“อึก ฮึก..ฮึก..ฮึก..” ดึงมือตัวเองออกมาจากฝ่ามือเย็นเฉียบของพี่อ้น ยกขึ้นมาทั้ง 2 ข้าง กดข้อมือด้านในปิดทางไหลของน้ำตาเอาไว้ พี่อ้นกัดกรามดังกรอดแล้วดึงผมเข้ามากอดไว้จนขยับไม่ได้ เสียงพี่อ้นหันไปตวาดเพื่อนดังลั่นที่จอดรถ
“กูไม่เล่นแล้ว พวกมึงเห็นมั้ยว่าน้องร้องไห้! กูยอมแพ้ กูทำส่งเอง รายงานเหี้ยอะไรก็ช่าง!” สะอื้นหนักกับแรงกอดที่เพิ่มขึ้น มือเย็นลูบแขนผมแรง ๆ ปลอบไม่ให้ผมเสียใจเบี่ยงหนีพี่อ้นก็ตามกอดไม่ยอมปล่อย พี่อ้นกอดแล้วพาผมเดินมาที่รถ สะอื้นกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ขืนตัวหนีแล้วหันไปที่คิวรถตู้ พี่อ้นกอดไว้ทั้งตัว เสียงทุ้มกระซิบขอโทษข้างหู
“พี่อ้นขอโทษ พี่อ้นอธิบายได้ครับ ขอพี่อ้นพูดก่อน..อย่าหันหลังให้พี่อ้นนะครับ ต๋อม..พี่อ้นขอโทษ” เสียงทุ่มกระซิบข้างหูขอโทษไม่หยุด ริมฝีปากนุ่มจูบใบหูพร่ำขอให้ผมฟังก่อน เจ็บใจ..ที่ผมไม่เคยปฏิเสธคำขอของพี่อ้นได้เลยสักครั้ง หลับตาปล่อยหยาดหยดของความเสียใจให้รินหลั่ง คลายแรงขืนตัวแล้วเดินแรงกอดตามพี่อ้นไปที่รถ ประตูหลังถูกดึงเปิด มือเย็นแตะส่งผมให้เข้าไปนั่งข้างใน ผมขยับหนีมานั่งชิดประตูอีกฝั่ง พี่อ้นขยับเข้ามานั่งจนชิดก่อนจะสอดแขนใต้เข่ายกผมให้นั่งตัก ดิ้นจนหัวโขกพี่อ้นไปหลายครั้งพี่อ้นก็ยังกอดไว้แน่น ดันไหล่หนาไม่ให้ริมฝีปากสีแดงธรรมชาติที่เคยได้จูบประทับรอยที่แก้ม หอบหนักแล้วหยุดดิ้น พี่อ้นมองตาผมไม่กะพริบก่อนจะบอกผมเสียงเบา
“เมื่อวานซืนพี่ต้องทำรายงานกลุ่มส่งอาจารย์ พี่ก็แบ่งงานให้เพื่อนรีบทำให้เสร็จเพราะวันนี้พี่อยากเที่ยวกับต๋อม ไม่อยากให้เราต้องห่างกันมากกว่าเดิม เพื่อนมันแซวว่าห่างกันนานขนาดนี้ต๋อมไม่เปลี่ยนใจไปแล้วเหรอ? พี่ไม่พอใจเลยตัดรำคาญว่าต๋อมรักพี่ ไม่มีทางเปลี่ยนใจง่าย ๆ หรอก ไม่ว่ายังไงต๋อมก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจไม่รักพี่” สะอื้นฮักแล้วเบือนหน้าหนีดวงตาที่กำลังตัดพ้อตรงหน้า พี่อ้นกอดผมแน่นขึ้นแล้วซุกหน้ากับซอกคอผม
“มันท้าพี่พนันกัน ถ้าเจอต๋อมวันนี้ให้พี่ทำเฉย ๆ ใส่แล้วให้ไอ้ไหมมายืนกันให้ พี่จะได้ไม่กล้าทำผิดข้อตกลงแอบส่งสายตาให้ต๋อม ถ้าต๋อมอยู่จนครบวันพวกมันจะทำกันเองไม่ให้พี่แตะเลย แต่ถ้าวันนี้ต๋อมอยู่ไม่ครบวันเพราะทนไม่ไหว..พี่ต้องทำคนเดียว” กัดเนื้อในริมฝีปากเมื่อพี่อ้นพูดจบ กลั้นหายใจกับมืออุ่นที่เลื่อนจากกอดขึ้นมาประคองหน้า ขืนไว้ก็สู้แรงจากฝ่ามือไม่ไหว เบือนไปมองเบาะรถ ปล่อยให้ปลายจมูกรับลมอุ่นของพี่อ้น เม้มปากกับความรู้สึกที่กำลังถูกจ้อง ทนไม่ไหวก็เบือนมามองหน้าพี่อ้นที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง สบตาสวยของพี่อ้นที่มีน้ำตารื้นอยู่ ไล่สายตาลงมามองริมฝีปากที่กระซิบบอกผมถึงเรื่องราวต่อจากนั้น
“พี่มั่นใจ..ถึงได้รับพนัน แต่พี่ไม่ได้คิดเผื่อว่า..ถ้าต๋อมไม่รัก ต๋อมไม่เชื่อใจขึ้นมาจริง ๆ พี่จะทำยังไง” นิ่วหน้ากับหยาดน้ำสีใสที่ร่วงผล็อยจากตาสวยของพี่อ้น ใจผมมันหล่นตามน้ำตาของพี่อ้นไปติด ๆ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาพี่อ้นให้ป้อย ๆ พี่อ้นหลับตาปล่อยให้น้ำตาไหลเหมือนที่ผมทำ ลนลานดึงพี่อ้นเข้ามากอด..
“ไม่ร้องนะ..ไม่ร้อง หยะ..อย่าร้องนะ ฮึก..ผมรักพี่ ห้ามคิดว่าผมไม่รัก อึก..ไม่ให้คิดนะ” พี่อ้นกอดผมแน่นขึ้นร้องไห้ไม่มีเสียงกับไหล่ผม ผมเอง..ก็ปล่อยโฮกอดพี่อ้นแน่นเหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เราทะเลาะกัน เป็นครั้งแรกที่ผมขึ้นเสียงใส่ และเดินหนีโดยไม่ถามอะไรก่อน ตัดสินใจทุกอย่างด้วยสายตาและความรู้สึกของตัวเองฝ่ายเดียว พี่อ้นลูบหลังผมเบา ๆ ดันไหล่ผมออกมาเกลี่ยปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาให้ สะอื้นฮักแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มพี่อ้น ปลายจมูกโด่งสูดน้ำมูกแล้วยื่นหน้าผากมาแตะกับหน้าผากผม ตาสวยหลับลงก่อนจะกระซิบขอโทษ
“พี่ขอโทษครับ พี่มั่นใจมากถึงได้ทำอะไรแบบนั้น พี่ขอโทษที่ไม่คิดถึงต๋อม..ว่าจะรู้สึกยังไง ไม่ทันเอาใจต๋อมมาใส่ใจตัวเอง ขอโทษที่ไม่รอบคอบกว่านี้ ขอโทษที่เอาความรู้สึกต๋อมมาพนันงี่เง่าแบบนั้น พี่อ้นขอโทษครับ” ส่ายหน้าอาปลายจมูกเกลี่ยปลายจมูกโด่งของพี่อ้นเบา ๆ
“...ไม่เป็นไร.. ผมก็ขอโทษ ขอโทษที่ขึ้นเสียง ขอโทษที่ไม่เชื่อใจพี่อ้น แต่ผมทนไม่ได้จริง ๆ..พี่อ้นไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยเมินขนาดนี้ ไม่เคย..สนใจคนอื่นมากกว่าผมแบบนี้..ฮึก..” พอนึกถึงความเฉยที่เพิ่งเคยเจอ บ่อน้ำตาผมก็ทำท่าจะแตกขึ้นมาอีกรอบ ร้อนถึงพี่อ้นต้องรีบกดริมฝีปากจูบที่เปลือกตาไม่ให้ผมร้อง กลั้นสะอื้นแล้วซุกหน้าโผเข้ากอดคอพี่อ้น กดหน้าลงกับไหล่แล้วนิ่งฟังเสียงทุ้ม..
“ให้วันนี้เป็นบทเรียนของเรานะครับ พี่กับต๋อมต้องคุยกันมากกว่านี้ เชื่อใจ มั่นใจกันมากว่านี้ เราเริ่มกันได้ไม่ดีนัก..ถึงทำให้ต๋อมไม่มั่นใจกับรักที่พี่มีให้ แต่ตั้งแต่วินาทีนี้..” พี่อ้นดันไหล่ผมออกมาแล้วประคองหน้าให้สบตาพี่อ้น
“ขอให้มั่นใจว่าพี่รักต๋อมคนเดียว มีต๋อมคนเดียว ข้างในนี้จะมีต๋อมคนเดียวตลอดเวลา..ขอให้ต๋อมเชื่อว่าพี่มั่นคงกับต๋อมเสมอ..” เม้มปากล่างแน่นแล้วพยักหน้ารับคำนั้นมาใส่ใจทันที ‘ครับ..ครับ’ ปล่อยให้ริมฝีปากสวยพรมจูบทั่วหน้า ลืมตาขึ้นสบแล้วหลับลงอีกครั้ง ริมฝีปากเผยอรับรอยจูบที่ประทับลงมาผะแผ่ว จูบตอบแผ่วเบา กอดคอแน่นซึมซับความอ่อนโยนที่ผมเป็นเจ้าของคนเดียว
สะดุ้งกับเสียงเคาะกระจกข้างนอก ซุกหน้ากับไหล่พี่อ้น..ไม่หันไปมองว่าใครเคาะ พี่อ้นหอมขมับผมแล้วขยับตัวดันประตูเปิดออกนิดหนึ่ง
“มีไร?!” เสียงพี่อ้นถามคนที่เคาะ เพื่อนพี่อ้นบอกเสียงหงอย..
“อ้น..พวกกูขอโทษ น้องต๋อม..พี่ขอโทษนะครับ รายงานของพี่อ้นเดี๋ยวพวกพี่ทำกันเองครับ พี่ขอโทษจริง ๆ ครับน้องต๋อม” ผละออกมาแล้วหันมองพี่วุฒิกับพี่พงษ์นิดหน่อย ก่อนจะหันกลับไปซบหน้าลงกับไหล่พี่อ้นเหมือนเดิม ผมไม่รู้ว่าจะยกโทษยังไง อารมณ์ผมตอนนี้ไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับคนพวกนี้ พี่อ้นปิดประตูแล้วก้มหอมแก้มผมอีกฟอดใหญ่ เรามองตากันนิ่งก่อนจะสัมผัสริมฝีปากกันเบา ๆ ผละออกให้พี่อ้นขยับตัวไปออกนั่งที่คนขับ ผมเองก็คลานไปนั่งข้างหน้า ขับออกมาไม่นานพี่อ้นก็พาผมมานั่งกินข้าวเย็นที่ร้านหรูแถวนั้น กินข้าวเสร็จก็ขับกลับบ้านมาส่งผมที่บ้าน
พี่อ้นมีเข้าหวอดเลยอยู่กับผมไม่ได้ ยิ้มแล้วกอดพี่อ้นไว้หลวม ๆ เงยหน้ารับริมฝีปากที่แตะลงมาที่แก้ม เอียงหนาตามการดุนดันของปลายจมูกโด่ง แตะหน้าผากแนบก่อนจะผละออกมาสบตาสวย ยิ้มบางแล้วประคองหน้าพี่อ้นไว้..
“ผมจะเชื่อและมั่นใจกับรักเราให้มากกว่านี้ จะพูด..จะกล้าถามให้มากกว่านี้ ผมขอโทษที่ขึ้นเสียง ขอโทษที่ตัดสินใจเองคนเดียว ขอโทษครับ” พี่อ้นยิ้มบางแล้วก้มจูบริมฝีปากผมเบา ๆ ..สวมกอดเบามือ หลับตารับความอ่อนโยนและความอุ่นที่มันกำลังแทรกลงมาในใจ พี่อ้นดันผมออกมาหอมอีกฟอดก่อนจะขึ้นรถขับไปเข้าหวอดที่โรงพยาบาลพร้อมเพื่อนคนอื่น ๆ
ผมกับพี่อ้นเรายังต้องเรียนรู้ และต้องอาศัยความเชื่อใจกันให้มากกว่านี้ ด้วยเวลาที่ไม่มีให้กันเหมือนคู่อื่น และสังคมที่กว้างขึ้น เราต้องสร้างความมั่นใจและก่อความเชื่อใจให้แข็งแรงกว่านี้
อาศัยแค่ระยะเวลาอย่างเดียวมันไม่พอหรอก มันต้องใช้หัวใจเรา 2 คนด้วย แต่ที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ คนรอบข้างของเราทั้งคู่..
เอาใจช่วยให้ผมกับพี่อ้นรักกันไปนาน ๆ ด้วยนะครับ.
END.
……………………….
แถม
.
.
เด็กหนุ่มรูปร่างสูง หน้าหล่อคมก้าวฉับขึ้นไปตามทางเดินของโรงพยาบาล เสียงพื้นรองเท้ากระทบกับกระเบื้องดังก้อง เรียกความสนใจให้เพื่อนที่ร่วมเข้าหวอดต้องชะโงกหน้าออกมามอง โผล่หัวสบตาดุดันแล้วรีบผลุบกลับเข้ามาข้างใน เสียงรองเท้าหยุดหน้าห้องก่อนประตูเปิดพาร่างกายสมส่วนตามเข้ามาในห้อง
มือใหญ่ของคนที่เพิ่งเข้ามาฟาดลงบนศีรษะเพื่อนร่วมหวอดดัง ‘เพี๊ยะ’ รายตัวจนครับทุกคน จะเว้นไว้ก็เพื่อนผู้หญิงที่ไม่ได้รับเสียงนั้นบนหัว แต่ได้รับการมองด้วยหางตาให้รู้สึกผิดในอกแทน ทุกคนในห้องเงียบกริบ ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจเท่านั้น ตบหัวเรียงตัวแล้วก็รู้สึกดีขึ้น อ้นเปิดปากพูดเป็นคำแรกหลังจากอารมณ์ที่คุกรุ่นถูกระบายออกด้วยแรงที่ได้ตบหัวเพื่อน
“กูอยากกระทืบพวกมึงซะด้วยซ้ำ ดีที่น้องไม่โกรธกูจนต้องเลิกกัน อย่ายุแล้วอย่าท้ากูแบบนี้อีก! คราวนี้กูมั่นใจว่าน้องไม่มีทางโกรธกูเพราะเรารักกันมาก กูเลยรับพนันกับพวกมึง กูพลาดที่ไม่ทันคิดเผื่อไปถึงเรื่องที่เกิดเหมือนเมื่อกลางวัน ..ถ้ากูง้อน้องไม่ได้..พวกมึงก็อย่าหวังจะมีความสุข! เล่นอะไรเหี้ย ๆ” เพื่อนก้มหน้าก้มตาสำนึกผิด
อ้นถอนหายใจยาวแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้อง เพื่อนถึงได้เดินตามออกมาเป็นกลุ่ม..
เสียงบ่นพึมพำดังตามหลังอ้นเป็นหมีกินผึ้ง..
“คราวหน้ากูก็ยุอีก น้องมันน่าแกล้ง ใช่มั้ยไอ้พงษ์ ไอ้ไหม ฮึฮึ”
END.
Fanfic By คุณ jiki
บ่ายสามยามสงบของวันหยุดยาว ปีใหม่นี้ผมไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกครับ อ่านหนังสือชดเชยช่วงเวลาที่เอาไปหยุดตอนนี้ท่วมเสียหมด ทั้งรายงาน ทั้งเตรียมสอบย่อย ตารางเรียนที่เปลี่ยนทำให้วุ่นวายกันไปหลายจังหวัดเลย โรงเรียนผมด้วยแหละ
ดังนั้น พวกนักเรียนใฝ่ดีอย่างพวกผม ใครไม่ไปไหนก็นัดกันมาอ่านหนังสือที่บ้านวัฒน์กัน (เจ้าของบ้านเค้าโอเคครับ ส่วนพี่เจ้าของบ้าน พี่วุธ ตอนนี้นอนแฮ้งค์จากการฉลองข้ามปีกันข้ามคืน แบบ เรียนหนักกันมา ยังไงก็ขอฉลองวันเทศกาลเค้าบ้าง เดี๋ยวน้องปีใหม่เสียใจ เค้าว่างี้ เลยนอนเป็นศพเรียงกันอยู่ที่ห้องนอนชั้นบน) ผมยึดมุมหนึ่งในห้องนั่งเล่นอ่านหนังสือไปตามเรื่อง มาร์คจุดสำคัญที่น่าจะออกสอบ ติ๊ก ติ๊กไปเรื่อยๆ
"อ่านไร ต๋อม" หันไปก็เจอพี่อ้น แปลกใจที่พี่เขามานะครับ
"เห็น วัฒน์ว่า ต๋อมมา พี่เลยแวะเข้ามาหา" มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นวัฒน์. ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยครับ หายไปกันหมด "พี่มาถึง วัฒน์ก็เปิดประตูให้แล้วเดินหน้าง่วงไปข้างบนแล้ว เห็นบอกว่าจะงีบหน่อย สงสัยวุธกินเหล้าเสียงดัง เลยนอนไม่พอมั้ง" อันนี้เห็นจะจริงครับ
"ต๋อม ก็พักสักหน่อยไม่ดีเหรอ เคร่งเครียดไปไม่ดีมั้ง" พี่เขาจับผมนอนลงกับตัก นวดหู นวดหัวให้ รู้สึกดีจริงๆเลยครับ มืออุ่นๆของพี่เขาให้ความรู้สึกดีที่สุดเลย สักพักพี่เขาก็ลุกไป กับมาพร้อมถืออะไรบางอย่างมาด้วย รอยยิ้มแปลกๆของพี่เขา...ไม่น่าไว้วางใจเลยครับ ผมว่ามันดูแปลกๆ
"ต๋อม. ไว้ใจพี่นะ"
ใครคิดว่าพี่อ้นเป็นสุภาพบุรุษ คุณคิดผิด พี่เขา เจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ แถมยังชอบแกล้งผมเป็นที่สุดเลย
....
"อืม อึก อือออออ อื้ม. พี่อ้น. อย่าแรง"
"ขอโทษที พี่ไม่ชินเท่าไหร่ จะค่อยๆนะ"
"อ๊ะ พี่ อย่าหมุนแรงอย่างนั้น มัน เสียว"
สอง พี่น้องเจ้าของบ้าน ที่เพิ่งตื่นยืนค้างอยู่ตรงบันได มองหน้าสื่อสารกันทางสาย เสียงเดินเบาลงมาจากข้างบน คนเป็นเพื่อนเอ่ยปากจะถาม เจ้าของบ้านคนพี่รีบเอานิ้วจุ๊ปาก สงสัญญาณให้เงียบ ยืนสุมหัวฟังเสียง
"มันทำอะไรกันในบ้านกูวะ" บ่นเบา เพื่อนที่ตามลงมาทีหลังอีกคนสะกิดกันให้ไปแอบดู
ค่อยๆโผล่หัวออกไปมองไอ้สองคนที่ทำกิจกรรมบางอย่างอยู่ในห้องนั่งเล่น เห็น
.
.
.
.
"พวกมึงทำไรกันวะ" ว่าที่คุณหมอสะดุ้ง มือกระตุกผิดจังหวะ สร้างความเจ็บน้อยๆให้ร่างบางทันที
"โอ๊ย!!!"
"ขอโทษ ต๋อม เจ็บไม๊" หันไปทางต้นเหตุ " เฮ้ย พวกมึงน่ะ มาทำกูตกใจทำไมวะ อันตรายนะมึง"
"ก็พวกกูไม่แน่ใจว่ามึงทำไรกันน่ะ"
"กู-แคะ-หู-ให้-น้อง-อยู่-ไอ้-เชี่ย"
กลุ่มก่อความรำคาญหน้าเจื่อน สุมหัวเข้าหากัน " ก็แม่งทำเสียงยังกะ...กันอยู่"
"ต๋อมเจ็บไม๊ ไหนพี่ดูสิ"
"ไม่เป็นไรครับพี่อ้น แค่ตกใจมากกว่า" แล้วก็ถูกร่างสูงกว่า พลิกซ้าย พลิกขวาสำรวจไปเรื่อยๆ
"แล้วไอ้ทิมไปไหนล่ะ ต๋อม" วัฒน์ถามหาเพื่อนติวอีกคน
"กู อยู่นี่" เสียงสั่นดังมาทางบานมุ้งลวดเชื่อมกับสวน ก่อนที่ ทิมจะโผล่หน้ามาโดยมีหนังสือบังหน้าไว้เสียครึ่ง แต่มันลืมบังหูของมันที่แดงจัด! "ไอ้ต๋อมมันครางซะกูไม่กล้าโผล่หัวออกไปเลย"
เสียงพี่วุธดังบอก เห็นป่ะ กูไม่ได้คิดมากไปเองซะหน่อย พี่อ้นเถียงกลับ ใครไม่รู้พูดเสริม เสียงดังโวยวาย
ส่วนผมได้แต่เกาหัวแกรกๆ
'ก็แค่แคะหู มันทำไมเหรอ?'
.
.
.
.
.
"เฮ้ย อ้น มึงเป็นหมอประเภทไหนวะ แคะหู ปกติเห็นพวกหมอๆเค้าห้ามแคะนี่" วุฒิเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้จนต้องถาม
"กูแค่อยากสวีทกับน้อง มีไรป่ะ"
วุฒิได้แต่เดินหูแดงๆออกไป
จบ
กอด ๆ บวก ๆ ค่าาาา
นั่งค้นงานเก่าเอามาเป็นข้อมูลทำงานปัจจุบัน ดีใจมากที่เจอเวิร์ดนี้พร้อมแฟนฟิค(ขอบคุณจิกิค่าาา) เอามาลงให้อ่าน ตอนหน้าจะเป็นตอนพิเศษสุดท้ายที่มีในมือ และก็จะเป็นตอนจบปิดตลาด(ยังไม่เสร็จค่ะ) อ่านตอนนี้แล้วอยากตบหัวอ้นให้เต็มข้อ ถ้ามึงไม่เริ่มก็ไม่มีใครว่าหรอกเชี่ย(อินแฮง555)
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ