ตอนที่ 17 ครึ่งหลัง
1 อาทิตย์ผ่านไป
ตั้งแต่กลับมาจากต่างจังหวัดคราวนั้น พัฒน์กับธีร์ก็ไม่เจอกันอีกเลย ถึงเจอแต่ธีร์ก็เป็นฝ่ายหลบหน้าแล้วรีบหนีไปด้วยความเร็วจนพัฒน์หงุดหงิดในหัวใจแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่หวังในใจว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันจะหายไปเอง แต่ตัวต้นเหตุกลับเป็นธีร์
ไม่ว่าจะเห็นหน้าหรือไม่เห็นหน้าก็สร้างความรำคาญใจให้เขาทุกที
“วันนี้มันไม่มีทางหนีได้แน่” พัฒน์พูดอย่างแน่วแน่
มันกำลังหนีหน้าเขา... ทำไมเขาจะไม่รู้
ขณะที่ธีร์กำลังจะเดินผ่านหน้าประตูห้องของพัฒน์ไป ร่างสูงก็เปิดประตูออกมาพอที ทั้งสองคนยืนมองหน้ากันนิดๆ ก่อนที่ธีร์จะหลบหน้าแล้วเดินหนีด้วยหัวใจที่เต้นแรง
“อะไรวะ เจอกันแต่เช้าเลย หวังว่าวันนี้คงไม่มีเรื่องซวยๆ เกิดขึ้น” ธีร์พึมพำ
เป็นประโยคที่ทำให้พัฒน์เหมือนตัวซวยกลายๆ
ธีร์ที่พยายามหลบหน้าพัฒน์ แม้ว่าต่างคนต่างจะทำงานกันคนละที่ แต่ยังไงเสียห้องของพวกเขาก็ติดกันอยู่ดี มันก็ต้องมีบ้างที่จะออกมาเจอกัน แต่ธีร์ก็เป็นฝ่ายหนีทุกที
“วันนี้ไม่น่ารอด เพราะตอนบ่ายคุณพีชจะเข้าไปเซ็นสัญญาที่บริษัท เฮ้อ...” ถอนหายใจออกมาด้วยความหน่ายใจ มองนาฬิกาก็ไม่อยากจะให้ถึงตอนบ่ายเลยสักนิด
แค่เจอหน้าพัฒน์ไม่กี่วินาทีก็แทบจะบ้าตายแล้ว แต่นี้ต้องไปนั่งคุยงานด้วยกันอีก
เมื่อไหร่เขากับมัน จะหมดเวรหมดกรรมต่อกันเสียที
“ก็บ่นมาหลายรอบแล้วนะเรื่องเวรกรรมเนี่ย” ธีร์ถอนหายใจดังเฮือกก่อนจะเดินทางไปทำงานทันที แม้ไม่อยากไปยังไงก็ตาม
งานก็คืองาน...
“ครับเจ้านาย” ธีร์รับโทรศัพท์ขณะที่กำลังจอดรถที่ใต้ตึกบริษัท
(อยู่ไหนแล้ววะ)
“ตอนนี้ผมอยู่บริษัทแล้วครับ มีอะไรให้รับใช้ครับ”
(เออๆ ขึ้นมาเร็วๆ หน่อยนะ ฉันมีเอกสารอยากจะให้แกตรวจสอบดูอีกที มันแปลกๆ แต่ฉันมีเวลาไม่มากพอต้องไปดูงานต่าง
จังหวัด)
“ต้องให้ผมไปด้วยไหมครับเนี่ย” ธีร์ถาม
เพราะปกติเขาก็ต้องไปกับอัคนีด้วยเสมอในฐานะที่เป็นลูกน้องคนสนิทพ่วงด้วยตำแหน่งอีกหลายๆ ตำแหน่งที่กำลังแบกมันใส่บ่า
อยู่ตอนนี้
(ไม่ต้อง ฉันพาไอ้ชัชไป)
“โอเคครับ เดี๋ยวผมจะรีบขึ้นไปหา”
(ถ้ามาไม่เห็นฉันก็เอาไปได้ ฉันวางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ ฝากดูแลบริษัทด้วยนะ 3 วัน)
“โอเครับเจ้านาย”
ธีร์วางสายจากอัคนีเสร็จก็เปิดประตูลงจากรถทันที ในมือถือของและเอกสารสำคัญต่างๆ อยู่ ก่อนที่ลูกของของเขาจะเดินเข้ามา
หาพร้อมกับช่วยถือของ ก่อนจะตรงไปยังห้องทำงานของตนเอง
ยิ่งทำงาน งานก็ยิ่งเยอะ
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอัคนีถึงต้องให้เขาเข้าไปฝึกงานกับพัฒน์ เพราะงานมันเยอะ มันวุ่นวายแบบนี้นี่เอง ถ้าเป็นเขาแต่ก่อนก็
คงจะทำไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้ธีร์เปลี่ยนไปแล้ว
มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เจ้าอารมณ์น้อยลง... เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เขาจะเป็น ธีรไนย อมรไพพิจิตร ที่คู่ควรกับการ
ทำงานในตำแหน่งนี้ที่สุด
...
...
บ่ายโมงกว่าๆ ธีร์กับพัฒน์นั่งรอพชรที่ห้องประชุมที่ธีร์ขอใช้เป็นที่ทำสัญญาลับเกียวกับการซื้อขายคาสิโนทั้งหมดของปฐพีและ
อัคนี
บรรยากาศภายในห้องประชุมเงียบมาก พัฒน์ก็เอาแต่นั่งกอดอกจ้องธีร์ไม่วางตา ส่วนธีร์ก็ไม่สนใจสายตาของร่างสูงทำเป็นเล่น
โทรศัพท์ บ้างก็อ่านเอกสารรอเวลาที่พชรจะมา เขาไม่กล้าสบตาของพัฒน์ตรงๆ หรอก ถ้าใจมันยังคงหวั่นไหวและประหม่าอยู่
แบบนี้
แค่กลั้นต่อมสร้างความแดงบนใบหน้าได้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วสำหรับธีร์
“หายดีแล้ว?” พัฒน์ถามขึ้นทำลายความเงียบ อันที่จริงเขาอยากจะพูดกับธีร์นะ แต่ไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่า เลยถามคำถามที่เขารู้
ดีอยู่แล้ว
“อืม...ก็ดีหายแล้ว”
“พูดกับกูก็มองหน้ากูด้วย” พัฒน์เริ่มไม่พอใจกับอาการของคนตรงหน้า ที่ไม่ยอมมองหน้า ไม่ยอมสบตาหรืออะไรเขาเลยสักนิด
โกรธอะไรกัน ถึงขนาดไม่อยากมองเลยหรือไง
“ไม่อยากมอง” ตอบออกไป มือก็พลิกหน้าเอกสารไปด้วย
“อย่ามายั่วโมโหฉันนะไอ้ธีร์” พัฒน์กดเสียงต่ำอย่างระงับอารมณ์ของตน
“กูไม่ได้ยั่วโมโหมึง แต่กูไม่อยากมองหน้ามึงเข้าใจบ้างไหม มึงรู้ไหมว่าตั้งกูรู้จักมึงมากูเข้าโรงพยาบาลกี่ครั้ง ทั้งๆ ที่ชีวิตกูไม่
เคยต้องเจ็บต้องป่วย” ธีร์ยกเอาเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลขึ้นแย้ง
ครั้งแรกที่ไปโรงพยาบาล เหล็กมันก็หล่นลงมาเอง เป็นอุบัติเหตุ
ครั้งที่สองไม่สบายเพราะกิจกรรมรุนแรง แต่เขาก็เป็นคนยินยอมเอง
“มันไม่ได้เกี่ยวกับกูเลย ใช่! ครั้งที่สองกูเกี่ยวเต็มๆ แต่มึงก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดว่ากูเหมือนตัวซวยนะไอ้ธีร์” พัฒน์พูดบอกเสียงโหด
ใบหน้าแสดงถึงความโกรธได้เป็นอย่างดี
“ไม่ต้องลุกมา อยู่ห่างๆ กูเลยนะไอ้พัฒน์” ธีร์เอยห้ามมองหน้าคนตัวใหญ่ที่ลุกจากที่นั่งของตนเดินมาหาร่างบางเพื่อเอาเรื่องด้วย
ใบหน้าที่แสดงถึงความเกรี้ยวกราดได้เป็นอย่างดี
ธีร์เห็นใบหน้าโหดๆ ดุๆ ของพัฒน์แบบนั้นแล้วก็เผลอหลบสายตาด้วยความขัดเขิน เขาไม่รู้เป็นอะไร รู้สึกชอบใบหน้าและอารมณ์
ตอนโกรธของพัฒน์จริงๆ แต่ก็ใช่ว่าธีร์จะไม่กลัว
ทั้งชอบ ทั้งกลัว ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
“กูต้องทำตามมึงไหมไอ้ธีร์ มึงต่างหากที่ควรจะฟังกูพูด” พัฒน์เดินมาหยุดตรงหน้าของธีร์ ซึ่งร่างโปร่งก็นั่งก้มหน้าลงทันทีที่เขา
มาถึง
มันจงใจยั่วโมโหเขาชัดๆ
“ชักจะหมดความอดทนกับมึงแล้วนะไอ้ธีร์!” พัฒน์คำรามเสียงต่ำ มือก็ยื่นไปข้างหน้าเพื่อจะบังคับให้อีกคนมองหน้าเขา แต่ก็ต้อง
ชะงักเอาไว้เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของพชรกับชายหนุ่มอีกคนที่เขาไม่รู้จัก
“สวัสดีครับคุณพีชเชิญนั่งเลยครับ เฮ้ย! พี่ธิน มาได้ไงเนี่ย” ธีร์รีบลุกขึ้นชวนให้พชรเข้ามานั่งทำให้ไม่เห็นคนที่เดินตามาด้านหลัง แต่เมื่อพชรนั่ง ธีร์จึงเห็นและเรียกชื่อบุคคลนั้นเสียงดัง
“ผมพามาเองน่ะครับ” พชรตอบ ส่วนธิน หรือธินกรณ์ พี่ชายหน้าเด็กของธีร์ก็ได้แต่ยิ้มให้ธีร์เล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับพชร
ด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ
ก็โดนบังคับมาจะพอใจได้อย่างไร
ธีร์นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับธินส่วนพัฒน์ก็เดินมานั่งข้างๆ กับธีร์
“ทำไมถึงพาพี่ชายผมมาได้ครับ” ธีร์ถาม
“ผมไปหาธินที่บริษัทมา แล้วก็เล่าให้ฟังว่าผมไปเจอคุณด้วย ธินก็บ่นอยากเจอน่ะครับ ผมก็เลยลากตัวมา แต่ไม่ได้บอกว่าจะมาหาคุณนะเนี่ย ยังทำหน้างอนไม่หายเลย แทนที่จะดีใจได้เจอน้องชายเสียที” พชรตอบยิ้มๆ มองหน้าของคนข้างกายด้วยแววตาที่ส่องประกายจนธีร์รู้สึกอิจฉา
พี่ชายเขามีคนมารักมาชอบก็ดี แม้จะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ถ้าดีเขาก็คงไม่ห้าม แต่กลับกันกับเขาแล้ว คนที่ตัวเองชอบดันเป็นคน
เดียวกันกับคนที่เคยเกลียด
ใช่! เขายอมรับว่าชอบมัน หลังจากที่ทำใจมาได้อาทิตย์หนึ่ง เพราะเขาเองก็ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีทางที่จะชอบผู้ชาย และผู้ชายไม่ได้เป็นรสนิยม
แต่ทุกอย่างมันไม่แน่นอน...
“ธีร์...เป็นอะไรเหม่อๆ นะ” ธินเรียกน้องจนธีร์สะดุ้งเมื่อรู้ว่าเผลอเหม่อ ทั้งๆ ที่อยู่ในเวลาทำงาน
“ขอโทษด้วยครับคุณพีช” รีบขอโทษลกค้าของตนทันที
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่จะต้องเซ็นอะไรบ้างล่ะครับ”
“อ่านเอกสารดีๆ ก่อนนะครับ แล้วก็เซ็นลงตรงนี้ ตรงนี้ ทั้งสามจุดเลยครับ” ธีร์ตอบพร้อมกับชี้จุดที่ต้องเซ็นชื่อให้กับพชรด้วย
“ไม่อ่านก่อนหรือไง” ธินหันไปถามเมื่อเห็นว่าพชรเซ็นชื่อเอาอย่างเดียวไม่ลองอ่านเอกสารเลยสักนิด
คนบ้าอะไรทำธุรกิจแบบประมาท ไม่น่าจะไปรอดนะแบบนี้
“ถ้าน้องของธินโกงพีช พีชก็จะเอาเรื่องกับธินไงครับ” อีกคนพูดยิ้มๆ จนธินหันหน้าหนีด้วยความเขิน
“ฮ่าๆ ผมไม่โกรงแน่นอนอยู่แล้วล่ะครับ แต่บางทีคุณพีชก็น่าจะอ่านบ้าง ถ้าหากว่ามีอะไรที่สงสัยจะได้ถามได้เลย” ธีร์หัวเราะ
น้อยๆ
เขาพึ่งเคยเห็นมุมแบบนี้ของพี่ชายที่เป็นกับคนอื่นที่ไม่ใช่กับตัวเองเป็นครั้งแรก ยิ้มในใจอย่างยินดี เพราะดูก็รู้ว่าพี่ชายของเขาก็
มีใจให้อีกคน ไม่เหมือนที่พชรเคยกระซิบบอกสักนิด
‘ผมตามจีบพี่ชายคุณอยู่น่ะ’
คิดถึงวันที่เจอกันวันแรกตอนที่ไปคุยกันเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ต่างจังหวัดก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าพี่ชายเขามีอะไรดี ถึงได้ตามจีบแบบนี้
เห็นแล้วล่ะ...แบบนี้ก็สบายใจหน่อย เพราะพชรก็เป็นคนสุภาพ พูดเพราะ ที่สำคัญ สุภาพบุรุษเอามากๆ นิสัยต่างจากพี่ชายเขา
ลิบลับ แต่น่าแปลกที่เอาพี่เขาอยู่
“เดี๋ยวทางผมจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ภายในสามวันนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราสองคนขอเซ็นโอนให้เลยนะครับ” ธีร์บอกยิ้มๆ เพราะยังไงเขาก็ไว้ใจพชรอยู่แล้ว แต่ก็หันไปมองคนข้างๆ
ด้วยความสงสัยว่าพัฒน์จะค้านทำไม
“เดี๋ยว”
“มีอะไรอีกวะ”
“ผมคิดว่าถ้าเซ็นมอบให้คุณพีชตอนนี้คุณจะไม่ปลอดภัยนะครับ ก่อนที่ผมจะกลับกรุงเทพมาคราวนั้นพวกเราโดนโจมตีโดยนาย
ยงยุทธ์กับพวกที่มาขอซื้อคาสิโนต่อหลายรอบ แต่พวกเราไม่ขายเพราะพวกมันทำสิ่งผิดกฎหมาย ทางคุณดินคุณเพลิงไม่อยาก
จะเข้าไปข้องเกี่ยวเพราะกลัวจะโดนหางเลข ทางที่ดีพวกเราขอจัดการนายยงยุทธ์กับพวกที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดก่อน ผมจะเซ็นมอบที่เหลือ ส่วนเงิน มัดจำก่อนครึ่งหนึ่งได้ครับ” พัฒน์บอกไปตามความจริง เพราะตอนนี้พวกเขาลงเรือลำเดียวกันไปแล้ว
ยากที่จะถอนคืน เพราะถ้าทำแบบนั้นบริษัทของพชรก็จะสู้หน้าบริษัทใหญ่ทั้งสองของอภิหชัยบดินทร์ไม่ได้
“จริงด้วยครับ ผมไม่อยากจะทำให้คุณพีชต้องรับภาระนี้ เอาเป็นว่าเราจะจัดการพวกมันให้ก่อน เพราะยังไงพวกมันก็ต่อกรอะไรเราไม่ได้” ธีร์เห็นด้วยกับพัฒน์จึงช่วยพูดอีกแรง
“จะดีหรือครับ แต่ยังไงถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะครับ เดี๋ยวผมจะโอนเต็มจำนวนเลยก็แล้วกัน ผมคิดว่าคุณสองคนคงจะไม่โกงผมหรอก”
“ขอบคุณที่ไว้ใจนะครับ”
“ไม่หรอกครับ พวกคุณสองคนเป็นถึงคนสนิทของคุณดินคุณเพลิง ก็ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง แล้วพวกคุณก็ทำงานอย่างโปร่งใส
ด้วย” พชรว่า
“เดี๋ยวก่อนนะ” ธินเอ่ยขึ้นมาเรียกความสนใจของทุกคนให้มองไปยังเขาทันที
“มีอะไรธิน” พชรถาม
“ฉันมีข้อสงสัย ที่บอกว่าโดนโจมตี โจมตียังไง” มองหน้าเค้นคำตอบกับพัฒน์อย่างเอาเรื่อง
“แล้วทำไมผมต้องตอบคุณ” พัฒน์เอ่ยเรียบนิ่ง แต่เหมือนจะไปกระตุกต่อมโมโหของธินเข้าให้ ธีร์เองก็ได้แต่นั่งถอนหายใจน้อยๆ
หาเรื่องแม้กระทั่งพี่ชายของกู แค่นี้ก็รู้คำตอบแล้วว่าพัฒน์ไม่ชอบเขาขนาดไหน เพราะขนาดคนที่เป็นพี่ชาย หรือเพื่อนของเขา
ยังโดนเลย
“ฉันแค่อยากรู้ว่าน้องชายของฉันมาทำงานที่นี่ปลอดภัยต่อชีวิตหรือเปล่า” กัดฟันพูดออกมา แทบอยากจะลุกขึ้นเอาหมัด
กระแทกหน้านิ่งๆ ให้หายหมั่นไส้จริงๆ
“พี่ธินพอเถอะ พูดกับมันไปก็หงุดหงิดเปล่าๆ” ธีร์เอ่ยห้าม
“เออ...ว่าแต่ว่าเมื่อไหร่จะกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่บ้าง ตั้งแต่เรียนจบก็ไม่เคยไปหา ไม่ยอมเล่าเลยว่าตัวเองมาทำงานอะไร” ธิน
หันมาเล่นงานน้องชายทันที
พัฒน์สังเกตถึงความผิดปกติที่ใบหน้านั้นได้เป็นอย่างดี
ทำไมถึงทำหน้าเศร้า...ทำไมถึงเหมือนจะร้องไห้
“พี่กลับไปเถอะ ฝากส่งพี่ชายผมด้วยนะครับ” ธีร์เปลี่ยนเรื่อง หันไปบอกพชรด้วยท่าทางที่เย็นชาจนร่างสูงต้องหันไปมองธิน
น้อยๆ
“อย่าหนีนะธีร์ พ่อกับแม่ท่านอยากเจอแกมาก ทำไมถึงทำตัวแบบนี้” ธินต่อว่าเสียงเครียด
“ธิน พีชว่าคุยกันดีๆ นะ”
“นายน่ะเงียบไป พี่น้องจะคุยกัน” ธินหันไปต่อว่า
ธีร์เองก็คิดถึงพ่อกับแม่รวมทั้งพี่ชายของเขาด้วย แต่ว่า...พอเจอหน้ากันก็เป็นแบบนี้มาตลอด เขาที่เคยทำตัวไม่ดี เสเพล โดน
พ่อแม่และพี่ชายด่าว่าอยู่ทุกวัน เอาเขาไปเปรียบกับพี่ชายตัวเองจนธีร์กดดันและน้อยใจ
ตอนนี้เขาแค่อยากจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ให้ทุกคนรู้ว่า เขาเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าผู้เป็นพี่เลยสักนิด
“ธินไม่เห็นสีหน้าคุณธีร์หรือไง ลำบากใจแค่ไหนน่ะรู้หรือเปล่า” พชรต่อว่าด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนทำให้ธินนิ่งไป
“คุณพีชพาพี่ธินกลับไปเถอะครับ ผมมีงานต้องทำต่อ แล้วเจอกันใหม่นะพี่ธิน” ธีร์บอกเสียงเบา พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น
ก่อนจะเก็บของแล้วเดินออกจากห้องประชุมไปทันที ทิ้งธินไว้กับพัฒน์และพีชที่มองหน้าธิน
พชรมองหน้าราวกับอ่อนใจกับนิสัยใจร้อน วู่วาม พูดไม่เป็นของธิน
แต่พัฒน์กลับมองอย่างพิจารณาแล้วก็เข้าใจอะไรบางอย่าง...
มีปัญหาทางครอบครัวสินะ...
“ถ้านายเป็นพี่ชายที่เป็นห่วงน้องชายตัวเองจริง จะไม่พูดเอาแต่อารมณ์แบบนี้ เห็นความเปลี่ยนแปลงของมันหรือเปล่า มันเป็น
คนนิสัยเหมือนกับนายนั่นแหละ ใจร้อน วู่วาม ชอบเถียง แต่นี่มันไม่เถียงนายเลย หรือนายจะเถียงว่าธีร์มันไม่เคยเถียงหรือ
ทะเลาะกับนาย” พัฒน์พูดออกมาเสียงเรียบเย็น ทำเอาคนอายุมากกว่าอย่างธินเริ่มรู้สึกกลัวสายตาและน้ำเสียงของพัฒน์
แม้กระทั่งพชร ก็แอบกลัวกับพัฒน์ไม่น้อย
ก็ถ้าพัฒน์เป็นลูกน้องธรรมดาๆ จะไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่นี่พ่วงด้วยตำแหน่งหุ้นส่วน ไหนจะตระกูลรัตนมณีโชติที่โด่งดังอีก มี
เรื่องด้วยก็คงจบไม่สวยเท่าไหร่
“อย่ามาสอน” ธินเอ่ยปากออกไป
ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาต้องใช้ความกล้าขนาดไหน แต่ทนไม่ได้หรอกที่คนอายุน้อยกว่าตั้งหลายปีมาสอนเขา
“ปากดีทั้งพี่ทั้งน้อง แต่ช่างเถอะ...วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว มันพยายามที่จะโตขึ้นเพื่อจะก้าวข้ามนายที่ดีเลิศทุกอย่าง สำหรับมัน
และครอบครัวของนายอาจจะคิดว่านายสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับคนอื่นอย่างฉันคือไม่ นายยังมีความคิดที่ไม่เป็นผู้ใหญ่พอ ไม่
แน่...อาจจะมีความคิดเด็กกว่าไอ้ธีร์ตอนนี้ด้วยซ้ำ ขอตัวก่อนนะครับคุณพีช” พัฒน์พูดจบก็ขอตัวออกมาจากห้องประชุมทันที
“แล้วเจอกันครับคุณพัฒน์” พชรบอกอย่างเกรงใจ ก่อนจะหันไปมองหน้าธินด้วยความเป็นห่วง แต่เขาก็ไม่อยากจะพูดอะไร
เพราะเดี๋ยวจะเป็นการให้ท้าย
แล้วที่สำคัญ สิ่งที่พัฒน์พูดมันถูกต้องหมดทุกอย่าง...
พัฒน์เดินไปหาธีร์ที่ห้องทำงาน ซึ่งเขาก็ผ่านเลขาของมันเข้าไปได้อย่างง่ายดาย พอเข้าไปด้านในก็พบว่าธีร์กำลังฟุบหน้าลงกับ
โต๊ะทำงานอยู่
“ร้องไห้หรือวะ” ถามขึ้นจนร่างโปร่งสะดุ้งขึ้นเงยหน้ามองร่างสูงก่อนจะหันไปทางอื่นเพื่อซ่อนน้ำตาของตัวเอง
“มาทำไม” ถามเสียงสั่น
“มาดู”
“ดูแล้วก็ออกไป”
“ถึงมึงกับกูจะไม่ใช่เพื่อนกัน แต่ถ้ายังไม่มีใครให้ระบาย ก็ระบายกับกูได้นะ” ไม่รู้ว่าวันนี้พัฒน์กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่าถึง
ได้ถามแบบนี้ แต่มันก็ทำให้ธีร์รู้สึกอบอุ่นที่ใจขึ้นมาก
อย่าอ่อนโยนกับกู...กูขอร้อง
“ไม่จำเป็น”
“ถ้าอย่างนั้น กูจะนั่งเป็นเพื่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวมึงจะเผลอฆ่าตัวตาย” พัฒน์บอกพลางเดินมานั่งบนโต๊ะทำงานของธีร์ฝั่งเดียวกับธีร์
แต่มองไปยังกระจกใสที่อยู่ด้านหลังของธีร์เพื่อดูวิวข้างนอกเงียบๆ ธีร์ที่กำลังอ่อนแออยู่ก็หันมามองคนที่นั่งบนโต๊ะของเขา ก็พบ
ว่าอีกคนไม่ได้มองเขาอยู่
“จะร้องก็ร้อง กูไม่เห็น ไม่ได้ยินหรอก” พัฒน์ว่า
“ใครเชื่อมึงก็โง่แล้ว”
“มึงก็ลองโง่สิ เผื่อจะดีขึ้น”
ธีร์มองคนที่ยังคงมองไปยังด้านนอกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวั่นไหว แค่เขาชอบมันแค่นี้ยังไม่พออีกหรือ...จะทำให้เขา
ชอบมันขึ้นไปมากกว่านี้อีกเท่าไหร่
ในเมื่อตรงนี้มีแค่พัฒน์ที่อยู่ข้างๆ เขา แล้วเขาก็ไม่อยากจะเก็บไว้ในใจคนเดียวจนเครียด...อย่างน้อยระบายกับคนที่ไม่รู้อะไรเลย
อย่างพัฒน์ อาจจะดีกว่าก็เป็นได้...
“ขอยืมหลังหน่อยสิ...อึก”
100%

ครึ่งหลังมาแล้วจ้า...ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยที่ไม่อาจตอบสนองใครหลายๆ คนได้ในเรื่องที่ให้พี่พัฒน์เจ็บบ้าง ก็ชื่อเรื่องมัน
เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด ให้พระเอกโดนมันก็ไม่เข้าอ่ะค่ะ แต่รับรอง พี่พัฒน์โดนเอาคืนแน่ๆ ^_^ อย่าพึ่งเลิกติดตามกันเลยนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ที่ให้กำลังใจกันเสมอมานะคะ มีอะไรสอบถามได้ที่แฟนเพจเลยฮะ
https://www.facebook.com/sawachiyukiใครที่อยากได้น้องดรีม จะเปิดให้อีกรอบในปีนี้ อันที่จริงกะเปิดปีหน้านู่นเลย แต่ที่เปิดเพราะมีคนยังไม่ได้หนังสือ พี่ไปรฯ ทำหาย ลงชื่อจองกันไว้นะคะ ถ้ายอดครบแล้วจะเมลไปบอก ^_^
https://docs.google.com/forms/d/1l3PtNmWapA5xCtOCUVr0B5MvOJxxFm_pJtWMYEO8pm4/viewform