เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
ตอนที่ 38
กว่าร่างโปร่งจะหยุดร้องไห้ ก็ทำให้พัฒน์รู้สึกหนักใจไปหลายรอบ เพราะอีกคนไม่มีทีท่าว่าจะมองหน้าเขาเลย พอรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้ก็หันไปร้องไห้อีกข้าง พัฒน์เดินไปตามธีร์ก็หันหนี
ถ้าธีร์พูดอะไรบ้าง จะด่าหรือจะว่ายังไงก็ได้ แต่มีแต่เสียงร้องไห้แบบนี้เขาก็ไม่อยากจะได้ยินเท่าไหร่
ร่างสูงนั่งอยู่ข้างๆ ไม่ไปไหน ธีร์เองก็หยุดร้องไห้แล้วแต่ก็ไม่หันมามองหน้าพัฒน์เลยสักนิด ทำเอาพัฒน์ยิ่งใจเสีย แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดตั้งแต่ตรงไหนเช่นกัน
“ธีร์…” พัฒน์รวบรวมความกล้าเรียกร่างโปร่งไป
ปฏิกิริยาของธีร์ที่พัฒน์รู้สึกได้ก็คือร่างทั้งร่างเกร็ง แต่เหมือนว่าธีร์เองจะตั้งสติได้แล้วเพราะว่าเจ้าตัวค่อยๆ หันหน้ามาหาพัฒน์ช้าๆ แววตาที่มองอีกคนคือความว่างเปล่า แต่แวบหนึ่งก็มีความยินดีที่ได้เห็นหน้าคนที่คิดถึงทั้งอาทิตย์ในแววตานั้น
“มึงมาทำไม” ถามเสียงแหบพร่า
“กูมีเรื่องอยากจะคุยกับมึง”
“กูไม่พร้อม เอาไว้ให้กูออกจากโรงพยาบาลก่อนเถอะ” ธีร์พยายามหลีกเลี่ยง คิดอย่างกลัวๆ ว่าเรื่องที่อีกคนจะพูดก็คงไม่พ้นประโยคทำร้ายเขา
แค่นี้ก็เจ็บจะตายแล้ว อย่าทำคนไม่ผิดอะไรต้องเจ็บช้ำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลย
เห็นเขาเป็นอะไร ตัวตลกในสายตาหรือไง
“แต่กูอยากจะพูดตอนนี้”
“แต่กูไม่พร้อม” เสียงของธีร์แข็งกร้าวขึ้นเมื่อเห็นความดื้อดึงของพัฒน์ ซึ่งพัฒน์ก็รู้ตัวว่ากำลังทำนิสัยเสียก็เงียบปากโดยพลัน
“แต่มึงต้องฟัง กูไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเรามันเลวร้าย” พัฒน์เอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“มันไม่มีคำว่าเรามาตั้งแต่แรกไม่ใช่หรือไง จะดีหรือเลวร้าย สุดท้ายมันก็ไม่ต่างกัน” ธีร์เอ่ยเสียงสั่น ยอมรับว่าแค่เห็นหน้าพัฒน์ก็อยากโผเข้ากอดแล้ว แต่โชคดีที่เขายังเจ็บตัวไม่สามารถขยับได้แบบนี้ ไหนจะความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองกำลังฝันนั่นอีก
ที่ผ่านมาธีร์คิดว่าถ้าเจอพัฒน์แล้วจะทำหน้ายังไง จะห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ได้หรือเปล่า คิดไปสารพัดว่าคงไม่สามารถสู้หน้าอีกคนได้แน่ๆ แต่พอเจอเข้าจริงๆ มันกลับเป็นไปคนละอย่าง ถามว่ายังรักไหม ตอบเลยว่ารักมาก แต่ทำไมธีร์ถึงรู้สึกว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้นเมื่อเจอหน้าพัฒน์
“มันต่างกัน”
“มึงต้องการอะไรอีกวะพัฒน์” ธีร์ถามสายตามองร่างแกร่งอย่างตัดพ้อ
“กูต้องการมึง...อยากให้มึงอยู่ข้างๆ กู” สิ้นประโยคนี้ก็ทำเอาความเข้มแข็งที่ตัวเองกำลังคิดพังทลายลง น้ำตาไหลไหลลงจากดวงตาอีกครั้ง
ทำไมเขาต้องมาอ่อนแอต่อหน้ามันตลอดด้วย
ทำไมไม่เป็นคนอื่น ทำไมต้องเป็นพัฒน์...
“อย่ามา ฮึก เห็นแก่ตัว มึงปฏิเสธกูเอง” ธีร์พูดปนเสียงสะอื้น พัฒน์เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ทำเอาหัวใจของธีร์เริ่มเต้นแรงเปี่ยมไปด้วยความหวัง
พัฒน์ทำไปด้วยความจริงใจหรือทำไปเพราะมีแผนกันแน่ แต่ธีร์ก็ไม่ได้สนอะไรแล้ว ขอเก็บสัมผัสอ่อนโยนนี้เอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ธีร์เป็นคนรักคนยาก แต่พอรักใครแล้วก็รักจริงๆ รักจนแบบไม่สนใจตัวเอง เขาพยายามที่จะไม่ถามหาเหตุผลที่ให้เขามาอยู่ข้างๆ ในสถานะไหน แต่สุดท้าย ความอดทนมันก็แพ้ความเห็นแก่ตัว อยากเป็นคนที่ถูกรัก อยากเป็นคนที่ถูกเอาใจ อยากมีคนตามใจ
แบบนี้นั่นแหละคือธีร์ และที่แฟนคนแรกของธีร์บอกเลิกร่างโปร่งนั้น ก็เพราะว่าธีร์ชอบปฏิบัติอย่างเธอไม่ใช่ผู้หญิง คอยให้เธอเอาใจตลอด สุดท้าย เธอคนนั้นก็ทนไม่ไหว เลยบอกเลิกธีร์ไปแต่อีกสาเหตุหนึ่งก็คือเธอมีแฟนอยู่แล้ว แต่เรียนอยู่ต่างประเทศ พอเขาคนนั้นกลับมาในจังหวะที่เธอทนธีร์ไม่ไหวพอดี ก็ใช้โอกาสนี้บอกเลิกธีร์ไป ทำเอาร่างโปร่งเจ็บช้ำ แต่ที่ตนคิดว่าเจียนตายคราวนั้นมันไม่ใช่ เทียบอะไรกับการที่พัฒน์ปฏิเสธไม่ได้เลย
มันเทียบกันไม่ได้เลย...
“กูไม่ได้เห็นแก่ตัว แต่กูกำลังจะทำทุกอย่างให้ไปในทางที่มันควรจะเป็น” พัฒน์สบตาธีร์อย่างหนักแน่น มั่นคง และจริงจังจนธีร์ไม่กล้าสบตรงๆ
“ย่ะ ยังไง มึงกำลังจะบอกให้กูออกไปจากชีวิตมึงใช่ไหม ฮึก ก็กำลังทำอยู่นี่ไง มึงจะมาหากูทำไม”
“กูไม่เคยพูดแบบนี้เลยสักครั้ง”
“แล้วมึงต้องการอะไร”
“ก็ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตมึง และต้องการให้มึงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกู” พัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงขอร้อง ไม่ใช่คำสั่งอย่างที่ตนเคยทำ
พัฒน์คิดไว้ว่า ถ้าหากไม้อ่อนไม่สำเร็จ ก็คงต้องใช้ไม้แข็งลูกเดียว บอกแล้วไง พัฒน์ตัดสินใจที่จะมีอีกคนไปแล้ว ต่อให้ธีร์ปฏิเสธ เขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนคำตอบพวกนั้น ต่อให้ต้องลักพาตัว กักขัง หรือล่ามไว้ พัฒน์ก็จะทำ ขอเพียงธีร์อยู่ข้างๆ เขาก็พอ
ร่างแกร่งรู้ ว่าธีร์ยังรักเขาอยู่เต็มอก แต่ที่ไม่ยอมรับฟังอะไรง่ายๆ เป็นเพราะความเจ็บปวดที่พัฒน์เป็นผู้ทำมันขึ้นมาเอง พัฒน์เป็นคนสร้างบาดแผลในใจของธีร์ เพราะฉะนั้น คนที่รักษา ก็ต้องเป็นเขา
เขาเป็นคนที่ทำให้ธีร์ร้องไห้ เพราะฉะนั้นก็ควรเป็นเขาที่เช็ดมัน...
“เพื่ออะไรอีก มึงต้องการเห็นอะไรจากกู แค่นี้ศักดิ์ศรีกูก็ไม่เหลือแล้ว ต้องมาอ่อนแอ ร้องไห้ งอแงอย่างเด็กก็เพราะมึง! เสียใจ กินอะไรไม่ได้ก็เพราะมึง แล้วสภาพกูตอนนี้ก็เพราะมึง!! พอทีเถอะถ้าเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก หรือเป็นเรื่องสนุก กูทำอะไรให้มึงนักหนาวะพัฒน์ กูเกลียดมึง เกลียดมึงที่สุด”
ทำไมถึงเลือกที่จะพูดโกหก นั่นก็เพราะธีร์อยากจะให้พัฒน์รู้สึกอะไรบ้าง และมันก็เป็นไปตามนั้น พัฒน์หน้าเสียไปจนธีร์รู้สึกผิด แต่ร่างเล็กกว่าก็ทำใจแข็งเอาไว้
“มึงทำธีร์ เยอะเลยด้วย เพียงแค่ให้โอกาสกู กูสัญญาว่าจะไม่ทำให้มึงเสียใจ กูขอโทษที่ผ่านกูโง่เอง มึงจะด่ากูก็ได้ แต่อย่าเพิ่งเกลียดกู…” ขอร้องเสียงเบา
ทั้งๆ ที่รู้ว่าธีร์พูดโกหก ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่พัฒน์ก็ยังที่จะเชื่อประโยคนั้น
“ทำไม เพราะอะไร ถ้ามึงตอบเหตุผลกูไม่ได้ ก็หายหน้าไปซะ!!!” ธีร์ตวาดเสียงดัง ใบหน้าที่แสนเย็นชา ดวงตาที่แสนดุดันฉายแววความลึกซึ้งที่มีต่อธีร์อย่างเต็มเปี่ยม
ธีร์หายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็นสายตาของพัฒน์ ความยินดี ความดีใจ หรือความตื่นเต้น ดวงตาที่บอกความรู้สึกทั้งหมดของพัฒน์ แต่ธีร์เคยโดนคนๆ นี้ทำร้ายมาแล้ว แค่ดวงตา ไม่อาจจะเชื่อมั่นได้หรอก
“กูขอโทษที่พูดจาทำร้ายจิตใจมึง ขอโทษที่ดูถูกค่าของมึง” พัฒน์เอ่ยออกมาเบาๆ
ผู้ชายที่ไม่เคยพูดคำว่าขอโทษกลับใคร มันก็ไม่แปลกเลยที่เขาจะไม่ค่อยกล้าพูด ไม่ใช่ไม่อยาก แต่ไม่กล้าที่จะพูดเท่านั้นเอง ธีร์เองก็เข้าใจ ได้ยินแค่นี้ก็นับว่ามันเป็นสิ่งที่เกินตัวผู้ชายทิฐิสูงแบบพัฒน์แล้ว
ที่เคยคิดว่าถ้าหากพัฒน์ขอโทษแล้วบอกรักตนเหมือนในฝัน เขาก็อาจจะยอมอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้พัฒน์มีแค่คำว่าว่าขอโทษ... แสดงว่าสิ่งที่เขาอยากได้ยิน ไม่ใช่ความรู้สึกของพัฒน์ที่มีต่อเขาสินะ
“กูให้มึงบอกเหตุผล”
พัฒน์จ้องหน้าธีร์นิ่งๆ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะพูดออกไป
“เพราะมึงสำคัญกับกู มึงเป็นรอยยิ้มของกู มึงเป็นแสงสว่างของกู ที่สำคัญ มึงคือ ‘ทุกอย่าง’ ของกู” เป็นธีร์เองที่ต้องหลบสายตาของพัฒน์
เกือบไปแล้ว เกือบจะใจอ่อนไปแล้ว
“มึงกำลังพูดความจริงหรือว่าโกหกกันแน่ มึงอย่าลืมนะว่ามึงบอกว่ามึงไม่ได้ชอบผู้ชาย และกูเองก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย”…แค่มึงคนเดียวเท่านั้นที่กูรู้สึกพิเศษกว่าผู้ชายคนไหน
คิดแบบนี้แล้วมันรู้สึกเจ็บแปลบในใจ
“ใช่ กูยังยืนคำเดิม แต่กับมึงกูขอยกเว้น”
“กูไม่อยากจะเชื่อมึงอีกแล้วว่ะพัฒน์” ธีร์เอ่ยนิ่งๆ แววตาสับสนและหวาดกลัว
“งั้นก็ให้กูพิสูจน์สิ กูจะทำให้มึงเห็น”
ธีร์นิ่งไปนิดๆ เขาใจอ่อนได้อย่างง่ายดาย...
“มึงต้องฟังกู” ธีร์ยื่นข้อเสนอ ในเมื่อพัฒน์ขอพิสูจน์ ธีร์ก็ขอเอาคืน!!!
“อืม” รับคำในลำคอ มองหน้าขาวที่เขาหลงรักไปด้วยความยินดี ความดีใจ ความโล่งใจถึงไม่ทั้งหมด แต่ก็ทำให้เขารู้สึกว่ามันเป็นลางดี พัฒน์กำลังจะได้ธีร์กลับมาเคียงกาย
น่าแปลกที่ความทรมานทั้งอาทิตย์ของทั้งคู่หายไปทันทีหลังจากที่คุยกันอย่างจริงจัง แต่มันก็ไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ ธีร์ยังคงกลัวและไม่มั่นใจ ส่วนพัฒน์เองก็ไม่ได้กังวลอะไรกับเรื่องของธีร์นัก แต่ที่กังวลคือเรื่องของครอบครัวของตนว่าจะทำอย่างไรดีเมื่อเขากับธีร์ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อย แม่เขาจะยอมง่ายๆ หรือ?
แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต เขาก้าวมาแล้วไม่มีวันถอยหลังกลับไปจนทำให้ธีร์ต้องเสียใจอีกแน่ๆ และพัฒน์ก็เป็นลูกผู้ชายมากพอที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจ
“กูอยากได้อะไรก็ต้องหามาให้ ห้ามบ่น ห้ามว่า ห้ามด่า”
พัฒน์คิ้วกระตุกเมื่อรู้สึกถึงคำขอที่มากเกินไป ไอ้เรื่องตามใจมันก็ได้ แต่ถ้าตามเกินเหตุมันก็เสียคนกันพอดี เพราะฉะนั้นพัฒน์ก็ขอมีข้อแลกเปลี่ยนบ้างมันจะเป็นอะไรไป
“กูยอมได้ แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง บางทีมึงก็ควรที่จะเข้าใจกู” พัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงดุๆ
“อือ ก็ได้”
ไม่ว่าธีร์กำลังเป็นต่ออยู่ หากแต่ความน่ากลัวของพัฒน์ก็ทำให้ธีร์เกรงกลัวเสมอ ไม่กล้าขัดเหมือนเคย
“ว่าแต่มือมึง เป็นอะไร” ธีร์ถามเมื่อสังเกตเห็นผ้าพันแผลที่มือขวาของพัฒน์
“ไม่มีอะไรหรอก ห่วงกูหรือไง”
“ไอ้ควาย ใครจะห่วงมึง ชิ! ไม่ถามแล้ว”
จะให้พัฒน์ตอบได้ยังไงว่าชกกำแพง...
“เด็กดี” พัฒน์ชมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน จนธีร์หน้าแดงด้วยความเขิน ที่จู่ๆ ก็ถูกชมต่อหน้าแบบนี้ ธีร์หันหน้าหนี แสร้งทำเป็นจะนอนต่อเมื่อรักษามาดเอาไว้
ให้ตายสิธีร์ มึงนี่เป็นคนขี้ใจอ่อนจริงๆ
“จะนอนต่อหรือไง มึงเพิ่งตื่นนะ” พัฒน์ถาม ไม่อยากให้ธีร์นอนมากๆ
“กูไม่อยากเห็นหน้ามึง” ธีร์พูดขึ้นเบาๆ
“หึ! ช่วยไม่ได้ มึงต้องเห็นหน้ากูอีกนาน” พัฒน์ว่า ก่อนจะถามอย่างเป็นห่วง “แล้วนี่เจ็บตรงไหนบ้างไหม หิวหรือเปล่า” เหมือนจะเอาใจใส่ แต่ใบหน้าและน้ำเสียงก็ยังคงเป็นพัฒน์อยู่ดี
เย็นชา แต่คนเย็นชาคนนี้นี่แหละที่ทำให้ธีร์ละลายมาหลายครั้งแล้ว
“เจ็บ! กูเจ็บทั้งตัว และใจนั่นแหละ” ธีร์พูดทั้งๆ ที่หลับตาอยู่ ไม่มีโอกาสเห็นสายตาที่แสนเจ็บปวดของพัฒน์ที่ทอดมองอย่างรู้สึกผิด
“อืม”
“แล้วจำเอาไว้ว่ากูให้มึงพิสูจน์ ไม่ได้ยกโทษให้ง่ายๆ”
“มึงรักกู แล้วกู...” ธีร์แทรกขึ้นเมื่อพัฒน์ยังไม่ทันพูด
ถ้าธีร์รอฟังอีกนิด จะได้ยินคำที่ตัวเองอยากได้ยินมาตลอด แต่เหมือนว่ามันยังไม่ถึงเวลานั้น ถึงได้มีอะไรมาขวางแบบนี้ พัฒน์ก็แล้วพับเก็บเข้าไป รอให้ธีร์ถามอีกครั้งว่าเขารักธีร์ไหม…
วันนั้นเขาจะตอบอย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า...รักมากมายเพียงไหน
“กูรู้ตัวเองดี มึงไม่ต้องมาย้ำกูหรอก”
“ก็ไม่ได้ย้ำ แต่มึงไม่คิดที่จะฟังกูพูดเลย” พัฒน์ส่ายหน้าไปมาอย่างระอา
“ก็บอกแล้วไงว่าถ้ากูไม่อยากให้มึงพูด ก็ไม่ต้องพูด กูพูดอะไรมึงต้องเชื่อฟังกู”
“เออ!! กูขอโทษด้วยก็แล้วกันที่ไม่รู้ฐานะตัวเอง” พัฒน์พูดแดกดันอย่างเริ่มจะไม่พอใจ แต่ก็ได้แต่เก็บไว้ในใจก็เท่านั้น ทำอะไรบุ่มบ่ามตอนนี้มันก็จะพาลโกรธแล้วเรื่องจะยาวไปกว่านี้
เอาไว้ถึงวันนั้น วันที่พวกเขาสองคนตกลงคบกันก่อนเถอะ มันไม่มีทางหนีรอดเสือร้ายอย่างเขาแน่ๆ จะขย้ำไม่ให้เหลือซากเลยล่ะ!!
“หิวเมื่อไหร่ก็บอก จะได้ไปหาอะไรมาให้กิน หมอบอกว่ามึงเป็นโรคกระเพาะ”
ธีร์ค่อยๆ หันมามองพัฒน์ ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้สึกอิ่ม อิ่มมากๆ
“เอาตามเวลาที่ทางโรงพยาบาลจัดนั่นแหละ กูไม่อยากเรื่องมาก” ธีร์เอ่ยบอก ซึ่งพัฒน์ก็ได้แค่พยักหน้าน้อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่งเดินหันหลังกลับไป ทำเอาธีร์ใจกระตุกด้วยความใจหาย กลัวว่าพัฒน์จะกลับ แต่ที่ไหนได้ ร่างแกร่งทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟานุ่ม กอดอกนั่งจ้องธีร์ ส่วนร่างโปร่งที่เห็นว่าร่างแกร่งจ้องไม่วางตาก็หันหน้าตรงมองไปยังเพดานที่แสนว่างเปล่าของห้องแทน
“ถ้าไม่มีอะไรจะมอง ก็มองหน้ากูก็ได้”
“เงียบปากซะ!” ธีร์ตวาดกลบเกลื่อนความเขินของตน
“ก็แค่แนะนำ ไม่เห็นจะต้องด่า” พัฒน์แสร้งทำเป็นน้อยใจ ที่ในชีวิตนี้ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน และยอมให้ธีร์เห็นมุมนี้คนเดียวด้วย
“กูจะนอน ช่วยเงียบด้วย”
“ด้วยความยินดีครับ”
“ชิ!!”
มันกวนโมโหเขา นี่หรือคือคนที่ขอโอกาส แต่ในขณะที่ตัวเองรู้สึกเย็นๆ เพราะแอร์แรง ซึ่งเขาก็ไม่อยากจะให้ลด มือก็ขยับห่มผ้าเองไม่ได้
“พัฒน์” เรียกอีกคนเสียงเบา ซึ่งคนถูกเรียกก็ทำเป็นไม่ได้ยิน
“ไอ้พัฒน์!!” ตะโกนลั่นห้องในเลเวลต่อมา ทำเอาร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปาก เดินมาถามอย่างกวน
“ต้องการอะไรครับ เจ้านาย”
“ห่มผ้าให้หน่อย” ธีร์สั่งอย่างอายๆ
ถ้าหากว่าตนยกแขนได้จะไม่ขอร้องอีกคนแบบนี้หรอก
“ได้ครับ” ซึ่งพัฒน์ก็จัดการห่มผ้าให้กับธีร์ตามคำบัญชา “เบาแอร์ไหม”
“ไม่เอา อยากนอนแบบนี้”
“โอเคๆ อยากได้อะไรก็เรียก เรียกดังๆ ล่ะ” พัฒน์พูดจบก็เดินไปนั่งที่โซฟาตัวเดิม ยังคงนั่งจ้องธีร์อย่างไม่มีเบื่อ เขาจ้องมองธีร์ให้เต็มที่ ทดแทนเวลาอาทิตย์กว่าๆ ที่ผ่านมาที่ต้องทนอยู่อย่างไม่เห็นหน้าของธีร์
ทั้งๆ ที่ธีร์ควรจะรู้สึกเจ็บใจหรือโกรธพัฒน์ไปมากกว่านี้แท้ๆ แต่เขาคงทำใจแข็งได้ไม่นานแน่ๆ ถ้าอีกคนยังทำตัวอ่อนโยนว่าง่ายแบบนี้
ให้ตายสิธีร์ แกจะทำยังไงต่อไป
ช่วงเย็นๆ ธีร์ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าท้องร้องเพราะความหิว มองไปยังโซฟาก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะคนที่เคยเห็นอยู่ก่อนหน้านี้หายไป ใจของธีร์เริ่มเสีย มองไปทั่วๆ ห้องก็ไม่เจอ ประตูห้องน้ำก็เปิดอยู่
ไม่มี หรือว่า...
“ฝัน อีกแล้วหรือ” ธีร์พึมพำเบาๆ กับตัวเอง น้ำตาไหลอีกครั้งเมื่อคิดว่าเหตุการณ์ที่อยู่ในความทรงจำนี้เป็นเรื่องจริง ธีร์ฝันหรอกหรือ
ฝันว่าพัฒน์มาขอโทษ ขอโอกาส ประโยคที่บอกว่าเขาสำคัญ ที่อย่างเหล่านั้นเป็นแค่ฝันหรือ
“ฮึก”
แกร๊ก!
ในขณะที่ธีร์สะอื้นจนตัวโยน ก็มีใครบางคนเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับรถเข็นที่มีอาหารและยาวางอยู่ พัฒน์ที่เข้ามาเห็นคนตัวเล็กกว่านอนร้องไห้ก็ทิ้งทุกอย่างแล้วไปหาอีกคนข้างเตียงทันที
“เป็นอะไร เจ็บแผลหรือ” น้ำเสียงอ่อนโยนที่คุ้นเคยทำเอาธีร์ลืมตามองดูแต่ก็ยากลำบากเพราะมันพร่างพราวไปด้วยหยดน้ำ แต่เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาคิดไปเอง พัฒน์ยังอยู่ ทุกอย่างที่ผ่านมามันเป็นเรื่องจริง
“พ่ะ พัฒน์ ฮึก”
“ให้เรียกหมอให้ไหม เจ็บหรือเปล่า”
“ม่ะ...ไม่ต้อง”
“แล้วเป็นอะไร” พัฒน์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ป่ะ เปล่า กูฝันร้าย” ธีร์ตอบไปส่งๆ ใครจะไปกล้าบอกว่ากำลังคิดไปเองว่าที่พัฒน์ขอโทษขอโทษนั้นเป็นแค่ความฝัน เพราะความไม่มั่นใจ ความกลัวของธีร์แท้ๆ ที่ทำเอาคิดเป็นตุเป็นตะแบบนี้
“งั้นหรือ ไม่เป็นไรแล้ว กูอยู่ข้างๆ มึงนี่” พัฒน์ปลอบใครไม่เป็น แค่พูดออกไปให้ธีร์รู้สึกดีขึ้นเท่านั้น นิ้วแข็งแกร่งของพัฒน์เช็ดน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา ทำเอาธีร์มองด้วยความปลาบปลื้ม ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็คือความสุขและความยินดี
ไม่อยากให้พัฒน์หายไปไหนแล้ว
(มีต่อ)