++เพื่อน(เรียน)พิเศษ (END) : Special Chapter "30" (Part 2 // หน้า 36)++
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ (END) : Special Chapter "30" (Part 2 // หน้า 36)++  (อ่าน 325946 ครั้ง)

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เจ็บและแค้นแทนเด็กสองคนนี้   อยากจะบอกบิ๊กว่าแม่ทั่วไปเขาไม่พกปืนกันหรอก
แล้วนางถึงขนาดทำเองแสดงเองตบเอง บิ๊กจะหวังอะไรอีกจากผู้หญิงคนนี้
จิตอำมหิตเหี้ยมโหดและแปรปรวนมากๆ  เรื่องของแทนกับบิ๊กนั้นนางไม่รับรู้ แต่คิดอย่างเดียวว่าบิ๊กคือตัวปัญหา    คนทั่วไปน่าจะสำเหนียกรุ้แล้วว่าโทษคนอื่นไม่ได้  แทนเองก็รักชอบมาทางนี้แล้ว ที่โรงเรียนเก่าก็เป็นปัญหามาแล้ว อยากรู้ว่านางทุ่มเทเพื่อปกป้องลูกขนาดนี้หรือเปล่าเพราะว่าไอ้เลวคนเดิมยังตามมาราวีแทนอยุ่เลย

ความซวยของแทนที่เกิดมาเป็นลูกของผู้หญิงคนนี้  :z3:
ไม่น่าเชื่อว่านางเป็นลูกคุณยายของแทน

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เหมือนคุณ zipboy จะเคยบอกว่าที่คุณแม่แสดงออกแบบนี้เพราะมีสาเหตุที่ทำให้เป็นอยู่ด้วยนี่นะ ( ถ้าเราจำไม่ผิด :-[ ) แต่ว่านะคะ เราคิดว่าคนที่ต้องพบจิตแพทย์ควรเป็นคุณแม่มากกว่าอีก เพราะคุณแม่เริ่มจะแปลกๆ ตั้งแต่ที่ตบหน้าลูกแล้วเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นยิ้มระรื่นได้ภายในพริบตาแล้วล่ะค่ะ เพราะคนปกติเขาไม่ทำกันหรอก โดยเฉพาะกับคนที่เป็นแม่ด้วยแล้วเขายิ่งไม่ทำกันใหญ่เลย หรือถ้าตบเพราะโกรธ..อย่างมากก็แค่ตบเสร็จแล้วหันหลังกลับไปเลย หรือไม่ก็กอดลูกเอาไว้ทั้งตัวเลยมากกว่า

ออกมาดราม่าตอนแรกก็แสดงให้รู้เลยค่ะว่าคุณแม่ของแทนสามารถทำอะไรที่เราไม่คาดคิดได้อีกแน่ๆ น่ากลัวจังนะคะ เดาใจเธอไม่ออกจริงๆ

ส่วนบิ๊ก..เก็บกดอารมณ์ของตัวเองได้ดีมากๆ ค่ะ ขนาดไม่ทันได้ตั้งตัวนะคะเนี่ย ยังไงก็สู้ๆ เข้านะ บิ๊กทำได้แน่นอน ^^

ปล. โชคดีนะคะที่คุณยายเป็นคนเลี้ยงดูและคอยสั่งสอนแทนมาแต่เล็กแต่น้อย ไม่อย่างนั้นก็ไม่อยากคิดเลยค่ะว่าแทนจะโตมามีนิสัยแบบไหน

รอตอนต่อไปนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
หากไม่ผิดพลาดประการใด บทที่ 63 เจอกันวันเสาร์นี้ครับ^^

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ

------------------------

****ขอเลื่อนเป็นอังคารนี้แทนครับ แก้ใหม่ยกบทไป เลยทำให้ไม่เสร็จตามกำหนดครับT_T****
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-09-2015 03:14:30 โดย zipboy »

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 63 ++
«ตอบ #934 เมื่อ08-09-2015 04:40:58 »

มาละครับ...ทำเสร็จเมื่อสักครู่นี้หมาดๆ ลงไว้ก่อนไปนอนละครับ

บทนี้ทางออกของบิ๊กกับแทนยังดูไม่ชัดเจนเท่าไหร่ สิ่งที่เกิดขึ้นกับแทนตอนนี้ เป็นอุปสรรคครั้งใหญ่สำหรับบิ๊กจริงๆ แต่ทั้งคู่ ไม่หมดหวัง และจะพยายามหาทางออกกันต่อไป

มาชมกันต่อครับ^^

***********

Chapter 63

หลังจากที่ผมได้สติในห้องที่ว่างเปล่า ผมพาตัวเองไปหาตั้มเพื่อเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่เพื่อนๆ ทุกคน รีบมาหาที่บ้านตั้มกันในเวลาไม่นานหลังจากโทรไปเล่าคร่าวๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น

“เชี่ย!!! แมร่งเกินไปวะ แจ้งความดีกว่าวะ” ตั้มตะโกนออกมาทันทีหลังจากที่ผมเล่าเรื่องนี้จนจบ

“มึงใจเย็นๆ ไอ้ตั้ม นั้นเรื่องครอบครัวเค้านะเว้ย อีกอย่าง พกปืนมาตบไอ้บิ๊กได้แบบนี้ เส้นต้องใหญ่ใช้ได้อยู่” โจรีบเบรคอารมณ์เดือดของตั้มโดยทันที

“ไม่ต้องห่วง เราอยู่โรงเรียนเดียวกับแทน เป็นคนกลางช่วยได้ อย่าพึ่งคิดมาก” ขอบใจไบรท์ คงเป็นทางเดียวที่จะติดต่อแทนได้นี่แหละ

“มึงจะเอาไงต่อ กลับบ้าน หรือนอนห้องแทนเหมือนเดิม” คำถามของแชมป์ ทำให้ผมเงียบจนตอบไม่ถูกว่าจะเอาอย่างไร

“มีงใจเย็นๆ ถ้าคิดไม่ออก เก็บห้องให้เรียบร้อย แล้วมึงกลับบ้านสลับกับแวะไปทำความสะอาดบ้าง ไว้เรียบร้อย มึงกับแทนค่อยกลับไปอยู่ด้วยกันก็ได้” ตั้มกอดคอผมแลัวออกไอเดียให้

“ไม่ต้องห่วง เรื่องที่อยู่ใหม่แทน เดี๋ยวเราตามให้ แล้วก็ ถ้าอยากแวะมาหาที่โรงเรียน เดี๋ยวเราบอกพวกกรรรมการนักเรียน กับทีมบาสฯ ให้หาห้องให้อยู่สองต่อสองได้เลย” ผมพยักหน้าให้แทนคำขอบคุณที่ไบรท์เสนอให้

“มึงไหวเปล่าวะ ตอบตามตรงนะเว้ย” โจถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบที่นานๆ จะได้ยินจากเพื่อนคนนี้สักที

“กู...ไม่แน่ใจ...วะ” ผมรู้สึกแบบนี้ เสียงอ่อยๆ ไปไม่ถูก

“แปลว่าไม่ไหว อยู่นี่แหละ ไบรท์ คืนนี้นอนเป็นเพื่อนเราด้วยนะ” แชมป์จัดการสรุปให้เสร็จสรรพ แล้วก็หันไปอ้อนแฟนตัวเองให้อยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าอยู่ด้วย

ผมลุกขึ้นไปทิ้งตัวลงบนเตียงนอนของตั้มเต็มๆ เพื่อนๆ ทุกคนลุกขึ้นมาดูผมก่อนที่ผมจะถอดแว่นออก แล้วมองเพดานด้วยความเลื่อนลอย ตั้มนั่งลงข้างๆ ผม

“มึงอยู่เท่าที่มึงสบายใจได้เลยนะ แต่ขออย่างเดียว มึงต้องสู้ มึงเป็นความหวังเดียวของแฟนมึงนะ” ผมพยักหน้าให้กับที่ตั้มพูดกับผม

“ตอนนี้กี่โมงวะ” ข้อมือผมก็ใส่นาฬิกา แต่ไม่อยากยกมาดู

“ห้าโมงเย็นแล้ว มึงยังไม่กินอะไรมาทั้งวัน เดี๋ยวแม่กูทำกับข้าวเสร็จ กูจะเรียกมึงลงมานะ มึงนอนพักไปก่อนแล้วกัน” ตั้มทิ้งท้ายไว้ ก่อนที่ทุกคนจะเหมือนรู้กันว่า ผมอยากอยู่คนเดียว

ผมนอนมองเพดานห้องนอนตั้ม...แล้วน้ำตาผมก็ไหลออกมา ผมไม่เคยกลัวปัญหาอะไรเลย แต่เรื่องนี้ ให้ตายเถอะ...จะเอาไงดีวะ มันมองไม่เห็นทางออกเลยว่า จะทำยังไงให้ผมกับแทนกลับมาเหมือนเดิม ผมควักสร้อย Tag ที่แทนให้ผมมากัดเบาๆ หนึ่งที แล้วเก็บกลับไป ความคิดผมตอนนี้มีแค่

อย่าทำอะไรรุนแรงกับแทนเลย ไม่ใช่ความผิดแทนสักนิด อย่าลงกับแทนเลย มาลงที่ผมเถอะ

……………….

หน้ากระจกห้องน้ำตอนนี้ ผมกำลังพยายามปรับอารมณ์ให้นิ่งที่สุด รอยช้ำเล็กๆ บนหน้าของผม ไม่เป็นที่สังเกตนักถ้ามองกันดีๆ ห้องนอนใหม่กับบ้านหลังนี้ ผมไม่คุ้นอย่างมาก ผมรู้สึกปวดหัวอย่างบอกไม่ถูก ถ้าผมไม่ไปกินข้าวกับแม่ผม จะได้ไหม...

“ไม่ได้ล็อคครับ” ผมตอบรับเสียงเคาะประตู ในขณะที่ตัวเองยังนอนอยู่บนเตียง
 
“ยังไม่แต่งตัวเหรอลูก” แม่ผมเข้ามาในห้อง แล้วนั่งลงข้างๆ ผม

“ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายครับ ขอไม่ไปทานข้างนอกได้ไหมครับ” แม่ผมใช้หลังมือวางลงบนหน้าผาก

“ตัวไม่อุ่น งั้น เดี๋ยวลงมาทานข้าวกัน ทานยา แล้วนอนพักนะ” ผมพยักหน้าช้าๆ ไม่ตอบอะไรกับแม่ต่อจากนั้น
 
“เรื่องไปโรงเรียน เดี๋ยวแม่ซื้อรถใหม่กับมีคนขับให้ ไม่ต้องกลัวสายนะ” ผมได้แต่พยักหน้า

“ผมกลับไปอยู่คอนโดก็สะดวกกว่านะครับ คุณแม่มาเยี่ยมผมก็ได้นะครับ” ผมรู้สึกไม่คุ้นกับที่นอนใหม่นี้เอาซะเลย

“ทำไมลูกถึงไม่ยอมอยู่กับแม่...บ้านหลังนี้แม่ตั้งใจซื้อให้ลูกมาอยู่ด้วยนะ ลูกไม่รักแม่เลยสักนิด” ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ

“ผมไม่คุ้นกับที่อยู่ใหม่ แล้วก็ผมไม่คุ้นกับสถานที่ย่านนี้ด้วย ไม่เกี่ยวกับว่าไม่รักแม่นะครับ” ผมลุกขึ้นมาอธิบายให้แม่ผมฟัง

“ถ้าแม่ไม่ไปเจอ ลูกก็ยังอยู่กับมันแบบนั้น แล้วต้องรอให้เกิดเรื่องน่าอายก่อนหรือไง” แม่ผมโยงเข้าเรื่องบิ๊กอีกจนได้

“ไม่เกี่ยวกับบิ๊กนะครับแม่ ผมยืนยันนะครับ เราทั้งคู่ไม่ได้ทำอะไรที่เสื่อมเสีย ผมกลับไปอยู่คอนโด แต่ไม่ให้บิ๊กมาอยู่ก็ได้นะครับ” ผมคิดว่านี่น่าจะโอเคที่สุด

“ยิ่งลูกทำแบบนี้ แม่ยิ่งไม่ไว้ใจอะไรทั้งสิ้น ต่อไปนี้ลูกจะมีการ์ดส่วนตัวติดตามไป ไม่ว่าจะไปเรียน หรือไปไหน จนกว่าแม่จะเห็นว่าลูกทำตัวดีพอให้แม่ไว้ใจ” คำสั่งแม่ผมเหมือนเป็นการตัดอิสรภาพทั้งหมด

“แม่ครับ...” ผมรู้สึกว่ามันเกินไป แต่ผมถ้าผมพูดต่อ ทุกอย่างอาจจะแย่ไปกว่านี้ได้

“กินข้าวเสร็จเราจะคุยเรื่องนี้กันต่อ” แม่ผมทิ้งท้ายไว้ก่อนจะออกไปจากห้อง

ผมหยิบ iPhone ตัวเองที่เก็บไว้ในกระเป๋าเป้ ใจนึงก็อยากส่งข้อความไปคุยกับบิ๊ก แต่อีกใจก็ไม่อยากให้แม่หาเรื่องยึดมือถือผมเหมือนกัน ผมหยิบไปชาร์จแบตเตอรี่สำรอง แล้วเอาแอบไว้ในกระเป๋าเป้เหมือนเดิม เอาละ...ถ้ากินข้าวเสร็จ แม่อยากคุย ผมจะคุยให้ดีที่สุด อย่างน้อย ไม่ถึงกับตามผมทุกฝีก้าวก็พอ

เดี๋ยวค่อยหาโอกาสเจอบิ๊กกับหาทางแก้ไขเรื่องนี้แบบค่อยเป็นค่อยไปละกัน

……………….

พ่อกับแม่ตั้มเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีมากคนนึงในชีวิตผม เวลาแม่ผมไม่อยู่บ้าน การมาค้างบ้านตั้ม ทำให้ผมเหมือนมีพ่อกับแม่อีกคน ท่านทั้งคู่ใจดีมาก แน่นอนว่าเพื่อนๆ ผมครบก๊วนขนาดนี้ คุณแม่ก็จัดเต็มแบบที่พวกผมกินกันอิ่มพุงกาง เสียดายที่อารมณ์ผมตอนนี้ ทานให้อิ่มยังรู้สึกลำบาก ที่ทานได้ เพราะอยากให้อิ่ม มีแรงไว้สู้กับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นต่อจากนี้ให้ดีที่สุดล้วนๆ

“เอ้ยๆๆ ให้อาบน้ำด้วยกัน ไม่ได้ให้ใช้ห้องน้ำบ้านกูเป็นเตียงนะเว้ย” เสียงตั้มบ่นลอยๆ เพราะแชมป์กับไบรท์เข้าไปอาบน้ำด้วยกันเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

“แป็ปนึงๆ” เสียงตอบกลับของไบรท์ลอยออกมาทันทีหลังจากตั้มทักไป ในขณะที่คนอื่นต่างอาบน้ำเตรียมนอนกันเรียบร้อย

“กี่โมงแล้ววะมึง” ผมถามตั้มขณะที่กำลังเล่น FIFA 15 กับโจอยู่ ถึงไม่ค่อยมีอารมณ์ แต่ก็จบเกมด้วยการชนะโจไปสองลูก

“สี่ทุ่มครึ่ง” ผมทิ้งจอยเกมไว้กับพื้นแล้วไปที่กองมือถือทุกคน ที่ตอนนี้กำลังชาร์จไฟกับปลั้กพ่วงที่ตั้มเตรียมไว้ให้

ไม่มีการติดต่อมาจากแทนอะไรทั้งสิ้น ผมเองก็ไม่กล้าส่งอะไรไปหา แม่เค้าเห็นผมติดต่อ คงทำให้แทนเดือดร้อนเอาได้ มันน่าอึดอัดอย่างมาก ผมหวังเล็กๆ ว่าพอแม่แทนอารมณ์ดี จะคุยกับแทนดีๆ แล้วให้โอกาสเราสองคนพิสูจน์ความรักของเราทั้งสอง...ผมอยากคิดบวก แต่ทำไมมันเหมือนเป็นแค่ความคิดเพ้อเจ้อที่เป็นไปไม่ได้อย่างบอกไม่ถูก

“กูไม่เคยคิดเลยว่า การห่างกับแทนในสภาพแบบนี้ แค่ไม่กี่ชั่วโมงมันหดหู่อย่างบอกไม่ถูกวะ” ผมพูดกับตั้มที่เดินมากอดคอผม ตามด้วยโจที่มากอดคอผมด้วย

“ไม่มีอะไรที่ราบเรียบตลอดเวลาวะ โลกยุคใหม่ รักในแบบที่มึงรัก ไม่ได้เสียหายอะไรหรอก ผู้ใหญ่ก็ไม่ผิดที่จะห้าม เค้าแค่ต้องการเวลาที่จะเข้าใจมึงกับแทนแค่นั้นแหละ” ถึงเพื่อนผมจะปากเสีย แต่เวลาโจพูดอะไรดีๆ มันพูดจากใจจริงๆ

“มึงเคยพาแทนไปหาแม่มึงเปล่าวะ” ผมพยักหน้าให้ตั้มเป็นคำตอบ

“แม่กูโอเค เอ็นดูแทนมากด้วย” ตั้มขยี้ศีรษะเกลี้ยงๆ ของผมเบาๆ

“แม่มึงโอเคก็สบายไป 50% แล้ว แม่แทนอาจจะโหดมาก แต่ให้เวลาเค้าหน่อยดีกว่า กูว่าเค้าเป็นแม่ เป็นตายยังไง ถ้าหัวใจลูกชายเค้าเลือกมึง ความรักน่าจะชนะทุกสิ่งได้เว้ย” กูก็หวังงั้นวะตั้ม

“ความรักชนะทุกสิ่งจริงเหรอวะ” ผมคิดอะไรแบบคนหมดหวังอย่างบอกไม่ถูก โจเขย่าผมเบาๆ

“มึงห้ามหมดหวัง กูรู้ว่ามึงรู้สึกไง พวกกูทุกคนช่วยมึงแน่นอน” ผมพยักหน้าขอบใจที่โจช่วยย้ำให้รู้ว่าเพื่อนทุกคนยังอยู่ข้างๆ ผม

ผมมอง iPhone ที่หน้าจอไม่มีอะไรแจ้งเตือนต่อไป...แทน...ตอนนี้เป็นอะไร ยังไง บอกเราได้ไหม ยิ่งไม่รู้ เรายิ่งไม่มีแรงจะสู้นะ

……………….

มื้อเย็นกับคุณแม่ที่บ้าน กับข้าวสี่อย่างที่อร่อยไม่แพ้ร้านอาหารดังวางอยู่ตรงหน้า ด้วยปริมาณที่พอดีกับสองคนทาน ทำให้ผมกับคุณแม่ทานหมดเกือบทุกอย่าง บรรยากาศบนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ที่มีแค่ผมกับคุณแม่ และแม่บ้านยืนอยู่ไม่ห่างนัก มันทำให้อาหารมื้อนี้ ไม่ต่างกับการทานข้าวกลางงานเลี้ยงที่ต้องรักษามารยาทให้ดีที่สุด

“อิ่มไหมลูก” ผมพยักหน้าให้กับคำถามคุณแม่ขณะเช็ดปาก

“เก็บโต๊ะได้เลยนะ แล้วเดี๋ยวชงน้ำขิงไปให้ที่ห้องทำงานด้วย” คุณแม่ผมสั่งแม่บ้านก่อนจะลุกขึ้น

“ไปคุยเรื่องที่ต้องคุยกันเถอะ” แม่ผมเดินขึ้นไปที่ชั้นสองที่ห้องของแม่ เป็นห้องทำงานที่มีประตูต่อเข้าห้องนอนได้ทันที ผมนั่งลงบนโซฟารับแขกที่วางไว้ในห้องทำงานของแม่

“เมื่อเช้าแม่ขอโทษนะ แม่ยอมรับว่าเห็นแล้วรู้สึกไม่พอใจมาก” แม่ผมเอยขึ้นมาหลังจากที่ผมนั่งลง แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรต่อ ผมกลืนน้ำลายลงคอแบบฝืดๆ ในใจไม่รู้ว่าแม่จะเอายังไงกับผมต่อ

“ตั้งแต่แทนเกิดมา แม่ตั้งใจไว้ว่า ลูกต้องเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด เท่าที่แม่จะเลี้ยงดูให้ได้” แม่ผมถอนหายใจเบาๆ หลังจากจบประโยคนี้

“ลูกรู้ไหม แม่ทำใจรับไม่ลง ถ้าลูกแม่เป็นแบบนี้ แม่จะมั่นใจได้ไงว่า ลูกจะมีชีวิตที่มั่นคง มีอนาคตที่ดีได้” แม่ผมหยุดไว้ตรงนี้ ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ ผม

“ลูกทำให้แม่มามากแล้ว แต่แม่ขออย่างสุดท้ายได้ไหม เป็นลูกชายจริงๆ ให้แม่ได้ไหม” ผมรู้สึกได้ว่าผมกำลังทำให้แม่ผิดหวัง ผมไม่รู้จะพูดไง ผมรู้ว่าตัวผมเป็นไง มันเปลี่ยนไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าผมบอกแม่ไป แม่ผมก็คงไม่จบเรื่องนี้แน่ๆ

“แม่ครับ ผมเป็นลูกชายของแม่นะครับ” แม่ผมส่ายหน้าช้าๆ

“ลูกชายแม่ ต้องไม่รักผู้ชายด้วยกันแบบนี้ซิ”สิ่งที่แม่พูด ทำให้ผมจุกในลำคอจนพูดต่อไม่ถูก น้ำตาแห่งความรู้สึกอึดอัดในสิ่งที่ผมกำลังเป็นอยู่ไหลออกมาช้าๆ แต่มากขึ้นเรื่อยๆ ผมก้มลงกราบขอโทษที่ตักแม่

“ผมขอโทษ แต่ผมทำไม่ได้จริงๆ ผมอยากทำให้ได้ แต่ผมก็ทำไม่ได้จริงๆ” แม่ผมค่อยๆ ประคองผมขึ้นมา แต่สิ่งที่ผมเห็นบนหน้าแม่ตอนนี้

“แม่พูดดีๆ แล้วนะ...ทำไม ลูกไม่ทำตามที่แม่ขอดีๆ บ้างละ” สีหน้าแบบคนกำลังเก็บอารมณ์ที่รอปะทุแบบที่แม่ผมเป็นทำให้ผมรู้ว่า ต่อจากนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผมอีกต่อไปแล้ว

“ผมขอโอกาสได้ไหม ผมอยากพิสูจน์ให้แม่เห็น ผมเป็นเด็กดีได้ โดยที่ผมมีความรักในแบบที่ผมอยากมีได้ไหมครับ ผมขอละครับแม่” ผมค่อยๆ คุกเข่า ก้มกราบเท้าแม่ค้างไว้

“อย่าหาว่าแม่ใจร้ายนะ...ต่อไปจากนี้ แม่จะจัดการเรื่องนี้ขั้นเด็ดขาด จนกว่าเราจะเลิกเป็นแบบนี้ จำไว้!!!” เสียงตวาดของแม่ แล้วเดินเข้าไปห้องนอน ทิ้งให้ผมกราบพื้นไว้แบบนั้น

ผมวิ่งกลับไปที่ห้องนอนตัวเอง ล็อคห้องให้สนิท ปิดไฟให้เรียบร้อย แล้วหยิบ iPhone ที่ตอนนี้ชาร์จเต็มแล้ว ก่อนจะเอาแบตเตอรี่สำรองไปชาร์จให้เรียบร้อย ผมปาดน้ำตาให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด นอนคลุมโปงในผ้าห่มให้มิดชิดที่สุด ก่อนจะหยิบหูฟังมาเสียบให้เรียบร้อย ผมกดโทร FaceTime หาบิ๊ก

“แทน...เป็นไงบ้าง” ทันทีที่ต่อติด ผมแทบจะร้องไห้แบบไม่มีสติ เมื่อเห็นหน้าบิ๊กเต็มจอ FaceTime ตอนนี้

“โอเคดี บิ๊กละครับ” บิ๊กยกนิ้วโป้งให้ ผมรู้เลยว่าบิ๊กไปนอนบ้านตั้ม โจ แชมป์ และไบรท์ ต่างพยายามเบียดเข้ามาในจอ ก่อนที่แชมป์จะบอกให้ทุกคนถอยออก เพื่อให้บิ๊กคุยกับผมเป็นการส่วนตัว

“เราคุยนานไม่ได้นะ ตอนนี้เราอยู่บ้านแม่ เท่าที่เราดูรอบๆ เหมือนอยู่แถวบางกะปิ เราไม่คุ้นแถวนี้เลย แต่ไม่ต้องห่วงนะ เราสบายดีแน่นอน” ผมยิ้มให้บิ๊กเหมือนเดิม

“เปิด Find My Friends ไว้หลังจากวางสายสักครู่นะ เราจะได้รู้ตำแหน่งแทนว่าอยู่ประมาณไหน” ผมพยักหน้ารับทราบ

“แม่แทนตีแทนเปล่า” บิ๊กถามคำถามที่ผมไม่อยากตอบ

“ไม่นะ ท่านแค่ไม่พอใจนิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำอะไรเราแน่นอน” ผมโกหกเพื่อให้บิ๊กไม่คิดมาก แต่บิ๊กกลับร้องไห้ออกมาช้าๆ

“โกหกไม่เนียนเลย รอยช้ำที่มุมปากเราเห็นอยู่นะ” ผมได้แต่เงียบ ไม่รู้จะตอบยังไงดี

“เราเสียใจที่ปกป้องอะไรแทนไม่ได้เลย รู้ไหม ทั้งวันที่ผ่านไปวันนี้ เราได้แต่ภาวนาให้อะไรๆ ดีขึ้น ฮือๆๆๆ” ผมค่อยๆ เอื้อมนิ้วไปแตะที่กล้อง

“อย่าร้องไห้แบบนี้ซิ ไม่ใช่ความผิดบิ๊กนะ” เสียงร้องไห้ที่ผมได้ยินผ่านหูฟัง มันแน่นจนทำให้ผมต้องร้องไห้ตามเหมือนกัน

“เราสัญญานะ ต่อให้ตาย เราก็จะสู้” บิ๊กพยายามหยุดน้ำตาแล้วยิ้มกว้างๆ

“ไว้เปิดเทอม เราจะนัดเจอกันนะ” บิ๊กพยักหน้าเข้าใจในความจำเป็นที่ผมบอกไป

“แทน...” บิ๊กเรียกผม ก่อนที่จะเอาจุมพิตกับนิ้วชี้กับนิ้วกลาง แล้วเอาสองนิ้วนั้นแตะลงบนกล้อง

“กอดน้องหมีตอนนอนด้วยนะ” ผมรู้สึกยิ้มออกก็ตอนนี้แหละ

“รักบิ๊กนะครับ” มันเป็นคำง่ายๆ ที่ครบทุกความรู้สึกที่ผมมีให้บิ๊ก

“รักแทนด้วยชีวิตครับ” น้ำเสียงบิ๊กหนักแน่นกว่า ทั้งที่น้ำตายังคงไหลออกมาจากสองตาบิ๊กช้าๆ ต่างแค่แววตาที่บิ๊กพยายามทำให้ผมมั่นใจว่าสิ่งต่างๆ จะกลับมาดีกว่านี้แน่นอน

เมื่อบิ๊กวางสายลงไป ผมเปิด Find My Friends ไว้สักครู่จะเครื่องจับตำแหน่งได้ชัดเจน ผมเห็นตำแหน่งบิ๊กแล้ว บิ๊กส่งข้อความมาหาผมหลังจากผ่านไปสักครู่ว่า

“นอนกอดหมีผู้พิทักษ์นะครับ รักด้วยชีวิต” ผมได้แต่ยิ้มกว้างๆ ปาดน้ำตาแล้วบอกตัวเองว่า เข้มแข็งให้มากๆ

ผมจะพาความรักของผมผ่านเรื่องนี้ให้ได้

……………….

วันเปิดเทอมวันแรกก็มาถึง ปีการศึกษานี้ผมกับแทนเปิดเทอมวันเดียวกัน หลังจากที่เกิดเรื่องในวันนั้น ผมฟิตร่างกายให้ดีที่สุด เน้นความคล่องตัว การโหน ปีนป่าย กะไว้สำหรับเข้าบ้านแทนโดยเฉพาะ ทุกหมัดที่ซ้อม เน้นความหนักแน่นและว่องไวให้มากขึ้น

“มึงไม่ไปหาแทนที่โรงเรียนก่อนละ” เสียงทักทายตั้มขณะที่ผมกำลังจัดของเข้าตู้ล็อคเกอร์ใบใหม่ทักทายผม

“กูมาช้าล็อคเกอร์ดีๆ ก็ไม่ได้ อีกอย่าง กูไม่แน่ใจด้วยว่าแทนมาโรงเรียนกี่โมง มาแบบไหน มายังไง บุ่มบ่ามไปวันนี้ กูโดนไข้โป้งจากแม่เค้าเอาได้วะ” ผมจัดของเสร็จแล้ว ปิดประตูล็อคเกอร์ ก่อนจะล็อคให้เรียบร้อย หันไปอีกที ตั้มกำลังจัดอยู่ข้างๆ ในตู้ที่ห่างออกไปไม่ไกลมาก

“เดี๋ยวเย็นนี้ไบรท์จะรวบรวมข้อมูลมาคุยกับพวกเราแหละ ไม่ต้องห่วงเว้ย พวกกูจะทำให้มึงได้เจอกับแฟนมึงแน่นอน” ตั้มปิดล็อคเกอร์แล้วเดินมากอดไหล่ผม ผมได้แต่พยักหน้าขอบคุณในสิ่งที่เพื่อนๆ ทุกคน พยายามทำเพื่อผมกับแทน

วันแรกของการเรียนในฐานะเด็ก ม.6 มันเป็นอะไรที่ช้า นาน ทั้งที่บางวิชาไม่ได้สอนอะไรมาก ใจผมพยายามจดจ่อกับการเรียนให้เต็มที่ ถ้าผมไม่มีแทน ผมก็ต้องอยู่ได้ ผมต้องอยู่เพื่อเจอแทนให้ได้ เป็นวันแรกในรอบกี่ปีไม่รู้ ที่ผมเรียนทั้งวันแบบเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่ทุกอย่างที่ผมได้ยิน จด ผมทำอย่างมีสติ รับทราบ ไม่ได้ลอยผ่านแบบเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา แต่...ผมอยากให้ถึงเย็นนี้ไวๆ จริงๆ

“ไอ้บิ๊ก ไบรท์มาแล้ว” โจสะกิดผมขณะที่ผมนอนอยู่อัฒจรรย์ริมสนามฟุตบอล ตั้งแต่เลิกเรียน ผมใส่หูฟังนอนมองฟ้าฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อย

“แทนฝากมาให้ บอกให้บิ๊กเป็นคนอ่านให้ทุกคนฟัง” ไบรท์ยื่นจดหมายให้ผม เป็นกระดาษ A4 ที่พับทบกัน แล้วเย็บด้วยลวดเย็บกระดาษ จ่าหน้าว่า “หากอยู่ในสภาพเปิดอ่าน ทำลายทิ้งได้เลย” ผมดึงกระดาษที่เย็บกับลวดเย็บกระดาษออก แล้วคลี่กระดาษออกมาอ่าน

“เมื่อบิ๊กได้อ่านจดหมายฉบับนี้ แปลว่าเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกอย่างน้อยหนึ่งเทอมหรือนานกว่านั้น สถาณการณ์ของเราตอนนี้ เราถูกแม่ขังกรงโดยสมบูรณ์แบบ การออกจากบ้านของเราทุกอย่าง จะต้องมีผู้ติดตามสองคน คนนึงขับรถ อีกคนเป็นผู้ช่วยเหมือนเรามีเลขาส่วนตัว แต่ที่จริงแม่ส่งมาคุมความประพฤติเรา ทุกเย็นหลังห้าโมงเย็นไป รถรับส่งของเราจะรอที่โรงเรียนจุดเดียวกับที่บิ๊กมารับ ผู้ช่วยส่วนตัวของเราจะคอยเดินมาเช็คว่าเราทำอะไร ไม่ว่าจะประชุมสภาฯ หรือซ้อมบาสฯ จะถูกจับตาตลอด ถ้าเราหายตัวไประหว่างนั้น จะเป็นเรื่องเอาได้ง่ายๆ

เทอมนี้แม่เราบริจาคก้อนใหญ่เพื่อนั่งบอร์ดสมาคมผู้ปกครองของโรงเรียน แน่นอนว่ามีครูหลายคนที่แม่ซื้อไว้เป็นหูเป็นตาให้ เราไม่รู้ว่าใครไว้ใจได้หรือไม่ได้ ถ้าจะวางแผนเพื่อพบกัน เราต้องมั่นใจก่อนว่า ใครรอบตัวเราที่คุยได้ หรือใครรอบตัวเราที่คุยไม่ได้...อย่าพึ่งใจเสียนะบิ๊ก เราสบายดี ปกติดีทุกอย่าง แม่เราไม่ได้ตีหรือดุด่าเรา ท่านแค่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เราสองคนเป็นกันเท่านั้นเอง

เราจะติดต่อไปเมื่อถึงเวลาที่สมควร ดูแลตัวเองมากๆ นะ

ทั้งหมดของหัวใจเรา

แทน”


ทันทีที่ผมอ่านจบ ผมพับกระดาษจดหมายยัดใส่กระเป๋ากางเกงนักเรียน แล้วเดินผ่านกลุ่มเพื่อนทุกคนปีนขึ้นไปชั้นบนสุดของอัฒจรรย์ แล้วนั่งใส่หูฟังเปิดเพลงเหมือนเดิม...ความรู้สึกทั้งหมด มันอัดกันเต็มไปหมด ผมไม่ได้ฟังเพลงหรอก ผมแค่ไม่อยากรับรู้อะไรสักพัก...เผื่อจะคิดออกว่า ผมจะทำไงต่อกับเรื่องนี้ดี

ช่วยเราคิดได้ไหม เราควรทำไงดี...

**********

บทที่ 64 จะได้พบกับต้าร์อีกครั้ง นี่คือบุคคลสำคัญที่จะมีบทบาทไปอีก 3 บทต่อไปจากนี้ ความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่แทนที่เป็นต้นเหตุของสิ่งที่แม่แทนทำกับแทน ฯลฯ....ครับ

เจอกันประมาณวันเสาร์ที่จะถึงนี้ (ถ้าผมไม่โดนงานหลักทับตายซะก่อน)

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม^^

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ก่อนที่คุณแม่จะมาเรียกร้องเอาอะไรจากแทนเนี่ย คุณแม่เคยนึกถามตัวเองบ้างไหมคะว่าตัวเองน่ะ 'ทำหน้าที่ของแม่' ตลอดเวลาสิบกว่าปีมานี้ได้ดีพอแล้วหรือยัง? ไม่ใช่สักแต่ว่าฉันอุ้มท้องเธอมาแล้ว ฉันเป็นคนหาเงินหาทองมาให้เธอได้ใช้อย่างสุขสบาย ฉันก็ย่อมมีสิทธิ์สั่งให้เธอทำอะไรก็ได้ แม้กระทั่งการหลีกหนีจากตัวตนของตัวเอง (ที่มันไม่มีวันพ้น) เนี่ยนะคะ! คุณแม่คิดได้ยังไงกัน แค่นี้มันยังไม่พอหรอกค่ะ เพราะสำหรับคนเป็นลูกน่ะเขาต้องการคนที่จะสามารถเป็นได้หลายๆ สถานะทั้งคุณแม่ คุณพ่อ เพื่อน หรือแม้กระทั่งที่ปรึกษา ฯลฯ ที่พร้อมจะเข้าใจเขาและยอมรับเขาในทุกๆ ความรู้สึกต่างหากล่ะ แต่นี่อะไรจะเอาให้ได้ดั่งใจตัวเองลูกเดียวเลย -*-

เข้มแข็งเข้าไว้นะคะเด็กๆ :กอด1:

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
เอาใจช่วยแทนกับบิ๊ก

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ไม่มีคำพุดใดๆที่จะให้แม่แทนแล้วค่ะ   เหมือนนางเป็น Psychopath มากๆเลย
ถึงขึ้นทำแบบนี้แล้วก็ไม่อะไรจะกล่าวถึง เพราะสุดที่จะสามารถทำให้นางเข้าใจอะไรได้  คนทั่วไปไม่มีใครเขาทำกันแบบนี้หรอกค่ะ อย่าว่าแต่กับคนอื่นเลยค่ะ  นี่ลูกตัวเองแท้ๆยังทำได้   ถ้าหากวันหนึ่งการเป็นเกย์ของแทนจะสามารถนำมาซึ่งผลประโยชน์ต่อนางอันมหาศาลเราเชื่อจนหมดใจว่านางจะรีบโยนแทนไปแลกเปลี่ยนได้อย่างไม่ลังเล    มองไม่ออกว่านางเห็นแทนเป็นลูก  ความต้องการทุกอย่างจากแทนไม่ได้มีอะไรที่สะท้อนถึงความปรารถนาดีให้ลูก  ทุกอย่างเป็นสิ่งที่แม่แทนต้องการเท่านั้น   จะอยู่ด้วยกันได้ก้คงต้องรอจนแม่แทนตายเสียละมั๊ง   ร้ายขนาดนี้แล้ว 

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 64 กำลังเขียนอยู่นะครับ ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง แต่พอแบ่งเวลามาทำให้ได้

ขอบคุณครับ^^

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :call:

โอมมม จงมาๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
ช่วงนี้งานหลักในชีวิตจัดว่ายุ่งมากๆๆๆๆๆ จน ก ไก่ หมด โลกครับ

บทที่ 64 รออีกนิด จะรีบมาลงให้อ่านะครับ

ขออภัยอย่างยิ่งจริงๆครับ T_T
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2015 06:54:54 โดย zipboy »

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 64 ++
«ตอบ #941 เมื่อ30-09-2015 05:44:28 »

มาแล้วครับ...ขออภัยที่หายไปนานมาก เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนของทุกปี เหมือนนัดกันเสมอ เป็นช่วงที่งานจะยุ่งมากจริงๆ

ช่วงกันยายนของปีที่แล้ว ผมเริ่มแต่งเรื่องนี้กลับมาใหม่ท่ามกลางงานอันวุ่นวายแบบนี้แหละครับ แต่ยังไงก็ตาม ผมเขียนจบแน่นอน ไม่หนีหายแน่นอนครับ

บทที่ 64 มาแล้วครับ ไม่เป็นการเสียเวลา มาดูกันต่อเลยดีกว่าครับ^^

**********

Chapter 64

แผงหนังสือในร้าน Kinokuniya สาขาสยามพารากอน ตอนนี้ สงบเงียบจนไม่อยากกลับไปบ้าน...หรือที่ตอนนี้ผมเรียกว่าคุกนั้นแหละ ผมรู้ว่าผู้ช่วยผมอยู่ไม่ห่างจากผมมากนัก เดินตามผมห่างๆ และช่วยถือหนังสือเล่มที่ผมต้องการซื้อ การอ่านหนังสือ ตั้งใจทำทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด พอจะช่วยให้ผมลืมเรื่องในใจไปได้ในบางเวลา

“แทน” ใครเรียกผม คุ้นมาก ผมหันไปทางต้นเสียงที่เรียกผม

“ต้าร์ สวัสดี” ผมเกือบทักผิดคน เพราะต้าร์ในชุดนักเรียนกางเกงน้ำเงินตอนนี้ หนวดกับเคราเริ่มหนาเหมือนไม่ได้โกนมา มันทำให้หน้าคุณชายที่หล่อเหลา ดูเป็นเข้มขึ้นแบบคนละคนไปเลย

“ตกใจหน้าเราเหรอ จะไปถ่ายแบบวันเสาร์นี้ เค้าต้องการให้หน้าเข้มดุกว่าปกตินิดนึง เลยต้องไว้หนวดกับเครา ดูเข้มนิดๆ ว่าแต่ เกิดอะไรขึ้นเปล่า” ผมได้แต่พยักหน้าเล็กๆ ในขณะที่ต้าร์มองรอบๆ ไปมาช้าๆ อย่างสุขุมที่สุด แล้วผู้ช่วยผมก็เดินมาประกบผม เพราะต้าร์จัดว่าเป็นคนแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับผม

“สวัสดีครับ ผมต้าร์ ลูกชายคุณพีระกับคุณหญิงมณี ผมคงไม่รบกวนเวลาของแทนมากครับ” น้ำเสียงของต้าร์ถึงจะไม่ได้วางอำนาจ แต่เสียงที่แน่นของต้าร์ ก็ทำให้ผู้ติดตามผม ต้องเดินถอยออกไปให้ผมอยู่กับต้าร์เป็นส่วนตัว

“โทรหาคุณแม่นะ เดี๋ยวเราจะคุยเอง” ต้าร์บอกผมแบบกึ่งกระซิบ ผมโทรหาคุณแม่ แล้วต้าร์ก็พยักหน้าขอโทรศัพท์ผมไปคุย

“ฮัลโหล สวัสดีครับ ผมต้าร์นะครับ” ต้าร์เริ่มต้นทักทายแม่ผมก่อน

“ผมเจอแทนที่ร้านหนังสือ ผมเลยขอยืมมือถือโทรมาทักทายคุณน้าครับ เดี๋ยววันนี้ผมขอชวนแทนไปทานข้าวด้วยจะได้ไหมครับ” ต้าร์เอยปากขอกับแม่ผม ในขณะที่ต้าร์ยิ้มอย่างไม่กังวลอะไรกับการคุยกับแม่ผม

“ผมขับรถมาครับวันนี้ ไม่ได้ขับมอไซค์มา ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมพาแทนส่งที่บ้านแน่นอน แล้วจะแวะไปสวัสดีคุณน้าที่บ้านด้วยนะครับ” ต้าร์ยิ้มกว้างขึ้น แล้วส่งมือถือกลับมาให้ผมคุยต่อ

“ครับ คุณแม่” ผมรับสายคุยต่อจากต้าร์ คุณแม่ผมบอกแค่ว่าอย่ากลับบ้านดึกมาก ก่อนที่ผมจะสวัสดีแล้ววางสายไป ต้าร์ขยิบตาหนึ่งที ก่อนจะหันไปมองผู้ติดตามของผม ที่ไม่ถึงนาทีถัดมา ก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณแม่ผม

“กระเป๋ากับย่าม เอากลับบ้านไปก่อนนะ คุณแม่บอกแล้วนะ” ผู้ติดตามผมพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ในขณะที่ต้าร์รีบจูงมือผมไปหลบหลังชั้นหนังสือในมุมที่ลับตามากขึ้น

ต้าร์ไม่พูดอะไร นอกจากบอกยกนิ้วชี้ประทับริมฝีปากบอกให้ผมอยู่เงียบๆ แล้วถอยออก ก่อนจะชี้บอกผมให้รออยู่ตรงนี้ ต้าร์ค่อยๆ ออกไปสักพัก ไม่ถึงสามนาทีถัดมา ต้าร์กลับมาอย่างรวดเร็ว

“การ์ดของแม่แทนมีสองคนใช่ปะ” ผมพยักหน้า

“ทั้งคู่อยู่นอกร้าน ยืนรอหน้าร้านจุดนึงกับรอตรงลิฟท์ในร้านจุดนึง...” ต้าร์เหมือนคิดอะไรอยู่สักครู่ ก่อนจะยิ้มออกมา แล้วกระซิบข้างหูผมเบาๆ

ผมกับต้าร์เดินออกจากร้านหนังสือตรงประตูจอดรถ โดยเดินเลาะชั้นหนังสือให้พ้นจากระยะประตูร้าน ก่อนจะวิ่งออกไปทางลานจอดรถ ต้าร์เรียกผมให้วิ่งตามไป เสียงปลดล็อครถคันนึงดังขึ้น วันนี้ต้าร์ไม่ได้ขับ Porsche Cayman GTS คันที่ผมเคยนั่ง แต่เป็น BMW M6 Gran Coupe สีเงิน ผมกับต้าร์รีบเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ ก่อนที่ต้าร์จะคว้าเสื้อยืดคอเต่าแขนยาวสวมทับเสื้อนักเรียนอีกที

“อาทิตย์ก่อน เราเห็นแทนอยู่ร้านหนังสือ แต่มีคนติดตาม เราว่ามันแปลกๆ เราเลยขับมอไซค์ตาม แต่ก็ไม่ใช่คอนโด แต่เป็นบ้านหลังใหญ่มาก เราเลยคิดว่า มันต้องไม่ปกติแน่” ต้าร์พูดขึ้นหลังจากที่คาดเข็มขัดนิรภัย แล้วติดเครื่องรีบออกรถอย่างรวดเร็ว

“พ่อกับแม่เราย้ายมากรุงเทพฯ เราก็เลยต้องไปอยู่ด้วย” ต้าร์พยักหน้าอย่างเดียว ในขณะที่รถกำลังวิ่งลงทางจอดรถอย่างรวดเร็ว
 
“ถ้าไม่มีเรื่อง แทนก็คงไม่ย้ายไปอยู่บ้านพ่อกับแม่หรอก” ผมรู้สึกเหมือนโดนแทงใจดำอย่างบอกไม่ถูก ต้าร์ส่งบัตรจอดรถพร้อมเงินค่าจอดก่อนจะรีบออกมาจากตัวห้างฯ

“เราไปหาบิ๊กมาเมื่อวานนี้ บอกว่าจะพาแทนไปหา” ผมรู้สึกเหมือนตัวเองหูฟาดไป

“Range Rover สีดำที่ติดอยู่หลังเราสองคันนั้น ใช่รถที่แทนนั่งปะ” ผมเหลือบไปดูกระจกมองข้างให้ชัดๆ จนพอจะเห็นทะเบียนรถ ก่อนจะพยักหน้าหนึ่งที

ทันทีที่รถของต้าร์ แตะถนนใหญ่ เลี้ยวซ้ายออกจากห้างฯ แล้วเลี้ยวขวาไปทางสี่แยกอังรีฯ ต้าร์กดคันเร่งแล้วมุดหนีตามช่องทันที บางจังหวะก็ทำให้รถคันอื่นกับมอไซค์ต้องบีบแตรยาวใส่ ต้าร์ส่ง iPhone ของตัวเองให้ผม

“กดโทรศัพท์หาบิ๊กให้ที” ผมรับมากดเบอร์มือถือของบิ๊ก หลังจากโทรเสร็จ เสียงรอสายดังในลำโพงของรถของต้าร์ สองทีต่อมา
 
“เห้ยมึง!!! กูได้มาละ กำลังสลัดให้หลุดแล้วไปหาที่จุดนัดนะ ไปคุยกับแทนต่อเอง” ต้าร์พูดกับบิ๊กหลังจากบิ๊กรับสายแล้ว ก่อนจะส่งมือถือให้ผมคุยต่อ

“แทน...โอเคนะ” เสียงแรกของบิ๊กในรอบสองเดือนนับจากวันที่เราจากกัน...น้ำตาของผมไหลออกช้าๆ

“ครับ...บิ๊กละ” ผมลืมไปด้วยซ้ำว่าตอนนี้รถกำลังเลี้ยวซ้ายจนเอียงเทไปทั้งคันก่อนจะเลี้ยวพ้นพอดี

“โอเคที่สุดครับ เราจะรีบไปหานะ” ผมได้แต่ตอบฮือไป เพราะสองเดือนที่ไม่ได้คุยกัน มันทำให้ผมแทบจะพูดไม่ออก มันมีอะไรมากมายเต็มไปหมดที่อยากพูดออกมา ผมส่งมือถือคืนให้ต้าร์

“ไปรอที่นัดหมายได้แล้วมึง ไปช้าเวลาเจอกันน้อยโทษกูไม่ได้นะ” ต้าร์พูดขณะที่กำลังมุดแล้วแหกไฟเหลืองกลางแยกสามย่านที่เหลือแค่วินาทีสุดท้ายจนรถเด้งตามพื้นถนนแบบเต็มแรง

“ขอบใจมากนะ” เสียงบิ๊กเองก็บอกได้ว่ากำลังร้องไห้เหมือนที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้

“กูขอสลัดให้หลุดก่อนนะ แล้วเจอกันที่นัดหมาย ถึงไม่โอเค เดี๋ยวโทรไปบอกแผน B” ต้าร์รีบพารถตัวเองลัดเลาะไปให้ถึงทางด่วน เมื่อรถของต้าร์มาถึงหน้าด่านจ่ายเงิน ช่อง EasyPass ที่โล่งอยู่ เป็นใจให้ต้าร์สามารถขึ้นทางด่วนได้ โดยที่มองไปข้างหลัง รถของต้าร์สามารถสลัดรถของผมที่ขับตามหลุดไปได้เรียบร้อย

“แทน ปิด Locations ในมือถือตัวเองด้วยนะ” ผมจัดการตามที่สั่ง ในขณะที่ต้าร์ยังขับแบบไม่ลดความเร็ว ช่องทุกช่องที่ต้าร์สามารถวิ่งได้เพื่อทำเวลาทำให้ M6 ของต้าร์วิ่งเหมือนลูกธนูที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“ทีนี้ เราเลยไปดักบิ๊กที่หน้าโรงเรียนเมื่อวาน ก็เลยรู้ว่าเรื่องทั้งหมดของแทนเกิดอะไรขึ้น เราอาสามาช่วยเอง เพราะคุณน้าคงไม่รู้ว่าเรารู้จักกับบิ๊ก และอย่างน้อย คุณน้าน่าจะเกรงใจเรากับสถานะครอบครัวเราที่มีต่อการงานด้วย” ต้าร์ยังคงเพ่งสมาธิกับทางด่วน

“แล้ว...เราจะไปไหนกันอะ” ผมก็อยากรู้ว่าต้าร์จะพาผมไปไหน

“บ้านเรานี่แหละ ชัวร์สุด” ต้าร์หันมายิ้มกับยักคิ้วให้ผม ในขณะเสียงท่อของรถต้าร์ยังคงแน่นและดังขึ้นจากการเร่งเพื่อทำเวลาต่อไป

ผมบอกไม่ถูกกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่...มันเหมือนฝันอย่างบอกไม่ถูก

เกือบห้าโมงเย็น ผมอยู่ในซอยที่สองข้างทางค่อนข้างเงียบจนนึกในใจว่า ตอนกลางคืนคงจะเงียบและเปลี่ยวเอาเรื่อง และไม่ถึงห้านาทีที่เข้าซอยมา บ้านหลังใหญ่แบบเดียวกับที่แม่ผมพาผมไปอยู่ เมื่อประตูเปิดออกมา บรรยากาศที่ร่มรื่นของสนามหญ้าเป็นสิ่งแรกที่ผมเห็น และต้าร์ก็เลี้ยวรถจอดหน้าบันไดหินอ่อนของบ้าน

“สวัสดีครับคุณแทน คุณหนู คุณบิ๊กมาถึงแล้ว อยู่เรือนหลังเล็กแล้วครับ” ชายในชุดซาฟารีอายุประมาณ 50 กว่าๆ รีบวิ่งมารายงานให้ต้าร์รับทราบ ก่อนที่ต้าร์จะยกมือไหว้ขอบคุณอย่างนอบน้อม ก่อนที่คนงานของต้าร์จะย้ำให้ต้าร์ไม่ต้องไหว้ขอบคุณผู้น้อยเช่นนี้อีก แล้วขับรถของต้าร์ไปเก็บที่โรงรถ
 
“เราจะให้แทนอยู่กับบิ๊กสองต่อสองตามสบายเลยนะ ของใช้จำเป็นทุกอย่างครบ อยากกินไรโทรศัพท์เข้าครัวกลางเราไปเลย หรือถ้าจะโทรหาเราก็มีเบอร์ติดอยู่ที่โทรศัพท์นะ” ผมเดินตามต้าร์ที่กำลังพาผมเลาะไปตามสวนที่ล้อมคฤหาสน์ของต้าร์ ผ่านสระว่ายน้ำหลังบ้านที่น้ำใส ใหญ่พอที่จะว่ายเป็นเรื่องเป็นราว

“ทำไมต้องช่วยเราด้วย” ความคิดนี้มันวนเวียนไปมาตั้งแต่ที่ต้าร์เริ่มทักและพาผมมาถึงตรงนี้ ต้าร์หยุดสักครู่ ก่อนจะหันมาบอกผมว่า

“เวลามีน้อยนะ อย่าพึ่งถามอะไรเลย คนที่แทนควรใช้เวลาด้วยคือบิ๊กนะ” ต้าร์หันกลับไปเดินนำต่อ

เรือนหลังเล็กที่ต้าร์หมายถึง เป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่ล้อมด้วยสวนกับไม้ยืนต้นใหญ่จนรู้สึกได้ถึงความร่มรื่น หน้าทางเข้าบ้านเป็นบริเวณที่สามารถจัดงานเลี้ยงกลางแจ้งได้ เมื่อต้าร์เค้าประตูกระจกขุ่นแบบบานเลื่อน ทันทีที่ประตูเปิดออกมา บิ๊ก...

นี่คือครั้งแรกหลังเกิดเรื่องที่คอนโดแม่ผม ที่ผมได้เจอบิ๊กแบบตัวเป็นๆ อีกครั้ง

……………….

สามเดือนเต็ม...ที่ผมได้แต่เฝ้าดูแทนห่างๆ ขับน้องถ่านห่างๆ จนรู้ว่าแทนพักที่ไหน พักอยู่ห้องมุมไหนของบ้าน ผมได้แต่มอง ผมไม่กล้าติดต่อ ไม่อยากให้แทนเดือดร้อน ทุกอย่างได้แต่เขียนผ่านจดหมายที่มีแชมป์กับไบร์ทช่วยเป็นสื่อกลางในการส่งให้ ทุกเช้า ทุกเย็น ผมฟิตร่างกายหนักมาก ถ้ามันต้องวิ่ง ปีน และใช้เพื่อแอบเข้าบ้านไปหาแทน ผมจะทำโดยไม่ลังเล

ผมไม่คิดว่าคนที่จะช่วยให้ผมได้เจอกับแทนอีกรอบ จะเป็นต้าร์ อันที่จริง ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าต้าร์จะช่วยผมไปทำไม ช่วยไปก็ไม่ได้อะไรจากแทน และไม่คิดว่าต้าร์จะช่วยได้ แต่ประโยคนึงที่ทำให้ผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุญที่ใช้ไม่หมดกับต้าร์คือ

“เราก็ไม่เคยลืมแทนได้หรอก ถ้าสิ่งที่เราทำ ช่วยให้แทนมีความสุข เราก็มีความสุขวะ” พ่อพระเอกจริงๆ...ผมยอมให้มันหล่อกว่าผมก็ตอนนี้แหละ หลังจากผมนัดแนะแผนการณ์ทุกอย่างแล้ว หลังจากเลิกเรียน ผมขับน้องแพนด้า ​(Toyota 86) มาที่บ้านต้าร์ก่อนห้าโมงเย็นตามที่นัดเวลาไว้ บ้านของต้าร์ทำให้ผมเชื่อแล้วว่า คนๆ นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน

“แทน...” ภาพแรกของแฟนผมตัวเป็นๆ หลังจากผมไม่เจอสามเดือนเต็มๆ ทำให้ผมพูดออกแค่นี้ สิ่งแรกที่ผมทำ คือการพุ่งไปกอดแทนไว้แน่นๆ ในขณะที่แทนเองก็กอดผม ผมรู้สึกแค่น้ำตาของแทนกำลังไหลออกมาเปื้อนหน้าอกเสื้อนักเรียนผม

“บิ๊ก...ทุ่มตรงหมดเวลานะ ทานมื้อเย็นที่บ้านเราก่อนกลับด้วยละ เราไปละ” ผมพยักหน้าขอบคุณต้าร์ สิ่งที่ผมมองเห็นจากต้าร์ตอนนี้คือ แววตาที่พยายามกลบความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไป

“เราไม่ได้ฝันใช่ไหม” คำถามแรกของแทนทำให้ผมรู้สึกเกลียดที่ตัวเอง ที่ไม่สามารถพาตัวเองไปหาแทนได้ตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมา

“เราอยู่นี่แล้ว เข้ามาก่อนเถอะ” ผมพาแทนเดินเข้าเรือนหลังเล็กของบ้านนี้ ก่อนจะพาขึ้นไปชั้นสอง เป็นห้องนอนที่ต้าร์เตรียมไว้ให้ผมอยู่กับแทนสองต่อสองตามสบาย เมื่อผมพาแทนเข้ามาในห้องแล้ว สิ่งแรกที่ผมทำทันทีคือ...ผมดึงแทนมากอดแน่นๆ ก่อนจะส่งริมฝีปากกับลิ้นตัวเองประกบเข้าริมฝีปากของแทนทันที

มันไม่ใช่จูบที่มีความใคร่อยู่ในสัมผัสนั้น ผมคิดถึง...ถ้านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ผมขอให้สัมผัสนี้ติดอยู่ที่ริมฝีปากผมนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แทนเองก็บดริมฝีปากกับลิ้นรับกับสัมผัสผมเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความคิดถึงแบบที่ผมรู้สึกเช่นกัน

“บิ๊กตัวใหญ่ขึ้นมาก แบบ...เสื้อนักเรียนฟิตเลยอะ” แน่นอนว่าช่วงนี้ทุกคนรอบตัวผมทักหมด ผมต้องการร่างกายผมทุกสัดส่วนที่แข็งแรงและพร้อมเสี่ยงภัยทุกแบบได้ถ้าผมเห็นช่องที่จะไปหาแทน

“จะได้หล่อขึ้นเวลาแทนเจอเราไง แทนโอเคนะ แม่แทนไม่ทำอะไรกับแทนรุนแรงใช่ไหม” แทนพยักหน้าให้ผม แต่ก็ร้องไห้มากกว่าเดิมจนผมต้องเช็ดน้ำตา แล้วพาแทนไปนั่งที่เตียงนอนในห้อง

“เราขอโทษที่ติดต่ออะไรไม่ได้ มือถือเราอยู่กับการ์ดของแม่เราตลอด เราจะได้ใช้มือถือต่อเมื่อเรียกขอ มันไม่ได้อยู่กับเรา ไม่ว่าจะคุยหรือใช้ทางไหน การ์ดแม่เราจะเอาไปตรวจว่าทำอะไร เราเลยไม่สามารถติดต่อบิ๊กได้” เสียงสะอื้นของแทนบอกถึงความลำบากที่ต้องเจอในช่วงที่ผ่านมา ผมประทับริมฝีปากที่หน้าผากของแทนก่อนจะเช็ดน้ำตาคนรักของผมเบาๆ

“ไม่เป็นไรนะครับ แค่ได้อ่านจดหมายที่แทนเขียนฝากไบรท์มาให้ เราก็มีแรงสู้แล้ว เราตามมองแทนตลอดนะ ขับตามแทนจนถึงบ้านทุกวัน เหมือนไปส่งแทนถึงที่บ้านเลยรู้ไหม” ผมพยายามยิ้มให้กว้างๆ เพื่อให้เวลาที่จำกัดนี้ออกมาบรรยากาศดีที่สุด

“บิ๊ก...เราคิดอะไรอย่างนึงมาตลอด เป็นความคิดที่เราอยากทำที่สุดตอนนี้” น้ำเสียงจริงจังกึ่งร้องไห้ของแทน ทำให้ผมรู้ว่าแทนตั้งใจในสิ่งที่กำลังจะบอกผม
 
“เราหนีไปด้วยกันได้ไหม ไปให้ไกลจากทุกอย่าง เราจะช่วยบิ๊กหาเงินเลี้ยงตัวเอง ขอแค่บิ๊กโอเค เราจะไปกับบิ๊กทุกที่นะ” ผมกอดแทนไว้แน่นๆ ก่อนจะบอกกับแทนทั้งที่กอดไว้ว่า

“เรื่องของเราสองคนยังไม่ได้มาถึงจุดสิ้นหวังนะ ถึงมันดูเลวร้ายจนไม่มีทางออก แต่เราเชื่อว่าเราทั้งคู่จะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันได้ โดยที่ทุกอย่างยอมรับเราด้วยดีแน่นอน เราสัญญา สัญญาด้วยชีวิตเรา เรื่องของเราทั้งคู่ต้องมีอนาคตแน่นอน” แทนปล่อยโฮออกมาหนักขึ้นกว่าเดิม

“บิ๊กไม่รู้หรอก สิ่งที่บิ๊กกำลังเจอ มันเลยความเมตตาปราณีทุกอย่าง มันโหดร้ายและทำให้บิ๊กถึงตายได้นะรู้ไหม” ความอ่อนแอที่แทนมีตอนนี้ ทำให้ผมไม่อยากพูดอะไรดีๆ เพื่อให้ความหวังว่ามันจะดี แต่...ผมมีอย่างเดียวที่รู้ว่ามันดีสำหรับเรื่องของผมกับแทนแน่นอนคือ...

“ถ้าเราแพ้ แล้วต้องตายเพราะแม่แทน เรายินดี เพราะเราเต็มใจให้แทน แต่ถ้าเราหนี แล้วทิ้งให้แทนอยู่แบบนี้ เราตายทั้งที่หายใจอยู่ ซึ่ง...เราทำได้แน่นอน” ที่จริง ผมคิดไว้อยู่นานแล้วว่า สิ่งแรกที่ผมจะทำกับแม่ของแทนคือ

“เราตัดสินใจแล้ว เราจะเข้าไปกราบแม่ของแทน ขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้น และขอให้ลดความตึงเครียดที่แม่แทนทำกับแทน” แทนรีบส่ายหน้าแบบไม่เห็นด้วยทันที

“ไม่นะ แม่เราไม่จะฆ่าบิ๊กก่อนที่บิ๊กจะพูดด้วยซ้ำ” ผมกลับไม่คิดอย่างนั้น

“เราเชื่อว่าแม่แทนยอมฟังเรา เราไปเพื่อไปถอยหนึ่งก้าว แล้วหาทางก้าวกลับไปดีๆ ถึงแม่แทนจะใจร้ายแค่ไหน ความดีน่าจะชนะใจได้นะ ถึงมันจะใช้เวลานานก็ตาม แต่...เรามีเวลาให้แทน ทั้งชีวิต... รอได้ไหมครับ” แทนมองผมด้วยสายตาที่เป็นห่วงมาก

“บิ๊ก สิ่งที่บิ๊กคิดไม่มีทางเป็นจริงได้แน่นอน แม่เราถ้าคำไหนคำนั้นจริงๆ ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนใจแม่เราได้ อีกอย่าง สิ่งที่เราเป็น แม่เราก็ไม่มีวันยอมรับแน่นอน” ผมไม่เคยคิดว่าสิ่งที่แทนเจอ จะทำลายจิตใจลึกๆ ของแทนที่ปกติเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอได้ขนาดนี้

“เรานึกออกแล้ว ลองให้คุณยายของแทนช่วยพูดให้ได้ไหม” ผมคิดถึงบุคคลที่สามที่พอจะช่วยเรื่องของเราสองคนได้อยู่คนเดียว คุณยายของแทนใจดี น่าจะช่วยได้แน่นอน

“เราไม่กล้ารบกวนท่าน ช่วงก่อนที่เราจะมาเรียน กทม. ท่านเป็นโรคหัวใจตีบ ถ้าเราเล่าเรื่องนี้ไป มันต้องทำให้คุณยายเป็นอะไรแน่ๆ เลย เราไม่อยากให้แม่กับคุณยายต้องทะเลาะกันเพราะเราอีก แค่นี้ทุกคนก็เดือดร้อนเพราะเราหมดแล้ว” ผมไม่อยากไปไหน อยากพาแทนไปอยู่เงียบๆ โดยที่ผมจะไม่ปล่อยกอดนี้เด็ดขาด

“เราจะกอดแทนไว้แบบนี้ ไม่ต้องกลัวนะ เราจะสู้ให้ถึงที่สุด พักนะครับ” แทนพยักหน้าในอ้อมกอดของผมอยู่

นี่คงดีที่สุดกับความสามารถผมที่จะทำให้แทน...

……………….

ผมปล่อยให้เวลามันผ่านไปโดยไม่รู้ว่าผมจะทำอะไรได้มากไปกว่า กอดแทนไว้แบบนี้ แฟนผมอ่อนแรงอย่างยิ่ง แรงที่มีถูกใช้ไปกับการร้องไห้กับสภาพที่แทนเจออยู่ตอนนี้ ความเหนื่อยล้าทำให้แทนหลับไป แต่ยังมีเสียงร้องไห้ตามมาบ้างเบาๆ

“บิ๊ก...” ผมตอบรับด้วยจุมพิตที่กระหม่อมของแทน

“บิ๊กเรียนรู้เรื่องไหมตอนที่เราไม่อยู่ กินอาหารดีๆ ไม่กินอาหารเวฟเปล่า และก็ ไม่ขับน้องถ่านเร็วเกินไปด้วยใช่ไหม” คำถามทั้งหมดของแทน ผมตอบข้างหูของแทนว่า

“ไม่รู้เรื่องหรอก แต่ขยันกว่าเดิม กินดีไหม ไข่ต้ม อกไก่ อะไรที่บำรุงให้เราแข็งแรงเรากินหมด ส่วนน้องถ่านสบายดี มันบอกเราด้วยแหละ ว่าคิดถึงคนซ้อนท้าย แล้ว...แทน ตอนไม่มีเรา ยิ้ม หัวเราะ ร่าเริงบ้างไหม...” ไม่มีอะไรที่ผมห่วงแทนมากกว่ารอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติของแทน มันเลยเป็นคำถามแรกที่ผมอยากถามบ้าง

“ฮือ...ยิ้มซิ ทุกครั้งก่อนนอนเราจะยิ้มให้น้องหมีของบิ๊ก ละก็...ดูรูปที่บิ๊กให้เราไว้...” ผมพึ่งเห็นรอยยิ้มที่ยิ้มยิงฟันกว้างๆ เป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับมาเจอกันนี่แหละ แทนค่อยๆ ใช้สองมือจับแก้มผมตรงริมฝีปากทั้งสองของข้างของผมเบาๆ แล้วดึงแก้มผมออกให้ยิ้มตาม

“บิ๊กยิ้มแล้ว เราจะจำภาพนี้ให้ดีที่สุดนะ” ผมยิ้มให้กว้างขึ้น ก่อนจะอิงหัวตัวเองไปซบหน้าผากแทนเบาๆ

“ถ้าแทนอยากเจอเรา ติดต่อเราได้เลยนะ จะปีนเข้าบ้านไปถึงห้องแน่นอน” แทนส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่เป็นไรนะ ยังไงเราก็จะมาเจอบิ๊กให้ได้บ่อยๆ นั่นแหละ สัญญานะว่าจะไม่ทิ้งเราไปไหน” ผมพยักหน้าแล้วเอายกฝ่ามือขวาขึ้นมาสาบาน

“สัญญาด้วยชีวิตของเราครับ” แทนกอดผมแน่นๆ ผมลูบศีรษะแฟนผมช้าๆ เบาๆ

“กี่โมงแล้วอะครับ” แทนถามเวลาผม ข้อมือซ้ายกับ Apple Watch บอกเวลาเกือบทุ่มตรงแล้ว ผมดูการแจ้งเตือนในนาฬิกา ต้าร์ยังไม่ตามอะไรผม

“จะทุ่มตรงแล้วครับ หิวข้าวไหม” แทนมองผมยิ้มๆ ก่อนจะตอบว่า

“ถ้ากินกับบิ๊ก เราหิวทั้งวันแหละ” ผมพยักหน้าก่อนจะหยิบมือถือโทรหาต้าร์ แต่ยังไม่ทันที่จะโทรออกไป
 
“รู้ใจเปล่าวะเนี่ย จะโทรบอกว่าจะไปกินข้าววะ” ผมรับสายต้าร์แล้วทักก่อนเลย

“บิ๊ก!!! มึงรีบหลบในห้องนอนนะ แล้วให้แทนเดินกลับมาเรือนใหญ่คนเดียวนะ พ่อแทนตอนนี้อยู่ห้องรับแขก พ่อกับแม่กูรับหน้าอยู่” ผมรีบเก็บสีหน้าให้ปกติโดยทันที

“กูขอโทษ ที่ทำให้มึงมีเวลากับแทนมากกว่านี้ไม่ได้” ผมยิ้มออกมา ในขณะที่อีกมือก็ลูบศีรษะแทนเบาๆ ไปด้วย

“กูรู้เรื่องละ เดี๋ยวว่ากันนะ” ผมตัดจบแล้ววางสายลง

ผมกอดแทนแน่นๆ อีกครั้ง แทนเหมือนจะงงว่าทำไมผมกอดแทนแน่นขนาดนี้ แต่ก็กอดผมตอบเช่นกัน จิตใจผมตอนนี้ อยากเดินไปเผชิญหน้ากับคุณพ่อของแทน แล้วสวัสดีสักรอบ เผื่อคุณพ่อจะไม่เหมือนคุณแม่ แต่...มันคงโง่มากที่ผมจะทำแบบนั้น ผมเรียกน้ำลายให้อยู่ในปากพอที่จะเริ่มพูดออกไปว่า

“ต้าร์โทรมาบอกว่า พ่อแทนมารับที่บ้านแล้ว” ผมพูดช้าๆ ชัดๆ สิ่งที่แทนตอบรับผมคือ มือที่กอดผมเริ่มแน่นขึ้น

“แทนต้องเดินกลับไปเรือนใหญ่คนเดียว แล้วจนกว่าแทนจะกลับไป เราถึงจะออกไปได้นะ” แทนพยักหน้ารับทราบว่าต้องทำอะไร ผมปล่อยแทนจากกอดที่ผมไม่อยากปล่อยออก แล้วยิ้มให้สดใสที่สุดให้แทน

แทนดึงผมมาสัมผัสริมฝีปาก ผมกับแทนหลับตาแล้วค่อยๆ บดริมฝีปากกับลิ้นไปช้าๆ ให้สัมผัสทั้งหมดซึมซับกันอย่างชัดเจนที่สุด ก่อนที่ริมฝีปากของเราทั้งคู่จะแยกออกจากกัน ผมลุกขึ้นพาแทนไปส่งหน้าประตูห้องนอน และก่อนจะไป

“ไม่ว่าอะไรๆ จะแย่ยังไง ยิ้มไว้นะ” ผมใช้สองมือของผมดึงแก้มของแทนเบาๆ ให้ริมฝีปากทั้งสองข้างยกขึ้นจนยิ้ม แล้วเอาสองมือตัวเองมาดึงให้ตัวเองยิ้มบ้าง

“ดูแลตัวเองเยอะๆ นะ เราจะต้องได้กลับมาอยู่ด้วยกันใช่ไหม” ผมพยักหน้าให้แทน ก่อนจะเปิดประตูให้แทนเดินออกไป
 
“แล้วเจอกันนะ” ผมบอกลาแทนก่อนที่แทนจะยิ้มและพยักหน้า

ภาพของแทนค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ ตามบานประตูที่ปิดลง จนเมื่อประตูปิดสนิท...ผมกดล็อคประตู แล้วค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงหน้าประตูช้า กอดเข่าตัวเอง ถอดแว่นตาวางไว้ข้างๆ

ฮือๆๆๆ....ผมมันไร้ความสามารถที่จะปกป้องแทนจริงๆ ทำไมผมทำอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้ซะที...

***********

บทที่ 65 จะเป็นจุดแตกหักที่พ่อกับแม่ของแทนจะลงมือกับบิ๊กแบบไม่มีปราณี และกดดันแทนด้วยไม้แข็งมากขึ้น ในขณะที่ต้าร์เองก็แทบจะโดนลูกหลงจากเรื่องนี้ไปกับเค้าด้วยครับ

บทที่ 65 ผมจะพยายามเขียนให้ได้อ่านกันในอาทิตย์หน้าหรือเร็วกว่านั้นนะครับ (ช่วงนี้งานเริ่มคล่องตัวขึ้นบ้างแล้ว)

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2015 16:13:16 โดย zipboy »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :ling1:

แปะ เด๋ยวมาเมนท์นะค้าบบบ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
แล้วคุณพ่อกับคุณแม่จะได้รู้ในสักวันนะคะว่าที่ทำๆ ไปทั้งหมดน่ะ..เปล่าประโยชน์สิ้นดี.. เพราะไม่มีใครคนไหนหรอกค่ะที่หนีตัวตนของตัวเองไปได้พ้น

รอตอนต่อไปจ้า  ^^

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 65++
«ตอบ #944 เมื่อ19-10-2015 03:32:17 »

ตกไปไกลถึงหน้า 7 เกือบหาไม่เจอ...

คนเขียนไม่สม่ำเสมอเองครับ ช่วงใกล้สิ้นปีสำหรับงานในชีวิตจริงที่ผมทำอยู่ตอนนี้ ไม่ต่างอะไรจากสงครามจริงๆ เขียนจบสักบท ใช้เวลานานจริงๆ ครับ ไม่ใช่เพราะเขียนไม่ออกนะครับ แต่เพราะงานเยอะจนไม่มีเวลาเขียนจริงๆ

เอาละครับ...กลับมาอ่านต่อกันกับบทที่ 65 นะครับ (หวังว่ายังไม่ลืมกันนะครับ T_T)​

************

Chapter 65

บรรยากาศในรถตู้ Alphard คันสีเงินที่คุณพ่อผมใช้ประจำตอนนี้ ผมนั่งอยู่ข้างๆ โดยที่คุณพ่อผมได้แต่นั่งเคาะนิ้วไปมา ปกติคุณพ่อผมก็ไม่ค่อยพูดกับผมอยู่แล้ว แต่การไม่พูดและไม่มองผมเลย ยิ่งทำให้ผมอึดอัดมากกว่าเดิม ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อผมกำลังคิดอะไร เพราะรอยยิ้มกับอารมณ์ของพ่อผมตอนอยู่ที่บ้านต้าร์กับในรถ มันต่างกันอย่างชัดเจนมาก

“ไปรอพ่อที่ห้องทำงาน” นี่คือคำพูดแรกหลังจากรถจอดหน้าประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว พ่อผมเดินลงไปทันทีโดยไม่รอผม ในขณะที่ผมเดินตามไป คนแรกที่ผมเจอมารอรับหน้าประตูบ้านก็คือแม่ผม สายตาและสีหน้าของแม่ผมบอกถึงความไม่พอใจอย่างมาก ไม่เป็นไร...ผมจะลองดูสักตั้ง ถ้าผมพูดกับคุณพ่อ คุณแม่ ดีๆ เรื่อยๆ เวลาน่าจะช่วยให้ท่านเข้าใจได้บ้าง เริ่มจากวันนี้เลยแล้วกัน

“ทำไมลูกต้องปิดตำแหน่งในโทรศัพท์” นี่คือคำถามแรกที่แม่ผมถามทันที

“ผมอยากไปพักผ่อนเป็นส่วนตัวบ้างครับ ผมแอบอึดอัดที่แม่ตามผมแบบนี้ตลอดนะครับ” ผมค่อยๆ พูด ด้วยน้ำเสียงกึ่งขอความสงสารจากแม่ผม หลังจากท่านฟังเสร็จ ก็ไม่ตอบอะไรต่อสักครู่

“ถ้าบริสุทธิ์ใจ ก็ไม่ต้องปิดนี่ ลูกมีความลับกับพ่อแม่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” พ่อผมพูดขึ้นมาบ้าง

“ผมขอโทษครับ ผมไม่อยากถูกพ่อกับแม่เฝ้าขนาดนี้ ผมมาอยู่ที่นี่กับพ่อกับแม่แล้ว ผมขออิสระผมคืนได้ไหมครับ” จริงจังครับ ผมอยากให้พ่อกับแม่ผมไม่เอาผมขังกรงไว้แบบนี้เหมือนกัน

“ดูตัวเองยังละ ว่าทำอะไรลงไป ทำไมพ่อกับแม่ถึงต้องทำแบบนี้กับลูกละ ถ้าอยากให้พ่อกับแม่ไม่คุมความประพฤติ แทนก็ต้องทำให้พ่อกับแม่เห็นก่อนว่า ลูกไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นอีก” ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ผมยอมรับว่าผมคงได้แต่ก้มหน้าก้มตายอมรับสภาพไป แต่การได้เจอบิ๊กวันนี้ ทำให้ผมรู้ว่า ผมจะค่อยๆ เริ่มทำในสิ่งที่ผมอยากให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจผมจริงๆ ซะที

“ผมขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ครับ ผมไม่สามารถเป็นผู้ชายรักผู้หญิงได้จริงๆ ตั้งแต่ผมเข้าใจความรู้สึกตัวเองได้ ผมรู้ว่าผมชอบอะไร มันดูแปลกแยกสำหรับใครหลายคน ไม่ว่าจะพ่อหรือแม่ก็ตาม ผมอยากให้พ่อกับแม่เห็นอย่างที่ผมเห็นว่า ผมอยู่ได้โดยที่ทุกคนยอมรับ ชื่นชมในสิ่งที่เป็นตัวผมจริงๆ เหลือแค่อย่างเดียว และผมอยากขออย่างเดียวจริงๆ ครับ ผมขอโอกาสที่จะทำให้พ่อกับแม่เห็นว่า ผมเป็นลูกที่ดีได้ ผมทำหน้าที่เป็นหน้าเป็นตาให้พ่อกับแม่ได้ โดยที่ผมเป็นตัวผมแบบนี้ได้ไหมครับ” ทั้งหมดนี้ ผมพูดจบในหนึ่งลมหายใจที่สูดเข้าไป

“วันนี้แกไม่ได้ไปหาต้าร์ใช่ไหม” น้ำเสียงแม่ผมเริ่มสูงและหนักอย่างเห็นได้ชัด ผมคิดอยู่ว่าผมควรจะบอกยังไงดี แต่ในเมื่อผมตั้งใจแล้วว่า ผมจะเอาความจริงเข้าสู้

“ครับ...ต้าร์ชวนผมไปที่บ้าน” ผมตอบแค่นี้พอ ถ้าแม่ไม่ถามเรื่องบิ๊ก ผมจะไม่ตอบ

“โกหก!!! พ่อเห็นรถของนายบิ๊กนั้นจอดในโรงรถบ้านต้าร์ แกไปหาใครกันแน่” พ่อรู้ได้ไง...

“อย่าคิดว่าพ่อกับแม่ไม่ทำการบ้านซิ ไม่สั่งยิงทิ้งก็บุญแล้ว รู้ไหมว่าแทนทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังแค่ไหน” น้ำเสียงเรียบๆ แต่หนักด้วยอารมณ์ของแม่ผม ทำให้ความคิดที่ผมจะสู้หายไปในทันที

“พ่อครับ แม่ครับ ผมขอโทษจริงๆ ผมรักบิ๊กจริงๆ ให้โอกาสเราทั้งคู่สักครั้งได้ไหมครับ ผมอยากทำให้คุณพ่อกับคุณแม่เห็น...” เจ็บ...กำปั้นของพ่อผมยิงตรงเข้าแก้มซ้ายผมจนผมล้มไปกองที่พื้น

“กูไม่อยากได้ลูกเป็นตุ๊ด โอเคไหม!!!” เสียงตวาดพ่อผม ทำให้ผมร้องไห้ออกมา

“ผมไม่ได้เป็นตุ๊ดนะครับ” ผมพูดออกมาดังๆ นั้นทำให้พ่อผมเตะผมซ้ำอีกที

“คุณ หยุด!!!” แม่ผมห้ามพ่อเอาไว้ แล้วประคองผมขึ้นมานั่งบนโซฟาในห้องทำงาน

“ฟังให้ดีนะ...พ่อกับแม่ จะไม่ยอมให้แทนเป็นแบบนี้ ไม่คิดถึงหน้าพ่อกับแม่ ก็คิดถึงอนาคตตัวเองบ้าง รู้ตัวไหมว่า ที่ทำลงไป มันเห็นแก่ตัวแค่ไหน แกเห็นแต่ความสุขตัวเองตอนนี้ สิ่งที่ลูกเป็น จะเอาอนาคตที่ไหนมาดูแล ลูกไม่ได้อายุ 17-18 ตลอดไปนะ พอมีอายุขึ้น แกจะสร้างครอบครัวยังไง ใครจะดูแลแก คิดบ้างซิ คิด!!!” ไม่ใช่ว่าผมไม่คิดนะครับ ผมได้คำตอบแล้วด้วยซ้ำกับอนาคตว่า

“แม่ครับ วันนึงที่ผมโตขึ้น หากผมทำตามสิ่งที่แม่บอกทุกอย่าง โดยที่มันไม่ใช่ตัวผมละครับ...มีคนอื่นที่จะต้องรับกรรมในสิ่งที่ผมทำอีกกี่คน เค้าจะรู้สึกไงที่ผมเป็นแบบนี้ ผมไม่อยากให้ใครมาเป็นเครื่องประดับสถานะทางสังคมผมนะครับ มันอาจยากที่พ่อกับแม่จะเข้าใจในตอนนี้ แต่ผมจะทำให้พ่อกับแม่เห็นนะครับ ผมกับบิ๊ก เราไม่ได้คบหากันฉาบฉวยจริงๆ”

“ผมขี้เกียจพูดแล้วนะ เหนื่อย จะไปนอนละ” พ่อผมตัดบทออกไปจากห้อง สายตาไม่พอใจที่แม่ผมส่งไปหาพ่อ เป็นสายตาที่ผมคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กเวลาที่พ่อผมไม่อยากคุยกับแม่ ก็จะตัดบทเดินไปแบบนี้แหละ

“ฟังให้ดีนะ...ถ้าลูกยังดื้อแบบนี้ อย่าหาว่าแม่ใจร้ายนะ” แม่ผมเดินออกไปจากห้องทำงาน ทิ้งให้ผมอยู่ในห้องทำงานห้องนี้ไว้คนเดียว

ผมไม่มีน้ำตาจะร้องให้กับอะไรแล้ว ได้แต่หลับตาจุมพิตแหวนที่นิ้วนางซ้ายที่บิ๊กให้ผมไว้ ขอให้บิ๊กปลอดภัย....

……………….

หลังจากที่แทนกลับไป ผมยังนั่งนิ่งเป็นหุ่นไร้วิญญาณอยู่ในห้องนอนของต้าร์ ในขณะที่เจ้าตัวก็ได้นั่งข้างๆ เงียบๆ ไม่มีเสียงตอบรับอะไร ทุกอย่างเงียบผ่านไป จนกระทั้ง

“ขอโทษนะเว้ย ที่วันนี้กูช่วยให้มึงอยู่กับแทนนานกว่านี้ไม่ได้” ต้าร์พูดขึ้นมาก่อน

“ฮือ...ไม่เป็นไรวะ” ผมตอบได้แค่นี้จริงๆ

“มึงอย่าพึ่งยอมแพ้นะเว้ย กูจะช่วยพาแทนมาหาบ่อยๆ แน่นอน อย่างน้อยบ้านนั้นก็ไม่กล้าขัดพ่อกับแม่กูหรอก” ก็หวังว่าอย่างนั้นเหมือนกันนะ

“เรื่องของกูไม่ต้องเดือดร้อนพ่อแม่มึงหรอก เกรงใจวะ ไม่ใช่เรื่องของเค้า เปลื้องตัวเปล่าๆ” ถึงพ่อกับแม่ต้าร์จะมีอิทธิพลต่อพ่อกับแม่ของแทน แต่การที่ผมคิดจะพึ่งใบบุญกันแบบนี้ ก็คงไม่ใช่ทางออกที่ดีเท่าไหร่นักหรอก

“มึงรู้เปล่า ว่ามึงกำลังเจออะไรอยู่” ผมคิดว่าผมรู้ว่าต้าร์จะบอกอะไรผม

“เรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ใช่ปะ” ผมหันไปตอบต้าร์ ต้าร์พยักหน้าช้าๆ แบบไม่ค่อยอยากตอบว่าสิ่งที่ผมคิดคือเรื่องจริง

“มันอาจต้องใช้เวลานานมาก แต่กูเชื่อว่ามึงทำได้นะ” ต้าร์คงพยายามให้กำลังใจผม แต่ผมก็รู้ว่ามันคงอาจแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำอะไรให้ดีกว่านี้ได้

“ถ้ามึงเป็นกู มึงจะทำอะไรวะ” ผมถามต้าร์บ้างว่าถ้าตกอยู่ในสภาพผมตอนนี้ ต้าร์จะทำยังไง

“ถ้าเกิดกับตัวเอง กูคงคิดไม่ออกเหมือนกันวะ แต่กูเชื่อว่าปลายทางเรื่องนี้ มึงกับแทนต้องสมหวังกันแน่นอน ไม่รู้ทำไม แต่กูเชื่อแบบนั้นวะ” ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ฟ้ายามกลางคืนที่แสนเงียบเหงาตอนนี้ ผมเหงา...แทนก็คง...

“ไปก่อนนะ กูรู้แล้วว่าทำไรดี” ผมลุกขึ้นออกจากห้องต้าร์แบบทันทีตามความคิดผม

“กลับดีๆ เดี๋ยวกูโทรหา” นี่คือเสียงสุดท้ายที่ต้าร์ตะโกนไล่หลังตอนผมออกจากห้องนอนต้าร์

น้องแพนด้าของผมกำลังไล่มุดตามช่องถนนบนทางด่วนไปเรื่อยๆ สิ่งที่ผมคิดหลังมองท้องฟ้ามันมีแค่ ถ้าผมตอนนี้เหงา แทนก็ต้องรู้สึกเหมือนผม ถ้าแทนได้เห็นผมไกลๆ บ้าง มันก็คงดีไม่ใช่น้อย ไหนๆ มีของชิ้นนึงที่ไบรท์ให้ผมไว้ ผมได้ใช้ก็ตอนนี้แหละ เท้าขวาผมตอนนี้แทบไม่อยากปล่อยคันเร่ง นาฬิกาที่คอนโซลรถตอนนี้บอกเวลาว่า 21.45 ผมควรจะไปให้ถึงก่อนสี่ทุ่มครึ่ง เพื่อความชัวร์ว่าแทนยังไม่นอน

ผมจอดรถในมุมที่ใกล้กับระเบียงห้องนอนของแทน เป็นมุมที่ถ้าแทนออกมาที่ระเบียง ต้องเห็นผมไกลๆ แน่นอน ได้เวลาใช้ของไบรท์ละ นั้นคือ SIM การ์ดแบบ Multi-SIM เป็นเบอร์เดียวกับเบอร์ไบรท์ ถ้าผมอยากโทรหาแทน ให้โทรด้วยเบอร์ของไบรท์ ซึ่งอย่างน้อย ก็ทำให้ผ่านด่านคนที่ถือมือถือของแทนไปถึงแทนได้ไม่ยากอยู่ ผมหยิบมือถือเครื่องที่ใส่ SIM ใบที่สองของไบรท์มาโทรหาแทน

“ฮัลโหลแทน” ผมพยายามดัดเสียงให้ใกล้กับเสียงของไบรท์ให้มากที่สุด

“คุณหนูนอนแล้วครับ มีอะไรฝากไว้ไหมครับ” ด่านแรกมาถึงแล้ว

“ผมต้องคุยเรื่องในทีมบาสฯ ครับ ถ้าแทนยังไม่นอน ขอคุยหน่อยครับ เป็นเรื่องด่วนนิดนึงครับ” ผมพยายามหาเรื่องให้ด่านแรกเอาเครื่องไปให้แทนให้ได้

“สักครู่นะครับ” ผมถอนหายใจโล่งอกสักครู่ ก่อนที่ไม่ถึงสิบวินาทีต่อมา ผมได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง และคนรับสายของแทนบอกว่าใครโทรมาหา

“ไบรท์ว่าไง” แทนรับเรียบร้อย พร้อมกับผลักประตูห้องนอนปิด เสียงลูกบิดล็อคเสร็จ ผมปรับเสียงกลับเป็นปกติ
 
“ฮัลโหล แทน เราเอง มองจากระเบียงมาซิครับ” ผมออกจากรถยืนโบกมืออยู่ข้างนอก

“ฮือ...ไกลจังเลย แล้วทำไมมีเบอร์ไบรท์โทรมาหาเราอะ” น้ำเสียงดีใจของแทนทำให้ผมยิ้มออกมาเช่นกัน

“ทำ SIM ใบสองมา สลับมาโทรนิดหน่อย เดี๋ยวไบรท์โทรไม่ออกก็รู้เองแหละว่าเราใช้ แล้ว...กลับมาบ้าน พ่อกับแม่แทนไม่ได้ตีหรือทำอะไรใช่ไหม” ผมห่วงตรงนี้ที่สุด

“ไม่นะ ไม่มีอะไรครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่ต้องเป็นห่วงเรานะ” ผมอยากมองให้เห็นแทนตอนนี้จัง อยากเห็นหน้า อยากให้แทนเห็นหน้าผมด้วย

“บิ๊ก...ดูแลตัวเองมากๆ นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรต่อไปจากนี้ อย่าล้มลง บิ๊กต้องอยู่ได้ถ้าไม่มีเรานะ” ผมแอบไม่อยากได้ยินแทนพูดแบบนี้เลย

“เราอยู่ได้แน่นอน แต่...ต้องมีแทนอยู่กับเราด้วยนะ เรารอได้ เวลาจะช่วยให้เรื่องทั้งหมดไปด้วยดีเองนะ” อันทีจริง ผมไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูดไปหรอก แต่เมื่อเรื่องมันแย่ ผมก็ยิ้มรับและเข้มแข็งซิ ผมเชื่อในความหวังล้วนๆ

“ขอแค่เชื่อในความรักของเราก็พอนะครับ” ผมย้ำสิ่งที่ผมคิดว่าคือสิ่งเดียวที่ยึดเหนียวให้เราแก้ปัญหานี้ไปด้วยกันได้
 
“ครับ เชื่อในความรักของเรา” ผมโบกมือให้แทนอีกที

“กลับบ้านเถอะ เราคุยนานมากไม่ได้ เดี๋ยวผิดสังเกต” ผมก็คิดว่าสมควรแกเวลาที่จะวางสายแล้วเช่นกัน

“จะพยายามแวะไปหานะ ถ้าเห็นเราไกลๆ ให้ยิ้มให้นะครับ” ผมคิดว่าต่อไปจากนี้จะคอยตามแทนไปเรื่อยๆ มีโอกาสก็เข้าไปหา เห็นกันไกลๆ ดีกว่าอยู่เฉยๆ แบบนี้

“แทนรักบิ๊กนะ” ผมก็รักแทนนะ

“บิ๊กรักแทนนะ รักด้วยชีวิตครับ” ผมวางสายลง แล้วขึ้นรถ ส่งข้อความให้ไบรท์กดสลับ SIM ที่เครื่องตัวเองกลับมาเป็น SIM หลัก ก่อนจะติดเครื่องแล้วขับออกไปจากแถวบ้านแทนให้เบาที่สุด

ถึงจะไม่เห็นทางออก แต่ผมจะไม่หลบหรือปล่อยให้คนรักผมต้องอยู่คนเดียวเหมือนกัน

……………….

หลังจากวันที่บิ๊กโทรหาผมที่รั้วบ้าน หนึ่งเดือนที่ผ่านมา จะมีผมเห็นผู้ชายคนนึงสวมเสื้อฮูดทับเสื้อนักเรียนมองดูผมไกลๆ วันที่ใส่ชุดนักเรียนมาเรียน บิ๊กจะแวะมาหาผมด้วยการจอดรถไว้สยาม แล้วค่อยเข้ามาในโรงเรียน การสวมเสื้อนอกของบิ๊ก ทำให้พอจะเนียนว่าเรียนโรงเรียนผมได้อยู่ เพราะกางเกงนักเรียนก็สีดำเหมือนกัน และที่ผมดีใจที่สุดคือ โค้ชกับทีมบาสฯ  ผมทุกคน พอทราบเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น ก็อนุญาตให้บิ๊กเข้ามานั่งดูได้ตลอดการซ้อม ไม่ต้องรอตอนเลิก

“แฟนใครเก่งจังเลย” บิ๊กยื่นขวดน้ำให้ผม นี่คือพักครึ่งแรกของการซ้อม ผมไม่ตอบอะไรนอกจากได้แต่ยิ้มแล้วรับขวดน้ำมาแตะที่คอดับร้อน

“สอบกลางภาคเป็นไงบ้าง” เดือนสิงหาคมแล้ว โรงเรียนบิ๊กน่าจะผ่านสอบกลางภาคไปแล้วแหละ

“นี่ ขออวดเลย” บิ๊กหยิบกระเป๋าเป้ใบประจำหยิบกระดาษที่รวมผลคะแนนไว้ มีลายเซ็นแชมป์ โจ ตั้ม ยืนยันว่าจดมาถูกต้อง ซึ่งคะแนนแต่ละวิชา อาจไม่ได้สูงมาก แต่ก็ไม่ลุ้นตกหรือเหนื่อยแน่นอน

“แฟนใครเก่งจังครับ” ผมลอกประโยคบิ๊กบ้าง บิ๊กยิ้มกว้างๆ แบบที่ผมมองเห็นไม่ชัดนัก เพราะฮูดที่สวมไว้ของบิ๊กค่อนข้างปิดหน้าพอสมควร

“เมื่อไหร่เราจะไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ซะที” ผมคิดเรื่องที่บ้านอีกแล้ว อดไม่ได้ทุกครั้งเลยที่เห็นสภาพตอนนี้แล้วจะต้องนึกถึงมัน

“ไม่เอาน่า ถ้าทุกอย่างจะต้องดำเนินไปแบบนี้ ก็ไม่เป็นไรนะ สิบปีไม่นานหรอก ถึงวันนั้นเราคงยืนด้วยขาเองได้ แล้วเราออกไปอยู่ด้วยกันสองคนเองก็ได้ ถ้าระหว่างนี้ จะมีบางเวลาที่ห่างไกลกัน ก็อดทนกันนิดนึงนะ “ บิ๊กพูดจบ ถอดฮูดออกให้ผมเห็นยิ้มกว้างๆ ชัดๆ ก่อนจะสวมมันกลับไปอีกที

“อย่าทำอีกนะ ใครมาเห็นจะทำให้บิ๊กเดือดร้อนได้” ผมแอบตกใจนิดหน่อย ไม่อยากให้บิ๊กถอดฮูดออกแบบนี้เลย เกิดคนของแม่ผมมาเห็น จะเป็นเรื่องเอาได้

หลังจากผมออกไปซ้อมรอบสุดท้ายได้สักครู่ ผมเห็นบิ๊กโบกมือให้ก่อนจะกลับไป เพราะถ้ารอจนซ้อมเสร็จ แล้วคนของแม่ผมที่มารับเห็นบิ๊กอยู่กับผม คงจะไม่ดีเอาแน่ๆ

แต่แค่นี้ก็ดีแล้ว ดีมากสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราจริงๆ

……………….

กันยายนแล้ว...เดือนที่ได้ชื่อว่านรกสุดๆ สำหรับเด็กนักเรียน ยิ่งกับ ม.6 ด้วยแล้ว บรรยายไม่ถูกเลยว่าจะขนาดไหน ผมกับแทนยังคงใช้จดหมายที่ส่งระหว่างไบรท์กับแชมป์เป็นสื่อในการพูดคุยเสมอ บางทีแทนจะส่งสรุปบทเรียน แนวข้อสอบพร้อมอธิบายวิธีทำให้ผมมาด้วย ซึ่งแน่นอนว่าผมจะต้องทำแล้วส่งกลับไปให้แทนตรวจเช่นกัน

“แฟนมึงแมร่งโหดกว่าติวเตอร์อีก แนวข้อสอบเชี่ยไร ยากสัด” ตั้มที่ขอถ่ายเอกสารไปทำด้วย ถึงกับโอดครวญตอนเห็นผมกำลังฝากส่งผ่านแชมป์

“มึงครับ กูมีวันนี้เพราะที่รักกูล้วนๆ บอกแล้ว หญิงไม่รุ่ง มุ่งชายแบบกูก็ดีนะ” ไม่ต้องทำหน้าเหวอ กูอวยพรจริงๆ นะไอ้ตั้ม
“กูไม่เข้าใจวะ แม่ของแทนทำไมต้องหวงลูกแบบ...โทษนะ ไม่ได้ด่าแฟนมึงนะ แต่แบบ อีกนิดเดียว ใส่ปลอกคอ จูงเดินได้แล้ววะ” ผมก็ไม่มีคำตอบของคำถามไอ้โจเหมือนกัน

“กูขอโทษ แต่พวกกูก็อึดอัดแทนมึงวะ” โจเอื้อมแขนมาเกาะไหล่พร้อมกับบีบไหล่ผมเบาๆ

“เรื่องของกูใช้เวลาล้วนๆ เลยวะ พวกมึงเป็นกำลังใจให้กูด้วยนะ” เพื่อนๆ ผมที่เหลือผลัดกันเข้ามาสวมกอดผม

“กูกลับบ้านก่อนนะ ฝากด้วยนะแชมป์” หลังจากแยกกับเพื่อนๆ ผมเดินกลับไปที่บ้านแชมป์เพื่อไปเอาน้องถ่านก่อนกลับบ้าน ระหว่างที่ผมเดินใกล้จะถึงบ้านแชมป์

“ฮือๆๆ ฮือๆๆๆ” ช่วยด้วย!!!! เกิดอะไรขึ้น!!! ผมถูกกระชากกับอุดปาก ดิ้นก็ไม่ได้ โดนคนล็อคไว้ ภาพที่ผมเห็นตอนนี้ ผมโดนลากขึ้นรถตู้ไปแล้ว รถตู้ออกไปอย่างรวดเร็ว ผมถูกต่อยเข้าที่ลิ้นปี่เต็มแรง มันจุกจนผมตัวขดเป็นกุ้ง แล้วอิสรภาพผมก็หมดลง ผมถูกผ้ามัดตา ปิดปาก มัดมือไขว้หลังไว้ และมัดขาติดกัน

ไม่รู้นานแค่ไหน ผมได้แต่นับเลขไปเรื่อยๆ ทีละ 60 ครั้ง เท่ากับ 1 นาที ไปเรื่อยๆ ไม่รู้หรอกว่าผมไปไหน แต่ที่แน่ๆ ผมพยายามตั้งสติให้ดีสำหรับการหนีออกไปจากจุดนี้ ผมนับไปจนถึง 30 นาที รถก็จอด แล้วผมก็ถูกโยนออกมาจากรถ

ผมมองไม่เห็นอะไร รู้แต่พื้นที่ผมนอนอยู่ตอนนี้ เป็นพงหญ้าหนาประมาณนึง หญ้าค่อนข้างสูง เพราะผมรู้สึกคันที่ขาพอสมควร ผมยังไม่ถูกแก้มัดออก ลมหายใจของผมตอนนี้รัวยิ่งกว่ากลองที่กำลังตีออกรบซะอีก ผมคิดว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับผมต่อไปนี้ก็คือ

ใช่แล้วครับ...เท้าทั้งหลายกระหน่ำถีบ เหยียบ หรือรวมๆ คือ “กระทืบ” ผมนั้นละครับ ผมรู้สึกว่าร่างกายผมทุกส่วนกำลังบอบช้ำไปเรื่อยๆ สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือพยายามห่อตัวเอาไว้ แล้วเกร็งกล้ามเนื้อทุกส่วนให้รับกับแรงกระแทกนี้ให้ได้นานที่สุด แล้วเหมือนพวกมันจะรู้ ผมถูกหิ้วปีกขึ้น ลากไปแก้มัดที่แขนออก ก่อนจะโดนฉีกแขกทั้งสองข้างแบบท่าตรึงไม้กางเขน แขนผมสองข้างถูกล็อคกับเชือกไว้กับหูกระจกมองข้างรถตู้ โดยที่หลังผมพิงกับรถไว้

ไม้หน้าขนาดไหนไม่รู้กับสารพัดหมัดและเท้ากระหม่ำอัดเข้าทั้งร่างกับศีรษะผมไปเรื่อยๆ จนผมรู้สึกกระอัดเลือดจริงๆ ผมไอเอาเลือดที่ช้ำในออกมาไม่ได้ เพราะมันติดผ้าที่มัดปากไว้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอยู่พักใหญ่ๆ จนกระทั้ง

“พอๆๆ เดี๋ยวมันตายพอดี” เออ รู้ก็ดีแล้ว กระทืบมากกว่านี้จะไม่ไหวแล้ว แน่จริงแกะผ้าออก ให้กูต่อยกับมึงตัวต่อตัวซิวะ!!!

“มีคนฝากมาสั่งสอนอีกที ไม่อยากตายก็อย่าหาเรื่องใส่ตัวนะ เป็นเด็กเป็นเล็ก วอนตีนฉิบ” ผมโกรธ...แต่ทำอะไรไม่ได้ ข้างในผมมันช้ำจนเละไปหมดแล้ว หลังจากแกะแขนผมออก แล้วมัดไขว้หลังไว้เหมือนเดิม ผมโดนลากโยนเข้าไปในรถตู้เหมือนเดิม

พื้นรถตู้สั่นสะเทือนตามพื้นถนนไปเรื่อยๆ ในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา มันทำให้ข้างในผมเจ็บ ผมคิดว่าผ้าที่มัดปากผมตอนนี้ น่าจะแดงจนดำจากเลือดที่ผมช้ำในไปแล้ว สิ่งที่ผมรู้สึกตอนนี้คือ ซี่โครงผมสักจุดน่าจะหักหรือร้าวแน่ๆ เพราะมันเจ็บแปลบเวลาหายใจ แล้วอิสรภาพผมก็มาถึงอีกครั้ง เมื่อผมรู้สึกเหมือนโดนโยนลงจากรถตู้ให้นอนกองไว้ที่พื้นฟุตบาท ผมได้ยินแค่เสียงรถที่วิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว

ไม่ไหวแล้ว...ผมรู้สึกตัวเองเจ็บจนหมดสติไป ไม่ตายหรอก แต่ใครก็ได้ช่วยแกะมัดให้ผมที....

“ตื่นแล้ว ไอ้บิ๊กตื่นแล้ว” สิ่งที่ผมเห็นในตาสลัวๆ ของผมตอนนี้ คือแสงไฟสีขาวๆ แยงตาผม พอผมลืมตาเต็มๆ เสียงที่บอกว่าผมตื่นแล้วคือไอ้ตั้มนั้นเอง
 
“กูอยู่ไหนวะ” คำถามแรกที่ผมถามตั้ม

“โรงพยาบาล ใครทำมึงเละแบบนี้วะ” คำถามตอบแรกที่ผมได้ยินจากตั้ม ในขณะที่ โจ แชมป์ ไบรท์ เฮียโบ้ ต้าร์ พี่นาย นิสิตหมอจุฬาฯ ที่ขับ Ducati ก๊วนเดียวกันกับผม ซึ่งสนิทกับเฮียโบ้ด้วย เดินมาล้อมรอบเตียงผมแล้ว

“กูว่าต้องฝีมือแม่แทนแหง่ๆ แมร่งเกินไปเปล่าวะ” น้ำเสียงของแชมป์บอกถึงอารมณ์ที่เดือดมากกว่าที่จะคุมได้

“ไม่เป็นไรนะเว้ย กูว่าเกินไปวะ เดี๋ยวกูไปจัดการให้ ถ้าบ้านกูออกโรง พวกพ่อแม่แทนน่าจะเกรงใจกันบ้าง” ต้าร์เสนอตัวอาสาให้

“เดี๋ยวพี่ไปตามอาจารย์มาตรวจร่างกายเราอีกทีนะ พี่พึ่งรู้เรื่องแกว่าเกิดไรกับแทน สู้ๆ นะเว้ย” ผมยกมือที่ติดสายน้ำเกลือไหว้ขอบคุณพี่นาย ก่อนที่พี่นายจะเดินออกไป
 
“ออกข่าวเถอะวะ บ้านแมร่งเป็นนักการเมืองใช่ปะ ถ้าออกสื่อว่าแมร่งทำแบบนี้กับเรื่องของเด็ก กูอยากเห็นเหมือนกันว่ามันจะอยู่เฉยได้เปล่า หาเรื่องแบบไม่กลัวหน้าตัวเองแหกเลย อย่ายอมนะเว้ยมึง” โจ มึงใจเย็นก่อน

“น้องๆ ใจเย็นก่อน ทุกคนเลย ไอ้บิ๊กไม่ตายก็ดีแล้ว เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ให้บิ๊กมันหายก่อนดีกว่า พี่ก็โกรธแค้นไม่แพ้พวกน้องๆ แหละ แต่เราทำอะไรไม่ได้จริงๆ” เฮียโบ้พูดขึ้นมาบ้าง

“พวกมึงทุกคนกลับไปก่อนนะ กูอยากอยู่คนเดียววะ เฮียครับ ผมขอคุยอะไรหน่อย” ตั้ม โจ แชมป์ ไบรท์ ต่างพยักหน้าแล้วลาผมก่อนจะออกไปจากห้อง เหลือแค่เฮียโบ้คนเดียว

“เฮียรู้ว่าต้องทำอะไร พักให้หายดีแล้วกัน” เรื่องนี้แจ้งตำรวจไปก็คงไม่มีความหมาย เฮียก็รู้ใช่ไหมละครับ

“ผมท้อวะเฮีย...” ตั้งแต่เกิดเรื่อง ผมไม่เคยระบายความรู้สึกนี้ให้ใครฟังจริงๆ

“กูก็สงสารมึง” ฝ่ามือใหญ่หนาของเฮียบีบมือผมเอาไว้

“ทำไมอะเฮีย ผมรักแทนแล้วผิดตรงไหน ผิดแค่เค้าเป็นผู้ชายเหมือนผมเหรอ โคตรเหี้ยอะเฮีย ความรักที่ผมมีให้แทนไปเผาบ้านเค้าหรือไง ผมไม่โกรธที่ผมโดนกระทืบนะ แต่ผมโกรธที่ความรักไม่ชนะทุกสิ่งอย่างที่ผมเคยเชื่อมันมาตลอด ฮือๆๆๆ” เฮียโบ้ค่อยๆ ลูบศีรษะผมเบาๆ ช้าๆ เหมือนพ่อคนนึงกำลังปลอบลูก

“ความรักไม่ได้ชนะทุกสิ่งหรอก แต่ความดีต่างหากที่ชนะทุกสิ่งได้ เฮียเชื่อนะ ไม่ว่าเค้าจะตบตีลูกเค้าแค่ไหน หรือจะกระทืบมึงให้ตายไปเลย ความรักกับความดีมึงก็ไม่มีวันเปลี่ยนไป มึงเคยบอกเฮียนี่ว่า มึงรักใครรักจริงๆ แทนเค้าก็รักมึงมากไม่แพ้กับที่มึงรักเค้า มึงกับแทนอะ คือตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ของความรักสำหรับใครอีกหลายคนแน่นอน เฮียไม่รู้จะปลอบไงวะ เอาเป็นว่า มีอะไรที่เฮียช่วยได้ บอกเลยนะ เฮียเต็มที่แน่นอน”

ผมได้แต่ร้องไห้เจ็บใจที่ตัวเองทำอะไรให้ดีกว่านี้ไม่ได้จริงๆ ขอบคุณครับเฮีย...ขอบคุณจริงๆ ครับ

************

ตั้งแต่แม่แทนออกมา สงสัยจะหนักสำหรับผู้อ่านจริงๆ อ่านกันเงียบจริงๆ ครับ^^"" ยังไงแล้ว ไว้เขียนจบ จะเล่าที่มาที่ไปของเรื่องนี้ทั้หมดให้ฟังว่าตอนเขียนรอบแรกมีอะไรอย่างไรบ้างให้อ่านกันนะครับ

บทที่ 66 อืม...ไม่กล้าสัญญาเลยครับ แต่จะพยายามเข็นออกมาให้เร็วที่สุดแบบเรื่อยๆ สม่ำเสมอนะครับ ยังไงก็ ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ

ขอบคุณครับ^^

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
วุฒิภาวะที่มีไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่เลยนะคะคุณพ่อกับคุณแม่ของแทนเนี่ย เด็กๆ เขายังแยกแยะออกเลยค่ะว่าอะไรถูกอะไรผิด จะมีก็แต่พวกคุณเท่านั้นนั่นล่ะที่มัวแต่ถอยหลังเข้าคลอง.. 

เป็นกำลังใจให้นะคะ บิ๊กสู้ๆ แทนสู้ๆ :ped149:

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
พึ่งเขียนบทที่ 66 เสร็จเมื่อครู่นี้ เดี๋ยวตื่นนอนแล้วจะมาลงให้นะครับ (ประมาณบ่ายสาม)

(งานในชีวิตจริงอย่างยุ่ง+สู้กับอาการนอนไม่หลับถ้าไม่หลุด 6 โมงเช้าต่อไปครับT_T)

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ^^

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 66 ++
«ตอบ #947 เมื่อ06-11-2015 16:29:58 »

บทที่ 66 มาแล้วครับ รู้สึกผิดแผนมากว่า จะเขียนให้จบก่อนเดือน 12 ปีนี้ แต่ดูทรงแล้ว สงสัยได้ไปจบตอนกุมภาฯ ปี 59 แล้วครับ เหลืออีกประมาณ 12-14 บท ตามที่วางไว้ก็ปิดเรื่องละครับ

มาดูกันต่อครับ^^

***************

Chapter 66

ผ่านไปสี่วัน นี่คือวันแรกที่ผมกลับมาเรียนหลังจากน่วมเพราะโดนลากไปกระทืบ โชคดีที่ไม่มีอะไรข้างในบุบสลายหนักมาก แต่ช้ำในกันพอสมควร สิ่งเดียวที่เห็นจากภายนอกคือรอยฟกช้ำรอบตัวกับที่ใบหน้าเล็กน้อย ผมอาศัยนอนค้างบ้านแชมป์เอา ตื่นไปเรียนง่ายหน่อย แต่ก็ไม่วายลุกขึ้นมาวิดพื้นกับซิทอัพในสภาพนี้ ซึ่ง...เจ็บ แต่ก็ไม่หนักหรอก ทนไว้ไอ้บิ๊ก ทนไว้

“แชมป์ ไม่มีจดหมายจากแทนส่งมามั่งเหรอวะ” ผมถามแชมป์ขณะนั่งเกากีตาร์ในห้องชมรมดนตรีอยู่

“ไม่เลยวะ ไบรท์บอกว่าแทนไม่เขียนถึงอะไรเลย วันๆ เอาแต่เก็บตัวเงียบๆ ทำงานโรงเรียนเท่าที่จำเป็น นอกนั้นก็เก็บตัวคนเดียว” ผมฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

“มึงว่าเค้ารู้เรื่องกูโดนยำตีนเปล่าวะ” แชมป์พยักหน้าช้าๆ

“ตั้งแต่วันที่มึงโดนไป วันรุ่งขึ้นแทนก็กลายเป็นคนเก็บตัวอย่างประหลาดนี่แหละ ยิ่งกับไบรท์ พูดน้อยลงไปเยอะ กูกับไบรท์เลยคิดว่า เรื่องมึงน่าจะมีส่วนนั้นแหละ” ผมหยุดดีดกีตาร์ลงแล้ววางมันไว้ข้างๆ ช้าๆ

“มึงอย่าคิดมาก ถ้ามึงอยากฝากอะไรให้แทน เขียนส่งให้กูก็ได้นะ” ผมหยิบกระเป๋าแล้วหยิบสมุดโน๊ตที่ไว้จดคอร์ดเพลง ฉีกมาแผ่นเขียนให้แชมป์ไปว่า

“เราอยากเจอแทน เราจะไปหาวันพรุ่งนี้ที่โรงยิมตอนบ่ายสี่” ผมส่งให้เสร็จ สะพายกระเป๋าออกไปจากห้องทันที

แทนไม่ได้เก็บตัวหรอก แต่กำลังหนีหน้าผมต่างหาก...ผมกลับไปเอาน้องถ่านที่บ้านแชมป์หลังจากฝากจอดไว้นานมาก ผมขับไปที่โรงเรียนของแทน แน่นอนว่าห้าโมงเย็นแบบนี้ ผมเห็น Range Rover สีดำที่แทนใช้โดยสารทุกวัน ผมได้แต่จอดให้ห่างๆ ในระยะสายตาที่พอมองเห็นว่าใครเดินขึ้นหรือลงจากรถ จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ผมเห็นแทนเดินขึ้นรถแล้ว พอรถออก ผมก็ขับตามไปห่างๆ แล้วแทนก็ลงรถที่ห้างฯ Central World ผมรีบวนไปจอดที่ลานจอด Big Bike ก่อนจะใช้มือถือที่ใส่ SIM ไบรท์โทรหา แต่แทนก็ไม่ยอมรับสาย

ผมคิดอยู่ว่าแทนจะเดินไปไหนได้บ้างในเวลานี้ กินข้าวเย็น? ดูหนังสือ? หรือแวะมาซื้อของ? เอาไงดี...กินข้าวเย็นที่บ้านน่าจะได้ ซื้อของก็เป็นไปได้ ดูหนังสือก็ไม่แน่ งั้น เอาร้านหนังสือก่อนแล้วกัน ผมไปร้านประจำที่แทนชอบไป...Kinokuniya นั้นแหละ

ผมเดินส่องไปตามช่องแผงหนังสือเรื่อยๆ ค่อยๆ เดินไป เดินหาทั้งร้านแล้ว ไม่เจอซะที สงสัยไม่อยู่มั่ง ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากร้าน งั้น...แทนไปไหนนะ กินข้าว? ให้เดินเข้าทุกร้านเลย ก็คงจะไม่ใช่ ผมพอจะนึกออกว่าร้านที่แฟนผมถ้าจะทานข้าวคนเดียว...ผมวิ่งไปที่ Food Court ที่ชั้น 7 ทันที ไปถึงแล้ว รับบัตรซื้ออาหารแล้วเข้าไปหาดู...ใช่เลย แทนนั่งกินข้าวอยู่จริงๆ ด้วย แต่...ถ้าผมเข้าไปตอนนี้ ผมจะโดนใครหิ้วออกมาไหมนะ?

ผมซื้อข้าวมากินโต๊ะห่างๆ ที่มองเห็นแทนชัดๆ ผมไม่คิดว่าแทนกำลังกินข้าวอย่างปกติ อาหารที่ทานอยู่ เป็นแค่การทานเพื่อให้อยู่ต่อ ผมเองก็เช่นกัน รสชาติที่กำลังทานไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าต้องการให้มันอิ่มท้องมีแรงเท่านั้น สายตาผมห่างกับแทนแค่สองแถวโต๊ะ แต่ผมไม่กล้าจะเข้าไปหาด้วยซ้ำ ผมรีบทานให้หมดเพื่อดูว่าแทนจะไปไหนต่อ ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ข้าวในจานของแทนก็ไม่หมดซะที แทนดื่มน้ำปิดท้ายก่อนจะลุกออกไปจ่ายเงิน ผมลุกตามออกไป อยากมีจังหวะเข้าไปคุย แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยง จนแทนเดินลงไปข้างล่างหน้าห้างฯ ฝั่งโรงพยาบาลตำรวจ แล้วไม่นานนัก Range Rover สีดำที่แทนใช้โดยสารประจำก็มารับไป

“ฮัลโหล ไบรท์ แทนว่าไงบ้าง” ผมโทรหาไบรท์ขณะเดินกลับไปที่มอไซค์ตัวเอง

“ไม่ได้ตอบอะไร แค่พยักหน้า แล้วก็ไปวะ” ผมรู้สึกไม่ค่อยดีกับท่าทีของแทนเท่าไหร่

“กูถามอะไรไม่ได้จริงๆ วะ ช่วงนี้แทนพูดแบบประหยัดคำโคตรๆ เรียกว่าไม่จำเป็น ไม่เอยปากคุยอะไรกับใครด้วยซ้ำ” ผมว่าแทนคงรู้ว่าผมโดนไรมาแล้วแหละ

“ว่าแต่มึงจะมาหาแทน หน้ามึงหายช้ำยังเถอะ” ยังหรอก แต่ถ้าไม่ไปหา ผมคงคาใจแย่

“กูแค่อยากบอกให้เค้าสบายใจและมั่นใจว่ากูรับมือได้วะ” ไบรท์ตอบผมสั้นๆ ก่อนวางสายว่า

“โชคดีนะมึง” ผมตอบแค่อือ ก่อนวางสายไป

ไม่ว่าพรุ่งนี้แทนจะพูดกับผมยังไง ผมจะไม่เปลี่ยนใจที่จะสู้เพื่อความรักของผมแน่นอน

……………….

หัวดินสอกดถูกเคาะบนกระดาษไปมา ผมไม่แน่ใจว่าฟังสิ่งที่กำลังเรียนเข้าใจอยู่เปล่า แต่ตลอดช่วงสี่ห้าวันที่ผ่านมา มันคือเวลาที่ผมกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทุกอย่างมาถึงทางตัน ผมคงไม่มีทางให้เดินต่อจริงๆ ขนาดพื้นที่เล็กๆ ที่ผมจะมีเพื่อบิ๊กยังถูกปิดตายลงไปแล้ว สี่วันก่อน แม่ผมเอยขึ้นบนโต๊ะอาหารขณะทานข้าวเย็นสั้นๆ แต่สื่อสารได้ครบทุกใจความแค่

“ลูกเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ได้ดีกว่านี้นะ แต่ถ้าบางอย่างมันยากที่จะทำให้ดีขึ้น พ่อกับแม่จะช่วยทำให้มันง่ายขึ้นเองนะ”

มันฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าจู่ๆ แม่ผมพูดขึ้นหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จโดยไม่มีสาเหตุอะไรก่อนหน้านั้น มันไม่ต่างอะไรกับลางบอกเหตุที่ผมไม่อยากคิด ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบิ๊ก แต่ถ้ามีคำพูดแบบนี้จากปากแม่ผมอีกละ...แม่ผมต้องไม่ยั้งมือแน่ๆ หรือทางออกของเรื่องนี้ มันคงมีแค่นี้จริงๆ

“ไบรท์ วันนี้เราไม่ซ้อมวันนึงนะ” ผมบอกกับไบรท์ตอนที่ไบรท์เดินออกมาจากห้องเรียนแล้ว

“วันนี้แทนจะไปหาบิ๊กใช่ไหม” ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ

“แทน...ถ้าเรื่องที่เจอมันไม่แย่ ขอให้คิดดีๆ ก่อนจะทำอะไรลงไปนะ” ผมได้แต่ส่งยิ้มบางๆ ให้กับไบรท์ ก่อนที่ผมจะไปหาบิ๊กโรงยิม พอผมไปถึงบันไดทางขึ้นโรงยิม ผมเจอบิ๊กที่รออยู่แล้ว เราสองคนเดินไปหลบมุมด้านหลังของโรงยิม ซึ่งเงียบพอที่จะคุยกันสองต่อสอง บิ๊กใส่เสื้อฮูดคลุมหัวไว้เช่นเดิม เสื้อฮูดคลุมจนผมแทบมองไม่เห็นใบหน้าของบิ๊กชัดเจนเท่าไหร่นัก ตอนนี้ ผมยืนอยู่ตรงหน้าบิ๊กแล้ว

“ไม่ได้เจอหลายวันเลย ได้ข่าวว่าแทน...” บิ๊กเริ่มพูดแล้วก็หยุดลง ผมถอดฮูดของเสื้อบิ๊กออกทันที ทันทีที่ผมเห็นสภาพใบหน้าบิ๊ก สิ่งที่ผมคิดมาก่อนที่จะพูดกับบิ๊กวันนี้ ยิ่งมั่นใจว่าผมต้องทำ

“เรามีเรื่องนิดหน่อยอะ ก็ ฟัดไปหนัก แหๆ แต่ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หายครับ” คำตอบบิ๊กที่เสร้งทำเป็นร่าเริงเหมือนไม่มีอะไร ทำให้ผมร้องไห้ออกมา

“แม่เราทำใช่ไหม...” ผมได้แต่พยายามข่มน้ำตาเอาไว้

“ไม่ใช่นะ เราต่อยกับคนมาจริงๆ ไม่เกี่ยวกับแม่แทนจริงๆ นะ ที่ไม่มาเจอหลายวัน ก็หน้ามันไม่หล่อนิดหน่อย อีกอย่าง กลัวแทนคิดมาก แล้วก็คิดมากจริงๆ ด้วยอะ” สองมือของบิ๊กบีบไหล่ผมเอาไว้เบาๆ

“แม่เราทำใช่ไหม” ผมเน้นเสียงให้หนักขึ้น แต่บิ๊กไม่ตอบอะไร ก่อนจะดึงผมไปกอดเอาไว้

“เราไม่เจ็บอะไรนะ เราดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องคิดมากนะ หนักกว่านี้ก็โดนมาแล้ว” ผมตัดสินใจแล้ว สิ่งที่ผมคิดไว้จะพูดกับบิ๊ก คงไม่เปลี่ยนแล้วจริงๆ ผมกอดบิ๊กไว้แน่นๆ ก่อนจะบอกออกไปว่า 

“เรา...เลิก...กัน...เถอะ” มันเป็นคำที่พูดยากที่สุดในชีวิต แต่ผมตัดสินใจแล้ว ผมถอยออกจากอ้อมกอดของบิ๊ก ก่อนที่บิ๊กจะดึงผมไปกอดแน่นๆ

“ถ้าแทนจะเลิกเพราะแทนไม่ได้รักเราแล้ว เราจะยอมรับโดยดี แต่ถ้าแทนจะเลิกเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรา เราจะถือว่าไม่ได้ยินนะ” น้ำเสียงของบิ๊กไม่มีความลังเลอะไรที่จะพูด แต่สิ่งที่ผมตัดสินใจมาวันนี้ จะไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน ผมถอยออกจากบิ๊กมายืน สูดหายใจลึกๆ

“เราคิดมาหลายวันแล้ว ถ้าปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้ เรานี่แหละ จะเป็นคนที่ทำให้บิ๊กจากไปตลอดกาลจริงๆ เรายอม...ไม่มีบิ๊กก็ได้ แต่เราแค่อยากให้บิ๊กได้อยู่ต่อ ไม่ต้องเจ็บตัวหรือเป็นอะไรเพราะเราอีกก็พอ” ผมค่อยๆ อธิบาย แต่ในขณะที่บิ๊กได้แต่ก้มหน้าฟัง

“แทนเห็นแก่ตัว...” ไม่ว่าบิ๊กจะพูดยังไง ผมยินดีรับไว้หมด ไม่เถียง ไม่อะไรทั้งสิ้น

“อือ...เราเห็นแก่ตัว เราขอโทษนะ” ผมหนักแน่นที่จะตอบโดยไม่ลังเล บิ๊กเดินเข้ามาใกล้ผมอีกก้าว

“รู้ไหม การบอกเลิกกัน ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก แต่การสู้ไปด้วยกันต่างหาก คือทางเดียวที่เราจะไปถึง...” ไม่!!! บิ๊ก!!!

“มันไปไม่ถึงหรอก!!! ถ้าบิ๊กเป็นอะไรไปก่อน แล้วเหลือเราไว้คนเดียว ใครละที่ไปถึง ไม่มีใครไปถึงสักคน การตายเพราะความรักมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก สู้เรากลายเป็นคนไม่รู้จักกัน แล้วบิ๊กมีชีวิตของบิ๊กที่ดีๆ ในอนาคตกับผู้หญิงสักคนก็ได้ ส่วนเราก็ทำตามที่พ่อกับแม่ต้องการ แล้วเราสัญญา...เราจะเก็บทุกอย่างไว้เลี้ยงใจเราให้อยู่ต่อไปให้นานที่สุด อย่าเอาชีวิตมาทิ้งเพราะเรา ให้มันจบแบบนี้ไปดีกว่า ได้ไหม...” สองตาของผมเริ่มมองบิ๊กไม่ชัดเจน มีแต่น้ำตาเออล้นออกมา

“บอกเราซิ ว่าแทนต้องการให้มันเป็นแบบนี้จริงๆ” ผมพยักหน้าให้กับคำถามของบิ๊ก บิ๊กกอดผมแน่นๆ ก่อนจะบอกผมว่า

“ถ้าแทนรักเรา กอดเรานะ แต่ถ้าอยากให้เป็นแบบนี้จริงๆ ผลักเราออก แล้วช่วยไล่เราไปไกลๆ” ผมออกแรงผลักบิ๊กออกไปสุดแรง ก่อนจะบอกว่า

“มันจบแล้ว จบแล้วจริงๆ ขอให้โชคดี ลืมคนเห็นแก่ตัวอย่างเราซะเถอะ” ผมวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นทันทีหลังพูดจบ

ผมวิ่งไปไกลพอที่จะหยุดลงนั่งที่ม้าหิน แล้วใช้สองฝ่ามือปิดหน้าที่อาบน้ำตาตอนนี้ ได้แต่บอกตัวเองว่า

“ดีมากแทน นายทำถูกต้องแล้ว นี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่ความฝัน ตื่นมารับความจริงเถอะแทน”

……………….

วิวที่ผมมองจากกระจกรถตอนนี้ เหมือนภาพที่ถูกเล่นให้เร็วกว่าปกติ ผมแทบไม่รู้สึกอะไรหลังจากทำในสิ่งที่ผมคิดว่าดีแล้ว สิ่งต่อไปที่ผมจะทำคือ...ไปบอกกับพ่อแม่ เพื่อให้เลิกยุ่งกับชีวิตผมและชีวิตของบิ๊กซะที ตลอดเวลาที่นั่งรถ เหมือนเวลาที่ผมกำลังรวบรวมความกล้าเพื่อทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้ดีที่สุด

“แม่...สวัสดีครับ” ผมทักทายแม่หลังจากแม่ตอบรับการเคาะประตูห้องทำงานของผม

“วันนี้ต้องมีอะไรพิเศษใช่มะ ลูกมาหาแม่ถึงที่ได้แบบนี้” ผมเดินไปนั่งที่โซฟากลางห้อง ก่อนที่แม่ผมจะปิดแฟ้มเอกสารแล้วเดินมานั่งข้างๆ ผม

“แม่ครับ ผมมีเรื่องอยากขอครับ” แม่ผมพยักหน้ารอสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปจากนี้

“แม่เลิกยุ่งกับบิ๊กได้ไหมครับ” แม่ผมลุกกลับไปโต๊ะทำงานทันที

“แกก็เลิกกับมัน แล้วแม่จะหาลูกสาวบ้านอื่นที่ดีๆ มาให้แกรู้จัก ถ้าทำไม่ได้ แม่ก็ไม่เลิกยุ่งนะ” แม่ผมเปิดแฟ้มทำงานต่อ

“ผมเลิกกับบิ๊กแล้ว วันนี้ผมเรียกมาบอกเลิกที่โรงเรียน” แม่ผมปิดแฟ้มลงแล้วมองผมอย่างสนใจ

“ผมทำในสิ่งที่พ่อกับแม่อยากให้ทำแล้ว แม่จะเลิกยุ่งได้ไหมครับ” ผมต้องการคำตอบที่ชัดเจน

“จนกว่าแม่จะเห็นว่าแกไม่เป็นตุ๊ดแต๋วแบบที่เคยเป็น แม่ถึงจะเลิกยุ่งกับมัน” ผมไม่โอเค

“ผมจะทำตามที่แม่ขอ แม่บอกผมซิ ว่าจะทำตามสัญญาทันที” ผมเผชิญหน้ากับแม่อย่างไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น

“ก็ได้ หวังว่าลูกจะมีสัจจะเช่นกัน” ผมไหว้ขอบคุณแม่หนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

“แทน...แม่ดีใจที่ลูกคิดได้นะ” ผมไม่ตอบอะไร นอกจากหยุดสักครู่ ก่อนจะปิดประตูห้องทำงานแม่ลงเบาๆ

เมื่อผมกลับไปถึงห้อง iPhone กับ MacBook Pro วางไว้ที่โต๊ะปกติเรียบร้อย แม่ผมคืนขอให้เรียบร้อย ผมทิ้งตัวลงเตียง หยิบตุ๊กตาหมีที่บิ๊กให้ผมมามอง แล้วลูบหัวมันเบาๆ ก่อนจะวางกลับไปที่ข้างหมอนเหมือนเดิม ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมไม่มีคำพูดอะไรที่บอกอารมณ์อะไรตอนนี้ได้ดีไปกว่า

น้ำตา...แต่อย่างน้อย ผมได้ทำเพื่อป้องกันให้บิ๊กไม่เป็นอะไรมากไปกว่านี้แล้ว เหลือแค่ผม ทำใจลืมและเริ่มชีวิตใหม่ที่แม่ผมอยากให้เป็นให้ได้ ก็พอแล้ว...

……………….

หมดไปอีกขวด...คืนนี้มันนานจัง ปกติแล้ว ถ้าผมอยู่บ้าน ที่ห้องนอนผม จะมีวิสกี้ Johny Walker Black Label กลมใหญ่ เก็บไว้จิบเบาๆ ก่อนนอนหนึ่งแก้ว มันช่วยให้หลับสบายดีทีเดียว แต่...ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกคืนตั้งแต่สามทุ่มถึงห้าทุ่ม ผมดื่มหมดกลมเพียวๆ คนเดียวทุกคืน บางคืน...ได้แต่มองแหวนที่นิ้วนางซ้ายตัวเอง แล้วก็ร้องไห้คนเดียว ขวดเหล้าที่หมดแล้วถูกวางเรียงไว้ที่มุมห้อง นับๆ ก็ไม่ต่ำกว่า 20 ขวดแล้ว นี่ยังไม่นับลังที่พึ่งซื้อมาใหม่เมื่อวันก่อน

ผมแค่อยากลืม...ว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง ผมจะอยู่ไปทำไม เมื่อสิ่งเดียวที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่ บอกว่าไม่รักผมแล้ว....เชื่อซิ เอาไปเล่าให้ใครฟัง แมร่งก็ต้องด่าผมโง่แน่ๆ ไม่รักพ่อ รักแม่ และสารพัดจะบรรยาย แต่ไม่เกิดกับตัวเองไม่เข้าใจหรอก ถึงไอ้ตั้ม โจ แชมป์ จะปลอบผมแค่ไหน ชวนผมไปนั้นไปนี่ และช่วยกันติวก่อนสอบปลายภาคก็ตาม ผมได้แต่ปั้นหน้าให้ทุกคนรู้ว่า “ผมไม่เป็นอะไร”

“ไม่ได้ล็อค” เสียงเคาะประตูห้องนอนผมดังขึ้น คนที่เปิดประตูเข้ามาคือ

“บิ๊ก ทำไมลูกเอาแต่เก็บตัว กลับมาบ้านก็ไม่ยอมไปหาแม่ ไม่ยอมไปกินข้าวกินปลาบ้างเลย” ผมวางแก้วลงก่อนจะลุกจากเก้าอี้ตัวใหญ่ที่อยู่กลางห้องไปทิ้งตัวลงนอนแล้วหันหลังไม่มองหน้าแม่ผม

“เครียด เบื่อ แม่มีอะไรไหมครับ พูดมาเลยนะครับ ผมจะนอนแล้ว” แม่ผมนั่งลงข้างๆ ก่อนจะลูบศีรษะผมเบาๆ

“ทำไมกินเหล้าเยอะขนาดนี้ละ บอกแม่ซิ มีอะไรไม่สบายใจเปล่า” ผมไม่อยากตอบอะไร ได้แต่อยู่นิ่งๆ ไม่ตอบคำถามอะไรทั้งนั้น

“ตอนแรกแม่อยากจะเข้ามาตำหนิลูกว่าทำไมทำแบบนี้ แต่...ลูกแม่ก็เป็นผู้ชายคนนึง อยู่ๆ คงไม่กินเหล้าเยอะขนาดนี้ถ้าไม่ทุกข์ใจอะไรมา แม่เลยอยากมาอยู่ข้างๆ มีอะไรก็บอกแม่นะ ทุกเรื่องจริงๆ แม่สัญญาจะไม่ดุด่าหลังจากฟังจบ แต่ถ้าลูกยังไม่พร้อม ก็...นอนนะ อยากเล่าเมื่อไหร่ก็บอกนะ แม่จะรอที่ห้องนะ เคาะเรียกแม่ได้เลยนะ” ผ่ามือของแม่กำลังลูบศีรษะเกลี้ยงๆ ของผมต่อไปสักครู่ ก่อนแม่จะคลุมผ้าห่มให้แล้วหอมแก้มผมก่อนออกไป

ผมไม่ยังพร้อมจะเล่าอะไรครับแม่ ทุกอย่างมันจุกอกจนผมไม่รู้ว่านานแค่ไหนผมจะทำใจพูดออกไปได้...ผมไม่เชื่อว่าแทนจะไม่รักผมแล้ว ไม่เชื่อ...เด็ดขาด ผมเกลียดความรู้สึกตอนนี้จริงๆ อึดอัดจนผมไม่อยากอยู่ ทำใจให้สงบลงก็ไม่ได้

ผมไม่เชื่อว่าแทนไม่รักผมแล้วจริงๆ แต่ผมจะทำยังไงเพื่อให้แทนกลับมาละ...ผมปิดตาลง ให้สิ่งที่ดื่มพาผมนอนลงอย่างสงบ คืนต่อๆ ไปจากนี้ ผมก็คงต้องพยายามผ่านมันต่อไป

……………….

“หมดเวลา นักเรียนส่งข้อสอบด้วยครับ”

วิชาสุดท้ายของการสอบก็มาถึง ที่จริงทำเสร็จก่อนหมดเวลา 20 นาที แต่ขี้เกียจออก นั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่สอบด้วยกัน น่าจะดีกว่านั่งเหงานอกห้อง อีกอย่าง โจ ตั้ม แชมป์ ก็ยังไม่ออกจากห้องสอบ ผมออกไปนั่งรอคนเดียวก็เซ็งๆ ไงไม่รู้ ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่พยายามอยู่กับผมแทบจะประกบติด ถ้ามันไปเข้าห้องน้ำกับผมได้ มันคงทำไปแล้วแหละ

“ไอ้บิ๊ก ไปแดกเนื้อย่างกัน” ไอ้ตั้มวิ่งมาล็อคคอผมไว้ทันทีหลังจากผมกับมันออกจากห้องสอบพร้อมกัน

“อือ ไปดิ” ผมตอบไปตามมารยาท

“ข้อสอบยากสัด แมร่งๆๆ” เสียโจตามหลังมา ก่อนจะวิ่งมาล็อคคอผมอีกคน

“อือ มั่วไปหลายข้อเหมือนกัน ดีที่อ่านมาเยอะพอ น่าจะไม่ตกวะ” ถึงผมจะเมาทุกคืนเพื่อลืมบางสิ่ง แต่ทุกเช้าผมก็ตื่นมาออกกำลังกายหนักๆ และอ่านหนังสือเต็มที่เช่นเดิมเหมือนกัน

“ยิ้มหน่อยซิวะ หลังๆ มึงไม่ร่าเริงกวนประสาทแบบบิ๊กที่พวกกูรู้จักนะ” ไม่รู้แชมป์มาตอนไหน แต่ประโยคนี้แชมป์ทักผม ทำให้ผมยิ้มให้เพื่อนๆ

“ยิ้มกว้างๆ ซิวะ มึงยิ้มอ่อนแค่มุมปากอีกแล้ว จะทำเป็นหล่อเข้มไปถึงไหนวะมึง” กูก็ยิ้มให้พวกมึงแล้วไง

“กูก็ยิ้มให้แล้วไง ไปกินข้าวกันเถอะ กูหิวแล้ว ไปลองร้านใหม่แถว Siam 1 ปะ กูกลับบ้านเปลี่ยนชุดก่อน แล้วห้าโมงเย็นเจอกัน โอเคมะ” ทุกคนพยักหน้ากัน

“มึง...กูเข้าใจว่ามึงรู้สึกยังไง แต่เพื่อนๆ ทุกคนเป็นห่วง ไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบนี้นานๆ นะ” ตั้มกอดคอผมแน่นขึ้นก่อนจะพูดออกมา

“เค้ารักมึงมากนะ ถึงทำกับมึงแบบนี้ มึงอาจจะเสียใจ แต่เค้าก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าในแบบที่ดีที่สุดให้มึงแล้ว กูเชื่อนะเว้ย สักวันมึงก็ต้องได้สิ่งที่มึงรักกลับมาวะ” โจ...มึงเป็นเพื่อนที่ปากเสียที่สุด แต่เวลามึงพูดไรดึๆ มึงก็พูดดีในแบบเพื่อนที่กูรักคนนึงจริงๆ

“โจกับตั้มมันแย่งกูพูดหมดแล้ว แต่กูอยากบอกว่า แทนสบายดีนะเว้ย มุ่งกับเรียน บาสฯ กิจกรรมกรรมการนักเรียน จนไบรท์มันบอกว่าแทนมีแรงเหลือมาก ติดอย่างเดียว ยิ้มน้อยเหมือนมึงเป๊ะวะ” งั้นเหรอแชมป์...ผมยังเชื่อว่าแทนยังรักผมเหมือนเดิม ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเอง มันก็คงเป็นอย่างที่ผมคิดแหละ

“พวกมึงคิดว่า...แทนยังรักกูเปล่าวะ” ผมรู้ว่าเพื่อนจะตอบอะไร แต่ผมก็ยังอยากได้ยินอยู่ดี

“รักซิวะ” นี่คือคำตอบที่เพื่อนๆ พร้อมใจกันตอบทันที ผมฟังแล้วก็นิ่ง ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่ม้านั่งริมระเบียงตึกคนเดียว โดยที่เพื่อนๆ มายืนล้อมผม

“โจ...มึงบอกว่าสิ่งที่เค้าทำกับกู เพราะเค้ารักกูใช่ปะ” โจพยักหน้า

“กูไม่อยากให้เค้าทำแบบนี้วะ กูยินดีโดนกระทืบทุกวันหลังเลิกเรียน ถ้าแลกกับการที่เค้ายังอยู่ข้างๆ กู กูไม่เจ็บเลยสักนิด ตอนนี้กูอยู่ปกติดี แต่กูรู้สึกเหมือนตายไปแล้วอย่างบอกไม่ถูก มึงรู้ไหม ทุกคืนที่กูจะนอน แมร่งเจ็บข้างในจนกูเล่าไม่ถูกว่ามันทรมาณแค่ไหน พวกมึงรู้ไหม กูอยากได้พรวิเศษสักข้อ กูจะเอาทุกอย่างที่กูมี แล้วแลกทั้งหมดนั้นเป็นการได้อยู่กับแทนตลอดไป ทำไมวะ กูทำอะไรผิดจนทุกอย่างลงโทษกูแบบนี้วะ” นี่คือสิ่งที่ผมไม่ได้พูดกับเพื่อนนับตั้งแต่แทนบอกเลิกกับผม นั้นทำให้ผมร้องไห้อย่างไม่อายอะไรทั้งสิ้นออกมา

“มึงร้องให้เต็มที่นะ มึงอย่าฝืนยิ้มอีก มึงรู้สึกไง พวกกูก็เจ็บเหมือนกันนะเว้ย” ตั้มนั่งลงข้างๆ แล้วกอดคอผม ในขณะที่แชมป์นั่งอีกข้างแล้วกอดคอผม ส่วนโจก้มลงเอาหน้าผากแตะหนังศีรษะสกินเฮดผมไว้นิ่งๆ

“ถ้ามันยากนัก มึงรอได้ไหมละ สิบปี ยี่สิบปี รอพ่อแม่แทนไปให้หมดก่อน แล้วมึงสองคนค่อยรักกันต่อ” โจมันพูดแบบกำปั้นทุบดิน แต่ผมพยักหน้าว่ายินดีจะรอ

“พ่อกับแม่แทนก็คนเหมือนเรา วันนึงไม่นานหรอก เค้าต้องเข้าใจว่าลูกเค้าต้องการอะไร ถ้าพ่อแม่เค้าจะใจร้ายกับลูกเค้าแบบนี้ วันนั้นมึงก็ชิงตัวแทนมาอยู่ด้วยเลยวะ” พูดก็พูดได้นะตั้ม แต่กูรู้ว่าที่มึงพูดเพราะมึงอยากปลอบ

“แทนมันก็ไม่ยิ้มเหมือนที่มึงยิ้มแหละ แปลว่าใจเค้าก็มีแต่มึงแน่นอน มึงอยากเจอแทนไหมละ เดี๋ยวพวกเราหาวิธีให้ได้เจอกันก็ได้” กูขอบใจมึงนะแชมป์ แต่ไม่เป็นไรวะ

“พวกมึงทุกคน กูขอโทษที่ทำให้พวกมึงห่วง แต่กู...กู...ฮือๆๆๆๆๆ ขอบใจพวกมึงนะ กูแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ถ้าไม่มีพวกมึง กูยืนจะไม่ไหวแล้วรู้เปล่า ฮือๆๆๆๆ”

“กูจะไม่ทิ้งมึงแน่นอน” ตั้ม
“มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกู” โจ
“บิ๊กมึงต้องอยู่เพื่อแทนเหมือนกันนะ” แชมป์

เพื่อนๆ ผมทุกคนกอดผมกลม ผมสัมผัสได้ถึงมิตรภาพที่เพื่อนรักของผมให้ผมเสมอมา ไม่ว่าจะตั้งแต่เรายังเป็นเด็กชาย จนตอนนี้เราทุกคนกำลังจะก้าวข้ามวัยมัธยมกันในอีกไม่นานนี้ก็ตามที

ขอบใจพวกมึงที่อยู่ข้างกูเสมอมานะ เพื่อนรักของกู...

************

ตอนถัดไปจะเป็นเรื่องฝั่งแทนหลังจากเลิกกับบิ๊กบ้างครับ อีกไม่เกินสองบท คุณยายของแทนจะออกมาช่วยให้เรื่องนี้ดีขึ้นแน่นอนครับผม^^ บทที่ 67 จะรีบเขียนมาให้อ่านเร็วที่สุดนะครับT_T

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2015 02:48:31 โดย zipboy »

ออฟไลน์ pepperpro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

บทนี้สงสารแทนมากที่สุด แทนต้องลำบากใจมากๆแน่นอน กวารที่ต้องตัดรอนคนที่รัก

ชะเง้อคอรอคุณยายต่อไปครับ คุณยายออกโรงทุกอย่างจะต้องดีขึ้น

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
แวะมาบอกว่า บทที่ 67 สักวันสองวันนี้ เสร็จละครับ

ตกไปไกล หวังว่าใครที่ตามอ่าน ยังไม่ลืมกันนะครับ ^^""

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 67 ++
«ตอบ #951 เมื่อ24-11-2015 03:51:24 »

มาละครับ บทที่ 67 พอจะว่างเขียนแบบรวดเดียวให้จบบทได้ เลยจัดการให้เสร็จเลยครับ บทนี้เป็นชีวิตหลังบิ๊กกับแทนเลิกกันไปแล้ว เส้นทางที่ทั้งสองคนต้องเจอต่อไปจากนี้ จะทำให้ได้กลับมาเจอกันหรือไม่ อีก 2-3 บทต่อไปนี้ จะได้รู้กันละครับ

มาดูกันต่อเลยครับ^^

************

Chapter 67

ชีวิตปีสุดท้ายของมัธยมปลายมันเร็วจริงๆ ก่อนถึงจะถึงเทอมสุดท้ายของชีวิต ม.ปลาย ผมก็ต้องเตรียมส่งไม้ต่อให้รุ่นน้องที่จะได้รับเลือกเป็นกรรมการนักเรียนในปีการศึกษาหน้าแล้ว ไหนจะการแข่งบาสฯ ระดับประเทศในฐานะแชมป์เก่าอีก ปิดเทอมที่คิดว่าจะพักผ่อนสักหน่อย ก็เลยเต็มไปด้วยตารางที่ต้องไปไหนมาไหนตลอด สิ่งที่ต้องทำก็เยอะแยะไปหมด แต่ดีแล้วที่มันเยอะ ผมอยากให้มันยุ่งจนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ผมทำใจได้ การลืมบิ๊กให้ได้ คือเรื่องที่ผมพยายามทำตลอดช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาเสมอ แต่ยังไงผมก็ต้องก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้

“นั่งคิดไรอยู่อะแทน” เสียงใสๆ ที่ทักผมให้สะดุ้งจากห้วงความคิดที่ลอยออกไปจนไม่รู้ตัว แถมมือยังจับหูแก้วช็อกโกเล็ตร้อนที่ตอนนี้เหลืออยู่ต่ำกว่าครึ่งแก้ว แล้วมันก็เริ่มเย็นแล้ว

“เปล่าครับ ฝ้ายทำการบ้านเสร็จยังครับ มีตรงไหนไม่เข้าใจเปล่า” ฝ้ายยิ้มส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเริ่มเก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนลงถุง ผมเหลือบดู G-Shock เรือนเดียวที่ผมใส่ที่ข้อมือซ้าย ห้าโมงเย็นแล้ว...

ตามสัญญากับแม่ครับ ผมต้องคบกับผู้หญิงที่แม่แนะนำให้รู้จัก ฝ้ายเป็นลูกสาวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งแน่นอนว่าท่านเป็นหนึ่งในเสียงใหญ่ของพรรคผม บ้านนี้ลูกสาวล้วนสามใบเถา ฝ้ายเป็นลูกคนเล็กสุด อายุเท่าผม เรียนชั้นเดียวกับผม เรียนอยู่โรงเรียนเอกชนชั้นนำ สุภาพ ยิ้มหวาน สดใส น่ารัก เรียกว่าผ่านตามที่แม่ผมอยากให้ผมได้คู่แบบนี้ทุกประการ

“เมื่อวานฝ้ายเลือกแล้วนะว่าจะทานอะไร วันนี้ถึงคิวแทนบ้างแล้วนะ” ผมนึกสักครู่ในขณะที่เดินออกจากร้านกาแฟใน J Avenue ทองหล่อ

“เราไม่เก่งแถวนี้ว่าจะทานไรดี เดินดูสักครู่ไหม ถ้านึกไม่ออก เดี๋ยวไป Emporium ก็ได้นะ” ฝ้ายพยักหน้าให้ ก่อนที่จะผมจะยื่นมือซ้ายเพื่อจับมือฝ้ายเดินดูร้านกัน

ครั้งแรกที่ผมเจอฝ้ายที่บ้านท่านรัฐมนตรี ผมเราทั้งคู่ต่างรู้สึกเขินๆ เหมือนเพื่อนใหม่ที่ไม่เคยเจอหน้ากัน นั้นเป็นเรื่องแรกที่ผมรู้สึกโชคดี ผมกลัวมากว่า ผมจะรู้สึกไม่เป็นมิตร หรืออีกฝ่ายจะรู้สึกไม่เป็นมิตรกับผม พอได้แยกไปคุยกันส่วนตัวสองต่อสองที่สวนในบ้าน ผมแทบจะไม่ได้ชวนคุยอะไรมาก กลายเป็นฝ้ายเป็นคนเปิดประเด็นชวนผมคุยซะมากกว่า

“เราว่า เดี๋ยวไปหาแถว Emporium ทานดีกว่า แอบนึกไม่ออกจริงๆ” ผมหยุดลงหลังจากเดินไปสองรอบเต็มๆ แต่ก็เลือกไม่ถูกจะพาฝ้ายไปทานอะไรดี

“ฝ้ายนึกออกละ ทานอะไรดี” นั้นซิ อะไรดี และหลักจากนั้นสักครู่ ผมกับฝ้ายก็ไปจบที่ McDonald แบบมีสาเหตุมาจากว่า

“ถ้าไม่ได้มากับเพื่อนนะ พ่อกับแม่ไม่เคยปล่อยให้ทานของแบบนี้แน่ๆ” ฝ้ายที่กำลังหยิบเฟรนฟราย์เข้าปากทีละชิ้นช้าๆ ด้วยรอยยิ้มเหมือนเด็กที่ได้ทานของอร่อยเล่าให้ผมฟัง ในขณะที่ผมกำลังกัด Big Mc อยู่เช่นกัน

“นั้นซิ เราพึ่งรู้จักแค่เดือนเดียวเอง แถมทุกรอบนะ กินข้าวเย็นที่บ้านฝ้ายไม่ก็บ้านเราตลอด หรือถึงได้กินข้างนอก ก็ร้านดีหน่อย” สำหรับผมแล้ว ฝ้ายดูเป็นคุณหนูที่ติดดินในหลายๆ เรื่อง ทั้งที่คุณพ่อกับคุณแม่ของฝ้ายให้อะไรดีๆ เยอะมาก นี่ละมั่ง ทำให้ผมคุยด้วยสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

“ทีหลังเราไปหาข้าวข้างทางกันดีกว่า ของอร่อยมักอยู่ข้างทาง ใช่มะๆๆ” ผมพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่เห็นด้วย เพราะผมเองก็ไม่อยากกินหรูอะไรนัก ของข้างทางนี่แหละ อร่อยจริง

“ถามไรอย่างซิฝ้าย” ไหนๆ นี่ก็เป็นการกินข้าวที่เรียกว่าสบายๆ ที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมาแล้ว ฝ้ายพยักหน้ารอคำถามผมอยยู่

“รู้ใช่ปะว่าพ่อแม่เรากับพ่อแม่ฝ้าย ให้เราคบกันแบบไหน” ฝ้ายพยักหน้าแบบเข้าใจ

“รู้ซิ ตอนแรกเราก็ไม่ยอมนะ แต่เราก็เข้าใจว่า พ่อกับแม่เรามีหน้ามีตา ถ้าสิ่งที่พ่อกับแม่เราให้มา ไม่ลำบากเกินไปกับเรา เราก็จะลองดูนั้นแหละ แล้วแทนละ ลำบากใจกับเราไหม” ผมส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่เลยนะ ตอนแรกเราก็กลัวนะ กลัวว่าเราจะไม่เข้ากับฝ้าย แล้วทำให้พ่อกับแม่เราทั้งคู่มีปัญหากัน แต่รู้ไหม ฝ้ายเป็นมิตรมากเลยแหละ เรารู้สึกโล่งใจมากๆ เลยแหละ” ฝ้ายยิ้มอย่างสดใสในคำตอบที่ผมพูด

“แล้ว...ฝ้ายถามมั่งซิ” ผมพยักหน้ารอคำถามของฝ้ายบ้าง

“แทนเคยมีแฟนไหม” ผมรู้สึกเหมือนโดนเข็มเล่มเล็กๆ ตำลงกลางใจ ก่อนจะยิ้มแล้วตอบไปว่า

“เคยซิ แล้วฝ้ายละ” ฝ้ายดูจะสนใจที่จะถามต่อในคำตอบที่ผมบอกไป

“เรามีคนที่ชอบ แต่เราไม่เคยบอกเค้าเลยแหละ เราเองก็ไม่แน่ใจว่าเค้าชอบไหม แต่ให้เราถาม ก็ไม่กล้าอะ ผู้หญิงถามผู้ชายว่าชอบไหม มันดูแปลกๆ แต่ใจก็อยากถามไปตรงๆ ซะที แต่ยังไม่ทันถาม เราก็อยู่กับแทนแล้วเนี่ยแหละ แล้ว ทำไมแทนต้องมาคบกับเราละ แต่ถ้าแทนไม่อยากตอบ เราขอโทษที่ล้ำเส้นนะ” ฝ้ายพยายามถามช้าๆ แต่ผมเองก็ไม่มีปัญหาที่จะตอบ

“พ่อแม่เราไม่โอเคกับแฟนเรา เราเลยต้องเลิกอะ แต่ไม่เป็นไรหรอก เวลาผ่านไป เดี๋ยวอะไรดีๆ ก็เข้ามาหาเค้าเองแหละ เราทำใจได้แล้ว” ผมยิ้มให้กับคำตอบที่บอกฝ้ายไป

“ถ้าเราอยากเริ่มอะไรใหม่กับฝ้าย ฝ้ายจะโอเคไหมครับ เราอาจไม่ใช่ผู้ชายที่แข็งแรงเหมือนผู้นำ แต่เราก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเหมือนกันนะ” ฝ้ายหยิบเฟรนฟราย์ส่งมาที่ปากผม ก่อนที่ผมจะกัดไปครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่ง ฝ้ายทานต่อเรียบร้อย

“อือ เราเองก็จะลองดูเหมือกันนะ แต่ถ้าอนาคตไม่ใช่กัน ขอให้เราไม่เกลียดกันได้ไหม” ผมพยักหน้าให้ก่อนที่จะหยิบเฟรนฟราย์ส่งให้ฝ้ายทานบ้าง ก่อนจะส่งนิ้วก้อยให้ฝ้ายเกี่ยวกัน

บางที ผมอาจเป็นผู้ชายเหมือนที่ผู้ชายแท้ๆ เค้าเป็นก็ได้นะ หวังว่าผมจะไม่หลอกตัวเองอยู่

……………….

หลังจากนั่งทานกันได้สักพัก ซอสมะเขือเทศที่กดมาทานด้วยก็หมดลงก่อนอาหารที่สั่งมา ผมลุกไปกดซอส ก่อนแต่ระหว่างที่ผมกำลังเดินกลับไปที่โต๊ะที่ผมนั่งทาน สายตาของผมได้พบกับคนที่ผมลืมนึกถึงไปนาน และสายตาของคนที่ผมลืมนึกถึง ก็กำลังมองผมด้วยสายตาเดียวกันกับผมเช่นกัน

“แทน” อีกฝ่ายทักผมก่อน

“อือ สวัสดีบิ๊ก” ผมทักทายบิ๊กที่มาในชุดนักเรียน มือทั้งสองที่สวมถุงมือขับมอไซค์ หมวกกันน็อคสีดำที่มือซ้าย แว่นตา Oakley พลาสติกรอบดำทรงเหลี่ยม นาฬิกา Apple Watch สาย Sport สีขาว และสะพายเป้ใบเดิมที่ผมคุ้นตา

“เปิดเทอมแล้วเหรอ” ผมเปิดเทอมในวันจันทร์ แต่วันนี้วันพฤหัสฯ

“อือ วันนี้วันแรก” บิ๊กตอบแบบสั้นๆ

ไม่มีบทสนทนาอะไรต่อจากนี้ เราต่างมองตากันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร ผมรู้สึกได้ว่าบิ๊กตัวหนาขึ้น แต่ใบหน้าตอบขึ้น กล้ามเนื้อแขนกับขาเป็นมัดๆ ชัดจนรู้ได้เลยว่าในตัวบิ๊กตอนนี้แทบไม่มีไขมันในกล้ามเนื้อ ในขณะที่ดวงตาทั้งสองของบิ๊กดูไร้ความอ่อนโยนเหมือนตอนที่ผมเจอบิ๊กใหม่ๆ ผมมองทั้งหมดนี้ในห้าวินาทีของความเงียบนี้ ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ

“เมื่อกี้เพื่อนแทนเหรอ” ฝ้ายคงเห็นผมทักทายกับบิ๊ก

“อือ คงมาหาข้าวกินก่อนกลับบ้านอะ” ผมพยายามกลบเกลือนความรู้สึกที่เกิดขึ้นกระทันหันให้ปกติที่สุด ผมกินของที่เหลือต่อไปไม่พูดอะไร แล้วสักครู่ต่อมา

“แทน เพื่อนแทนเหมือนหาที่นั่งไม่ได้นะ ชวนเค้ามานั่งกับเราก็ได้นะ” ผมไม่อยากชวนบิ๊กมานั่งด้วยเลย แต่ถ้าผมปฎิเสธฝ้าย มันคงจะแปลกๆ ผมลุกขึ้นเดินไปหาบิ๊ก แล้วหยุดตรงหน้า

“นั่งกับเราไหม” บิ๊กส่ายหน้า ผมเอื้อมมือไปถือถาดอาหารที่บิ๊กถือด้วยมือขวาอยู่

“เราทานแป็ปเดียวแล้วไปนะ” ผมพยักหน้าตอบรับก่อนจะถือถาดของบิ๊กแล้วเดินไปที่โต๊ะของฝ้าย

บิ๊กนั่งที่ของผม ส่วนผมขยับมานั่งฝั่งเดียวกับฝ้าย บิ๊กก้มหัวทักทายฝ้ายเล็กน้อย ก่อนจะวางหมวกกันน็อคไว้ที่ว่างของโต๊ะที่เหลือ

“คนเต็มร้านเลย เห็นแทนเจอเพื่อน เราเลยชวนมานั่งทานด้วยกันนะ เราฝ้ายนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ฝ้ายเริ่มแนะนำตัวในแบบคนที่เข้ากับคนง่ายคนนึง

“บิ๊กครับ สวัสดีครับ” บิ๊กปลดเป้วางไว้ข้างๆ เป้ผม แล้วถอดถุงมือขับมอไซค์วางไว้ข้างๆ ตัว ก่อนจะเริ่มลงมือทานทันที

“เรารบกวนเวลาของฝ้ายกับแทนแค่แป็ปเดียวนะ ทานเสร็จไปเลยครับ” บิ๊กพูดจบเริ่มหยิบเบอร์เกอร์เข้าปากทันที จนดูแล้วเหมือนคนรีบทานไปเล็กน้อย

“ค่อยๆ ก็ได้นะ บิ๊กไม่ได้รบกวนจริงๆ เป็นเพื่อนแทนก็เหมือนเพื่อนเรานะ” ฝ้ายคงเห็นบิ๊กทานเร็วไปหน่อย

“ไม่อยากขัดเวลาของทั้งคู่อะครับ” บิ๊กพักดื่มน้ำก่อนจะหยิบเบอร์เกอร์อีกชิ้นมาทานต่อ

“ค่อยๆ ทานก็ได้นะ เดี๋ยวติดคอกันพอดี” ผมเองก็ไม่อยากให้บิ๊กรีบทานขนาดนี้ บิ๊กไม่ตอบอะไร สักครู่ต่อมา บิ๊กทานช้าลงด้วยเหตุผลที่คาดไม่ถึงคือ

“ไปไหนไม่ได้สักพักเลยแหละ ฝนตกหนักขนาดนี้” ผมเอยขึ้นหลังจากเสียงฝนเริ่มตกลงมา บิ๊กมองออกไปนอกร้านเห็นสภาพฝนที่ตกแล้ว ก่อนจะพยักหน้าด้วยความจำยอมแล้วนั่งทานต่อไป ถ้าบิ๊กจะควบน้องถ่านในสภาพนี้ ผมก็คงไม่ยอมแน่นอน

“บิ๊กขับมอไซค์คันใหญ่ๆ ปะ เห็นหมวกแล้วเหมือนที่พวกขับคันใหญ่ๆ เค้าใช้กัน” บิ๊กพยักหน้าให้กับคำถามของฝ้าย

“อือ ลองไหม ไว้วันไหนไปสายติดต่อผ่านแทนได้นะ เดี๋ยวขับไปส่งให้” ฝ้ายรีบส่ายหน้ายิ้มๆ ในขณะที่บิ๊กก็ยิ้มอ่อนเช่นกัน
 
“เป็นแฟนกับแทนเหรอ” บิ๊กถามขึ้นมา ทำให้ผมกับฝ้ายหันไปมองหน้ากันแบบไม่แน่ใจนัก

“ก็ พ่อกับแม่แทน ละก็ พ่อกับแม่เรา เค้าอยากให้รู้จักกันไว้อะ อืม” ฝ้ายตอบคำถามนี้แบบชัดเจนที่สุด สายตาของบิ๊กที่นิ่งเฉยกับคำตอบที่ฝ้ายบอกมา ทำให้ผมไม่รู้ว่าบิ๊กรู้สึกยังไงในตอนนี้

“แทนเป็นคนดีนะ ฝ้ายโชคดีแล้วที่ได้รู้จักกับแทน ทั้งเรียนเก่ง บาสฯ ก็เก่ง ทำอาหารก็เก่ง เป็นคนใจเย็น จิตใจดีมากนะ” ผมฟังแล้วไม่ได้รู้สึกดีสักนิด น้ำเสียงของบิ๊กดูปกติ แต่สายตาที่มองผมตอนพูดถึงผม ผมสัมผัสได้ว่ามันไม่ปกติเอาซะเลย

“พึ่งรู้ว่าแทนทำอาหารเป็นด้วยเนี่ย ทำให้ทานมั่งซิ” แน่ละ ตั้งแต่รู้จักกับฝ้าย ยังไม่เคยมีมื้อไหนที่ผมลงมือทำเอง

“ฝ้ายต้องคอยดูแลให้แทนกินข้าว พักผ่อนบ้างนะ บางทีแทนจะลืมไปว่าต้องกินข้าวหรือพักผ่อนนั้นแหละ” ผมเจ็บข้างในอย่างบอกไม่ถูก บิ๊กยิ้มอ่อนๆ ให้ผมกับฝ้าย

“ละก็ แทนไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยว ไว้ใจได้เลยนะ อีกอย่าง ถ้าแทนรักใคร จะดูแลคนที่รักดีมากเลยแหละ ฝ้ายดีใจมะ เพื่อนแทนยืนยันให้แบบนี้แล้ว” รอยยิ้มของฝ้ายกับยิ้มอ่อนของบิ๊ก ทำให้ผมแทบอยากร้องไห้

“ฝ้าย เราไปเข้าห้องน้ำแป็ปนะ” ผมขอตัวสักครู่

ทันทีที่ผมเดินออกจากร้านเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ผมปล่อยอารมณ์ที่อยู่ข้างในออกมาผ่านน้ำตาทันที นี่ละมั่ง คำตอบของความรู้สึกจริงๆ ในใจของผม

อ่างล้างหน้าของห้องน้ำตอนนี้ ผมพยายามล้างหน้าให้ตัวเองหยุดร้องไห้ แต่ไม่ว่าจะทำยังไง ผมก็หยุดความรู้สึกเจ็บที่เป็นอยู่ไม่ได้ซะที ผมต้องกลับไปโต๊ะได้แล้วซินะ เดี๋ยวฝ้ายจะรอนานแล้วผิดสังเกตได้

“บิ๊ก” ผมตกใจเล็กน้อยที่บิ๊กยืนขวางหน้าประตูห้องน้ำตอนผมเดินออกมา บิ๊กคว้าข้อมือผม แล้วลากผมไปจากตรงนั้น ผมสู้แรงบิ๊กไม่ได้ แล้วบิ๊กก็พาผมมามุมลับตา ก่อนจะผลักผมเข้ากำแพง สายตาของบิ๊กน่ากลัวมาก ไม่ต่างอะไรกับพร้อมจะฆ่าผมเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นคือ

“เราดีใจด้วยนะ ที่แทนได้เริ่มชีวิตใหม่ตามที่ตั้งใจ” บิ๊กพูดขึ้นหลังจากพุ่งเข้ากอดผมแน่นๆ
 
“แต่รู้ไหม เราเดินออกจากจุดที่แทนทิ้งเราไว้ไม่ได้เลย ทุกอย่างมันไม่ไปไหนเลย พอเราเห็นแทนมากับฝ้าย เรายิ่งเหมือนจมอยู่จุดที่แทนทิ้งเราไว้ยิ่งกว่าเดิมอีก” ผมรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่บิ๊กร้องไห้ออกมา ก่อนที่บิ๊กจะถอยออกมา แล้วเช็ดน้ำตาให้ตัวเอง สูดลมหายใจลึกๆ แล้วยิ้มให้ผม

“สักวัน เราจะเดินออกจากจุดที่เป็นอยู่ให้ได้นะ ชีวิตนี้ เราได้รักแทนสักครั้ง มันก็คุ้มค่าพอแล้ว ที่เหลือ เราจะพยายามทำใจให้ได้เองนะ ก่อนจะไป ขออะไรอย่างซิ” ผมพยักหน้ารับคำขอของบิ๊ก

บิ๊กเดินเข้ามาหาผมช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ เอียงหน้าเข้ามาหาผมใกล้ๆ เราทั้งสองหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้ริมฝีปากของบิ๊กสัมผัสลงกับริมฝีปากผม ลิ้นที่คุ้นเคยของบิ๊กสัมผัสกับลิ้นของผม สัมผัสที่ได้รับของจูบนี้ ไม่ต่างอะไรจากการจากลาถาวรผ่านการสัมผัสช้าๆ ที่บิ๊กส่งให้ผม แล้วบิ๊กก็ถอนริมฝีปากออก

“ดูแลตัวเองมากๆ นะ เราจะรักแทนในใจเราตลอดไป สัญญา” ผมพยักหน้าให้ด้วยยิ้มที่ฝืนอย่างยิ่ง

บิ๊กถอยออกก่อนจะวิ่งหายไป เมื่อผมกลับไปที่ร้าน ฝ้ายก็บอกว่าบิ๊กไปแล้ว และบอกว่าที่ผมไปเช้าห้องน้ำนาน เพราะท้องไส้ไม่ค่อยดี ผมโทรเรียกรถให้มารับกลับบ้าน โดยที่ขอไม่ไปส่งฝ้าย เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายนัก

ตลอดทางที่ผมนั่งมองวิวจากหน้าต่างรถ ฝนที่ยังคงตกอยู่พร่ำๆ เมื่อผสมกับน้ำตาที่ยังปริ่มอยู่ในตาแล้ว มันทำให้ผมรู้คำตอบของตัวเองว่า

ผมไม่เคยเลิกรักและคิดถึงบิ๊กได้เลย...

……………….

“ฮือ ฮือ ฮือ เสียวจังเลยครับ ฮือๆๆ”

ตรงหน้าผมตอนนี้เป็นน้อง ม.4​ โรงเรียนกางเกงน้ำเงิน จัดว่าหล่อน่ารักมาก ผิวขาวเนียนตอนนี้ถูกผมดูดประทับรอยจนแดงเป็นจุดๆ ไม่ว่าจะซอกคอหรือหน้าอก แล้วผมก็จัดการล้ำความเป็นชายของน้องแบบเต็มแรง การกระแทกแบบจัดเต็มของผมตลอดสิบกว่านาที ทำให้น้องกระตุกของเหลวที่เป็นสัญญาณว่าถึงจุดมีความสุขอย่างเรียบร้อย ในขณะที่ผมเองก็ถอนสมอออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปล่อยของเหลวใส่ใบหน้าและปาดให้น้องรับประทานต่อเป็นอันเสร็จภารกิจ

“พี่บิ๊กชอบไหมครับ” ผมลูบหัวอย่างเอ็นดูให้กับน้องตัวเล็กคนนี้ขณะที่ผมกำลังอาบน้ำให้

“ชอบมากเลยแหละ แน่นสุดๆ เราละ เจ็บไหม” น้องตัวเล็กส่ายหน้าเหมือนเด็กน้อยร่าเริงคนนึง

หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ ผมแต่งตัวชุดนักเรียน ใส่นาฬิกา เก็บ iPhone ตามด้วยใส่ถุงมือขับมอไซค์ สะพายเป้แล้วหยิบหมวกกันน็อค พอใส่นันยางเสร็จ

“พี่บิ๊กต้องมาหาบ่อยๆ นะครับ” ตัวเล็กที่ผมพึ่งระบายอารมณ์ดิบของผมพุ่งมากอดผม

“พี่มาหาเราเพราะพี่อยากนะ เราลืมพี่ไปเถอะ” ความรู้สึกหลังการระบายอารมณ์ ทำให้ผมรู้สึกบางอย่างแล้วบอกกับน้องไปตรงๆ
 
“ผมยินดีรอนะครับ ถ้าพี่เห็นผมเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ ผมก็เต็มใจนะครับ” ผมหันตัวไปจูบหน้าผากของตัวเล็กอีกที แล้วบอกว่า

“พี่จะมาหาเรื่อยๆ นะครับ” น้องตัวเล็กยิ้มอย่างสดใส พยักหน้าให้ผม ก่อนที่ผมจะเปิดประตูออกจากห้องน้องเค้าไป

ความเร็วบนหน้าปัดตอนนี้อยู่ที่ 60 KM/h ถนนที่ยังลื่นๆ ผสมแห้งแบบนี้ ทำให้ผมต้องขับระวังพอสมควร แต่เวลา 4 ทุ่มกว่าๆ รถก็ไม่เยอะเท่าไหร่นัก และดีแล้วที่ไม่มีด่านตลอดทางที่ผมกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านแล้ว กระเป๋าเป้ถูกเหวี่ยงลงข้างๆ โต๊ะทำงาน สิ่งแรกที่ผมทำหลังจากถอดเสื้อนักเรียนออกคือการหยิบถังน้ำแข็ง แก้ว และเหล้ามาตั้งไว้ที่โต๊ะ

นับตั้งแต่ผมไม่มีแทน มันดูขัดแย้งกันดีที่ทุกคืนผมต้องดื่มเพื่อนอนให้หลับ แต่มันไม่หลับเท่าไหร่หรอก ตื่นเช้ามา ผมออกกำลังกายหนัก ฟิตร่างกายให้เป็นเครื่องจักรสังหาร เพราะหัวค่ำ ผมจะขึ้นชกมวยใต้ดินที่ผมคุ้นเคย และทุกสังเวียนที่ผมขึ้น ถ้าอีกฝ่ายไม่สลบผมก็ต้องการให้อีกฝ่ายสาหัสให้ได้ ก่อนจะกลับบ้าน ผมจะหาใครสักคนที่ทำให้ผมมีความสุขทางกาม ไม่ว่าจะผู้ชาย ผู้หญิง ผมทำได้หมดจริงๆ

“ครับ” ผมรับสายจากเบอร์ที่ไม่คุ้นนัก

“ตอนนี้เหรอ ได้ซิ แต่ขอนอนค้างไปเลยได้ไหมครับ” หลังจากฟังคำตอบของปลายสายเสร็จแล้ว ผมลุกขึ้นไปจัดกระเป๋าสำหรับตารางเรียนพรุ่งนี้ แล้วพับชุดพละกับถุงเท้า ใส่ลงไปในเป้ ก่อนจะใส่เสื้อยืดคอกลมแทนที่เสื้อนักเรียน ผมเก็บถังน้ำแข็งกับเหล้า แล้วดื่มแก้วที่เทไว้แบบทีเดียวหมดแก้ว หนึ่งชั่วโมงต่อมา ผมขับน้องถ่านมาแถวๆ อ่อนนุช เป้าหมายคือชั้น 14 ของคอนโดหรูที่ผมจอดรถไว้ตอนนี้ 

“มาช้าจัง รอตั้งนาน” ผมยักคิ้วหลิ่วตาอย่างทะเล้น

“หวังว่าพี่จะไม่คันมากนะครับ ผมจะได้เกาไม่แรงนัก” พี่ปีสองที่ผมมานอนค้างด้วย เป็นเดือนคณะบัญชี ม.รัฐ ชื่อดัง ผมเดินไปขอเบอร์ด้วยตัวเองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และรอบแรกของผมกับพี่ ทำเอาพี่ถึงกับร้องไม่หยุดกันเลยทีเดียว สิ่งแรกที่ผมทำเมื่อเข้าถึงห้องคือการจู่โจมทันทีเมื่อปิดประตู พอหอมปากหอมคอให้ได้อารมณ์ ก่อนพาเข้าไปอาบน้ำด้วยกัน แล้วเมื่อทุกอย่างสะอาดพร้อมแล้ว สิ่งที่ตามมาก็

“เอาอีก แรงๆ โอ้ย หือๆๆ โอ้ยๆๆ” หลังจากผมไล่กล่อมให้เคลิ้มไปทั่วร่างกายพี่เค้าแล้ว ใส่เสื้อผ้าเสร็จ ผมซอยเอวไม่ยั้งทันทีที่เริ่มเชื่อมต่อ เสียงอันโหยหวนอย่างพอใจ ย่ิงทำให้ผมหยุดไม่ได้ที่จะซอยไม่ยั้ง

“ร้องทำไมครับ ขอมาก็จัดให้ครับ” ยิ่งพี่เค้าร้อง ผมยิ่งไม่หยุด

“จะออกๆ แล้วๆๆๆ” ดีมากครับพี่ ผมก็ไม่ไหวแล้วๆๆๆ และไม่ถึงนาทีถัดมา รอบสองของผมวันนี้ก็จบลงเรียบร้อย

ตีสองกว่าแล้ว หลังจากผมกับพี่เค้าทำความสะอาดร่างกายกัน ผมกำลังนอนอยู่โดยมีพี่เค้ากอดผมเหมือนหมอนข้าง ผมได้แต่ลืมตามองเพดานห้องนอนที่สลัวด้วยแสงไฟบางๆ ที่เปิดอยู่หัวเตียง มีแค่เสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ผมพอจะได้ยิน

ผมนอนไม่หลับหรอก เอาจริงๆ ทุกคืนที่ผมได้ทำอะไรแบบนี้ มันสบายตัว มันระบายความกระหายบางอย่างในใจออกไป แต่ที่เหมือนกันทุกครั้งคือ มันมีแต่ความเหงา โคตรเหงา ความรู้สึกเสียววินาทีแรกที่ผมปล่อยความเป็นชายออกมาใส่คนที่ผมนอนด้วย ผมรู้สึกเหมือนได้สติว่า คนที่ผมกำลังทำด้วย “ไม่ใช่แทน” “ไม่ใช่คนที่ผมอยากทำ” พอผมได้สติอีกระดับ มันเศร้าจนผมอยากร้องไห้ดังๆ หรือไม่แล้ว ผมอยากหลับลงไป แล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกตลอดไป

แต่ยิ่งผมคิดถึง เหงา ผมยิ่งอยากทำให้ความรู้สึกพวกนี้หายไปโดยไวที่สุดด้วยการทำสิ่งเดิมเหมือนทุกคืนต่อไป มันวนเวียนเหมือนยาเสพติด ได้ยาก็เคลิ้มไป หมดฤิทธิ์ก็คลั่งเหมือนคนบ้า ความคิดทั้งหมดนี้ มันวนเวียนจนผมเหนื่อย หลับตา แล้วหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้

“มะรืนนี้ว่างไหมบิ๊ก พี่อยากให้บิ๊กมาอีกอะ” ผมกำลังสวมเสื้อพละคอกลมที่เตรียมมา ก่อนจะใส่ถุงมือขับมอไซค์ต่อที่หน้ากระจกแต่งตัวในห้อง

“เดี๋ยวผมโทรบอกนะครับ” แต่งตัวเสร็จละ ผมตอบขณะที่หันไปหยิบเป้กับหมวกกันน็อค ก่อนจะเดินไปที่หน้าห้อง แล้วใส่ถุงเท้ากับรองเท้าออกไปจากห้องโดยไม่บอกลาอะไรพี่เค้า

การจราจรยามเช้าที่ติดขัด ผมได้แต่พาน้องถ่านเลาะไปตามช่องระหว่างรถเรื่อยๆ ช้าๆ ช่วงไหนที่เป็นถนนโล่งๆ พอบิดได้ ก็กระชากหนีฝูงมอไซค์ที่วิ่งอยู่ออกไปนำหน้า พอผมมาถึงไฟแดงสุดท้ายก่อนจะถึงโรงเรียน ผมเหลือบไปมองกระจกมองข้างแล้วเปิดกระจกหน้าหมวกกันน็อคขึ้น

ผมเห็นแววตาที่แข็งกระด้าง ไม่หลงเหลือความดีอะไรในใจอีกต่อไป ผมตบกระจกหมวกกันน็อคลง มองไปที่ไฟแดงที่นับ 3 วินาทีสุดท้าย พอไฟเขียว ผมอยู่คันหน้าสุด เลยบิดออกเต็มแรงจนล้อแทบยก

การเป็นคนไม่มีความสุข ไร้หัวใจ คงเหมาะกับผมมากกว่าจริงๆ

**********

ต้องขออภัยที่เขียนช้าไปเยอะนะครับ ยอมรับว่าวางเรื่องไว้ยาวพอสมควร (ไว้จบแล้วจะเล่าที่มาให้ฟังถึงเรื่องนี้ทั้งหมดนะครับ) แต่รับรองได้อย่างว่า "ไม่หาย" "ไม่ทิ้ง" แน่นอนครับ แต่แค่จะจบก่อนวาเลนไทน์ปีหน้าหรือไม่ เริ่มไม่แน่ใจตัวเองละครับ

บทที่ 68 จะรีบทำมาให้อ่านเร็วที่สุดนะครับ รักคนอ่าน+ขอบคุณสำหรับการติดตามเสมอมาครับผม

ขอบคุณครับ^^

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :z3:


ปัก

แอบอยากเอาหัวบิ๊กโขกกับโต๊ะจัง นอกกายแทนอีกแล้ว

****

เรื่องพ่อแม่จริงๆแล้วไม่อยากพูดเลย คนข้างบ้านก็แนวนี้ = ='

รู้สึกสงสารลูกของเขามาก เกิดมามีพ่อแม่ที่.......หัวทึ่มขนาดนี้ ไม่รู้เป็นหัวหน้าสมาคมมนุษยฺ์ยุคหินหรืออย่างไร

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2015 14:22:15 โดย BlueCherries »

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
เอาใจช่วยทั้งแทนและบิ๊ก

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ไม่รู้จะเมนท์อะไรกับ 2 - 3 ตอนก่อนหน้านี้ เพราะคงได้แค่ด่าพ่อแม่แทนไปตลอด
คือมันหนักกว่าเคสที่พ่อแม่รับไม่ได้นะ    นี่คือการบีบชนิดที่ว่าไม่เลิกไม่ได้   ถ้าหากว่าแทนเลวมากกว่านี้นิดก็ได้เป็นลูกที่ดีตามที่พ่อแม่แทนต้องการแน่นอน     แต่เพราะว่าแทนดีเกินไปก็เลยต้องทรมาณแบบนี้

ความรู้สึกของบิ๊กหลังจากไปนอนกับคนอื่นมานี่เราเคยได้ยินคนอื่นพุดให้ฟังนะ    คนที่มีคนที่รักมากๆอยู่แล้วแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้และหวังที่จะปลดปล่อยหาความอบอุ่นทางกายมาทดแทน แต่กลับกลายเป็นว่าเหงากว่าเดิมเป็นพันๆเท่า     ยิ่งน่าเวทนามากกว่าเดิมอีก    มองยังไงเราก็มองไม่เห็นหนทางที่สองคนนี้จะมาอยู่ด้วยกันเลยนะ    มันดาร์กเกินไป    ต่อให้เป็นตาร์เราก็ว่าพ่อแม่ไม่โอเคหรอก   เพราะไม่ต้องการสิ่งที่ต่างจากธรรมดาของสังคม   พ่อแม่ของแทนต้องการสิ่งที่เป็นเครื่องเชิดหน้าชูตาในสังคมมากๆ   

ออฟไลน์ Redz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หายไปหลายเดือน ยังไม่จบอีก5555

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
หายไปหลายเดือน ยังไม่จบอีก5555

วางไว้ 80 โดยประมาณครับ ^^""

ออฟไลน์ Redz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ยาวๆครับรออ่านอยู่นะ  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
:ling1:

กำลังรีบเขียนอยู่นะครับ งานส่วนชีวิตจริงกับเรื่องที่ต้องจัดการช่วงนี้ ทำให้เขียนไม่ค่อยได้เลยครับT_T

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด