|| Close Friends Special :: เรื่องเล่าระหว่างทาง 4 ||ปั้นสิบ.
เจอกันพร้อมหน้า. (ต่อ)
กว่าเราจะเก็บของเสร็จก็เกือบบ่ายโมง ไม้ฉากยังคงทำสีหน้านิ่งเฉย ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่
“ไม้ .. ขับไหวปะ ให้ปั้นขับให้เอาไหม?”
ผมถามไม้ฉากที่ตอนนี้มันกำลังเอากระเป๋าเสื้อผ้า และรถเข็นของน้องเหนือใส่หลังรถ
“ไม่เป็นไรไม้ขับได้อยู่แล้ว ปั้นนั่งอุ้มเหนือไปแหละดีแล้ว เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนเลยไม่ใช่หรอไง”
ตอนแรกก็สงสารมันนะครับ นี้คิดไปไกลเลยว่ามันคงกำลังเคลียด เดี๋ยวไม่มีสมาธิขับรถ
แต่ดูจากคำตอบของมันและท่าทางที่ส่งยิ้มแล้วขยิบตามาให้แล้วนั้น …. เชิญมึงขับรถไปเลยครับ!!!!!!
ไม้ฉากยืนมองหน้าผมอยู่นิ่งๆแบบนั้น ก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเล่น
“มึงโอเคใช่ไหม”
จริงๆกูควรถามมึงมากกว่ามั้ย?
“อย่าห่วงเลย กูปั้นสิบนะเว้ยย ,, ถึกยิ่งกว่าควายอะ”
“55555 เออดีๆ ด่าตัวเองได้ด้วยเว้ยยแฟนกูเนี้ย”
ไม้ฉากเดินหัวเราะออกไป ก่อนจะขึ้นไปประจำตำแหน่งคนขับ ผมก็เลยได้แต่ยืนเอ๋อแบบนั้นละครับ
นี้สรุปมันไม่ได้เครียดเลยใช่ไหม? แล้วผมด่าตัวเองทำไม - -‘ สมองไปหมดแล้วไอ้ปั้นเอ้ยยยย
ผมรีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ก่อนจะจัดให้น้องเหนือนั่งตักของผม ไม่ลืมของเล่นของน้องเหนือด้วยอีก 2-3 ชิ้น
“โอเคละนะ ,, ไม่ลืมไรแล้วใช่ป่าว?”
ไม้ฉากหันมาถามผมอีกครั้ง ผมเลยได้แต่พยักหน้าตอบกลับไป
ไม่กล้าตอบอะไรตอนนี้ละครับ กลัวตอบอะไรตลกๆออกไป แล้วมันจะขำใส่ผมอีก
พอมันเห็นว่าผมคงไม่ตอบมันแน่ๆแล้ว มันเลยหันไปพูดหยอกล้อเล่นกับน้องเหนือแทน
“ไปหาคุณปู่คุณตากันนะครับน้องเหนือ”
เจ้าตัวเล็กที่นั่งเล่นบนตักผม พอเห็นว่าพ่อเอามือมาจิ้มๆแก้มก็ยิ้ม แล้วหัวเราะชอบใจใหญ่เลยครับ
ไม้ฉากยิ้มให้ผมกับน้องเหนืออีกครั้ง ก่อนจะขับรถออกจากคอนโดไป
ระยะทางจากกรุงเทพไปโคราชนั้น จริงๆมันไม่ได้ไกลมากหรอกครับ
แต่ครั้งนี้ ,, เหมือนทั้งผมและไม้ฉากพยายามที่อยากจะแวะนั้นแวะนี้กันไปตลอดทาง
ไม่อยากไปถึงรีสอร์ทนั้นเลย TT
“ปั้น .. เดี๋ยวไม้คงไม่ได้แวะระหว่างทางแล้วนะ ตอนนี้มันจะเย็นแล้ว และก็เหนือเริ่มงอแงแล้วละ
คงอึดอัดที่นั่งบนรถนานๆ เราตรงไปบ้านพิมเลยละกันน”
“อืมม “
ผมตอบได้แค่นั้นแหละครับ จะให้ตอบว่าไม่เอา ก็คงไม่ได้ใช่ไหมละ มาขนาดนี้แล้ว
ตอนที่ไม้ฉากขับรถเข้ามาในรั้วของรีสอร์ท ,,
ภาพต่างๆมันไหลเข้ามาในความคิดของผมตั้งมากมาย
ทำไมวะ ,, ทำไมลืมไม่ได้ซะที!!!
“ปั้น ,, ปั้นโอเคป่าววะ”
ไม้ฉากเขย่าที่ไหล่ผมเบาๆ
ตอนนี้รถจอดที่หน้าบ้านของพิมแล้ว
“อืออ โอเคดิวะ”
ผมทำได้แต่หันไปยิ้มให้ไม้ฉาก ก่อนจะอุ้มน้องเหนือที่หลับสนิทขึ้นบนบ่า
“เอาเหนือมาให้ไม้อุ้มเถอะมา ตัวหนักขนาดนั้นปั้นคงจะเมื่อยแย่แล้ว”
พอไม้ฉากพูดจบมันก็เดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่ผมนั่ง แล้วอุ้มน้องเหนือไป
“ถ้าเหตุการณ์มันไม่ดี มึงกลับกรุงเทพไปก่อนเลยนะ
เข้าใจไหมปั้น ไม่ต้องห่วงกู ห่วงตัวมึงให้มากๆ”
ไม้ฉากบอกกับผม พร้อมๆกับยื่นกุญแจรถให้
“มาด้วยกัน กลับพร้อมกันดีกว่า ต่อให้หนักยังไง กูก็ไม่ปล่อยมือมึงอีกแล้ว
กูกลัวพ่อมึงมากนะไม้ แต่กูกลัวชีวิตที่ไม่มีมึงมากกว่า”
ผมจับมือไม้ฉากไว้ ก่อนจะกระชับมือคู่นั้นให้แน่นขึ้น
“รักมึงนะ”
“เกือบหวานแล้วละ ถ้าไม่พูดมึงเนี้ยย”
“กลับไปห้องของเราก่อนละกันนะ จะหวานให้มึงเลี่ยนตายเลย”
ไม้ฉากยิ้มให้ผม ก่อนจะก้มลงมาจุ๊บที่หน้าผากผมเบาๆ
“ไปกันเถอะ”
“อืมม”
ผมเดินตามไม้ฉากเข้ามาในบ้าน ,, ถามว่ากลัวไหม?
ก็กลัวนะ แต่ไม่ได้กลัวว่าจะโดนทำร้ายจนตาย ต่อให้พ่อไม้ฉากเกลียดผมมากแค่ไหนก็ตามเถอะ
เค้าคงไม่ฆ่าผมหรอก และป๊าม๊าผมก็คงไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายลูกชายของเค้าได้เหมือนกัน
“มาถึงกันแล้วหรอ แล้วนั้นหลับมาเชียวนะ”
พ่อของน้องพิมเอ่ยทักทายไม้ฉาก
“สวัสดีครับ เหนือเล่นมาตลอดทางเลยครับ เพิ่งจะหลับก่อนเข้าบ้านได้ไม่นาน”
ไม้ฉากส่งน้องเหนือให้พิม ก่อนจะยกมือไหว้พ่อของน้องพิม
“แล้วนั้นปั้นสิบเพื่อนไม้หรอ”
“สวัสดีครับ ผมปั้นสิบครับ”
ผมรีบยกมือไหว้สวัสดี ก่อนจะแนะนำตัวกับพ่อของน้องพิม
“ใช่ครับ นี้ปั้นสิบ แฟนของไม้เองครับ”
ไม้!!! โอ้ยยยย มึงบอกเค้าออกไปไม่ดูเลยว่าตอนนี้ทุกคนทำสีหน้ายังไง
พ่อแม่ของน้องพิมทำสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด ส่วนน้องพิมก็ได้แต่ยิ้มกลับมาให้ผม
“อ่ออคนนี้เองสินะ หน้าตาดีนะเรา ไม่สนใจผู้หญิงบ้างหรอ”
ตอนนี้ไม้ฉากดึงแขนผมให้เดินไปนั่งที่โซฟา ส่วนน้องพิมพาเหนือเข้าไปนอนในห้อง
“ก็ไม่นะครับ”
จะให้ตอบยังไงละครับ - -‘ ก็แฟนผมนั่งจับมือผมอยู่ข้างๆเนี้ยย จะให้ไปสนใจผู้หญิงที่ไหนอีกกก!
“คุณอาครับ นี้แฟนผมนะครับ จะให้เค้านอกใจผมไปมองผู้หญิงที่ไหนอีกละครับ
ปั้นสิบไม่มองใครนอกจากผมแล้วละครับ ขนาดว่าแยกกันเรียนคนละจังหวัดมันยังรักยังรอแค่ผมเลย
จริงไหมปั้น?”
เห้ยยย นี้แฟนกูจริงๆใช่ไหมมม????
ไม้ฉากทำให้ทั้งห้องกลายเป็นห้องที่เงียบลงอีกครั้ง
คุณพ่อของพิมเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ ส่วนคุณแม่ของพิมก็ทำสีหน้าเศร้าตลอดเวลา
“งั้นนั่งพักกันไปก่อนนะ อีกสักพักก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้วละ”
“ผมพาปั้นสิบไปพักก่อนนะครับ ผมใช้เรือนข้างๆตึกใหญ่ได้ใช่ไหมครับ มีแขกเข้าพักหรือป่าว?”
“พักบนบ้านใหญ่ก็ได้ ห้องรับแขกก็มี”
“ผมขอพักแยกไปดีกว่าครับ พอดีเดี๋ยวเพื่อนๆจะตามมาเที่ยวด้วยอีก 2-3 คน”
เพื่อน? ใครวะ? ทำไมไม่รู้เรื่องเลย - -'
“ก็ตามใจไม้ฉากละกัน พ่อขอตัวก่อนนะ เจอกันตอนมื้อเย็น”
“แล้วเจอกันครับคุณลุง”
พ่อของน้องพิมที่กำลังเดินออกจากห้องไปถึงกับหยุดเดินทันที ที่ได้ยินไม้ฉากเรียกว่า “ลุง”
ทั้งๆที่พ่อน้องพิมแทนตัวเองว่า“พ่อ” กับไม้ฉาก
แต่ไม้ฉากมันไม่ได้สนใจหรอกครับ มันพาผมเข้าไปห้องนอนของพิม
“เป็นไงบ้างละเรา อยู่เชียงใหม่หน้าตาสดชื่น กลับมานี้หน้าทุกข์โศกเชียวนะ”
ไม้ฉากเดินไปนั่งเล่นที่ระเบียง ก่อนจะหันมาทักทายพิม
“บ้านนี้มันน่าอยู่ที่ไหนละ อยากกลับเชียงใหม่แย่แล้ว ขาดเรียนหลายวันแล้วด้วย”
น้องพิมที่กำลังเล่นมือถืออยู่หันมาบอกไม้ฉาก
“อืออนะ เก็บของใส่กระเป๋าเตรียมให้พร้อมไว้ตลอดละกัน เราอาจจะได้กลับไวกว่าเดิม
และอาจจะได้กลับแบบกะทันหัน”
“พี่ปั้น นี้ใช่พี่ไม้จริงๆปะเนี้ย ทำไมดูพูดอะไรแปลกๆ ตั้งแต่ในห้องรับแขกกับพ่อแม่เมื่อกี้แล้ว”
น้องพิมหันมาถามผม ,, อย่าว่าแต่พิมเลยที่คิดว่าไม้มันแปลก ผมยังอึ้งอยู่เนี้ย
“พวกเราควรทำไงกันต่อไปดีละ ยอมให้เค้าบังคับไปตลอดแบบนี้
หรือเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองดี”
ไม้ฉากนั่งตรงขอบระเบียงห้องของพิม เอามือกอดอกแล้วหันมาถามพวกผม
ท่านั่งของมันตอนนี้โคตรหล่อเลยครับ คนบ้าอะไรวะ!!! หล่อแม่งงงงได้ตลอดเวลา
(ใช่เวลาอวดแฟนไหม????)
“แล้วพวกเราเลือกอะไรกันได้ด้วยหรอคะพี่”
“จริงๆแล้ว .... พวกเราเลือกทางเดินได้ตั้งนานแล้วละ
เพียงแต่พี่ไม่กล้าเลือกตั้งแต่แรกเท่านั้นเอง”
ไม้ฉากพูดไปก็จ้องหน้าผมไปด้วย แววตาที่แสนเศร้าของมันทำให้ผมนึกกลัวขึ้นมา
กลัวมันคิดจะทำอะไรบ้าๆ กลัวจริงๆว่าการตัดสินใจของมันในครั้งนี้จะทำให้มันกับผมต้องไกลกันอีก
“ไม่ใช่แค่มึงหรอกที่ไม่กล้าเลือก พวกเราทั้ง 3 คนไม่มีทางเลือกอะไรมากกว่า อดทนรอเวลาเหมือนที่ผ่านมาดีแล้ว
อีกแค่ปีกว่าเอง เราจะได้เดินในทางที่เราเลือก”
“มึงคิดแบบนั้นจริงๆหรอปั้น? มึงคิดว่าเค้าจะปล่อยพวกเราหรอ?”
“เค้าไม่ปล่อยเราหรอกพี่ปั้น... เค้าไม่มีวันปล่อยให้เราเลือกทางเดินของเราเองแน่ๆ”
แสดงว่าที่ผ่านมาทั้งไม้ฉากและน้องพิมต่างก็คิดมาตลอดว่าคงหลุดออกจากเส้นทางที่พ่อแม่เลือกให้ไม่ได้
แล้วทำไม.... ถึงยอมแต่งงานยอมมาอยู่ด้วยกันละ?
โอ้ยยยปั้นสิบ มันใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อยคิดระแวงไหมวะเนี้ยยย!!!!
พวกเราต่างเงียบและต่างก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง
จนกระทั่งมีคนมาเคาะประตูเรียกให้พวกเราไปทานข้าว
ไม้ฉากเดินเข้ามาโอบกอดผมไว้ เป็นกอดเบาๆที่เหมือนเรียกกำลังใจ
ผมเงยหน้าไปมองหน้าไม้ฉาก และก็คงทำได้แค่ยิ้ม ,, ยิ้มให้เหมือนที่เคย
“สู้ๆ”
“อืมม”
ส่วนน้องพิมนั้นออกจากห้องไปตั้งแต่ตอนที่ไม้ฉากมันเดินเข้ามากอดผมละครับ
พอผมกับไม้ฉากออกมาก็เจอกับพ่อแม่ของไม้ฉาก และไม้ที ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารรออยู่แล้ว
“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่”
ไม้ฉากปล่อยมือที่จับมือผมไว้ออกก่อนจะยกมือไหว้พ่อแม่ ผมก็ยกมือไหว้ท่านทั้งสองตาม
ถึงท่านจะไม่มองหน้าผมเลยก็ตาม TT
“ไงเรา,, สูงขึ้นอีกแล้วนะ”
ไม้ฉากเดินไปจับหัวไม้ที ที่นั่งทานข้าวอยู่ข้างๆแม่
แต่ไม้ทีสะบัดตัวออกจากมือของไม้ฉาก
“อืม” ไม้ทีตอบรับกลับมาแค่นั้นแหละครับ
แต่สีหน้าของไม้ฉากนี้คือแบบ ,, อึ้งมากกก!
มันคงตกใจกับการกระทำของน้องมัน ที่ดูจะหมางเมินอย่างเห็นได้ชัด
ไม้ทีมองหน้าผมเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด
“นั่งเถอะ เลยเวลาทานข้าวมานานแล้ว”
พ่อของน้องพิมบอกให้พวกผมรีบนั่ง ก่อนที่มื้อค่ำวันนั้นจะผ่านไปด้วยความอึดอัด
ไม่มีการพูดคุยอะไรเลย มีแต่เสียงช้อนที่กระทบกับจาน
และดูเหมือนทุกๆคนจะทานข้าวได้น้อยมาก และถ้าผมไม่คิดมากไป
ไม้ทีมองหน้าผมเกือบตลอดเวลาที่อยู่บนโต๊ะอาหาร
“ไม้มาคุยกับพ่อหน่อย”
ระหว่างที่ไม้ฉากโอบไหล่ผมไว้ตอนเดินกลับเข้าไปในห้องพิม พ่อของไม้ฉากก็เรียกไม้ฉาก
“ครับ” ไม้ฉากมันก็พยักหน้ารับรู้นะครับ แต่ไม่ยอมปล่อยมือที่โอบผม และไม่เดินตามพ่อไปที่ห้องนั่งเล่น
“ไม้ฉากมาห้องนี้ แค่คนเดียว!”
นั้นไง ,, เสียงออกคำสั่งนั้นมาอีกแล้ว
“ถ้าไม้หายไปนานกว่า 1 ชั่วโมง กลับกรุงเทพไปได้เลยนะ
หรือให้โทรหายูโรว่ามันมาถึงไหนแล้ว ให้ไปอยู่กับพวกมันรอ
แล้วไม้จะรีบตามไป “
ไม้ฉากก้มลงมากระซิบข้างๆหูผม หน้าตาของมันตอนนี้นิ่งมากครับ นิ่งจนผมเองก็เดาไม่ได้ว่ามันคิดอะไรอยู่
“ไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าที่ผ่านมาแล้วละ ไปเหอะพ่อรอนานแล้ว”
มันอ้อยอิ่งๆไม่ยอมเดินเข้าไปในห้อง จนพ่อมันต้องตะโกนเรียกอีกครั้งมันถึงยอมเดินเข้าไป
พอไม้ฉากเดินเข้าไปในห้องรับแขกแล้ว ผมก็เลยเดินมาหาพิมที่ห้อง แต่ยังไม่ทันเข้าไปในห้องเลยครับ
ได้ยินเสียงแม่พิม และเสียงแม่ไม้ฉากกำลังรุมบ่นพิม
ผมว่า.... ผมไม่ควรเข้าไปในเวลานี้นะ
ผมเลยออกมาเดินเล่นที่หน้าบ้านแทน ไหนๆยูโรก็กำลังมา
มาเดินเล่นรอมันแทนละกัน
“ทำไมพี่ปั้นเป็นแบบนี้ละครับ”
เสียงของไม้ทีเอ่ยถามผมขึ้นมา และตัวไม้ทีเองก็เดินลงจากบ้านมาหาผม
“เป็นแบบไหนอะ โหววนี้สูงขึ้นเยอะเลยนะ ป.6 ละใช่ไหม?”
“ม.1 แล้ว”
ไม้ทียืนกอดอกมองหน้าผม ซึ่งท่าแบบนี้โคตรเหมือนพี่ชายมึงเลยครับน้องที
“ทำบ้านคนอื่นวุ่นวายแล้วมีความสุขหรอ”
นั่นไง คำถามน่าปวดหัว เห้อออ ใครไปใส่ไฟอะไรมาแน่ๆ
“ทำยังไงอะ พี่ก็ไม่ได้ยุ่งกับบ้านของทีเลยนะ”
“ก็ยุ่งกับพี่ไม้ทำไม คนอื่นมีตั้งเยอะทำไมไม่ไปชอบ”
ไม้ทีตอบกลับมาด้วยเสียงที่ดังจนคล้ายๆว่ากำลังตะโกนใส่ผม
“เราสามารถชอบคนอื่นนอกเหนือจากใจเราบอกว่าชอบด้วยหรอ”
“อะไร พูดอะไรของพี่วะ ตอบมาดีๆดิ”
หึ ,, ผมมองดูเด็กน้อยตรงหน้าที่ทำหน้าหงุดหงิดเหมือนเวลาไม่ได้ของเล่นที่ตัวเองอยากได้
“ทีชอบหุ่นยนต์ใช่ไหม”
“อืมม ใช่ ถามทำไมวะ แล้วคำตอบมันเกี่ยวกับที่ทีถามพี่ปะ”
“ถ้าสมมติว่าทีชอบหุ่นยนต์ตัวหนึ่งมากๆ แล้วแม่จะซื้ออีกตัวให้ โดยที่ตัวนั้นทีไม่ชอบเลย
ทีจะเอาไหม?”
“ไม่เอาดิใครจะบ้าเอาตัวที่ตัวเองไม่ชอบมาเล่นละ”
“ก็นั้นไง ,, พี่ก็เหมือนกัน พี่ชอบไม้ฉาก ต่อให้คนทั้งโลกบอกให้พี่ไปชอบผู้หญิงหรือผู้ชายคนอื่นพี่ก็คงทำไม่ได้
เพราะคนๆเดียวที่พี่รัก คือ ไม้ฉาก”
พอไม้ทีได้ยินคำตอบจากผม หน้าตาที่ดูหงุดหงิดเมื่อกี้มันเหมือนจะเพิ่มเลเวลเป็นทำหน้ารังเกียจผมแทนละครับ
“แต่พี่เป็นผู้ชายมาชอบผู้ชายด้วยกันทำไม”
“แล้วใครเป็นคนกำหนดว่าไม่ได้”
“มันวิปริต”
“มีแต่คนที่ไม่มองโลกกว้างๆแบบทีเท่านั้นแหละคิด พี่กับไม้ปกติดีทุกอย่าง
การที่พี่รักกัน พากันเรียน พากันทำงานไม่ได้เรียกว่าวิปริต
แต่คนที่คิดอกุศล คิดแยกคนรักกันออกจากกันนั้นต่างหากที่ผิด”
“พี่จะด่าว่าพ่อแม่ผมหรอ”
“พี่ไม่กล้าด่าหรอก พี่แค่บอก วันนี้ทีคงไม่เข้าใจ แต่สักวันทีรักใครสักคนขึ้นมา
ทีจะเข้าใจเองว่าทำไมพี่กับไม้ถึงรักกันและทำแบบนี้”
“ทีไม่มีวันเข้าใจหรอก ทีรู้แค่ว่าพี่ปั้นกำลังทำให้ชีวิตของทีเลวร้ายลงทุกที
และพี่ไม้ก็เป็นพี่ชายที่เห็นแก่ตัวที่สุด คิดแต่ความรู้สึกตัวเองไม่คิดถึงที ไม่คิดถึงแม่ที่ต้องทนฟังพ่อ ฟังปู่กับย่าด่าทุกวัน
พวกพี่สองคนมันเห็นแก่ตัว”
ทีตะโกนใส่หน้าผมอย่างดัง ก่อนจะวิ่งหนีไป
คือ เห็นแก่ตัว?
พวกกูเนี้ยนะ ,, ไม้ทีเว้ยยย มึงมาฟังชีวิตกูก่อนดีไหมม ที่ผ่านมากูเจ็บกูทนมาแค่ไหนน
เว้ยยยย !! หงุดหงิดเป็นบ้า!!
ผมยืนเตะดิน เตะก้อนหินระบายอารมณ์อยู่หน้าบ้านของพิมไปเรื่อยๆ
จนได้ยินเสียงโวยวายจากข้างในดังออกมา
“ไม้ฉาก”
ผมนึกห่วงไม้ฉากขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบ้านไป
ก็เห็นว่าแม่ไม้ฉากกำลังดึงแขนพ่อของไม้ฉากไว้
และพิมก็กำลังประคองตัวไม้ฉากให้ลุกขึ้นยืน
ภาพๆนี้ทำผมเจ็บแปลกๆ มัน .... มันเหมือนกับว่า ....
ที่ตรงนั้นมันควรเป็นผมไหม?
คนที่ประคองไม้ฉากมันควรเป็นผม ไม่ใช่พิม.
“พ่อจะตีผมอีกกี่ร้อยพันครั้ง ผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ
ถ้าพ่อไม่ให้ผมหย่ากับพิมในตอนนี้ ผมก็จะไม่ใช้นามสกุลของพ่อ
ทุกวันนี้ผมไม่ได้รับอะไรจากพ่อเลย เงินค่าเรียน ค่ากินอยู่ผมก็ไม่เคยได้
ผมลำบากแค่ไหน ผมต้องอดมื้อกินมื้อยังไง พ่อเคยรู้บ้างไหม?”
ไม้ฉากพูดไปก็ร้องไห้ไปด้วย ตอนนี้ทั้งพ่อแม่พิม พ่อแม่ไม้ฉาก ยืนมองพิมที่ร้องไห้และซบอกไม้ฉาก
ส่วนไม้ฉากก็ใช้มือข้างนึงจับหัวพิมไว้ ให้พิมซบลงและร้องไห้ที่อกของไม้ฉาก
เจ็บ ทำไมรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว
“ผมต้องหาเงินส่งพิมเรียน ต้องหาเงินค่านมค่าเลี้ยงเหนือ
นี้หรอครับสิ่งที่พวกพ่อแม่ต้องการ
อยากให้ผมแต่งงานกับพิม ผมก็ทำให้แล้ว
แต่ทำไมยังทำเหมือนพวกผมไม่ใช่ลูกอีกละ
ตัวผมอดได้ไม่มีปัญหาหรอก แต่พิมละ พิมเป็นผู้หญิงอายุแค่นี้
ทำไมคุณลุงคุณน้าถึงไม่ใส่ใจไม่ส่งเงินให้ลูกบ้างละครับ
พิมตกเลือดเกือบตาย ทำไมไม่ไปดูพิมกันบ้าง
พวกผมผิดตรงไหนหรอครับ บอกผมสิ พวกผมผิดตรงไหน?”
ไม้ฉากกอดพิมแน่นขึ้นแล้วก็ร้องไห้ออกมา มันร้องไห้หนักมากเท่าที่ผมเคยเห็น
มันคงอึดอัดและเหนื่อยมากแล้วแน่ๆ
เพราะผมหรือป่าว?
ในตอนนั้นบอกตรงๆครับ ผมคิดเห็นแก่ตัวเยอะมาก
ทั้งอิจฉาพิม ทั้งอยากยืนตรงที่พิมยืน
ทั้งโทษตัวเองที่ทำให้ไม้ฉากเป็นแบบนี้
แต่ทำไม .. ในตอนนั้นผมไม่คิดเดินจากไม้ฉากไป?
แต่ทำไม.. ผมยังอยากจะจับมือไม้ฉากไว้เหมือนเคย.
“ทำไมแกไม่โทรมาขอร้อง โทรมาขอโทษพวกเราละ
พวกแกทำผิด พวกแกทำให้เราต้องขายหน้าคนทั้งจังหวัด
พวกแกทำแต่เรื่องเสื่อมเสีย เพราะพวกแกทำตัวเองทั้งนั้น
ส่งเสียให้เรียนดีๆ หาแต่สิ่งดีๆให้ ไม่ใช่พวกแกเองหรอกหรอที่เลือกเส้นทางนั้น
คนหนึ่งก็ท้องก่อนแต่ง อีกคนก็ชอบผู้ชายเป็นเกย์เป็นพวกตุ๊ดแต๋ว
ถ้าพวกแกทำตามที่ฉันบอก พวกแกจะลำบากแบบนี้หรือไง”
พ่อของพิมเป็นคนพูดครับ พิมผละออกจากกอดของไม้ฉากแล้วเดินไปเผชิญหน้ากับพ่อของตัวเอง
“แล้วพ่อเคยถามไหมคะว่าทำไมพิมถึงทำแบบนี้?
แล้วไม่ใช่พ่ออีกงั้นหรอคะที่ทำให้พัชต้องติดคุก ถ้าพ่อไม่รักพิมไม่ต้องการพิม
ทำไมพ่อไม่ปล่อยให้พิมอยู่บ้านพัชละ พ่อไปลากพิมกลับมาทำไม
พ่อคิดว่าพิมอยากอยู่ที่นี้งั้นหรอ บ้านที่เหมือนกับป่าช้า บ้านที่ไม่มีแม้แต่คำว่าอบอุ่น
พ่ออยากให้พิมมีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นแบบแม่งั้นหรอคะ”
เพี๊ยะ!! เสียงพ่อของพิมตบหน้าพิมอย่างแรง
แรงจนทำให้พิมถึงกับล้มลงไปนั่งพับพื้น
“มึงไม่มีสิทธิ์ชี้หน้าด่ากูแบบนี้นะ มึงดีมากนักหรือไง
เพราะแม่มึงให้ท้ายมาตลอดใช่ไหม ถึงได้ทำตัวเลวๆแบบนี้
ท้องแล้วยังไงละ มีปัญญาเลี้ยงลูกไหม
เข้าใจหัวอกพ่อแม่หรือยังที่เค้าต้องหาเงินเลี้ยงดูลูก เจ็บปวดแค่ไหนก็หยุดพักไม่ได้
ต้องทำงานต้องหาเงินเพราะลูกต้องกินนม ตอนนี้แกเข้าใจความเจ็บปวดนี้หรือยัง”
ผมอดทนยืนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วครับ พ่อแม่พิมและพ่อแม่ไม้ฉากพูดในสิ่งที่เห็นแก่ตัวมากเกินไป
“คุณอาเลี้ยงลูกให้เป็นแค่สมบัติส่วนตัวหรอครับ”
ผมเอ่ยปากพูดขึ้นมา ห้องทั้งห้องก็เงียบลง และทุกๆคนก็หันมามองหน้าผม
“ลูกไม่ใช่สมบัติ ไม่ใช่สิ่งของที่คุณอาจะมาบังคับให้เค้าเป็นแบบนั้นแบบนี้
ถ้าคุณอาอยากสอนให้พิมรู้ซึ้งถึงความเหน็ดเหนื่อยของคำว่าแม่ ทำไมคุณอาไม่ทำให้เห็นละครับ
ปล่อยให้พิมกับไม้ฉากดูแลกันเองมาหลายเดือนแบบนี้ ไม่คิดว่าพิมกับไม้ฉากมันจะอดข้าว หรือคิดฆ่าตัวตายบ้างหรอ
นี้หรอสิ่งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่เค้าทำกัน ผมว่าพิมกับไม้ฉากยังเป็นพ่อเป็นแม่ได้ดีกว่าที่คุณอาเป็นซะอีก”
ตอนนั้นปากผมพูดไปโดยที่ไม่ได้กลัวเลยว่าจะโดนพ่อไม้ฉากหรือพ่อพิมทำร้าย
“ไอ้ปั้น! ถ้าไม่ใช่เพราะมึง บ้านกูก็ไม่แย่ลงแบบนี้หรอก
เป็นตุ๊ดแล้วยังเสือกมารักมาหลอกลูกกูอีก ป๊าม๊ามึงเครียดแค่ไหนมึงรู้บ้างไหม
เค้าแค่ไม่มาด่ามึง แต่เค้าบอกให้กูแยกลูกกูให้ห่างจากมึง
ด่าคนอื่นแบบนี้ ไม่กลับไปด่าป๊าม๊าที่บ้านบ้างละ”
ผมไม่เคยคิดเลยครับคำพูดที่แย่ๆแบบนี้จะมาจากปากของพ่อไม้ฉาก
พ่อไม้ฉากในความทรงจำผม เป็นพ่อที่ใจดีมากๆ
เรียกผมว่า น้องปั้นๆ ตลอด หน้าตายิ้มแย้มตลอดเวลา
แต่พ่อไม้ฉากในวันนี้มีแต่พูดคำหยาบคาย หน้าตาก็บึ้งตึงตลอด
“พ่อจะด่าปั้นทำไมละ บ้านปั้นก็บ้านปั้นสิไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เรากำลังคุยตอนนี้”
ไม้ฉากเดินมาบังตัวผมไว้ เพราะมันเห็นว่าพ่อมันเริ่มเดินมาทางผม
“ถ้าแกบอกว่าจะขอหย่าจากพิมในตอนนี้ ทั้งๆที่สัญญาไว้ 2 ปี
ฉันบอกแกเลยว่าฉันไม่มีวันยอม”
“ถ้าพ่อไม่ยอมให้ผมหย่าก่อน 2 ปี พ่อก็ต้องส่งเสียพิม หรือให้พิมกลับมาอยู่ที่นี้
พิมไปลำบากแบบนั้นไม่ได้ พิมต้องเรียน และเหนือต้องมีชีวิตที่ดีกว่านั้น”
“จะขอเงินจากพวกฉันแกก็กราบแล้วขอร้องสิ เก่งแต่ปากแบบนี้มันใช่นิสัยตำรวจไหม”
“พี่ไม้ ไม่เอา ไม่ต้องทำ พิมไม่เรียนแล้วก็ได้ พิมหางานทำส่งลูกเอง อีกแค่ปีเดียวพัชก็ออกมาแล้วพี่
ทนลำบากอีกไม่นาน เราก็มีความสุขกันแล้ว”
“แล้วคิดว่าพัชจะยอมรับได้หรอ”
พ่อของพิมหันไปถามพิม
“พ่ออย่าบอกนะว่าที่พัชไม่ยอมให้พิมเยี่ยมเป็นเพราะพ่อ”
พิมร้องไห้หนักมากครับตอนนี้ แม่ของพิมก็ได้แต่ยืนมองพิมร้องไห้ ทำท่าเหมือนจะเข้าไปกอดแต่ก็ไม่เข้าไป
ส่วนแม่ของไม้ฉากก็ยืนกอดไม้ทีไว้แน่นเลยครับ ตอนนี้ไม้ทีจ้องหน้าผมเหมือนจะฆ่าผมให้ได้เลย
“กลับบ้านเรากันเถอะไม้”
ผมพูดแล้วก็เงยหน้าไปมองไม้ฉาก ที่ยืนโอบตัวผมไว้
“อืมม กลับบ้านนะ”
ไม้ฉากยิ้มให้ผม ถึงแม้มันจะยังร้องไห้ก็ตาม
< มีต่อข้างล่าง >