เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
ตอนที่ 37
ร่างสูงของพัฒน์เดินไปเดินมาที่หน้าห้องฉุกเฉิน สีหน้าของพัฒน์บ่งบอกว่ากำลังเครียดอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาคนที่มองอยู่ไม่กล้าจะพูดบอกอะไร แม้จะแปลกใจกับอาการร้อนใจของพัฒน์ แต่พอคิดว่าคนที่อยู่ในห้องฉุกเฉินคือธีร์ก็เข้าใจได้ทันที...
ตึก ตึก ตึก
“เกิดอะไรขึ้นกับธีร์!!!” คนมาใหม่ที่เดินมาอย่างร้อนใจตะคอกถาม จนคนที่ตามมาต้องคอยปรามอย่างอ่อนโยน
“ใจเย็นครับธิน เราอยู่โรงพยาบาล ห้ามเสียงดัง มันจะรบกวนคุณหมอนะครับ”
“น้องฉันเป็นอะไร ทำไมฉันไปหาที่บริษัท คนก็บอกว่าถูกหามเข้าโรงพยาบาล!” ธินเดินมาเอาคำตอบจากพัฒน์ที่เดินทำหน้าไม่พอใจใส่ แม้จะแอบกลัว แต่ด้วยความอยากรู้และกลัว เขาก็ต้องรู้คำตอบให้ได้
“คุณเพลิงสวัสดีครับ” พชรที่เพิ่งจะเห็นอัคนีรีบทักทายด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะสะกิดให้ธินหันมาทักทาย ซึ่งร่างเล็กก็หันไปโค้งให้น้อยๆ แล้วหันกลับมาจ้องพัฒน์อย่างต้องการคำตอบอีกครั้ง
“ฉันไม่อยากพูด”
“ฉันอยากรู้!!!”
“ใจเย็นสิธิน”
“ก็ดูมันสิ นี่น้องชายฉันทั้งคนนะ ฮึก” ธินที่ไม่รู้ว่าน้องชายเป็นอะไรก็ได้แต่ร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวจับใจ เพราะตัวเองได้รับโทรศัพท์จากอินทัชเมื่อวานว่าธีร์ไปอาศัยอยู่กับอินทัชได้อาทิตย์กว่าเพราะถูกพัฒน์ที่ยืนตรงหน้าปฏิเสธรัก และบอกอีกว่าข้าวปลาไม่กิน ร้องไห้ทุกคืน พึ่งยานอนหลับทุกวัน ตอนแรกก็โกรธที่เพิ่งจะมาบอกเอาป่านนี้ อินทัชเลยบอกอีกว่าธีร์จะนอนที่บริษัทเมื่อวานนี้ก็เลยเป็นห่วง ถึงได้โทรบอกธินให้ไปดูหน่อย เพราะอินทัชต้องเดินทางไปดูงานต่างจังหวัดกะทันหัน
ธินเป็นห่วงน้องชาย กะจะมาตั้งแต่เมื่อคืน แต่พชรห้ามไว้ก่อน บอกให้มาตอนเช้า แล้วเป็นไง พอไปถึงบริษัท กลับกลายเป็นว่าเขาต้องได้ยินข่าวว่าน้องชายเข้าโรงพยาบาล ด้วยสภาพที่เลือดอาบตัวเนี่ยนะ
มันเลวร้ายที่สุดในชีวิตเลยล่ะ!!
เขายังไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไรน้องชายถึงบาดเจ็บจนเลือดไหลขนาดนั้น แต่ก็คิดไปเองว่าคงเสียใจถึงกับทำร้ายตัวเองที่โดนปฏิเสธรักจนอกหักกินไม่ได้นอนไม่หลับแบบนี้
“มันเป็นอุบัติเหตุ” อัคนีเอ่ยขึ้น ซึ่งธินก็เบี่ยงเบนความสนใจมาที่ร่างแกร่งอีกคนที่เป็นเจ้านายของน้องชายตัวเองทันที
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ถามเสียงสั่นๆ มือก็ปาดน้ำตาออกไป เขารีบนั่งลงข้างๆ กับอัคนี พชรเองก็นั่งตาคนรัก โดยที่ตนก็เป็นห่วงธีร์ไม่ต่างจากพี่ชายอย่างธินเลย ระหว่างที่ธินกับพชรนั่งฟังอัคนีอธิบายถึงเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยความเป็นห่วงนั้น พัฒน์ก็ยังเดินไปมาที่หน้าห้องรอหมออย่างใจร้อน
แต่คนที่กำลังจะตายเพราะความกลัวและเป็นห่วงนั้นก็คือใครอีกคนที่เอาแต่เดินไปมาอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อ จะนั่งรอใจก็ไม่สงบ ยืนเฉยๆ ก็ฟุ้งซ่าน
เขารู้ว่าเขาทำผิด แต่อย่าลงโทษคนโง่เขลาด้วยวิธีนี้เลย
ในวันที่พัฒน์มาเพื่อขอโทษ เพื่อขอโอกาส มันดันมีอุปสรรคแบบนี้เกิดขึ้นอีก ที่เคยตั้งมั่น ที่เคยสัญญาว่าจะไม่ให้ธีร์ต้องเข้าโรงพยาบาลอีก
มันถูกต้องแล้วที่จะถูกตราหน้ามาเป็นตัวอันตราย...แค่ทำให้ธีร์ปลอดภัยยังทำไมได้ หนำซ้ำยังทำร้ายหัวใจของร่างบาง ปฏิเสธความรักนั่นอย่างไม่ใยดี และสิ่งที่ทำให้พัฒน์เสียใจยิ่งกว่า...ก็คือการที่ตอกย้ำค่าของธีร์เพียงแค่คนที่เข้ากันในเรื่องบนเตียง...
ตึก!!!
พัฒน์หันหน้าเข้าหากำแพง ชกมันเข้าไปเต็มๆ แรงๆ หลายทีเพื่อระบายอารมณ์อึดอัดนี้ เขารู้สึกเจ็บใจจนไม่รู้สึกเจ็บที่ที่มือเลยสักนิด เลือดค่อยๆ ไหลออกมาติดกำแพง แต่พัฒน์ก็ไม่สนใจ ต่อยเข้าไปสุดแรงเท่าที่จะออกมาได้ พชรรีบตรงเข้ามาห้าม
“คุณพัฒน์ทำอะไรครับ หยุดเถอะ เลือดออกหมดแล้ว”
“ให้มันออกมาก็ดี” ไม่ใช่พัฒน์หรอกที่เป็นคนพูดแต่เป็นร่างโปร่งของธินต่างหากที่พูดขึ้น มองหน้าพัฒน์อย่างโกรธๆ
ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ ธินจะแยกน้องชายกับพัฒน์ออกจากกัน
ไม่ต้องเจอหน้ากันแล้วชาตินี้!!!
“พูดอะไรน่ะธิน ไม่น่ารักเลยนะครับ” ปรามคนรักดุๆ
“ก็มันจริงนี่ ออกมาก็ดีแล้ว ไอ้เลือดชั่วๆ นั่นน่ะ เพราะมันไม่ใช่หรือไงที่ทำให้น้องชายของฉันมาอยู่ในสภาพแบบนี้!!” อธิบายไปก็ไร้ผลแล้วล่ะ
แต่ถึงจะอธิบายได้ เขาก็ไม่อยากพูดให้ใครฟังนอกจากคนที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน
ใครจะมองว่าเขาชั่ว เลวหรือร้ายยังไงก็ได้ ใครจะโกรธ จะเกลียดเขาก็ได้ แต่ขอแค่คนๆ เดียวที่อย่าโกรธ อย่าเกลียดเขา นั่นก็คือธีร์...
ใครจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำก็ช่าง แต่ขอให้เขาได้อธิบายกับคนที่เขารักก็พอ...
รอไปนานถึงชั่วโมงกว่าเต็มๆ หมอในชุดกาวน์เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้านิ่งๆ ร่างสูงของพัฒน์ที่เห็นแบบนั้นก็ปรี่ไปหาอย่างรวดเร็ว
“หมอ เป็นยังไงบ้าง” พัฒน์ถามอย่างร้อนใจ ธินเองที่มาช้าไปแค่ก้าวเดียวก็ได้แต่ยืนทำหน้าไม่พอใจ เพราะสิ่งที่ธินอยากรู้ ก็เป็นคำถามเดียวกันกับที่พัฒน์ถามหมออกไป
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ เสียเลือดค่อนข้างเยอะ แต่หมอได้ให้เลือดคนไข้ไปแล้ว เศษแก้วชั้นเล็กฝั่งเข้าไปในเนื้อเล็กน้อย แต่หมอทำการเอาออกให้แล้ว ส่วนชิ้นใหญ่ก็ปักเต็มแขนซ้าย ฝ่ามือข้างขวาก็โดนแทงอย่างแรง หมอได้ห้ามเลือดแล้วทำแผลให้แล้วเรียบร้อย และคนไข้เป็นโรคกระเพาะด้วย ยังไงคงต้องนอนดูอาการสักอาทิตย์ เพราะต้องล้างแผลทุกวัน ซึ่งแผลเยอะมาก ถ้านำคนไข้กลับเกรงว่าจะดูแลลำบากนะครับ” หมออธิบายยาวเหยียด
“โอเคครับหมอ ให้น้องผมนอนที่เลย จะกี่วันก็ได้ แต่ขอเป็นห้องพิเศษนะครับ” ธินว่า ซึ่งหมอก็พยักหน้ายิ้มๆ
“ได้ครับ ยังไงแจ้งพยาบาลได้เลย ผมขอตัวนะครับ”
“ขอบคุณครับ”
หมอเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ไม่นานร่างโปร่งที่นอนหลับด้วยฤทธิ์ยาสลบก็ถูกเข็นออกมาด้วยสภาพที่พัฒน์เห็นแล้วเจ็บแปลบไปทั้งหัวใจ แขนซ้ายที่พันผ้าพันแผลไว้ทั้งแขน มือขวาก็มีผ้าพันแผลพันเอาไว้เช่นกัน พัฒน์ไม่คิดว่าธีร์จะเป็นหนักขนาดนี้ เพราะอัคนีไม่ได้เล่ารายละเอียดมาก และพัฒน์ก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะฟังเท่าไหร่นัก
ในจังหวะที่เขากำลังเดินตามธีร์ไป ก็ถูกอัคนีเรียกเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนพัฒน์”
“ครับคุณเพลิง”
“ฉันว่าแกไปทำแผลก่อนเถอะ ปล่อยนานจะอักเสบ”
“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่เป็นไร” พัฒน์มองเลือดที่มือตัวเองอย่างไม่รู้สึกอะไรเลย เขาอยากจะเจ็บ เจ็บให้เท่ากับอีกคนเจ็บ
แต่มันก็เทียบอะไรไม่ได้เลยที่เห็นสภาพของธีร์
“ธีร์มันก็พูดแบบนี้ แล้วไงล่ะ เจ็บอย่างที่เห็น อย่าทำให้ให้มันต้องเสียใจไปมากกว่านี้เลยพัฒน์ ถ้าแกเป็นอะไรไปคิดว่าธีร์มันจะมีความสุขหรือไง” อัคนีเอ่ยเตือน
เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่เขากับปฐพีรู้เป็นอย่างดี ลำพังสังเกตธีร์ดูไม่ออกหรอก แต่พอมองการกระทำของพัฒน์ที่เขาเคยรู้จักได้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน อัคนีก็รู้ได้ทันทีว่าพัฒน์รู้สึกดีๆ กับลูกน้องของตน
ตอนแรกก็ดีใจที่มีคนสามารถเปิดประตูหัวใจของพัฒน์ได้ แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าพัฒน์จะทำร้ายคนที่ตัวเองรักได้ลงคอ
“มันก็เป็นเรื่องของพวกแกสองคนนะ ฉันไม่อยากจะเกี่ยว รู้บ้างไหมว่าธีร์มันรักแกแค่ไหน แกเองก็อยากจะไปหามัน แต่ไปทำแผลก่อนเถอะ”
เสียงร้องไห้อย่างทรมานพร้อมพูดอย่างจะขาดใจวันนั้นที่ธีร์โทรมาลางานกับเขายังคงอยู่ในความทรงจำ ไม่เห็นหน้า แต่เขาก็รู้ว่าร้องไห้หนักแค่ไหน
“ก็ได้ครับ” พัฒน์เอ่ยอย่างจำยอม
“ฝากด้วยนะครับ” อัคนีหันไปพูดกับพยาบาลที่เขาเรียกตัวเอาไว้ ซึ่งเธอก็ยิ้มบางๆ ผายมือเชิญพัฒน์
“เชิญค่ะ”
“ครับ”
“เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องการรักษาของธีร์มันก่อนรวมถึงของแกด้วย แล้วก็จะกลับเลยไม่ได้เข้าไปหรอก จะมาเยี่ยมมันพรุ่งนี้อีกที” อัคนีพูดบอก
“ครับคุณเพลิง แล้วถ้าผมทำแผลเสร็จ ผมจะไปหามันที่ห้องไหน” พัฒน์ถามเสียงเบา
“ก็ให้พยาบาลคนเมื่อกี้แหละพาไป รีบไปทำแผลซะ”
“ขอบคุณครับ”
พัฒน์เดินตามพยาบาลไปเพื่อทำแผลที่มือเนื่องจากต่อยกำแพงจนมือแตก เมื่อทำแผลเสร็จแล้วพัฒน์ก็ตรงไปหาธีร์ทันทีอย่างรีบร้อน
อยากจะอยู่ใกล้ๆ อยากดูแล
ถ้าเขาได้โอกาสนั้นล่ะก็นะ...
“ออกไป ไม่ต้องเข้ามาให้น้องฉันเห็นหน้า” ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะปิดประตูห้องพักคนไข้สนิท ก็โดนไล่จากคนเป็นพี่ชายของธีร์ทันที
พัฒน์หาได้สนใจ เดินเข้าไปหาร่างแร่งของธีร์ที่ยังนอนหลับอยู่ด้วยสีหน้านิ่งๆ ทำเอาธินถึงกับโมโหที่พัฒน์ทำเหมือนไม่เห็นหน้าเขาเท่าไหร่
“ไม่ได้ยินที่พูดหรือไง”
“ใจเย็นน่าธิน” พชรรีบกล่อม เพราคนรักแทบจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
“ให้ใจเย็นได้ยังไงวะ ดูมันทำกับน้องชายฉันสิ ฉันปล่อยให้นายมาเห็นหน้าน้องฉันนี่ก็ถือว่าใจดีสุดๆ แล้วนะ แต่ก็ยังทำเป็นไม่เห็นหัวฉัน ดี! ฉันจะเอาน้องชายออกห่างจากนาย โดยไม่ให้มาเห็นหน้าอีกเลย” ธินขู่ออกไปอย่างโมโห
พัฒน์หันมามองหน้าของธินนิ่งๆ ซึ่งร่างโปร่งก็ผงะไปด้านหลังนิดๆ ด้วยความตกใจและกลัวสายตาที่น่ากลัวของพัฒน์
“ขอโทษครับ” พูดแค่นั้นร่างสูงก็หันมามองหน้าขาวซีดของธีร์ต่อ อยากจะเอื้อมไปจับใบหน้านั้น แต่ก็กลัวว่าเขาอาจจะเผลอทำร้ายคนตัวเล็กกว่าไป
กลัวจะทำให้ใบหน้ามีรอย กลัวว่าจะโดนตัวนิดเดียวก็เจ็บไปทั้งตัว เพราะบาดแผลพวกนี้มันน่ากลัวเกินไป
ธินที่เจอร่างแกร่งขอโทษก็ถึงกับเงียบไป หันมองหน้าพชรเพื่อปรึกษาแต่ก็ได้คำตอบเป็นพยักหน้าเบาๆ ซึ่งธินก็เดินไปนั่งที่โซฟาอย่างไม่พอใจหน่อยๆ ตามด้วยพชรที่ไปนั่งข้างๆ ไม่ห่าง
“กูขอโทษ” พัฒน์พูดเบาๆ
ธินพยายามเงี่ยหูฟังแต่ก็ไม่ได้ยิน ทำท่าจะขยับเข้าไปใกล้ๆ แต่ก็ถูกมือแกร่งของคนรักดึงเอาไว้ก่อน และส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปราม
“เยี่ยมเสร็จแล้วก็กลับได้ เพราะเดี๋ยวพ่อกับแม่จะมา” ธินเอ่ยขึ้น เพราะตอนที่พัฒน์ไปทำแผล เขาก็โทรไปบอกพ่อกับแม่เรียบร้อย ทำเอาแม่เป็นลมคาโทรศัพท์ วุ่นวายกันทั้งบ้าน จนพ่อต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วบอกว่าจะรีบมาหาให้เร็วที่สุด
“ฉันจะอยู่”
“เพื่อ?”
“...” พัฒน์เงียบ นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ กับธีร์อย่างเป็นห่วง
“ถ้าธีร์มันเห็นนาย มันจะตัดใจไม่ได้ เพราะฉะนั้นเลิกทำอะไรแบบนี้ทีเถอะ ไม่รักน้องฉันก็อย่ามาตามทำร้ายกันอีก ธีร์มันก็มีหัวใจ เวลารักใครก็รักจริง เสียใจหรือเจ็บปวด ก็เจ็บจริงๆ” ธินบอกเสียงอ่อนลง เพราะน้องชายของเขานั้น ภายนอกแสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง แต่ภายในก็อ่อนแอเหลือเกินกับเรื่องความรัก
เขาไม่อยากเห็นน้องไม่เป็นอันทำอะไรเพราะความรักอีกแล้ว
“ทำไม่ได้ ขอล่ะ ให้ฉันเป็นคนดูแลมันเถอะ” พัฒน์ขอร้อง
“ทำไมฉันต้องยอม”
“ฉันอยากจะขอโอกาสกับน้องนาย”
“โอกาส? หึ! เพื่ออะไร”
“คำสารภาพของฉัน จะขอบอกกับมันเพียงคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์” พัฒน์ว่าออกมาเสียงจริงจัง แม้ธินจะมองไม่เห็นหน้าร่างสูง แต่ก็รับรู้ได้จากน้ำเสียง ว่าคนๆ นี้...จริงจัง
“ถ้ารู้สึกขนาดนี้แล้ว จะปฏิเสธน้องฉันทำไม ทำร้ายธีร์ทำไม”
“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฉันจะต้องพูดกับมัน”
เป็นนัยๆ ว่า ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของพวกเขา...
พัฒน์ยังคงนั่งมองหน้าร่างโปร่งอย่างเงียบๆ ธินเองก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว อยากจะแยกพัฒน์ออกจากธีร์เพื่อทำโทษอีกคนที่ทำร้ายของเขา เพราะถ้าธีร์ตื่นขึ้นมา น้องชายของเขาจะต้องให้อภัยพัฒน์อย่างง่ายดายแน่ๆ
เพราะธินกับธีร์มีนิสัยขี้ใจอ่อนเหมือนกัน... แค่เห็นหน้าคนที่รักก็หายโกรธแล้ว
แกร๊ก!!
“น้องธีร์ลูกแม่” เสียงของอรนภาดังขึ้นที่ด้านหน้าประตู ก่อนจะวิ่งมาที่ข้างเตียงเพื่อดูสภาพของลูกชาย เห็นแบบนั้นก็น้ำตาไหลด้วยความสงสารและเจ็บแทนลูกชาย พัฒน์ลูกขึ้นหลีกทางให้กับแม่ของธีร์ เพราะอรนภาไม่ได้สนใจเขา เลยไม่ได้ทำการไหว้ทักทาย แต่พัฒน์ก็ยกมือไหว้พ่อของร่างบางแทน ซึ่งทางด้านคุณธรณ์ก็รับไหว้พัฒน์อย่างเกรงใจเช่นกัน
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีพัฒน์” ธรณ์ทักทายกลับ ก่อนจะมองไปที่เตียงเล็กน้อย ดวงตาฉายแววเป็นห่วงเต็มที่ แต่ก็ดล่งใจไปเปราะหนึ่งเพราะย้ายมาที่ห้องพิเศษได้ก็ถือว่าปลอดภัยแล้วระดับหนึ่ง
“ลูกชายตัวดีของพ่อเป็นยังไงบ้าง”
“ก็เสียเลือดเยอะครับ”
“เกิดอะไรขึ้น เล่าให้พ่อฟังได้ไหม” ธรณ์ถาม
“ผมเองก็ไม่ทราบรายละเอียดนัก แต่จะเล่าเท่าที่คุณเพลิงบอกมานะครับ” พัฒน์เอ่ยนิ่งๆ
“งั้นไปคุยกันข้างนอก ดื่มกาแฟกันสักแก้วค่อยกลับมา อยู่ในนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” ธรณ์เอ่ยชวน ซึ่งพัฒน์มีสีหน้าลังเลอย่างที่สังเกตได้ชัด
“ครับ” แต่ก็รับอย่างจำยอมไม่ได้
เขาไม่อยากที่จะห่างจากธีร์เลย อย่างน้อยถ้าอีกคนลืมตาขึ้นมา ก็จะได้เห็นเขาเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
“งั้นก็ไปกัน”
พัฒน์เดินตามผู้ใหญ่ที่เป็นพ่อของธีร์ไป โดยไม่ลืมที่จะหันมามองที่เตียงอีกครั้ง ร่างโปร่งมีแม่ของตนนั่งเฝ้าแทนเขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น...พัฒน์ก็ควรใช้โอกาสนี้ ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง
ในสวนของโรงพยาบาล พัฒน์กับธรณ์นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากทางเดินเข้าตัวอาคารมากนัก ตรงหน้ามีกาแฟร้อนวางไว้อยู่
“เอาล่ะ เล่าได้เลย”
“ครับ คุณเพลิงบอกผมว่า...” แล้วพัฒน์ก็เล่าบอกไปตามที่ตนได้ฟังมาจากอัคนี โดยไม่มีบิดเบือนเนื้อหา ซึ่งคนเป็นพ่อก็นั่งฟังด้วยสีหน้านิ่งๆ มองสบตากับพัฒน์ที่เล่าไป บ้างก็หลบสายตา
ซึ่งเสือยิ้มยากไม่เคยกลัวใครกลับหลบสายตาของธรณ์ ผู้สูงวัยจับผิดถึงความผิดปกตินี้ได้ ก็ได้แต่แปลกใจ ว่าทำไมพัฒน์เหมือนจะไม่มั่นใจที่จะพูดกับเขาเลย
ทำอะไรผิดหรือเปล่า...
“ที่ลูกชายของพ่อเป็นแบบนี้ ส่วนหนึ่งมาจากพัฒน์หรือเปล่า” ธรณ์ลองถามหยั่งเชิงดู เพราะถ้าไม่ใช่ก็สามารถขอโทษได้ แต่ถ้าใช่ขึ้นมา เขาก็คงจะซักถึงเหตุผลให้ได้
พัฒน์นิ่งไป เพราะไม่คิดว่าผู้ใหญ่จะรู้ แต่คนอย่างพัฒน์ ถ้าทำอะไรผิด ก็กล้ารับว่าตนผิด ซึ่งตนก็ได้หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดบอกออกไป
“ครับ เป็นเพราะผม”
“บอกพ่อได้ไหม”
“เมื่ออาทิตย์ก่อน...ธีร์ได้บอกว่ารักผม รักที่ไม่ใช่แบบเพื่อน แต่เป็นรักแบบคนรัก” พูดออกไปแค่นี้ ธรณ์ก็ยิ้มแย้งไม่ยอมรับทันที ใบหน้าเครียดขึ้น น้ำเสียงแข็งกร้าว
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ลูกชายพ่อคบผู้หญิงมาโดยตลอด ไม่มีทางที่ธีร์จะมารักชอบผู้ชายด้วยกันเด็ดขาด”
พัฒน์คิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ แต่ร่างแกร่งก็ใช้ความเป็นนักธุรกิจเข้าช่วยอีกแรง ทุกๆ คนรู้จักพัฒน์ดีเพราะทำธุรกิจอย่างซื่อตรงและไม่โกหกใครมาโดยตลอด ดวงตาคมดุมองสบกับผู้ใหญ่อย่างจริงจัง ทำเอาธรณ์นิ่งไปนิดๆ ที่เห็นดวงตาน่ากลัวนั่น
“ผมยืนยันว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่ผมก็ปฏิเสธไปเพราะตอนนั้นไม่รู้ใจตัวเองว่ารู้สึกยังไง จากนั้นก้ต่างคนต่างอยู่ ไม่เจอหน้ากันเป็นอาทิตย์จนกระทั่งวันนี้” พัฒน์พูดเสียงหนักแน่น
“ลูกของฉันเลยตกอยู่ในสภาพนี้สินะ” เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองทันทีด้วยความไม่พอใจ
ทั้งโกรธ ทั้งไม่พอใจที่ลูกชายตัวเองเปลี่ยนรสนิยม แต่ก็รู้ตัวเองดีว่าเขาให้ความรักลูกชายไม่เพียงพอเอง ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวเอง
“ยังไงก็ต้องขอบใจพัฒน์ก็แล้วกันที่ปฏิเสธลูกชายของพ่อ แล้วทำไมพัฒน์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
“ผมมาเคลียร์กับธีร์”
“เคลียร์? มีอะไรต้องเคลียร์หรือพัฒน์ ก็ปล่อยไว้แบบนี้แหละ เดี๋ยวธีร์ก็ดีขึ้นเอง” ธีร์ถามอย่างสงสัยว่าทำไมพัฒน์ถึงยังมีเรื่องต้องเคลียร์อีก
ไม่รักลูกชายของเขาก็จบแล้วนี่
“ผมจะมาเคลียร์กับธีร์ ว่าผมก็รู้สึกกับมันไม่ต่างกัน” พัฒน์เอ่ยบอกไป
“หมายความว่ายังไง!!” ธรณ์ขึ้นเสียงถามอีกครั้ง
“ก็ตามที่คุณพ่อเข้าใจนั่นแหละครับ”
“ฉันไม่ยอม เข้าใจไหมว่าฉันไม่ยอมให้ลูกชายของฉันรักชอบหรือคบกับผู้ชายด้วยกันเด็ดขาด!!!” ปฏิเสธเสียงแข็ง ซึ่งพัฒน์ก็ถอนหายใจเมื่อนตนพบงานที่หินยิ่งกว่าธีร์เสียอีก
ยังไม่ทันได้เคลียร์กับธีร์ ต้องมาเจอด่านโหดแบบนี้ก่อนอีก
“เรื่องนี้มันเป็นความรู้สึกของคนสองคนครับ ขอให้คุณพ่อให้โอกาสผมด้วย” พัฒน์ขอร้องออกไป
“ฉันไม่ยอมรับ!!”
“ถ้าคุณพ่อไม่อยากเห็นลูกชายมีความสุขหรืออยากจะเป็นคนทำลายความสุขของลูกชายก็เชิญขัดขวางได้เลยครับ แต่ผมไม่ยอมแพ้แน่ๆ” พัฒน์ว่า ทำเอาคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนถึงกับสะอึก เพราะมันก็จริงอย่างที่พัฒน์ว่า
ที่ผ่านมาเขาทำให้ลูกชายไม่มีความสุขมาพอแล้ว...
แต่แบบนี้ เขาก็ไม่อยากจะยอมรับเหมือนกัน ไม่ใช่เพราะหน้าตาของตนหรืออะไร แต่มันเป็นเพราะชื่อเสียงและอนาคตของลูกชายตนต่างหาก
“ความรักของเพศเดียวกันฉันไม่เคยรังเกียจ แต่นี่เกิดขึ้นกับลูกชายตัวเองใครที่ไหนมันจะรับได้กันพัฒน์...ตอนนี้ธีร์กำลังไปได้ดี อย่าให้เรื่องนี้ต้องทำลายธีร์เลย”
“มันไม่เกี่ยวหรอกครับ ถ้าเรื่องธุรกิจล่ะก็...คู่ค้าแต่ละคนของอภิหชัยบดินทร์มีมากเกินกว่าที่จะนับได้ ฐานก็มั่นคง ใครที่คิดจะออกเพราะผู้บริหารคบกับเพศเดียวกัน จะถอนหุ้นหรือยกเลิกสัญญาก็ต้องยอมเสียหลายร้อยหรือหลายพันล้านเลยล่ะครับ” พัฒน์อธิบายยาวเหยียด ทำเอาธรณ์ถึงกับพูดไม่ออก
ที่จริงเรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องวงในของบริษัทกับลูกค้าหรือหุ้นส่วนเท่านั้น แต่พัฒน์ก็ยกขึ้นมาบอกเพื่อให้ธรณ์สบายใจได้ว่าเรื่องนี้ ไม่มีทางกระทบธีร์แน่นอน
ผิดหวังมันก็ผิดหวัง แต่ถ้าจะให้ทำร้ายธีร์อีกก็ไม่อยากทำ ธรณกับลูกชายไม่มีความสุขมามากพอแล้ว ถ้าต้องทำตัวใจร้ายกับลูกอีก เห็นทีว่า ธรณ์กับธีร์อาจจะเข้าหน้ากันไม่ติด
เฮ้อ...
“ฉันจะปล่อยให้ธีร์ตัดสินใจเรื่องนี้ก็แล้วกัน แต่สำหรับฉัน ไม่ยอมรับเรื่องนี้เด็ดขาด แต่ถ้ามันทำให้ลูกชายฉันมีความสุข ฉันก็จะยอม แต่ใช่ว่าฉันจะยอมรับเธอ และสนิทใจกับเธออีกนะพัฒน์” ธรณ์กล่าวเสียงเครียด ซึ่งร่างแกร่งก็ใจเต้นแรงด้วยความดีใจที่ได้รับอนุญาตจากคนเป็นเป็นพ่อ ถึงจะไม่ได้รับการยอมรับก็เถอะ
แค่นี้ก็ผ่านได้แล้ว ที่เหลือ ก็แค่โอกาสจากธีร์เท่านั้น ส่วนแม่ของธีร์ เขามั่นใจว่าไม่มีปัญหาแน่ๆ เพราะที่ผ่านมาเขาก็ทราบว่าท่านชอบพอเขาพอสมควร
(มีต่อ)