เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
ตอนที่ 34
“กูไม่ได้...” ยังไม่ทันที่ธีร์จะปฏิเสธหรือพูดอะไรออกไป อินทัชก็เอ่ยแทรกขึ้นก่อน เพื่อให้ธีร์ยอมสารภาพแล้วบอกเล่าให้เพื่อนคนนี้รู้เสียที
เพราะพวกเขาสองคนสัญญา ว่าจะไม่มีอะไรปิดบังกัน แต่วันนี้ธีร์กำลังปิดบังเพื่อนรักอย่างอินทัช
“อย่าพยายามปฏิเสธ เพื่อนที่คบกับมึงมา 20 กว่าปีอย่างกูเลยไอ้ธีร์ มึงรักเค้าจนยอมทุกอย่างแล้วใช่ไหม อาการมึงตอนนี้มันเหมือนตอนที่มึงกับฟ้าคบกันใหม่ๆ ทั้งที่มึงบอกว่าถูกบังคับ แต่สีหน้าตอนที่กูเข้ามามึงมีความสุขมาก มันมากเสียกว่าตอนที่มึงรักฟ้าอีก” อินทัชยกเอาแฟนคนแรกของธีร์ขึ้นมาพูด
แฟนที่ธีร์รักมาก เป็นคนที่ทำให้ธีร์มีความสุขในช่วงเวลานั้นสุดๆ และกลับกันก็เป็นคนที่ทำร้ายหัวใจของธีร์อย่างเจ็บปวดเช่นกัน...แต่มันก็ผ่านมาแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเป็นได้แค่บทเรียนและความทรงจำเท่านั้น
“มึงกับกูสัญญาว่ายังไง อย่าคิดว่ากูจะล้อหรือว่าเกลียดมึงเลยธีร์”
ธีร์ยังคงเงียบ ทำเอาอินทัชถึงกับโมโห เพราะเขารู้ขนาดนี้แล้ว ธีร์ยังไม่คิดที่จะบอกเขา
เป็นเพื่อนที่น่าปวดหัวจริงๆ
“จะบอกกูดีๆ ไหม”
“กู...ขอเวลาได้ไหมวะ”
“ขอเวลาทำเหี้ยอะไรอีก มึงจะให้เพื่อนอย่างกูรอนานขนาดไหน นี่เหรอที่มึงสัญญาว่าจะไม่มีอะไรปิดบังกู ขนาดมึงนอนกับผู้หญิงของกูมึงยังกล้าบอก แต่แค่มึงยอมรับว่ามึงรักคุณพัฒน์มึงไม่กล้าพูด ทำไม กลัวกูด่ามึงหรือไง กลับเพื่อนคนนี้ล้อมึงหรือไอ้ธีร์” ยิ่งพูดอินทัชก็ยิ่งอารมณ์ขึ้น
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“แล้วมันยังไง”
“กู...”
“งั้นเราเลิกคบกันจนกว่ามึงจะอยากบอกแล้วกัน” เป็นคำพูดที่ธีร์กลัวที่สุด เพราะทั้งชีวิตเขามีเพื่อนสนิท มีเพื่อนรักเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
เพื่อนคนสำคัญที่สุด ที่อยู่ข้างเขามาตลอด ที่คอยปลอบ คอยให้คำปรึกษามาโดยตลอดเวลาที่เขาไม่สบายใจหรือมีปัญหา
ครั้งนี้ธีร์ทำผิดจริงๆ ที่ไม่ยอมบอก แต่มันก็มีเหตุผลที่เขาไม่อยากพูดเหมือนกัน
“ย่ะ อย่านะเว้ย กูมีมึงเป็นเพื่อนแค่คนเดียวนะ”
“งั้นก็ตอบมาว่ามึงรักเขาหรือเปล่า”
ธีร์เงียบไปก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ
“อือ...กูรักมัน กูรักมันมาก นับวันก็ยิ่งรักมัน แต่กูไม่รู้ว่ามันคิดยังไงกับกู เพราะมันก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่เคยบอกกูว่ากูเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ กูเป็นแค่หนูทดลองเกี่ยวกับการมีเซ็กส์ของผู้ชาย” ธีร์พูดสารภาพออกไปเสียงเศร้า
อินทัชมองเพื่อนนิ่งๆ
“กูเองก็เคยบอกมึงและมันว่าเป็นผู้ชายแท้ๆ ไม่มีทางที่จะชอบผู้ชายด้วยกันเอง แต่พอมาวันนี้กูกลับรักมัน แล้วมึงจะให้กูพูดบอกมึงยังไงไอ้อิน มึงตอบกูสิ” ธีร์ระบายออกมาเสียงสั่น
“มึงก็แค่พูดออกมา ยังไงกูก็เพื่อนมึงเสมอ มึงเห็นกูเป็นที่พึ่งพิงให้มึงไม่ได้หรือไง กูเริ่มจะน้อยใจมึงแล้วว่ะไอ้ธีร์” อินทัชว่าเสียงสั่นเช่นกัน
นั่นมันหมายความว่าธีร์ไม่เคยเชื่อใจเพื่อนคนนี้เลย
“กูขอโทษ กูรักมึงไอ้อิน อย่าโกรธกูเลยนะ” ธีร์รีบดึงมือเพื่อนมาจับเอาไว้
“เมื่อไหร่”
“อะไร”
“เมื่อไหร่ที่มึงกับคุณพัฒน์มีความสัมพันธ์กัน”
ร่างโปร่งของธีร์นิ่งไปเมื่อได้ยินคำถามที่ไม่อยากจะตอบสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องตอบเมื่อเห็นสายตาที่ไม่พอใจของเพื่อนรัก
“ก่ะ ก่อนที่มึงจะมาห้องกูครั้งแรก” ตอบไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“นานมาก นานจริงๆ นี่มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า ครั้งแรกมันเป็นมายังไง”
“กูโดนวางยาปลุก แต่ไอ้พัฒน์มาช่วยไว้ก่อน”
แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเรื่องราวมันเริ่มจากอะไร เพราะอินทัชรู้มาตลอดว่าเพื่อนของเขามีเสน่ห์ที่เย้ายวนเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน ถ้าได้กลิ่นตัวของธีร์แล้วมันจะเกิดอารมณ์ขึ้นมา ธีร์เลยจำเป็นต้องฉีดน้ำหอมดับกลิ่นของตน แต่ที่อินทัชไม่รู้สึกอะไรกับกลิ่นของธีร์ นั่นเป็นเพราะการที่คลุกคลีอยู่ด้วยกันตลอด
“วันที่นัดกูที่ผับใช่ไหม”
“อือ”
“กูเคยเตือนมึงแล้วไง แล้วทำไมมึงถึงยอมคุณพัฒน์ ทั้งๆ ที่คนอื่นมึงทั้งขยะแขยง ทั้งรังเกียจอย่างเห็นได้ชัดซะขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าบังคับ” อินทัชถามเสียงเข้ม
“ป่ะ เปล่า ไม่ได้บังคับ กูมีอารมณ์ร่วมเอง ไม่ได้รังเกียจด้วย ต่างจากทุกคน” ธีร์ตอบแผ่วเบา
“งั้นก็ไม่ได้เป็นกับทุกคนสินะ แค่กับคุณพัฒน์คนเดียว”
“อือ”
“นั่นหมายความว่าเค้าพิเศษ มึงมารู้สึกตัวว่ารักเค้าตอนไหน” ยิงคำถามไม่หยุด
“ตอนไปกระบี่นี่แหละ”
“แล้วคุณพัฒน์ล่ะ”
“ไม่รู้ดิ กูไม่รู้ว่ามันคิดยังไงกับกู แต่มันทั้งอ่อนโยน ยิ้มให้กู ตามใจกู และดูแลกู ทำทุกอย่างให้กู แม้จะชอบเถียงหรือทะเลาะกันก็เถอะ” ธีร์เล่าต่อไป
อินทัชขมวดคิ้วหนัก มองหน้าเพื่อนอย่างระอา
แค่นี้มันก็มองไม่ออกว่าอีกคนคิดยังไง... เอาเถอะ เป็นบทเรียนที่เพื่อนของเขาต้องรับรู้มันด้วยตัวเอง
“โอเคๆ กูเลิกซักมึงแล้วก็ได้ ไปกินข้าวกันเถอะ ไม่มีอะไรค้างคาสำหรับกูแล้ว” อินทัชพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน ก่อนจะมาประคองเพื่อนที่พยายามจะลุกแต่ก็ร้องออกมาอย่างเจ็บแผล
“โอ้ย...”
“มึงนี่นะ”
“ทำไมวะ” ธีร์ถามด้วยความสงสัย
“เปล่า กูเอาใจช่วยก็แล้วกัน บางทีนี่อาจจะเป็นรักแท้ของมึงก็ได้” อินทัชแซวยิ้มๆ ทำให้ธีร์รู้สึกสบายใจที่เพื่อนกลับมาทำสีหน้าเหมือนเดิมแล้ว
นึกว่าอีกคนจะโกรธจนไม่หายเสียอีก
“หุบปากไป”
“ด่ากลบเกลื่อนความเขินหรือไง แล้วนี่ผัวมึงไปไหน”
“หยุดแซวเหอะน่า คอยดูมึงก็จะมีผัวไม่ต่างจากกูหรอก” ธีร์แช่งเพื่อน
ยอมรับว่ามีผัวไปแล้วสิ แต่ช่างเถอะ ยังไงมันก็เพื่อนของเขา
“อ้าวๆ ปากหรือวะไอ้ธีร์ อย่างกูต้องรุกเว้ย เด็กๆ ในสต็อกกูก็รับทั้งนั้น ไม่มีทางที่กูจะเสียตูดให้ใคร จำเอาไว้เลยเพื่อน” อินทัชยักคิ้วให้น้อยๆ
ธีร์ส่ายหน้าไปมา เพราะเพื่อนสนิทไม่รู้จักตัวเองดี อย่างน้อยหน้าตาเขาก็เรียกว่าหล่อ ขาวใส มองยังไงก็ผู้ชาย แต่เพื่อนเขาอย่างอินทัชนี่สิ มองยังไงหน้ามันก็หวานอย่ากับผู้หญิงชัดๆ
จะคอยดูต่อไปก็แล้วกัน เพื่อนรัก...
...
...
...
บ่าย 3 โมงกว่าๆ
พัฒน์เดินทางมาถึงห้องโดยมีของกินเต็มไม้เต็มมือมาด้วย มองสองเพื่อนสนิทที่กำลังดูหนังอย่างเมามันส์ไม่สนใจเจ้าของห้องตัวจริงที่มาถึงห้องเลยสักนิด
“ให้ตายสิ กูมาถึงแล้ว มันยังไม่รู้” พัฒน์บ่นแล้วเดินเอาของไปใส่ตู้เย็นในครัวเอาไว้ทานตอนเย็นๆ และส่วนมากเป็นช็อกโกแลตเอาใจคนเจ็บทั้งนั้น
อยู่ด้วยกันจนรู้ว่าอีกคนชอบหรือไม่ชอบอะไร ทั้งที่เพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
พัฒน์เดินผ่านมุมที่ทั้งคู่นั่งดูหนังไป โดยไม่สนใจมองเลยสักนิด แต่ธีร์กับอินทัชที่ดูหนังอยู่ถึงกับตกใจที่เห็นร่างสูงเดินผ่านไปแบบไม่พูดอะไรเลย
ปัง!
ปิดประตูห้องนอนเสียงดังเพื่อเรียกร้องความสนใจจากร่างโปร่ง ก่อนที่จะไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ที่สามารถอยู่กับห้องได้อย่างสบายๆ
ทางด้านธีร์กับอินทัชก็มองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนที่อินทัชจะกลืนน้ำลายแล้วถามเสียงสั่นว่า
“ไม่พอใจอะไรกูป่ะวะ”
“อาจจะเป็นกูก็ได้นะมึง เพราะกูทำให้มันไม่พอใจบ่อยๆ” ธีร์พูดขึ้นมาเบาๆ แอบกลัวคนที่ปิดประตูเสียงดังนั่นนิดๆ
เนื่องจากพัฒน์เป็นคนชอบความเป็นส่วนตัว เขากับอินทัชอาจจะทำอะไรที่พัฒน์ไม่ชอบก็เป็นได้ แต่หารู้ไม่ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสองคนคิดเลย
“ถ้าอย่างนั้นกูกลับก็แล้วกัน คุณพัฒน์มาแล้ว ไม่รบกวน” อินทัชว่า
“ได้ไงวะ ยังไงมึงก็ควรอยู่ทักทายมันก่อน”
“อย่าเลย กูกลัว ฝากขอโทษด้วยก็แล้วกัน”
“อย่าเพิ่งไปดิ อยู่ก่อน” ธีร์พยายามยื้อเพื่อนเอาไว้ แม้จะเจ็บแผลที่ต้องลุกขึ้น แต่เขาก็ยอมเพื่อที่จะได้ไม่อยู่ตามลำพังกับไอ้คนที่มันกลับมาจากทำงานแบบโมโหๆ นั่น
“มีอะไร โทรหากู โอเคนะ”
“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่ง”
“รักมึงว่ะเพื่อน โชคดี” อินทัชไม่สนใจการขอร้องที่หน้าสงสารของธีร์เลยสักนิด หยิบข้าวของของตัวเองก็กอดเพื่อนเบาๆ ก่อนจะออกจากห้องไป โดยที่ธีร์เดินตามไปส่ง
“บาย” ธีร์โบกมือให้เพื่อนหงอยๆ
“อย่าลืมนะเว้ย มีอะไรก็โทรหา” อินทัชกำชับ ก่อนจะเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนร่างโปร่งก็เดินกลับมาในห้องจัดการปิดหนังที่ดูค้างไว้ แล้วเก็บพวกขนมต่างๆ ไปที่ครัว ส่วนขยะก็เอาทิ้งที่ถังขยะ แต่พอเปิดตู้เย็นก็เจอขนมมากมายที่เป็นของโปรดเขาทั้งนั้นอยู่เต็มไปหมด
“เค้กช็อกโกแลต พุดดิ้งด้วย อ้า...บราวนี่ อย่าบอกนะทั้งหมดนี่ พัฒน์มันซื้อมา” ธีร์ที่กำลังเคลิ้มอยู่กับขนมที่เป็นช็อกโกแลตทั้งหมดก็อยากที่จะหยิบขึ้นมาทานซะ ถ้าไม่ติดที่ว่าพัฒน์อาจจะซื้อมาทานเอง
“มันคงไม่ได้ซื้อมากินเองหรอกนะ”
คิดเข้าข้างตัวเองไปเรียบร้อย เพราะพัฒน์ไม่ใช่คนชอบทานขนมเท่าไหร่นัก ของหวานก็ไม่แตะ เวลาทานข้าวเสร็จก็มักจะสั่งของหวานให้เขาคนเดียวเท่านั้น
น่ารักขึ้นทุกวันเลยนะมึง
“อะไร นี่จะกินอีกแล้วหรือไง กูเพิ่งเห็นขนมเต็มโต๊ะเลยเมื่อกี้” พัฒน์ที่มาตอนไหนก็ไม่รู้เอ่ยถามร่างโปร่ง จนคนที่ไม่ได้ตั้งตัวถึงกับตกใจ
“เฮ้ย!! ตกใจหมดเลยไอ้บ้าพัฒน์” ธีร์ปิดตู้เย็นทันทีโดยไม่ได้หยิบอะไรสักชิ้น หันมามองร่างสูงที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยสายตาที่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ขวัญอ่อนจริงๆ แล้วเมื่อกี้จะทำอะไร” พัฒน์ก้าวเข้ามาหาร่างโปร่งที่ยังคงยืนนิ่งหน้าตู้เย็น
“เปล๊า!!”
“เสียงสูง”
“โอ้ย! ไอ้นี่ จับผิดกูทำเหี้ยอะไร” ธีร์เดินออกจาตรงนั้น ส่วนร่างสูงก็เปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นดื่ม ธีร์ที่ไม่มีโอกาสจะหยิบอะไรกินก็ได้แต่เดินหนีอีกคนมา
พัฒน์ส่ายหน้าแล้วเดินตามอีกคนมา ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ร่างโปร่ง
“แล้วเพื่อมึงไปไหนแล้วล่ะ”
“กลับไปแล้ว”
“อืม...”
“ถามหาทำไม”
“ก็ตอนที่กูเข้าห้องไปยังอยู่ แต่พอออกมาก็หายไปแล้ว เพื่อนมึงเป็นคนไม่มีมารยาทแบบนี้หรือวะ” ทำเอาธีร์สะอึกไปเลยที่โดนคำถามนี้
“มันกลัวมึงไง เห็นมึงเดินเข้าห้องไปแบบโมโหๆ ก็เลยกลับก่อน มันก็ฝากขอโทษด้วย”
“ช่างเถอะ กูก็ไม่ได้สนอะไรมากนักหรอก”
“ว่าแต่ขนมพวกนั้นอ่ะ” ธีร์เริ่มบทสนทนาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง ใช้สายตาเหมือนแมวกำลังอ้อนจนพัฒน์อยากจะจับฟัด
“ทำไม?”
“ซื้อมาทำไรเหรอ”
พัฒน์ยกยิ้มมุมปากก่อนจะถามกลับคืนอย่างกวนๆ
“แล้วคิดว่าไง ให้กุมารล่ะมั้ง”
“นี่มึงเลี้ยงกุมารด้วยหรือวะ มิน่าล่ะถึงรวยเอ๊ารวยเอา” คนนี้ก็ซื่อจนน่าตกใจ ถ้าพูดเรื่องอื่นธีร์พอจะไม่เชื่อง่ายๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผี ไสยเวทย์แล้ว ธีร์ค่อนข้างที่จะเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่พอตัว
ไม่เข้ากับความเป็นคนสมัยใหม่เลยใช่ไหมล่ะ
“โง่!!!”
“อ้าว? ด่ากูทำไมเนี่ย แล้วเลี้ยงจริงๆ ป่ะ เฮ้ยกูอยากเห็นอ่ะ” ธีร์ทำท่าตื่นเต้นอยากจะเห็นเต็มที ก่อนจะผิดหวังนิดๆ เมื่อพัฒน์พูดบอก
“ไม่มี ไม่ได้เลี้ยง กูแค่พูดประชดเฉยๆ ซื้อมาให้ลูกหมา”
“หมา? มึงเลี้ยงด้วยหรือ เอ๊ะ! หมานี่กินขนมพวกนั้นด้วยหรือวะ” ธีร์ถามอย่าซื่อๆ เพราะขนมพวกนั้นล้างสมองทำให้ร่างโปร่งประมวลอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว
คิ้วหนากระตุกอย่างหงุดหงิด แทบจะจับอีกคนมาฟาดมือใส่สักสองสามที ให้เกิดรอยแดงๆ ตามตัวซะ ให้สมกับความโง่ของอีกคน
“กูซื้อมาให้มึงนั่นแหละ ไอ้โง่!!” พัฒน์ตะคอกไป
ธีร์ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เมื่อเห็นว่าพัฒน์ฟิวส์ขาด ไม่รู้สึกโกรธเลยที่โดนด่าว่าโง่ ก็เขาไม่รู้จริงๆ นี่ คิดว่าอีกคนพูดจริง
“พูดความจริงแต่แรกก็จบ ไปกุมารแล้วมาหมา เพื่อ?”
“ก็มึงเหมือนหมาดี กูชอบ”
ชอบ…
เป็นประโยคที่แช่แข็งร่างโปร่งเอาไว้ทันที ก่อนจะเริ่มหน้าแดง หลบสายตาร่างสูงพัลวัน แม้ว่าจะไม่ได้มีความหมายตรงๆ แต่คนช่างคิดอย่างเขาก็จินตนาการได้ไปเรื่อย
“งั้นกูกินเลยได้ไหม”
“จะบ้าหรือไง เอาไว้เย็นๆ หลังอาหารเย็นนู่น หมู่นี่เริ่มอ้วนเหมือนหมูแล้วนะมึง” พัฒน์ว่าทำเอาธีร์เสียความมั่นใจไปเลย ก่อนจะมองแขนขาตัวเองเพื่อดูว่ามันใหญ่ขึ้นหรือเปล่า หลายเดือนมานี้ไม่ค่อยออกกำลังกายเลย กลัวจะน้ำหนักเพิ่มเหมือนกัน
“จริงหรือวะ กูอ้วนจริงๆ หรือวะ ฮือ...ไม่เอานะ ต้องออกกำลังกาย ใช่ ต้องออกกำลัง งั้นกูขอตัวไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสท์ด้านล่างก่อนนะ” ยังไม่ทันที่ธีร์จะลุก ก็ถูกจับไว้ด้วยมือข้างเดียวของพัฒน์ ซึ่งธีร์ก็มองแบบจะร้องไห้
อ่อนไหวง่ายกับเรื่องหุ่นและน้ำหนักเหมือนผู้หญิงจริงๆ
“ปล่อยนะ” ธีร์ทำหน้าแบบจะร้องไห้
“จริงจังไปไหม สำเหนียกตัวหน่อยว่าเจ็บอยู่” พัฒน์ต่อว่าดุๆ ทำเอาธีร์เบะปากอย่างน่ารัก
“ก็มึงว่ากูอ้วน”
“ก็ไม่ได้อ้วนขนาดนั้น แค่มีน้ำมีนวลขึ้น”
สำหรับพัฒน์แล้ว อยากจะขุนธีร์ให้มีน้ำมีนวลมีเนื้อมากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ต้องค่อยๆ ทำเรื่อยๆ แล้ว ตั้งแต่กล้ามเนื้อที่แสนจะภาคภูมิใจของธีร์หายไป เขาก็พยายามให้อีกคนทานเยอะๆ เพราะเวลากอด เวลาจับมันมันส์มือดี เขาไม่ชอบคนที่ผอมๆ แห้ง ซึ่งมันแต่ก่อนก็เป็นแบบนั้น
แต่นี่มันเปลี่ยนไปแล้ว ด้วยฝีมือเขาเอง
“แผลหายเมื่อไหร่ กูจะออกกำลังอย่างหนักเลยคอยดู” ธีร์หมายมาดเอาไว้ ทำเอาพัฒน์แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์
“มึงคิดว่าจะได้ลงไปหรือไง”
“ทำไมล่ะ ทำไมกูจะลงไปไม่ได้ ในเมื่อที่นี่กูก็เป็นคนดูแล”
“เพราะกูไม่อนุญาตไงล่ะ”
ธีร์ทำหน้าสงสัยว่าอีกคนเกี่ยวอะไรด้วยถึงมาห้ามเขาแบบนี้ แต่ธีร์ก็ไม่อยากจะเถียงไอ้คนเอาแต่ใจนั่น เลยเงียบๆ เอาไว้ ค่อยแอบไปก็ได้
“มึงมีสิทธิ์กับกูทุกอย่างเลยนี่ อยากจะบังคับยังไงก็ได้” ธีร์พูดไป
“รู้อยู่แล้วนี่”
“ไอ้บ้าพัฒน์ ไอ้คนนิสัยเสีย ให้เลว ไอ้ชั่ว ไอ้มั่ว ไอ้...” ยังไม่ทันที่ธีร์จะด่าอีกคนไปมากกว่านี้ก็ถูกขัดด้วยร่างสูงที่พูดออกมาเรียบๆ
“ทุกคำที่มึงว่ากูยอมรับ แต่มั่วนี่ กูขอบอกเลยว่า ตอนนี้กูมีมึงคนเดียว”
“อึก”
ไอ้ควาย...มึงพูดแบบนี้ได้ยังไงวะ
“หน้าแดงนะ เขินหรือไง แต่อย่าบอกว่าร้อนนะ มึงเล่นเปิดแอร์ซะเย็นเลยนี่” พัฒน์พูดดักทาง ทำเอาธีร์ที่กำลังอ้าปากจะเถียงถึงกับหุบกลับไป
มันรู้ทางเขาหมดเลย
“ไร้สาระว่ะแม่ง พูดเหี้ยไรวะ” ธีร์หันหน้าหนี
“นี่เขาเรียกว่าด่ากลบเกลื่อน”
“กลบเกลื่อนบ้าบออะไร ทำไมกูต้องเขินมึงด้วย มีอะไรให้กูเขินไม่ทราบห๊ะ ไปแล้วแม่ง เบื่อมึง” ธีร์ลุกขึ้นและหันหลังให้ เท้าเตรียมก้าวหนีอีกคนแต่ก็ต้องชะงักเอาไว้
“อย่าให้กูต้องพูดอีกรอบเลย มึงเขินอะไรทำไมกูจะไม่รู้” พัฒน์พูดบอกไปยิ้มๆ
“งั้นกูเขินอะไร ไหนมึงลองพูดมาดิ๊!” หันมาเอาเรื่องอีกคน
ธีร์ยืนกอดอกมองอีกคนด้วยสีหน้านิ่ง พยายามหักห้ามความเขิน ความอายที่กังรู้สึกอยู่ตอนนี้ บังคับให้หายใจแบบปกติทั้งๆ ที่หัวใจกำลังเต้นแรง
“กูมีมึงคนเดียว” พัฒน์พูดไปนิ่งๆ สีหน้าไม่บ่งบอกว่ารู้สึกยังไง ทำเอาให้ธีร์คิดว่าอีกคนคงอยากจะแกล้งก็เท่านั้น และแน่นอนว่ามันได้ผล
ร่างโปร่งทำตัวไม่ถูกเมื่อได้ยินประโยคนี้อีกครั้ง มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข สายตาล่อกแล่ก ทำท่าจะหนี กับคนอื่นธีร์เก่งเสมอ แต่กับคนๆ นี้ เขาไม่กล้าหือ แต่ก็ไม่อยากยอม
“เออดี มีกูคนเดียวใช่ไหม ถ้ามึงมีคนอื่นเมื่อไหร่ ตาย!!!” ธีร์คาดโทษอีกคนไว้ก่อนจะเดินหนีมาอย่างเขินๆ ที่ดันกล้าพูดออกไปแบบนั้น
“หึหึ...กูไม่อยากมีใครแล้วล่ะ อยู่กับมึงแบบนี้ก็มีความสุขดี ไม่จำเป็นต้องไปวุ่นวายกับใคร”
ไม่ต้องมีสถานะอะไร เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะให้ธีร์อยู่ในฐานะไหน หวังแค่การกระทำของตัวเองในตอนนี้ ที่ชัดเจนขึ้นทุกวัน
เขารู้ตัวดีว่าไม่มีประสบการณ์เรื่องความรัก ไม่รู้อะไรคือรัก เพราะฉะนั้นเลยไม่รู้ว่าอะไรคือรัก... เลยใช้การกระทำแทนทุกๆ คำพูดยังไงล่ะ
(มีต่อ)