแดงไป  2  ลูกด้วยประสบการณ์ที่มี  กำลังจะเก็บแดงอีกลูกที่จ่อหลุมบนซ้ายก็ต้องหยุดกึกกับข้อความในมือถือที่ส่งเข้ามา

‘ชีทไปนั่งเล่นกับพี่ต้อที่สวน  ไม่ได้ไปส่งตังกลับบ้านนะพี่ช้าง’  คิ้วเข้มขมวดมุ่น  เมื่อ  3  ชั่วโมงก่อนหน้านี้ตนไปหาแฟนที่บ้านแล้วไม่เจอ  โทรหาน้องชายถึงได้รู้ว่าตังอยู่เดินไนท์กับน้องชายตัวเอง  คุยกัน  2-3  คำก็วาง  เพราะตังไม่ชอบมานั่งรอตนแทงสนุกเกอร์เดิมพัน  ตั้งใจว่าจะรีบเล่นให้เสร็จแล้วไปหาที่ไนท์  แต่คราวนี้คู่แข่งฝีมือสูสีและอายุมากกว่าตนหลายปี  ประสบการณ์เยอะกว่า  แต่ความแม่นยังพอสู้ไหวมันเลยกินเวลายืดเยื้อ  แข่งไปแล้ว  3  เหลืออีก  2  เฟรมก็รู้ผล  ตอนนี้ตนนำอยู่  2-1  แต่ให้เล่นต่อก็ไม่มีสมาธิ  นึกโมโหที่น้องชายปล่อยให้ตังกลับบ้านคนเดียวจนไม่มีอารมณ์เล่นต่อ

“ไว้ต่อวันหลัง  วันนี้กูมีธุระ   เงินเดิมพันมึงเก็บไว้เลย  ทางนี้ไม่ซีเรียส”  ไม่สนว่าฝั่งตรงข้ามจะไม่พอใจแค่ไหน  พอ ๆ กับไม่ใส่ใจว่าฝั่งตัวเองจะยอมรึเปล่า   ขาแข็งแรงก้าวฉับขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างบอกให้ส่งที่บ้านแฟน  ไม่สนใจจะบอกคู่รัก  SM  ที่มาด้วยกันสักนิด  พอถึงหน้าบ้านก็เปิดรั้วเข้าไปไหว้พ่อแฟนที่ยืนรดน้ำต้นไม้  ไม่มีการรับไหว้  ไม่ชายตาแล  ช้างยืนนิ่งมองหน้าพ่อที่เอาแต่มองต้นหมากรากไม้ที่ตนเป็นคนเอามาปลูกให้เมื่อวันหยุดที่แล้ว

“ในครัว..ไม่เกินครึ่งชั่วโมงไอ้เกรียน!”  ยกมือไหว้พ่อที่ยอมหันมาคุยด้วยแล้วหมุนตัวเดินเข้าบ้าน  ยกมือไหว้แม่แล้วกอดตอบอ้อมแขนอุ่นที่กอดต้อนรับตน  แม่ถามว่าทานข้าวเย็นมารึยังก็ยิ้มตอบ  คลี่ยิ้มจนริมฝีปากสีแดงเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม  ยิ้มแย้ม  ตาคมคอยมองเข้าไปทางครัว  ตัวไปไหนไม่ได้เพราะแม่จับแขนไว้ทั้ง  2  ข้าง  สูดลมหายใจเข้าช้า ๆ แล้วพยายามสนใจแม่จนแม่หัวเราะขำ  ยอมปล่อยให้เข้าครัว  เดินกึ่งวิ่งเข้าในครัวแล้วเข้าไปสวมกอดแผ่นหลังบางที่ยืนหันหลังล้างจานหน้าอ่าง  ริมฝีปากสีแดงจูบที่หลังหูเบา ๆ ก่อนจะกระซิบข้างหู..

“พี่ขอโทษที่นานจนตังรอไม่ไหว  ฝั่งตรงข้ามแม่นมาก  เกมส์ยังไม่จบ  แต่ชีทมันปล่อยให้ตังกลับคนเดียว  พี่จะเล่นต่อได้ยัง..”  ตังล้างฟองจากมือหันหลังกลับมาหาคนที่ทิ้งเดิมพันสนุกเกอร์มาหาตน  ระบายยิ้มไว้เต็มหน้าแล้วพูดขัดคนที่ยังพูดไม่จบ

“ไม่เป็นไร  ผมเดินเป็นเพื่อนชีทรอให้พี่ต้อมาเฉย ๆ ไม่ได้อยากเดินเที่ยวเองสักหน่อย   ผมซื้อขนมเบื้องคละหน้าฝากชีทไปให้พี่ช้างด้วยนะ  กินข้าวมารึยัง?”  ผ่อนลมหายใจยาวก่อนจะก้มลงจรดริมฝีปากจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากบาง  กระซิบที่ริมฝีปากที่คลี่ยิ้มอ่อนโยนของตังผะแผ่ว

“ยังครับ..ตังไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ที่บ้านหน่อย  ค้างด้วยเลย..”  ตังยิ้มกว้างกับความเปลี่ยนแปลงของพี่ช้างที่พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมความหยาบดิบให้อ่อนโยนขึ้น  ส่ายหน้าตอบแล้วบอกว่าจะเจียวไข่ราดข้าวให้กิน  เพราะยังไงพ่อก็ไม่ยอมให้ไปแน่นอน  ก็เพราะความตรงและไม่กลัวใครของพี่ช้างนั่นล่ะ  ถึงทำให้พ่อหวงตนแบบนี้  จำได้ว่าพอเจอพ่อปุ๊บ  พี่ช้างก็บอกปั๊บว่าพี่ช้างจะมาเป็นลูกเขยพ่อ  พ่อหน้าแดงด้วยความโมโหแล้วก็ไล่พี่ช้างทันที  รายนั้นยืนเฉยแถมบอกพ่อให้ยอมรับความจริง..

จบข่าว!

ยืนทำไข่เจียวโดยมีพี่ช้างกอดไว้แน่น  เสียงทุบประตูครัวดังตลอดเวลาแต่คนข้างในทำมึนไม่สนใจ  ตังถอนหายใจยาวเมื่อพี่ช้างจับนั่งตักแล้วตักข้าวไข่เจียวใส่ปาก  ชมเปาะตลอดเวลาว่าอร่อยอย่างนั้น  เก่งอย่างนี้  ไม่ยอมให้เดินไปเปิดประตูครัวให้พ่อ  กินเสร็จพี่ช้างก็จับมือไว้ข้างหนึ่ง  อีกข้างก็เอาจานไปล้าง  ตาคมหันมองประตูครัวที่ยังคงมีเสียงเคาะแล้วถอนหายใจยาว..

“พี่รักลูกพ่อพี่ก็ต้องทน  ตังยังทนรักพี่มาได้ตั้งหลายปี  แค่นี้พี่สบาย ๆ อยู่แล้ว”  พูดจบก็ก้มลงหอมแก้มใสอีกฟอดแล้วยื่นมือเปิดประตูครัว  เผชิญหน้าพ่อไม่ยอมปล่อยมือลูก  พ่อหน้าตึงมองพี่ช้างสลับกับลูกตัวเอง  ตาโตเมื่อเห็นมือที่กุมกันอยู่  ยื่นมือจะแยกกลับหยุดไปดื้อ ๆ  ตาสีอ่อนของพ่อมองมือ  2  คนนิ่งนานก่อนจะหันหลังให้  เดินไปดูหนังไร้สาระช่วงทุ่มกว่าของช่องหลายสีกับช่องน้อยสีสลับกันไป   พี่ช้างจูงมือลูกพ่อเดินไปหน้าบ้านก่อนจะให้ตังนั่งเล่นกับกระสอบรอตนก่อน  ขายาวเดินกึ่งวิ่งกลับไปบ้านตัวเองแล้วหยิบถุงกระดาษติดมือกลับมาหาตังกับกระสอบที่รออยู่ที่เดิม  มือใหญ่ล้วงหยิบปลอกคอสีสวยออกมาก่อนอุ้มกระสอบไว้บนตัก  ปลดปลอกคอเดิมออกแล้วใส่ของใหม่แทนให้   ลูบขนนิ่มเบา ๆ  ก่อนจะปล่อยกระสอบลงกับพื้นหญ้า  เสียงกระดิ่งกรุ๋งกริ๋งดังไปรอบสนามบ้าน  ดวงตาสีน้ำตาลดุหันมามองหน้าด้านข้างของตัง  มือใหญ่รวบมือเล็กมากุมไว้หลวม ๆ

“ปลอกคอกระสอบมันเก่าแล้วก็เล็กเกินไป  มันกินจุ  พี่ป้อนหมูปิ้งมันก็กินเกลี้ยง  เทอาหารเม็ดให้ก็กินหมด  โตเอาโตเอาจนปลอกคอขยายไม่ได้แล้ว  พี่เลือกสีที่ตังชอบด้วยนะ..”  ตังหันมายิ้มกว้างให้คนที่พยายามพูดให้เยอะ  แสดงออกให้มากขึ้น  กระชับมือแล้วขยับเข้าใกล้เอนหัวซบไหล่หนาเบา ๆ  พี่ช้างยิ้มบางแล้วก้มหอมผมนุ่ม  นั่งอยู่พักใหญ่ก็พากระสอบเข้ากรง   ตาคมสำรวจมุ้งลวดที่เพิ่งให้ช่างมาเปลี่ยนใหม่ให้กระสอบก่อนจะพาตังเข้าบ้าน  พี่ช้างยกมือไหว้ลาแม่ก่อนจะเดินไปไหว้พ่อ  ตาคมมองสบตาพ่อก่อนพ่อจะพูดเสียงเรียบ

“ถ้าทำลูกกูร้องไห้..มึงตายไอ้เกรียน!”  พี่ช้างตากระตุกอ้าปากค้าง  เพราะสิ่งที่พ่อยื่นคำขาดเป็นสิ่งที่พี่ช้างอยากทำมากที่สุด  หัวใจคนตาดุห่อเหี่ยวก่อนจะรับคำด้วยดวงตาเด็ดเดี่ยว  ก้มหัวลาพ่อแล้วเดินออกมาหน้าบ้านพร้อมลูกพ่อที่ขอเดินออกมาส่ง  จับมือเล็กไว้แน่น  เดินทอดน่องให้ช้าที่สุดมาที่ประตูรั้ว

“ตังน่าจะจะกั้นรั้วที่ถนนอีกฟาก  เราจะได้จับมือกันนานอีกหน่อยไง”  ยิ้มกว้างระบายเต็มหน้าตัง  ขำพรืดกับประโยคหวานจากปากพี่ช้าง  หยุดยืนหน้ารั้วแล้วกระชับมือหนาที่จับไว้เบา ๆ

“ขอบคุณที่อ่อนโยนกับผม  ผมรู้ว่าพี่พยายามเปลี่ยนให้เรามีบรรยากาศของคำว่าแฟนเหมือนคนทั่วไป  ขอบคุณมาก ๆ ครับพี่ช้าง”  พี่ช้างกระชับมือตอบแล้วยิ้มอ่อนโยน

“พี่ไม่ได้ฝืน  แรก ๆ อาจจะดูแปลก ๆ แต่ตอนนี้มันเป็นธรรมชาติไปแล้ว  พี่เป็นกับตังคนเดียวครับ”  หน้าเรียวของตังยิ้มกว้างแล้วอดจะทำหน้าเอ็นดูคนตาดุไม่ได้   ยืนโบกมือส่งพี่ช้างที่เดินไปนอกรัวแล้วเดินเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี   พี่ช้างหันมองแฟนเดินเข้าบ้านแล้วยิ้มบาง  เดินเข้าบ้านเสร็จก็ล้มตัวนอนเหยียดยาวที่โซฟาห้องนั่งเล่น 

ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ เมื่อนึกถึงคำพ่อสั่ง..   









“ฆ่ากูทั้งเป็นชัด ๆ พ่อตา!” 




.
.

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
แถม..อีกนิด
.
.
มือใหญ่จับจอบขุดดินตรงหลังบ้าน  หันหลังประคองต้นม่านบาหลีที่เอามาจากบ้านปลูกข้างชิงช้าไม้หลังบ้านหนุ่มน้อยชื่อ ‘ตัง’  หมุนตัวหยิบสายยาง  เปิดน้ำแล้วลากไปรดน้ำให้ความชุ่มชื่น  เงยหน้ามองพระอาทิตย์ที่เริ่มลดความร้อนแรงแล้วหันสายยางไปรดต้นไม้หลังบ้านต่อ  รดน้ำเสร็จก็เดินเลาะข้างบ้านออกไปสนามหน้าบ้าน   เสียงเห่าบ๊อกแบ๊กทักทาย  พี่ช้างหยุดยืนแล้วเปลี่ยนทิศเดินไปทางกรงหมาที่อยู่ตรงข้าม  มือใหญ่เท้าเอวแล้วก้มมองตาแป๋วของกระสอบ  ยิ้มบางจุดที่ริมฝีปากแล้วยื่นมือเปิดกรง  กระสอบวิ่งเล่นปาในขณะที่พี่ช้างก็รดน้ำต้นไม้ไปด้วย  รดน้ำเสร็จก็หันสายยางใส่กระสอบ  เดินไปข้างกรงหยิบแชมพูมาเทใส่ฝ่ามือ  มืออีกข้างยกขึ้นบีบมุมปากทั้ง  2  ข้างเข้าหากันแล้วสูดลมเข้าจนเกิดเสียง  กระสอบวิ่งเข้าหาแล้วนั่งลงให้พี่ช้างฟอกตัว 

คนในบ้านที่นั่งเท้าคางมองอยู่ยิ้มแก้มปริ  น่ารักทั้งคนทั้งหมา  ยิ่งเห็นคนอาบหยิบสายยางมาล้างฟอง  มองตามมือใหญ่ที่ลูบขนสีน้ำตาลอ่อนแล้วอดทำหน้าเอ็นดูไม่ได้  นั่งเท้าคาง  เอียงคอ  ยิ้มบาง  คิ้วย่น  ตากระพริบปริบแล้วพ่นลมหายใจทิ้งเบา ๆ ตลอดเวลาที่จับจ้องคนอาบน้ำให้กระสอบ  ยิ่งมองยิ่งน่ารักจนต้องเอามือที่เท้าคางมาปิดหน้าแล้วส่ายหน้าใสมือที่กำแน่นแก้ความมันเขี้ยวที่มี

“ตังพี่ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย..ตัง!  เป็นอะไรครับ?!”  ดึงมือออกทันทีแล้วส่ายหน้าทำตาใสแป๋วกลบเกลื่อน  ช้างเห็นแฟนตัวเองเอามือปิดหน้าก็ตกใจคิดไปไกลว่าน้องไม่สบายเลยพรวดรวดเดียวถึงตัว  ตังลุกยืนแล้วเดินจ้ำขึ้นห้องไปหยิบผ้าเช็ดตัวมายื่นให้  พี่ช้างรับมาเช็ดหน้ากับแขนเบา ๆ ..

“ทำไมพ่อกลับช้าครับ”  ตังส่ายหน้าแล้วหันมองโทรศัพท์บ้านก่อนจะเดินไปโทรหาพ่อ 

“พ่ออยู่ไหน?  กลับช้าไม่ให้เข้าบ้านนะ  อ้าว..ครับ  พี่ช้างอยู่ครับพ่อ  ครับ”  ตังหันหน้ามองกวักมือเรียกพี่ช้างให้รับโทรศัพท์พ่อ  มือใหญ่คว้ามาแล้วกรอกเสียงปกติ

“ครับพ่อ”  พ่อต้องค้างที่ไซต์งานต่างจังหวัด  ให้ช้างมานอนที่บ้านอยู่เป็นเพื่อนแม่กับน้อง  พี่ช้างคนตรงถามพ่อเสียงนิ่ง

“ผมนอนกับน้องใช่ไหมครับ?”  พ่อเงียบไปนานก่อนจะตอบเสียงธรรมดาไม่แพ้กัน  ‘ดูตามความเหมาะสม..ลูกกูร้องไห้  มึงตายไอ้เกรียน!’  พ่อวางพี่ช้างกลับถือสายยืนตัวแข็ง  ความตื่นเต้นแล่นปราดตั้งแต่ขนหัวจนถึงขนหน้าแข้ง..วันนี้ได้ค้างกับตัง!  วางหูช้า ๆ แล้วหันหน้ามาหาตังที่ยืนรอฟังเรื่องราวที่พี่ช้างคุยกับพ่อ  แก้มใสขึ้นสีเพราะได้ยินพี่ช้างถามเรื่องนอนเมื่อครู่  อยากรู้ก็อยากรู้  อายก็อาย..

“วันนี้พ่อไม่กลับครับ  ติดงานที่ไซต์  ให้พี่ค้างที่นี่ดูแม่กับตัง  คืนนี้..พี่ขอนอนด้วยนะ”  ใจเต้นตึกตักทั้งพี่ทั้งน้อง  ตังพยักหน้ารับแล้วหมุนตัวหันหลังหนีเข้าครัว  แม่เดินเข้าบ้านมาถามหาน้องพี่ช้างก็ยิ้มกว้าง

“ในครัวครับ  วันนี้พ่อให้ผมค้างเพราะพ่อทำงานไม่เสร็จครับ..ห้องน้องครับแม่”  แม่ยืนนิ่งก่อนจะยิ้มบางเข้าใจ  ยื่นถุงกับข้าวส่งให้แล้วถามพี่ช้าง

“พ่อสั่งอะไรอีกลูก”  พี่ช้างมองแม่นิ่ง  ตอบเสียงชัดพร้อมแววตาเด็ดเดี่ยว

“ดูตามความเหมาะสม..ลูกกูร้องไห้  มึงตายไอ้เกรียน!  ..ผมไม่ทำเด็ดขาดครับ”  แม่ยิ้มแล้วพยักหน้าพอใจ  เดินขึ้นบ้านทิ้งให้พี่ช้างเดินเข้าครัวช่วยพ่อครัวแกะแกงถุงใส่ชามได้ตามสบาย  พี่ช้างยืนซ้อนน้องตังกอดเอวไว้หลวม ๆ ตาดุทอดมองมือเรียวที่แกะยางถุงแกง  ก้มหอมกระหม่อมบางเวลาเทแกงลงชาม  ทำซ้ำ ๆ จนคนแกะแกงหัวเราะน้อย ๆ เปลี่ยนเป็นขำตัวโยน  เดินกอดเอวตามไปที่อ่างล้างจานให้ตังล้างมือ  มือใหญ่จับมือเรียวมาเช็ดที่เสื้อตัวเองเบา ๆ  ไล่สายตาจากนิ้วเรียวขึ้นมาสบตาน้องแล้วยิ้มอ่อนโยน  ก่อนจะหันหลังช่วยยกชามแกงไปวางที่โต๊ะ  ช่วยน้องจัดโต๊ะเรียบร้อยก็ขึ้นไปตามแม่  กินข้าวเย็นเสร็จก็นั่งดูทีวีจนถึงเวลาของข่าวพระราชสำนัก  ดูเสร็จแม่ก็ขึ้นไปนอน  แม่มองหน้า  2  หนุ่มแล้วยิ้มบาง 

“ล็อคบ้านปิดไฟให้เรียบร้อยนะลูก”  พี่ช้างรับคำแต่น้องตังนั่งเหม่อ  แม่ขึ้นไปแล้วหนุ่มตาดุล้วงโทรศัพท์โทรบอกที่บ้านว่าวันนี้จะค้างบ้านตัง  วางหูแล้วหันมองคนที่เอาแต่เหม่ออยูข้างตัว  ยื่นมือหยิบรีโมทในมือเรียวนั่นล่ะ  ตังถึงได้รู้สึกตัว  มือใหญ่ยื่นมากุม  เสียงทุ้มเอ่ยปากบอก

“ขอกางเกงพ่อให้พี่ตัวหนึ่งนะ  เสื้อไม่ต้อง  นอนพี่ไม่ใส่”  ตังกะพริบตาปริบแล้วพยักหน้ารับ  ดวงตาดุมองตามแผ่นหลังที่เดินขึ้นชั้นบนแล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ  ไม่นานตังก็ลงมาพร้อมกางเกงนอนขายาวของพ่อ  ยื่นมือรับแล้วจับมือเรียวบีบเบา ๆ  หนุ่มน้อยสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะเงยหน้าสบตาสีน้ำตาลที่มองอยู่

“พี่นอนที่โซฟาตัวนี้ล่ะ..สบายดี”  พี่ช้างเอ่ยปากบอกเพราะไม่อยากเห็นน้องกลัว  มือเรียวกำกางเกงนอนพ่อแน่นขึ้น  บิดมือออกแล้วก้มหน้าเบี่ยงไปมองทางอื่น  ริมฝีปากยิ้มขื่นก่อนจะวางกางเกงบนโซฟา  หมุนตัวเดินฉับไปทางบันได  หนุ่มตาดุเห็นอาการแปลกของแฟนก็รีบเดินตามแล้วคว้าข้อมือให้หยุดเดิน  ข้อมือเล็กสะบัดหลุด  น้องหันกลับมาเผชิญหน้า  มองหน้าหล่อคมด้วยแววตาเจ็บปวด  ริมฝีปากบางเอ่ยเสียงสั่น

“ผมคิดว่าพี่ช้างรักผมถึงได้เป็นแฟนกัน  แต่มันไม่ใช่..ผมคิดไปเอง  เบื่อเมื่อไหร่..ก็บอก  ผมจะปล่อยพี่ทันที!”  พี่ช้างยืนนิ่งเหมือนหินเมื่อได้ยินสิ่งที่น้องพูด  ส่ายหน้าหวือแล้วพยายามรวบคนตรงหน้าเข้ามากอด  ตังปัดมือใหญ่ทิ้งแล้วหมุนตัวเดินขึ้นบันได  ก้าวขาตามแขนโอบกอดไหล่เล็กที่กำลังสั่น  กอดไว้แน่นก่อนจะก้าวถอยหลังลงจากบันไดมาพร้อมกัน  ริมฝีปากสีแดงอ้อมมาจูบแก้มใส  มองหน้าด้านข้างของน้องที่หลับตาแน่นกัดฟันกรอด  ใจหายไปครึ่งดวง  มือไม้อ่อนยวบ 

“ทำไมคิดแบบนั้นตัง  พี่ไม่เคยไม่รักตังนะ  ไม่เอาไม่ให้ไป  คุยกันก่อน”  ปลายจมูกกดหอมแก้มใสที่เบี่ยงหลบ  พี่ช้างจับไหล่หันกลับมาเผชิญหน้าอีกครั้ง  ย่อตัวจูบปากบางที่เม้มเป็นเส้นตรง    มือสวมกอดอ่อนโยน  กระซิบรักที่ริมฝีปากจนตังนิ่วหน้าเจ็บในอก

“รักเหรอ?  ถ้ารักแล้วทำไมต้องหนี  พี่ไม่อยากนอนห้องเดียวกับตัง  มันฝืนจนต้องมานอนที่โซฟาไม่ใช่รึไง?!”  พี่ช้างส่ายหน้าเกลี่ยปลายจมูกที่แก้มนิ่ม  ‘ไม่ใช่ครับ..ไม่ใช่’  พร่ำบอกอยู่ประโยคเดียว  ไม่กล้าพูดสิ่งที่คิดตั้งแต่ที่ถามพ่อว่าให้นอนห้องเดียวกับน้อง  ทำไมจะไม่อยากกอด  แต่ที่ต้องห้ามใจเพราะรู้อารมณ์ตัวเองดี  ไม่อยากให้น้องเจ็บ..และกลัว  ตาสวยมองหน้าหล่อที่หลับตาแน่น  มือเรียวยกขึ้นลูบแก้มสากเบามือ..

“ตังไม่ใช่เด็ก  ตังไม่บอบบางขนาดนั้น  อย่ากลัวสิ่งที่มันยังไม่เกิด..”  พี่ช้างลืมตามองตาสวยที่มองตนอยู่  คลี่ยิ้มตอบริมฝีปากบางที่ยิ้มอ่อนโยน

“ผมไม่ได้กลัว..แต่ผม.. ‘คาดหวัง’  ต่างหาก”  หัวใจดวงใหญ่พองโตคับอก  ดึงคนตรงหน้าเข้ามากอด  รับรู้แล้วว่าน้องรักทุกอย่างที่เป็นตน  รับได้กับความรักที่เป็นแบบตน  มือใหญ่คลายกอดแล้วจับมือเรียวไว้แน่น  ก้มหอมแก้มอีกฟอดใหญ่แล้วให้ขึ้นไปข้างบนก่อน  ตังยิ้มบางแล้วเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำรอ  พี่ช้างรีบเดินออกไปล็อครั้ว  ปิดบ้าน  ปิดหน้าต่าง  ปิดไฟแล้วรีบตามน้องขึ้นมาด้วยหัวใจเต้นระส่ำ  นอนกับใครมาก็เยอะ  แต่ไม่เคยตื่นเต้นจนตัวสั่นควบคุมไม่ได้แบบนี้   กลั้นหายใจเพื่อข่มความตื่นเต้นแล้วจับลูกบิดประตูเปิดเข้าห้องน้อง  สูดลมเข้าปอดแล้วเบือนหน้าหนีจากภาพคนที่นั่งอยู่บนเตียง   เดินไปทางห้องน้ำแล้วเปิดฝักบัว  ยืนใต้สายน้ำเย็นให้มันล้างความตื่นเต้นออกให้หมด  หยิบสบู่มาฟอกเน้นทำความสะอาดตรงนั้นให้มากที่สุด  ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ แล้วเดินออกมาทั้งอย่างนั้น 

ก้าวมั่นคงเดินตรงมาที่เตียง  หันมองผ้าเช็ดตัวที่พาดตรงเก้าอี้คอมแล้วหยิบมาเช็ดลวก ๆ  ผึ่งที่เดิมแล้วเดินมานั่งข้างแผ่นหลังที่นอนตะแคงหันหลังให้  กำหมัดแน่นแล้วคลายออกช้า ๆ  ยื่นมือไปแตะหัวไหล่  ตังหันหน้ามามองคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ  ข่มความอายแล้วลุกขึ้นนั่ง  ดวงตาดุมองคนที่ลุกขึ้นนั่งเหมือนโดนสะกด  ตังสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะดึงผ้าห่มที่คลุมท่อนล่างออก  ผิวขาวละเอียดสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟหัวเตียง  คนตาดุกลืนน้ำลายเหนียวลงคอสบตาสวยที่หันมามอง  ขยับโน้มหน้าเข้าหาริมฝีปากที่รออยู่  แตะไล้ปลายลิ้นแผ่วเบาไล่ตามรูปริมฝีปาก  แทรกเข้าหาความอุ่นด้านในทันทีที่น้องเผยอริมฝีปาก  มือลูบผิวลื่นมืออ่อนโยน  ปลายลิ้นเกี่ยวพัน  ลมหายใจขาดห้วงหอบหนัก  ผิวกายแนบชิด  สองมือโอบกอด  แผ่นหลังเล็กเอนลงบนที่นอนนุ่ม  ริมฝีปากละจากผิวหน้าสูดดมผิวกาย  ปลายลิ้นเลียชิมทุกซอกทุกมุม  มือเรียวสอดไล้ตามเส้นผมนุ่มของพี่ช้างตามแรงอารมณ์  สะดุ้งเฮือกกับปลายลิ้นที่แตะลงบนส่วนที่แข็งขืนที่สุดในร่างกาย  เสียงครางหวิวปลดปล่อยไม่ทันกลั้น  หน้าใสส่ายไปมาจนต้องหันข้างดึงหมอนที่หนุนมาปิดหน้าที่บ่งบอกถึงอารมณ์ที่กำลังทะยานขึ้น  ริมฝีปากบางครางเสียงแผ่ว  ลมหายใจร้อนไล้ลามลงมาที่ช่องทางร้อน  ปลายลิ้นตวัดแตะก่อนจะห่อแล้วลงลิ้นหนัก  น้องดิ้นพล่านจิกผมแน่น

“อื้ออออ  ฮ่าฮ์..พี่ช้าง”  คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมองผลงานชิ้นเลิศที่นอนหอบหายใจแหงนหน้าเชิดตามแรงปรารถนาจนทนไม่ไหว  ยันตัวขึ้นจูบริมฝีปากยั่วอ้าเผยอ  ปลายลิ้นเกาะเกี่ยว  จดจ่อความต้องการที่ช่องทางร้อน  ดันเข้าทีละนิดแล้วผละออกมากัดริมฝีปากตัวเองสะกดอารมณ์ดิบที่กำลังพุ่งพล่านหนัก  ปล่อยมือจากผิวลื่นมือที่ลูบไล้ด้วยความอ่อนโยนมากำหมัดแน่น  กัดฟันกรอดจนกรามขึ้นเป็นสัน  หลับตาแน่นหายใจถี่ 

ตังกะพริบตาปริบมองคนที่รักมาตลอดกำลังข่มอะไรบางอย่างในตัวเอง  ยิ้มบางจุดทั่วใบหน้าก่อนจะยันตัวนั่งแล้วกอดพี่ช้างเอาไว้  มือเรียวลูบหลังเบา ๆ  สะโพกขยับเข้าหากันทีละนิด  พี่ช้างคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งแล้วกอดตอบน้องเบามือ  ความอ่อนโยนของตังพยายามละลายความดิบที่คุในอกพี่ช้าง  คนตาดุนิ่วหน้าเมื่อความต้องการของตนเข้าไปอยู่ในตัวน้องเกือบครึ่ง  หายใจถี่แล้วกอดตังแน่นขึ้น  น้องยิ้มอ่อนโยนแล้วดันพี่ช้างนอน  คร่อมเอวแล้วกดสะโพกลงช้า ๆ  มือเรียวจับมือใหญ่มาจูบ  อกกระเพื่อมหนักก่อนจะบอกเสียงสั่น

“มันฝืด..ช่วยหน่อย”  เลี่ยงคำว่าเจ็บเพราะไม่อยากให้ครั้งแรกของตนกับพี่ล้มเหลว  น้ำลายถูกป้ายครั้งแล้วครั้งเล่า  หน้าใสเหยเก  อดทนกับความเจ็บจนทนไม่ไหว  ยิ้มให้พี่ช้างที่บอกเสียงทุ้มว่า  ‘พอเถอะครับ  วันหลังก็ได้..’  จับมือที่พยายามดันน้องให้หลุดจากความเจ็บที่กำลังเผชิญ  ตังยิ้มบางแล้วหย่อนตัวเองลงช้า ๆ รับความต้องการเข้ามาทีละนิดจนสุด  น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่

ตาดุมองหยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย  อารมณ์ดิบที่ข่มไว้แตกกระเจิง  จับเอวบางไว้มั่น  ยันตัวขึ้นไล้เลยปลายลิ้นแตะคอขาวลากขึ้นมาตามทางของหยาดน้ำใสที่หยดลงมา  ถดสะโพกออกแล้วดันเข้าเป็นจังหวะ  ขบเม้มเนื้ออ่อนตามซอกคอขาว  ลากไล้ปลายลิ้นรองหยดน้ำตาจากตาสวยที่ปล่อยให้ไหลตามความเจ็บปวดที่ร่างกายได้รับใต้คางเรียว  ลมอุ่นเป่ารดกันและกัน  ความเจ็บค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ตังไม่เคยได้รับ  ขยับสะโพกรับจังหวะที่สวนขึ้นมา  ก้มหน้าประกบริมฝีปากสีแดงที่จูบปลายคาง  กอดคอหนาปล่อยอารมณ์ล่องลอย  สะดุ้งกับความต้องการของพี่ที่กระแทกเข้าหาถี่  แหงนหน้าเริดเมื่อความต้องการกำลังจะปลดปล่อย  ร้องขออย่างไร้เดียงสา..

“พี่ช้าง..ตัง  ช่วยด้วย..อื้อออ”  พี่จับสะโพกตังยกสูงแล้วดันเข้าแรงหลายครั้งจนหน้าท้องถูกน้ำข้นอุ่นฉีดพุ่งใส่  ความรัดแน่นตอดเร้าจนหนุ่มตาคมทนไม่ไหว  ดันสะโพกน้องออกแล้วเอื้อมมือรูดรั้งปลดปล่อยด้านนอก   มือเรียวกอดคอลูบหลังเบามือ  หน้าผากแตะแผ่วเบา  สบตาดุคมที่ฉ่ำปรือ  ลมหายใจอุ่นแลกประสาน  ยิ้มบางส่งให้กันพร้อมริมฝีปากที่แตะเข้าหากันผะแผ่ว 

“เจ็บรึเปล่า?  กินยาก่อนค่อยนอนนะ”  พยักหน้าแล้วเกลี่ยปลายจมูกเบา ๆ  จูบริมฝีปากสีแดงที่พร่ำบอก  ‘รัก..รัก’  ผ่อนลมหายใจยาวเพราะสู้กับความเพลียไม่ไหว  ซบหน้ากับไหล่หนาก่อนจะหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ  พี่ช้างลูบหลังบางเบามือ  ประคองน้องนอนก่อนจะก้มหอมแก้มใสเบา ๆ  ลุกไปเอาผ้ามาเช็ดทำความสะอาดให้น้องก่อนจะเข้าไปอาบน้ำล้างตัว  รีบแต่งตัวให้น้องแล้วปลุกมากินยา  ตระกองกอดไว้กับอกไว้ทั้งคืนหลับใหลไปด้วยกันด้วยความอิ่มเอม

ตื่นขึ้นมาก็ยังคงกอดไว้แน่น  ปลายจมูกกดหอมไปทั่วหน้าปลุกคนที่นอนตื่นรับวันใหม่  ดวงตาสวยเบือนหลบเลี่ยงไม่ให้เห็นว่ากำลังอาย  พี่ช้างยิ้มกว้างกอดแน่นจนน้องประท้วงขออากาศ  ลุกจากที่นอนก็เดินไม่ปกติ  มันร้าวไปทั้งตัวจนร้อนถึงคนทำต้องประคองไว้  น้องพยายามฝืนเดินไปมารอบห้องจนเริ่มจะชินกับความเจ็บ  เดินลงข้างล่างโดยมีพี่คอยเดินตามติดลงจากบันได  น้องหลบตาแม่ที่มองมาก่อนจะเดินตัวตรงเข้าครัว  พี่ช้างสบตาแม่แล้วก้มหัวขอโทษแม่นิ่ง  แม่ถอนหายใจยาวแล้วเดินเข้ามากอดไว้หลวม ๆ  ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปาก  มีเพียงการให้อภัยด้วยกอดอุ่นเท่านั้น  แม่บอกพี่ช้างว่าจะออกไปเปิดร้าน  ให้พี่ช้างอยู่บ้านกับน้อง  วันนี้ไม่ต้องตามไปช่วยที่ตลาด  พ้นหลังแม่หนุ่มตาดุก็เดินเข้าไปหาน้องที่นั่งเอาหัวพิงเก้าอี้อยู่  นั่งคุกเข่าตรงหน้าแล้วเอาคางเกยตัก  กอดเอวบางไว้หลวม ๆ

“ยังเจ็บอยู่เหรอครับ?”  ตังสบตาสีน้ำตาลที่มองมาอย่างห่วงใยแล้วเอื้อมกอดคอพี่ช้างเข้าหาตัว  ‘ไม่แล้วครับ..มันแค่เหมือนมีอะไรอยู่ข้างในอ่ะ’  กอดน้องแน่นขึ้นซุกหน้าเข้าหาเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักของตัง  เอ่ยปากขอโทษอู้อี้ที่หัวใจน้อง  ตังยิ้มกว้างแล้วก้มหอมหัวเกรียนเบา ๆ  เสียงเปิดรั้วทำให้  2  หนุ่มผละออกจากกันทันที  พี่ช้างกดไหล่น้องให้นั่งที่เดิมก่อนจะยิ้มให้น้องไม่กังวล  ก้าวเท้ามั่นคงออกไปรับพ่อที่หน้าบ้าน   พ่อเดินลงจากรถโดยมีพี่ช้างรับกระเป๋ากับเสื้อคลุม  พ่อสอดส่ายสายตามองหาน้องก่อนจะหันมาห้าคนตาดุที่ยืนนิ่ง

“ไอ้เกรียน..น้องล่ะ?”  พี่ช้างกลืนน้ำลายเหนียวแล้วบอกเสียงปกติ  ‘ในครัวครับ’  พ่อขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ

“แล้วไม่ออกมารับพ่อล่ะ  ลูกคนนี้นี่”  ขาแข็งแรงก้าวตามพ่อเข้าบ้าน  พ่อเดินตรงไปที่ครัวก่อนจะยิ้มให้น้อง  ตังยิ้มตอบพ่อแล้วฝืนลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินมาหาพ่อ  พี่ช้างรีบพุ่งเข้ามาประคองน้องที่กำลังจะเดินออกมาหาพ่อทันที  สายตาของคนที่ผ่านโลกมาแล้วอย่างพ่อเบิกกว้าง  ริมฝีปากสั่นอ้าพะงาบก่อนจะมองหน้าลูกกับพี่ช้างสลับกัน

ลูกเบือนหน้าหนี  หน้าสำนึกผิดกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น..

พี่ช้างสบตาพ่อนิ่งก่อนจะเม้มปากกลั้นยิ้มเมื่อหันไปมองเสี้ยวหน้าน้องที่เบือนหลบตาพ่อ  ชัดเจนมาก..ชัดเสียใจคนเป็นพ่อทำอะไรไม่ถูก..

ริมฝีปากสั่นระริก  มือกำหมัดแน่นข้างหนึ่ง  อีกข้างชี้หน้าลูกเขยที่ยิ้มกว้างมองลูกชายตัวเองไม่วางตา..






       
“ตายซะเถอะ!  ไอ้.. ช้างยิ้ม!"



END.

กอดรวบ!  ตัดแบ่งได้  3  ตอน  อย่าเพิ่งขี้เกียจอ่านนะคะ ^^
รีบเอามาส่งก่อนจะขอลายาว  ทำงานๆๆๆๆ  เจอกันอีกทีวันจันทร์เลยค่ะ
คุณ Mouse2U  น่ารักเนอะคะ  ใช่ค่ะ  น้องตามสตอล์กพี่มาตั้งนานแล้ว555  ส่วนพี่ต้อ  ก็หน้าหวานอยู่นะคะ  แต่สู้ชีทไม่ได้ค่ะ ^^
คุณ nekko  น่ารักเนอะคะ สนพี่สตอล์กเหรอคะเตง  จิไม่ได้เขียนถึงเลยค่ะ  พี่มีบทแค่นั้นค่ะ  คึคึ
คุณ  Noo_Patchy  กอดและใช้อีโมเขินๆ ^^
คุณ  KKKwanGGG  น่ารักดีเนอะคะคู่นี้  ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตาม  บวกๆค่ะ ^^
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
อ่านช่วงแรกๆๆสงสารน้องตังมากๆๆ  :mew6:อยากมะเหงกพี่ช้างจริงๆๆ. :katai1:

ยาวแค่ไหนก็อ่านคุณจิ :กอด1: :L2: :pig4:



ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เกือบไปแล้วนะพี่ช้าง! กล้ามากที่ทำน้องตังเสียใจ ตอนพี่ช้างต่อยน้องเราอยากจะพุ่งเข้าไปเสยพี่ช้างสักทีจริงๆ ค่ะ :z6: ชิชะ! ขอบคุณสวรรค์…ที่มอบดวงตาให้พี่ช้างไม่หน้ามืดตามัวหลงรักแต่เต็มคนเดียวนะคะเนี่ย ที่เซอร์ไพรส์สุดๆ ก็คงเป็นความอ่อนโยนของพี่ช้างนี่ล่ะค่ะ ที่พี่ท่านอุตส่าห์เค้นออกมาหลืบลึกๆ เพื่อน้องตัง ทำให้พี่ช้างดูน่ารักและอบอุ่นขึ้นมาทันตาเห็นเลยค่า ทำดีมากค่ะพี่ช้างงง..ง้าง..ง้าง..~

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
555555  :m3: :m3: :m3: ขำพี่ช้างกับคุณพ่อ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ไม่คิดว่าพี่ช้างจะยอมปรับตัวขนาดนี้  :-[

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
พี่ต้อกับน้องชีท  :o8: น่ารักมาก
แหม อ่านตอนแรก ๆ ก็คิดว่าพี่ต้อหลงรักน้องฝ่ายเดียว ปลื้มจนเกือบกลายเป็นสตอล์เกอร์
แต่กลายเป็นว่า น้องหลงรักพี่ต้ออยู่ก่อนแล้วซะงั้น  งานนี้ต้องขอบคุณน้องหมาเนอะ
ที่เป็นตัวกลางให้ทั้งคู่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกันจริง ๆ จัง ๆ ไม่งั้นก็แอบมองกันไปมาอยู่นั่น
ชอบที่พี่ต้อรักสัตว์มาก ๆ เลย จะยกให้ใคร คนนั้นก็ต้องสามารถดูแลได้ดี จริง ๆ นะ
สองคนนี้เหมาะสมกันมาก น่ารัก อบอุ่น อ่อนโยน หวานกันจริง ๆ

คู่น้องออกจะหวาน แต่คู่พี่นี่สิ กว่าจะรักกันได้ พี่ช้างใจร้ายมากอ่ะ สงสารน้องตังT^T อ่านแล้วน้ำตาคลอ
แอบรักคนที่เขาไม่เห็นเราในสายตาสักนิด พยายามบอกรักเขาก็ไม่แล แค่นี้ก็เศร้ามากแล้ว
ทำไมต้องชกน้องตังด้วยอ่ะ น้องไม่ได้ทำอะไรเลย นั่งอยู่เฉย ๆ แท้ ๆ โมโห ๆ  :m16:
สะใจที่น้องตังสวนกลับพี่ช้างมาก ๆ  เป็นเราจะเอาให้น่วมกว่านี้อีก ไม่ยกโทษให้ง่าย ๆ ด้วย ชิ
แต่อย่างว่า น้องไม่ใช่เรา แล้วน้องก็รักพี่ช้างมาก ได้รักกันสุขสมหวัง ก็ดีว่าเจ็บแค้นกันล่ะเนอะ
ยิ่งพอเป็นแฟนกันแล้ว พยายามเปลี่ยนตัวเอง มาออดอ้อน อ่อนโยน พูดเพราะ ๆ กับน้อง
มาพบพ่อแม่ ขอคบกับน้องอย่างเปิดเผยนี่ ชอบมาก ๆ ยิ่งเจอคุณพ่อหวงน้องตังนี่ยิ่งสะใจ 555
ไป ๆ มา ๆ อนาคตพี่ช้างเหมือนจะได้เข้าสมาคมเกลียมัว ซะด้วยนะนั่น อิอิ
ถึงจะบ่นพี่ช้างเยอะไปหน่อย แต่ก็ชอบแนวนี้มาก  แบบเกลียดกันก่อนแล้วค่อยรักกันเนี่ย
อยากรู้ว่าตอนรักกัน จะหวานกันขนาดไหน   
ขอบคุณ คุณจิ ค่ะ  :L1:


ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
พี่ช้างน่ารักมากกกกก อย่างกับคนละคนจากตอนแรก
ชอบพ่อตากับลูกเขยคู่นี้ ดูเป็นไม้เบื่อไม้เมา55

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พี่ช้างมีอารมณ์(หื่น)ตอนน้องตังร้องไห้ใช่ป่ะ พอพ่อตาบอกห้ามทำน้องร้องไห้ พี่ช้างเลยซึม 55
แต่อ่านตอนแรกนี่ร้องไห้เลยอ่ะ สงสารตัง สรุปว่าพี่ช้างเป็นพวกผู้ชายทื่อๆสินะ ไม่บอกก็ไม่รู้ แถมคิดว่าน้องกำลังปีนเกลียวซะอีก
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
โอ๊ยยยย ชอบพี่ช้างกับน้องตัง น่ารักที่สุดเลย

คุณพ่ออย่างฮา พี่ช้างไม่สำนึกนะเออ :z1:

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
แรก ๆ สงสารตัง ตอนหลังขำพี่ช้างกับพ่อ คู่นี้ก้อสนุกมาก (แต่ยังงัยผมก็ยังชอบคู่เต็ม - โอมที่สุดอยู่ดี) รอคู่อื่น ๆ ต่อนะครับ

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
ความรัก


ปุจฉา.. 

อะไรเอ่ย..ยิ่งหนี  ยิ่งเจอ 

ยิ่งใกล้..ใจยิ่งเต้น   



แดดยามเย็นอาบไล้ผิวกายจนต้องกระเถิบระถดก้นหนีเข้ามานั่งให้พ้นแสง  มองมือเรียวนิ้วยาวสวยของตัวเองที่จับหลอดดูดสีฟ้าอ่อนคนน้ำสีเขียวในแก้ววนไปมา  เพ่งจ้องก้อนน้ำแข็งที่อยู่ในแก้วด้วยความปลดปลงปนสมเพช  น้ำแข็งป่นที่อยู่ในแก้วเมื่อ  1  ชั่วโมงก่อน  มันก้อนใหญ่กว่านี้นะ  ทำไมมันถึงได้ยอมแพ้กับสภาวะภายนอก  ละลายไปทีละนิดทีละน้อยแบบนี้  ไม่มีจุดยืน!  หน้าตึงกับการต้องนั่งอยู่ที่เดิมจนต้องคอยอ้าปากขยับกรามแก้เมื่อย  หลีกเลี่ยงการสนทนาน่าเบื่อที่คนอื่นพยายามทักทาย  เข้าใจว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม  แต่การต้องคอยปั้นหน้าเหมือนการปั้นน้ำเป็นตัวมันเมื่อย..เมื่อยทั้งปากและเสียเปล่ากับการคิดประมวลผลหาคำทักทายกลับ

‘ไม่มีเรียนแล้วเหรอ?’..  ‘อื้ม  คาบนี้ว่างน่ะ’

‘ทำไมนั่งคนเดียวล่ะ?’.. ‘เพื่อนไปหาอะไรกินน่ะ’

‘ปั้นโดดเรียนเหรอ?  เด็กไม่ดีนะ’.. ยิ้มแล้วส่ายหน้าตอบไปเฉย ๆ  คิ้วเริ่มกระตุกขมวดเป็นปม  ข่มความหงุดหงิดที่ต้องนั่งรออยู่เฉย ๆ ทนรับการทักทายของเพื่อนร่วมรั้วโรงเรียน  แค่ยิ้มอย่างเดียวมันก็เพียงพอต่อการทักทายซึ่งกันและกันแล้ว  จะต้องสรรหาประโยคมากมายมาพูดคุย  แล้วต้องยืนรอคำตอบทำไม?! 

‘รอใครวะ’.. ‘พ่อมึงไง’  เริ่มหายใจไม่ค่อยปกติ  รู้สึกไม่ผ่อนคลาย  อึดอัดในหลอดลมแปลก ๆ

‘ทำไรปั้น’..  ‘ขี้ว่ะ’  ...ดีขึ้น..นิดนึง

‘นั่งดักใครวะปั้น’.. ‘ตัวเหี้ยที่กูส่งไปหน้ารัฐสภา  ได้เวลาอาหารแล้วแม่งยังไม่มา  ไปตามให้กูหน่อย’  อาห์.. เหมือนต้นไม้ขาดน้ำแล้วได้น้ำมาหล่อเลี้ยงให้รากแข็งแรง  ผมรู้สึกได้ถึงการปลดปล่อยความอึดอั้นในอกที่กำลังพอกพูนขึ้นมาเงียบ ๆ  นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมสื่อสารกับมนุษย์โลก  หลังจากนั้นผมก็หันมาสนใจสสาร  และสิ่งมีชีวิตที่อยู่แค่รัศมีรอบตัวในระยะ  30  เซนติเมตร  มดที่ไต่ขึ้นโต๊ะ  บี้บดกำจัดไปให้พ้นทาง  ลมพัดรอบตัว  เบี่ยงหลบมันไม่ให้ระคายผิวและเส้นผมสลวย  จับจ้องน้ำสีเขียวที่เจียดเงินซื้อ  ดูดทิ้งลงกระเพาะอาหารไม่ปรานี  นั่งนิ่งจ้องน้ำแข็งและตำหนิมันก่อนจะพ่นลมหายใจทิ้ง

หมดแล้วซึ่งความอดทนรอทั้งมวล

หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายไหล่  เปล่าจะไปเป็นกรรมกรที่ไหน  เป้ใบนี้เป็นกระเป๋าของโรงเรียนที่บังคับให้เด็กนักเรียนอย่างผมใช้  ผมก็ใช้  ใช้อย่างเดียว  ไม่ค่อยได้ใส่ใจมันมากเท่าที่ควร

“ไอ้ปั้น   รอก่อน  ขอโทษที่ให้รอนาน  ปุ้มมาหากูน่ะ  กูเลยไม่รู้จะหนีออกมายังไงดี  นี่ถ้ามึงอยู่..มันก็คงไม่นานขนาดนี้หรอก..”  หันหลังกลับแล้วหรี่ตามองหน้าหมาหอบแดดของต้นตอการรอคอยอันยาวนาน   วันนี้มันมีเรียน รด.  มันสั่งให้ผมรอผมก็ทำตาม  เย็นแค่ไหนผมก็รอ..แต่มันกลับปลีกตัวหนีผู้หญิงไม่ได้  แค่นี้ทำไม่ได้?  ตอแหลตอหลดน้ำลดมดกินไส้เดือนจริง ๆ ทำพูด  ‘กูไม่รู้จะหนียังไง’  อ้าปากก็เห็นไข่  มึงไม่ปฏิเสธมันก็ยิ่งตาม..แม่งเหมือนหนอนเจอปลาร้า   สะบัดพรืดจ้ำอ้าวไปหน้าโรงเรียน  ขายาวของมันก้าวตามจนแซงผมไปดักข้างหน้า  หยุดความเร็วของเครื่องยนต์  400  แรงม้าในตัวไม่ทันหน้าเลยชนกับอกมันเต็มที่

“รอนี่ล่ะ  เดี๋ยวไปเอามอไซค์มาก่อน  รอนะปั้น”  มันจับไหล่ผมเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน  มือมันยึดกระเป๋าเป้ที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่จะทำให้ผมนึกถึงตราดอกบัวสัญลักษณ์ประจำโรงเรียนไว้เป็นตัวประกัน    จริง ๆ มันเคยเป็นสีชมพูสวยมาก  แต่ด้วยเวลาที่ล่วงเลย  สีชมพูกลีบบัวเลยถอยหลังลงเป็นสีโอลโรสแทน  ถอนหายใจยาวแล้วพาตัวเองกระเถิบไปยืนริมรั้ว  ผมเบื่อที่จะต้องคอยทำตามใจมัน  แต่การขัดใจ..มันก็ไม่เป็นผลดีกับชีวิตผม  ไม่รู้สิ..ผมไม่ได้ชอบ  แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกแย่  มันชอบให้ผมนั่งรอ  ให้ผมเก็บการบ้านไว้ให้มันลอกเป็นคนแรก  แล้วก็อีกหลายอย่างที่มันบังคับใจผม  ไม่ได้หมายถึงมันข่มขืนผม!   มันไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดนั้นน่า 

ได้แต่ถอนหายใจยาวทิ้งหลายครั้ง  ผมไม่เคยบอกมันด้วยความจริงจังว่าผมไม่ชอบในสิ่งที่มันบังคับผมหลายเรื่อง    เพราะฉะนั้น..ผม..ก็ต้องทนต่อไปนั่นล่ะ  นี่เป็นคำตอบเดียวที่มีเครื่องหมายถูกสีแดงเข้มที่ตอกอยู่กลางหน้าผากผม!  พ่นลมทิ้งแล้วระบายมันออกมาผ่านรอยยิ้มปลดปลง  เงยหน้ามองรองเท้าสีดำ  สีน้ำตาลที่เดินผ่านมุ่งหน้าออกไปทางประตูโรงเรียน  ยกมือส่งให้เพื่อนห้องเดียวกันที่โบกมือลาอีกฟากถนน     พิงหลังกับกำแพง  กอดอกและ..เบี่ยงหน้า  45  องศา  มองไปหน้าโรงเรียน  มุมนี้ผมหล่อน่าลากสุด ๆ แล้วครับ

“พี่ปั้นกลับบ้านยังไงคะ?”  เบือนหน้ามองต้นเสียงใสที่เอ่ยปากถามผม  ยิ้มน้อย ๆ คลายมือที่กอดอกออกแล้วดีดหลังออกจากกำแพงรั้ว  ตอบน้องเก๋ด้วยเสียงที่ใครได้ยินก็ต้องระทดระทวย

“กลับกับพี่..”  หุบปากฉับเพราะเสียงที่เปล่งออกมามันแตกห้าว  ขมวดคิ้วมุ่นกับเสียงที่แปลกไปของตัวเอง  ยกมือขึ้นจับแถวลำคอแล้วพยายามส่งเสียงออกมา

“อะ  แอะ  แค่ก ๆ”  มัน..มันไม่ใช่เสียงผม  บร๊ะเจ้า!  อย่าได้พรากเอาเสียงทรงเสน่ห์ไปจากผม!  ล้อเล่นน่ะ555  แกะมือใหญ่ที่ตะปบต้นคอลามมารวบทั้งคอตัวเองออกอย่างยากลำบาก  น้ำตาปริ่มเพราะหายใจหายคอไม่สะดวก  กะพริบตาปริบมองน้องเก๋ที่ยืนส่งยิ้มให้ผม  ละมือจากการแกะออกมาโบกมือตอบก่อนที่ภาพน้องเก๋กับเพื่อนร่วมโรงเรียนคนอื่นค่อย  ๆ  จางหาย 

คอเป็นอิสระแต่ตัวกลับถูกกอดคอเอาไว้  ก้มหน้าลงแล้วฝังเขี้ยวลงที่แขนที่รัดแน่น   มันหัวเราะร่าประหนึ่งว่าผมกำลังแทะแขนมันด้วยความหมั่นเขี้ยว..ทั้งที่เรื่องจริง  ผมกัดมันจมเขี้ยว!  ถึกฉิบหาย  พ่นลมทิ้งเมื่อมันปล่อยให้ผมเป็นอิสระ  โยกหัวไปมาตามแรงขยี้มือที่หัว  ผมเซ็งเกินกว่าจะเงยหน้ายิ้มกว้างชอบที่มันลูบหัวเหมือนทุกครั้ง  ก้าวขาคร่อมซ้อนมอเตอร์ไซค์ทำคอตกไปจนถึงหน้าบ้านตัวเอง  โดดลงรถแล้วเดินตัวปลิวเข้าบ้าน  ดุ่ม ๆ เข้าหลังบ้านมาเปิดตู้เย็น  หยิบน้ำมาดื่มแบบไม่ต้องใช้แก้วให้เปลืองทรัพยากรโลก  หมุนตัวออกจากห้องครัว   สบตาจัง ๆ กับ  ลี  ดอง  วุค ที่ยืนยิ้มน้อย ๆ ตรงประตูตู้เย็น  ไม่ลืมที่จะกอดอกตัวเองแล้วหันหน้ามองไปทางส้วมในมุม  45  องศา  ปรายตามองและยิ้มหล่อตอบ ลี  ดอง  วุค  ตรงตู้เย็น..ผมหล่อครับมุมนี้

“มึงชอบ?”  สะดุ้งจนเผลอคลายมือที่กอดอกตัวเองไว้  กะพริบตาปริบมองหน้าคมของเพื่อนที่กำลังมองรูป ลี  ดอง  วุค  ที่ผมแปะตู้เย็นเอาไว้  ยักคิ้วข้างเดียวตอบคำถามมันแล้วเบือนมอง ลี  ดอง  วุค  ยิ้มเยิ้มก่อนจะปรี่เข้าไปโอบตู้เย็นกอดรัดไอดอลเกาหลีไว้แนบอก  อยากได้แบบนี้อ่ะ~ 

ไอ้ตูนอิจฉาที่ผมกอดคนหล่อมันเลยจะกอดบ้าง  แต่มันคงขี้เกียจดึงมือเหนียวปานตุ๊กแกเกาะข้างฝาของผมออก  มันสวมกอดผ่านตัวผมไปเลย

“we  love  you..ลีดองวุค”  มันขำพรืดแล้วออกแรงกอดผมแน่นขึ้น  รีบผละออกจากตู้เย็นเพราะกลัวไฟฟ้าช๊อตใส่  ดิ้นหนีขลุกขลักจนพ้นจากอุ้งมือมารหัวขนดกดำอย่างมัน  บีบนวดตามแขนเรียวนิ้วงามของตัวเอง  เดินตามแผ่นหลังกว้างที่ตรงไปที่ห้องนั่งเล่นบ้านผม   หน้าหงิกมองมันเปิดทีวีนอนเหยียดยาวบนโซฟาอย่างสบายอก 

“มึงไม่กลับบ้าน?”  มันไม่ได้ตอบคำถามผมแต่ถามผมกลับจนผมลืมเรื่องที่ถามมันว่ามัน..ทำไมยังไม่กลับ

“มึงดูข่าวน้ำท่วมป่าวปั้น  น้ำมันทะลักเข้าท่วมบ้านคน   แม่งโคตรน่ากลัว” พยักหน้ารัวเร็ว  ปรี่เข้าไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันแล้วรีบประสานมือเล่าเหตุการณ์ที่ผมได้ฟังจากญาติที่อยู่แถวนั้น  บังเอิญว่าญาติผมไปรับลูกที่โรงเรียนนั้นพอดี  รถติดยาวเป็นแพ  ต้องจอดรถทิ้งไว้บนถนน  ลุยน้ำท่วมถึงเอวเข้าไปหาลูกที่ติดอยู่ในห้องเรียน  ไม่รอเรือจากหลวงที่เข้ามาช่วย  เพราะระดับน้ำที่มันสูงขึ้นเรื่อย ๆ  ขาเข้าแค่เอว  ขาออกถึงอก  ลูกนี่ปีนไปนั่งคร่อมคอยังกะแห่นาควนรอบโบสถ์ 

“น้ากูมันยังใจสั่นไม่หายเลยไอ้ตูน  ดีที่น้องพีมไม่เป็นไร  ไม่งั้น..กูคงจะช่วยอะไรเขาไม่ได้”  มันยิ้มแกน ๆ เมื่อฟังประโยคสุดท้ายที่ผมเค้นออกมาจากก้นบึ้งของความเห็นใจกับชะตากรรมที่น่าสะพรึง  เบือนหน้าไม่สบตาที่กำลังมองอยู่  ในหัวผมกำลังจินตนาการถึงน้ำที่ไหลทะลักทลายพังกำแพงหนาที่มนุษย์สร้างเพื่อกักกั้นน้ำเหล่านั้น  ความแรงของกระแสน้ำมันฝังติดอยู่ในหัว  เรือสีแดง  สีน้ำเงินที่มีเชือกผูกติดไว้กับต้นไม้ถูกความแรงของน้ำพัดจนเชือกขาด  ผู้คนขนของหนีน้ำออกมาวางที่ถนน  รถราต้องเอาออกมาจอดไว้ตามที่สูง  น้าต้องออกมานอนเฝ้ารถตัวเองทุกคืนเพราะกลัวรถหาย  ขโมยชุกชุมเหมือนตะขาบ  งู  หนอนบุ้งที่หนีน้ำขึ้นมาอยู่กับมนุษย์..กิ้งกือตัวเท่าหัวแม่โป้งอ่ะ  แถมตอนนี้ยังมีกองทัพปลิงยกขบวนตบเท้าเข้าแถวมารอกินเลือดอีก!

ขอบคุณที่ยอมทิ้งธรรมชาติมาอยู่ร่วมกับเราครับ

ลูบขนแขนที่ลุกฮือเมื่อนึกถึงตัวสีดำเมื่อมเกาะอยู่ที่ขา  แม้ออกแรงดึงเท่าไหร่มันก็ยืดหยุ่นตัวยึดเกาะกับผิวเนื้อเยื่อแล้วใช้เขี้ยวนับพันจิกลงดูดเลือดอย่างเมามันส์   ถ้าเอาบูทมาใส่มันจะกันได้รึเปล่า  หรือจะต้องเอาชุดอวกาศมาใส่กันปลิง?..ก่อนจินตนาการผมจะเตลิดไปเรื่องมนุษย์อวกาศที่ไปเหยียบดาวอื่นในจักรภพ..มันก็ยื่นหน้าเข้ามาขัดขาดักตีหัวให้ผมกลับเข้ามาสนใจเรื่องปากท้องเสียก่อน

“บ้านปั้นมีอะไรกินบ้าง?  ไปกินข้าวเย็นที่บ้านเราดีกว่า..กว่าแม่ปั้นจะมาก็มืดพอดี”  มัน..ไม่เคยรอคำตอบจากปากผม  เดินตัวปลิวไปตามแรงลากจูง  ยอมให้มันสนตะพายไร้เชือกที่มองเห็นด้วยตา  แต่สัมผัสได้ด้วยความรู้สึกที่ต้นคอ  แขนแม่งล็อคแน่นฉิบหายครับ   คล้องเอาไว้กันผมหาย  มันแบมือขอโทรศัพท์ผมก่อนจะยื้อแย่งเอาไปโทรหาแม่บอกให้รู้ว่ามันกำลังลักพาตัวผมไปกินข้าวเย็นที่บ้านมัน  ผมอมยิ้มปล่อยให้มันลากเข้าบ้าน  ตีหัวให้งวยงงด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจของแม่กับพ่อ  แล้วสอยผมให้ร่วงด้วยผัดเผ็ดปลาดุก  หมูคั่วเกลือสูตรแม่ตูน  น้ำพริกผักต้มปลาทูทอด  ผัดหอยหลอดและต้มจับฉ่าย  ทันทีที่น้ำลงไปกลั้วปากล้างท้องแม่ตูนก็เผด็จศึกผมด้วย..

“ลองบัวลอยไข่หวานหน่อยปั้น  แม่ทำเองลูก”  ยิ้มแก้มปริแล้วรับชามของหวานที่มีขนาดเท่าชามใส่ต้มจับฉ่ายมาวางลงข้างหน้าตัวเอง  หยิบช้อนมาจับไว้มั่นแล้วจัดการจ้วงเหมือนปากรถแบ็คโฮก็ไม่ปาน  ใสมะพร้าวอ่อนด้วยครับ  อร่อยจนลืมหายใจ  ผมซัดโฮกลืมความหล่อ  45  องศาเสียสิ้น 

“อร่อยไม่มีใครเทียมครับแม่  สวดยวดดดดด”  กวาดทุกอย่างใส่ปาก  วางช้อนแล้วเงยหน้าบอกแม่ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข  มันส์  ไก่  มากครับ!

แม่ตูนยิ้มแก้มแตกก่อนจะหายเข้าครัว  ไม่ถึงเสี้ยวสิ้นเสียงหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร  แม่ก็โผล่พรวดจ้ำก้นลงเบ้าเดิม  ผมยิ้มค้างเมียงมองถุงบัวลอยที่ลอยเด่นตรงหน้า  รับมันมากอดไว้กับอกไม่หกตกเสียหาย  ยิ้มแย้มก้มหัวเอียงหน้า  45  องศา  กล่าวเสียงนุ่มนวล..

“ขอบคุณมากครับแม่”  แม่หัวเราะป้องปากกับความน่ารักขั้นสูงของผมแล้วเดินอ้อมโต๊ะมากอดโอบโน้มคอซุกไซ้ซอกซอนไปทั่วหน้าผม  แก้มแดงร้อนฉ่า..ถึงแม่จะอายุร่วม  50  แต่แม่ก็ยังเป็นเพศตรงข้ามผม  ฉะนั้น..ผมเลยอายซะแม่ต้องตะปบหน้าผมมาหอมอีกหลายฟอด  ใบหูผมร้อนผ่าว..เขินขั้นกว่าครับ!

“กลับก่อนนะครับแม่”  ไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นสบตาแม่แต่อย่างใด  ความขวยเขินเอียงอายมันยังคงสถิตอยู่ยืนยง  ไอ้ตูนมันยิ้มแซวผมก่อนถึงจะกันแม่มันออกห่างจากแก้มผม  เอาหูถุงมาคล้องแขนแล้วเอามือมาปิดแก้มไว้ทั้ง  2  ข้าง   หูร้อนวูบเป็นพัก ๆ เลยต้องเอามือมาจับ ๆ ติ่งหูตัวเองสลับกับจับแก้มตัวเองไปด้วย  ถึงแก้มผมตอนนี้จะไม่ถูกแม่ไอ้ตูนกดจมูกลงมาสูดหากลิ่นแป้งเด็กที่ฉาบไว้ตั้งแต่เช้า  แต่ไออุ่นที่แก้มยังคงไม่จาง  มันยิ่งทำให้ความเขินผมสูงขึ้นเท่าทวี..

แม่อ่ะ..เดี๋ยวให้มาขอเลย~~~

เม้มปากแล้วกลั้นยิ้มเมื่อคิดว่าเจ้าสาวของผมกำลังยืนรออยู่หน้าบาทหลวง  พอเปิดผ้าคลุมหน้ามาก็เป็นหน้าแม่ไอ้ตูน  ผมคงจะยิ้มเฝื่อน ๆ แล้วก้มจูบที่ปลายคางแทนริมฝีปากที่ยื่นรอแหง  เป็นเจ้าบ่าวที่ยินยอมโดยจำนนเพราะยังไงเสียเจ้าสาวก็เป็นถึงแม่เพื่อนและเป็นเพื่อนแม่555  ยิ้มกว้างเมื่อนึกไปไกลว่าไอ้ตูนจะต้องมาเป็นลูกเลี้ยง  แล้วผมก็ถูกรังเกียจหนักเพราะผมคิดไม่ซื่อ  เอาแม่เพื่อนทำเมีย..

“อยู่ในโลกส่วนตัวอีกแล้วปั้น..เป็นหนักแล้วนะ  เดี๋ยวก็บ้าหรอก”  สะดุ้งกับเสียงที่กระซิบว่าผมข้างหู  วิ่งหางจุกตูดออกจากภวังค์แล้วเงยหน้ามาส่งยิ้มฝืดเฝื่อนให้ดวงตาห่วงใยของว่าที่ลูกเลี้ยง  ลดแขนลงปล่อยให้ถุงไหลลงมาแล้วจับหูให้ดี  เบือนหน้าไปมองทางแล้วทำตาโตมองไปทางโน้นทางนี้เมื่อมันไม่ยอมเลิกมองหน้าผม  เร่งฝีเท้าสปีดหนีขาแทบจะพันกัน  ปรี่เข้ารั้วแล้วรีบรูดประตูปิดบ้าน  หรี่ตามองพร้อมยกมุมปาก หัวเราะลงคอ   ยักไหล่นิดหน่อยแสดงถึงความเป็นต่อ  เพราะผมเข้าบ้านมาแล้วนั่นเอง  มันหรี่ตามองตอบแล้วยกยิ้มกวนคืนมาให้..

หือเรอะไอ้ลูกเลี้ยง!

“กูแค่คิดเรื่อยเปื่อยไอ้ตูน  กูยังไม่บ้า!”  มันเลิกคิ้วสูงแล้วเบะปากใส่เหมือนไม่เชื่อถือ  ผมเขม้นมองคิ้วขมวดมุ่น  ปากจู๋อัตโนมัติ  มันยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าใกล้รั้ว  กะพริบตาปริบแล้วขยับเข้าหารั้ว  มันพูดอะไรก็ไม่รู้..

“มึงพูดเหี้ยไรไอ้ตูน  หลอกด่าแม่กู?”  ละล้าละลังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเข้าไปใกล้อีกนิดดีไหม?  กลัวแม่งจะแกล้ง  ผมถูกมันแกล้งประจำ  ก็นะ..คนมันน่ารัก555  เม้มปากแล้วตัดใจเลิกอยากรู้เรื่องชาวบ้าน  มันจะพูดอะไรก็อย่าใส่ใจ  หมุนตัวเดินเข้าบ้าน 

ก้าวที่  1 

ก้าวที่  2..
.
.
.
.
ใครทนได้ก็ดีครับ  มันเป็นเรื่องดีที่ควรทำ  แต่สำหรับผม..มันช่างยากยิ่ง 

สูบลมเข้าปากแล้วทำคอตก  พ่ายแพ้ความอยากรู้อยากเห็น  หมุนตัวกลับไปสบตายิ้มได้ที่ยืนรออยู่  มันสอดมือเข้ามาผ่านลูกกรงเหล็กดัดสวยของรั้ว  รัวนิ้วกระดิกเรียกผมเหมือนเรียกตัวอะไรสักอย่าง  หน้าบูดสนิทเซ็งความกระตือรือร้นการรับรู้ข่าวสารภายนอกของตัวเอง  เดินเข้าไปจนหน้าแนบกับลูกกรงเหล็ก  หลับตาเอาแก้มแนบกับเหล็กดัดที่เย็นเฉียบจากความชื้นที่เคลือบเหล็ก  เงี่ยหูฟังเสียงทุ้มที่กระซิบเสียงเบา..

“น้องตังของมึงโดนไอ้ช้าง ห้อง  2  สอยไปแล้วเรียบร้อย  ตังเข้าปากช้างไปแล้วว่ะปั้น  กูเสียใจจริง ๆ ที่ยังไม่ทันได้ตีสนิทขอเบอร์มาให้  น้องตังก็เดินเข้าปากช้างเสียก่อน..ทำใจเถอะนะ”  กระพริบตาปริบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้สดับ  น้องตังที่ดูหงิม ๆ เรียบร้อย  ๆ น่ากอดน่าหอมคนนั้นเสร็จไอ้ช้างขาใหญ่ห้อง  2  ไปแล้วงั้นเหรอ?!  น้องไม่น่าหลงผิดเลย  ไอ้เหี้ยนั่นดีกว่าผมตรงไหน?!   ผมสูงน้อยกว่าแค่ไม่กี่เซนต์!

“มันสูงกว่ามึงเยอะปั้น”  อย่ามาอ่านใจกูไอ้สัตว์!  ผมแมนกว่ามันแสนเท่าล้านทวี

“คนละอย่างกัน  มึงมันเป็นสุภาพบุรุษเกิน  น้องมันก็เป็นประเภทเดียวกันกับมึง  จะคบคนแบบเดียวกันไปทำไม?  เห็นกันอยู่ว่าไอ้ช้างมันเร้าใจกว่าเยอะ”  กัดริมฝีปากแน่นกับคำทำร้ายน้ำใจอย่างไม่ปรานี  มึงเป็นเพื่อนกูรึเปล่า?!  ทำไมถึงพูดแบบนี้กับเพื่อนที่กำลังบาดเจ็บจนเจียนจะยืนไม่ไหว  มันเจ็บปวดในอก  ปวดแปลบในใจเกินจะทนแล้วนะ..

“มึงไม่เข้าข้างกูไอ้ตูน..มึงมัน..เลว  งื้ดดดดด”  สูดน้ำมูกกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล  เสียใจจนสื่อผ่านเสียงที่บอกถึงความร้าวในอกข้างซ้าย  ผมน่ะอ้อนวอนให้มันช่วยตีสนิทน้องตังตั้งนานแล้ว  แม่งก็ทำอิดออด  แล้วเป็นไง  ผมต้องปลูกไร่แห้วอีกแล้ว  มันอ่ะ..ประจำอ่ะ  รู้จักคนโน้นคนนี้เยอะแยะแต่ไม่เคยจะยื่นมือเข้าช่วยให้ผมมีแฟน  ทีมันไหว้วานผมให้ช่วยกีดกันหญิงให้  ผมน่ะทำให้มันไม่เคยมีปริปากบ่น..

“โอ๋ ๆๆๆ  น้องตังไม่เหมาะกับมึงหรอกปั้น  น้องมันตัวพอ ๆ กันกับมึง  แถมมึงยังขาวกว่าอีก  เดินด้วยกันคงไม่มีใครคิดว่ามึงจะเป็นคนรุกหรอก..”  เบะปากใส่ดวงตายิ้มได้ของมัน  กัดปากล่างแน่นเมื่อมือมันยื่นมาหมุนขยับเหมือนโอ๋เด็ก ๆ อยู่ตรงหน้า  พยายามกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา    ผมไม่ได้รักน้องตังมากจนทนรับกับการอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มไม่ไหว  แต่..มันเสียความรู้สึกที่เพื่อนไม่เคยสนใจจะช่วยเหลือหัวใจผมต่างหาก!

“ไม่เอาน่า  มึงไม่ได้รักน้องมันขนาดนั้น..กูรู้  ไว้คราวหน้า..”  ตลอดดดดดด  คราวหน้าของมึงมันหมายถึงภพหน้าใช่ไหม?!   ดูดริมฝีปากล่างเข้ามากัดจนหมดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ  หลับตาแน่นแล้วสะอื้นตัวโยนกับลูกกรงรั้ว  มันยื่นแขนเข้ามาโอบผมให้ตัวแนบติดกับรั้วมาปลอบอกปลอบใจ..กูจะละลายติดกับลูกกรงแล้ว!

สะบัดตัวแล้วดิ้นให้หลุด  ถอยห่างออกมามองหน้ามันผ่านลูกกรง  ยิ่งมองยิ่งเหมือนนักโทษชายที่เพิ่งจะเดินเข้าลูกกรงจากคดีการเมืองไม่มีผิดเพี้ยน  หน้างอง้ำอย่างห้ามไม่ได้  มันยิ้มกว้างกับอาการน้อยอกน้อยใจจนเกือบจะตีอกชกตัวตีหัวเข้าบ้านของผม  มือสากของมันควานหาที่จับแล้วหมุนเปิดประตูเล็กเดินเข้ามาหาผมที่ยืนสะอื้นฮักที่เดิม  แล้วแม่งไม่เดินเข้ามาตั้งแต่แรก..ปล่อยให้กูเอาหนังหน้าทาบลูกกรงอยู่ได้ตั้งนาน!

“ปั้น..มีแค่กูก็พอแล้ว  อย่าชอบคนอื่นเลย..”  อะไรของมึง?   เพื่อนกับแฟนมันต่างกันนะ  มึงจะเป็นเมียกูได้ยังไง..เพื่อนเป็นเมียได้ที่ไหนล่ะ? 

เบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนอุ่นที่กอดผมไว้หลวม ๆ เงยหน้ามองมันด้วยสายตาไม่พอใจ  ทีมันยังมีสาว ๆ มาคอยตามแล้วยังเลือกได้อีก  ผมเองก็มีคนที่ผมชอบ  อยากให้เขารู้สึกดีเหมือนที่เรารู้สึก  อยากใช้เวลาด้วยกัน..อยากได้ความรักตอบ

มันมองตาผมกลับแล้วผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ ผมยิ่งน้อยใจหนักขึ้นเป็น  10  เท่า  คิ้วขมวดมุ่นมองหน้าหล่อที่กำลังย่อตัวจับเข่าตัวเองมองหน้าผมในระดับเดียวกัน  ‘ทำไมถึง..อยากมีแฟน?’  ถามโง่ ๆ มีใครมั่งไม่อยากมีใครสักคนเข้ามาแชร์ความรัก  มีใครมั่งไม่อยากใจเต้นตึกตักเวลาจ้องตากัน  มีใครมั่งไม่อยากให้ใครมาสนใจใส่ใจดูแลกันยามไม่สบาย  แล้วมีใครมั่งไม่อยากให้หัวใจตัวเองได้อยู่กับใครสักคนที่เรารู้สึกดีด้วย  มีใครมั่งวะที่มันไม่อยากมีตัวเหี้ยที่เรียกว่าแฟน!

“เพราะมันดี!  มีแล้วดีเหมือนมีเงินฝากประจำดอกเบี้ยสูง  อุ่นใจอยู่เสมอ  คิดถึงเมื่อไม่ได้เจอ  เอาเก็บไว้ให้ละเมอตอนฝัน..กูอยากมีแฟนไอ้ตูน!”  มันกะพริบตาปริบเพียง 2  หนก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ  ผมเองก็กะพริบตาตามแต่มากกว่า  2  เป็นกะพริบตา  4   หน  มันยืดตัวยืนเต็มความสูงให้ผมเงยหน้ามอง  ยังไม่ทันเมื่อยมันก็ก้มมาสบตาที่เหมือนลูกหมาน่ารักของผมนิ่ง..

“เข้าใจละ..เป็นแฟนกัน  เป็นแฟนตูนเถอะปั้น”  เผลอคลายแรงที่งับริมฝีปากล่างเอาไว้  ม่านตาขยาย  มองหน้าที่ค่อย ๆ เป็นสีชมพูเรื่อของมันด้วยความ..คือ  มันก็ไม่เข้าใจ  แต่มันก็เข้าใจ  เข้าใจที่มันบอกให้ผมเป็นแฟนมันเถอะ  เพราะผมก็เป็นอยู่แล้วทุกครั้งที่มีผู้หญิงมาเกาะแกะมัน  ผมกับมันคอยเป็นคู่(แอ๊บ)เกย์หนีความโหดร้ายของผู้หญิงยุคทองราคา  2  หมื่นกว่า  แต่ก็ไม่เข้าใจ..ว่าทำไมต้องมีอาการด้วย  ก็ถ้ามันไม่อาย..ผมก็ไม่รู้สึกเขินหรอกน่า

“เล่นเหี้ยไรกับกูไอ้ตูน  กูไม่ยอมเป็นแค่ของตายของมึงอีกแล้ว  กูจะเป็นนัมเบอร์วันของใครสักคนให้ได้..อย่ามาคิดขวาง!”  สะบัดความเขินแปลก ๆ ออกไปแล้วประกาศกร้าวอย่างองอาจ  มันทำหน้าผิดหวังเหลือแสนก่อนจะเดินมาขวางเอาไว้ไม่ให้เดินเข้าบ้าน  ‘เป็นกูนี่ล่ะดีแล้ว  ใคร ๆ ก็อยากเป็นแฟนกูทั้งนั้นนะปั้น..ขอล่ะ  ถ้ามึงมีแฟน  กูจะทำยัง..’   หน้าชาลามไปถึงส้นเท้าแตกลายของตัวเอง  กูนึกอยู่แล้วว่ามันต้องเล่นแบบนี้  ถ้าผมชิงมีแฟนไปเสียได้  มันก็ไม่มีไม้หน้าสามกันหมาตัวเมียให้มัน  นึกถึงแต่ตัวเองจนวินาทีสุดท้าย  แค่นหัวเราะลงคอแล้วหันหลังเดินเข้าบ้าน  มันวิ่งมาดักหน้าดักหลังเหมือนขอทานแถวท่าขี้เหล็ก  คิดว่ากูจะควักตังค์ให้มึงตามเพื่อนมาขอเงินกูจนหมดกระเป๋ารึไงไอ้ตูน!

“ไม่ได้ล้อเล่นนะปั้น..กูรู้สึกดีกับมึงนะ  ถ้าเป็นแฟนกันจริง ๆ กูจะรู้สึก..”  หึ  อยากสำรอกอะไรก็คายมันออกมา  ให้กูได้เห็นสันดานสันดอนรากเหง้าของมันให้ถ่องแท้  กูจะได้เลิกคบได้อย่างไม่อนาทรร้อนใจในภายหลัง..

“เลิกคบ!  กูเลิกเป็นเพื่อนมึงถาวรเหี้ยตูน  นึกถึงแต่ตัว  เอาแต่ใจจนไม่นึกถึงหัวใจกู  ยังไงกูก็ไม่มีทะ..”  พูดไปก็ขมวดคิ้วกับท่าทางที่ตอนแรกเหมือนตกใจมากที่ผมเลิกคบ  แต่หน้ามันไม่ยักสลดหดหู่เหมือนฟองสบู่แตก..  อะไร?  จับมือทำไม?

“ขอบคุณนะ..ต่อไปนี้เราจะไม่ได้เป็นแค่เพื่อนอีกแล้ว  ให้ตูนเรียกปั้นว่าไงดีล่ะ?”  เรียกอะไร?   ไม่เรียกชื่อกูล่ะ?

“ไม่เรียกชื่อกูล่ะ?”    ปากไวเท่าความคิด  มันยิ้มตาพราวแล้วพยักหน้ารับ  ปล่อยมือผมช้า ๆ แล้วเดินถอยหลัง  มองหน้าผมไม่วางตาไปที่ประตูรั้ว  นั่น..เดินชนรั้วจนรั้วสั่นไปทั้งแผง  โง่ฉิบหาย555  มันเกาท้ายทอยแก้เขินแล้วโบกมือลาผม  ยืนขำก๊ากเอามือกุมท้องแล้วยกมือลาตอบมัน  เอาเหอะ..ยังไงมันก็เป็นคนดี  เป็นเพื่อนกันไปก่อนก็ได้   ไว้ให้มันมีแฟนเป็นตัวเป็นตน  หรือไม่ก็..ผมหาแฟนเป็นก้อนเป็นเนื้อได้เมื่อไหร่ค่อยตัดขาดเด็ดขาดอีกที  เดินเข้าไปล็อครั้วแล้วเดินเข้าบ้าน  เข้าไปกอดแม่ที่นั่งกินข้าวอยู่ในครัว
.
.
.


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด