ตอนที่ 1 (ครึ่งหลัง)
“ผมชื่อธีรไนย อมรไพพิจิตรนะครับ เรียกธีร์เฉยๆ ก็ได้ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” ธีร์แนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงลง กับชั้นที่ 20 กว่าๆ แล้ว พนักงานที่นี่ก็เยอะไปนะบางที
ไหนจะเดินขึ้นบันไดอีก กูอยากจะเป็นบ้าตาย!
แปะๆ
เสียงปรบมือดังขึ้นเพื่อเป็นการต้อนรับตามลำดับ ธีร์เองก็ยิ้มๆ น้อยๆ ก่อนจะเดินไปทางบันไดหนีไฟเพื่อขึ้นไปยังชั้นต่อไปอย่าง
แสนจะเหน็ดเหนื่อย
“ไอ้พัฒน์ ไอ้เหี้ย! ไอ้ควาย! อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะมึง” ก็ได้แต่บ่นซ้ำๆ ไปมาแบบนี้นี่แหละ ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เพราะคนอย่าง
พัฒน์มีเจ้านายเขาคอยคุ้มกะลาหัวอยู่
“ว๊ากกก...แล้วมันอีกกี่ชั้นล่ะวะเนี่ย!” ตะโกนดังลั่นบันไดหนีไฟอย่างหงุดหงิด
สองเท้าก็เดินขึ้นไปอย่างปลงกับชีวิต ใบหน้าขาวใสมีเหงื่อผุดเต็ม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของธีร์ลดลงแม้แต่น้อย กลับกันยัง
ทำให้ผู้ชายคนนี้ดูเซ็กซี่ขึ้นอีกด้วย
ธีร์เดินแนะนำตัวไปตามชั้นต่างๆ เรื่อยๆ จนมาถึงชั้นสุดท้ายที่เป็นชั้นของอัคนี โดยใช้เวลาในการทำตามคำสั่งพัฒน์ครั้งนี้ 3 ชั่ว
โมงกว่าๆ ก่อนจะปาดเหงื่อทิ้งไป แล้วเดินไปที่ลิฟต์เพื่อกดลงไปยังด้านล่างหาอีกคนที่นั่งสบายอยู่ทันที
“แอร์ก็เย็นนะ แต่เหงื่อเต็มเลยไอ้ห่าเอ้ย!”
“กูทำได้แบบนี้ มึงยังจะมีเรื่องมาด่าหรือดูถูกกูอยู่ไหม เฮอะ!”
เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างสุดที่ 3 ชั่วโมงก่อนพัฒน์บอกว่าจะรออยู่แถวๆ นี้ สายตาของร่างโปร่งก็มองหาคนหน้าตายที่ตัวใหญ่
อย่างกับยักษ์ไปรอบๆ ก่อนจะเจอเจ้าของร่างสูงนั่งอยู่ในมุมพักผ่อนหรือที่เรียกว่าเป็นสภากาแฟของพนักงานแล้วเดินเข้าไปหา
ทันที
พรึ่บ!
ธีร์ทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามก่อนจะกอดอกมองหน้าพัฒน์อย่างหาเรื่อง แต่ร่างสูงกลับสนใจไม่ เอาแต่อ่านนิตยสารฟุตบอลอยู่ไม่
สนใจการมาถึงของเขาเลย
“เฮ้ย!” ส่งเสียงเรียกครั้งที่หนึ่ง ร่างสูงก็ไม่สนใจ
ธีร์เองก็คิดในทางที่ดี แม้ว่าตัวเองจะไม่เชื่ออย่างนั้นก็ตาม ว่า...ร่างสูงคงตั้งใจอ่านมาก เลยไม่รู้ว่าเขามาถึงแล้ว เลยสูดลม
หายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะขึ้นเสียงเรียกอีกครั้ง
“ไอ้พัฒน์!!!”
“อะไร”
ดูมัน ดูมัน! ยังมีหน้ามาถามอีกว่าอะไร.. แล้วเอาหน้านิ่งๆ ของมึงออกไปจากตรงหน้ากูด้วย กูชักจะหงุดหงิดเต็มทีละ!!
“เฮอะ! กูทำเสร็จแล้ว!” บอกผลของภารกิจไป
พัฒน์พยักหน้าน้อยๆ อย่างไม่บ่งบอกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งเป็นการยั่วอารมณ์โมโหของธีร์เป็นอย่างมาก
“อืม”
“แค่นี้?” ถามเสียงสูง
“เออ!”
“ไอ้บ้าเอ้ย!!”
ตึง!!!
ตะโกนด่าพัฒน์เสร็จก็ตบโต๊ะเสียงดังแล้วเดินหนีทันที...
“ก็ได้! ในเมื่อไม่สนใจกันแบบนี้ กูก็ไม่อยู่ง้อมึงหรอก ยังไงแล้วกูก็ไม่ได้อยากจะให้มึงสอนงานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ร่างโปร่งเดิน
เร็วๆ พร้อมกับบ่นไปด้วย
หิวก็หิว ดันมาเจอเหี้ยอะไรแบบนี้อีก
“มึงจะไปไหน” สองเท้ายาวของพัฒน์สาวเข้ามาประชิดตัวร่างโปร่งได้อย่างว่องไว แต่ธีร์ก็เอาคืนโดยการไม่ตอบบ้าง จะได้รู้สึก
ว่าตอนที่มันไม่ตอบน่ะรู้สึกยังไง
“อย่าเมินกู” พัฒน์เริ่มขึ้นเสียงจนธีร์แอบยิ้มอย่างสะใจ
“ไอ้ธีร์!!”
กึก!
ร่างโปร่งหยุดเดินทันที เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่อีกคนเรียกชื่อเขา ถึงมันจะไม่เพราะเท่าไหร่ แต่ก็สามารถสะกดให้เขาหยุดเดินได้
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ร่างกายมันหยุดเองโดยอัตโนมัติ
“มีอะไรวะ!”
“กูถาม” พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ตาจ้องเขม็งอย่างกับเสือจ้องเหยื่อ แต่คนอย่างธีร์เคยกลัวอะไรไม่ ก็มองกลับอย่างหาเรื่องไม่แพ้
กัน
“แต่กูไม่อยากตอบ”
“อย่ากวน”
“ทีมึงยังทำได้เลย”
“เป็นเด็กหรือไงวะ” พัฒน์ถาม
แต่ช่างเป็นประโยคที่อีกคนไม่ชอบเอาเสียเลย
“มึงสิเด็ก อายุมากกว่ากูปีเดียว ไม่มีสิทธิ์บอกว่ากูเด็ก” ธีร์เถียงต่อเสียงแข็ง
“หึ! เด็ก”
พอร่างสูงรู้ว่าคำว่า ‘เด็ก’ ยั่วอารมณ์โกรธคนตรงหน้าได้เป็นอย่างดีเลยพูดใหญ่ เขาล่ะชอบที่ต้องเห็นคนหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างทำ
อะไรไม่ได้แบบนี้จริงๆ
“ไอ้พัฒน์ หุบปากเน่าๆ ของมึงเดี๋ยวนี้” ธีร์เริ่มขึ้นเสียงข่ม แต่ก็รู้ว่าข่มยังไงก็ข่มไม่ได้
“เด็ก”
“ไอ้สัตว์เอ้ย!” สิ้นเสียงด่าที่หยาบคาย มือที่กำแน่นของธีร์ก็ประเคนไปที่ใบหน้าหล่อของพัฒน์ทันที พนักงานแถวนั้นพากันแตก
ตื่นและวิ่งหนีแทบจะไม่ทัน เพราะกลัวว่าตัวเองจะโดนลูกหลงไปด้วย
ใบหน้าคมคายหันไปตามแรงของหมัด แม้ไม่ถึงกับแตก แต่ก็ทำให้หน้าชาได้เหมือนกัน
“ชิ!” สบถเบาๆ ก่อนจะใช้หลังมือเช็ดปาก มองคนที่ต่อยตนด้วยดวงตาแข็งกร้าว
ไอ้คนอารมณ์ร้อนเอ้ย! เจ้านายก็ร้อนพอแล้ว ลูกน้องก็มีนิสัยไม่ต่างจากเจ้านาย แล้วแบบนี้มันจะรอดหรือจะร่วง...พัฒน์คิดในใจ
อย่างหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ แต่เขาเป็นคนใจเย็นพอที่จะบุ่มบ่าม
คนแบบนี้ต้องค่อยๆ ดัด
“กูบอกแล้วว่าอย่าทำให้กูโมโห ช่วยไม่ได้” ร่างโปร่งพูดแบบไม่สะทกสะท้านลับกันยังรู้สึกสะใจอีกด้วยที่ได้ต่อยหน้าหล่อไป
หนึ่งหมัด
สองเท้าเตรียมเดินหนี แต่ร่างใหญ่ไม่ยอมให้ทำแบบนั้น จัดการใช้มือที่ใหญ่กว่าของตัวเองจับเข้าที่ข้อมือแล้วออกแรงดึงให้เดิน
ตามตนไปที่ลิฟต์สำหรับขึ้นไปชั้นบนสุด ร่างโปร่งพยายามขืนแรงเต็มที่ หากก็ไม่เป็นผลเลยต้องเข้าไปอยู่ในลิฟต์ตัวเดียวกัน
อย่างช่วยไม่ได้
“มึงจะพากูไปไหน” ธีร์หันไปถาม
“ทำไม กลัว?” ถามออกมา แต่ตาไม่มองอีกคนเลย
“กูไม่กลัวคนอย่างมึงหรอก”
“ก็ดี!”
ร่างสูงกว่าพูดเพียงสั้นๆ ก่อนที่ทั้งลิฟต์จะตกอยู่ในความเงียบ ธีร์เองก็คิดป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไอ้
นิ่งๆ ข้างๆ คิดจะทำอะไรตัวเองหรือเปล่า
หรือมันจะฆ่ากูหมกลิฟต์
“กูไม่ฆ่ามึงหรอก” พูดออกมานิ่งๆ จนอีกคนหันไปมองทันทีด้วยความตกใจ
มันรู้ได้ยังไงว่าเขาคิดอะไรอยู่!
“ทำอย่างอื่น สนุกกว่าเยอะ”
ธีร์เพิ่งจะเคยเห็นสีหน้าที่แสนเจ้าเล่ห์บวกกับความน่ากลัวของพัฒน์ก็ตอนนี้แหละ ถึงแม้ว่าร่างสูงจะแผ่รังสีที่ดูน่ากลัวแค่ไหน
ตราบใดที่ร่างโปร่งบางยังไม่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของพัฒน์
ก็ไม่เห็นจะต้องกลัว!
“มึงจะทำอะไรกู” ถามอย่างระแวง
“ทำไม เกิดกลัว?” ยกยิ้มมุมปากด้วยความสมเพชจนธีร์เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง
จะมีสักครั้งไหมที่ไอ้บ้านี่มันจะไม่ทำให้เขาโมโห!!
“กูจะไปกลัวมึงทำไมวะไอ้พัฒน์ อย่างมึงนอกจากหน้านิ่งๆ แล้วมีอะไรให้กูกลัววะ มาดิ! จะทำอะไรก็เชิญ กูพร้อมสู้เสมอล่ะวะ”
ธีร์ตอบกลับอย่างไม่กลัว ทั้งที่ในใจก็หวั่น
แม้ว่าจะผู้ชายเหมือนกัน แต่เท่าที่มันลากเขาเข้าลิฟต์มาเมื่อกี้ก็บอกให้รู้ได้แล้วว่า มันแรกเยอะกว่าหลายเท่า... แต่ช่างเถอะ ไอ้
ธีร์คนนี้สู้ตาย
พัฒน์เดินนำออกจากลิฟต์ไปด้านหน้าอย่างคงที่ ธีร์ที่หยุดหน้าลิฟต์ลังเลว่าจะเอายังไง จะเดินตามมันไป หรือว่าเดินหนีไปทาง
อื่น
“แต่เดี๋ยวมันก็ว่าเราป๊อด ฮึ่ย! เอาก็เอาวะ” สองเท้าก็ก้าวตามร่างสูงของพัฒน์ไปเมื่อบ่นพึมพำกับตัวเองเสร็จ
เขาเห็นว่าพัฒน์กำลังคุยอะไรบางอย่างกับเลขาสาวหน้าห้องของอัคนี ซึ่งเมื่อธีร์เดินไปถึงสองคนนั้นก็คุยเสร็จแล้ว พัฒน์ก็พยัก
หน้าน้อยๆ เป็นการบอกว่าให้ตามเขาเข้าไปในห้องทำงานของอัคนีทันที
“มึงพากูมาหาคุณเพลิงหรือวะ?” ถามคนที่เดินนำเบาๆ
“ก็อย่างที่เห็น”
“มึงคิดจะฟ้องล่ะสิ”
“หึ! กูไม่ใช่คนอย่างนั้น”
แล้วมึงเป็นคนแบบไหนล่ะครับ ไอ้ห่า!
“ว่าไงไอ้พัฒน์ มันเป็นยังไงบ้าง” อัคนีถามทันทีที่เห็นพัฒน์กับธีร์
“ผมไม่รู้ควรต้องตอบแบบไหน” พัฒน์บอกเรียบๆ จนอัคนียกยิ้มออกมา
เขารู้ว่าพัฒน์ไม่ได้เป็นคนขี้เกรงใจอะไรนักหรอก เพราะตอนที่เรียนด้วยกันก็รู้จักกันหมดไส้หมดพุงแล้ว ตอนนี้พัฒน์คงอยากจะ
ให้ธีร์เป็นคนตอบเองมากกว่า
“ว่าไงไอ้ธีร์ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมาทำอะไรไปบ้าง” หันไปถามลูกน้องที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ อีกคน
“ก็ทำอะไรล่ะครับเจ้านาย มันให้ผมเดินขึ้นบันไดตั้งแต่ชั้นหนึ่งเพื่อแนะนำตัวเองให้คนทั้งบริษัทรู้จัก” ตอบไปอย่างไม่สบอารมณ์
นัก
“ก็ดี ฉะนั้นจากนี้ไปก็ของจริงแล้ว แกคงจะได้พักน้อยหน่อยนะไอ้ธีร์ เพราะมีเวลาแค่เดือนเดียวเท่านั้น ถ้าทำไม่ได้ ฉันคงต้องหา
คนใหม่ว่ะ” อัคนีบอกจริงจัง
ที่จริงก็แค่ขู่ให้ลูกน้องกระตือรือร้นเท่านั้นเอง
ธีร์เหมาะสมที่จะเป็นลูกน้องคนสนิทของเขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ลูกน้องของตนสมบูรณ์แบบ
ที่สุด
“อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละครับ แต่ช่วยบอกมันให้หน่อยว่าให้ลดการกวนประสารทผมเสียที มันน่าหงุดหงิด” ธีร์ขอ
“มันทำอะไรแกวะไอ้ธีร์ ฉันก็เห็นมันอยู่เงียบๆ นิ่งๆ ของมัน คนที่หาเรื่องมันนี่คือแกตลอดเลยนะ” อัคนีบอกลูกน้องตัวเองไป จน
ธีร์นิ่งไปด้วยความเจ็บใจ
นี่ขนาดเจ้านายยังไม่เข้าข้าง แล้วใครจะช่วยเขาได้ ท่าไม่ช่วยเหลือตัวเองเนี่ย
“ก็หน้าแบบนั้นแหละครับที่ทำให้ผมหงุดหงิด มันชอบมองแบบดูถูกนี่”
“กูทำตอนไหน” ถามอย่างสงสัย
ก็จริงอยู่ที่เขาทำหน้านิ่งๆ ไร้อารมณ์ตลอด แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนชอบดูถูกคนอื่นนะ มันคงจะมั่วหรือเข้าใจผิดอยู่แน่ๆ
“มึงทำตลอดนั่นแหละ” หันมาเถียง
“มันก็หน้าปกติ แกน่ะอคติมากเกินไปไอ้ธีร์ ลดๆ บ้างเถอะ” อัคนีเตือน
“เจ้านายไม่เป็นผม เจ้านายไม่รู้หรอก”
“เออๆ กูไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละโว้ย! ไปไอ้พัฒน์ พามันไปแผนกบัญชีไป ให้มันศึกษาเรื่องบัญชีวันนี้ แล้วพรุ่งนี้ลากมันไปที่ DINZ
พร้อมกับแกเลย น่ารำคาญจริงวุ้ย!” อัคนีไล่ออกไปอย่างเหลืออด
นี่มันยังเห็นกูเป็นเจ้านายอยู่ไหม ตอบ!!
“ครับ” ครับคำสั้นๆ ส่วนธีร์ก็มองเจ้านายตัวเองอย่างเซ็งๆ
“เจ้านาย”
“ไม่ต้องเรียก! ไปทำงานเลย”
“โธ่!!”
“ค่อยคุยกันตอนเย็น ตอนนี้ฉันไม่อยากจะปวดหัวกับแกนะเว้ยไอ้ธีร์”
“ก็ได้ครับ... ไปดิมึง ยืนนิ่งรอให้พ่อมาตัดริบบิ้นไง” ประโยคแรกพูดกับเจ้านาย ส่วนประโยคที่สองหันมาพูดกับคนข้างๆ ที่ทำ
หน้าโหดไปแล้ว
“มึงเล่นถึงพ่อกูเลยหรือวะ”
“กูยังไม่บอกเลยว่าพ่อใคร” ลอยหน้าลอยตาตอบ
“มึงมัน!” ยังไม่ทันที่พัฒน์จะเข้าไปเอาเรื่องกับอีกคน อัคนีก็ตะโกนลั่นห้องอย่างเหลืออด
“ออกไปได้แล้ว!!!”
มองหน้ากันน้อยๆ ก่อนจะมาขานรับอย่างนอบน้อยแล้วพากันออกไปจากห้องทำงานของอัคนีทันที ไม่วายออกมาเถียงกันหน้า
ห้องอีก
“เพราะมึงเห็นไหม คุณเพลิงเลยโมโห” ธีร์โยนความผิดไปให้อีกคน
“มึงนี่ชอบโยนความผิดให้คนอื่นจริงนะ”
“นี่มึงจะบอกว่ากูผิดงั้นหรือวะ!”
“เออ!” สิ้นเสียง พัฒน์ก็เดินหนีทันที
“เดี๋ยวดิวะ เคลียร์กันก่อน” เดินตามมาอย่างเอาเรื่อง
“มึงนี่หมาบ้าว่ะ ชอบหาเรื่องกูจริงๆ นะมึง อยากจะลองดีใช่ไหมไอ้ธีร์” พัฒน์หยุดเดินแล้วหันมาจ้องตาอีกคนอย่างเอาเรื่อง
เพราะทนไม่ไหวอีกต่อไปที่อีกคนหาเรื่องเขาแบบนี้...
มันจะได้หยุดบ้าเสียที...ว่าคนที่คิดมีเรื่องกับคนอย่างพัฒน์ มันไม่เคยตายดีสักคน...
แต่จะให้ฆ่าทิ้งเลยก็ไม่ได้...
ปึก!
“โอ๊ย! ไอ้เหี้ย มึงผลักกูขนาดนี้ มึงไม่กระทืบซ้ำเลยล่ะวะ” หลังจากที่โดนคนตัวใหญ่ผลักตัวร่างโปร่งเข้าไปเสาต้นใหญ่ที่อยู่
ใกล้ๆ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งยันเสาเหนือศีรษะของธีร์เล็กน้อย ส่วนอีกข้างก็บีบคางของอีกคนแน่น โน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้า
หล่อขาวของธีร์จนอีกคนตกใจ
“ม่ะ...มึงจะทำอะไร” ถามสั่นๆ เพราะตอนนี้เขาโดนขาอีกคนสอดเข้ามาตรงหว่างขาของตัวเอง จนทำให้ไม่กล้าขยับไปไหน
เพราะกลัวว่าขาอีกคนจะโดนจุดสำคัญเข้า
“ทำไม หึ!”
“นี่มึงเป็น ก่ะ...โอ๊ย!” ยังไม่ทันที่จะพูดจบก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อมือแกร่งบีบคางเขาแรงๆ จนเจ็บร้าวไปทั่วกราม
“อย่าคิดว่ากูพิศวาสมึง เพราะต่อให้กูเป็น...กูก็ไม่แลคนอย่างมึง แต่ก็นะ กูไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่มึงคิด และไม่คิดจะสนผู้ชายด้วย
แต่ที่กูทำแบบนี้ ก็เพื่อให้มึงกลัว จนไม่กล้ามีเรื่องกับกูอีก เพราะมึงเองก็คงไม่อยากถูกกูจูบนักหรอกถูกไหมวะ หึ!” เป็นครั้งแรก
ที่เขาได้ยินพัฒน์พูดประโยคยาวๆ เป็นครั้งแรก แต่มันช่างเป็นประโยคที่ทำให้ร่างโปร่งบางถึงกับใจสั่นด้วยความหวาดระแวง
มองตาก็รู้แล้วว่ามันพูดจริงทำจริงแน่..
“ถ่ะ...ถ้ามึงไม่เป็น มึงจะจูบกูทำไมวะ” ถามกลับไป พยายามที่จะทำตัวอวดดี กลบความกลัวเอาไว้
“ใครบอกว่ากูจะจูบมึง” ธีร์สะอึกกับคำถาม
“ก็เมื่อกี้...”
“กูแค่บอกว่ามึงคงไม่อยากถูกกูจูบใช่ไหม ไม่ได้หมายความว่ากูจะจูบเสียหน่อย” พัฒน์ว่าอย่างเป็นต่อ
“ไอ้!” ธีร์ด่าไม่ออก แต่ก็ไม่กล้าขยับตัวเอง เพราะไม่รู้จะออกไปท่าไหนที่จะไม่ให้ขาของมันโดนไอ้นั่นของเขา ผู้ชายด้วยกันก็
จริง
แต่มันก็แปลกๆ ไหม ถ้าโดนสัมผัสด้วยผู้ชายกันเอง
“ทำไม...หึ ถ้าให้กูจูบมึง กูสู้จูบหมาข้างถนนดีกว่า” สิ้นเสียงของพัฒน์ก็ทำให้ธีร์โกรธขึ้นหน้า โกรธจนใบหูขาวแดงไปหมด มือที่
กำแน่นสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ได้...มึงบอกว่าจูบกับกูแล้วมึงจูบกับหมาข้างถนนดีกว่า
งั้นก็ลองดู แล้วมึงอย่ามาเปลี่ยนใจก็แล้วไอ้พัฒน์!!!
“อึก อืม”
มือเรียวคว้าคอของอีกคนให้ก้มลงมาประกบจูบกับตัวเองทันที พัฒน์เบิกตากว้างอย่างตกใจ แต่ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันกับจูบนี้
ลิ้นเล็กสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของเขาอย่างต้องการประกาศศักดาว่าตัวเองน่ะเจ๋งกว่า
ยอมรับว่าธีร์มันก็จูบเก่ง แต่แบบนี้ยังไม่ถึงขั้น...
พัฒน์ไม่คิดว่าชายแท้อย่างเขาจะต้องมาเสียจูบกับผู้ชายอย่างธีร์ มองหน้าคนจูบที่หลับตาปี๋อย่างเหมือนรังเกียจที่จะจูบเขาก็ต้อง
แอบยิ้มในใจ ก่อนที่ตัวเองจะเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายต้อนอีกคนและนำเกมส์บ้าง
ให้ธีร์รู้ว่าจูบที่แท้จริงมันเป็นยังไง ไม่ใช่ทำสะเปะสะปะไร้อารมณ์และศิลปะแบบนี้ เก่งน่ะมันก็อีกเรื่อง แต่ไร้อารมณ์นี่ก็อีกเรื่อง
เช่นกัน
จูบกูเองแท้ๆ แต่ทำเหมือนถูกบังคับจูบ
ธีร์ที่เริ่มรู้สึกจะแพ้ทางก็ใช้แรงทั้งหมดผลักอีกคนออกไป ใบหน้าขาวใสแดงซ่านอย่างอายๆ เช็ดปากตัวเองอย่างนึกรังเกียจ ส่วน
คนที่ถูกผลักออกไปก็ยกยิ้มมุมปากพลางกอดอกมองอีกฝ่ายอย่างนึกสนุก
บางที...จูบกับผู้ชายก็ไม่ได้เลวร้าย
แม้ว่าเขาจะไม่ได้นิยมหรือมีรสนิยมผู้ชายด้วยกัน
และไม่คิดที่จะสนใจด้วย เพราะเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ แต่กับคนตรงหน้าเมื่อกี้ กลับรู้สึกสนุกแปลกๆ อาจจะเป็น
เพราะปฏิกิริยานั่นก็ได้
ใบหน้าที่แดงซ่านบ่งบอกว่าอายและโกรธพร้อมๆ กัน ทั้งๆ ที่เป็นคนเริ่มเองแท้ๆ และพัฒน์เองก็รู้ว่าคนตรงหน้าก็ไม่ได้พิศวาส
อะไรเขานักหรอก
แค่ทำเพื่ออยากจะชนะก็เท่านั้น!
“เป็นไงล่ะ ม่ะ มึงกล้าพูดอีกไหมว่าจูบหมาข้างถนนดีกว่า” ธีร์พยายามปั้นสีหน้าให้เป็นเหมือนเดิม ถามออกไปอย่างต้องการบอก
ว่าตัวเองเจ๋ง
ทั้งๆ ที่ในสายตาของพัฒน์มองยังไงก็เหมือนลูกแมวที่แสนพยศมากกว่า
“อืม...” อีกคนครางเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด
ส่วนร่างโปร่งบางก็ลุ้นคำตอบอย่างตื่นเต้น นี่เป็นจูบแรกที่เขาจูบกับผู้ชาย และที่สำคัญ ธีร์เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
เขาอยากจะให้มันหุบปากเน่าๆ ของมัน แล้วพูดใหม่ว่ายังไง จูบเขาก็ดีกว่าหมาข้างถนนอยู่แล้ว
“ไม่ได้เรื่องเลยว่ะ” พัฒน์บอกพลางเช็ดมุมปากน้อยๆ
แต่อีกคนนี่แหละที่เหมือนจะองค์ลงอีกแล้ว
“ว่าไงนะ!!!”
100%

ตอนที่ 1 ครบ 100 เปอร์เซ็นแล้วนะคะ อาจจะเป็นอะไรที่เร็วไป แต่ยูกิจะเขียนสองคนนี้แบบตบจูบนะคะ แต่ทำไมพี่ธีร์ถึงได้ไปจูบพี่พัฒน์ก่อนล่ะเนี่ย ก็เพราะโดนดูถูกไง เลยจัดไปเต็มๆ เลย 1 ดอก พี่พัฒน์ที่ควรจะรังเกียจก็กลับรู้สึกแปลกๆ ซะงั้น ไม่ต้องห่วงนะคะ สองคนนี้ไม่รักกันง่ายๆ แน่ๆ ส่วนธีร์ก็เป็นคนชอบเอาชนะอยู่แล้ว เรื่องมันก็เลยจะวุ่นวายนิดนึง (มั้ง)
ยังไงตอนแรกเป็นยังไงก็ฝากติชมด้วยนะคะ กระแสตอบรับตอนแรกไม่ค่อยดีเท่าเรื่องน้องดรีมเท่าไหร่ แต่ยูกิไม่ท้อแน่นอนค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ^__^
แฟนเพจ ไลค์ด้วย (เพื่อติดตามข่าวสาร ไม่อยากรู้ก็มิเป็นไร ฮ่าๆ)
https://www.facebook.com/sawachiyuki