✉ จดหมายฉบับที่ 8✉เผชิญหน้าอย่างไม่คาดฝันถึงจะเคยบอกเอาไว้ว่าอยากเจอกับเทมโดยที่ไม่มีเหตุการณ์ใดมาขวางกั้นก็เถอะ...
ใครจะรู้ล่ะว่าพระเจ้าท่านจะใจดีทำคำขอของผู้ชายตาดำๆคนนี้เป็นจริง...แถมยังเป็นสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้อีก
หลังจากที่เทมมาที่บ้านผมก็ผ่านไปจะครบสัปดาห์แล้ว...เมื่อวันเสาร์ผมพึ่งส่งจดหมายไปหาเขาเพื่อบอกเหตุการณ์บางอย่างที่น่าตกใจให้ฟังแต่ดูเหมือนว่า...
มันจะไม่ทันการณ์ซะแล้ว!!
ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ก่อนที่ผมจะส่งจดหมายไปหาเทม...วันนั้นท่านประธานได้เรียกผมขึ้นไปพบโดยตรง...ตอนแรกนึกว่าตัวเองทำบัญชีอะไรพลาดไปซะอีก...แต่ความจริงคือ...
‘ผมอยากให้คุณย้ายไปที่บริษัทxxxสักสองเดือนได้ไหม?’ ท่านประธานถามคำถามโดยที่น้ำเสียงไม่ได้บอกว่าผมมีสิทธิปฏิเสธได้เลย
แต่เรื่องนั้นผมไม่สนหรอก...ที่สนคือชื่อบริษัทที่ผมต้องย้ายไปต่างหาก
บริษัทxxx
ถ้าจำไม่ผิดคิดว่ามันเป็นชื่อเดียวกับบริษัทที่เทมทำงานอยู่นะ
‘ครับ...ผมขอทราบลายละเอียดได้ไหมครับ’
‘ผมเป็นเพื่อนสนิทกับประธานของบริษัทxxxน่ะ...พอดีวันก่อนเขาได้ขอความช่วยเหลืออย่างเป็นส่วนตัวมาที่ผม...เห็นว่าผู้ตรวจสอบบัญชีของแผนกคอมพิวเตอร์มั้ง...ที่เกิดอุบัติเหตุจนไม่สามารถทำงานได้สักระยะหนึ่งและเขาก็ไม่ต้องการที่จะรับสมัครใหม่เพราะอีกไม่กี่เดือนคนเดิมก็กลับมาทำงานได้แล้ว...เขาเลยมาขอยืมตัวผู้ตรวจสอบบัญชีเก่งๆของผมสักคน...ผมก็เลยตัดสินใจเลือกคุณครับ...คุณวรนัตร’ ประโยคอธิบายแสนยาวได้จบลงแต่มีคำถามหนึ่งที่คาใจอยู่
ผมควรเรียกเหตุการณ์นี้ว่าโลกกลม?
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าระดับประธานบริษัทของผมและเทมจะรู้จักแถมยังเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย!?
ความจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายถ้าจะรับงานนี้...ยังไงผมก็อยู่คนเดียวอยู่แล้ว
สะดวกกว่าหลายๆคน
‘แล้วที่พักล่ะครับ...ผมต้องหาเองไหม?’
ถ้าต้องหาเองคงจะต้องใช้เวลาสักหน่อย
‘เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง...เห็นว่าจองคอนโดYYYไว้ให้แล้ว...คุณแค่จัดการพวกกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมไว้ก็พอ’
‘ผมต้องไปเมื่อไหร่ครับ?’
‘อีกสองอาทิตย์...คุณจะรับงานนี้ใช่ไหม?’ท่านประธานตอบแล้วถามย้ำผมอีกรอบหนึ่ง
‘ครับ’
เท่านั้นและครับการสนทนาเมื่อวันศุกร์เพราะงั้นวันเสาร์ผมเลยเขียนจดหมายไปบอกเทมแล้ว...ทั้งที่ทุกอย่างควรจะราบลื่น...
แต่!!
กลางดึกวันอาทิตย์ดันมีโทรศัพท์จากท่านประธานโทรเข้ามาโดยตรงตอนที่ผมหลับไปแล้ว...ตัวผมไม่ได้นอนเร็วหรืออะไรหรอกนะ...แต่ท่านประธานโทรมาตอนตี4!!
บ้า...บ้าไปแล้วแน่ๆ
แถมโทรมาบอกประโยคสั้นๆที่ไม่ง่ายในการทำมันเลยสักนิดเดียว
‘ผมต้องการให้คุณเข้าทำงานในวันพรุ่งนี้ที่บริษัทxxx’
ก่อนจะวางหูไปโดยไม่สนใจคำตอบผมเลยสักนิดเดียว...
ให้เริ่มทำงานพรุ่งนี้..เข้างานตอน8โมง...เวลาในการเดินทางไปถึงบริษัทก็ประมาณ2-3ชั่วโมง...ตอนนี้ผมยังไม่ได้จัดกระเป๋าด้วย...
ก็แปลว่า....
“งานเข้า!!”ผมเด้งขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจก่อนจะรีบไปรื้อกระเป๋าเดินทางที่ไม่ได้มานานก็มาทันที....ผมรีบควานหาเสื้อผ้าที่จำเป็นจัดใส่กระเป๋าโดยด่วน...
สองเดือนนี่ต้องเอาไปกี่ชุดล่ะ?
“ยัดได้แค่ไหนก็แค่นั้นละกัน”ผมพึมพำระหว่างที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
วรนัตรใช้เวลากว่าชั่วโมงในการจัดกระเป๋าลากสองใบใหญ่ๆก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำ...อาจจะเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ผมแทบจะวิ่งผ่านน้ำเลยล่ะ
กว่าที่ผมจะได้ออกจากบ้านก็ปาไปเกือบ6โมงแล้ว...ดีนะที่ผมขับรถไปเอง...ส่วนเรื่องที่ทางเมื่อวันก่อนที่คุยกันท่านประธานได้ให้แผนที่มาเรียบร้อยแล้ว...ผมขับรถออกไปโดยที่เช็คของซ้ำอีกครั้งว่าลืมอะไรไหม
ผมขับรถมาถึงบริษัทตอนเกือบ8โมง...ผมขับรถวนหาที่จอดก่อนจะเดินเข้าไปภายในบริษัท
“สวัสดีครับ...ผมมาจากบริษัทxuxครับไม่ทราบว่าผมต้องขึ้นไปที่ชั้นไหนครับ?”ผมเดินไปที่ประชาสัมพันธ์ด้านหน้าก่อนจะถามพนักงานสาวที่ประจำที่อยู่
“อ้อ...ใช่คุณวรนัตรใช่ไหมค่ะ?”
“ใช่ครับ”ผมตอบกลับพนักงานสาวคนนั้น
“เชิญไปที่ชั้น9เลยค่ะ...ท่านประธานรออยู่แล้วค่ะ”พนักงานสาวบอกผมด้วยรอยยิ้มก่อนจะผายมือไปทางลิฟต์ที่อยู่ด้านข้าง
“ขอบคุณครับ”ผมบอกพนังงานสาวก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้น9...พอดูตัวเลขในลิฟต์ก็รู้เลยว่าตึกที่นี่มีทั้งหมด10ชั้น
ตึ๋ง!
เสียงลิฟต์บ่งบอกว่ามาถึงที่หมายแล้วทำให้ผมเดินออกไปก่อนจะนึกอย่างสงสัยไม่ได้
ทำไมไม่มีใครขึ้นลิฟต์มาพร้อมเขาเลยนะ
ปกติช่วงเวลาเข้างานเป็นเวลาที่คนใช้ลิฟต์มากที่สุด
“...แปลกดีแฮะ”ผมพึมพำก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องกระจกเพียงห้องเดียวที่อยู่บนชั้นนี้
พอมองไปซ้ายขวาก็ได้พอกับห้องกว้างขวางที่มีคนทำงานอยู่ประมาณ4-5คน...และก็มีห้องอีกห้องหนึ่งอยู่ถัดไปอีก...
คงเป็นห้องท่านประธานล่ะนะ
ผมเดินไปหาพนักงานสาวที่นั่งอยู่หน้าห้องนั้นแล้วเอ่ยทักทาย
“สวัสดีครับ....ผมวรนัตรครับเห็นว่าท่านประธานเรียกผมมานะครับ”ผมบอกพนักงานสาวด้วยรอยยิ้ม
“...ค่ะ...เชิญเข้าไปได้เลยค่ะ”พนักงานสาวเงยหน้าขึ้นมองผมก่อนจะหน้าแดงเล็กน้อยแล้วบอกผมด้วยเสียงสั่นนิดๆ
ผมขอบคุณเธอก่อนจะเข้าไปภายในห้อง...บรรยากาศต่างกันลิบลับเลย...ภายในนี้บรรยากาศค่อนข้างหนักอึ้ง...เรียกว่าค่อนข้างเครียดทีเดียว...ห้องหรูที่ถูกตกแต่งในโทนสีน้ำตาลอ่อนสลับขาวทำให้ดูดีและน่าอยู่...ผมเดินเข้าไปหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะเพียงตัวเดียวในห้องนั้น
เก้าอี้หันไปทางฝั่งกระจกทำให้ไม่เห็นหน้าของท่านประธานที่อยู่ตรงหน้า
“คุณสินะวรนัตร...คนที่กายบอกว่าเก่งนักเก่งหนาน่ะ”เสียงเข้มตรงหน้าดังขึ้นพร้อมกับเก้าอี้ที่หันมาอย่างช้าๆ...ชายตรงหน้าผมเป็นหนุ่มอายุประมาณเลข4แล้วล่ะ...แต่ด้วยใบหน้าคมเข้มสายตาที่น่ากลัวนั่นดูทำให้อายุลดลงไปมากโขเลย
ส่วนคนที่ชื่อกายคงไม่ต้องถามนะว่าใคร...
ยังไงก็คงไม่พ้นท่านประธานของบริษัทผมนั่นแหละ
ที่ว่าเก่งนี่...หมายถึงผมเหรอ?
ท่านประธานไปพูดอะไรให้คนคนนี้ฟังล่ะเนี่ยะ!!
“อ่อ...ครับ”
“คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงเรียกคุณมาที่นี่?”
ไม่รู้ครับ...
อยากจะบอกแบบนี้ซะเหลือเกินแต่ถ้าทำจริงก็เตรียมเก็บศพผมได้เลย
“พูดคุยเกี่ยวกับงานที่ผมต้องทำที่นี่ตลอดสองเดือนต่อไปนี้ครับ”ผมตอบเท่าที่ผมพอจะคิดได้
“ก็มีส่วนแต่ไม่ใช่ทั้งหมด....ที่กายบอกคุณไปคือทำและตรวจสอบบัญชีของแผนกคอมพิวเตอร์เท่านั้นใช่ไหม?”
“ครับ”
“แต่คุณต้องตรวจสอบบัญชีทั้งหมดทุกแผนกภายในบริษัทนี้!!”
“...!!”
พูดเป็นเล่น!!
ใครจะไปทำได้กัน!!
คิดว่าทั้งบริษัทมีทั้งหมดกี่แผนกกัน!!
“...อ่อ..แล้วผู้ช่วย...”
“ไม่มี...ตอนนี้ผมไม่ไว้ใจผู้ตรวจสอบบัญชีคนไหนในบริษัททั้งนั้น...คนที่ผมไว้ใจได้ตอนนี้ก็อยู่ที่โรงพยาบาล...เพราะงั้นผมถึงให้คุณมาไง”คำอธิบายยาวๆของเขาทำให้ผมร้องอ๋อเบาๆในคอ
อยากจะบอกว่าเขาไว้ใจคนตรวจบัญชีในบริษัทไม่ได้อย่างนั้นสินะ
“ผมเข้าใจแล้วครับ...แต่ผมคงต้องใช้เวลามากหน่อยนะครับในการตรวจบัญชีทั้งหมด”ผมบอกท่านประธานไปตามตรง
“ผมให้เวลาคุณมากกว่าปกติอีก15วัน”เขาพูดขึ้นทันที
“เข้าใจแล้วครับ”
“ห้องของคุณจะอยู่ข้างๆกับแผนกคอมพิวเตอร์...ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะมีเสียงรบกวนอะไร...ผมให้คุณอยู่ห้องส่วนตัว”
“ได้ครับ”
“พอลงไปชั้น4แล้วให้ไปหาคนที่ชื่อสิริพงค์...เขาจะพาคุณไปที่ห้องเอง...เขาเป็นหนึ่งในคนที่ผมไว้ใจมีอะไรก็ไปถามจากเขาหรือไม่ก็ขึ้นมาหาผมได้”ท่านประธานอธิบายต่อ
“ครับ...ขอตัวก่อนนะครับ”
ผมบอกลาก่อนจะเดินออกจากห้องมา...ไม่คิดเลยว่าต้องมาทำงานที่มีความสำคัญขนาดนี้...ถ้าพลาดขึ้นมาคนที่จะซวยเป็นเขาเองแน่ๆ
ผมกดลิฟต์ลงมาที่ชั้น4พร้อมกับความกังวลที่เพิ่มสูงขึ้น...ในหัวผมตอนนี้คิดแต่เรื่องของ
‘เทม’
เขาทำงานอยู่แผนกคอมพิวเตอร์...นั่นหมายถึงผมต้องเจอเทมใช่ไหม?
เทมจะคิดว่าผมไม่บอกเขาก่อนรึป่าว?
ผมบอกแล้วนะเพียงแต่ว่าผมถูกเร่งให้มาอย่างกะทันหันเท่านั้น...จดหมายที่ผมส่งไปคงจะถึงวันนี้ไม่ก็พรุ่งนี้สินะ
หวังว่าวันนี้ผมจะหลบหน้าเขาได้นะ...
นึกแล้วก็ตลกแฮะ...ไม่เคยเจอหน้ากัน
แล้วจะหลบหน้าได้ไง?
หน้าตาเทมเป็นยังไงผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
หวังว่าพระเจ้าจะไม่เล่นตลกกับผมละกัน
ตึ๋ง!
เสียงลิฟต์ดังขึ้น...ตอนนี้ผมมาอยู่ที่ชั้น4แล้ว...เท่าที่หันไปมองรอบๆชั้นนี้ค่อนข้างกว้างมาก...มีห้องที่ถูกแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างเห็นได้ชัด...เท่าที่ดูคงมีทางเดินแค่ตรงหน้าลิฟต์เท่านั้นล่ะมั้ง....ผนังที่ถูกทาเป็นโทนสีน้ำตาลอ่อนที่อ่อนมากๆจนเกือบจะเหลืองทำให้ดูค่อนข้างสบายตา...ส่วนตรงทางเดินก็มีต้นไม้วางประดับไว้ประปลายดูผ่อนคลายดี
แต่ผมควรไปหาคุณสิริพงค์ที่ไหนดีล่ะ?
“....”ผมยืนคิดนิ่งๆอยู่หน้าลิฟต์
แปะ!
“...!!”สัมผัสของอะไรบางอย่างที่มาแตะที่ไหล่ทำให้ผมรีบหันกลับไปมองดูด้วยความระแวงทันที...ตรงหน้าผมมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุคงจะ20ปลายๆได้ยืนมองผมพร้อมรอยยิ้ม...เขาค่อนข้างสูงน่าจะสูงกว่าผมสัก6-7ชม.ได้...ผิวสีแทนและมาดนิ่งๆที่ดูไม่ค่อยหน้าไว้ใจสักเท่าไหร่สำหรับผม
“คุณคือคุณวรนัตรใช่ไหมครับ”คนตรงหน้าถามผมด้วยท่าทีที่สุภาพ
“ครับ...แล้วคุณ?”ผมคลายท่าทาทีระมัดระวังตัวลงก่อนจะถามกลับไป
“ผมชื่อสิริพงค์ครับ...ท่านประธานพึ่งติดต่อผมว่าให้มาพาคุณไปที่ห้องทำงานนะครับ”เขาอธิบายด้วยท่าทางสบายๆ
“ครับ...วรนัตรครับเรียกว่านัทก็ได้ครับ”ผมแนะนำตัว
“ผมชื่อสิริพงค์เรียกว่าพี่ไม้ก็ได้ครับเพราะดูท่าผมคงจะอายุมากกว่าคุณ”คนตรงหน้าบอกผมก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้าผม
“ไม่มีปัญหาครับ....ขอทราบได้ไหมว่าคุณอายุเท่าไหร่แล้ว”ผมถามคนตรงหน้าไปตรงๆ...พูดตามตรงนะผมคิดว่าผมอายุมากกว่าคนตรงหน้าแน่ๆนะ
“ปีนี้ก็28แล้วล่ะครับ”คนตรงหน้าพูดนิ่งๆ
ผมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะบอกบางอย่างกับคนตรงหน้าไป
“...งั้นคุณคงต้องเรียกผมว่าพี่แทนแล้วล่ะเพราะปีนี้ผมอายุ30แล้ว”
“...???”ดูจากท่าทางเขาคงจะไม่ค่อยเชื่อละมั้ง...แถมยังมองผมแบบอึ้งๆอีกด้วย
มีคนเคยบอกว่าผมหน้าค่อนข้างเด็กอยู่เหมือนกันนะ...ผมว่ามันเป็นหนึ่งในข้อดีเลยล่ะ...ใครจะอยากดูแก่ละจริงไหมครับ?
“เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยครับพี่นัท...หน้าพี่เด็กจังเลยนะครับ”ไม้...?...ผมเรียกแบบนี้ดีไหม?...หรือจะเป็นคุณสิริพงค์ดีกว่า...คุณสิริพงค์ละกัน...เขารีบเอ่ยขอโทษผมทันที
“ไม่เป็นไรครับ”
ยังไงผมก็ไม่ได้โกรธอะไรอยู่แล้ว...แถมไม่ค่อยถือเรื่องพวกนี้ด้วย
“ก่อนจะพาไปห้องทำงานผมจะพาไปที่แผนกคอมพิวเตอร์ก่อนนะครับ...อยู่ๆข้างๆกันมีเรื่องอะไรก็เรียกคนในนั้นมาช่วยได้เลยครับไม่ต้องเกรงใจเพราะยังไงส่วนมากก็นั่งเล่นเกมส์ไม่ก็เขียนจดหมายไม่มีงานอะไรมากมายหรอกครับ”คุณสิริพงค์บอกพร้อมกับพาผมเดินไปเรื่อยๆตามทางเดิน
เขียนจดหมาย...?
ที่คุณสิริพงค์บอกจะหมายถึงเทมรึเปล่านะ?
ยิ่งเดินมานานเท่าไหร่ความกังวลผมก็เริ่มผุดขึ้นมาเรื่อยๆ...
จะทำยังไงดี!!
ยังไม่ได้เตรียมตัวเลย...
โธ่เว้ย!
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ...หน้าซีดๆนะครับไปห้องพยาบาลไหมครับ”คุณสิริพงค์ถามผมด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับ...”ผมตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งๆก่อนที่พวกเราจะเดินต่อไป
แต่พอมาคิดดูอีกที...
ทำไมไม่ไปห้องพยาบาลซะล่ะจะได้ไม่ต้องไปแผนกคอมพิวเตอร์!!
บ้าจริงเชียว!!
“เอ่อ....”
“ถึงแล้วครับ”ผมที่กำลังจะบอกว่าขอไปห้องพยาบาลต้องชะงักทันทีที่คุณสิริพงค์พูดขึ้นแล้วใช้มือจับลูกบิดประตูห้องหนึ่งไว้ก่อนจะค่อยๆเปิดมันออก...
ไม่นะ!
ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเลย!
ครื่นนนน
“สวัสดีพี่น้องชาวแผนกคอมพิวเตอร์ที่รัก...วันนี้มีคนจะมาแนะนำให้รู้จักด้วย...ทำตัวให้เรียบร้อยล่ะ”
ไม่นะ...ผมอยากเป็นลม
ผมเดินมายืนอยู่ข้างๆคุณสิริพงค์ก่อนจะค่อยทำใจมองไปรอบๆห้องนี้...ห้องขนาดไม่ใหญ่มากมีคอมพิวเตอร์วางหันหลังชนกันอยู่แนวละประมาณ6-7เรื่องได้...ผนังห้องเป็นโทนสีขาวทำให้ดูสะอาดสะอ้าน...สายตาผมค่อยๆไล่ไปตามเก้าอี้ที่ตอนนี้มีคนสิบกว่าชีวิตนั่งอยู่แล้วถอยเก้าอี้ออกมาเพื่อมองหน้าหัวหน้าแผนกหรือคุณสิริพงค์นั่นแหละ
เฮือก!
“...!!”อยู่ๆสายตาผมก็ไปสะดุดอยู่ที่ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ทางขวามือของแถว...เขาจ้องมองมาที่ผมด้วยท่าทางอึ้งๆดวงตาเบิกกว้างจนเพื่อนข้างหลังต้องเอามือมาปิดตาเขาไว้แล้วก้มหัวขอโทษผมเบาๆ
อยากจะบอกเลยว่าผมไม่สนใจหรอกที่ผมสนใจตอนนี้คือ....
ตึก ตัก ตึก ตัก
หัวใจผมมันเริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อได้สบตากับชายคนนั้น...เท่าที่สังเกตคงจะเป็นเด็กที่พึงจบใหม่แน่ๆเลย...ผิวสีแทนดวงตาสีเขียวอมน้ำตาลและผมสีน้ำตาลอ่อนซอยสั้นที่ดูก็รู้ว่าต้องมีเชื้อต่างชาติแน่ๆ
ทำไมหัวใจผมมันถึงเต้นแรงตอนสบตากับเขาได้ล่ะ
เหมือนกับตอนที่ผม....
อ่านจดหมายที่เทมเขียนมาเลย
....!!!!....
เทมเหรอ...????
หรือว่าคนคนนี้จะเป็นเทม!!!
ผมมองชายตรงหน้าด้วยความคิดที่สับสนไปหมด
ไม่จริง...นี่ผมกล้าใช้เซนต์ตัวเองตัดสินว่าใครเป็นใครเมื่อไหร่กันเนี่ยะ
“...เฮ้ย!...เอามือออกเดี๋ยวนี้นะไอ้พีช!”เสียงของคนที่ผมจ้องอยู่ดังขึ้นพร้อมกับพยามเอามือของเพื่อนออกจากตาของตัวเอง
เสียงของเขาทำให้ผมที่กำลังคิดอยู่มองไปแบบไม่เชื่อสายตา
‘พี่นัท!!’
เสียงเดียวกับตอนที่ได้ยินในโทรศัพท์เลย
ไม่จริงน่า...
“พวกแกน่ะพอได้แล้วอย่าทำเสียมารยาทสิ!!”คุณสิริพงค์ตะโกนขึ้นทำเอาสองคนที่วุ่นวายกันอยู่รีบกลับสู่ความสงบทันที
คนที่ผมคิดว่าเป็นเทมก็หันกลับมาจ้องผมเหมือนเดิม
แววตาเขาเป็นประกายขึ้นมากกว่าตอนแรกที่เห็น...มันทำให้ผมรู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้สิ...เหมือนกับไม่น่าไว้ใจแถมยังส่งยิ้มนิดๆมาให้ผมอีกด้วย
“เอาล่ะ...นี่คือคุณวรนัตร รัตรนเทวา เขาจะมาเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีแทนพี่อรนงตร์ที่อยู่โรงพยาบาลนะถ้าพี่เขาต้องการคนช่วยก็ห้ามอิดออดนะเข้าใจไหม”
“ครับ!!”เสียงตอบรับดังฉะฉานยิ่งกว่าตอนเกณฑ์ทหารซะอีกแหะ
“...สวัสดีครับ...ผมวรนัตร รัตรนเทวา เรียกว่านัทก็ได้ครับ...ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ”ผมเอ่ยทักทายพอเป็นพิธีด้วยรอยยิ้ม....สายตาผมยังคงจับจ้องอยู่ที่ชายคนนั้นเช่นเดียวกับที่เขายังจ้องผมไม่วางตา
“ไอ้เทมแกจะจ้องพี่เขาให้ท้องเลยรึไง!”
เฮือก!
เสียงของคุณสิริพงค์ทำให้ผมกับเขาละสายตาออกจากกันชั่วขณะ
ว่าแต่เมื่อกี้คุณสิริพงค์เขาว่ายังไงนะ!!
เทมเหรอ?
“ขอโทษด้วยครับหมอนั่นพึ่งจะมาทำงานน่ะครับไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร...ชื่อธีราทรเรียกมันว่าไอ้เทมก็ได้ครับ”คุณสิริพงค์หันมาแนะนำเขากับผม
“....”
สายตาผมประสานกับเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ฉ่า!
ผมหันหน้าหลบเทมทันที...ตอนนี้หน้าผมต้องแดงมากแน่ๆ
ให้ตายเถอะ!
รู้สึกว่าพระเจ้าจะเล่นตลกกับผมมากไปแล้วนะครับ!!
คนตรงหน้านี่คือเทมจริงๆใช่ไหม???!!
........................................................................
มาอัพต่อแล้วค่ะ
วันนี้รู้สึกเหนื่อยมากๆการสอบบัญชีมันช่างทำให้หัวสมองเราอ่อนล้ามากจริงๆ
เลยแต่งได้เท่านี้แหละค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจนะค่ะ
ชอบเวลาอ่านคอมเม้นท์มากเลย
มีคนเขียนว่าอ่านแล้วเขิน...อยากบอกเราอ่านคอมเม้นท์ของเพื่อนๆก็เขินเหมือนกันค่ะ
ไว้เจอกันตอนหน้าเร็วๆนี้
แล้วทุกท่านจะได้เจอกับหมาน้อยเทมค่ะ555+
nicedog
.................................................................
แถมพิเศษ
คุณ mukmaoY เม้นท์มาว่า 'แจ้งความจับสตอล์คเกอร์ดีไหมน้า...

'
เอ้าเทมมาตอบหน่อยๆ
เทม : ฮ๊ะ?...สตอล์คเกอร์? หมายถึงใครกันครับ?
nicedog : นายไง
เทม : ผมเหรอ?!!! อ่อ...ผมดูเหมือนพวกโรคจิตเหรอครับพี่สาว?
อย่าแจ้งจับผมเลยเนอะ...เดี๋ยวพี่นัทจะขาดคนดูแลนะครับ!
จบจ้า
ไว้มีคอมเม้นท์โดนๆจะให้เทมไม่ก็พี่นัทมาตอบนะค่ะ
หรือถ้ามีคำถามอะไรอยากถามทั้งคู่ก็ถามได้เลยค่ะจะให้พวกเขามาตอบในตอนท้ายของแต่ละตอนที่ลงค่ะ
แล้วเจอกันใหม่ค่ะ!!
