บทที่ 59 มาละครับ ผลการเลือกตั้งคณะกรรมการนักเรียนออกมาเป็นอย่างไร / งานคริสต์มาสโรงเรียนบิ๊กที่มีแทนไปยืนฟังบิ๊กเล่นดนตรีสดครั้งแรก และเมื่อแทนง้างหมัดปกป้องบิ๊กด้วยมือของตัวเอง
จะเป็นอย่างไร ติดตามกันต่อได้เลยครับ
**********
Chapter 59 สัปดาห์แรกของเดือนธันวาคมก็มาถึง การเลือกตั้งคณะกรรมการนักเรียนปีการศึกษาหน้าก็มาถึงเช่นกัน ในวันหย่อนบัตรเลือกตั้ง คนที่ดูลุ้นสุดคือมอส ในขณะที่บอยดูผ่อนคลาย ส่วนมินต์กับน้ำส้ม ออกแนวเล่นของด้วยการไหว้พระประจำโรงเรียนตั้งแต่เช้าก่อนเบอร์อื่นจะมาไหว้ และพอถึงเวลาที่จะนับคะแนนตอนเลิกเรียน
“ฉันเสียววะแก จะได้ไหมวะ” เสียงเล็กๆ สลับกับมือทาบอกของน้ำส้มตอนนี้ เหมือนคนกำลังหัวใจวายที่กำลังดูผลการนับคะแนนในตอนนี้
“แกก็อย่าเวอร์มาก นับคะแนนเลือกตั้ง ไม่ใช่ลุ้นผู้ชายขอแต่งงานนะแก” ผม มอส บอย หลุดหัวเราะ เพราะสาวสวยอย่างมินต์ ไม่น่าปากจัดอะไรแบบนี้ น้ำส้มถึงกับพองแก้มงอนมินต์ที่หลุดหัวเราะไปแล้วเช่นกัน
ตอนนี้คะแนนในกล่องนับไป 60% คะแนนของเบอร์ 1 กับเบอร์ 4 ที่มาจากการรวมตัวของห้อง 4 กับ 5 กำลังไล่ตามกับผมไม่ถึง 200 คะแนน คะแนนของ ม.ต้น ทั้งระดับชั้น ผมชนะที่ 1 แบบขาดลอย สำหรับ ม.4 ที่นับคะแนนอยู่ คะแนนไม่ขาดกันมากนัก แต่ผมก็ยังนำอยู่
“คะแนนนำมาเลยนะเนี่ย” พวกเราทุกคนหันไปหาเสียงนั้น...มาณพ ห้อง 5 หัวหน้าเบอร์ 4 ที่ได้ชื่อว่า พ่อกับแม่เป็นผู้อุดหนุนให้โรงเรียนรายใหญ่สุด เรื่องเรียนอาจไม่เข้าพวกกับโรงเรียนผม แต่เรื่องอำนาจในโรงเรียน คนนี้แหละใช่เลย
“ไม่หรอก นโยบายทีมนายก็ได้รับความนิยมใช้ได้นะ” บอยเป็นคนรับหน้า แต่มาณพหันมามองที่ผม
“อิจฉาพวกนายวะ มีนายเอก AV เรียกคะแนนดราม่าได้เนี่ย โคตรเจ๋ง” ผมยิ้มๆ เพราะรู้นิสัยมาณพดี แต่คนที่ไม่ยอมจนแทบจะพุ่งไปซัดก็คือมอส ผมดึงมอสไว้
“เราก็อิจฉานายวะ ไม่มีพ่อแม่รวย นายจะยืนพูดแบบนี้ได้เปล่าวะ” นั้นก็ทำให้มาณพสะดุด ก่อนจะยิ้มแบบเฉยๆ
“ไปดีกว่า ขี้เกียจเสวนากับพวกไม่มีอะไรสู้ด้วย” แน่นอน คนแบบมาณพไม่ควรไปยุ่งด้วย มอสได้แต่กำมือโกรธอย่างเดียว ก่อนจะเดินกลับไปที่กระดานนับคะแนนเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรนะแทน มันปากไม่ดีแบบนี้แหละ” น้ำส้มรีบถามผมก่อน ผมยิ้มๆ ส่ายหน้าไม่เป็นไร
“เราเฉยๆ ไปแล้วแหละ เรื่องนั้นไม่มีความหมายกับเราอีกต่อไปแล้วแหละ” น้ำส้มพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
ผ่านไปจนถึงเกือบหกโมงเย็น คะแนนอย่างเป็นทางการก็นับเสร็จเรียบร้อย เบอร์ 1 ได้คะแนนเสียง 63% จากนักเรียนทั้งหมด เบอร์ 4 ได้ 33% และเบอร์ 2 ที่เป็นกลุ่มห้อง 2 กับ 3 รวมกัน ได้ไป 4% ที่เหลือไม่มีคนเลือก
“งานมาแล้ว” นี่คำพูดแรกของบอยหลังจากที่เราชนะเลือกตั้งมา
“พวกเราต้องทำให้ดีที่สุดเท่านั้น” มอสกอดคอกับบอยหลังจากเห็นผลการเลือกตั้งแล้ว
“เรียนว่าหนักแล้วนะ เจองานนี้เข้าไปอีก หนักกว่าเดิมอีก” มินต์กอดดูผลคะแนนแล้วพูดบ้าง
“เราก็จะทำให้ดีที่สุดเช่นกันนะ” ผมรู้สึกสบายใจหลังผลคะแนนออกมา
พวกเราทุกคนยืนดูกระดานคะแนนด้วยยิ้มที่เปี่ยมพลังความตั้งใจ ปีการศึกษาหน้า เราจะทำให้ดีที่สุด...
………………..
ทางเดินของตึกเรียนตอนนี้ ผมกำลังวิ่งกลับไปห้องดนตรี เพราะวันนี้ผมโดนสอบซ่อมไปวิชานึง ไปซ้อมสายจะครึ่งชั่วโมงแล้ว โดนไอ้ตั้มบ่นหูชาแหง่ๆ ช่วยไม่ได้นี่หว่า
“นักร้องนำกูมาแล้วๆๆๆ” ทันทีที่เปิดประตู ไอ้เพื่อนเวรของผมพร้อมใจกันทักทาย
“กูมาแล้วๆๆ ข้อสอบซ่อมแมร่งยากสัด จะตกอีกรอบแล้วเนี่ย” ที่เหลือมันผ่านหมดไง มีผมนี่แหละตกคนเดียว
“ก็ให้เมียมึงติวซิวะ ยากไร ใครใช้ให้มึงโดดเรียนไปเฝ้าแฟนวันนั้นละ มึงไม่มา ก็ตกซิวะ ข้อสอบใหม่ก็คนละชุดกับที่กูสอบ แล้วกูจะไปช่วยอะไรมึงได้วะ” ไม่ต้องตอกย้ำเลยไอ้โจ
“ว่าแต่คริสต์มาสนี้ จะพาแฟนมาดูพวกเราเล่นไหมวะ” ผมพยักหน้าให้กับคำถามแชมป์ขณะตั้งไมค์อยู่
“มึงก็พาแฟนมึงมาด้วยนะเว้ย จะได้ไม่น้อยหน้ากู” แชมป์ไม่ตอบ แต่หันไปมองหน้ามันตอนนี้ ทำไม่รู้ไม่ชี้ หึๆ
“พร้อมยังมึง กูเล่นเมโลดี้เปล่ารอมึงนานแล้วนะเว้ย” ผมตั้งไมค์อีกนิด ก่อนจะบอกว่า
“ลุยเลยเว้ย” แล้วเสียงเคาะกลองของโจเริ่มขึ้น
แล้วห้าเพลงที่ต้องใช้ขึ้นเวทีคริสต์มาสปีนี้ ก็เริ่มต้นขึ้น ทันทีที่โน๊ตแรกเริ่มเล่น ผมก็ดีใจที่เพื่อนๆ ซ้อมเมโลดี้ไว้ก่อนจริงๆ ด้วย นั้นทำให้ผมร้องเพลงละสองรอบแบบผ่านฉลุย ก่อนจะเริ่มบันทึกเสียงแต่ละเพลงเก็บไว้เป็นมาตราฐานสำหรับใช้เล่นวันจริง...ทั้งหมดนี้เสร็จตอนหกโมงเย็นพอดี
ได้เวลาไปรับแฟนพอดี....ว่าแต่ผลเลือกตั้งเป็นไงนะ ผมไม่ได้โทรไป แฟนผมก็ไม่ได้ส่งมาบอก
“ทางนี้ครับ” ผมจอดน้องถ่านไว้ใกล้ๆ โรงยิม ที่แทนซ้อม เพราะอย่างน้อยก็หลบบรรดาสาววายที่จอดทีไร รุมทึ้งผมซะกระจุย (โคตรน่ากลัว) แต่หนึ่งทุ่มแล้ว คงไม่มีใครมายุ่งแล้วแหละ
“มาเร็วจังครับ” แทนในสภาพเปียกเหงื่อทั้งตัวในชุดบาส ทำให้ผมต้องดึงผ้าขนหนูที่คล้องคอแทนตอนนี้มาเช็ดหน้าให้
“เดี๋ยวก็กลับไปอาบน้ำแล้วนะ” ผมยังคงเช็ดหน้าให้แทนต่อไปโดยไม่ได้สนที่แทนบอก
“ผลเลือกตั้งเป็นไงครับ” แทนยังไม่ยอมตอบ แต่อมยิ้มอยู่ ผมเลยกอดซะเลย
“ไม่เอา เราเหงื่อท่วม ตัวเหม็น กอดทำไม” ผมจ้องแฟนผมแบบ...ถ้าไม่ตอบ จะจูบตรงนี้เลยนะ
“ได้รับเลือกแล้วครับ ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวตัวเหม็นนะ” ผมไม่ปล่อย แต่ผมค่อยๆ ประทับริมฝีปากตัวเองลงบนริมฝีปากของแทนช้าๆ แล้วค้างไว้เล็กน้อย
“แฟนผมเก่งที่สุด” ผมดีใจที่แฟนผมผ่านเรื่องหนัก และไปถึงฝั่งความสำเร็จที่ตั้งใจได้
“ไม่หรอก ก็แค่...กำลังใจดีอะ” แฟนผมน่ารักจัง...
“งั้น กลับไปอาบน้ำ แต่งตัว เดี๋ยวพาไปฉลองซะหน่อยดีกว่านะครับ” แฟนผมพยักหน้า ก่อนที่เราทั้งคู่จะไปขึ้นน้องถ่านเพื่อนกลับห้องกัน
ริมระเบียงห้องตอนนี้ ในมือผมมีเบียร์ขวดเล็กอยู่ ส่วนในมือแทนเป็น Barcardi รสมะนาวขวดเล็กเช่นกัน อันที่จริง แทนไม่ยอมดื่มอะไรแบบนี้หรอก เพราะว่า...
“นี่ไม่เคยดื่มของแบบนี้จริงๆ นะ ละก็...พรุ่งนี้มีเรียนนะครับ” ผมชอบหน้ากรึ่มๆ ของแทน ตอนนี้มากเลย
“มันต้องมีบ้างซิครับ ไม่งั้น ไม่สนุกนะครับ” มือซ้ายผมถือขวด มือขวาผมโอบเอวแทนให้ชิดๆ ก่อนจะชนขวดกับแทน แล้วเราทั้งคู่ยกดื่มพร้อมกัน
“มันอร่อยตรงไหนอะ ขมก็ขม” แต่แทนก็ดื่มไปแล้วจะครึ่งขวดนะครับ ผมหอมแก้มเนียนๆ ของแฟนตัวเอง ก่อนจะจิบเบียร์ต่อ
“มันไม่อร่อยหรอก แต่เวลาดื่มแล้ว มันสนุกแบบนี้แหละ ละก็...ยิ่งกับคนพิเศษแบบนี้ด้วย” ผมกระดกที่เหลือต่อจนหมด แล้ววางขวดไว้ที่พื้น
“เรามึนนะรู้เปล่า แต่ก็...สนุกจริงแหละ” ผมถือขวดของแทนมาดื่มต่อเอง เพราะแฟนผมคงไม่ไหวละ
“หมดขวดนี้ไปนอนกันนะ” แทนพยักหน้า ผมเลยกระดกอย่างรวดเร็วให้หมด แทบล้มทั้งยืน
“บ้า!!! ดื่มรวดเดียวแบบนั้นได้ไง” ผมวางขวดแล้วกอดแทนแน่นๆ ผมกึ่มๆ ได้ที่สุดๆ
“จะได้ไปนอนไง” ผมอุ้มแฟนตัวเองกลับเข้าห้องแล้วดิ่งไปที่เตียงทันที ความตึงนิดๆ สวนทางกับอารมณ์ผมตอนนี้ผม แฟนผมที่กึ่มๆ ตอนนี้ มันน่า....มากๆ แต่ผมเองเวลาเมาประมาณนึง ผมแอบทำใครไม่ไหวนะ จากที่คร่อมอยู่เหนือแทน ผมลุกไปปิดประตูกระจกริมระเบียง ก่อนจะกลับมานอนข้างๆ
“ขอบคุณนะ” ผมหันตัวมาหาแทนข้างๆ
“อะไรหรือครับ” แฟนผมขอบคุณไรผมนะ
“ถ้าเราไม่มีบิ๊กข้างๆ เราไม่รู้จะผ่านเรื่องนี้ไปยังไง เราทำไรไม่ถูกตลอดช่วงที่ผ่านมาเลยรู้เปล่า” ผมหอมแก้มแฟนอีกฟอดแทนคำพูดที่ผมอยากพูด
“หน้าที่ของหัวใจครับ มีให้แค่แทนคนเดียวเท่านั้น” ผมนอนตะแคงเอาหน้าตัวเองซุกข้างๆ อกของแทน
นอนที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่านอนข้างๆ แฟนนี่แหละ
………………..
งานวันคริสต์มาสของโรงเรียนก็มาถึง ปีนี้พิเศษกว่าทุกปี เพราะคนที่มางานโรงเรียนกับผมคือแทนนั้นเอง วันนี้ผมจอดน้องถ่านในโรงเรียนได้เลย เพราะอาจารย์ไม่เข้มงวดอะไรมาก หลังจากดับเครื่อง ขึ้นขาตั้งเสร็จ ผมขออวดแฟนผมหน่อยละกัน อย่างแรกก็...ถอดหมวกกันน็อคให้แฟนนี่แหละ
“เราเกร็งอะ แบบ ทำไมคนมองเยอะจัง” ก็ผมจับมือแทนอยู่นี่
“วันนี้วันอวดแฟนไงครับ” มือของผมกุมอยู่กับมือของแทนในขณะที่ผมพาไปที่ห้องชมรมดนตรี เชื่อว่าพี่ๆ น้องๆ ในชมรม คงกำลังสนุกกับของกินที่เตรียมกันไว้ฉลองเทศกาลนี้อยู่
“พี่บิ๊กมาแล้ว” เสียงของน้องสักคนที่นำทันทีตั้งแต่ผมเปิดประตูเข้าห้องดนตรีมา ส่วนที่เหลือ ต่างเฮกันเมื่อเห็นผมกับแทนเข้ามาในห้อง
“พระเอกมาแล้วเว้ย” เสียงไอ้ตั้มตามมา หลังจากผมกับแทนวางหมวกกันน็อคไว้ที่โซฟาในห้อง
“มึงแวะไปห้องก่อนได้นะเว้ย เดี๋ยวเพื่อนในห้องไม่เห็นหน้ามึง” ไอ้โจกำลังหยิบมันฝรั่งทอดเข้าปาก
“ไม่เป็นไรวะ ไปก็แป็ปเดียว เดี๋ยวก็ต้องขึ้นเวทีเล่นเป็นวงเปิดอีก เดี๋ยวเล่นเสร็จกูก็ไปแล้ว” ผมสำรวจว่าวันนี้ห้องชมรมดนตรีของผมมีอะไรกินบ้าง
“เต็มที่ๆ ไม่มีอย่างเดียวให้กินคือตับนะครับน้อง” ผมชูนิ้วกลางแบบไม่ต้องมองหน้าให้พี่นิว ประธานชมรมดนตรีคนล่าสุด ที่แซวผมแรงตลอด
“พี่แหย่เล่นนะครับ บิ๊กมันชอบกินตับ พี่ไม่ได้ซื้อตับมา กลัวมันจะหิว” แทนแอบหัวเราะอย่างสุภาพ ในขณะที่ผมย้ำนิ้วกลางใส่พี่นิวอีกรอบ
“พาแฟนมาแบบนี้ วันนี้ไอ้บิ๊กมันต้องร้องเพลงเสี่ยวๆ ให้แฟนฟังชัวร์ ไอ้เชี่ยบิ๊ก!!! เวทีโรงเรียนเราไม่ได้ให้ไว้ร้องเพลงให้เมียมึงฟังคนเดียวนะเว้ย” พี่ไมเคิลคู่หูตัวแสบที่จับคู่กับพี่นิวทีไร ผมโดนรุมทุกที แน่นอนว่าหนีไม่พ้นผมแจกนิ้วกลางให้เช่นกัน
“พวกพี่พอเลย ไม่งั้นผมจะแจกกล้วยไม่เลิกจริงด้วย” ผมหันไปหาแทน ที่ตอนนี้เอาไส้กรอกทอดป้อนให้ผมกิน เสียงโห่ทั้งห้องก็ตามมา ผมเลยโบกสองมือหล่อๆ ให้ทุกคนโห่กันดังๆ แบบว่าผมเป็นดาราไรงี้
“โจ แล้วไอ้แชมป์อะ” ผมมองไปไม่เจอไอ้แชมป์ เลยถามไอ้โจก่อนเพราะเห็นมันคนแรก
“ไปรับผัวมันที่หน้าโรงเรียน ยังไม่กลับมาเลย” โจตอบแบบขี้เกียจ พร้อมกับหมุนไม้กลองไปมา
“มันบอกไปรอที่เวทีได้เลย” ตั้มอ่านข้อความที่แชมป์ส่งมาหามันล่าสุด
สิบนาทีต่อมา วงกุมารทองก็พร้อมหน้ากันที่เวที โดยที่แชมป์ตามมาสุดท้าย แต่มาด้วยยิ้มที่มีความสุข ผมกวาดสายตามองไปข้างล่าง เจอไบรท์ยืนเชียร์อยู่ไกลๆ ในขณะที่แฟนผมอยู่ใกล้ๆ เวที ในตำแหน่งที่ผมอยากให้ยืนเห็นผมชัดที่สุด หลังจากพวกเราตั้งเสียงกันเสร็จแล้ว
“พร้อมกันยังครับทุกคน” เสียงเฮจากผู้ชมทั้งพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ พร้อมแล้ว
“วันนี้ผมจะเล่นเพลงมันส์ๆ สักสามเพลง แล้วอีกสองเพลง จะซึ้งๆ สักหน่อยนะครับ คือ...พาแฟนมาครับ” เสียงเฮจากผู้ชมพร้อมเสียงปรบมือ มาละ เอาละ พร้อมละครับ
เพลงแรกผมจัดบุษบาของ Moderndog ให้ทุกคนได้โดดกัน ตามด้วยเพลงที่สองกับเล่นของสูง ของ Big Ass แล้วต่อเพลงที่สามแบบเบาลงหน่อยแต่ก็มันส์ได้อยู่กับ Is This Love ของ Better Weather
“คนร้องเหนื่อยครับ” จบแล้วผมต้องเช็ดเหงื่อสักหน่อย มองไปที่แฟนผมยกนิ้วโป้งให้ ผมก็ยิ้มออกละ
“เพลงที่สี่ ขอยกหน้าที่ให้แชมป์มือคีย์บอร์ด ที่วันนี้พาแฟนมาด้วย ก็ มาดูฝีมือเพื่อนผม ร้องเอง ดีดกีตาร์เองนะครับ” ผมไปยกไมค์อีกสามตัวที่เหลือมาตั้งกลางเวที แล้วส่งกีตาร์โปร่งให้แชมป์ ส่วนผม ตั้ม โจ ไปยืนรอร้องคอรัสให้ แชมป์หันมายกนิ้วให้สัญญาณ พวกเราทุกคนพยักหน้าพร้อมละ
“ผมเชื่อว่า ถ้าแฟนผมจะร้องเพลงที่แทนความเป็นตัวผม...คงต้องเพลงนี้ละครับ” แชมป์เกริ่นนำก่อนจะเริ่มดีดกีตาร์เริ่มเพลง
“สุดที่รักของฉันไม่เหมือนคนอื่น ไม่มีการชื่นชมเอาใจอยากให้หวานให้ซึ้ง คนนี้ไม่ไหวปากอย่างไงหัวใจอย่างนั้น อย่าไปถามเชียวนะว่ารักหรือเปล่า อาจต้องทนนั่งรอเป็นวันบอกว่ารักซักนิด ยังยากอย่างนั้นไม่มีทางเรียกกันว่าหวานใจ
แต่มันก็คงไม่แปลก ที่วันนี้ฉันยังรักเธอคือความมั่นใจในเธอ ที่ไม่คิดจะหลอกหลอกใครเขาไม่ค่อยเป็น แค่มองเห็นใครก็รู้ สุดที่รักของฉัน น่ารักที่สุดเป็นมนุษย์ที่น่าเอ็นดู อาจไม่หวานไม่ขมตัวฉันไม่รู้ แต่ถ้ามีเธออยู่มันเปรี้ยวใจ
คอรัส : (ยังไงๆเชื่อใจเธอก่อน) (ความแน่นอนคือเธอ) มีแต่เธอคนนี้เท่านั้น ไม่มีวันจะเปลี่ยนไปรักใคร
แต่มันก็คงไม่แปลกที่วันนี้ฉันยังรักเธอคือความมั่นใจในเธอที่ไม่คิดจะหลอก หลอกใครเขาไม่ค่อยเป็นแค่มองเห็นใครก็รู้ สุดที่รักของฉันน่ารักที่สุด เป็นมนุษย์ที่น่าเอ็นดูอาจไม่หวานไม่ขม ตัวฉันไม่รู้แต่ถ้ามีเธออยู่มันเปรี้ยวใจ
ตั้งแต่วันนี้ขอเรียกเธอ...เปรี้ยวใจ” เสียงปรมมือรัวของผู้ชม จบด้วยโค้งขอบคุณผู้ชมของแชมป์ พวกเราอีกสามคนที่เหลือปรมมือให้กับการร้องเพลงครั้งแรกของแชมป์ที่ตอนซ้อมล่มไปหลายที แต่ร้องจริงรอบเดียวผ่านฉลุย ผมเห็นไบรท์กำลังอัดวีดีโอด้วยมือถืออย่างภูมิใจมาก ก่อนที่จะสลับที่กันเป็นผมไปยืนไมค์หลักบ้าง โจยกกลองคาฮอง (กลองนั่งตี) มานั่งข้างซ้ายผม ส่วนตั้มยืนฝั่งขวาเล่นกีตาร์โปร่งให้ และแชมป์นั่งดีดนิ้วอยู่ข้างๆ ไอ้โจมัน
“เพื่อนผมร้องแล้ว เพลงสุดท้ายผมมอบให้ที่รักของผมครับ” ผมชี้ไปที่แฟนผมที่อยู่ตรงกลางผู้ชมทุกคน เมื่อเสียงกีตาร์ กลอง และดีดนิ้ว เริ่มคลอจังหวะ ดังขึ้น
“Yeah…If I was your boyfriend, I'd never let you go I can take you places you ain't never been before Baby take a chance or you'll never ever know I got money in my hands that I'd really like to blow
Yeah…Chillin by the fire why we eatin' fondue I dunno about me but I know about you So say hello to falsetto in three two
I'd like to be everything you want Hey girl, let me talk to you
If I was your boyfriend, never let you go Keep you on my arm girl, you'd never be alone
I can be a gentleman, anything you want If I was your boyfriend, I'd never let you go, I'd never let you go
Tell me what you like yeah tell me what you don’t I could be your Buzz Lightyear fly across the globe I don't never wanna fight yeah, you already know I am 'ma a make you shine bright like you're laying in the snow
Girlfriend, girlfriend, you could be my girlfriend You could be my girlfriend until the world ends
Make you dance do a spin and a twirl and Voice goin crazy on this hook like a whirl wind Swaggie
I'd like to be everything you want Hey girl, let me talk to you
If I was your boyfriend, never let you go Keep you on my arm girl, you'd never be alone
I can be a gentleman, anything you want If I was your boyfriend, I'd never let you go
So give me a chance, 'cause you're all I need girl Spend a week with your boy I'll be calling you my girlfriend If I was your man, I'd never leave you girl I just want to love you
If I was your boyfriend, never let you go Keep you on my arm girl, you'd never be alone
I can be a gentleman, anything you want
If I was your boyfriend, I'd never let you go, I'd never let you go
Na Na Na Na Na Na Na… If I was your boyfriend, I'd never let you go” เสียงปรมมือหลังจบเพลง พวกเราทุกคนลุกขึ้นโค้งคำนับให้ ผมเห็นแฟนผมอัดวีดีโอผมไว้ ผมส่งยิ้มให้ แฟนผมเขินจนไม่ยอมมองผม
“ส่งต่อให้วงถัดไปนะครับ ขอบคุณครับ” ผมประกาศออกไมค์ก่อนที่พวกเราทุกคนจะเดินลงจากเวที เว้นผมที่โดดลงจากตรงหน้าเวที แล้วแหวกผู้ชมไปจับมือแทนเดินออกมา
“แฟมใครไม่รู้ ร้องเพลงเพราะอะ” ผมกำลังกุมมือแทนเดินไปที่พาหนะคู่ใจผม
“แล้วชอบไหมครับ” แทนพยักหน้าด้วยอมยิ้มที่ตอนนี้ดูจะยังไม่หุบซะที
ผมยังคงกุมมือที่อบอุ่นนี้เอาไว้ไม่ปล่อยไปไหน และผมจะไม่ปล่อยมือนี้ให้โดดเดี่ยวอีกต่อไปเช่นกัน
………………..
สัปดาห์สุดท้ายของปี ถึงจะโดดเรียนกันไปเยอะ แต่ด้วยความเป็นนักกีฬาฯ ที่ต้องกลับมาเรียนทีหลัง ทำให้ผมเลี่ยงโดดเรียนไม่ได้นัก อย่างน้อยมาเรียนเก็บบางวิชาตอนเช้า แล้วเที่ยงให้บิ๊กที่โรงเรียนหยุดตั้งแต่คริสต์มาสถึงปีใหม่มารอรับ
“มาเร็วอะ” ผมกำลังสงสัยว่าบิ๊กส่งผมเสร็จไม่ได้กลับห้องไปก่อน
“ไปรอในสยามมา ใกล้เวลาค่อยกลับมารับไงครับ เหนื่อยไหม” ผมส่ายหน้าเร็วๆ ก่อนจะเดินไปกับบิ๊กด้วยกันเพื่อไปขึ้นน้องถ่านที่จอดอยู่ไกลๆ
“เห้ๆๆๆ พวกเรา นี่ไง คู่กินถั่วของกัปตันทีมบาสฯ โรงเรียนเรา” เสียงไม่พึ่งประสงค์ของมาณพกับเพื่อนมันอีกสองคนลอยมาแต่ไกล ผมไม่อยากเสวนาอะไรด้วย รีบดึงมือบิ๊กให้เดินเร็วขึ้น ไม่อยากให้บิ๊กมีเรื่องด้วย
“รีบไปไหนๆๆ ไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอครับรองประธานนักเรียน กิ้วๆๆ” ผมดึงมือบิ๊กไว้ไม่ให้ไปมีเรื่องด้วย
“เอ้ยๆๆ อย่าไปกวนเลยวะ เค้าจะรีบไปขุดทองกัน” ผม...ทนไม่ไหวแล้ว...
“ฝากกระเป๋ากับย่ามแป็ปนะครับ เดี๋ยวมานะ” ผมถอดเป้ออกจากหลังและส่งย่ามใส่หนังสือให้บิ๊กถือ
ผมเดินตรงอย่างแน่วแน่ไปหามาณพ ก่อนจะง้างหมัดขวาอัดเข้าแก้มเต็มแรง แรงพอให้มาณพลงไปกองกับพื้น ก่อนจะถีบด้วยปลายรองเท้าเข้าคางเหมือนเตะลูกบอลไปอีกที เพื่อนมาณพอีกสองคนจะรุมผม ผมคว้าหัวของคนขวาได้ จับโยนไปชนกับคนซ้าย แล้วโดดถีบเข้ากลางหลังจนล้มทับไปทั้งคู่ ผมทั้งเตะและกระทืบอีกสองคนที่ล้มทับกันเป็นแซนวิชก่อนเสื้อผ้าทั้งคู่เละด้วยรอยรองเท้าผม
“พวกมึงจำไว้นะ!!! ใครมีปัญหากับผัวกู ตาย!!!” ผมตะโกนด้วยอารมณ์ที่โกรธอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผมหันกลับไปแล้ววิ่งไปหาบิ๊กที่ยืนมองแบบอึ้งๆ อยู่
“ไปกันเถอะครับ” ผมกอดแขนบิ๊กแล้วเอียงซบ ก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินไปด้วยกัน
“รู้ไหม...เราทนไม่ได้ที่ใครมาว่าบิ๊กแบบนั้นจริงๆ นะ” ผมทนไม่ได้จริงๆ นะ คำพูดเหยียดหยามแบบนั้น กับผมยังพอทน แค่กับบิ๊ก ผมทนไม่ได้ที่จะต้องลงมือจริงๆ
“เมียผมโหดนะเนี่ย” ผมซบบิ๊กให้แน่นขึ้น
“บิ๊กปกป้องเรามาเยอะแล้วนะ ให้เราปกป้องบิ๊กบ้างได้ใช่ไหม” ผมรู้สึกแบบนี้จริงๆ นะ
ไม่มีคำตอบอะไรจากบิ๊ก นอกจากยิ้มที่ดูอิ่มเอมก่อนจะสวมหมวกกันน็อคให้ผม และสวมให้ตัวเอง แล้วส่งเป้กับย่ามให้ผมถือ ก่อนที่เราทั้งคู่จะออกเดินทางกันต่อด้วยพาหนะที่มีแค่เราสองคนเท่านั้น
ถึงผมจะไม่ได้ท้าตีท้าต่อยเก่งแบบบิ๊ก แต่ถ้าใครเหยียดหยามแฟนผม...ผมไม่ยอมแน่นอน
***********
กว่าจะเขียนเสร็จ...นอนผิดท่า ปวดคอกับไหล่จนร้าวมากครับ T_T (เกือบทำไม่ได้) สำหรับบทที่ 60 ผมขอรวบปีใหม่ วาเลนไทน์ ไว้รวมด้วยกันนะครับ
เพราะหลังจาก 61 ไป...ทุกอย่างจะเข้าสู่ ม.6 ที่เป็นช่วงที่หนักสุดของชีวิตของคู่นี้ ไปคลายกันอีกทีตอนใกล้จบทีเดียวเลยครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม^^