ตอนที่ 12 ครึ่งหลัง
ณ สนามทดลองรถของ DINZ Chattel
“ไหนคุณพัฒน์ล่ะครับ”
“ติดต่อไม่ได้ คุณธีร์เลยมาแทนน่ะ”
“แล้วคุณธีร์เขารู้เรื่องรถหรือไง” เสียงกระซิบที่ดังเข้าโสตประสาทของธีร์ทำให้ร่างบางถึงกับแสดงสีหน้าไม่พอใจที่คนพวกนี้ ทำ
เหมือนเขาเป็นพวกพึ่งพาอะไรไม่ค่อยได้
“ขอทราบปัญหาด้วยครับ”
“เอ่อ...คืออย่างนี้ครับ ทางเราได้ทดลองวัสดุที่คุณพัฒน์สั่งมาเพื่อมาใช้กับรถรุ่นใหม่ แต่มันก็ยังไม่มีความคงทนมากพอน่ะครับ
เลยเกิดการลุกไหม้” ทางวิศวกรได้อธิบายปัญหาให้ธีร์ฟังอย่างละเอียด ซึ่งธีร์ก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี และส่วนใหญ่เขาฟังไม่ค่อย
จะเข้าใจในคำศัพท์ของวิศวกรทางด้านนี้เท่าไหร่
“ผมคิดว่าตัววัสดุกับตัวน้ำมันที่ใช้มันไม่ถูกกัน เรียกว่าอะไรดีล่ะ...แต่ก็นั่นแหละ ผมคิดว่าน้ำมันมันไม่เข้ากับตัววัสดุที่ใช้ ลอง
เปลี่ยนน้ำมันดูบ้างหรือยังครับ” ธีร์ถาม
“แล้วก็ดูจากตัววัสดุที่คุณให้ผมดูตอนนี้แล้ว ผมว่าน่าจะเพิ่มความหนาแน่นให้มากกว่านี้นะครับ แล้วลองใส่น้ำมันอื่นๆ ดู”
“ครับ ผมจะเร่งทดลองเดี๋ยวนี้เลย คุณธีร์เชิญนั่งก่อนก็ได้นะครับ” ร่างโปร่งพยักหน้าก่อนจะเดินไปหาที่นั่งหยิบโทรศัพท์ออกมา
ตรวจงานผ่านโทรศัพท์รอ
ระหว่างที่ทีมงานกำลังตรวจเช็คและประกอบรถกันใหม่อยู่ ธีร์ก็คิดถึงใบหน้าดุๆ ของพัฒน์ขึ้นมาทันที ถ้าเขาทำงานนี้พลาด อาจ
จะโดนทำโทษหนักแน่
ลองโทรหาดูไหม..
หรือไม่โทรดี
แต่ถ้าเราทำพลาดโดยไม่ปรึกษามัน ก็จะโดนด่าอีก
แต่ถ้าไม่พลาด เราก็จะอวดมันได้
“มันอาจจะเป็นคนละเบอร์ที่ให้กับลูกน้องก็ได้ เอาวะ โทรหน่อยก็ดี”
ร่างโปร่งคิดว่ามันไม่ใช่ความถนัดของตน ก็เลยเลือกที่จะโทรหาดีกว่า กันพลาด เขาไม่อยากจะบุ่มบ่ามหรือพลาดพลั้งอะไรอีก
แล้ว
ตัดสินใจได้ดังนั้น ร่างโปร่งก็กดโทรออกที่ชื่อของพัฒน์ทันที และเกินคาดเพราะมีเสียงที่บอกว่าติดต่ออีกคนได้ ซึ่งรอไม่นาน
ร่างสูงก็รับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเครียดๆ
(มีอะไร)
“ตอนนี้กูอยู่สนามทดลองรถ” ธีร์บอก
(มึงไปทำอะไร) เสียงที่เครียดอยู่แล้วกลับเครียดขึ้นอีก
“รถโครงการใหม่มีปัญหา ตัวถังน้ำมัน”
(แล้วมึงจัดการยัง)
“ก็ทำตามความคิดกูไปแล้วล่ะนะ”
(มึงทำอะไร!) ปลายสายตะคอกถาม
“ใจเย็นได้ป่ะ กูไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงหรอกน่า นี่ก็โทรมาขอคำปรึกษาไง ลูกน้องมึงติดต่อมึงไม่ได้สักคน” ธีร์เอ่ยอย่างใจเย็น
ทั้งๆ ที่หน้าไปแล้วก็ตาม
(กูให้เบอร์พวกมันกับคนละเบอร์ที่มึงได้ ไอ้เบอร์นั้นแบตหมดไม่ได้ชาร์ต)
“เออ แล้วจะให้กูทำยังไง”
(มึงก็บอกวิศวกรนะว่า...) พัฒน์ก็อธิบายรายละเอียดงานให้กับธีร์ฟังอย่างช้าๆ ชัดๆ เพราะจำได้ดีว่าธีร์เป็นคนความจำสั้น ซึ่งร่าง
บางก็เออออรับคำสั่งมาอย่างตั้งใจ
เรื่องรถนี่ก็น่าสนุกดีเหมือนกันนะ
“แค่นี้ใช่ไหม”
(ก็ถ้าไม่สำเร็จยังไงก็โทรบอกกูด้วยก็แล้วกัน แต่นี่น่าแปลกนะที่มึงไม่ใจร้อนอวดเก่งทำไปเองโดยไม่ปรึกษากูน่ะ คราวนี้มา
แปลก) อดที่จะแปลกใจไม่ได้ รับรู้ได้ถึงความเครียดที่ตนเองมีเมื่อกี้จางหายไปในทันทีที่ได้ยินเสียงของธีร์
“กูไม่อยากฟังมึงด่ากูไง แค่นี้แหละ” ตัดสายทิ้งไปแบบไม่รอให้ปลายสายพูดอะไรอีก
ธีร์นั่งมองโทรศัพท์นิ่ง แต่รู้สึกได้ว่าหน้าร้อนๆ แปลกๆ จับแก้มตัวเองทั้งสองข้างเพื่อระงับอาการร้อนผ่าว แต่ก็ไม่ทำให้ดีขึ้น
สรุปว่าเบอร์ที่เขามีเป็นเบอร์ที่ลูกน้องของมันไม่มี...
“ไอ้บ้าเอ้ย!! เมื่อไหร่การฝึกงานบ้าๆ จะเสร็จสิ้นเสียที”
กูจะได้อิสระ...กูจะได้ไม่ต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้
จะไม่ต้องมีอาการแปลกๆ เวลาถูกอีกคนสัมผัสแบบนี้
‘คุณพัฒน์ เขาจะทำให้มึงรู้ตัว ว่าอะไรที่เหมาะกับมึงกันแน่’
ประโยคที่อินทัชเพื่อนสนิทของธีร์ทิ้งให้เขาสงสัยตอนนี้กลับทำให้เขาเริ่มปวดหัวและสับสน ว่าความหมายในประโยคนั้น คือ
อะไรกันแน่
ต้องการจะบอกอะไร แล้วอะไรคือการที่รู้ว่าอะไรเหมาะกับเขา..
“ไม่คิดมันแล้ว ปวดหัว”
ร่างโปร่งลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินไปบอกวิศวกรกับผู้ที่เกี่ยวในการจัดทำรถครั้งนี้ตามที่ร่างสูงสั่งมา ซึ่งทางทีมงานก็ให้ความร่วม
มือและเชื่อฟังธีร์เป็นอย่างดี
“ก็ตามนี้แหละครับ มันบอกมาก ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เดี๋ยวคุณพัฒน์เขาจะมาตรวจสอบอีกทีประมาณบ่ายๆ น่ะครับ”
“โอเคเลยครับคุณธีร์” วิศวกรรับคำยิ้มๆ
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปส่งที่บริษัทนะครับ” ลูกน้องของพัฒน์ที่ทำหน้าที่ขับรถพาธีร์มาสนามทดสอบรถแห่งนี้เดินมาพูดกับธีร์ด้วย
ท่าทางที่สบายกว่าหลายนาทีก่อน
เพราะร่างโปร่งคนนี้ ไม่มีสีหน้าที่น่าเกรงขามเลยสักนิด แต่ก็น่าเคารพสุดๆ กับท่าทางที่ดูไม่เข้ากับใบหน้าหล่อเหลานี้
คิดว่าจะเอาแต่ใจหรือขี้โวยวายกว่านี้เสียอีก...
แต่ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าสิ่งที่ทุกคนคิดอย่างเอาแต่ใจ ขี้โมโห อารมณ์ร้อน หรืออะไรอีกมากมายที่คิดกัน ธีร์มีมันครบทุกอย่าง แต่
ตอนนี้ เขากลับควบคุมมันได้เป็นอย่างดี
“รบกวนด้วยครับ”
“อ่ะ เอ่อ มันไม่ได้เป็นการรบกวนเลยครับ มันเป็นหน้าที่ของผม คุณธีร์ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย” ลูกน้องของพัฒน์รีบโค้งอย่าง
ร้อนใจที่เห็นคนตำแหน่งสูงกว่าโค้งให้เขาอย่างเคารพ
“ขอบคุณครับ”
“ช่ะ..เชิญเลยครับคุณธีร์”
มันเป็นลางดีแล้วใช่ไหม...
ที่เขาจะผ่านการฝึกงานนี้!
…
…
…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญ”
“สวัสดีครับคุณดิน”
“อ้อ! แกเองหรือ” คนที่ก้มหน้านั่งอ่านเอกสารเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสงสัย
“คิดว่าผมจะเป็นใครล่ะครับ” ถามไปกวนๆ
“แล้วแกมีอะไรล่ะ”
“ผมมีเอกสารเร่งด่วนให้เซ็นน่ะครับ เห็นว่าต้องอนุมัติให้ได้ภายในวันนี้ คือเห็นมันเมื่อกี้ๆ เลยครับ ส่งสัยจะเรียงเอกสารผิด” เสียง
นุ่มเอ่ยบอกผู้เป็นเหมือนเจ้านายอีกคนของเขา
“ปกติถ้าเป็นเรื่องอนุมัติพวกอุปกรณ์หรืออะไรเร่งด่วนที่ไม่เกี่ยวกับพวกโครงการใหญ่ๆ ไอ้พัฒน์มันจะทำได้เลย เพราะมอบ
อำนาจไปแล้ว”
“มันไม่อยู่ครับ” ธีร์ตอบ
“มันไปไหน”
“มันบอกว่าจะไปจัดการงานของผมให้น่ะครับ”
“อ้อ! ที่แกไปให้เหล็กหล่นทับ?” ปฐพีเลิกคิ้วกวนๆ
แต่ก็กวนด้วยสีหน้านิ่งๆ ถ้าคนไม่รู้จักมากหรือสนิทมากๆ อาจจะคิดว่าโดนหาเรื่อง แต่สำหรับธีร์รู้จักปฐพีพอๆ กับรู้จักอัคนีเจ้านาย
ของตัวเอง
“แหม...คุณดินก็”
ถ้าถามว่าอายไหมที่มาให้ปฐพีเห็นในสภาพที่น่าสมเพชแบบนี้ แต่ทำยังไงได้ล่ะ ไม่มีใครกล้าเอาเอกสารมาให้ผู้บริหารสูงสุดเซ็น
สักคน เขาเลยจำเป็นต้องมาเอง
“หึ...แขนเท่ห์ดีนะ”
“ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณดินชอบแบบนี้ เอาไว้ว่างๆ ผมทำให้บ้างไหมครับ” ถามด้วยความประชดกลับไป แต่ก็ยิ้มออกมาอย่างสนุก
“รอให้ฉันโง่ก่อนเถอะ” ประโยคสั้นๆ แต่ทำเอาธีร์สะอึกไปเลยทีเดียว
“แหม มันเป็นอุบัติเหตุนะครับ ไม่เกี่ยวกับโง่หรือไม่โง่สักหน่อย”
“เออๆ เถียงไปก็แพ้ เอามา จะเซ็นให้”
ธีร์ยื่นแฟ้มเอกสารไปวางตรงหน้าของปฐพีซึ่งร่างแกร่งก็หยิบไปเปิดแล้วลงปากกาที่ช่องในเซ็นทันทีโดยไม่อ่านอะไรก่อนเซ็น
เลยสักนิดจนร่างโปร่งบางแซวอีกครั้ง
“นั่นเป็นเอกสารมอบบริษัทนี้ให้ผมนะครับ” ปฐพีเงยมองหน้านิดๆ ก่อนจะมองที่หัวเอกสารแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ยื่นมันกลับคืนคนที่
เอามา
“ฮ่าๆ เชื่อคนง่ายนะครับ” หัวเราะออกมาอย่างสะใจที่เอาคืนปฐพีที่ว่าเขาโง่ได้แล้ว ซึ่งร่างสูงก็ปาปากการาคาแพงใส่ศีรษะของ
ธีร์อย่างแรงด้วยความหมั่นไส้
โป๊ก!
“โอ้ย!! เจ็บนะครับเนี่ย โยนมาได้” คลำจุดที่โดนปากกาป้อยๆ มองค้อนเจ้านายอีกคนของเขาด้วยความน้อยใจที่แสร้งทำให้ปฐพี
หมั่นไส้เล่น
“เก็บมาด้วย แล้วจะออกไปเองหรือให้ถีบออกไป”
“โหดนะครับเนี่ย ฮ่าๆ ไปก็ได้ครับ นี่ครับปากกา อย่าโยนอีกนะครับ มันแพง” ธีร์เก็บปากกาจากพื้นแล้วส่งคืนให้เจ้าของก่อนจะ
เดินถือแฟ้มเอกสารออกจากห้องทำงานของปฐพีไป
เฮือก!!
ร่างโปร่งหันจากการปิดประตูห้องแล้วก็เผชิญหน้ากับพัฒน์ที่มายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่ามันทำให้ธีร์ตกใจ
มากๆ กับการปรากฏกายที่ไม่ให้สุ้มเสียงของอีกคน
“มึง!!”
“ทำไม ตกใจอะไร”
“มาทำอะไรตรงนี้วะ” ธีร์ถาม
“กูควรถามมึงมากกว่าว่ามาทำอะไรที่ห้องคุณดิน” พัฒน์ถามเสียงโหด
นี่กูผิดอะไรอีกหรือเปล่าวะ?
“อะไร ก็เอางานมาให้เซ็นไง” ตอบไปทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจกับอารมณ์ของคนตรงหน้า
“เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เลขาหน้าห้องของปฐพีถามขึ้นเมื่อทั้งคู่ยืนเถียงกันจนแทบจะทะเลาะ
“ไม่มีครับ” พัฒน์พูดนิ่งๆ แล้วคว้าข้อมูลของธีร์ให้เดินตามตนเองมาที่ห้องทำงานของเขาทันที เพื่อไม่ให้ใครสงสัยหรือรู้เห็น
เหตุการณ์ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน
ปัง!
พัฒน์ปิดประตูห้องทำงานของตนเสียงดัง แล้วลากธีร์เข้ามาที่กลางห้อง
“โอ้ย! เจ็บนะเว้ย” ธีร์ร้องโวยวาย พยายามสะบัดข้อมือให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมที่รัดแน่นนั่น
“กูถามอีกที มึงไปทำอะไรที่ห้องคุณดิน”
“มึงเป็นบ้าอะไรวะพัฒน์ กูแค่เคลียร์งานเอกสารไว้ให้มึง แล้วเห็นว่าเอกสารนี่มันต้องการใช้เร่งด่วน เลยเอาไปให้คุณดินเซ็นก็
เท่านั้น ส่วนนอกนั้น กูก็แยกไว้ให้มึงเซ็นไง อะไรนักหนาวะ” ธีร์อธิบายยาวเหยียดด้วยความโมโห ก่อนจะยื่นแฟ้มที่ว่าไปให้กับ
ร่างสูง ซึ่งพัฒน์ก็คว้ามันมาเปิดดู
“แล้วทำไมถึงยิ้มหน้าบานออกมา” ถามต่ออย่างเอาเรื่อง
“แล้วจะให้กูทำหน้าแบบมึงหรือไงวะ” ธีร์หงุดหงิด
“ตอบดีๆ”
“ก็กูไปแกล้งคุณดินไง เลยโดนสวนกลับนิดหน่อย หึหึ” ธีร์พูดไปยิ้มไปเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ร่างสูงมองหน้าหล่อของธีร์
เขม็ง รู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อยที่เห็นว่าธีร์พูดถึงปฐพีด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขแบบนี้
เป็นบ้าอะไรวะ!
ช่างแม่งเถอะ ยังไงมันก็แค่คนอื่น และก็แค่คนที่เราต้องการทดลองการมีอะไรด้วยกับผู้ชายด้วยกัน
“เฮอะ! จะไปพูดอะไรกับใครก็ดูตำแหน่งด้วยก็แล้วกัน คุณดินฐานะไหน มึงก็ฐานะไหน กูก็เหมือนกัน ให้เกียรติกูบ้าง” พัฒน์พูด
ไปด้วยความหงุดหงิด
“โทษทีเถอะ กับคุณดินกูรู้จักมานานแล้ว ส่วนมึง ถ้ามึงไม่ให้เกียรติกู กูก็ไม่ให้เกียรติมึงเหมือนกัน อย่ามาพูดแบบนี้ให้ยากเลย
มึง เพราะกูไม่มีทางให้เกียรติมึง!! ปล่อยได้แล้ว!!” ขึ้นเสียงสั่งร่างสูงอย่างโมโหที่อีกคนมาบอกให้เขาให้เกียรติพัฒน์บ้าง
ทั้งๆ ที่การกระทำของพัฒน์ไม่เคยให้เกียรติอะไรธีร์เลย
“อ้อ! แล้วกูเป็นแบบนี้มันหนักหัวมึงมากเหรอ” หันมาถามร่างสูงที่ปล่อยเขาจากการเกาะกุมทันทีที่เขาสั่งเมื่อกี้เสียงแข็ง
“ต่อต้านกูหรือไง” พัฒน์โมโห แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมาก
เขาไม่เคยที่จะต้องมาหงุดหงิดใครหรือโมโหใครมากๆ แบบนี้มาก่อน เพราะทุกครั้งที่เขาโกรธหรือโมโหมันมาจากการไม่
เรียบร้อยและความผิดพลาดของลูกน้อง
เรื่องอื่นๆ เขานิ่งกับมันมาตลอด แต่กลับต้องมายืนทะเลาะกับเรื่องไร้สาระที่เขาเป็นคนเริ่มมันก่อนเสียเอง
นี่เขาเป็นอะไร!!
“ทำไม จะเอาเรื่องคลิปกับภาพมาอ้าง มาขู่อีกหรือ” ธีร์ถามอย่างรู้ทัน
“ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อันนั้น แต่กูจะทำกับมึงที่นี่ตอนนี้ยังได้ ถ้ามึงจะปากมากอยู่แบบนี้” พัฒน์เดินเข้าไปหาร่างโปร่งอย่างคุกคาม
ไม่มีใครรู้หรอกว่านิสัยอีกด้านหนึ่งของพัฒน์เป็นอย่างไรนอกจากธีร์
ซึ่งก็คือชอบเอาชนะไม่ต่างจากธีร์เท่าไหร่นัก และแน่นอนว่าคนอย่างพัฒน์มีอะไรอีกอย่างที่ธีร์ไม่มี นั่นก็คือ ไม่ยอมใครไม่ว่าคน
นั้นจะเป็นใครก็ตาม
ไม่แปลกใจเลยว่าปฐพีกับอัคนีจะไว้ใจพัฒน์เป็นพิเศษแบบนี้ เพราะเขาไม่เคยแสดงนิสัยอีกด้านให้ทั้งคู่เห็น แต่คนที่เห็นมันจน
เหนื่อยก็คือธีร์ และธีร์เองก็ต้องเป็นฝ่ายยอมเรื่อยมาเพื่อความปลอดภัยต่อตัวเอง
“อย่าเข้ามานะเว้ยไอ้พัฒน์” ธีร์ถอยหลังเรื่อยๆ พร้อมกับห้ามร่างสูงเสียงสั่น
เห็นสีหน้าของพัฒน์ตอนนี้ เขารู้เลยว่ามันเอาจริง
“ทำไม กลัว?”
“ไม่ได้กลัว” ตอบไม่ตรงกับหัวใจ ก็เลยต้องเห็นสีหน้าร้ายกาจจากใบหน้าพัฒน์แล้ว ก็ทำให้คิดได้ว่า ตอบไปผิดแล้ว
เขากลัวจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็ฟอร์มไปแบบนั้น
“ถ้างั้นก็ทำหน้าที่หน่อย กูอยาก” พัฒน์พูดเสียงเรียบ ซึ่งมันหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจของธีร์ทันที
“ที่นี่ ท่ะ...ที่ทำงานนะเว้ย ไหนมึงบอกว่าไม่ชอบอะไรที่มันผิดกฏ” ธีร์อ้าง
พัฒน์ไม่ชอบให้ใครทำผิดกฎในบริษัท และยิ่งการร่วมรักในบริษัทแล้วด้วย หากเขารู้ เขาจะเป็นคนไล่ออกเอง ไม่ต้องรออนุมัติ
จากใคร
ใหญ่ไม่แพ้ปฐพีเลย...
“หึ! กูทำใครมันจะไปรู้ ห้องกูเก็บเสียง ไม่มีกล้องด้วย เอามึงตรงนี้ยังได้” พัฒน์แสยะยิ้มออกมาให้ธีร์สั่นกลัว
“ข่ะ แขนกู”
“ก็เรื่องของแขนมึง มึงทำให้กูหงุดหงิดเองช่วยไม่ได้”
“ต่ะ แต่...”
“หยุดพูด แล้วมาให้กูเอาซะ!!!”
100%

ดีค่า ครึ่งหลังมาแล้วนะคะ ขอโทษที่ให้รอ และขอโทษที่ผิดสัญญาที่ว่าจะมาอัพให้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่มันไม่ทันจริงๆ ค่ะ กว่าไฟจะมาก็ 5 โมงเย็น ไหนจะงานบ้านอีก ได้แต่งก็ประมาณ 2 ทุ่ม แล้วมันก็ไม่เสร็จ ฮา... อ่านแล้วคอมเม้นท์ด้วยนะคะ คนละเม้นท์เน่อ อิอิ
พูดคุยที่แฟนเพจกับยูกิได้น้า
https://www.facebook.com/sawachiyuki