++เพื่อน(เรียน)พิเศษ (END) : Special Chapter "30" (Part 2 // หน้า 36)++
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ (END) : Special Chapter "30" (Part 2 // หน้า 36)++  (อ่าน 323890 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พ่อแม่แทน นิสัยแย่มาก โทษทุกอย่าง ไม่เคยโทษตัวเอง
บิ๊ก เลยเป็นที่รองรับอารมณ์โกรธโหด เพราะไม่ชอบที่เป็นผู้ชายที่แทนรัก
แถมยังอาฆาตกลุ่มเพื่อนบิ๊กอีก นี่นะคนที่เล่นการเมืองแล้วมีอำนาจในมือ :z6:
จะมีอะไรที่ทำให้พ่อแม่บิ๊กเปลี่ยนใจได้นะ
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 77 ++
«ตอบ #1021 เมื่อ19-05-2016 22:21:32 »

มาละครับ บทที่ 77 ตอนนี้เราจะได้รู้จักเรื่องฝั่งบิ๊กบ้างแล้ว ส่วนตอนนี้ มาช่วยแทนที่พึ่งฟื้นกันต่อดีกว่าครับ

เหลืออีกไม่กี่บทจะจบบริบูรณ์ละครับ^^

มาดูกันต่อครับ

************

Chapter 77

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากแทนลืมตาขึ้นมาแล้ว คุณหมอเข้ามาตรวจอาการของแทนอย่างละเอียด แทนยังอ่อนล้าอยู่ กระดูกสันหลังที่ร้าวกับเคลื่อน รวมถึงเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ก็ยังต้องมาตรวจดูว่า แทนจะต้องกายภาพอย่างไร

“คนไข้ตอบสนองเบื้องต้นได้โอเคละครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเริ่มทำกายภาพเบื้องต้นนะครับ ตอนนี้แขนกับขาของคนไข้เท่าที่ทดสอบดู ถือว่าตอบสนองได้อยู่ เดี๋ยวจะเริ่มทำกายภาพบำบัดให้ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปครับ ละก็ ตอนนี้เดี๋ยวเปลี่ยนให้ทานอาหารอ่อนดูนะครับ” คุณพ่อ คุณแม่ คุณยาย และผม ไหว้ขอบคุณคุณหมอ

“ขอบคุณครับคุณหมอ” เสียงเล็กๆ ของแทนเอยขึ้นก่อนที่คุณหมอจะไป คุณหมอได้ส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักของแทน
 
“แม่ครับ พ่อครับ ยายครับ แทนขอโทษ” แทนเอยขึ้นตอนที่คุณพ่อ คุณแม่ กับคุณยาย ยืนอยู่ข้างๆ เตียง

“ไม่เป็นไรลูก ลูกปลอดภัย พ่อกับแม่ก็ดีใจแล้ว” คุณพ่อของแทนจับมือของแทนด้วยสีหน้าที่หายกังวลไปพอสมควร ในขณะที่แม่ของแทนเองก็ดูหายเครียดขึ้นพอสมควร

“แทนขอโทษนะครับ ยายไม่สบายใจเพราะแทนแท้ๆ เลย” คุณยายของแทนส่ายหน้าช้าๆ ปาดน้ำตาเล็กน้อย

“หลานปลอดภัยกลับมา ยายก็สบายใจแล้ว หลานต้องกลับมาเป็นปกตินะ” คุณยายเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของแทน

“บิ๊ก...” ผมยืนอยู่ปลายเตียงไกลๆ ค่อยๆ เดินเข้าไปหาแทนช้าๆ

“เราขอโทษ ที่เราไม่ได้จัดงานวันเกิดให้ตามสัญญา” ไม่เป็นไรนะแทน มันไม่สำคัญเท่ากับการที่แทนปลอดภัยกลับมามากกว่า

“เดี๋ยวเธอทั้งคู่ต้องไปพรรคไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวสายนะ ฉันเองก็จะกลับบ้านเหมือนกัน ทางนี้ให้หลานบิ๊กเค้าดูแลก็ได้” คุณยายเอยขึ้น ก่อนที่คุณพ่อกับคุณแม่ของแทนจะตัดสินใจกลับ โดยที่คุณยายก็กลับด้วย

ผมลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เตียง กุมมือที่ผมคิดว่าเกือบจะไม่ได้กุมเอาไว้อีกตลอดไปไว้แน่นๆ แทนที่นอนมองผมผ่านการปรับเตียงให้ชันพอจะนั่งได้ พยายามออกแรงบีบมือผม แต่มือของแทนก็แทบไม่มีแรงอะไรตอบสนองมือของผมเหมือนกัน

“เดี๋ยวเที่ยงนี้กินข้าวนะครับ หิวมากไหม” แฟนผมพยักหน้าเป็นคำตอบ

“เราหลับไปกี่วันอะ” นี่น่าจะเป็นคำถามแรกของแฟนผมหลังจากตื่นขึ้นมา

“สัปดาห์นึงอะ รวมนอน ICU ก็เป็นสิบวันพอดี” พอผมตอบจบ แทนร้องไห้จนผมต้องรีบเช็ดน้ำตาทันที

“เราขอโทษ เราทำให้บิ๊กเป็นห่วง” ผมเช็ดน้ำตาด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กที่พับวางไว้ข้างๆ พอเช็ดเสร็จ ผมจุมพิตหน้าผากที่พันด้วยผ้าพันแผล ผมค้างสัมผัสนี้ไว้สักครู่ ก่อนจะถอยออกมาช้าๆ กลับมานั่งข้างๆ ที่เก้าอี้ตัวเดิม

“มันเป็นอุบัติเหตุ มันเป็นเหตุสุดวิสัย แค่ตอนนี้เราได้ยินเสียงแทน ได้จับมือ ได้อยู่ใกล้ๆ แบบนี้ อย่างอื่นในโลกก็ไม่สำคัญกับเราอีกแล้ว” ผมจุมพิตหลังของแทนเบาๆ

“ขอบคุณที่ไม่ทิ้งเราไปนะ” แทนพยักหน้ารับทราบ

“เรากลัว กลัวตัวเองจะช่วยตัวเองไม่ได้อีก เราจะเป็นภาระให้กับทุกคน” ผมยิ้มให้กับสิ่งที่แทนกังวล

“เราจะช่วยให้แทนกลับมาช่วยตัวเองได้อีกครั้ง” ผมหอมหลังมือของแฟนผมอีกครั้ง ก่อนจะลุกไปหยิบกีตาร์โปร่งที่วางอยู่ข้างๆ โซฟามานั่งข้างๆ

ผมเริ่มเกากีตาร์ แล้วเริ่มร้องเพลงที่ผมนึกออกว่าอยากร้องให้แทนฟังต่อ ใบหน้าเปื้อนยิ้มของแฟนผมในตอนนี้ เป็นสิ่งที่ผมอยากเห็นที่สุดในรอบสิบกว่าวันที่ผ่านมา เพลงที่ผมร้องให้แฟนผมฟังเพลงแรกของวันนี้ก็คือ

“เธอคือทุกสิ่ง ในความจริงในความฝัน คือทุกอย่างเหมือนใจต้องการ เธอเป็นนิทานที่ฉันอ่าน ก่อนหลับตาและนอนฝัน

เธอคือหัวใจ ไม่ว่าใครไม่อาจเทียมเทียบเท่าเธอ ช่างโชคดีที่เจอได้ตกหลุมรักเธอ ได้มีเธอเคียงข้างกัน คงจะมีเพียงทำให้โลกนั้นหยุดหมุน เพียงเธอสบตาฉัน คงจะมีเพียงเธอที่หยุดหัวใจของฉันไว้ตรงนี้ ตรงที่เธอ

เธอเพียงคนเดียวและเพียงเธอที่ต้องการ ฉันจะทำทุกทุกทางด้วยวิญญาณและหัวใจ นั่นคือฉันจะรักเธอไม่ว่าเป็นเมื่อไรสถานใด ทั้งหัวใจฉันมีเธอเพียงคนเดียว

เธอคือรักจริง ฉันยอมทิ้งทุกทุกอย่างเพียงเพื่อเธอ ดั่งฟ้าให้มาเจอให้เธอคู่กับฉัน ให้เราได้เดินเคียงข้างกันนับจากนี้ คงจะมีเพียงทำให้โลกนั้นหยุดหมุน เพียงเธอสบตาฉัน คงจะมีเพียงเธอที่หยุดหัวใจของฉันไว้ตรงนี้ ตรงที่เธอ

เธอเพียงคนเดียวและเพียงเธอที่ต้องการ ฉันจะทำทุกทุกทางด้วยวิญญาณและหัวใจ นั่นคือฉันจะรักเธอไม่ว่าเป็นเมื่อไรสถานใด ทั้งหัวใจฉันมีเธอเพียงคนเดียว

เธอเพียงคนเดียวและเพียงเธอที่ต้องการ ฉันจะทำทุกทุกทางด้วยวิญญาณและหัวใจ นั่นคือฉันจะรักเธอไม่ว่าเป็นเมื่อไรสถานใด ทั้งหัวใจฉันมีเธอเพียงคนเดียว

จะทุกข์หรือยามที่เธอนั้นสุขใจ ยามป่วยไข้หรือสุขกายสบายดี ฉันอยู่ตรงนี้และจะมีแต่เธอทุกวินาที จะอยู่ใกล้ไม่ห่างไกล จะเคียงชิดไม่ห่างไป ไม่ไปไหน...

เธอเพียงคนเดียวและเพียงเธอที่ต้องการ ฉันจะทำทุกทุกทางด้วยวิญญาณและหัวใจ นั่นคือฉันจะรักเธอไม่ว่าเป็นเมื่อไรสถานใด ทั้งหัวใจฉันมีเธอเพียง

เธอเพียงคนเดียวและเพียงเธอ เพียงเธอที่รอ ฉันจะขอภาวนาต่อหน้าฟ้าอันแสนไกล นั่นคือฉันจะรักเธอไม่ว่าเป็นเมื่อไรสถานใด

เกิดชาติไหนฉันมีเธอ มีเธอเพียง..คนเดียว”

คู่ชีวิตของผม....

……………….

ผ่านไปอีกสัปดาห์หนึ่ง การทำกายภาพของแทนเริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าจะการกระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้า การฝึกขยับในแต่ละอิริยาบท การลุกขึ้นยืนกับนั่ง ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ยากสำหรับแทนในเวลานี้ ในห้องกายภาพตอนนี้ มีคนไข้หลายคนกำลังฝึกกายภาพกันอยู่ รวมถึงแทนที่พยายามฝึกอยู่เช่นกัน

“ค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ นะคะ ช้าๆ คะ” พยายามกำลังกำกับให้แทนค่อยๆ ใช้สองมือยันตัวเองขึ้นจากรถเข็นขึ้นมา บุรุษพยาบาลอีกสองคนช่วยกันหิ้วปีกแทนเอาไว้ แล้วพาแทนไปจับราวเหล็กคู่ด้วยสองมือของแทน

“ค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักลงเท้านะคะ” แทนพยายามใช้สองแขนจับราวเหล็กเอาไว้ ก่อนจะทิ้งน้ำหนักลงบนขาทั้งสอง แต่ไม่ถึงห้าวินาทีเท่านั้น แทนร่วงลงไปกองกับพื้นทันที

“ไหวไหม” ผมกับบุรุษพยาบาลรีบเข้าไปประคอง แทนพยักหน้าเอาใหม่อีกที

สีหน้าของแทนค่อนข้างเหนื่อยและลำบากในการทำกายภาพ การพยายามยืนด้วยขาตัวเองให้นิ่งๆ เป็นเรื่องยากมากตอนนี้ แทนพยายามลองยืนโดยที่ใช้แรงจากแขนให้น้อยที่สุด ถึงห้องกายภาพจะแอร์เย็น แต่แทนเหงื่อออกเต็มตัวเพราะพยายามออกแรงฝึก

“พอแค่นี้ก่อนนะครับ” บุรุษพยาบาลที่ดูแลแทนค่อยๆ ประคองกลับมานั่งที่รถเข็น

“เดี๋ยวผมเข็นพาเดินเล่นก่อนนะครับ” ผมบอกกับพี่บุรุษพยาบาล ก่อนจะเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่ติดมาด้วย เช็ดหน้ากับคอของแทนให้เรียบร้อย

“เรากลัว...กลัวตัวเองเป็นง่อยแบบนี้ตลอดไป” ผมยิ้มกว้างๆ ให้แทน

“แทนต้องกลับมาเดินได้แน่นอนครับ เราจะช่วยอยู่ข้างๆ จนกว่าแทนจะเดินได้ปกตินะครับ” แทนพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ยังดูกังวลเหมือนเดิม ก่อนที่ผมจะเข็นแทนไปรอบๆ พาออกไปสวนหย่อมเล็กๆ ภายในโรงพยาบาล

“เหนื่อยไหม” ผมส่ายหน้ากับคำถามของแทน

“ไม่เคยเหนื่อยเลยครับ ให้ทำมากกว่านี้ก็ทำได้” ผมก้มตัวโน้มไปข้างหน้า แล้วก้มหน้าลงมาหาแทนที่นั่งรถเข็นตอนนี้
“เราเป็นภาระให้บิ๊ก เป็นภาระกับทุกคน มันแย่มากเลยอะ” ผมขยับแก้มตัวเองให้ชิดกับแก้มของแทน

“จำตอนที่แทนโดนฟันที่มือได้ไหม ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นแฟนกันด้วย เราเต็มใจดูแลแทนเพราะแทนเป็นคนดีสำหรับเรา ตอนนี้แทนเป็นคู่ชีวิตเราแล้ว ต่อให้เราต้องแบกแทนขึ้นหลังเดิน เราก็จะไม่บ่น ไม่รำคาญ ไม่หนักด้วย เราจะไปด้วยกันนะครับ” ผมตบท้ายด้วยการหอมแก้มนิ่มๆ ของแฟนผมอีกที ผมเดินมาหน้ารถเข็นของแทน แล้วย่อตัวลงให้แทนเห็นหน้าผมชัดๆ

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เราจะสู้ เสียอย่างอื่นเราพอทำใจได้ แต่เสียแทนไป เราทำใจไม่ได้แน่นอน” ผมค่อยๆ จุมพิตที่หน้าผากของแฟนผมเบาๆ ก่อนเอาปลายจมูกสัมผัสค้างไว้ตรงนั้น

“เราจะต้องกลับมาเดิน กลับมาวิ่งกับบิ๊กให้ได้นะ” ผมพยักหน้าเบาๆ

“เราจะอยู่ข้างๆ ให้แทนกลับมาเป็นปกตินะครับ สัญญา” ผมบอกขณะที่ปลายจมูกยังแตะหน้าผากของแทนไว้

ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ จะป่วย หรือเป็นอะไรก็ตาม ผมจะไม่ทิ้งคนที่ผมรักคนนี้แน่นอน

……………….

17 ปีที่แล้ว...

บ้านเดี่ยวหลังหนึ่งแถวชานเมืองที่ฉันกับสามีพึ่งซื้อได้สำเร็จ เป็นทั้งเรือนหอ เป็นที่ๆ ผู้หญิงที่ไม่มีญาติมิตรที่ไหนคนนี้ได้ซุกหัวนอน ครอบครัวของเราเติมเต็มด้วยลูกชายหนึ่งคน เด็กผู้ชายตัวขาว ปากแดง ดวงตาดูเข้มแข็ง เด็กผู้ชายคนนี้เราทั้งสองตั้งชื่อให้ว่า “บิ๊ก” เพราะเค้าคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ของครอบครัวของเรา

“คืนนี้จะกลับมาทานข้าวไหม” ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว ฉันโทรเข้าบริษัทของสามี

“คืนนี้มีนัดทานข้าวกับลูกค้า ไม่ต้องรอนะ” ฉันได้แต่รับคำของสามี แล้ววางสายลงไป

ตั้งแต่บิ๊กเกิดมา เรื่องแแบบนี้แทบจะชินชาไปแล้ว ฉันพอเข้าใจว่าบริษัทของสามีกำลังตั้งไข่ ฉันเองก็ต้องเลี้ยงลูกไปทำงานที่ธนาคารไปด้วย ถ้าผู้จัดการสาขาที่ทำงานไม่เมตตา ฉันก็คงเอาลูกชายคนนี้ไปเลี้ยงระหว่างงานเกือบทุกวันไม่ได้ ในขณะที่บิ๊กเองก็ไม่ดื้อไม่ร้อง บางทีก็หลับเกือบทั้งวันด้วยซ้ำ จนวันนึงตอนบิ๊กสามขวบ...

“คุณพ่อกลับมาแล้ว” เสียงลูกชายของฉันดีใจเป็นพิเศษ ก่อนจะรีบวิ่งไปหาคุณพ่อของตัวเอง แต่สามีฉันก็ดูรีบๆ

“วันนี้กลับมาเร็ว เดี๋ยวรีบไปเตรียมกับข้าวก่อนนะ” สามีฉันไม่ตอบอะไรนอกจากรีบขึ้นไปบนห้อง คิดว่าคงไปอาบน้ำแล้วค่อยมาทานข้าว แต่หลังจากที่เตรียมโต๊ะอาหารเสร็จ

“คุณจะไปไหน” สามีฉันไม่ตอบอะไร แต่แบกกระเป๋าเสื้อผ้าสองใบเต็มๆ วางไว้หน้าประตูบ้านอย่างเร่งรีบ

“ผมจะไปหาลูกค้าที่ต่างประเทศสักอาทิตย์” แต่เสื้อผ้าที่เก็บมันแทบจะเรียกว่าหมดทั้งห้อง

“เดี๋ยวก่อน คุณจะไปไหนกันแน่ ทำไมต้องเก็บเสื้อผ้าหมดตู้แบบนี้” สามีฉันไม่ตอบอะไรนอกจากใส่รองเท้า เปิดประตูแล้วยกกระเป๋าออกไปใส่ท้ายรถ

“คุณจะไปต่างประเทศแล้วขับรถไปเองทำไม” สามีฉันดูเร่งรีบจนฉันไม่เชื่อว่ากำลังไปต่างประเทศจริงๆ

“บอกมาดีๆ ตกลงไปไหนกันแน่” สามีฉันไม่ตอบ แต่ผลักฉันออกไปแล้วรีบขึ้นรถก่อนจะออกไปทันที ฉันได้แต่วิ่งออกไปหน้าประตูดูสามีฉันขับรถออกไป

กับข้าวบนโต๊ะที่ฉันต้องยิ้มทานกับบิ๊กแล้วบอกลูกชายฉันว่า คุณพ่อมีงานด่วน ถึงสีหน้ากับสายตาลูกชายฉันจะผิดหวัง แต่ลูกชายฉันก็ยิ้มแย้มกับฉันเสมอ คืนวันนั้น ฉันนอนหลับไม่สนิทนัก จนพอถึงเวลาเช้าที่ฉันต้องไปส่งบิ๊กเรียน ชีวิตของฉันก็ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

หมายศาลสั่งยึดทรัพย์สามีฉัน ทั้งบ้านหลังนี้ บริษัทของสามี ทุกสิ่งที่ฉันช่วยค้ำประกันไว้ ผลผูกพันธ์ทางกฎหมายต่างๆ ทุกสิ่งมันพุ่งเช้าใส่ จนฉันไม่ทันตั้งตัว วันนั้นฉันต้องรบกวนเพื่อนร่วมงานที่ลูกสาวเรียนโรงเรียนเดียวกับบิ๊กให้เป็นคนพาไปส่ง ส่วนฉันได้แต่ไล่เช็คว่า อะไรบ้างที่สามีฉันทำไว้แล้วฉันไม่รู้เรื่อง พอได้สติ สิ่งที่ฉันมีเป็นส่วนตัวที่พอจะเหลือตอนนี้คือ เงินสดสองล้านบาทจากพ่อกับแม่ของฉันที่เสียไปแล้ว รถ Civic คันนึงที่ฉันซื้อด้วยนำ้พักน้ำแรงตัวเอง ฉันเก็บเสื้อผ้าและของใช้ทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วออกไปเช่าห้องสมัยที่ฉันยังเลี้ยงตัวเองตั้งแต่เรียนหนังสืออยู่แทน

“ทำไมคุณแม่ไม่พาบิ๊กกลับบ้านครับ” ลูกชายฉันถามขณะที่ขับรถมาถึงห้องเช่าที่พึ่งเช่าไป

“เรามีปัญหานิดหน่อย เดี๋ยวจะได้กลับบ้านทีหลังนะครับ” ฉันพยายามปั้นยิ้มเอาไว้เพื่อลูกของฉัน

“แล้วทำไมกลับบ้านไม่ได้อะครับ” ฉันลูบศีรษะลูกชายฉันแล้วบอกว่า

“มีคนชอบบ้านของเรา ขอซื้อต่อเลย แม่เลยพาบิ๊กมาอยู่นี่ก่อน เดี๋ยวเราซื้อหลังใหม่อยู่กันนะครับ” นี่คือคำตอบที่ฉันไตร่ตรองก่อนตอบให้เด็กสามขวบฟังแล้วเข้าใจ

“คุณพ่อไปหาบ้านหลังใหม่อยู่เปล่าครับ” ฉันพยักหน้าตามน้ำในคำตอบของลูกชาย

ทุกวันหลังจากนั้น ฉันต้องคอยคุยกับเจ้าหนี้จนต้องลาออกจากธนาคาร ฉันต้องคอยย้ายเงินสองล้านที่มีเป็นก้อนสุดท้ายให้พ้นสายตาเจ้าหนี้ ทุกเวลาที่ฉันนอน ตื่น ฉันจะร้องไห้ทุกครั้งที่บิ๊กไม่อยู่แล้ว วันเวลาที่ผ่านไป บิ๊กเองก็เหมือนรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ปกติ

"คุณแม่ครับ ทำไมคุณพ่อไม่กลับมาซะทีครับ คุณพ่อไม่รักบิ๊กแล้วใช่เปล่าครับ" ลูกชายฉันเอยขึ้นก่อนจะนอนข้างๆ

"ไม่ใช่นะครับ คุณพ่อมีธุระบางอย่างที่จำเป็น จะรีบกลับมาหาบิ๊กแน่นอนครับ" ฉันโกหกลูกอีกแล้ว

"คุณพ่อไม่โทรหาเราบ้างเลยครับ คุณพ่อไม่รักบิ๊กแล้ว" ฉันกอดลูกชายเอาไว้ก่อนจะบอกว่า

"เวลาที่โตขึ้น บางอย่างก็เหนื่อยยาก แต่ที่แน่ๆ คุณพ่อเค้ารักและกำลังรีบทำงานให้เสร็จ จะได้กลับมาอยู่กับเราทุกคนนะครับ" ฉันพยายามข่มเสียงตัวเองให้นิ่งที่สุดไว้

"บิ๊กจะเป็นเด็กดี บิ๊กจะไม่ดื้อ บิ๊กอยากให้คุณพ่อกลับมา" ฉันรีบเช็ดน้ำตาให้หมดก่อนที่ลูกฉันจะรู้ว่าฉันกำลังร้องไห้อยู่

"นอนนะครับคนดี" ฉันคลุมมุ้งรอบที่นอนของบิ๊ก ก่อนจะเปิดพัดลมเบาๆ ให้ส่ายรอบที่นอน

นี่แค่ตัวอย่างของทุกคืนที่ฉันต้องแบกรับ ฉันต้องโกหกลูกไปเรื่อยๆ แบบนี้ ความทุกข์ในอกมันเกิดกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันจะแบกมันได้ แต่พอฉันเห็นลูกชายแล้ว ฉันจะเป็นอะไรไม่ได้ ฉันจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะบิ๊กคือสิ่งสุดท้ายที่ฉันเหลืออยู่

ฉันตัดสินใจขายรถทิ้ง เอาเงินที่ขายได้ไปจ่ายเจ้าหนี้ที่พอจะใจดี ลดหนี้ให้ได้ และปิดหนี้ให้ได้ ฉันเอาเงินเก็บก้อนสุดท้ายมาไว้เป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนในการเลี้ยงบิ๊ก ความรู้เดียวที่ฉันมีคือเรื่องหุ้นกับกองทุน นั้นทำให้ฉันได้งานเป็นเลขาเจ้าสัววัยเกษียณท่านหนึ่ง เงินส่วนแบ่งจากการนำเงินเก็บท่านเจ้าสัวไปลงทุน ทำให้ฉันมีเงินทยอยจ่ายดอกเบี้ยกับทบต้นไปเรื่อยๆ เช่าคอนโดดีๆ อยู่ได้

"บิ๊กเข้าใจแม่นะครับ" บิ๊กในวัยประถม 4 กำลังน้อยใจที่ฉันไม่สามารถไปงานวันแม่ของโรงเรียนได้ เพราะฉันมีนัดประชุมกับกลุ่มทุนใหญ่ที่ท่านเจ้าสัวถือหุ้นอยู่

"แค่ตอนเช้าก่อนเข้าแถวเองนะครับ คุณครูอยากให้คุณแม่มาด้วย นะครับ นะครับ" ฉันสูดหายใจลึกๆ

"แม่ขอโทษที่ไปไม่ได้นะครับ แม่กำลังจะซื้อบ้านหลังใหม่ได้แล้ว แม่ต้องใช้เวลาทุกนาทีให้มีค่า บิ๊กเข้าใจนะครับ" ลูกชายฉันไม่ตอบอะไรนอกจากเดินกลับไปที่มุมโต๊ะทำการบ้านของตัวเอง

"แม่ก็ไม่รักบิ๊กเหมือนที่พ่อไม่รักบิ๊ก" ถึงบิ๊กจะพูดเบาๆ แต่ฉันก็ได้ยินทุกคำ มันทำให้ฉันต้องฝืนไม่ได้ยินว่ามันเกิดขึ้น

ชีวิตฉันเริ่มดีขึ้น หนี้สิ้นของสามีฉันลดลงเรื่อยๆ ฉันทยอยจ่ายสุดความสามารถเท่าที่ฉันทำได้ ยิ่งฉันทำงานเงินให้ท่านเจ้าสัวได้มากเท่าไหร่ ยิ่งฉันทำให้ท่านเจ้าสัวเสียภาษีน้อยได้เท่าไหร่ ส่วนแบ่งของฉันก็มากขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ตามหลอกหลอนฉันไม่หยุดก็คือ

"มาทำไม" ทันทีที่ฉันเปิดประตูห้องออกมา นี่คือคำที่ฉันใช้ทักทายคนที่ฉันเกลียดที่สุด

"สามีจะกลับมาหาภรรยาบ้างไ่ม่ได้เหรอครับ" แน่นอนว่าถ้าผู้ชายคนนี้จะเข้ามาในห้อง ฉันไม่ให้เข้า!!
!
"ถ้าจะมาเหมือนเดิม กลับไปซะ ลูกยังไม่ตื่น อย่ามากวนด้วย" ฉันพูดอย่างสุภาพที่สุดเสมอ

สามีเลวๆ ของฉันผลักฉันเข้าห้อง แล้วตรงเข้าไปรื้อค้นห้องกับหากระเป๋าสตางค์ฉันทันที ฉันพยายามสู้เพื่อไม่ให้สามีฉันแย่งเงินสดกับเครดิตการ์ดในกระเป๋าของฉัน

"พ่อ พ่อกลับมาแล้ว" บิ๊ก อย่าออกมานะลูก

สามีของฉัน พ่อของลูกชายฉัน ไม่ได้สนใจว่าลูกจะคิดถึงอะไร ยังคงยื้อแย่งกระเป๋ากับเงินสดในกระเป๋าของฉัน ไม่ว่าจะมีแค่กี่สิบ กี่ร้อย หรือกี่พันก็ตาม หรือมันจะถอนมาเพื่อเอาไปจ่ายอะไรสักอย่าง ผู้ชายคนนี้ก็ไม่สนใจ และการแย่งเงินกับฉัน ก็จบลงเหมือนทุกครั้ง

"พ่อหยุดนะ อย่าตีแม่ อย่า" แรงของเด็กประถม 5 จะสู้พ่อตัวเองได้อย่างไร

"อย่ายุ่ง จะไปไหนก็ไป" นี่คือสิ่งที่สามีฉันพูดกับลูกฉันหลังจากถีบลูกตัวเองไปแล้ว

"ถ้าคุณอายัดบัตร ผมจะรีบกลับมาเอาเงินคุณอีกแน่นอน" สามีของฉันกลับไป ทิ้งฉันกับลูกนอนเจ็บท่ามกลางสิ่งต่างๆ ในห้องพักของเรากระจุยกระจาย

"แม่เจ็บตรงไหนครับ" ฉันส่ายหน้าไม่เป็นไร ก่อนจะกอดลูกเอาไว้

"หิวข้าวยังลูก ลูกไปแปรงฟันล้างหน้านะครับ เดี๋ยวแม่พาไปกินข้าวเช้านะครับ" ฉันเป็นแม่ที่แย่มาก

"พ่อไม่รักเราแล้วใช่ไหมครับ ทำไมพ่อต้องทำแบบนั้น" ทำไมบิ๊กต้องมาเห็นภาพแบบนี้ด้วย นี่คือครั้งแรกที่ลูกฉันได้เห็นความจริงตลอดสามสี่ปีที่ฉันพยายามเก็บเอาไว้

ฉันเก็บความจริงทั้งหมดนี้เอาไว้ อดทนให้สามีของฉันตบตี เพียงเพราะลูกชายของฉันต้องการพ่ออยู่ ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจัดการฟ้องหย่าทันที ท่านเจ้าสัวเองก็ใจดี เอาทนายมาช่วยจนฉันชนะคดี ได้สิทธิในการเลี้ยงดูบิ๊ก และไม่ต้องแบ่งสินสมรสอะไรเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่บิ๊กรู้ความจริง ก็ทำให้ฉันเจ็บปวดมาถึงทุกวันนี้ พฤติกรรมของบิ๊กเปลี่ยนไป

"ทำไมเสื้อผ้าลูกเปื้อนเลือดแบบนี้ละ แล้วหน้าลูกทำไมช้ำแบบนี้อีกแล้ว แม่ไม่โอเคที่ลูกมีเรื่องชกต่อยแบบนี้" นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นเดือนละหน สองหน หรืออาจจะทุกสัปดาห์ในเดือนนั้น และทุกครั้ง บิ๊กจะไม่ตอบว่าทำไม นั้นทำให้ฉันต้องทำโทษด้วยการให้อยู่ในห้องไปคนเดียวจนกว่าจะสำนึก จนวันที่บิ๊กในวัย มัธยมศึกษาปีที่ 1 บิ๊กก็ระเบิดสาเหตุทั้งหมดให้ฉันฟังว่า

"แม่รู้ไหมว่าบิ๊กไม่มีเพื่อน ทุกคนไม่อยากคบผม บางคนเรียกผมไม่มีพ่อไม่มีแม่ บิ๊กโดนรังแก บิ๊กไม่ได้อยากมีเรื่อง แต่บิ๊กทนไม่ได้ที่โดนล้อโดนแกล้ง แม่เคยไปโรงเรียนตอนที่บิ๊กอยากให้ไปเปล่า ไม่เคยเลย บิ๊กอยากมีพ่อกับแม่อยู่พร้อมหน้าเหมือนคนอื่น" ลูกชายฉันพูดจบ วิ่งขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเองทันที

บ้านหลังใหม่ที่ฉันสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงที่สะสมตลอดสิบปีที่ผ่านมา ทรัพย์สินเงินทองที่ฉันสร้างมาเพื่อล้างทั้งหนี้ และสร้างความมั่นคงให้ตัวเอง แต่มันสายเกินไปกับเวลาที่ฉันแลกกับลูกชายฉัน บิ๊กกลายเป็นเด็กก้าวร้าว เย็นชา ทุกครั้งที่โรงเรียนโทรมาหา ก็ต้องเป็นพฤติกรรมชกต่อย โดดเรียน รวมถึงสูบบุหรี่ด้วย ทุกครั้งที่ฉันอบรม ไม่ว่าจะด้วยไม้อ่อนหรือไม้แข็ง มันจะจบด้วยคำว่า

"แม่พูดจบแล้วใช่ไหมครับ" แล้วบิ๊กจะไหว้หนึ่งที ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้อง หรือออกจากบ้านไปเลย

วันเกิดปีที่ 13 ของบิ๊ก คือวันที่ฉันเสียใจที่สุด ฉันพยายามรีบกลับจากสิงคโปร์ให้ทันไปรับลูกที่บ้านของสามีฉัน ฉันไม่อยากอนุญาตให้บิ๊กไปเที่ยวบ้านผู้ชายชั่วๆ คนนั้น แต่ถ้าพ่อลูกไม่ได้เจอกันบ้าง ฉันก็คงดูใจร้ายเกินไป พอฉันกลับมาถึงบ้าน

"บิ๊ก ลูกนอนตรงนี้ทำไม ทำไมลูกนอนตรงนี้" ลูกชายฉันนอนอยู่ริมรั้วบ้าน บิ๊กนอนหลับไม่ได้สติ ฉันพยายามปลุกก็ไม่ตื่นขึ้นมา ตามเนื้อตัวมียุงกัดเต็มไปหมด บิ๊กตัวร้อนมีไข้ ใบหน้ามีรอยฟกช้ำเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับลูกชายฉัน

"แม่ครับ บิ๊กจะไม่ไปหาพ่ออีก บิ๊กไม่อยากเจออีกแล้ว" ลูกชายฉันเอยขึ้นทันทีที่ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล

"เกิดอะไรขึ้น ทำไมลูกนอนหน้าบ้านแบบนั้นละ" บิ๊กไม่ตอบอะไรนอกจากบอกฉันว่า

"พ่อเค้าไม่รักบิ๊กแล้ว บิ๊กเลยเดินกลับมาบ้าน" หลังจากนั้น ฉันก็ติดต่อสามีฉันไม่ได้อีก ว่าทำไมลูกชายฉันถึงต้องเดินกลับมาบ้านคนเดียวแบบนี้

หลังจากวันนั้น ทุกปีที่บิ๊กโตขึ้น ฉันไม่แน่ใจว่าทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆ ลูก พูดคุยกับลูก ลูกชายฉันมองแม่คนนี้ยังไง รู้สึกกับแม่คนนี้ยังไง แต่สิ่งหนึ่งทีฉันรู้สึกตลอดคือ ลูกชายฉันมีกำแพงกับฉัน กับโลกใบนี้ เป็นกำแพงที่ฉันไม่รู้จะทำลายมันยังไง

จนวันที่ลูกชายฉันพาเพื่อนที่ชื่อแทนเข้าบ้าน ฉันเห็นลูกชายฉันกอดเพื่อนคนนี้ เห็นตอนหยอกล้อกัน มันแตกต่างกับเพื่อนๆ อีกสามคนของบิ๊กที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน ลูกชายฉันไม่เคยมองฉันหรือใครด้วยดวงตาที่ดูมีความสุขเท่าคนนี้ ลูกชายฉันไม่เคยปฎิบัติกับใครดีแบบนี้ ถึงลูกชายฉันจะยังเด็กไปกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในสายตาผู้ใหญ่ และยิ่งเป็นผู้ชายด้วยกันแล้ว คนเป็นแม่อย่างฉันก็ได้แต่เป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก ฉันได้แต่สงสัยจนต้องถามแทนด้วยตัวเอง

มันเป็นความรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ฉันได้เจอคนที่ทำให้ลูกชายฉันร่าเริงมีความสุขได้ มันไม่สำคัญกับฉันอีกต่อไปว่าเค้าจะเป็นเพศอะไร เป็นใครมาจากไหน แต่ถ้าเค้าเป็นคนดีกับลูกชายฉัน หวังดีกับลูกชายฉัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไม่สนับสนุนให้คบกัน

ฉันกำลังเดินทางไปขอนแก่น เบาะหลัง Mercedes-Benz S-Class ที่โอบอุ้มฉันตอนนี้ ทำให้ฉันคิดถึงเรื่องเก่าๆ เรื่องที่ฉันทำพลาดไป และฉันกำลังเดินทาง เพื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง ทำเพื่อความสุขของลูกชายฉันอย่างไม่มีเงื่อนไข และฉันต้องทำให้ได้ ใกล้ถึงขอนแก่นแล้ว ฉันควรโทรศัพท์ไปนัด ฉันแน่ใจว่าคุณแม่ของแทนว่างตอนนี้แน่ๆ

"สวัสดีคะคุณอุษณีย์ ฉันเป็นคุณแม่ของบิ๊ก พอจะมีเวลาคุยกันสักครู่ได้ไหมคะ"

แม่จะทำให้ได้นะบิ๊ก....

************

บทถัดไปจะเป็นการดูแลของบิ๊ก และการเจรจาระหว่างคุณแม่บิ๊กกับครอบครัวของแทน และหลังจบ มีตอนพิเศษให้อีก 1 หรือ 2 ตอนครับ

รักคนอ่านครับ^^

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เป็นกำลังใจให้ แทน บิ๊ก :L2:
 รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
กรี้ดดดดดดด ตอนแทนเรียก บิ้ก!!! เหมือนยกภูเขาออกจาก อก ขอบคถณคนเขียนเช่นันค่ะ ^^

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ toung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทุกอย่างกำลังดีขึ้น มาต่อเร็วๆนะครับ

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 78 ++
«ตอบ #1026 เมื่อ22-05-2016 16:32:02 »

เขียนเสร็จแล้ว ลงเลยละกันครับ

บทนี้เป็นการพบกันระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่ของแทน กับคุณแม่ของบิ๊ก และแสงปลายที่อุโมงค์ระหว่างบิ๊กกับแทน จะได้เจอกันในบทนี้ครับ

มาดูกันต่อเลยครับ

************

Chapter 78

ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะอยู่ในสภาพนี้ การฝึกเดิน ฝึกนั่ง และช่วยตัวเองในอิริยาบถต่างๆ ผมไม่ท้อที่จะฝึกมัน แต่ผมเกลียดที่ตัวเองเป็นภาระให้กับบิ๊ก ทุกวันที่บิ๊กเฝ้าผม บิ๊กจะพาผมเช้าห้องน้ำ คอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้ผม ร้องเพลง อ่านหนังสือให้ฟัง รวมถึงเวลาภายภาพบำบัด บิ๊กจะเป็นคนกระตุ้นให้ผมฝึกนานขึ้นเรื่อยๆ

“อีกนิดๆ เดินมานะครับเดินมา” ผมพยายามออกแรงขาทั้งสองช้างเดินไปหาบิ๊ก สองแขนของผมยังต้องเกาะราวเหล็กทั้งสองข้างไว้ แล้วพยายามออกแรงเดินด้วยขากับเท้า มันพอมีความรู้สึกบ้างแล้ว แต่ทุกครั้งที่ทิ้งน้ำหนักก้าวลงไป บั้นเอวผมจะเจ็บมาก เท้าผมที่สัมผัสพื้นตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับเด็กทารกที่หัดเดิน อีกนิดซิแทน อีกนิด...

ผมล้มลง แล้วเหมือนเดิมทุกครั้ง บิ๊กจะรีบกอดผมไม่ให้ล้มลงพื้น แล้วประคองผมให้กลับมายืนอีกครั้ง และไม่หน้าผากก็แก้ม ที่บิ๊กจะหอมเบาๆ เป็นกำลังใจให้ผมอยากฝึกต่อ

“ขอลองใหม่นะ” บิ๊กพยักหน้าก่อนจะค่อยๆ ปล่อยให้ผมยืนนิ่งๆ แล้วถอยออกมาทิ้งระยะห่างให้ผมเดินเข้าไปหา ผมค่อยๆ เดินไปช้าๆ หนึ่งก้าว สองก้าว มันยากจนบรรยายไม่ถูก แต่ผมก็พยายามเดินให้ได้เหมือนเดิม

“แทนทำได้แล้ว เดินมาถึงปลายลู่เดินแล้ว” นี่คือครั้งแรกที่ผมล้มแค่รอบเดียว แล้วลุกมาเดินได้จนถึงปลายลู่เดิน บิ๊กค่อยๆ ประคองผมนั่งลงรถเข็นเหมือนเดิม

“น้ำครับ” บิ๊กส่งขวดน้ำเย็นที่ใส่หลอดแล้วให้ผมดูด ก่อนจะเข็นกลับไปที่จุดเริ่มต้นใหม่

“ไหวไหม รอบนี้รอบที่ 5 นะ” ผมพยักหน้าโอเค ก่อนจะลุกขึ้นโดยมีพี่บุรุษพยาบาลคอยประคองให้

ผมเริ่มเดินอีกครั้ง ผมอยากเดินด้วยตัวเองได้ โดยออกแรงพยุงจากแขนให้น้อยที่สุด ผมต้องฝึกเดินขึ้น ลง บันได และฝึกแบบอื่นต่ออีก ด่านแรกที่ผมกำลังเจอ กินเวลาเป็นสัปดาห์ไปแล้ว ผมเริ่มจับราวให้มั่น แล้วค่อยๆ ก้าวขาขวาออกไป เท้าขวายันไว้ ขาซ้ายขยับตาม เท้าขวาที่สัมผัสพื้นตอนนี้ นิ่มเหมือนเยลลี่ที่ไม่มีนำ้หนักกดทับกับพื้น แต่ผมต้องกดมันไว้ แล้วยกเท้าซ้ายไปแตะพื้นเป็นก้าวต่อไป เท้าซ้ายก็รู้สึกนิ่มไม่แพ้เท้าขวาเช่นกัน

ผมพยายามเดิน เดินให้ได้ ออกแรงเดินไปให้ถึง รอบนี้ผมต้องเดินได้โดยไม่ล้ม ทำให้ได้นะแทน ทำให้ได้ ผมก้าวไปเรื่อยๆ รู้สึกสะดุดบ้าง แต่แขนผมทั้งสองก็พอประคองไว้ได้อยู่ ผมหยุดบ้างถ้ารู้สึกมันกำลังจะล้ม แล้วผมค่อยๆ เดินต่อไป

“แทนทำได้นะครับ ค่อยๆ เดินมาหานะครับ” บิ๊กที่เดินถอยหลังอยู่ตรงหน้าผมคอยเชียร์ให้ผมเดินไปเรื่อยๆ ก้าวเล็กๆ ที่ผมพยายามเดินไปเรื่อยๆ ผมไม่แน่ใจมันนานแค่ไหน

“อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว แทนจะก้าวถึงสำเร็จนะ” ผมออกแรงเต็มที่ ก้าวให้นิ่งที่สุด จนผมมาถึงสุดลู่ฝึกเดินได้สำเร็จ บิ๊กหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ในขณะที่บุรุษพยาบาลที่เป็นผู้ช่วยทำกายภาพ ปรบมือให้กับความสำเร็จนี้

“เดินกลับไหวไหมครับ” พี่บุรุษพยาบาลถามผม ผมพยักหน้าสู้อีกสักตั้ง

ผมค่อยๆ กลับตัวบนลู่ฝึกเดิน แล้วเริ่มก้าวใหม่ โดยที่บิ๊กยังคงเดินถอยหลังตรงหน้าผมอยู่เหมือนเดิม ผมดีใจที่ตัวเองทำได้ ผมจะต้องทำให้ได้ ผมเพิ่มความเร็วในการเดิน ในขณะที่บิ๊กบอกให้ผมช้าๆ ค่อยๆ บิ๊กที่เดินถอยหลังอยู่หน้าผม คุมจังหวะให้ผมเดินไปเรื่อยๆ ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป

“แฟนผมเก่งที่สุด” บิ๊กหอมแก้มผมอีกรอบ ก่อนจะช่วยประคองผมนั่งรถเข็นกับพี่บุรุษพยาบาล

“เก่งมากครับ วันนี้เดินไปกลับได้แบบนี้ ถ้าทำได้ต่อเนื่องกว่านี้ เดี๋ยวจะได้ฝึกขึ้นลงบันไดละครับ” พี่บุรุษพยาบาลทำให้ผมรู้สึกมั่นใจขึ้น

“เดี๋ยวไปฝึกลุกกับนั่งต่อนะครับ” ผมพยักหน้าก่อนจะให้บิ๊กเข็นพาไปสถานีสำหรับฝึกการลุกและนั่ง

ผมมองไปรอบๆ เห็นคนที่กำลังพยายามกายภาพ บางคนก็ร้องครวญคราง บางคนก็พยายามไม่แพ้ผม มันเป็นภาพที่ผมมองทุกวันแล้ว ผมสัญญากับตัวเองว่า

ผมจะต้องไม่เป็นภาระให้ใคร และกลับมาแข็งแรงเป็นปกติให้ได้

……………….

อากาศที่ขอนแก่นวันนี้ค่อนข้างร้อนทีเดียว แสงแดดที่ส่องผ่านกระจกรถ ถึงจะไม่ร้อนเพราะฟิล์ม แต่ก็จ้าพอที่จะต้องใส่แว่นกันแดด นายสมาน คนขับรถคู่ใจของฉันยังคงพาพาหนะคันนี้ไปอย่างเรื่อยๆ ไม่ช้า ไม่เร็ว ฉันนั่งสงบใจระหว่างนี้ ถ้านัดคุยธุรกิจ ฉันจะไม่ตื่นเต้นสักนิด แต่นี่คือการนัดคุยเพื่อลูกชายของฉัน ความรู้สึกตอนนี้ แทบไม่ต่างอะไรกับการไปคุยงานให้ท่านเจ้าสัวครั้งแรกเมื่อเกือบสิบปีก่อน

“ถึงละครับคุณผู้หญิง” รถจอดหน้าโรงพยาบาลเรียบร้อย

“ไม่น่าเกินสองชั่วโมง เดี๋ยวกลับกรุงเทพฯ เลย สมานจอดรถให้เรียบร้อย แล้วมาหาที่งีบรอฉันละกันนะ” พลขับของฉันรับทราบแล้ว ก่อนที่ฉันจะเปิดประตูลงจากรถเอง

“คุณอุษณีย์คะ ฉันมาถึงละคะ” ฉันโทรถามคนที่นัดหมายว่าอยู่ที่ไหน และมันก็เป็นใจกับฉันมากที่คุณแม่ของแทน อยู่ที่ห้องทำกายภาพบำบัด​ ฉันรีบเดินไปให้เร็วที่สุด จนมาถึงห้องกายภาพบำบัด

“สวัสดีคะคุณอุษณีย์ สวัสดีคะคุณมนตรี” คุณแม่กับคุณพ่อของแทน สส.ดังแถบอีสาน ที่วันนี้ฉันไม่ได้มาเจรจาธุรกิจอะไร ทั้งสองลุกขึ้นรับไหว้ฉันตามมารยาท

“คุณคงเป็นแม่ของบิ๊ก” ฉันพยักหน้าด้วยรอยยิ้มสั้นๆ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ คุณแม่ของแทน โดยที่คุณพ่อของแทนนั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือของคุณแม่แทนอีกที เราทั้งสามนั่งอยู่เก้าอี้ที่มองเห็นทุกอย่างในห้องทำกายภาพบำบัด

“คุณมีธุระไรกับฉัน” สมแล้วที่เป็นคนตรง ฉันเองก็จะไม่อ้อมค้อมเหมือนกัน

“ฉันอยากให้ลูกชายของเราทั้งสองสมหวังกัน” ฉันก็พูดตรงเหมือนกัน

“คุณคิดดีแล้วเหรอที่พูดแบบนี้ คุณรับได้ที่ลูกชายคุณเป็นแบบนั้นด้วยเหรอ” ฉันสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของคุณแม่แทนไม่โอเคอย่างยิ่ง

“น่าสงสารนะครับที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ผมเข้าใจ แต่ผมว่าคุณก็ไม่น่าคิดสั้นกับอนาคตของลูกคุณเช่นกัน” ฉันไม่รู้สึกว่านี่คือการดูถูกฉัน ดูถูกลูกชายฉัน แต่ฉันกลับรู้สึกอยากสั่งสอนอะไรให้คุณพ่อกับคุณแม่แทนฟังสักหน่อย

“คุณเห็นเด็กสองคนนั้นใช่ไหม ลูกชายคุณกำลังพยายามหัดเดินให้เป็นปกติ ส่วนลูกชายฉันกำลังช่วยลูกชายคุณให้กลับมาเป็นปกติ คุณคิดว่าแรงบันดาลใจที่ทำให้ลูกชายคุณอยากกลับมาเป็นปกติคืออะไร คือคุณทั้งคู่เหรอ คือลูกชายของฉันเหรอ ไม่ใช่เลย...คุณลองบอกได้ไหมว่าอะไรที่ทำให้ลูกชายคุณอยากหายเป็นปกติ” นี่คือหมัดแรกที่ฉันขอส่งเข้าไปหลังจากโดนทักทายไปแล้ว ทั้งคู่ไม่ยอมตอบอะไร แต่สัมผัสได้ว่าไม่พอใจในคำพูดของฉันมากจนอยากยิงทิ้งแบบที่ทั้งคู่ชอบทำประจำแน่ๆ

“ความหวังไงคะ สมมุติว่าคนที่ลูกชายคุณรัก ไม่ใช่ลูกฉัน เชื่อไหมคะ คนๆ นั้น ก็จะเป็นผู้ชายคนอื่นอยู่ดี เพราะลูกคุณเลือกสิ่งที่เค้ารักแล้ว” ฉันรู้สึกได้ว่า ทั้งคู่กำลังระงับอารมณ์อยู่

“สมแล้วที่เป็นแม่ของบิ๊กนะคะ เหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูกจริงๆ” เข้าทางฉันอย่างบอกไม่ถูก

“ไม่หรอกคะ ลูกชายฉันก็เหมือนฉัน เราต่อสู้ความลำบากมาด้วยกัน และเค้าก็ปกป้องสิ่งที่เค้ารักด้วยชีวิตเหมือนกับที่ฉันดูแลลูกฉันจนโตมาได้เช่นกัน คุณลองนึกตามฉันเล่นๆ ไหม อีกสิบปี ยี่สิบปีต่อจากนี้ ถ้าเราทั้งคู่ แยกลูกชายไปให้ใช้ชีวิตแบบที่พ่อแม่ทุกคนอยากให้เป็น มีใบปริญญาสูงๆ ต้องแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ มีงานการมั่นคง แล้วลูกชายของเราคนใดคนนึง ปล่อยความเป็นตัวเองออกมา แล้วความเป็นตัวเองที่ปล่อยออกมา คือทุกอย่างที่เราตีกรอบห้ามทั้งนั้น เวลานั้นคุณจะมีแรงห้ามหรือดีกรอบแบบตอนนี้ไหมละ ฉันท้าเลยว่าไม่” ฉันค่อยๆ จับมือตัวเองเบาๆ จับแหวนแต่งงานเบาๆ เพราะนี่คือสิ่งที่ทำให้ฉันรู้ว่า ฉันมีลูกเพราะสิ่งนี้ และฉันรักษามันไว้อยู่

“คุณอุษณีย์ คุณมนตรี คุณลองนึกถึงลูกชายคุณในอีกสิบปีต่อจากนี้ คุณให้เค้าเป็นอย่างที่คุณเป็น ลูกชายคุณจะเป็นแน่นอน แต่วันนึง ความต้องการจริงๆ เค้าจะโหยหาออกมา แล้ววันนั้นเค้ายืนด้วยขาตัวเองได้ เค้าจะทำตามความต้องการตัวเองแบบไม่ไว้หน้าคุณ คุณจะตีลูกแบบเด็กๆ ก็ไม่ได้แล้ว ลูกคุณจะไม่อยู่ใกล้ๆ คุณอีกตลอดไป คุณจะอยู่โดดเดี่ยวอย่างน่ากลัว คุณเอาไหมละ” ฉันหันไปเผชิญหน้ากับคุณแม่ของแทนตรงๆ สีหน้าของทั้งคู่แทบอยากจะฆ่าฉันใช่ไหมละ

“ความคิดสกปรกทั้งแม่ทั้งลูกจริงๆ” นี่คือคำที่แม่ของแทนสบถใส่ฉันอย่างสุดภาพที่สุด แต่ฉันไม่โกรธสักนิด

“คุณทั้งคู่ให้เหตุผลหน่อยซิ การที่ลูกชายคุณชอบผู้ชายด้วยกัน เป็นเรื่องน่าอายเพราะอะไร?” ฉันถามตัวเองแบบนี้เหมือนกันตอนที่บิ๊กพาแทนเข้าบ้านว่า ถ้าเรามีลูกชายที่ชอบผู้ชาย เรารับได้ไหม มันน่าอายไหม แต่ฉันก็ตอบตัวเองชัดๆ ว่า ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรสักนิด และคำถามนี้ ทำให้พ่อกับแม่ของแทนนิ่งไปทันที

“คุณกลัวเสียงวิจารณ์คนอื่นใช่ไหม คุณกลัวคนอื่น ทั้งที่คุณมีอำนาจล้นเหลือ คุณไม่อยากให้ใครนินทาคุณหรือลูกคุณ ทั้งที่มันห้ามยังไงก็ไม่ได้อยู่แล้ว ฉันพูดถูกไหมคะ” น้ำเสียงฉันหนักแน่นขึ้น

“ฉันไม่ได้อยากต้อนคุณทั้งคู่ให้จนมุมหรือเอาชนะ แต่ฉันอยากให้คุณคิดบ้าง ลึกๆ แล้ว คุณโอเคไหมละ ที่ลูกต้องอยู่ตามที่คุณอยากให้เป็น แต่เค้าจะไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต ฉันเคยตกนรกเพราะสามีฉันมาแล้ว ฉันเลยรู้ว่า ถ้าวันนึงลูกของฉันต้องใช้ชีวิตกับคนที่ไม่ได้รักจริงๆ เค้าจะทำลายชีวิตอีกคนเหมือนที่สามีฉันทำลายฉันมาแล้ว คุณอยากให้ลูกชายคุณทำแบบนั้นกับคนอื่นๆ ในอนาคตที่คุณกำลังจะเอามาให้ แล้วบอกลูกคุณว่า คนนี้พ่อเลือกแล้ว คนนี้แม่เลือกแล้ว ลูกต้องเลือกคนนี้ คุณเอาแบบนั้นจริงๆ เหรอ” ฉันเผชิญหน้าอย่างไม่เกรงกลัวอะไรแล้ว

“ฉันเลี้ยงลูกฉันได้ เธอไม่ต้องสอนฉัน เธอไม่ได้เป็นฉัน ไม่ได้เป็นแม่ ไม่ได้เป็นพ่อ ไม่รู้หรอกว่าฉันทั้งคู่เจออะไรมา กว่าจะทำให้แทนมั่นคงในอนาคตต่อจากนี้ได้ เธอควรสอนลูกตัวเองให้ดีกว่านี้มากกว่านะ” คุณแม่ของแทนกำลังพาลใส่ฉัน

“ผมมีลูกชาย ลูกชายก็ต้องเป็นผู้ชาย นี่ไม่ใช่พฤติกรรมที่โลกยอมรับอยู่แล้ว ผมไม่ได้กำหนดลูกผม แต่ผมบอกให้ลูกผมรู้ว่า สิ่งที่ลูกผมจะเป็น มันไม่มีเกียรติ มันลำบาก มันจะจบไม่สวยถ้าเลือกทางเดินแบบนั้น” คุณพ่อของแทนย้ำความพาลใส่ฉันอีกคน ฉันถอนหายใจช้าๆ เบาๆ ก่อนจะบอกว่า

“คุณจะทำอะไรก็ทำไปนะ แต่คุณ ฉัน หนีความจริงไม่ได้ว่า เด็กสองคนนี้รักกัน เด็กสองคนนี้พยายามพัฒนาชีวิตด้วยความรัก เด็กสองคนนี้ไร้เดียงสาว่าความรักชนะทุกสิ่ง เด็กสองคนนี้จะไม่เลิกรักกัน เพราะยิ่งคุณห้าม เด็กสองคนนี้จะยิ่งรักกันมากขึ้นเรื่อยๆ คุณจะไม่มีวันชนะลูกคุณ” สีหน้าของพ่อกับแม่แทนเหมือนโดนอะไรสักอย่างแทงใจดำไปเต็มๆ

“คุณจะไม่เสียอะไรเลย ถ้าคุณให้ลูกชายคุณเป็นในสิ่งที่เค้าเป็น แต่คุณจะเสียทุกอย่างไปเรื่อยๆ ถ้าคุณพยายามบังคับเค้า ที่ฉันกล้าพูดได้ เพราะฉันเสียลูกชายไปแล้ว แล้วคนที่พาลูกชายฉันกลับมา ก็คือลูกของคุณ” ฉันขอจบการสนทนากับคู่สามีภรรยาคู่นี้ไว้แต่เพียงเท่านี้ละกัน

“ฉันจะเชื่อใจลูกชายคุณได้ไง” คำถามคุณอุษณีย์ข้อนี้ มันง่ายมากที่ฉันจะตอบ

“ฉันรับรองอะไรให้ไม่ได้ เพราะผู้ใหญ่สัญญาเรื่องของเด็ก มันไม่เคยสำเร็จตามสัญญาอยู่แล้ว คุณทั้งคู่ต่างหากที่จะบอกเองได้ว่า คุณเชื่อใจหรือไม่เชื่อใจลูกชายฉัน” ฉันยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย

“อนาคตเป็นสิ่งที่ตอบไม่ได้ แต่ปัจจุบันเราก็เห็นอยู่ว่าเด็กสองคนนี้รักและดูแลกันแค่ไหน ฉันไม่มีธุระอะไรแล้วคะ ขออภัยในคำพูดบางคำที่ล่วงเกินความรู้สึกคุณทั้งสอง แต่เราทั้งคู่ต่างมีความเป็นพ่อแม่อยู่ในตัว เราต่างอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก แต่เราก็ต้องไม่ลืมมองย้อนกลับว่า สิ่งที่เราให้ คือสิ่งที่ดี หรือสิ่งที่ทำลายชีวิตลูกของเรากันแน่ สวัสดีคะ” ฉันลุกขึ้นไหว้คุณพ่อกับคุณแม่ของแทน ก่อนจะเดินกลับออกไปโดยไม่ให้ทั้งแทนกับบิ๊กเห็นว่าฉันมาหา

ฉันทำได้เท่านี้จริงๆ ที่เหลือ ก็อยู่ที่บุญวาสนาของเด็กทั้งสองละกัน...

……………….

วันนี้แทนทำกายภาพได้นานมาก แทนไม่มีสีหน้าเหนื่อยสักนิด แต่ที่แน่ๆ แฟนผมอยู่โรงพยาบาลนานจนต้องขออะไรผมเป็นพิเศษ นั้นคือ

“เค้าอยากกิน KFC” หายากมากที่แฟนผมอยากกินของแบบนี้ แต่เมื่อแทนขอมา ผมก็จัดให้ครับ โทรสั่งเรียบร้อย รอสักครู่นะครับ

“ลืมไปเลยอะ มือไม่มีแรง จะกินยังไง” แฟนผมจู่ๆ ก็พูดให้ผมฟังแบบนี้

“แล้วลืมไปเหรอครับ มีแฟนแกะให้กินไงครับ” แทนยิ้มเหมือนเด็กได้ของเล่น

“รู้แล้ว แค่อยากอ้อนแฟนอะครับ” ผมค่อยๆ ลูบศีรษะที่เกลี้ยงๆ จากการโกนหัวเพื่อผ่าตัด

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ้าแทนเดินได้คล่องขึ้น เดี๋ยวไปฝึกบันไดกันนะครับ” แทนพยักหน้า

“ดีนะ เปิดเทอมมหาลัยรออีกหลายเดือน แทนต้องแข็งแรงกลับไปทันเปิดเทอมนะ” ผมหอมหน้าผากแฟนสักที แล้วนั่งลงข้างๆ เตียง....แล้วมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ผมเดินไปเปิดประตูหน้าห้อง เป็นคุณพ่อกับคุณแม่ของแทนเดินเข้ามา ผมเปิดประตูให้ทั้งคู่เข้ามาในห้อง ก่อนจะยกมือไหว้สวัสดี เพราะนี่คือครั้งแรกของวันนี้ที่คุณพ่อกับคุณแม่ของแทนแวะมาเยี่ยม ผมยืนอยู่ห่างๆ ให้คุณพ่อกับคุณแม่คุยกับแทนให้จบก่อน เพราะปกติ พอคุยเสร็จ จะออกไปเองโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“บิ๊ก เรามีอะไรต้องคุยกันหน่อย” คุณพ่อของแทนเรียกผม ผมหันไปมองแทน สีหน้าแทนดูกังวล แต่ผมก็ยิ้มว่า ไม่น่ามีอะไรมากหรอก ผมเดินตามคุณพ่อกับคุณแม่ของแทนออกไปนอกห้อง แล้วไปคุยกันที่ร้านกาแฟเล็กๆ ในบริเวณของโรงพยาบาล
 
"ดื่มอะไรไหม" ผมยิ้มๆ ส่ายหน้าไม่เป็นไร ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่ของแทน สั่งกาแฟเย็นคนละแก้ว

"ตอนแรกกะไว้ว่าแทนหายป่วยเมื่อไหร่ จะพาไปอเมริกาอย่างที่เคยบอกเราไว้ จำได้ใช่มะ" ใช่ครับ คุณน้าเคยบอกไว้ ผมพยักหน้ารับคำว่าจำได้

"เธอรู้จักกับแทนได้ไง" แม่บิ๊กเปิดคำถามแรกมา

"ผมนั่งเรียนพิเศษข้างๆ แทนครับ เราทั้งคู่แทบไม่ได้คุยกันจนวันที่จบคอร์สเรียน ถึงได้รู้จักกันเป็นทางการครับ" ผมไม่รู้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของแทนจะมาไม้ไหน

"แล้วเธอจีบลูกชายฉันต่อหรือเปล่า" คุณพ่อแทนถามผมต่อ

"เปล่าครับ ผมไม่เคยเกินเลยกับแทนมากกว่าเพื่อน แทนเป็นคนดี เป็นคนจิตใจดีมากครับ" ผมแอบจับมือตัวเองไว้แน่นๆ เพื่อระงับความตื่นเต้นว่าพ่อกับแม่แทนกำลังจะทำอะไรกันแน่

"แล้วเธอเป็นแฟนลูกชายฉันได้ไง" คำถามของคุณแม่แทน ทำให้ผมคิดย้อนไป ก่อนจะบอกว่า

"ผมไม่รู้เหมือนกันว่าที่เราคบกันคืออะไร แต่ผมรู้สึกดีมากๆ ที่ใกล้ชิดกับแทน ผมแค่คิดว่าแทนเป็นเพื่อนในแบบที่ผมไม่เคยมี เพราะเพื่อนๆ ที่ผมสนิททุกคน ไม่ได้มีมุมแบบที่แทนทำให้ผม คือ ตอนที่แทนบอกว่าชอบผมในสถานะคนรัก ผมก็ทำไรไม่ถูกไปพักใหญ่นะครับ แต่พอผมไม่เจอแทนนานๆ กลายเป็นผมที่เสียใจอย่างบอกไม่ถูก ผมเลยรู้ว่า ผมรู้สึกไงกับแทน" ผมไม่ได้พูดฉะฉานอะไรนัก เพราะผมไม่รู้ว่าคุณน้าทั้งสองจะถามผมทำไม

"เธอไม่คิดเรื่องอนาคตบ้างเหรอ ครอบครัว การงาน ตอนมีอายุ เพราะคบกับแบบนี้ ฉันก็ไม่เห็นอนาคตอะไรเลยนะ" คำถามคุณพ่อของแทน ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมอาจจะคิดหนัก แต่ตอนนี้ผมมั่นใจที่จะตอบว่า

"ตอนผมเด็ก ผมเห็นสิ่งต่างๆ ที่ผมมาเข้าใจเอาตอนโต ผมโดนพ่อทิ้ง ผมต้องอยู่คนเดียวเพราะแม่ไม่มีเวลา ผมต้องมองหน้าต่าง มองทีวี มองการ์ตูนเล่มเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก เวลามันผ่านไปช้ามาก มากจนผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ผมจะผ่านมันไปได้ ไม่รู้ซิครับ แต่ผมรู้สึกว่า ผมไม่อยากได้อะไรนอกจากใครสักคนที่อยู่ใกล้ๆ ผม รักผม ไม่ทิ้งผมไปอีก ผมไม่อยากมีโดดเดี่ยวแบบตอนเด็กที่ผ่านมาอีก ถ้าผมเจอใครสักคนที่ผมรัก ผมจะรักเค้าให้หมดใจ ผมจะไม่ทิ้งเค้าไปไหนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมแค่ไม่อยากให้คนดีๆ ที่ผมเจอในชีวิตต้องเดินจากผมไปอีก ประมาณนั้นอะครับ" ผมคิดว่านี่เป็นคำตอบที่ดีสำหรับคำถามนี้

"ผมขอบอกไว้ตรงนี้นะครับ ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย ผมยังเป็นผู้ชายที่เหล่ผู้หญิงเหมือนปกติ ละก็ พฤติกรรมแบบผู้ชายปกติ แต่กับแทน เค้าคือคนเดียวที่ผมรักในความดี อบอุ่นที่เค้าดูแลผม ผมมีความสุขทั้งเวลาปกติ และเวลาที่เราทั้งคู่ทำอย่างที่คนรักกันทำด้วยกัน...ครับ" ผมพูดออกไประหว่างที่ความเงียบระหว่างคำถามเกิดขึ้น คุณน้าทั้งสองดูดกาแฟในแก้วกัน มองผมสลับกับมองหน้ากัน

"ฉันไม่เคยเลี้ยงให้ลูกชายฉันเป็นแบบนี้ ฉันอยากแก้ให้ลูกชายฉันไม่เป็นแบบนี้" คุณพ่อของแทนพูดขึ้น ก่อนจะถอนหายใจออกมา ผมได้แต่นั่งเงียบๆ ไม่กล้าให้ความเห็นอะไรออกมา

"เธอได้กับแทนแล้วใช่ไหม" คำถามคุณแม่แทนทำเอาผมกลัวที่จะตอบ

"ครับ" ผมตอบได้แค่นี้จริงๆ

"ลูกผู้ชายตอบให้มันมั่นใจกว่านี้ได้ไหม" คุณพ่อของแทนวางแก้วกาแฟลง พร้อมเสียงที่หนักแน่น ผมตอบคำถามนี้ใหม่ว่า

"ใช่ครับ" ผมตอบให้ฉะฉานมั่นใจบ้าง

"ฉันจะมั่นใจได้ไง ว่าแทนคบกับเธอแล้วมีอนาคต" คุณแม่ของแทนถามคำถามปลายเปิดแบบนี้

"ระหว่างที่เราคบกัน มันมีเรื่องแย่ๆ ผ่านเข้ามาหนักๆ ผมพิสูจน์ตัวเองได้ว่าผมไม่ใช่ เพราะผมรักแทนคนเดียว เราเคยคุยกันว่า เรียนจบ ผมจะ..." ผมกลัวว่าพูดจบจะดูเล่นใหญ่เกินไปหน่อย แต่ผมก็บอกไปว่า

"ผมอยากขอแทนแต่งงานให้ถูกต้องกับคุณน้าครับ" หลังผมพูดจบ สีหน้าที่ผมจับทางไม่ได้ของคุณน้าทั้งสอง ยิ่งทำให้ผมเดาไม่ถูกว่า ฟังแล้วทั้งสองรู้สึกยังไงกันแน่

"เราทั้งคู่ไม่เคยโอเคที่ลูกชายฉันเลือกที่จะเป็นชายรักชาย ฉันขอบอกกันไว้ตรงนี้เลย แต่สำหรับเธอ เธอชนะแล้ว" คุณพ่อของบิ๊กเอยสิ่งที่ผมฟังแล้วอยากแคะหูซ้ำ หรือถึงแคะ ผมก็งงว่าหมายความว่ายังไง

"อย่าทำให้ลูกฉันเสียใจเด็ดขาด เธอเลือกแล้ว ห้ามทิ้งลูกฉันเด็ดขาด" ผมบอกไม่ถูกเลยว่า สิ่งที่คุณแม่แทนบอกแบบนี้คืออะไร ตกลงว่าอนุญาตแล้ว? ผมเลยอึ้งบอกไรไม่ถูก

"จำไว้นะ ฉันไม่ได้เต็มใจให้เธอคบลูกชายฉัน แต่เธอมันทนมือทนเท้าเอง เมื่อทนนัก ก็เอาเถอะ ฉันขี้เกียจยุ่งอีก" นี่คือคำพูดที่ผมมั่นใจแล้วว่า คุณแม่ของแทนอนุญาต

"ห้ามทำให้ลูกฉันเสียใจเด็ดขาด ไม่งั้นจะไม่มีดินให้กลบหน้าแน่นอน" คุณพ่อของแทนพูดจบ ทั้งคู่ลุกขึ้นวางค่ากาแฟไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะเดินไป ผมลุกขึ้นแล้วบอกก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกไปว่า

"ขอบคุณครับ" แต่ทั้งคู่ก็ไม่หันกลับมา แล้วเดินไปเลยโดยไม่หันกลับมามองผม ผมรีบกลับไปที่ห้องพักของแทน ผมดีใจจนบอกไม่ถูกจริงๆ

ในที่สุด ความรักชนะทุกสิ่ง...

************

เหลืออีกสองบทสุดท้ายจะจบละครับ จริงๆ ขอให้เป็นพื้นที่ความสุขของบิ๊กกับแทนนิดนึงก่อนจบ และตอนพิเศษผมตกลงจะมีให้ 1 ตอน เป็นเรื่องของ บิ๊กกับแทน ตอนอายุ 30 ครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตาม รักคนอ่านครับ^^


ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ toung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ในที่สุดก็สมหวังกันจนได้ พ่อกับแม่ของแทนยอมรับบิ๊กแล้ว ต่อนต่อไปมาเร็วนะครับ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
หลังเที่ยงคืนเดี๋ยวลงบทที่ 79 ให้อ่านกันนะครับ พึ่งทำเสร็จพอดี

บทที่ 80 เป็นตอนจบละครับ ละก็มีตอนพิเศษให้นะครับ

รักคนอ่านครับ

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 79 ++
«ตอบ #1031 เมื่อ25-05-2016 02:19:14 »

บทรองสุดท้ายมาละครับ กลับเข้าสู่ความสงบสุขกันแล้ว และบทสุดท้ายจะไม่ใช่ตอนจบนะครับ แต่เป็นทิศทางต่อไปจากนี้ของทุกตัวละครในแบบชีวิตที่ต้องเดินต่อไป

ส่วนบทรองสุดท้าย เชิญอ่านกันครับ^^

***********

Chapter 79

เดือนครึ่งแล้วที่ผมอยู่โรงพยาบาล ที่จริง ตอนอาทิตย์ที่สาม จะกลับก็ได้ แต่คุณพ่อกับคุณแม่อยากให้ผมฟักพื้นให้ชัวร์ ละก็ กลัวว่าเดินทางกับช่วยตัวเองลำบาก เลยให้นอนพักที่โรงพยาบาล มันไม่น่าเบื่อเลยครับ ไม่ใช่เพราะบิ๊กอยู่กับผมนะ แต่เพราะว่า

"สวัสดีครับทุกๆ ท่าน วันนี้ใครทำกายภาพแล้วเหนื่อย ฟังเพลงเพราะๆ จากพวกเราวงกุมารทองกันนะครับ วันนี้พวกเราแวะมาขับกล่อมให้ทุกท่านสู้ๆ กลับมาแข็งแรงๆ กันนะครับ" นั้นแหละครับ ทุกช่วงสายถึงเที่ยง ช่วงตอนที่ผมอยู่โรงพยาบาลครบเดือนแล้ว โจเค้าฉลองที่ได้ใบขับขี่ ก็เลยเอารถตู้ที่บ้านขนเพื่อนๆ มาอาสาร้องเพลงให้ผู้ป่วยฟัง แน่นอนว่า นักร้องนำวงกุมารทอง จะเป็นใครไปได้นอกจากแฟนผมเอง

รอยยิ้มจากผู้ป่วยด้วยกัน ผู้สูงอายุบางคนก็ขอแจมร้องด้วย เหล่าเพื่อนๆ บิ๊กก็จัดเพลงมาตรงกลุ่มเป้าหมาย เพลงเก่าหลายเพลงที่ผมไม่คิดว่าบิ๊กกับเพื่อนๆ จะรู้จัก ก็จัดให้เป็นเวอร์ชั่นสนุกสนาน ไม่ก็ฟังสบายๆ จนไม่ว่าผู้ป่วยในห้องกายภาพ หรือใกล้เคียงที่ผ่านมา ก็ต้องหยุดฟัง

"แทนๆ นี่แม่เราทำมาฝาก บำรุงอย่างดีเลย เห้ย เชี่ยบิ๊ก มึงให้แฟนมึงกินด้วยนะ ห้ามแดกเองด้วย" แม่ของโจทำพวกของตุ๋น น้ำซุปยาจีนมาฝากผม ซึ่งผมเองก็ไม่เคยเจอครอบครัวโจ แต่ผมขอบคุณมากครับ

"แชมป์เป็นไร ทำไมหน้าเซ็งๆ อะ" ผมเห็นแชมป์นั่งเงียบๆ มาสักพักแล้ว
 
"ไม่มีอะไรหรอกแทน มันงอนผัวมันอยู่ ซ้อมบาสฯ โค้วต้านักกีฬามหาลัย แล้วชวนมาเยี่ยมก็ไม่มา" ตั้มตอบแทนเพื่อนให้ซะงั้น
 
"ก็ไม่ได้งอนอะไร ไม่มาก็ไม่เป็นไร เข้าใจว่าต้องซ้อม เพราะมหาลัยเค้าเรียกตัวไว้อยู่" ผมรู้เลยว่าแชมป์ปากไม่ตรงกับใจตามปกติที่ตัวเองเป็น

"ปากแข็งสัดๆ มึงอยากให้ผัวมาด้วยก็บอกมาเถอะ" แชมป์ไม่ตอบอะไรตั้มนอกจาก ชูนิ้วกลางให้ ก่อนจะใส่หูฟังเป็นการตัดบท
 
"เดี๋ยวเราบอกไบรท์ให้ อย่างอนเพื่อนเรานะ" พอผมบอกไปเท่านั้นแหละ แชมป์มันแอบยิ้ม ก่อนจะหุบกลับไปหน้าขึงขังเหมือนเดิม

"แทน อย่าทำแบบไอ้แชมป์มันนะ ชอบก็บอก ไม่ชอบก็บอกนะครับ" บิ๊กอ้อนผมอีกแล้ว แล้วแชมป์เหมือนรู้ มองบนใส่บิ๊กซะงั้น เพื่อนๆ ที่เหลือเห็นก็เรียกเสียงหัวเราะได้ แล้วแชมป์ก็โทรศัพท์ออกไปหาใครสักคน

"ไอ้เชี่ยไบรท์ กูคิดถึง กลับกทม.พรุ่งนี้ มาง้อตอนทุ่มตรงที่หน้าบ้าน ถ้าไม่มา เราเลิกกัน" แล้วแชมป์ก็วางสายไปเลย พร้อมกันหันมาบอกทุกคนว่า

"พอใจยัง เลิกแซวกูด้วย" แล้วคำแซวกลับที่โดนจนทำเอาบรรยากาศในห้องตีกันเล็กน้อยก็มาจากโจ

"กูเข้าใจนะ ประจำเดือนมันมาพอดี พวกมึงใครว่างหาแผ่นบางให้มัน..." แล้วแชมป์ก็ลุกขึ้นมาไล่เตะโจ รอบเตียงผม โดยใช้บิ๊กกับตั้มเป็นเกราะกำบัง สลับเอาผมเป็นทึ่พึ่งบ้าง

นี่แค่ตัวอย่างของการมาเยี่ยมของเหล่าเพื่อนๆ บิ๊ก ที่มาแล้วปั่นป่วนสุดๆ ส่วนเพื่อนๆ ที่ห้องผม ทีมบาสกับโค้ช ก็แวะมาเยี่ยมกันแล้ว ของเยี่ยมในห้องตอนนี้ เต็มจนไปกองในห้องรับแขกให้หมดเรียบร้อย บางส่วนที่บ้านผมก็เอากลับไปแล้ว

"บิ๊กครับ" ผมถามขณะที่บิ๊กกำลังจะนอนที่โซฟาตัวเดิมที่อยู่ข้างเตียงผม

"ว่าไงครับผม" บิ๊กลุกมานั่งข้างๆ เตียงผมทันที

"เหนื่อยไหม" บิ๊กส่ายหน้าอย่างร่าเริง

"เรากลัวบิ๊กเหนื่อย อยู่โรงพยาบาลกับเราเป็นเดือนๆ ไม่ได้ไปไหนเลย" บิ๊กจับมือผมก่อนจะบอกว่า

"เราอะ อยู่ที่ไหนก็ได้ ถ้ามีแทนอยู่กับเรา อยู่ที่ไหนตลอดไป เราก็อยู่ด้วยครับ" ผมขยับตัวลุกขึ้นจะนั่ง บิ๊กปรับเตียงให้ผมเอนตัวขึ้นมา 45 องศา

"นอนไม่หลับเหรอครับ" ผมส่ายหน้าไม่ใช่ ก่อนจะบอกว่า

"เรา..." ผมไม่เคยขออะไรแบบนั้นก่อน แต่พอผมทิ้งช่วงที่จะพูดว่าผมจะบอกอะไร บิ๊กค่อยๆ ขยับตัวเข้าหาผมใกล้ๆ แล้วหลับตาลง ค่อยๆ เอาริมฝีปากของบิ๊กสัมผัสริมฝีปากผม ก่อนที่ริมฝีปากของเราจะบดกันเบาๆ ช้าๆ แล้วลิ้นของบิ๊กก็สอดเข้ามาในช่องปากผม ก่อนที่ลิ้นของผมจะออกไปสัมผัสด้วยกัน

ใช่ครับ นี่คือจูบแรกของเราจริงๆ หลังจากที่ผมฟื้นขึ้นจากความตาย ผมดีใจจนร้องไห้ขณะที่จูบนี้กำลังดำเนินไปอย่างช้าๆ มือของบิ๊กวางที่ไหล่ผม ก่อนจะค่อยๆ ถอนลิ้นกับริมฝีปากผมออกมาเบาๆ เหลือสัมผัสของน้ำลายที่อาจจะยึดติดกันระหว่างริมฝีปาก ก่อนสัมผัสนั้นจะขาดลงเบาๆ

"เราคิดว่าจะไมได้จูบแทนแบบนี้แล้ว" บิ๊กเอยขึ้นก่อนที่ผมจะเอยขึ้นมา

"เราจะไม่เป็นไรให้บิ๊กห่วงอีกนะครับ" บิ๊กนั่งลงข้างๆ เตียงผม แล้วจับมือขวาของผมขึ้นมา หลับตาลง แล้วค่อยๆ ดูดหัวนิ้วกลางเบาๆ ค่อยๆ บดริมฝีปาก ผสานกับลิ้นค่อยๆ คลึงนิ้วผมเบาๆ แล้วบิ๊กก็หยุด ลืมตาขึ้นมามองอย่างพอใจ แล้วจับมือผมไว้แน่นๆ ด้วยสองมือของบิ๊ก

"เรามีอะไรจะให้นะ" บิ๊กวิ่งไปที่ห้องรับแขก เพราะกระเป๋าเดินทางของบิ๊กอยู่ตรงนั้น บิ๊กกลับมาพร้อมกล่องใส่แหวน แล้วบิ๊กก็หยิบมันมาสวมกับนิ้วนางข้างซ้ายของผมอย่างพอดี
 
"ตอนที่แทนเกิดอุบัติเหตุอะ แหวนที่นิ้วนางของแทนหายไป เราเลยไปสั่งทำวงใหม่มาให้ เหมือนเดิมทุกอย่าง เป็นแหวนคู่กับวงที่เราใส่ที่นิ้วนางซ้ายของเราเหมือนกัน

“ขอบคุณนะ” ผมเองก็หาแหวนไม่เจอตั้งแต่ฟื้น ว่ามันอยู่ที่ไหน จะถามพ่อกับแม่ก็คงไม่ดี ถามคุณยายก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน จะถามบิ๊กก็ลืมทุกที

“แทน แม่เราบอกเรื่องของเรากันยัง” ผมคิดว่าน่าจะเรื่องเดียวกับที่คุณพ่อกับคุณแม่ผมคุยก่อน แล้วค่อยเรียกบิ๊กไปคุยเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช่ไหม ผมเลยทำหน้าสงสัยเล็กๆ

“พ่อกับแม่แทน อนุญาตเรื่องของเราแล้วนะ” ผมรีบพยักหน้าทันที

“เราก็นึกว่าเรื่องอะไร วันที่เราอยากกิน KFC อะแหละ บิ๊กกลับมาที่ห้อง เรารอจนหลับ พอตื่นก็ลืมบอก พอไก่มาส่ง ก็ลืมเล่าให้ฟัง” ใช่...วันนั้นผมลืมจริงๆ

“พ่อกับแม่เราบอกว่า ขอคุยกับบิ๊กก่อน ถึงจะตัดสินใจว่าจะอนุญาตไหม แต่เราก็คิดว่าพ่อกับแม่เราน่าจะไม่มีปัญหาแหละ เพราะพ่อกับแม่เราบอกว่า ไม่ต้องไปอเมริกาแล้ว เราก็เลยเข้าใจว่า พ่อกับแม่เราน่าจะโอเคกับเรื่องของเราแล้ว

“อืม...พ่อกับแม่แทนบอกเราว่า ไม่ได้อนุญาตเรื่องของเรา แต่จะไม่ยุ่งกับเรื่องของเราอีก ให้เราดูแลแทนให้ดี ห้ามทำให้แทนเสียใจ แบบนี้แปลว่าน่าจะผ่านแล้วนะ” ผมกุมมือบิ๊กแน่นๆ

ใบหน้าของบิ๊กตอนนี้ คือใบหน้าที่มีความสุขที่สุดตั้งแต่เรารักกันตลอดสามปี ไม่มีอะไรต้องรู้สึกกังวลด้วยกันอีก สิ่งที่บิ๊กบอกกับผมเสมอ ในที่สุดก็เป็นจริงแล้ว

“ความรักชนะทุกสิ่ง”

……………….

ระหว่างที่แทนกำลังทำกายภาพด้วยการเดินกับไม้เท้าตอนนี้ มีอย่างหนึ่งที่ผมคิดอยู่เสมอว่า ตกลงแล้ว ที่พ่อกับแม่แทนอนุญาตให้เราทั้งคู่คบกันได้ เพราะฝีมือของแม่ผมหรือเปล่า เพราะแม่ผมเคยสัญญาว่าจะมาคุยให้ ว่าแล้วผมโทรหาแม่ผมดีกว่า

“สวัสดีครับแม่” ผมทักทายตามแบบประจำที่ผมโทรไป

“แทนเป็นไงบ้างลูก ดีขึ้นไหม” ตลอดช่วงที่ผ่านมา ผมไม่ได้กลับบ้าน ช่วงที่แทนอาการแย่ๆ ผมโทรไประบายกับแม่บ้าง

"ผมมีข่าวดีจะบอกแม่ คือ พ่อกับแม่แทนเค้าอนุญาตให้ผมคบกับแทนแบบคนรักกันได้แล้ว" เสียงตอบรับจากแม่ผมคือ อืม แบบอารมณ์ดีเวลาที่แม่ผมคุยกับใครก็ตามแล้วเรื่องที่ฟังเป็นเรื่องที่ดี

"งั้นแม่ไม่ต้องไปคุยแล้วใช่มะลูก" ผมนี่ตกใจ ตกลงไม่ใช่ฝีมือแม่ผมเหรอ

"แม่ได้มาคุยกับพ่อแม่ของแทนเหรอครับ" ผมคิดไม่ออกเลยว่า ทำไมพ่อกับแม่แทนถึงได้ยอมให้เราทั้งคู่ได้คบกัน

"ถ้าไม่ใช่แม่ แล้วทำไม..." ผมแอบไม่มั่นใจว่าเพราะอะไร

"บิ๊กเฝ้าลูกเค้าทั้งวันขนาดนั้น ก็ต้องชนะใจเค้าบ้างแหละ ฝีมือลูกล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับแม่หรอก" แต่อย่างคุณพ่อกับคุณแม่แทน เค้าไม่น่าใจอ่อนง่ายๆ หรอกนะ

"แม่ครับ ขอบคุณแม่ที่อนุญาตให้ผมกับแทนคบกันนะครับ" ผมดีใจที่แม่ผมโอเควันที่พาแทนไปแนะนำตัวที่บ้าน

"ลูกเจอคนดี แม่ก็ไม่มีเหตุผลจะห้ามนี่ ดูแลแทนดีๆ นะ ลูกลำบากสมหวังแล้ว ต้องดูแลแทนให้ดีที่สุดนะ" ผมอยากกอดแม่ผมแน่นๆ หอมแก้มแม่สักที หลายทียิ่งดีเลยครับ

"งั้น แม่ช่วยมาขอแทนให้บิ๊กนะครับ นะครับ" ผมเข้าโหมดอ้อนอีกแล้ว

"ให้แทนเค้าหายดีก่อนนะ ลูกอะ อย่าพึ่งเพ้อมาก แม่ไม่ลืมที่ลูกบอกนะครับ" ผมรักแม่นะ

"ขอบคุณนะครับแม่ บิ๊กขอโทษที่ทำตัวไม่ดีตลอดมา" การมีแทน ทำให้ผมรู้ว่า แม่ผมไม่เคยทำอะไรผิด แต่ผมต่างหากที่เป็นลูกที่ไม่ดีเอาซะเลย

"แม่ไม่เคยโกรธหรือน้อยใจลูกนะ แม่ก็รักบิ๊กนะ" กลับไปจะรีบกอดแม่นะครับ

"ตกลง แม่ได้มาคุยให้ใช่ไหมครับ" ผมถามไปงั้นๆ เผื่อแม่ผมจะเฉลย

"ไม่ได้ไปจ๊ะ" ง่า ไม่ได้มาก็ไม่ได้มาครับ

"รักแม่นะครับ" ผมวางสายลง แล้วกลับไปข้างๆ แทนที่กายภาพอยู่ตอนนี้

ทุกครั้งที่ผมมองแทน มีแทนในชีวิตตั้งแต่วินาทีแรก ทำให้ผมรู้ว่า เวลาเรารู้สึกแย่ รู้สึกว่าสิ่งที่แย่ๆ ที่อยู่กับเรามันนานแค่ไหน เมื่อความสุขมาถึง ทุกอย่างที่เราคิดว่าแย่ เราจะลืมไปเองว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน

"พักก่อนไหมครับ" แฟนผมส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วฝึกกายภาพต่อไปเหมือนเดิม

……………….

การเดินด้วยตัวเองได้อีกครั้ง ให้ความรู้สึกเหมือนเกิดใหม่จริงๆ ถึงมันจะต้องใช้ไม้เท้าช่วย เวลาบิดตัวหรือขยับตัวในบางท่า ก็เจ็บไปทั้งตัว หรือจู่ๆ ก็ปวดหลังมาก มากจนต้องใช้ยาแก้ปวดแบบแรงพิเศษช่วยบ้าง แต่ที่แน่ๆ ผมเดินข้างๆ บิ๊กได้แล้ว ผมเข้าห้องน้ำเองได้ เว้นอาบน้ำที่ต้องให้บิ๊กช่วยอาบให้ เพราะเอื้อมมือไปถูหลังตัวเองไม่ได้

"อีกไม่กี่วันคงได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แม่บอกว่าเดียวไปกายภาพต่อที่โรงพยาบาลในกรุงเทพ" ผมเอยกับบิ๊กขณะที่เราทั้งคู่กำลังเดินกลับไปที่ห้องพัก

"งั้น เราขับนำหน้ารถตู้แทนเอานะ ให้แทนนั่งรถเรา เด้งไปหมด ไม่สบายตัวแหง่ๆ" แต่ผมอยากนั่งข้างๆ บิ๊กตลอดทางกลับไป กทม. นะ

"แทนเชื่อเรานะ นั่งรถตู้สบายๆ เดี๋ยวเราขับนำนะครับ กลับไปจะไปจิ๊ก SLK แม่มาขับ แทนจะได้นั่งสบายๆ หน่อย" บิ๊กหมุนตัวไปมารอบผมขณะที่เดินกลับ

"บิ๊ก แทน" เราทั้งคู่หันไปตามเสียงที่เรียก พอผมกับบิ๊กหันไปมองกัน

ต้า...ผมจำได้ว่าต้าร์ไปเรียนต่างประเทศแล้ว ตอนนี้โผล่มาหาผมได้ไง ต้าในชุดขับมอไซค์พร้อมหมวกกันน็อค และสะพายเป้แบบเกราะแข็งแบบที่บิ๊กใช้มาด้วย

"มาได้ไงวะไอ้หล่อ" บิ๊กทักทายก่อนทันที

"เราได้ข่าวแทนจากพ่อเราตั้งแต่เกิดเรื่องแล้ว แต่เราติดเรื่องเรียน นี่พึ่งเคลียร์เสร็จ เลยรีบมาเยี่ยมเนี่ย" ต้าตบมือกับบิ๊กตามแบบผู้ชายทักกัน

"ไม่ต้องลำบากมาหาเราเลย จริงๆ โทรหาก็ได้นะ" ผมรู้สึกรบกวนที่ให้ต้าบินกลับมาเยี่ยมผมแบบนี้

"ไม่หรอก เราไปเรียนก็จริง แต่เราชอบกลับมาไทยเวลาว่างยาวหน่อยนะ คิดถึงพ่อกับแม่นิดนึง" เข้าใจอะ คนมีเงิน บินไปบินกลับสบาย

"จะบินสะสมไมล์หรือไงคร๊าบ" บิ๊กแซวซะ ต้าเบ๊ะปากใส่

"กลับไปคุยกันที่ห้องดีกว่านะ" จะคุยไรกันตรงทางเดินแบบนี้ ผมยืนนานก็แอบเมื่อยนะ

ต้าดื่มน้ำหมดเป็นขวดๆ พอจะบอกได้ว่าขับสองล้อคู่ใจมาหาผมมันร้อนขนาดไหน แล้วต้าร์เดินไปเปิดกระเป๋าหยิบกล่องมาให้ผม

“นี่วิตามินรวมกับแคลเซียม เป็นยี่ห้อนอกอะ ของดีเลยแหละ ทานหมดชุดนี้แข็งแรงชัวร์” ผมรับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มก่อนจะวางไว้ที่โต๊ะข้างๆ เตียง

“ขอบใจนะเว้ย” ต้ายักคิ้วให้บิ๊ก

“แล้วออกจากโรงพยาบาลตอนไหนอะ” ต้าถามผม

“มะรืนนี้อะ จริงๆ จะออกพรุ่งนี้ก็ได้แหละ แต่พ่อกับแม่สะดวกมารับมะรืนนี้ เลยรอกลับมะรืนนี้” ก็เลยรู้สึกว่าไม่น่าลำบากมาเยี่ยมเลยอะ

“ค้างก่อนไหม จะบิดกลับตอนนี้ก็เหนื่อยอยู่นะมึง” บิ๊กชวนต้าค้างคืน

“ไม่ดีกว่า กูไม่อยากเป็นก้างผัวเมีย แค่แวะมาเยี่ยมจริงๆ เห็นแทนเดินได้ คุยได้แบบนี้ ก็โอเคแล้วแหละ” มาเจอกันไม่ถึงชั่วโมงเลยอะ ต้าสวมถุงมือ เก็บกระเป๋า แล้วหยิบหมวกกันน็อคเรียบร้อย

“ไปส่งต้าแป็ป” บิ๊กพยักหน้าโอเค ก่อนจะเดินออกไปกับต้าด้วยกัน...ขอบใจที่มาเยี่ยมเรานะต้า

……………….

อันที่จริง...ตอนแรก ผมไม่ค่อยชอบหน้านายต้านี่เท่าไหร่หรอก ผมหึงแฟนผม แต่พอเห็นความแฟร์ของต้า ผมว่าผมดีใจที่ได้คนๆ นี้เป็นเพื่อนเลยแหละ

“ที่จริงมึงน่าจะโทรมาถามก่อนก็ได้ว่าอะไร ยังไง ขับมาขอนแก่นแป็ปๆ ขับกลับแบบนี้ โคตรเหนื่อยนะเว้ย” ผมช่วยต้าถือหมวกกันน็อคขณะเดินไปส่งที่รถ

“พ่อเราบอกว่าแทนยังไม่ออกจากโรงพยาบาล เลยรีบมาก่อนนี่แหละ” ผมยิ้มให้อย่างจริงใจในความปารถนาดีของเพื่อนคนนี้

“เหมือนเดิมวะบิ๊ก กูอิจฉามึงที่สุด” อิจฉากูเพราะแฟนกูน่ารักใช่มะละ

"เราแค่โชคดีวะ เออ ไปเรียนที่ไหนวะมึง" ผมยังไม่รู้เลยว่าต้าไปเรียนต่อที่ไหน

"อังกฤษอะ" ผมพยักหน้าอืม ก็ไม่เลวนะ

"ฟาดฝรั่งหล่อๆ กลับมาเป็นเมียสักคนไม่เลวนะเว้ย" นั่นไง ไอ้ต้าตบหัวผมซะงั้น

"กูไม่เอา กูจะเอาแทน" ผมมองค้อนเลย ส่วนต้าหัวเราะสะใจ

"กูล้อเล่น แหม่ สัส" หึๆ เดี๋ยวมึงโดน

"ข้ามศพกูไปก่อนนะ" ต้าหัวเราะชอบใจ ก่อนที่ผมจะส่งหมวกกันน็อคให้มัน เมื่อเราทั้งคู่เดินมาถึง BMW S1000RR พาหนะคู่ใจของต้าที่เคยแพ้ผมมาแล้ว

"มึงมาขับ Ducati บ้างดีกว่านะ BMW มันง่ายไป" เห็นทีไรอยากแขวะทุกที

"ไม่เอาวะ ไม่อยากไข่สุกก่อนเวลา" โห สัส แซวตรงจุดกูจริง

"ดูแลแทนดีๆ นะเว้ย กูได้ข่าวว่าบ้านแทนไฟเขียวให้มึงแล้ว" แหม่ หูตาไวจริงๆ นะ

"อือ กูก็อวยพรให้มึงเรียนรุ่งๆ เจอคนดีๆ เหมือนกัน" ต้ายกนิ้วโป้งให้ก่อนจะสวมหมวกกันน็อคให้เรียบร้อย แล้วคร่อมรถ ติดเครื่องพร้อมเดินทาง

เราแปะมือตามแบบเพื่อนผู้ชายทักทายกัน ก่อนที่ต้าร์จะขี่ BMW คู่ใจออกไป เสียดายนะ ที่เราเจอกันช้าไป ไม่งั้นชีวิตคงมีสีสันกว่านี้เยอะ

โชคดีนะเพื่อน : )

***********

แอบใจหายกับตัวเองนิดหน่อยว่า นี่กำลังเขียนจบตามแพลนที่วางไว้แล้วใช่ไหม? ถ้าตัดเวลาที่หายไป เรื่องนี้น่าจะทำเสร็จก่อนเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาด้วยซ้ำ

เดี๋ยวมีตอนพิเศษให้สองตอนนะครับ ถึงหลังๆ คนอ่านหน้าประจำๆ ที่เคย Comment จะหายไป ผมก็อยากบอกว่า "คิดถึง+ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ"

ส่วนใครที่อ่านอยู่ประจำ แต่ไม่ได้แสดงตัว ผมก็ขอขอบคุณมากถึงมากที่สุดนะครับ ไม่รู้จะทำไงดี ได้แต่ขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยใจครับ^^

ตอนสุดท้ายจะเป็นทิศทางต่อไปของทุกตัวละครหลักจากนี้ ส่วนตอนพิเศษ มีสองตอน ตอนแรกจะเป็นบททดสอบเล็กๆ ของคู่นี้ตอนเรียนมหาลัย ส่วนอีกตอนเป็นช่วงที่ทั้งคู่อายุ 30

ขอบคุณ+รักคนอ่านครับ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-05-2016 15:24:21 โดย zipboy »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เป็นแฟนประจำ แต่ไม่แสดงตัว เพราะเม้นต์ไม่เป็น(โลว์ฟังชั่นมาก)
ชอบ ความรักชนะทุกสิ่ง ดีใจไปกับบิ๊ก แทน
แม่บิ๊กเก่ง ให้เหตุผลดีๆกับพ่อแม่แทน
ไร้ท น่ารักมาก มีบอกแนวเรื่องให้หลังจบแต่ละตอน :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รักคนเขียนค่า

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ต้าว่าง

ขอต้าให้คนแถวนี้มั่งงง

  :laugh:

ไม่รู้จะเม้นท์อะไรดีตอนนี้ เด๋ยวขอตอนจบทีเดียวนะคะ

// กอดดดดดดด

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ toung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รักบิ๊กกับแทน
รอตอนต่อไปอยู่นะครับ :3123: :3123:

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 80 END++
«ตอบ #1038 เมื่อ31-05-2016 05:49:03 »

บทสุดท้ายแล้ว...

หายไปห้าวันเต็มๆ เพราะไม่ได้เขียนกันง่ายๆ สำหรับตัวผมจริงๆ ใจหนึ่งได้แต่คิดว่า "นี่เราทำงานเสร็จแล้วเหรอ"

แต่ยังไม่ปิดเรื่องนี้ซะทีเดียวนะครับ มีให้อีก 2 บทพิเศษ ละก็ บทผมอยากเขียนเกี่ยวกับรายละเอียดตัวละคร หรือสิ่งที่ผมอยากเล่าประกอบทั้งหมดของเรื่องนี้ให้ฟังอีกบทนึงยาวๆ ตามมาครับ

เชิญชมบทปิดเรื่องกันครับ^^

************

Chapter 80 : END

วันนี้ครบ 3 เดือนที่ผมรอดจากความตายมาได้ อาการรวมๆ ผมกลับมาใช้ชีวิตได้เกือบปกติแล้ว มีบ้างที่เดินๆ อยู่ ต้องรีบนั่งพักเพราะปวดหลัง เพราะเรื่องกระดูกสันหลัง คงต้องรักษากันอีกยาว ผมดีใจที่ได้เคาะลูกบาส ลองยิงสามคะแนนก็ยังแม่นอยู่ แต่ยังวิ่งไม่ได้มาก เพราะหลังยังไม่หายดีนัก แต่ทุกวัน บิ๊กจะพาผมไปโรงพยาบาลเพื่อทำกายภาพฟื้นฟู ซึ่งทั้งหมดน่าจะกลับมาแข็งแรง 100% ก่อนเข้ามหาลัยแน่นอน

“รถติดเนอะ” บิ๊กบ่นขึ้นลอยๆ ขณะที่หน้าปากซอยของโรงพยาบาลเต็มไปด้วยรถมากมาย บิ๊กที่เอา Mercedes-Benz SLK ของคุณแม่มาใช้ กำลังค่อยๆ พามันคลานออกจากซอยไปช้าๆ สลับหยุดนิ่ง

“หิวใช่มะเนี่ย เริ่มบ่นแล้วเนี่ย” เวลานี้ใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว ผมทายว่าบิ๊กต้องหิวแน่ๆ เลยเริ่มบ่นอะไรแบบนี้ บิ๊กไม่ตอบอะไร นอกจากพยายามหาช่องที่จะไปให้เร็วกว่านี้อยู่ แล้วบิ๊กก็ตบออกขวาวิ่งสวนเลนแซงรถข้างหน้าสี่คันรวด แล้วรีบหักพวงมาลัยกลับไปแทรกตรงหน้าปากซอยทันที ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนใหญ่ บิ๊กเหยียบส่งอีกเล็กน้อย เพื่อรีบเข้าเลนของถนนใหญ่ต่อไป

“บิ๊กใจร้อนอีกแล้วนะครับ” ผมไม่อยากให้แฟนผมมีนิสัยแบบนี้

“ก็ดูคันหน้า ควายขับรถทั้งนั้น ไม่รีบออกก็ติดในซอยนั้นไปอีกเป็นสิบนาทีเลยนะ” ผมหันไปมองบิ๊กที่หน้าขมวดคิ้วกับการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่น พอรถจอดติดไฟแดง ผมสะกิดให้บิ๊กหันหน้ามาหาผม แล้วใช้สองมือจับแก้มบิ๊กแล้วฉีกยิ้มออก ก่อนจะจุ๊บปากบิ๊กสักที

“ไม่เอานะครับ โตแล้ว ไม่ใจร้อน ไม่ขี้โมโหด้วย” บิ๊กทำหน้าจ๋อยๆ ไปสักครู่ ก่อนจะบอกว่า

“เราขอโทษ เราไม่ชอบให้รถติดนานๆ เดี๋ยวแทนนั่งนานจะปวดหลังนะ" สายตาบิ๊กมองกลับไปที่ถนนหลังจากไฟเขียวแล้ว

"รู้ไหม ทำไมเราถึงรักบิ๊ก" ผมอยากบอกบางอย่างที่ผมพยายามทำมาให้ตลอดเวลาที่เราคบกัน บิ๊กหันมายิ้มด้วยความสงสัย

"เพราะบิ๊กพยายามดีขึ้นในทุกเรื่องไง เราไม่อยากได้แฟนที่อยู่กันแบบคู่รักอย่างนั้น อย่างนี้ไปทุกวัน แต่เราอยากได้แฟนที่รักเรา และรักตัวเองเหมือนที่รักเรา สามปีที่เราอยู่ด้วยกันมา บิ๊กเปลี่ยนไปในทางที่ดีตั้งหลายอย่าง เราอยากให้บิ๊กรักษาสิ่งดีๆ ทั้งหมดนี้ไว้นะครับ" บิ๊กไม่ตอบอะไร แต่ผมเห็นว่ากำลังยิ้ม และเลี้ยงคันเร่งให้รถวิ่งช้าลงเล็กน้อย

"ที่จริง เราไม่ได้เปลี่ยนอะไรนะ แต่แทนเป็นคนเดียวที่เรายอมให้แบบไม่มีเงื่อนไขอะ ทุกอย่างที่แทนบอกว่าดี มันก็ดีจริงนะ ทำตามแล้วดี อันไหนที่ไม่ดี เราก็พยายามไม่ทำหรือไม่ทำได้ก็ไม่ทำ มันก็ดีแหละ เรารักแทนนะครับ พูดซ้ำๆ เหมือนทุกวัน แต่เรารู้สึกแบบนี้กับผู้ชายที่นั่งข้างๆ เรา คนเดียวเท่านั้นนะ" ผมพยายามไม่ยิ้ม แต่ก็อดยิ้มไม่ได้ซะงั้น

"สัส!!!" คำสบถของบิ๊กเกิดขึ้นพร้อมการบีบแตรยาว เมื่อมีรถเมล์เล็กสีส้มที่วิ่งตัดเข้าเลนต่อหน้าบิ๊ก โดยรถคันนั้นไม่เปิดไฟเลี้ยว และพรวดเข้ามาเต็มๆ

"ลืมตัวเลยอะ เผลออีกละ" ผมยิ้มในความน่ารักของบิ๊กที่เป็นแบบนี้แหละ

"รู้ครับว่าไม่ได้ตั้งใจ" พอรถติดไฟแดง บิ๊กหันมาจุ๊บหน้าผากผมอีกที แล้วกลับไปมองถนนตรงหน้าเหมือนเดิม

บิ๊กคงลืมไปว่า มอไซค์ข้างๆ ที่ติดไฟแดงข้างๆ รถเรา น่าจะมองเห็นว่าเราทำอะไรในรถอยู่ เพราะรถของคุณแม่บิ๊ก ฟิลม์ไม่ได้เข้มเท่าไหร่เลยนะ

ไม่สนใจหรอก เรื่องของคนรักกันเนอะ

.............

หลังจากประกาศผลแอดมิชชั่นแล้ว สรุปก็คือ ผม แทน ตั้ม เรียนมหาลัยเดียวกัน โดยผมเรียนวิทย์ฯ กีฬา แทนเรียนนิติฯ ส่วนตั้มติดนิเทศฯ (ซึ่งมันดีใจมาก เหตุผลคือ สาวน่ารักเยอะ) ส่วนแชมป์ได้มหาลัยเดียวกับไบรท์ แถมเป็นคณะเดียวกัน นั้นคือวิศวกรรม ส่วนโจเป็นคนเดียวที่ไปเรียนไกลถึงเชียงใหม่ ได้คณะสถาปัตย์ฯ พวกเราทุกคนแอบกลัวว่าโจจะเหงา แต่มันก็บอกว่า

"กูได้ไปใช้ชีวิตแล้ว พวกมึงยังไงก็เป็นเพื่อนกู คิดถึงก็มาหากูนะ" เราทุกคนเลยจัดเลี้ยงส่งเพื่อนขึ้นดอยกันก่อน

"สาวเชียงใหม่เค้าว่าน่ารัก กูนี่นักชักอยากจะเห็น" ไอ้ตั้มรำพันด้วยทำนองเพลงหมีแพนด้าซะงั้น

"นี่ๆ ติดนิเทศฯ สมใจแล้ว ช่วยกรุณาเรียน อย่าเอาแต่หลีหญิงนะมึง" แชมป์รีบปรามสันดานเพื่อนตัวเองทันที

"กูไปเรียน แต่กูก็ไม่อยากน้อยหน้านิดนึง แหม่ ดูไอ้บิ๊กซิ จะแต่งเมียก่อนเรียนมหาลัย ส่วนมึงก็คุมผัวแบบเป็นตัวเป็นตนเนี่ย" แชมป์ยักคิ้วนิดๆ แต่ไบรท์

"แชมป์ไม่ได้คุมเรานะ เราเกรงใจเฉยๆ" วอนตายแล้วละ เพราะสายตาของแชมป์ที่หันไปมองหลังจบประโยคนั้น

"คุณได้ตกเป็นเบี้ยล่างของเธอเรียบร้อยแล้ว" โจตบไหล่ไบรท์ด้วยประโยคนี้ เรียกเสียงหัวเราะจากพวกเราทุกคนได้เลยทีเดียว
 
"กูขอแก้ข่าวอย่างนะ กูยังไม่ได้ขอแทนแต่งงานตอนนี้ กูกะไว้เรียนจบ ค่อยไปขอแฟนกูกับพ่อแม่เค้า เครนะพวกมึง" ผมแค่เปรยให้เพื่อนฟัง พวกแมร่งเอาไปจริงจังกันหมด

"แล้วแหวนที่นิ้วนางซ้ายคู่กันเนี่ย อะไรเนี่ยๆๆ" แทนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

"คนรักกัน ใช่มะบิ๊ก" แฟนผมมีโมเมนต์อวดผัวด้วย ดีใจ ฮาๆ

"ดีวะ คนแถวนี้ไม่เห็นมีแบบนี้ให้บ้างเลย" แชมป์พูดแบบนี้ ไบรท์ มึงซวยละ

"ถึงไม่มีแหวน แต่ใจเรามีให้คนเดียวนะครับ" ไบรท์ยิงประโยคนี้มา เอาสิบ สิบ สิบ ไปเลย

"กูขอบคุณพวกมึงที่เลี้ยงส่งกูนะ กูอยากบอกพวกมึงอย่าง" โหมดทางการแบบประธานโจมาอีกละ

"แทน ขอบคุณมากนะที่ทำให้เพื่อนเรามีความสุข ตั้งแต่โตมากับมัน มันน่าสงสารสุดในกลุ่มแล้ว ดูแลมันดีๆ นะ แต่เราว่าแทนทำได้แน่นอน เพราะมันฟังแต่แทนคนเดียวแหละ" โจเริ่มต้นที่แฟนผมก่อน

"ตั้ม มึงอะ จริงจังกับชีวิตบ้างก็ดีนะเว้ย มึงไม่เครียด แต่บางทีมึงก็ต้องเป็นงานเป็นการบ้าง ละก็ ไอ้นิสัยเดี๋ยวเอาเดี๋ยวเบื่อมึงอะ เลิกนะเว้ย พวกกูอยู่กันไม่ครบ ไม่มีเวลามาเตือนมึงนะเว้ย" ตั้มกับโจกอดเบาๆ ตบไหล่กันเล็กน้อย

"แชมป์ มึงอะปากแข็ง ไม่ว่าจะกับเพื่อนหรือแฟนมึง ระวังนะเว้ย มึงจะพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไปเพราะความปากหนักมึง กูเกลียดนิสัยนี้มึงสุด มีอะไรก็บอกตรงๆ คนอย่างมึงฉลาดพูดอยู่แล้ว แต่ขอแค่อย่าปากแข็งก็พอ โอเคนะ" แชมป์กับโจชนขวดเบียร์กัน

"ไบรท์ ดูแลเพื่อนเราดีๆ นะ มันงี่เง่า แต่มันไม่มีอะไรมากหรอก" ไบรท์พยักหน้ารับทราบ

"มึง ไอ้บิ๊ก มึงหมดทุกข์แล้วนะเว้ย ทำอะไรก็มีสติเยอะๆ คิดเยอะๆ มึงไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว มึงกับแฟนมึงก็ผ่านอะไรหนักๆ มาด้วยกันแล้ว กูก็อวยพรให้ต่อไปจากนี้ ทุกอย่างดีกับมึงกับแทนนะ" ชนขวด...ขอบใจมากเพื่อน

"แด่ความเป็นเพื่อนของเราทุกคน" เสียงกระทบของขวดเบียร์หนึ่งทีเบาๆ ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของชีวิตมหาลัยของเราทุกคนก็ว่าได้ ส่วนโจ พวกกูจะไปหามึงเมื่อมีโอกาสแน่นอน เพื่อนรักของเรา : )

วันที่ต้องไปส่งโจก็มาถึง ที่สถานีรถไฟหัวลำโพงเวลาแปดโมงเช้า กระเป๋าใบใหญ่มากสองใบเต็มๆ กับกระเป๋าเป้ที่หลังมันก็เต็มไปด้วยของที่จำเป็นอยู่ คุณพ่อ คุณแม่ของโจก็มาส่ง และทำให้พวกเรารู้ว่า ที่จริง โจมันติดพ่อกับแม่มาก แค่จะไปเรียน ยังกอดแม่ไม่ปล่อยซะที จนถึงเวลาที่รถไฟจะต้องออก เพราะรุ่นพี่จากมหาลัยลงมารับน้องทางรถไฟถึงที่ และยาวตั้งแต่หัวลำโพงจนถึงเชียงใหม่ เป็นการรับน้องแรกของมหาลัยนั้นเอง

“คิดถึงก็ FaceTime หาเอานะ” โจพยักหน้ายิ้มๆ

“โจๆๆ มึงไปขอเบอร์คนนั้นให้กูหน่อยดิ” ผมตบกบาลไอ้ตั้มไปที ในขณะที่ผม โจ และทุกคนมองไปทางที่ตั้มมันชี้ ว่ามันจะขอเบอร์ใคร ก็เลยถึงบางอ้อว่า ผู้หญิงผมยาว หน้าหมวยนิดๆ เออ สวยน่ารักจริง เข้าใจเลยทำไมไอ้ตั้มเหล่คนนี้

“มึงย้ายมาเรียนที่เดียวกับกูเลยไหม จะได้ไปขอเอง บ้ากามตลอดเวย์นะมึง” แต่ผมก็เห็นนะ โจมันแอบมองซ้ำแล้วยิ้มเล็กๆ มึงก็ชอบใช่ไหม หึๆ

“กูไปหาตัวเอง พวกมึงเองก็สู้ๆ นะเว้ย” ถึงโจจะยิ้มๆ แต่รู้สึกได้ว่า ที่จริงมันก็เศร้าที่ต้องห่างกับพวกผมอยู่ดี

“กูไปละนะ” พวกเราทุกคนโบกมือบายๆ ส่วนโจก็คาดหูฟัง Beats Studio Wireless สีขาวสลับแดง แล้วหิ้วเป้เดินเข้าไปรวมกับเพื่อนๆ ที่กำลังทำกิจกรรม พอเดินเข้าไปแล้ว โจหันมาโบกมือให้อีกรอบ ก่อนที่พวกเราจะกลับกัน

ชีวิตก็แบบนี้ เราต่างมีทางเดินที่ต้องเดินกันต่อไป แต่มิตรภาพนั้นจะอยู่กับเราตลอดไป : )

………….

รับน้องวันแรกของมหาลัยก็มาถึง บรรยากาศของการรับน้องเป็นไปอย่างสนุกสนาน เพราะนี่คือวันแรกของผมกับแทน ในรั้วมหาลัยฯ กับสถานะใหม่ที่ใช้คำว่า “นิสิต” สภาพร่างกายของแทนตอนนี้ ถือว่าพอจะใช้ชีวิตปกติได้แล้ว แต่ให้ยกของหนัก หรือทำอะไรหนักๆ ไม่ได้แน่นอน หลังของแทนยังไม่ดีเท่าไหร่นัก

“ขอเชิญน้องแทน ขอเชิญน้องแทนขึ้นมาแนะนำตัวกัน เฮๆๆๆ” หลังจากไปรายงานตัวแล้ว ผมแวะไปอยู่กับแทนที่ซุ้มของคณะนิติฯ ซึ่งแทนก็แนะนำตัวไปตามปกติ แต่ที่งานเข้าคือ มีรุ่นพี่สาวสองคนนึง เรียนโรงเรียนเดียวกับแทนมาก่อน

“ยังไปไม่ได้ พี่รู้นะว่าแฟนเราอยู่ด้วย โน่น มาเลย มาเดี๋ยวนี้เลย” เวรละ ผมต้องออกไปยืนข้างๆ แทน เสียงเฮ เสียงเชียร์ดังสนั่น ทั้งเหล่าเพื่อนๆ รุ่นพี่ ผมหันไปมองแทนก็เขินอย่างบอกไม่ถูก
 
“ทุกคนๆ คู่นี้เค้าเป็นแฟนกันมาหลายปี แถมมาเรียนมหาลัยเดียวกันอีก สัมภาษณ์ๆ ก่อน” ผมเขินจริงนะเนี่ย

“ชื่อไรจ๊ะสุดหล่อ ติดคณะไหนเนี่ย” มาละ ผมโดนละ

“บิ๊กครับ วิทย์ฯ กีฬาครับ” เสียงปรบมือมาละหนึ่งรอบ

“ชุดพละที่ใส่มาเนี่ย โรงเรียนนี้มีแต่หล่อๆ นะเนี่ย” วันนี้ผมใส่เสื้อพละสีม่วงของโรงเรียนมา บรรยากาศตอนนี้ ทำให้ผมกับแทนต้องหันมามองหน้ากันแบบเขินๆ ทำไงดี

“พวกเราจะไม่ปล่อยให้คู่นี้ออกมาเฉยๆ ใช่ไหมคะ ทำอะไรกันดี เราถึงจะยอมปล่อยน้องบิ๊กไปคณะตัวเองต่อ” สัญญาณงานเข้ามาแล้วไง

“จูบเลย” ใครสักคนตะโกนขึ้นมา...เห้ยๆ ใจเย็น หลังจากนั้น เราสองคนก็มองหน้ากันสักครู่ ก่อนจะจับมือกัน

เราทั้งคู่หันมองหน้ากันสักครู่ ก่อนที่ผมกับแทนจะค่อยๆ หลับตา ขยับหน้าเข้าหากันช้าๆ แล้วสัมผัสริมฝีปากค้างไว้สักครู่ แล้วค่อยถอนออก ท่ามกลางเสียงเฮ และที่แน่ๆ ถ่ายรูปกันเพียบ...

“พี่แค่บอกเฉยๆ น้องสองคนเล่นใหญ่กันเลยนะ” เสียงหัวเราะตามมากันเพียบ

“ปรมมือให้ทั้งคู่ด้วยค่า” เราสองคนโค้งคำนับขอบคุณ ผมจะจูงมือแทนออกไป ระหว่างทางที่เราเดินรอบงาน อุดหนุนเสื้อ แวะหาอะไรทานกันบ้างเล็กน้อย

“เขินปะ” แทนถามผม ผมก็ได้แต่พยักหน้าแบบยิ้มๆ ไป

“ก็ไม่เคยจูบแฟนกลางที่สาธารณะแบบนั้น” ผมจับมือแทนแน่นๆ ยิ้มกัดริมฝีปากเล็กๆ

“ไอ้บิ๊ก แทน” ในที่สุดก็เจอตั้มแล้ว

“มึงสองคนดังใหญ่เลยน๊า เห็นมีคนบอกว่า มีคู่รักจูบกันตอนรับน้อง” เชี่ย...ข่าวไวฉิบหาย

“คณะกูมีพวกสาววายไง เค้าบอกๆ กันมา กูเลยทายได้ว่าต้องเป็นมึงกับแทนแน่ๆ” ยังไม่ทันได้เรียน จะได้ดังแล้วซินะ

“กูลืมนึกไปอย่าง แค่หอมแก้มก็น่าจะได้ นี่ดันเล่นเยอะไปหน่อย” ผมดึงแทนให้ชิดๆ ผมเข้าไปอีก สายตาไอ้ตั้มแทบจะมองบนใส่ผม

“เออ อย่าลืมบอกกูด้วยว่าอันไหนที่เรียนรวม แล้วลงด้วยได้ เดี๋ยวกูตามไปนะ” ผมกับแทนวางแผนว่าวิชาที่เรียนรวมทุกคณะได้ จะลงเรียน Sec เดียวกับแทน แน่นอนว่าตั้มก็อยากตามมาด้วย

แต่ที่แน่ๆ ผมยังไม่ชินกับสถานะการเป็นนิสิต นอกนั้น สบายมาก แค่จับมือคนข้างๆ ทุกอย่างผมก็มั่นใจละ

………….

เปิดเทอมปีหนึ่งมาเป็นเดือนแล้ว ผ่านรับน้องก็แล้ว แต่รู้ไหม บิ๊กมีปัญหาหนึ่งที่ผมเองก็แอบยิ้มผสมกลุ้มนิดหน่อยก็คือ

“ผูกเนคไทให้เราหน่อย” ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายอย่างบิ๊ก จะผูกเนคไทไม่เป็นมาจนถึงทุกวันนี้ พยายามสอนก็แล้ว บอกก็แล้ว ไม่จำ...ละก็เหตุผลเดิมๆ

"ภรรยาผูกเนคไทให้สามีเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอๆๆ" บิ๊กอะ...แบบนี้ทุกที แล้วผมก็ต้องผูกให้เสมอ ก่อนจะตบท้ายด้วยการดึงให้แน่นๆ เอาให้บิ๊กหายใจติดขัดเล็กน้อยเป็นการทำโทษ

ขอบคุณครับ" บิ๊กจะหอมแก้มให้เป็นการขอบคุณที่ผมผูกเนคไทให้ และผมอีกนั้นแหละ ที่ต้องหยิบกระเป๋ากับกุญแจรถมาให้บิ๊กเหมือนทุกวันที่ผ่านมา

ที่จริง ผมอยากให้บิ๊กใช้น้องถ่านพาไปมหาลัย แต่บิ๊กยังยืนกรานว่า ด้วยสุขภาพของผมแล้ว ขับรถไปดีกว่า และบิ๊กก็ขาย Toyota 86 คันเดิมออกไป ก่อนจะได้รับรางวัลจากคุณแม่บิ๊กสมทบทุนจนได้รถใหม่เป็น BMW M2 Coupe สีน้ำเงินเข้มสะดุดตา และรถเดิมๆ บิ๊กก็ไม่ขับ จับแต่งใหม่จนผมไม่แน่ใจว่า รถคันนี้จะให้ผมนั่งสบายๆ ตามที่บิ๊กบอก หรือเอาไว้ซิ่งสนองเท้าขวาของบิ๊กกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ถ้าไปไม่ทันใน 30 นาทีนี้ เราทั้งคู่เข้าเรียนสายแน่ๆ

"แทนสวัสดี แล้วไอ้บิ๊กละ" ตั้มวิ่งมาหาผมกับบิ๊กที่ได้ที่นั่งในห้องเรียนรวมขนาดใหญ่แบบหอประชุม

"บิ๊กไปเข้าห้องน้ำอะ" ไปได้สักพักละ ตั้มมีอะไรเปล่า

"ว่าไงไอ้ตูด" นั้นไง บิ๊กมาพอดี แล้วบิ๊กก็ทักทายตั้มจากข้างหลังด้วยการตบไหล่แรงๆ ไปที

"มึงๆๆ เมื่อวานกูเปิดเจอใน Facebook เค้าบอกว่าช่วงนี้ราศีกูจะเจอเนื้อคู่เว้ย กูว่าวันนี้ข้างๆ ที่นั่งกับกู ต้องใช่แน่ๆ โดนแน่ๆ" ผมแอบยิ้มขำๆ เพราะตั้งแต่เรียนวิชาที่ลงด้วยกันได้กับตั้ม ดูตั้มจะจริงจังกับเรื่องนี้มาก

"สาธุ ขอให้เนื้อคู่มึงนะ โดนๆ หนักๆ จัดเต็มๆ แบบว่า หนักเป็นร้อย เป็นสาวมีดุ้น แถมทักทายมึงด้วยคำหวานอยากจีบ เพี้ยง" ทันทีที่บิ๊กอวยพรจบ ตั้มฟาดผ่ามือใส่หลังศีรษะบิ๊กเต็มแรง

"ปากหมา มึงแมร่ง ไม่อวยพรไรดีๆ ให้กูเลย กูไม่นั่งกับมึงแล้ว แถวหน้าดีกว่า เหลือไว้ที่นึงข้างๆ รับรอง มึงต้องอิจฉากูแน่นอน" ตั้มแอบงอนบิ๊กไปละ ผมพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้อยู่

"นี่เป็นเดือนแล้วนะ สาวในคณะมึงยังคว้าไม่ได้ส้กคนหรือไง" บิ๊กถามขณะที่ตั้มกำลังจัดที่นั่งที่อยู่แถวหน้าผมไปหนึ่งแถว

"เชี่ย กูก็หาตัวเลือกนิดนึงซิวะ แทนๆๆ เอาไอ้บิ๊กไปเก็บด้วย ปากไม่ดีแต่วัน ไม่ไหวๆๆ" ผมได้แต่ยิ้มๆ ให้กับตั้ม ก่อนที่ทุกอย่างในห้องจะเริ่มสงบ เพราะอาจารย์มาแล้ว และพอจะเริ่มสอน สิ่งที่ผมเห็นข้างๆ ตั้ม ทำเอาผมกับบิ๊ก หัวเราะกันแบบพยายามทำเสียงให้เบาที่สุดก็เกิดขึ้น

มีผู้ชายตัวอ้วนใหญ่มาก กระเป๋าถือกับวิธีการแต่งหน้า บอกได้เลยว่าเป็นสาวแน่นอน สาวคนนี้จัดแจงนั่งลงข้างๆ ตั้ม พอตั้มหันไปมองเท่านั้นแหละ รีบหันหน้ากลับไปที่หน้าห้องที่อาจารย์กำลังเริ่มสอน และตั้มหันกลับมาหาผมสองคน สีหน้าบอกเลยว่าแทบจะร้องไห้เป็นภาษาต่างประเทศ พร้อมกับบอกผมแบบไม่มีเสียง แต่อ่านปากได้ชัดๆ ว่า

"ช่วย กู ด้วย ม่ายๆๆ"

"หล่ออะ ชื่อไรอะเธอ" ผมกับบิ๊กยิ่งขำกันใหญ่ เมื่อสาวร่างใหญ่ทักตั้มที่พึ่งหันมาขอความช่วยเหลือผม ทันทีที่ตั้มโดนทัก ตั้มรีบเก็บของแล้วเผ่นมาย้ายนั่งข้างๆ ผม ซึ่งเก้าอี้ยังว่างอยู่อย่างรวดเร็ว สายตาเสียดายของสาวร่างยักษ์ถูกส่งไปหาตั้ม แต่ตั้มรีบปัดมือแบบปัดรังควานใส่ ก่อนจะก้มลงเอาสมุดบังหน้าเอาไว้

"นายๆ มีดินสอให้ยืมเปล่า" ผมงงเลย บิ๊กเรียกผมเหมือนวันแรกที่เราเจอกัน

"เล่นอะไรอะ เราจัดกระเป๋าให้บิ๊กแล้วนะ" บิ๊กทำหน้างงใส่ผม

"รู้ได้ไงเราชื่อบิ๊กอะ เก่งนะเนี่ย ว่าแต่มีดินสอให้ยืมไหมอะ เราลืมเอามา" ผมยิ่งงงว่าบิ๊กจะทำอะไรกันแน่ ก่อนจะหยิบดินสอกดแท่งสำรองส่งให้บิ๊ก

"ขอบใจนะ แล้ว ชื่อไรอะครับ" ผมตามน้ำก็ได้ละกัน

"แทนครับ" บิ๊กยิ้มกว้างๆ แล้วหันไปมองสิ่งที่อาจารย์สอน ก่อนจะบอกว่า

"แทนน่ารักนะครับ มีแฟนยังครับ ถ้ายังไม่มี ขอจีบนะครับ" ผมไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มๆ อยู่คนเดียว แล้วบิ๊กก็บอกผมต่อว่า

"ยิ้มแบบนี้แปลว่าจีบได้ งั้น เป็นแฟนกับบิ๊กนะครับ" ผมพยักหน้าให้ขณะที่มองอาจารย์สอนเหมือนกัน

"ตกลงไหมครับ อยากได้ยินจังเลย" บิ๊กเอยลอยๆ ขณะที่ยังมองอาจารย์สอนอยู่

"ตกลงซิครับ" ผมตอบขณะที่มือยังจดอยู่เหมือนกัน

"เย้ จีบติดแล้ว เราแค่อยากแก้เคล็ดที่เค้าบอกว่า ขึ้นมหาลัยมักจะเลิกกันอะ เลยจีบแทนใหม่อีกรอบซะเลย" เราทั้งคู่หันมามองหน้าพร้อมกัน เราทั้งคู่ต่างเขินอายกันเองซะงั้น

"ไปจีบกันไกลๆ ได้ไหม" เสียงตั้มพูดลอยๆ ออกมาให้เราสองคนได้ยิน ทำให้ทั้งผมและบิ๊กหลุดขำออกมาขณะที่เราทั้งคู่หันกลับไปมองสิ่งที่อาจารย์สอนอยู่

เราทั้งคู่ต่างยืนมือมาจับกันไว้ใต้โต๊ะ มือที่กุมไว้ แหวนที่มือซ้าย เป็นแค่หนึ่งในสิ่งเล็กๆ ที่คล้องใจเราทั้งคู่ให้ยึดเหนี่ยวไว้กันมาถึงทุกวันนี้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราทั้งคู่ นับจากวันแรกที่เราเจอกัน จนถึงตอนนี้ และอนาคตไปต่อจากนี้คือ

เรารักในตัวตนของกันและกัน และรักที่เราต่างให้ซึ่งกันและกัน บริสุทธิ์พอที่จะ "ชนะทุกสิ่ง"

"ความรักชนะทุกสิ่ง"

END

************

ผมขอเก็บทุกอย่างไปเขียนไว้ในบทส่วนตัวส่งท้ายนะครับ แต่สำหรับตอนนี้ ผมรู้สึกดีใจที่ "ทำงานเสร็จ" ตามที่ใจหวังไว้ ตลอดหนึ่งปีกว่าๆ ที่ทยอยเขียนและลงเรื่องนี้ มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันผมไปแล้ว

ใจหายเล็กๆ เป็นการส่วนตัวว่า ผมทำเสร็จแล้ว ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณ 65,xxx กว่าคลิ๊กที่เข้ามาอ่าน ไม่ว่าจะอ่านแล้วไม่ชอบ หรือไม่ได้อ่านต่อแล้ว ผมขอบคุณที่ได้ให้โอกาสอ่านผ่านตานะครับ ส่วนใครที่อ่านประจำ ผมก็ขอขอบคุณด้วยใจที่เรื่องนี้ ให้ความบันเทิงและอยู่ในใจของคุณผู้อ่านนะครับ

รักคนอ่านครับ เดี๋ยวมีตอนพิเศษให้สองตอนตามมาเร็วๆ นี้ ละก็บทส่งท้ายจากผมแบบฉบับเต็มอีกทีนะครับ

ขอบคุณ+รักคนอ่านทุกคนครับ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2018 23:09:08 โดย zipboy »

ออฟไลน์ pepperpro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ชอบบทที่แม่บิ๊กมาคุยกับบ้านแทนจริงๆครับ และก็ดีใจที่เรื่องเดินทางมาถึงตอนจบ รออ่านความหวานของบิ๊กกับแทนในตอนพิเศษอีกนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :pig4: เอาใจลุ้นคู่นี้อยู่นานในทึ่สุดก็สำเร็จ พ่อแม่ยอมไฟเขียวจนได้

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สำหรับเรา ตัวละคร ในดวงใจของเรื่องนี้คือ แม่บิ้ก !!! นางเอกตัวจริง! ขอบคุณนะคะ รออ่านตอนพิเศษนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: ขอบคุณผู้แต่งสำหรับความรักของสองคนนี้ ขอบคุณนิยายดีๆ ผมอ่านเรื่องนี้มาตั้งแต่บทที่ 1 จนจบ แอบหายไปและ ไม่ได้คอมเม้นเลย แต่ก็ตามอ่านนะ ขอบคุณผู้แต่งอีกครั้งครับ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
บร๊ะ

วันนี้แอดมินขยันหลาย ย้ายห้องมาไวมาก

 :ling1:

คู่นี้ใช้เวลานานนะ กว่าจะแฮปปี้ได้ในที่สุด (ยกเว้นบิ๊กทำตัวงี่เง่า อันนั้นน่าถีบยอดหน้ามาก)
ตอนแรกแอบท้อก็มี อยากเปลี่ยนพระเอกก็มี ;p


คนที่ชอบสุดในเรื่องคือแทน ความชอบส่วนตัว :>


กอดๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รอตอนพิเศษ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บร๊ะ

วันนี้แอดมินขยันหลาย ย้ายห้องมาไวมาก

 :ling1:

คู่นี้ใช้เวลานานนะ กว่าจะแฮปปี้ได้ในที่สุด (ยกเว้นบิ๊กทำตัวงี่เง่า อันนั้นน่าถีบยอดหน้ามาก)
ตอนแรกแอบท้อก็มี อยากเปลี่ยนพระเอกก็มี ;p


คนที่ชอบสุดในเรื่องคือแทน ความชอบส่วนตัว :>


กอดๆ  :กอด1:

บิ๊กเค้าเป็นแบบนี้ครับ อย่าถีบยอดหน้ากันเลยคร๊าบ แหๆ ^^

ตอนพิเศษ ขอเวลานิดนึงครับผม^^

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
ถามเล่นๆ นะครับ

อยากอ่านตอนจบแบบต้นฉบับปี 2007 ที่ผมเขียนไว้ก่อนไหมครับ ตอนที่ 78-80 จะเป็นอีกแบบไปเลย....

ถ้ามากพอ ผมจะเขียนนะครับ เป็นจบแบบจริงๆ ของฉบับเดิมของผม

ไปทำตอนพิเศษต่อละครับ : )

รักคนอ่านครับ^^

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
^
^
^
ถ้าจบแฮปปี้ อยากอ่านค่ะ
รออ่านตอนพิเศษด้วยนะคะ :impress2:

เม้นสักหน่อย.. ชอบคาแรกเตอร์ของบิ๊กนะ เท่ บู๊ ใจร้อนแต่ยอมเชื่อฟังแฟน โรแมนติกอีกต่างหาก ชอบร้องเพลงให้แฟน แล้วทุ่มเทให้ทุกอย่าง อิจฉาแทนอ่ะ
เนื้อเรื่องก็สนุก อ่านไม่เบื่อ โดยเฉพาะตอนแก้ว ถึงจะรู้สึกว่าการกระทำของบิ๊กมันเว่อร์ไปหน่อยแต่อ่านแล้วลุ้นมาก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ บวกๆค่า  :mew1:

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
^
^
^
ถ้าจบแฮปปี้ อยากอ่านค่ะ
รออ่านตอนพิเศษด้วยนะคะ :impress2:

เม้นสักหน่อย.. ชอบคาแรกเตอร์ของบิ๊กนะ เท่ บู๊ ใจร้อนแต่ยอมเชื่อฟังแฟน โรแมนติกอีกต่างหาก ชอบร้องเพลงให้แฟน แล้วทุ่มเทให้ทุกอย่าง อิจฉาแทนอ่ะ
เนื้อเรื่องก็สนุก อ่านไม่เบื่อ โดยเฉพาะตอนแก้ว ถึงจะรู้สึกว่าการกระทำของบิ๊กมันเว่อร์ไปหน่อยแต่อ่านแล้วลุ้นมาก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ บวกๆค่า  :mew1:

ต้นฉบับไม่ได้จบ Happy ครับ^^""​ ฉบับทำใหม่ ผมเขียนให้ Happy ครับผม

ขอบคุณด้วยครับ อ่านแล้วชอบ ดีใจครับผม^^

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ชอบวิธีแก้เคล็ดตอนเข้ามหาลัย อิอิ  จีบใหม่อีกรอบ น่ารักอ่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด