++เพื่อน(เรียน)พิเศษ (END) : Special Chapter "30" (Part 2 // หน้า 36)++
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ (END) : Special Chapter "30" (Part 2 // หน้า 36)++  (อ่าน 325966 ครั้ง)

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 68 เจอกันบ่ายสองนี้นะครับ ส่วน 69 น่าจะได้อ่านวันเสาร์นี้ครับผม

เขียนช้าไปหน่อย แต่ไม่หนีหายแน่นอนครับ เหลืออีก 7-10 บทสุดท้าย และบทพิเศษอีกบท(หรือสองบท) ก็ปิดเรื่องตามที่วางไว้ละครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม^^

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 68 ++
«ตอบ #961 เมื่อ21-12-2015 05:41:46 »

ลงก่อนเวลา เพราะเขียนเสร็จพอดี หายไปเกือบเดือน บทนี้แทบไม่ได้เขียนเนื่องจากยังยุ่งติดพันจากชีวิตปกตินั้นละครับ แต่หลัง 26 นี้ จะพยายามปั่นไว้ให้เยอะที่สุด หรือเขียนให้จบไปเลยก่อนสิ้นเดือนมกราคมปีหน้าได้ก็ดีครับ

บทนี้จะเป็นบทรองสุดท้ายก่อนที่ตัวละครสำคัญจะมาคลี่คลายความอึดอัดทั้งหมดระหว่างบิ๊กกับแทนให้ดีขึ้น โดยบทที่ 69 จะเป็นจุดสำคัญของโอกาสของคู่นี้ที่จะกลับมาร่วมทางกันต่ออีกครั้งครับ

มาดูกันต่อเลยครับ^^

**********

Chapter 68

หมดไปอีกปี...เวลานี่มันเร็วจริงๆ ปีนี้พิเศษหน่อยก็ตรงที่ ผมกับวงกุมารทอง ต้องเล่นดนตรีตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม ยาวไปถึงวันสิ้นปี ต้องขอบคุณเฮียจิ๋วที่หางานให้ผม รวมถึงเพื่อนๆ ในวง ที่ยอมเสียสละการไปเที่ยวกับครอบครัวเพื่อมารวมวงแล้วเล่นด้วยกัน อย่างน้อยแล้ว วันหยุดของโรงเรียนตั้งแต่ 25 ธันวาคมยาวถึงปีใหม่ ผมจะได้ไม่ต้องนั่งกินเหล้าคนเดียวทุกคืน

"แขกเยอะโคตร ทิปอย่างเยอะ สมกับเป็นเทศกาลเลยวะ" โจทิ้งตัวลงบนโซฟายาวหลังร้านก่อนคนแรก

"รีบกินข้าวดีกว่า อีกครึ่งชั่วโมงก็ต้องกลับขึ้นไปเล่นต่ออีก" ผมเตือนเวลากับทุกคน เพราะต้องเล่นยาวอีก 2 ชั่วโมงเพื่อรอวงถัดไปมารับช่วงเล่นต่อตอนห้าทุ่ม

"เสียงมึงแหบไปนะ แดกเหล้าบ่อยเปล่ามึงช่วงนี้" ผมพยักหน้าให้กับคำถามแชมป์

"กูรู้นะ มึงเสียใจ แต่มึงช่วยรักตัวเองบ้าง อย่างน้อย วันนึงมึงกับเค้าจะได้กลับมาเจอกันก็ได้" จบประโยคของตั้ม ผมฟิวส์ขาด ลุกขึ้นไปหยิบหมวกกันน็อคทันที

"ใครอยากร้องแทนกูก็ร้องไปนะ กูไม่มีอารมณ์" ผมทิ้งท้ายไว้ก่อนจะไป

"กูก็พึ่งรู้ว่าเพื่อนกูเป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ก็วันนี้แหละ!!!" เสียงตะโกนไอ้ตั้มทำให้ผมฉุนยิ่งกว่าเดิม

"แล้วกูชนะไหมละ กูแพ้ไปแล้ว กูไม่เหลือเชี่ยไรแล้ว ถ้ามึงลำบากที่จะปลอบกูนัก ก็ไม่ต้องสนใจกู กูจะทำไรมันก็เรื่องของกู" ผมตะโกนใส่ทิ้งท้าย

"มึงเหลือพวกกูไง พวกกูเพื่อนมึงอะ มีความหมายกับมึงไหม!!!" โจทำให้ผมต้องหยุดทันที

"ถ้าทุกคนไม่รักไม่ห่วงมึง จะมาเรียกมึงรวมวงเล่นปีใหม่ทำไม เพราะพวกกูกลัวมึงคิดมาก กลัวมึงอยู่กับความคิดแย่ๆ กูไม่อยากเห็นมึงแดกแต่เหล้า ไล่ปี้ใครไปทั่วจนคนเค้าเม๊าท์ไปทั่ว มึงแมร่งเอาแต่หนีความจริง สู้ซิวะ ถ้ามึงไม่รักตัวเอง ใครจะรักมึงไหววะ!!!" ตั้มอัดผมด้วยคำพูดจนผมต้องวางหมวกกันน็อคกลับที่เดิม

"กูไม่รู้จะอยู่ทำไม พวกมึงรู้ไหม ลมหายใจกูอยู่ได้เพราะแทน แต่ตอนนี้กูไม่รู้จะหายใจต่อไปทำไม" เพื่อนๆ ผมเดินมากอดผมไว้ทุกคน

"เพราะพวกกูรู้ไง พวกกูเลยไม่อยากปล่อยให้มึงอยู่คนเดียว บางที พวกกูก็ต้ออัดมึงแรงๆ เพื่งให้มึงเดินต่อเองได้นะเว้ย" ตั้มพูดก่อนคนแรก

“มึงต้องผ่านไปให้ได้ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นไง พวกกูจะประคองมึงให้ผ่านไปนะเว้ย” โจพูดเป็นคนถัดมา

“อย่าคิดว่ามึงอยู่คนเดียวซิวะ มึงมีเพื่อนที่รักมึงมากๆ อีกตั้งสามคน แล้วมึงอยู่คนเดียวที่ไหน” แชมป์ปิดท้ายให้

“กูขอโทษนะ กูจะพยายามกลับมาเป็นปกติไวๆ นะ” เพื่อนผมผลัดกันเอามือขยี้ศีรษะเกลี้ยงๆ ของผม ผมได้มองหน้าเพื่อนผมชัดๆ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะ

ความรักมันมีหลายมิติ บางสิ่งที่ผมเสียไป มันคงต้องใช้เวลารักษาใจ แต่ขอบคุณพวกมึงที่ไม่ทิ้งกูนะ...

……………….

วันสิ้นปีก็มาถึง เป็นวันแรกในรอบสามปีได้มั่ง ที่ตรงหน้าผมคือหน้าต่างห้องนอน อยู่คนเดียว อยู่กับความรู้สึกที่อึดอัดแบบนี้มาหลายเดือน และมันยังคงดำเนินต่อไป พ่อกับแม่จะพาผมไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ผมก็ไม่อยากไปเท่าไหร่ อ้างเรื่องสอบหลังปีใหม่ว่าต้องเตรียมตัว เลยได้อยู่บ้านคนเดียวเงียบๆ แบบนี้ ไม่คิดเรื่องหนีไปไหนสักนิด เพราะยังไงผมก็โดนจับตามองห่างๆ อยู่ดีนั้นแหละ

“ฮัลโหลไบรท์” ผมพึ่งได้ยินเสียงโทรศัพท์ตัวเองสั่น

“แทน วันนี้ไม่อยู่บ้านเปล่า เห็นอยู่คนเดียว อยากชวนไปกินข้าวเย็น” ผมสงสัยว่าไบรท์ไม่ได้อยู่กับแชมป์เหรอ?

“แล้วไม่ไปกับแฟนละ เราอยู่คนเดียวได้ ไม่มีปัญหา” ผมไม่อยากเจอใครบางคนเท่านั้นแหละ

“ก็แฟนเรารับจ็อบเล่นดนตรีที่ร้านแหละ เราเลยชวนแทนไปกินข้าวด้วย...หรือไม่อยากเจอบิ๊ก” ผมตอบไม่ถูก ใจผมบอกคำตอบกับไบรท์ไปว่า

“อือ กี่โมงละ” หลังจากผมได้คำตอบจากไบรท์แล้ว ผมกลับวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ตัว แต่สายตายังคงมองหน้าต่างต่อไป จนพอจะใกล้ได้เวลา ถึงไปอาบน้ำ แต่งตัว และให้คนขับรถไปส่งที่โรงเรียนเพื่อเจอกับไบรท์ก่อน

“ถามจริงนะ ยังรักบิ๊กอยู่ใช่ปะ” ไบรท์ถามขึ้นมาขณะที่เราทั้งคู่กำลังนั่งรถไฟฟ้ากัน

“อือ” ผมตอบได้แค่นี้จริงๆ เพราะผมกำลังพยายามทำใจให้นิ่งปกติที่สุดก่อนไปกินข้าว

“อือนี่คือ” ผมพยักหน้าให้เป็นคำตอบที่พูดไม่ออกจากปาก

“แล้วทำไมไม่กลับไปวะ หรือกลัวเรื่องพ่อกับแม่เหรอ ที่จริงแทนกับบิ๊กก็พอเจอ พออยู่ด้วยกันได้แบบไม่ผิดสังเกตนี่” ก็ มันก็ถูกครึ่งเดียวอะ

“ลองนึกดูซิไบรท์ เราสองคนจะอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ได้นานแค่ไหน ไบรท์บอกเราหน่อยซิ เราควรทำยังไงละ” ผมก็เรียบเรียงความรู้สึกผมไม่ถูกหรอก แต่ผมจนปัญญาแล้วว่า ถ้าผมยังรักและเลือกทางนี้กับบิ๊ก ผมจะเดินต่อไปไงดี

“เราไม่รู้เหมือนกัน มันคงเป็นคำถามที่เกินกว่าเด็ก ม.6 อย่างเราทั้งคู่จะตอบได้ แต่รู้ปะ เวลาที่เรารักใคร เราจะทุ่มเทโดยไม่สนหรอก ว่าใครจะว่ายังไง เพราะคนที่เรารัก ก็คือเรารักอะ” นั้นซิ แต่...

“บางทีนะ ถ้าเป็นเรา เราขอความสุขของเรา ถึงมันจะขัดใจผู้ใหญ่ แต่ถ้าเรามั่นใจว่าไม่ได้ทำให้เสียหาย เราจะพิสูจน์ให้เห็นเองว่า เราก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ทุกวันนี้เรายังรวบรวมความกล้าจะบอกที่บ้านเลยว่า เรารักแชมป์ และเรามั่นใจแล้วว่า เราจะอยู่กับแชมป์ในฐานอะไรเมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่ไป” ไบรท์ตบไหล่ผมเบาๆ

“บิ๊กมันเป็นนักสู้นะ ถ้าเพื่อแทน สู้ยิบตาเลยแหละ แทนจะไม่สู้ด้วยเหรอ” ผมแข็งแรงพอจะสู้กับอุปสรรคนี้จริงๆ เหรอ...ผมไม่มั่นใจเลยสักนิด

ผมมาถึงร้านเฮียจิ๋วที่คุ้นเคย แน่นอนว่าโต๊ะที่ผมกับไบรท์นั่งทานข้าว เป็นโต๊ะใหญ่หน้าเวที เพื่อให้ทั้งวงทานอาหารกับผมไปด้วยกันขณะที่วงของบิ๊กกำลังแสดงอยู่ เมื่อผมกับไบรท์ไปถึง ทุกคนในวงกำลังเซ็ทอุปกรณ์กันอยู่ ผมไม่กล้ามองบิ๊กเลย ในขณะที่ไบรท์เองก็ยังไม่ทันได้ทักกับแชมป์ที่กำลังเช็คเสียงอยู่

“เรากลับดีกว่า” ผมไม่กล้ามองบิ๊กเลย ผมรู้สึกไม่สู้หน้าบิ๊กเอาซะเลย

“เดี๋ยวดิ มาถึงแล้ว ทำไมจะกลับอะ” ไบรท์ฉุดไหล่ผมเอาไว้

“ถ้านายจะหนีเพราะคิดว่าเป็นความผิดตัวเอง แทนก็ไม่ควรมาแต่แรกแล้ว แต่ถ้าแทนมาถึงที่นี่ ไม่อยากเจอบิ๊กจริงเหรอ?” ผมหยุดนิ่งสักครู่ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ของโต๊ะอาหารที่เตรียมไว้ให้ ผมนั่งในทิศที่หันไปมองเห็นเวทีพอดี

สายตาของผมกับบิ๊กมองมาพอดีกัน ผมไม่แน่ใจว่าบิ๊กมองด้วยความรู้สึกอะไร แต่ผมมองได้นิดเดียว ผมก็หลบตาไม่กล้ามองแล้ว ในขณะที่บิ๊กยังคงตั้งไมค์ต่อไปอีกสักครู่ หลังจากที่บิ๊กกับเพื่อนๆ ตั้งเสียงกันเสร็จ ทั้งหมดลงมาที่โต๊ะ แต่ทั้งโจ ตั้ม แชมป์ เดินไปอีกทาง ปล่อยให้บิ๊กอยู่กับผมที่โต๊ะตามลำพัง โดยที่ไบรท์ก็วิ่งไปหาแชมป์เหมือนกัน

“หิวไหม กินไรเปล่า เราสั่งให้” บิ๊กเริ่มต้นพูดก่อนหลังจากที่เราทั้งคู่นั่งเงียบอยู่กันสักครู่

“เรารอทานหลังบิ๊กเล่นเสร็จก็ได้ บิ๊กจะทานก่อนก็ได้นะ” ผมพยายามหลบตาบิ๊กเพราะผมรู้สึกมองหน้าไม่ติด

“แทนสบายดีนะ” ผมพยักหน้าให้เป็นคำตอบ บิ๊กเอื้อมเอาหลังมือสัมผัสกับหน้าผากผมช้าๆ รอยยิ้มกับสายตาที่อ่อนโยนอย่างผมคุ้นเคยบนใบหน้าบิ๊ก ทำให้ผมยิ่งรู้สึกตัวเองเลวอย่างบอกไม่ถูก

“อย่าทำหน้าแบบนั้นซิ เราไม่เคยรู้สึกไม่ดีกับแทนเลยนะ ตลอดเวลาที่ชีวิตเรามีแทน ไม่เคยมีเวลาไหนที่เรา ไม่รู้สึกไม่ดีเลย” ผมยิ่งรู้สึกตัวเองเลวที่บอกเลิกและไม่สู้ไปกับบิ๊ก แล้วบิ๊กก็ยิ้มกว้างๆ ก่อนจะลุกขึ้น

“เราต้องไปร้องเพลงแล้วนะ เดี๋ยวมาทานข้าวด้วยนะครับ อยู่ฟังให้จบด้วยนะ” ผมพยักหน้าตอบรับ ในขณะที่บิ๊กส่งสัญลักษณ์มือว่า I Love You ให้ผม ก่อนจะวิ่งขึ้นเวทีไป และเพื่อนๆ ในวงที่เหลือก็ขึ้นเวทีตามบิ๊กไป ส่วนไบรท์ก็กลับมานั่งข้างๆ ผม

“สวัสดีวันสิ้นปีครับ พวกเรากุมารทองอยู่กับทุกๆ ท่านที่จะผ่านคืนนี้ไปปีใหม่ด้วยกัน ใครมีความสุข ฟังเพลงจากเราจะสุขกว่าเดิม ใครทุกข์มา เราจะร่วมร้องเพลงผ่านคืนนี้ไปด้วยกัน โอเค จัดไปสามเพลงรวดเลยครับ” บิ๊กประกาศผ่านไมค์เสร็จ ก็เริ่มทำงานของตัวเองโดยมองผมเป็นระยะ สามเพลงแรกเป็นเพลงจังหวะที่เร็ว มัน เรียกความครื้นเครงได้เป็นอย่างดี แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรกับเพลงมากไปกว่ามองบิ๊กไปเรื่อยๆ ยิ่งมอง ความรู้สึกผมยิ่งชัดเจนอย่างบอกไม่ถูก

“พักจังหวะกันสักหน่อยดีกว่าครับ เพลงนี้สำหรับใครที่ปีที่กำลังจะผ่านไป ลืมความรักที่เคยมีไม่ได้ เพลงนี้เหมาะมากครับ” บิ๊กไปหยิบกีตาร์โปร่งมาต่อกับตู้แอมป์ ก่อนจะสะพายและตั้งให้กระฉับพร้อมเล่น แล้วเริ่มดีดอินโทรเพลงขึ้นมา

“ยังคงใช้ชีวิตคนเดียว ยังคงฟังเพลงเดิมคนเดียว ยังคงเดินต่อไปคนเดียว อย่างไม่มีปลายทาง ยังคิดถึงแต่เรื่องเก่า ๆ ยังคงไปที่เดิมของเรา ยังคงมีแต่ความเงียบเหงา ยังรู้สึกอ้างว้าง

อยากที่จะรู้เธอเป็นอย่างไร จะสุขหรือทุกข์ร้ายดีแค่ไหน เธอจะคิดถึงบ้างไหม คิดถึงบ้างไหม ส่วนฉันนั้นยัง

ยังคงรักเธอไม่เคยเปลี่ยนไป ยังมีหัวใจที่มีเอาไว้ให้เธอเท่านั้น ฉันนั้นเป็นของเธอยังคิดถึงเธอ ยังคงมีชีวิตเหมือนเธออยู่ข้างกัน ยังคงรักเธอไม่เคยเปลี่ยนไป จะมีทางใดที่เราจะได้พบกันอีกครั้ง ฉันนั้นยังมีความหวัง ติดอยู่กับความหลังไม่ไปไหน ยังรักได้แค่เธอ

อยากที่จะรู้เธอเป็นอย่างไร จะสุขหรือทุกข์ร้ายดีแค่ไหน เธอจะคิดถึงบ้างไหม คิดถึงบ้างไหม ส่วนฉันนั้นยัง

ยังคงรักเธอไม่เคยเปลี่ยนไป ยังมีหัวใจที่มีเอาไว้ให้เธอเท่านั้น ฉันนั้นเป็นของเธอยังคิดถึงเธอ ยังคงมีชีวิตเหมือนเธออยู่ข้างกัน ยังคงรักเธอไม่เคยเปลี่ยนไป จะมีทางใดที่เราจะได้พบกันอีกครั้ง ฉันนั้นยังมีความหวัง ติดอยู่กับความหลังไม่ไปไหน ยังรักได้แค่เธอ

มีเรื่องราวอีกเป็นร้อยพัน มีถ้อยคำอีกเป็นล้านคำ อยากจะเล่าให้เธอได้ฟังแต่เธอไม่อยู่แล้ว ก็คงทำได้เพียงแค่รอ ถ้าจะมีโอกาสจะขอให้ฉันอีกสักครั้ง

[Rap โจ]
เธออาจจะลืมเรื่องเราไปแล้วมีใหม่ไปแล้วแต่ฉันยัง ฟังเพลงเดิม ๆ เธอเคยร้องไห้ตอนนี้เธอไม่แต่­ฉันยัง เธอพร้อมจะเดินบนทางใหม่ ๆ เธอพร้อมจะไปแต่ฉันยัง Keep calm, stay cool เธอทำได้แต่ฉันยัง เธอเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ เธอ Shine bright แต่ฉันยัง นอนคนเดียวบน king size เธอ alright แต่ฉันยัง รูปคู่ที่เคยถ่าย เธอทิ้งไปแต่ฉันยัง เรื่องของเรามันอาจจะตาย เธอลืมได้แต่ฉัน ยัง

ยังคงรักเธอไม่เคยเปลี่ยนไป ยังมีหัวใจที่มีเอาไว้ให้เธอเท่านั้น ฉันนั้นเป็นของเธอยังคิดถึงเธอ ยังคงมีชีวิตเหมือนเธออยู่ข้างกัน ยังคงรักเธอไม่เคยเปลี่ยนไป จะมีทางใดที่เราจะได้พบกันอีกครั้ง ฉันนั้นยังมีความหวัง ติดอยู่กับความหลังไม่ไปไหน ยังรักได้แค่เธอ”


บิ๊กร้องเพลง ยัง ของลิปตา โดยไม่มองหน้าผมสักนิด แต่ผมสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของบิ๊กเต็มที่กับอารมณ์เพลงนี้มาก ผมมัน..เลว ที่ทำให้บิ๊กเป็นแบบนี้

“อย่าคิดมากซิ มันแค่เพลง เพลงก็มาจากความรู้สึกที่บิ๊กมันเป็นนั้นแหละ” ไบรท์กอดไหล่ผมแน่นๆ บีบไหล่ผมเบาๆ พยายามบอกให้ผมไม่คิดมาก ผมได้แต่พยักหน้ามองไปที่บิ๊กที่ตอนนี้ปาดเหงื่อแล้วดื่มน้ำ

“พูดถึงเรื่องส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ทีไร ผมนึกอยู่เรื่องนึงครับ ใครที่ได้อยู่กันพร้อมหน้ากับคนที่เรารัก คนที่เราอยากอยู่ด้วย มันคือความสุขที่ยอดเยี่ยมเลยว่าไหมครับ แต่ถ้าไม่มีละ ไม่เป็นไรครับ ฟังเพลงจากพวกเรากุมารทองก็ได้นะครับ เพลงนี้ต่อเนื่องอารมณ์รักแล้วลืมไม่ลงกันดีกว่าครับ

“นั่งเพียงคนเดียว ใจมันก็ลอยกลับไป มีคนนึงที่ฉันนั้นรักหมดใจ แต่เขาจากไป และฉันยังคง นั่งตรงมุมเดิม
ยิ่งเติมให้เหงาจับใจ เตือนตัวเองแต่มือมันเเผลอกดไป ก็รู้ดึกไป ขออภัย

ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้ตัว และตอนนี้ฉันก็เสียใจ ฉันไม่ได้จะขออะไรหรอก เพียงแค่อยากรู้เธอเป็นไง แค่เท่านั้น

ถ้าเธอจะโกรธ ฉันเองก็พอเข้าใจ คำบางคำที่ตัวฉันเผลอส่งไป มันฝืนไม่ไหว ฝืนยังไง

ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้ตัว และตอนนี้ฉันก็เสียใจ ฉันไม่ได้จะขออะไรหรอก เพียงแค่อยากรู้เธอเป็นไง แค่เท่านั้น

ก็ตอนนั้นฉันคิดถึงเธอ แค่เธอเคยบ้างไหมที่คิดถึงกัน ฉันไม่ได้จะขออะไรหรอก เพียงแค่อยากรู้เธอเป็นไง

แค่อยากให้รู้ยังคิดถึงเธอ แค่เธอเคยบ้างไหมที่คิดถึงกัน ฉันไม่ได้จะขออะไรหรอก เพียงแค่อยากรู้เธอเป็นไง

แค่เท่านั้น แค่เท่านั้น แค่เท่านั้น”

เพลงแค่เท่านั้นของ Better Weather ที่บิ๊กร้องอย่างช้าๆ นั่งเกากีตาร์โปร่งเบาๆ สายตาที่มองในขณะที่ริมฝีปากถูกับไมค์ ทำให้ผมรู้ว่า ตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอกัน บิ๊กก็อยากรู้ว่าผมเป็นยังไง ในขณะที่ผมเองก็อยากรู้ความเป็นไปของบิ๊กเช่นกัน

“เอาให้สุดๆ กับอารมณ์นี้กันดีกว่าครับ ยังอยู่กับอีกยาวถึงก่อนเที่ยงคืน เพลงนี้เก่าหน่อยครับ กุมารทองชอบเพลงของวงนี้อยู่หลายเพลง เลยหยิบมาเล่นกันครับ” บิ๊กหันมายิ้มให้กับผม ก่อนจะเริ่มขึ้นคอร์ดเล่นเพลงต่อไป

“เวลาผ่านไปคนก็เปลี่ยน ฉันจำเป็นต้องเข้าใจ ไม่อยากจะไปโทษใคร ก็มันเป็นอย่างนั้น โลกมันยังจะหมุนไป ไม่หยุดยั้ง ก็อาจทำเราให้เราร้างไกล

เวลาที่ยังเหลืออยู่ รู้ว่าเธอต้องพบใคร ต้องเจอะเจอคนมากมาย ผ่านมาในชีวิต เรื่องที่เราจะเหมือนเดิม ไม่กล้าคิด แต่อยากให้เธอจำไว้

เธอยังเป็นคนที่ฉันสนใจ กับความเป็นไปยังห่วงหาเหมือนเดิม เธอจะอยู่ตรงไหน ทำอะไรที่ไหนยังไง ให้เธอรู้ไว้เสมอ...... ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจ ฉันยังเหมือนเดิม ( รักเธอเหมือนเดิม )

เรื่องที่เราจะเหมือนเดิม ไม่กล้าคิด แต่อยากให้เธอจำไว้

เธอยังเป็นคนที่ฉันสนใจ กับความเป็นไปยังห่วงหาเหมือนเดิม เธอจะอยู่ตรงไหน ทำอะไรที่ไหนยังไง ให้เธอรู้ไว้เสมอ...... ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจ ฉันยังเหมือนเดิม ( รักเธอเหมือนเดิม )”


เพลงก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจของ TAXI จบลงท่ามกลางเสียงปรมมือของทุกคนในร้าน ผมเห็นน้ำตาของบิ๊กไหลออกมาเบาๆ แต่บิ๊กก็ปล่อยโดยไม่สนใจจะเช็ดมันสักนิด

“เอาละครับ เศร้ากันพอสมควรละนะ เดี๋ยวกินข้าวไม่อร่อยกันซะก่อน เดี๋ยวนะครับ มีคนขอเพลงมา โอ้ว ท่าทางวันนี้ร้านมีคนเศร้าเยอะอยู่ มีคนขอเพลง จะเก็บเรื่องราวของเราเอาไว้ ของ Sofa งั้น จัดให้ละกันนะครับ” บิ๊กหันไปมองเพื่อนๆ สักครู่ ก่อนจะมองมาที่ผม แล้วเริ่มขึ้นคอร์ดเพลง

“ระหว่างเราฉันนั้นรู้ มันคงเป็นไปไม่ได้ ระหว่างเราฉันนั้นรู้ ระหว่างเรา ฉันเข้าใจ โลกความจริงมันรุนแรง เกินกว่าใครจะรับไหว ฉันนั้นรู้ ฉันนั้นรู้ ว่าตัวฉันต้องห้ามใจ ไม่ได้ทิ้งเธอให้ยืน อยู่บนทางอันแสนไกล แต่ฉันยังคงเก็บเธอเอาไว้

อยู่ในจิตนาการ อยู่ในฝันฉันข้างใน โลกความจริง เป็นเช่นไร ฉันไม่รู้ไม่สนใจ อยู่ในจิตนาการ อยู่ในฝันฉันเรื่อยไป จะเก็บเรื่องราวของเราเอาไว้...ในจินตนาการ

จะทรมานซักเท่าไร แต่เราก็คงต้องฝืนทน มันเป็นเรื่องของเหตุผล ที่ต่างคนต้องเข้าใจ ไม่ว่าเราจะดึงดัน จะดื้อรั้นสักเพียงไหน เราก็คงจะต้องยอมให้มันต้องเป็นไป ไม่ได้ทิ้งเธอให้ยืน อยู่บนทางอันแสนไกล แต่ฉันยังคงเก็บเธอเอาไว้

อยู่ในจิตนาการ อยู่ในฝันฉันข้างใน โลกความจริงเป็นเช่นไร ฉันไม่รู้ไม่สนใจ อยู่ในจิตนาการ อยู่ในฝันฉันเรื่อยไป จะเก็บเรื่องราวของเราเอาไว้...ในจินตนาการ

อยู่ในจิตนาการ อยู่ในฝันฉันข้างใน วันพรุ่งนี้เป็นเช่นไร ฉันไม่รู้ไม่สนใจ อยู่ในจิตนาการ อยู่ในฝันฉันเรื่อยไป

จะเก็บเรื่องราวของเราเอาไว้...ในจินตนาการ”

เพลงนี้ผมเห็นบิ๊กร้องไห้แทบทุกบรรทัดที่เปล่งเสียงออกมา แต่บิ๊กก็คุมเสียงให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอร้องจบแล้ว บิ๊กปาดน้ำตาอยู่สักครู่ก่อนจะพูดออกไมค์ว่า

“โทษทีครับ มันอินครับ ผมอกหักมา แบบอินไปหน่อยครับ โอเคครับ กลับมาฟังอะไรสบายๆ สักหน่อยดีกว่านะครับ” บิ๊กพูดจบดื่มน้ำต่อ ในขณะที่ผมเห็นตั้มมากอดคอคุยข้างๆ หูบิ๊ก แต่บิ๊กก็ส่ายหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสื้อเชิ๊ดที่บิ๊กใส่ตอนนี้เริ่มเปียกเป็นจุดๆ แนบเนื้ออย่างชัดเจน สายตาและสีหน้าของบิ๊กกำลังพยายามเก็บอารมณ์บางอย่าง ก่อนจะร้องเพลงอื่นๆ ที่เนื้อหาสนุกสนานต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

ผมอยากมีความกล้ามากกว่านี้ กล้าที่จะเดินต่อไป โดยไม่แก้ปัญหาด้วยการบอกเลิกกับบิ๊กแบบที่ผมทำไป

……………….

ห้าทุ่มตรง ผมจบภารกิจการเล่นเพลงยาวต่อเนื่องตั้งแต่สองทุ่ม วันนี้เฮียจิ๋วให้ผมลากยาวหน่อย ก่อนเที่ยงคืน แชมป์ต้องมาเล่นแผ่นเพื่อเข้าบรรยากาศนับถอยหลังเข้าปีใหม่ต่อ ผมรู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก ไม่เคยร้องเพลงจนหมดแรงขนาดนี้ ในขณะเดียวกัน คนที่มาดูผมร้องเพลงวันนี้ ทำให้ความรู้สึกทั้งหมดของผมมันตีกันอย่างบอกไม่ถูก

“อยู่เฉยๆ นะ” ผมงงเล็กน้อยหลังจากที่ผมวางช้อนกับส้อมกับมื้อเย็นที่ผมทานพึ่งหมด แทนแกะผ้าเย็นเช็ดหน้าผมไปมาเบาๆ ผมจับมือแทนเอาไว้ แล้วหยิบผ้ามาเช็ดเอง

“ใครมาเห็นจะไม่ดีนะ แทนอยู่กับเราก็มีโอกาสโดนเพ่งเล็งได้ เราเช็ดเองนะ” ผมไม่อยากให้สิ่งที่แทนทำ เป็นประเด็นให้มีเรื่องอีก แทนพยักหน้าเข้าใจโดยหลบสายตาของผมอยู่

“อิ่มไหมครับ สั่งเพิ่มได้นะ เฮียเค้าเลี้ยงเต็มที่” ผมถามย้ำให้แน่ใจว่าแทนกินอิ่มมื้อนี้แน่นอน

“เราก็อิ่มแล้วนะ บิ๊ก...” ผมตั้งใจฟังว่าแทนจะพูดอะไรกับผม

“เราอยากอยู่กับบิ๊กสองคนตามลำพังในคืนนี้ได้ไหม” ผมดีใจอย่างบอกไม่ถูก แต่...ผมคงทำไม่ได้

“อย่าเลย มันไม่ดีหรอก” ผมทำตามความถูกต้อง เพื่อไม่ให้แทนเดือดร้อน
 
“มึงสองคนไปเถอะ ตรงนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว อีกอย่าง แทนออกมาได้แบบนี้ ก็คงไม่มีใครตามหรอก มึงอย่าคิดมากซิวะบิ๊ก ถ้าใจมึงอยาก ก็ทำไปเลย” ตั้มที่นั่งทานข้าวข้างๆ ผมพูดขึ้นมา ผมส่งสายตาดุห้ามความคิดไอ้ตั้ม แต่เพื่อนๆ ที่เหลือจ้องผมแบบ...พวกมึงจะหาเรื่องให้กูซวยนะเว้ย

หลังจากสายตากดดันจากเพื่อนๆ ทุกคนในโต๊ะ ตอนนี้ผมกำลังควบน้องถ่านแบบเรื่อยๆ นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่ไม่มีคนซ้อนท้ายพาหนะคู่ใจผมคันนี้ และคนที่ซ้อนท้ายกับใส่หมวกกันน็อคของผมตอนนี้ ก็คือแทน ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะไปที่ไหนที่เงียบๆ คุยกันได้สองคนในเวลาที่ไม่นานนัก แล้วพาแทนไปส่งแถวบ้านอย่างปลอดภัยดี ผมขับไปอยู่หลายที่ และผมก็ได้ที่หยุดคุยที่โอเคที่สุดแล้ว

“มันก็ไม่นานนะ แต่เรารู้สึกเหมือนนานเลย ที่ไม่ได้อยู่กับแทนใกล้ๆ แบบนี” ผมกับแทนกำลังเดินอยู่รอบกำแพงวัดพระแก้ว

“เราขอโทษ...” แทนเอยขึ้นมา ผมหยุดเดินและกุมมือแทนไว้

“เรื่องนี้แทนไม่ผิดหรอก ไม่มีใครผิดหรือต้องรู้สึกผิด เราทุกคนต้องการทางออกให้กับปัญหาทั้งนั้น ทุกวันนี้ เราก็ไม่ได้ทำใจได้สักนิด ได้แต่คิดว่าทำไงให้เรากลับมารักกันเหมือนเดิม แต่มันก็ได้แค่คิด โลกแห่งความจริงมันเตือนเราทุกเวลาว่า ทำใจให้ได้นะ แทนมีชีวิตที่ต้องไปทำตามหน้าที่ เราเองก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเหมือนกัน” ผมยิ้มให้พร้อมกับขยับแว่นตาให้เข้าที่มากขึ้น แต่แทนกลับก้มหน้าลงนิดๆ หลบสายผมหลังจากผมพูดจบ

"แทน ถึงเราจะกลับมาอยู่ในฐานะเดิมไม่ได้ แต่เราก็ไม่เคยลดความรู้สึกที่มีให้เลยนะ แค่เราเปลี่ยนมันมาเลี้ยงให้เราอยากมีชีวิตเดินต่อไป อย่างน้อย คีนนี้ เราก็ได้อยู่ใกล้ๆ ได้กุมมือคนที่เรารักมากที่สุดคนนึงในชีวิต" หลังจากผมพูดจบ แทนเริ่มร้องไห้ออกมา

"ถ้าเราบอกบิ๊กว่า เราจะสู้ใหม่ เรากลับมาคบกันเหมือนเดิมละ" วินาทีแรก ผมดีใจจนไม่ปฎิเสธ แต่วินาทีถัดมา สมองมันสั่งให้ผมพูดตามความจริงว่า

"เราดีใจที่แทนยังรักเราเหมีอนเดิม แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก เราไม่อยากทำให้ครอบครัวของแทนมีปัญหาอีก เราอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมแค่ไหน เราก็รู้ว่าความจริงมันทำไม่ได้ ที่ทำได้อย่างเดียวคีอ เราจะมีชีวิตเพื่อดูแลแทนห่างๆ ถ้าแทนทำหน้าที่ตัวเองไม่ไหว มาหาเรานะ เราจะอยู่จนกว่าแทนจะมีแรงกลับไปใช้ชีวิต มันคงดีที่สุด เท่าที่เราทำได้ และไม่ทำให้แทนเดือดร้อนนะ" ผมพยายามห้ามตัวเองไว้ แทนยิ่งร้องไห้มากกว่าเดิม

"เราเข้าใจ เราจะพยายามเหมีอนกันนะ ถ้างั้น..." แทนกอดผมแน่นๆ แล้วร้องไห้ออกมาเต็มที่

"เรารักบิ๊กนะ" ผมก็รักแทนเหมือนกัน

"เรารักแทนเหมือนกัน" ผมปล่อยให้อ้อมกอดนี้ยาวนานจนผ่านเที่ยงคืนไป

เพราะกอดนี้ อาจเป็นกอดสุดท้ายที่เราสองคนจะมีให้กันในโลกแห่งความฝัน ก่อนที่เราทั้งคู่จะกลับสู่ความจริงที่ต้องรับไว้ต่อไปจากนี้

……………….

หลังจากคืนข้ามปีกับบิ๊กผ่านไป ผมไปกราบคุณพ่อกับคุณแม่ของฝ้าย เพื่อขอขมาที่ผมไม่สามารถคบกับฝ้ายในสถานะที่ทั้งสองครอบครัวตั้งใจไว้ สำหรับฝ้ายแล้ว ไม่มีปัญหา เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ส่วนพ่อกับแม่ของฝ้าย ก็ไม่มีปัญหา แต่อยากให้รักษาความสัมพันธ์เอาไว้ เผื่อโตขึ้นค่อยว่ากันใหม่ก็ได้

"ที่จริง เราลืมคนที่เรารักไม่ได้ มันเลยทำให้เราไปต่อไม่ได้ เราขอโทษ" ผมพูดกับฝ้ายก่อนที่จะนัดเข้าไปขอขมา สีหน้าของฝ้ายเมื่อได้ฟังผมเอยปากออกมาแล้ว ฝ้ายก็รู้สึกโล่งอกเหมือนกัน

"เราดีใจที่แทนบอกเราแบบนี้นะ มันดีกว่าฝืนใจจนวันนึงที่เรารักแทนในแบบแฟนจริงๆ ขึ้นมา ถ้าเรารู้ว่าใจแทนไม่ได้อยู่กับเรา เราต่างก็คงรู้สึกไม่ดีกันแน่นอน” ผมรู้สึกคิดไม่ผิดที่บอกฝ้ายไปตรงๆ

“เราขอเข้าไปกราบขอขมาพ่อกับแม่ฝ้ายนะ เดี๋ยวฝั่งพ่อกับแม่ของเรา เราเคลียร์เองได้” ฝ้ายพนักหน้าด้วยรอยยิ้มและแววตาที่ทำให้ผมหายกังวลไปได้มาก

เมื่อผมกลับถึงบ้าน ผมไปรอในห้องทำงานของแม่อยู่หลายชั่วโมง เป็นครั้งแรกที่ผมจะพูดกับพ่อ แม่ โดยไม่กังวลอะไรเป็นพิเศษ จนเมื่อพ่อกับแม่ผมมาถึงที่ห้องทำงาน

“กลับมาจากโรงเรียนก็มารอที่ห้องเลย มีอะไรพิเศษหรือเปล่าลูก” แม่ผมเริ่มทักก่อนหลังจากเห็นผมมานั่งรอ ผมลุกขึ้นไหว้สวัสดีคุณพ่อกับคุณแม่ของผมก่อน

“วันนี้ลูกไม่ได้ไปกินข้าวเย็นกับหนูฝ้ายเหรอ กลับมาเร็วเชียว” พ่อผมทักเรื่องที่ผมกำลังจะพูดพอดี

“พ่อครับ แม่ครับ ผมยังไม่พร้อม ผมขอโทษด้วยนะครับ” พ่อกับแม่ผมหยุดฟังก่อนจะเดินมานั่งลงที่โซฟา ในขณะที่ผมค่อยนั่งตามทีหลัง

“หมายความว่ายังไง” น้ำเสียงเข้มจนแทบจะหักคอผม ไม่ได้ทำให้ผมกลัวเลยสักนิด

“ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่พร้อมจะคบใครในฐานะแฟนตอนนี้ครับ คือ พ่อกับแม่อย่าพึ่งโกรธผมนะครับ แต่สมาธิผมไม่อยู่กับเรื่องนี้จริงๆ ไหนจะเรียน ไหนจะกิจกรรมที่โรงเรียน ทีมบาสฯ แล้วก็ เรื่องสอบเข้ามหาลัยอีกนะครับ ให้ผมโตกว่านี้ได้ไหมครับ” ถึงผมจะตอบไป แต่ผมรู้สึกได้ถึงความไม่ไว้ใจที่พ่อกับแม่ผมส่งมาหาผม ความเงียบทำให้ผมต้องย้ำออกไปว่า

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องเก่าๆ แน่นอนครับ ผมอยากอยู่กับตัวเองให้มากขึ้นแค่นั้นเองครับ พ่อกับแม่ไม่ต้องกลัวนะครับ”  แต่นั้นก็ไม่ทำให้สายตาที่มองผมเปลี่ยนไปเท่าไหร่นัก

“แม่กับพ่อไม่อยากให้แกทำตัวไม่ดีแบบแต่ก่อน แม่กับพ่อจะเชื่อแกอีกสักครั้ง แต่ถ้าแกโกหก อย่าหาว่าใจร้ายนะ ส่วนเรื่องหนูฝ้าย เดี๋ยวพ่อกับแม่คุยเอง หวังว่าลูกจะไม่ขออยู่กับตัวเองนานนะ” ผมรู้สึกเหมือนได้ต่อเวลาออกไปสักพักใหญ่

“จนกว่าผมจะพร้อมนะครับ ผมอยากให้เรื่องสำคัญในอนาคตผมชัดเจนก่อนครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกลับห้องก่อนนะครับ” ผมลุกขึ้นไหว้คุณพ่อกับคุณแม่ก่อนจะเดินถอยหลังเล็กน้อย แล้วเดินออกไปจากห้อง

ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความโล่งใจระดับหนึ่ง ผมจะลองใช้ชีวิตตามที่บิ๊กแนะนำนะ อยู่กับโลกความจริงที่เราต้องเดินต่อไป ผมจะลองทำทั้งหมดนี้ดู ไม่รู้จะได้ไหม แต่...สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือ

สิ่งสุดท้ายที่ผมจะก้าวข้ามไม่ได้ คือบิ๊กนี่แหละ

**********

บทที่ 69 จะพยายามให้ทันศุกร์นี้อ่านกันนะครับ เพราะ 70-80 ช่วงสุดท้าย ทั้งคู่จะมีอุปสรรคใหญ่อย่างสุดท้าย เป็นเรื่องร้ายที่ทำให้ทุกอย่างเข้าที่และดีในตอนจบ ก่อนที่ทั้งคู่เข้ามหาลัยฯ และจะจบลงอย่างไร สิบบทสุดท้ายนี้เจอกันครับ (หรืออาจน้อยกว่า 10 บทครับ)

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2015 05:52:58 โดย zipboy »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ pepperpro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
จะมีร้ายแรงกว่านี้อีกเหรอครับไรเตอร์

ขอให้มันผ่านไปไวๆนะครับ

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
ตามอ่านเรื่องนี้มานานมาก

กดบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
ตามอ่านเรื่องนี้มานานมาก

กดบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ครับ

กำลังรีบทำอยู่นะครับ ช่วงนี้ชีวิตกำลังทำเรื่องใหญ่มากอยู่ เลยไม่ได้แตะมันเลยครับT_T

จะมีร้ายแรงกว่านี้อีกเหรอครับไรเตอร์

ขอให้มันผ่านไปไวๆนะครับ

เป็นส่วนสุดท้ายที่ทำให้ทุกอย่างจบครับ และจบจริงๆ ด้วยตอนพิเศษปะท้ายไว้อีกตอนครับผม^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-01-2016 16:06:13 โดย zipboy »

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รอได้ค่าา สู้ๆนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
รอได้ค่าา สู้ๆนะคะ :mew1:

บทที่ 69 เหลืออีก 2 หน้า น่าจะเสร็จลงได้ละครับ (ไม่เกินสองวันนี้ น่าจะได้อ่านกันจริงๆ ครับ)

ขอบคุณสำหรับการติดตามด้วยครับผม^^

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 69 ++
«ตอบ #969 เมื่อ19-01-2016 05:43:34 »

บอกไว้ว่าวันสองวันจะมาลง ก็...ยาวครับ งานยุ่งไม่เท่าไหร่ เขียนๆ ลบๆ นี่หนักกว่าจริงๆ ครับ

บทที่ 69 ความทุกข์ของบิ๊กกับแทนเดินมาถึงจุดที่เกินรับไหว จนทำให้ทั้งคู่ได้เจอกันอีก และจะเป็นจุดที่ทำให้ตัวละครสำคัญลงมาแก้ปัญหาความรักของบิ๊กกับแทนในบทที่ 70 และอีก 9-10 บทต่อจากนี้ จะมีเรื่องสำคัญที่เกิดกับแทน และจะมีตัวละครสำคัญอีกคนที่ลงมาแก้ปัญหาเรื่องบิ๊กกับแทนให้ลุล่วงไปด้วยดีครับ

มาอ่านกันต่อครับ^^

*********

Chapter 69

ท่ามกลางแสงไฟที่ผมยืนตอนนี้ รอบตัวมีแค่ลูกกรงสี่เหลี่ยม เสียงเชียร์ของผู้ชมที่กระหายเหมือนสัตว์ป่าที่รอกินเนื้อแทบจะเขย่ากรงให้สั่นได้โดยไม่ต้องใช้มือสัมผัส เหงื่อที่ไหลเต็มร่างกายตอนนี้ พอจะสบายตัวบ้าง เพราะไม่ได้ใส่เสื้อเอาไว้ กางเกงขา Nike Pro Combat ขาสั้นรัดรูป ที่ข้างในมีกระจับตรงเป้า ยังคงทำหน้าที่ป้องกันจุดสำคัญ รวมถึงการซับเหงื่อได้ดีเหมือนเดิม กำปั้นพันผ้าทั้งสองข้างตอนนี้ เต็มไปด้วยเลือดของคู่ต่อสู้ที่ผมน็อคจนต้องห่ามออกไปแล้วสองคน คนที่สามที่ผมจะต่อยด้วย ถ้าผมชนะ เงินหกแสนที่ผมจะได้จากส่วนแบ่งของการแทงของผู้ชมในคืนนี้ ผมรับกลับไปเลย

แต่ถ้าผมแพ้...ทุกอย่างคือศูนย์ และคู่ชกผมก็มาแล้ว ประเมินคร่าวๆ น่าจะอายุสัก 23-24 เป็นนักมวยไทยเก่ามาก่อน ช่วงตัวทั้งหมดยาวกว่าผม และน่าจะไวเอาเรื่องทีเดียว เสียงกระแทกนวมข่มขวัญของคู่ชกผม ไม่ได้ทำให้ผมกลัวสักนิด ตรงกันข้าม ผมยิ่งอยากคว่ำไอ้หมอนี่ลงให้ได้ด้วยซ้ำ

ทันทีที่อีกฝ่ายเดินเข้าหา สิ่งที่ผมทำก่อนคือ หลบและก็หลบ ใช่เลย ช่วงชกของคู่ต่อสู้ผมยาวกว่าจริงๆ สิ่งที่ผมทำได้คือเดินรอบๆ แล้วตั้งการ์ดป้องกันช่วงหมัดที่ยาว แล้วอาศัยความไวดักต่อยด้านข้างทีละหมัดสองหมัด อีกอย่าง ผมต่อยมาสองรอบแล้ว แรงหายไปเยอะเอาเรื่อง การโดนอัดสีข้างก็ไม่ใช่เรื่องดีนักสำหรับนักมวยเท่าไหร่หรอก วนแทบจะรอบเวที มาอีกระลอก หมัดขวาที่หวดมาผมก้มหลบลง แล้วยิงหมัดชุดอัดเข้าท้องก่อนจะถอยออก แล้วหมัดซ้ายแบบอัปเปอร์คัทก็อัดเข้ามา ผมต้องถอยหลังอย่างไว แล้วเตะเจาะยางเข้าไป แต่อีกฝ่ายก็แข็งไม่สะท้านเลย แถมดันเปิดช่องให้อีกฝ่ายซัดหมัดซ้ายเข้าหน้าผมเต็มๆ

1 2 3 4 5 6 7 8…ลุกขึ้นมาไอ้บิ๊ก ดีมาก ผมสะบัดหน้าไล่ความมึนออกไปก่อน พอยืนได้เรียบร้อย เสียงประกาศจากกรรมการสนามบอกให้ต่อยต่อ อีกฝ่ายวิ่งเข้าหาผมทันที และจังหวะที่ผมพอเห็นว่าการ์ดของอีกฝ่ายว่าง ผมโน้มตัวก้มลง แล้วยิงหมัดขวาสวนเข้าคางเต็มๆ สุดแรงเกิด....

สิ่งที่ผมเห็นแบบไม่ชัดนักในเสี้ยววินาทีถัดมาหลังจากต่อยไปแล้ว คืออีกฝ่ายลอยตกลงไปกับพื้นจนแน่นิ่งไปเรียบร้อย ความรู้สึกเจ็บที่กระดูกของนิ้วทั้งสี่นิ้วที่ทำหน้าที่ส่งแรงอัดก็ตามมา

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10…ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกสุดๆ แล้วเดินออกจากกรงไป เสียงเฮโลต่างๆ ผมไม่ได้สนใจมันมากนัก พอผมกลับเข้าไปที่ล็อคเกอร์ห้องแต่งตัว ผมนั่งถอดผ้าที่พันมือทั้งสองข้างออกช้าๆ มันก็เหมือนทุกครั้ง เจ็บ ชา ช้ำเลือด ผมมองดูมันด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป ก่อนจะไปอาบน้ำ แต่งตัวให้เรียบร้อย

เงินหกแสนถูกโอนเข้าบัญชีผมเรียบร้อยแล้ว ภาพในกระจกหมวกกันน็อคตอนนี้ คือถนนที่โล่งจนแทบร้างในเวลาตีหนึ่ง...ของวันใหม่ที่กำลังจะเช้า มันเหมือนกับใจผมที่โล่งไม่มีที่ไปแบบนี้ ผมเข้าใจคำว่า ชีวิตไม่มีความแน่นอน ก็ในวันที่ผมรู้สึกว่างเปล่าแบบนี้แหละ ความว่างเปล่าเหรอ...มันทำให้ผมล่องลอยไปหาใครบางคนในบางคืนเพื่อแก้เหงาทางกาย บางคืนที่ผมเดือดอย่างบอกไม่ถูก ผมก็ต้องการแค่อัดใครให้ตายคามือโดยไม่ต้องหาเหตุผล

ปุ๊บ...เสียงร่างแน่นๆ ของผมที่มีเพียงแค่กางเกงบ็อกเซอร์หนึ่งตัวกระแทกลงบนเตียง ผมรู้สึกเหนื่อยจนแทบไม่อยากคิดอะไรต่อ ดีที่วันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ ไม่มีนัดตอนเช้า เรียนพิเศษกลุ่มเล็กกับรุ่นพี่ที่มาติวให้ตอนบ่าย ทันทีที่ผมกางแขนออกกว้างๆ เตียงที่ผมนอนมันใหญ่เกินไปอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกเหงาบนเตียงนอนตัวเองมันเป็นแบบนี้ซินะ

แล้วแทนละ...สบายดีไหม ไม่มีคืนไหนที่ผมจะไม่คิดถึง คิดถึงจนต้องหลับเพื่อทำใจต่อไป

……………….

ปิ๊ปๆๆๆ

เสียงนกหวีดจบ Quater ที่ 3 หมดลง รอบชิงชนะเลิศบาสฯ ระดับมัธยมระดับประเทศ เป็นการกลับมาเจอกันของแชมป์คือโรงเรียนผม กับรองแชมป์ที่โรงเรียนผมยัดเยียดความพ่ายแพ้ในช่วงต่อเวลา คะแนนตอนนี้เสมอกันอยู่ที่ 67-67 เหลืออีกแค่ Quater สุดท้าย ที่จะตัดสินทุกอย่างเรียบร้อย

“ทุกคนทำได้ดีมากนะ เตรียมเจอเกมบุกของอีกฝ่ายได้เลย ตลอดสามเกมที่ผ่านมา เราเป็นฝ่ายวิ่งมากกว่าอย่างชัดเจน โค้ชขอให้ทุกคนพยายามดึงเกมให้ช้า เน้นชัวร์เข้าไว้ อย่าเล่นยากโดยไม่จำเป็น สำคัญมากนะ ยิ่งเวลาเหลือน้อย ถ้าเรายังรักษาสถาณการณ์นี้ได้ ขอแค่นำก้าวเดียว พอแล้ว” เราทุกคนในทีม รวมถึงน้องใหม่หลายคน ต่างก็ดื่มน้ำกันพอสมควร เพราะช่วงเกมที่สาม เราวิ่งกันเยอะมาก

“ไหวนะ” ผมพยักหน้าให้กับคำถามของไบรท์ขณะเช็ดหน้ากับหัวให้เรียบร้อย

“เรามาเพื่อชนะ” ผมไฮไฟว์กับไบรท์ก่อนจะทิ้งผ้าขนหนูแล้วกลับลงไปสนาม

ทันทีที่ลูกบาสฯ และผมโดดขึ้นไปปัดได้ก่อน การจ่ายบอลไปมาระหว่างทีมเป็นไปอย่างแม่นยำ แน่นอนว่าทุกการวิ่งกดดันให้จ่ายบอลพลาด บีบให้เราต้องเล่นน้อยครั้งที่สุด แล้วจบแต้มให้ได้ รวมถึงตัดเกมของอีกฝ่ายมาครองให้ได้มากที่สุด เพื่อฉกฉวยแต้มที่อีกฝ่ายควรจะได้ให้มากที่สุด เกมตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ น้องๆ หลายคน ถูกทั้งการ์ดและเซ็นเตอร์ของอีกฝ่ายกระแทกบ้าง นอกเกมแบบเนียนๆ บ้าง ถึงมีจับฟลาว์ได้ แต่ถ้าโดนแบบนี้ต่อเนื่องกัน คงไม่เป็นผลดีกับทีมแน่ๆ ผมส่งสัญญาณมือให้น้องๆ ใจเย็นๆ อย่ามีอารมณ์ตามอีกฝ่าย บทบาทกัปตัน ทำให้ผมต้องพยายามคุมเกมให้ทุกคนเล่นตามแผนที่โค้ชวางไว้ให้ดีที่สุด

30 วินาทีสุดท้ายก็มาถึง แต้มเท่ากันที่ 74-74 สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อไบรท์ยิงสามคะแนนพลาด ในขณะที่คนที่ใกล้บอลที่สุด วิ่งไม่ออกเพราะตะคริวกินขาจนล้ม ทำให้แต้มหนีไป 2 คะแนน ทันทีที่ลูกตกลงพื้น ผมโยนยาวไปหาไบรท์ทันที ภาพต่อจากนี้ที่ผมและทุกคนเห็นกันในวินาทีถัดมาคือ ไบรท์ยิงสามคะแนนออกไปอย่างใจเย็น ลูกบาสฯ ลอยโค้งลงแป้นโดยสัมผัสแค่เพียงตะข่ายด้านล่างของแป้นเท่านั้น

เสียงนกหวีดหมดเวลาคือสิ่งที่เกิดขึ้นในวินาทีถัดไป ทีมโรงเรียนผมชนะไปที่คะแนน 77-76 ผมทิ้งตัวลงไปนอนแผ่กับพื้นอย่างหมดแรง ทุกคนวิ่งเข้ามาในสนามกันเพื่อฉลองความสำเร็จนี้ ผมลุกขึ้นนั่ง มองเห็นบรรยากาศทั้งหมดที่ผู้ชนะกับผู้แพ้ต่างจับมือกันอย่างนักกีฬา เสียงปรบมือของผู้ชม ทำให้ผมนึกออกและกวาดสายตามองหาใครสักคนบนกลุ่มผู้ชม

“ภัทร” ผมหลุดออกจากภวังค์ของความคิดที่เกิดขึ้น โค้ชเรียกผมแล้ว แน่นอนว่าผมต้องเป็นคนแรกที่ขึ้นไปรับถ้วยรางวัล พร้อมกับเหรียญรางวัลในฐานแชมป์ประจำปีนี้ ก่อนที่คนอื่นในทีมจะทยอยเดินขึ้นไปรับเหรียญรางวัล ผมยังมองหาใครสักคนที่อยากให้เค้าอยู่ในเวลาที่มีความหมายเช่นนี้ คนนั้นคือ...

“เชิญมารวมกันถ่ายรูปด้วยนะครับ” เสียงช่างภาพของงานที่ตะโกนเรียก ทำให้ผมหายเหมอสักครู่ก่อนจะเดินไปรวมกับทุกคนในทีมเพื่อถ่ายรูปกัน สายตากับรอยยิ้มที่มีให้กล้อง แต่ใจผมคิดถึงบางคนที่อยากให้เค้าอยู่ตรงนี้ตอนที่ผมทำสำเร็จ ทำไมกัน ผมพาทีมป้องกันแชมป์ได้ แต่ผมไม่รู้สึกมีความสุขเลยสักนิด ความรู้สึกมันว่างเปล่าท่ามกลางรอยยิ้มของทุกคน

“แทนเป็นไรเปล่า” ผมนั่งอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของนักกีฬาเพื่ออาบน้ำ แต่งตัวกลับโรงเรียน ในขณะที่ทุกคนแยกย้ายไปอาบน้ำ แต่งตัว และเฉลิมฉลองกับความสำเร็จที่เราทั้งทีมพึ่งได้มา

“เปล่าๆ เราแค่เหนื่อยๆ อะ” ผมตอบไบรท์ที่มานั่งข้างๆ

“อยากให้บิ๊กมาดูใช่ปะ” ผมพยักหน้าให้กับคำถามของไบรท์

ไบรท์กอดไหล่ผมแน่นๆ ตบไหล่ผมเบาๆ ความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับไบรท์ แตกต่างกับบรรยากาศในห้องแต่งตัวที่ทุกคนยังคงยินดีกันอยู่

“มันว่างเปล่าอะ เราอยากให้คนแรกที่ปรบมือให้เราคือเค้า” ผมพยายามกลั้นความรู้สึกลึกๆ ไม่ให้ออกมาในเวลาที่ทุกคนกำลังมีความสุขกันอยู่

“เราเชื่อว่าถ้าบิ๊กรู้ว่าวันนี้เป็นไง บิ๊กดีใจแน่นอน เพราะคนนั้นเค้าไม่เคยเลิกรักแทนนะ...ไปอาบน้ำ แต่งตัวดีกว่า เดี๋ยวเราต้องกลับกันแล้วนะ” ไบรท์ดึงมือผมลุกขึ้น ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวกับกระเป๋าของใช้ส่วนตัวของผมยัดใส่มือให้เรียบร้อย

สายน้ำจากฝักบัวที่ไหลอาบร่าง ผมกำลังถูตัวล้างสบู่เหลวที่พึ่งอาบไปเมื่อสักครู่ หลับตาคิดว่า ถ้าตอนที่ผมชนะ แล้วบิ๊กอยู่ตรงนั้น ผมจะรู้สึกดียังไง ผมนึกภาพให้ชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งผมนึกให้ชัด ผมยิ่งถูตัวแรงขึ้นเรื่อยๆ แรงขึ้น จนผมลืมตาขึ้น ทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้ ในขณะที่ฝักบัวยังคงเปิดอยู่เช่นนั้น

ผมอยากให้บิ๊กอยู่ตรงนั้น ผมอยากให้บิ๊กคือคนแรกที่ได้เห็นความสำเร็จผม

……………….

“พี่บิ๊กครับ แรงๆ ครับ อา ฮือๆๆ”

เสียงตอบรับของร่างที่ผมกำลังใช้สองแขนล็อคขาที่ผมยกขึ้นไว้ ถูกผมสวนความเป็นชายเข้าไปไม่ยั้งเต็มที่ เกือบ 20 นาทีที่ผมสวนเต็มแรง ผ่อนบ้าง และจับเปลี่ยนท่าโดยไม่ให้น้องคนนี้หลุดออกเด็ดขาด ไม่ได้ทำให้ผมเหนื่อยสักนิด ผมสวนจนร่างน้อยๆ ส่งแววตาหวานฉ่ำก่อนจะปล่อยความเป็นชายของตัวเองออกมา นั้นจึงเป็นสัญญาณที่ผมเร่งเต็มที่ แล้วถอนออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฉีกเสื้อที่สวมไว้เพื่อปล่อยความเป็นชายของผมไปสงบลงบนหน้าอกกับหน้าท้องผิวสีแทนเข้มๆ เมื่อตัดกับสีขาวที่รดอยู่ มันเป็นภาพที่สุดอารมณ์ผมจริงๆ

“ผมรักพี่บิ๊กนะครับ” ผมไม่ตอบอะไรน้อง นอกจากทิ้งตัวลงนอนข้างๆ

“หมดแรงละครับ” ผมตอบน้องด้วยเสียงอ้อนๆ

“ก็พี่เสร็จสองรอบติดๆ กันแบบนี้ ถ้ายังไหว ผมก็หลวมซิครับ” ผมยิ้มกว้างๆ อย่างถูกใจ ก่อนจะหันหน้ากลับไปนอนมองเพดาน ผมปิดตาลงด้วยความหมดแรง

“เจ็บเหรอ” ผมถามแทนขณะที่ผมกำลังใส่เต็มที่

“แล้วบิ๊กโอเคไหมละ ถ้าโอเค ทำไปเถอะ” แทนตอบผมเสร็จ แล้วดึงผมไปจูบ ในขณะที่ผมยังคงใส่เต็มที่

“แทนรักบิ๊กนะ” สองมือของแทนจิกแผ่นหลังผมเต็มที่ เล็บทั้งสิบนิ้วกำลังจิกลงเต็มแรงกลางแผ่นหลังผม ผมก้มลงประกบริมฝีปากแล้วเร่งเครื่องเต็มที่

“ฮือๆๆๆ” ผมรู้สึกถึงแรงกระตุกของแทนที่ปล่อยออกมารดหน้าท้องของผมกับแทน ผมส่งต่ออีกไม่กี่ที แล้วถอนออก ก่อนจะรีบเอาไปจ่อปากแทน

แทนรีบดูดไว้แน่นๆ แล้วดื่มสิ่งที่ผมปล่อยออก ก่อนจะเลียทุกหยดจนสะอาด ผมถอยลงมานอนทับร่างของแทน ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงกลืนของเหลวลงท้องจากการสั่นไหวของลูกกระเดือกที่ลำคอของแทน

“ทำไมไม่ปล่อยเข้าไปอะ” เสียงอู้อี้ของแทนถามผม ผมพลิกตัวนอนตะแคงข้างๆ แทน

“ก็ปล่อยทุกวัน เปลี่ยนบ้างไม่ได้เหรอครับ” แทนลุกขึ้นนั่งก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดคราบที่ท้อง เสร็จแล้วมานอนตะแคงข้างๆ ผม

“ก็บอกอยู่ เราอยากท้องอะ ทำให้เราท้องซิ จะอุ้มท้องไปเรียน บิ๊กเป็นพ่อของเด็กในท้องเราแน่นอน” ผมขยับตัวประกบริมฝีปากจูบอีกรอบ

“เพ้อเจ้อแล้ว ถ้าติดได้เราปั้มทุกปีเลย มีลูกแบบทีมฟุตบอลเลยไหม” ผมแซวความเพ้อเจ้อของแฟนตัวเอง

“ก็เอาซิ เราไหว บิ๊กอะ ไหวเปล่า” ผมพยักหน้าอย่างมั่นใจ

“ถ้าเราทำให้แทนมีลูกได้จริงๆ เราดีใจแหละ ลูกเรา ครอบครัวเรา ดีออก” ผมขยับไปนอนใกล้ๆ แทน

“เรามีอะไรกับใครไม่ได้อีกแล้ว ถ้าไม่ใช่แทน เราก็ไม่อยากมีใครอีก” ผมขยับตัวขึ้นคร่อมแทน ก่อนจะเริ่มต่อยกสอง แทนปล่อยอิสระให้ผมจัดการกับร่างกายของแทน โดยที่แทนได้แต่ส่งเสียงครางต่ำ

ผมลืมตาขึ้น...ลุกขึ้นจากเตียงด้วยร่างเปลือยเปล่า หยิบ Apple Watch ที่ถอดวางไว้หัวเตียงน้องเค้ามาดูเวลา ตีหนึ่งแล้ว...ตอนผมทำน้องเค้าเสร็จ น่าจะสี่ทุ่มกว่าๆ นี่ผมหลับยาวเอาเรื่องเหมือนกัน

น้องเค้าอาบน้ำตัวหอมนอนไปแล้ว แล้วกิจวัตรบางอย่างก็วนกลับมา ผมฝันถึงเรื่องเก่าๆ ทุกครั้งที่หลับลงไป แล้วผมต้องตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกที่อยากผ่านไป แต่ก็ไม่รู้จะทำไงให้ผ่านไปได้ดีกว่า การมีอะไรกับใครสักคนให้มันเสร็จและลืมไป ก็..6 เดือนแล้วมั่ง ที่ทุกอย่างวนไปมาแบบนี้ บางคืนก็เมา บางคืนก็หาที่ระบาย บางคืนก็ออกไปฆ่าตัวตายในเวทีกรงเหล็ก

อาบน้ำเสร็จ ผมใส่แค่ขาสั้นตัวเดียวไปสูบบุหรี่ที่ดาดฟ้าหอพักนี้คนเดียว ควันสีเทาที่ผ่านอากาศไปมันสวยงามมากสำหรับผม กลิ่นที่คุ้นเคยของบุหรี่ ช่วยให้ผมรู้สึกสงบลง ลดความเจ็บปวดทางใจบางอย่างลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมจะต้องอยู่ในสภาพนี้ไป หรือมันอาจจนกว่าผมตายไปนั้นแหละ

……………….

หัวดินสอที่กำลังเคาะลงกระดาษ คือความคิดที่ผมกำลังตัดสินใจว่าจะฝนข้อไหนเป็นคำตอบ นี่คือการสอบปลายภาคครั้งสุดท้ายในชีวิตนักเรียน ม.ปลาย สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนทุกครั้งของการสอบที่ผ่านมา คือการไม่มีแทนมาติวให้ผม ผมตั้งใจมากสำหรับการสอบครั้งนี้ ไม่อยากตกเด็ดขาด บางข้อก็ยอมรับว่าต้องมั่ว เพราะคิดไม่ออกจริงๆ แต่อันไหนพอทำได้ ก็เต็มที่แหละ

อย่างน้อย เพื่ออนาคตตัวเอง แต่สิ่งที่ผมตั้งใจทำที่สุดคือ...ผมอยากให้แทนเห็นว่า ผมอยู่เองได้ พึ่งพาตัวเองได้ ผมว่าแทนคงทำข้อสอบพวกนี้สบายๆ แหละ สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านแล้วทำต่อให้เสร็จดีกว่า...

“ไอ้บิ๊ก ไอ้บิ๊ก” เสียงเรียกของตั้มผสมวิ่งทำให้มันต้องหยุดพักหอบสักครู่ก่อนจะเริ่มพูด

“พวกกูหามึงกันทั้งโรงเรียน มึงไปอยู่ไหนมาวะ” นึกว่าเรื่องอะไร ผมไปอยู่เงียบๆ มานั้นแหละ

“กูไปหาที่เงียบๆ สงบตัวเองนิดหน่อยวะ โทษที” ผมโอบไหล่ตั้มทีนึง ก่อนจะดึงมือกลับไปแล้วเดินกลับไปกับตั้ม

“มึงสอบโค้วต้าวิทย์ฯกีฬา ใช่ปะ” ผมพยักหน้าใช่

“ผลน่าจะออกสัปดาห์หน้าอะ กูไม่หวังวะ สอบไม่น่าจะติด” ผมยิ้มๆ เฉยๆ นะ เพราะสอบไม่น่าติด

“ให้ผลมันออกก่อน มึงอาจติดก็ได้ อย่างมาก ม.เอกชน รออยู่วะ” ก็ถูกของมึงนะตั้ม

“สงสัยพวกเราทั้งกลุ่มได้ไปโผล่แถว ม.เอกชน แหง่ๆ” ไม่หรอกมั่ง พวกมึงเก่งกว่ากูตั้งเยอะ

“กูเคยคิดไว้วะ...กูอยากเข้ามหาลัยเดียวกับแทน คนละคณะไม่เป็นไร แต่อยากอยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่ติดแฟนนะ แต่อยากเรียนจบในที่ดีๆ จบแบบ กูก็ทำได้ อะไรแบบนี้วะ” มึงเข้าใจใช่มะตั้ม

“บางที ตอนนี้กูก็นึกไม่ออกว่าจะใช้ชีวิตทั้งหมดนี้ต่อไปเพื่ออะไร กูรู้สึกแบบนั้นวะ มัน...ล่องลอยไม่มีหลักอย่างบอกไม่ถูก” มึงคงเข้าใจกูนะ

“มึงอยากรู้เรื่องแทน มึงก็ถามผ่านไบรท์มันซิวะ” ผมรู้สึกอึ้งๆ นิดหน่อยที่พยายามจะไม่นึกถึงเรื่องนี้

“กูรู้ว่ามึงคิดถึงเค้าอยู่”  ผมได้แต่พยักหน้าอย่างเดียว

“กูขอตัวแป็ปนะ เจอกันที่บ้านไอ้แชมป์ตอนหลังสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ เดี๋ยวกูไปเข้าห้องสอบเอง” ผมวิ่งออกไปหลังจากบอกลาตั้มเสร็จ

ผมหามุมสงบๆ หยิบ iPhone ตัวเองกดเบอร์โทรศัพท์ที่ผมไม่เคยลืมจากหัว ทันที เหลือแฟค่อย่างเดียวคือ กดโทรออก...โทรออกก็ได้

“ฮัลโหลแทน เออ สอบปลายภาคยังอะ” ผมไม่รู้จะเริ่มเปิดประเด็นยังไงดี

“พรุ่งนี้วันสุดท้าย แล้วบิ๊กอะ” ผมรู้สึกดีชะมัดที่ได้ยินแค่เสียง ถึงมันจะเป็นแค่น้ำเสียงตอบคำถามตามปกติ

“วันนี้วันสุดท้ายอะ งั้น...แทนว่างใช่ปะ ตอนเย็นๆ สักห้าโมง คือ เราอยากเจอได้ไหม” ตั้งแต่เราสองคนแยกทางกัน นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมอยากเจอแทนจริงๆ

“เราอยากกินข้าวด้วยเฉยๆ คือ เราอยากกินข้าวด้วย” แทนไม่ตอบอะไรหลังจากผมบอกไปว่าอยากเจอ

“บิ๊กอยากเจอเราเหรอ” ผมตอบทันทีอย่างที่ใจบอกว่า

“ห้าโมงเย็น ร้านซูชิที่เราเคยพาแทนไปทานแถวพร้อมพงศ์ ถ้าแทนไม่มา เราจะรอจนกว่าร้านจะปิด” นี่คือคำตอบของผม
"อือ เจอกันนะ" ผมวางสายลง ไม่ตอบอะไรต่อ ดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่นัดได้

ข้อสอบวิชาสุดท้ายที่ผมกำลังทำ มันไม่ยากสำหรับผมเลย ไม่ใช่เพราะผมเก่งหรืออ่านหนังสือมาดี แต่ผมอยากให้เวลามันวิ่งไปถึงเวลานัดที่ผมนัดไว้ เวลาสอบสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมคิดว่าทำเร็วแล้วนะ แต่พอทำเสร็จ ดันพอดีกับที่อาจารย์ประกาศหมดเวลาสอบ เงยหน้ามาอีกที เหลืออยู่ไม่กี่คนในห้องสอบ ส่วนพรรคพวกผม ออกไปก่อนหมดละ

“พวกมึง กูมีธุระ กูไปก่อนนะ” นี่คือคำแรกที่ผมตะโกนบอกแชมป์ที่เป็นเจ้าของที่จอดน้องถ่าน ผมรีบกระชับกระเป๋าเป้ให้แน่น ใส่หมวกกันน็อคกับถุงมือให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว แล้วติดเครื่องออกจากบ้านไปเลย ไม่แน่ใจว่าแชมป์มันถามผมเปล่าว่า “มึงจะไปไหน”

ห้าโมงสิบห้า รถที่โคตรติดตั้งแต่หน้าปากซอยข้างโรงเรียนผมยันพร้อมพงษ์ ทำให้ผมหงุดหงิดที่มาสาย หลายแยกก็ไม่มีจังหวะเป็นใจให้ผมแหกไฟแดง แล้วผมก็จอดน้องถ่านพร้อมขึ้นขาตั้งกับล็อคคอเรียบร้อย ถอดหมวกกันน็อคเสร็จเดินเข้าร้านไป

“เราขอโทษ รถมันติดมากเลยอะ” ผมรีบไปนั่งโต๊ะที่แทนนั่งรอผมอยู่ก่อนหน้าแล้ว แทนส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่เป็นไร

“อือ มันติดมากแหละ เราก็นึกว่าจะสายเหมือนกัน” ผมรับเมนูจากบริกรแล้วเปิดดูก่อน

“แทนสั่งเลยนะ เราเลี้ยงเอง” ผมจัดแจงสั่งข้าวปั้นทุกหน้าที่ผมจำได้ว่าแทนชอบทาน รวมถึงปลาดิบชุดใหญ่ พอผมมองแทนว่าจะสั่งอะไร แทนก็ตอบผมแค่

“สั่งให้เราหมดแล้วนะ ไม่ต้องสั่งเลย” ผมดีใจชะมัดที่เห็นรอยยิ้มเล็กๆ ของแฟนผม

“ทำไมอยากเจอเรา คือ...เราทำให้บิ๊กเสียใจขนาดนี้ บิ๊กเองก็...” ผมยกฝ่ามือเบรคคำถามของแทนทันที

“เราไม่เคยโกรธแทน แต่เราไม่อยากให้แทนเดือดร้อนหรือเป็นทุกข์เพราะเราอีก เรา...อือ กินก่อนดีกว่า เราหิวอะ ขับรถมาไกล” ผมพยายามยิ้มกลบอารมณ์จริงๆ ที่ผมอยากบอกแทนออกไปตอนนี้ แทนได้แต่พยักหน้า

ประเด็นที่คุยหลังจากรออาหารกับทานอาหาร เลยมีแค่เรื่องสัพเพเหระของเพื่อนๆ ผม ไบรท์ รวมถึงเรื่องเรียนเป็นหลัก พอผมบอกแทนว่ายื่นโค้วต้าคณะอะไรไป ผมเห็นแววตาของแทนดีใจมาก ผมสบายใจที่ทำให้คนที่ผมรักหมดห่วงเรื่องอนาคตที่เรียนผมได้เปลาะหนึ่ง

“อิ่มไหม” แทนพยักหน้า ส่วนผมเช็ดปากสักครู่ แล้วเรียกเก็บเงินให้เรียบร้อย ผมรวบรวมความรู้สึกสักครู่ ในขณะที่สองมือของแทนกำลังกุมถ้วยชาร้อนที่เริ่มเย็นลงจนสัมผัสได้สบายๆ

“เราอยากคุยกับแทน เราเลยนัดออกมา คือ...แทน...เราอยากได้แทนกลับมา เราไม่สนว่าจะเจ็บตัวแค่ไหน หรือต้องเจออะไรอีก เราแค่อยากให้แทนกลับมาอยู่กับเรา คือ...” ให้ตายเถอะ ผมพูดวกไปวนมาอะไรวะเนี่ย ผมพยายามใช้สายตาตัวเองส่งความรู้สึกนี้ให้แทนรับรู้ว่าผมอยากสื่ออะไรออกไป

“เราหาที่เงียบๆ คุยกันไหม” แทนเอยปากชวนผม

“แทนกลับบ้านดึกไม่ได้ไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้ก็สอบอีก” ผมไม่อยากให้แทนเดือดร้อน

“เราอยากไปกับบิ๊ก จะดึกก็ไม่เป็นไร จะเช้าก็ไม่เป็นไร ถ้าเราได้อยู่กับบิ๊ก เราก็พอใจแล้ว” แทนเอื้อมมือมากุมมือที่ผมวางไว้บนโต๊ะ

“แทนร้องไห้ทำไม” ผมเห็นน้ำตาของแทนไหลอาบแก้มช้าๆ

“บิ๊กจะพาเราไปไหม” ผมพยักหน้าโอเค

ผมไม่ได้ขับน้องถ่านแบบไม่ใส่หมวกกันน็อคนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือ กอดที่คนรักผมกำลังโอบผมตอนนี้มันแนบแน่นมากๆ ผมพาวิ่งในถนนที่กะว่าจะไม่เจอตำรวจจับเรื่องหมวกกันน็อค แล้วผมก็พาแทนมาถึงสวนหย่อมแห่งหนึ่งที่ดูปลอดภัย เงียบ และสว่างกำลังดี

ม้านั่งที่ผมกับแทนนั่งอยู่ตอนนี้ ผมกุมมือแทนไว้หลวมๆ ไม่มีคำพูดจากเราทั้งคู่ แทนค่อยๆ ขยับตัวเอียงศีรษะอิงไหล่ผม ผมนั่งย่อลงให้ไหล่ผมรับพอดี ผมเอียงศีรษะพิงกับแทนเอาไว้ ผมกุมมือให้แน่นขึ้นอีกนิด ถ้าหยุดเวลาไว้ตรงนี้ได้ ผมจะหยุดไว้ตลอดไปก็คงดี

“เราเกลียดตัวเองจัง” แทนเอยปากพูดขึ้นมา ผมอิงศีรษะให้พิงสนิทมากขึ้น

“เราเกลียดที่เป็นตัวเองไม่ได้ ทำให้พ่อกับแม่ยอมรับในตัวเราไม่ได้ และที่เราเกลียดที่สุด คือเราปกป้องคนที่เรารักไม่ได้” ผมถอนหายใจเบาๆ

“แทน ที่เราอยากเจอแทนวันนี้ เราอยากบอกว่า เราไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว ตั้งแต่เราไม่มีแทน เราไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เกือบทุกคืนมันทรมาณจนแทบอยู่ไม่ได้ เราทำหมดทุกอย่างแล้ว นอนก็ไม่ลง ดื่มเหล้าแค่ไหนก็ไม่รู้สึกดีขึ้น ออกไปอยู่ในกรงมวยใต้ดิน หวังว่าจะเจอคู่ต่อสู้ที่ทำให้เราตายในกรงไปเลย แต่พอเรานึกถึงแทนในเสียววินาที เราก็สู้สุดใจเพื่อใช้ชีวิตต่อไป บางคืนเรานอนกับคนที่เราถูกใจ แล้วพอเราเสร็จ เราก็รู้สึกเหงา เพราะคนที่เรานอนด้วยไม่ใช่แทน บางที เราก็เกลียดแทน ที่ทำให้เราต้องเป็นแบบนี้ แต่เราก็เกลียดไม่ลงสักนิด เพราะคำว่าความรัก แทนคือคนที่ทำให้เรารู้จักมัน” ผมไม่ไหวแล้ว...ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้วจริงๆ

“ฮือๆๆๆ” แทนหันมากอดผมเอาไว้ในขณะที่ผมยังคงร้องไห้อยู่

“เราขาดแทนไม่ได้จริงๆ รู้ไหม ฮือๆๆๆ” ทุกอย่างที่ผ่านมามันทำให้ผมทุกข์จนระเบิดออกมา

“บิ๊ก เราหนีไปด้วยกันไหม” มันเป็นความคิดที่ดีนะ สำหรับโลกของความเป็นจริงที่ผมกับแทนกำลังเผชิญอยู่

“ถ้าเราหนีไปด้วยกัน คนทั้งโลกจะไม่โอเคกับเรา” ผมปรับเสียงให้นิ่งที่สุด หยุดร้องไห้เพื่อเข้มแข็งกับการแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ดีที่สุด

“เราจะบอกพ่อกับแม่เรา ว่าเราต้องการอะไร” ผมส่ายหน้าให้เป็นคำตอบว่ามันไม่ใช่วิธีที่ดีแน่ๆ

“เราจะไม่หนีอีกแล้ว เชื่อใจเรานะ เราต้องไปด้วยกันต่อได้ สัญญากับเราได้ไหมบิ๊ก” ผมดึงแทนมากอด

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เราเดินไปบอกพ่อกับแม่เราแล้ว บิ๊กจะดูแลตัวเอง รักตัวเอง และไม่ทำร้ายตัวเองอีก สัญญาได้ไหม” ผมพยักหน้าขณะที่กอดอยู่

“เราจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ต่อให้ไม่เจอแทนอีกต่อไป สัญญาครับ” ต่อให้แทนจะไม่ได้กลับมาเจอผมอีก ผมก็ไม่เสียใจอีกแล้ว

ผมกับแทนลุกขึ้นยืนแล้วกอดกันแน่นๆ ภาวนาในใจไว้อย่างเดียว ขอให้ความรักชนะทุกสิ่งที่ขวางเราได้ ขอแค่นั้นจริงๆ

เรารักกัน....ขอให้ทุกสิ่งเป็นใจให้กับเราทั้งคู่สักครั้งเถอะ

**********

บทถัดไป แทนจะเผชิญหน้ากับพ่อแม่ตัวเอง และทำในสิ่งที่พ่อกับแม่คาดไม่ถึง และตัวละครสำคัญคนแรกจะโผล่มาแก้สถาณการณ์ให้ดีขึ้น รวมถึงเราจะได้รู้จักแทนมากขึ้นด้วยครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ บทที่ 70 จะรีบทำมาให้อ่านเร็วที่สุดนะครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ^^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2016 05:53:10 โดย zipboy »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 69 ++
« ตอบ #969 เมื่อ: 19-01-2016 05:43:34 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เศร้ากับบิ๊ก  :hao5:  เอาใจช่วยแทนกับบิ๊กให้ผ่านด่านพ่อแม่อย่างมีความสุข  :mew1:   อยากอ่านบรรยากาศที่คู่รักอยู่ด้วยกันมากๆ   :o8:   ขอบตุณไร้ทเท่อ ทำให้ได้อ่านเริื่องดีๆ   :mew1:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ดีใจมากๆ ที่บิ้กกะแทน กลับมาเป็นคนรักกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอกัน อาจร้ายแรงขนาดต้องตายจากกัน แต่จากกัน ในสถานะที่มีคนรัก ก็ยังดีกว่า มีชีวิตอยู่แบบโดดเดี่ยว เอาใจช่วยทั้งคู่และคนเขียนค่าาา :mew1:

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 70 เหลือ 2 หน้าจะได้อ่านกันละครับ (ถ้าไม่ติดอะไรซะก่อน)

สักวันอังคาร(หรือก่อนหน้า) น่าจะได้อ่านกันละครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ^^

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 70 ++
«ตอบ #976 เมื่อ29-01-2016 04:15:29 »

บทที่ 70 มาละครับ แอบไม่สบายตามอากาศไปสองวัน บทนี้เราจะได้รู้จักครอบครัวของแทนมากขึ้น คุณยายของแทนมาละครับ มาในเวลาที่แทนตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า หากพ่อกับแม่ไม่อนุญาตให้ชีวิตของแทนเป็นอย่างที่แทนเป็น ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไปตลอดกาลเช่นกัน

มาดูกันต่อครับ^^

************

Chapter 70

สายน้ำที่ไหลจากฝักบัวที่รดตัวผมตอนนี้ ทำให้ผมสดชื่นขึ้น ฝ่ามือกับนิ้วมือที่กำลังลูบไล้ตามร่างกายเพื่อล้างสบู่ที่ฟอกไปเมื่อสักครู่ให้สะอาด หลังจากวันนี้ผ่านไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ หลังจากผมสอบเสร็จ ผมจะพูดกับพ่อ แม่ ให้ชัดเจนว่า ผมต้องการอะไรในชีวิตต่อไปจากนี้

ผมยืนมองตัวเองที่แต่งชุดนักเรียนเสร็จแล้ว มองอย่างตั้งใจ ผมบอกตัวเองได้แค่ “ขอโทษด้วยครับคุณพ่อ คุณแม่ ผมคงไม่สามารถเป็นได้อย่างที่หวังไว้”

“พ่อครับ แม่ครับ เย็นนี้อยู่บ้านเปล่าครับ” ผมเริ่มเปิดคำถามนี้บนโต๊ะอาหารเช้า

“อยู่นะ วันนี้ไม่มีธุระไปไหน” ผมพร้อมละครับ

“เย็นนี้ผมสอบเสร็จ ผมมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับพ่อกับแม่ครับ” แม่ผมพยักหน้ารับทราบ

“คุยตอนนี้เลยก็ได้นะ เรื่องอะไรอะลูก” ผมยังไม่พร้อมเล่าตอนนี้ครับพ่อ

“ไว้กลับบมบ้านก่อนครับ เดี๋ยวผมไปสอบสายครับพ่อ” พ่อผมเช็ดปากแล้ววางผ้าลงช้าๆ มองผมด้วยสายตาที่ผมไม่ค่อยชอบนัก
 
“พ่อกับแม่จะรอที่ห้องทำงานนะ” ผมเช็ดปากให้เรียบร้อย ก่อนจะหยิบกระเป๋าย่าม แล้วไหว้สวัสดีคุณพ่อกับคุณแม่อีกรอบ

“ตั้งใจสอบละลูก” ผมพยักหน้าให้กับพรที่แม่ผมให้ก่อนจะไปขึ้นรถ RangeRover สีดำคันที่ผมใช้ประจำ

ตลอดทางที่ผมกำลังไปโรงเรียน สรุปสิ่งที่ต้องใช้สอบกำลังอ่านผ่านตาผมอีกครั้ง ผมอยากทำสอบให้ดีที่สุดก่อนที่ใจผมจะต้องรับมือกับเรื่องที่ใหญ่ที่สุดอีกครั้งในชีวิต มือขวาผมลูบแหวนที่บิ๊กให้ผม ซึ่งตอนนี้ผมเอาไปร้อยกับสร้อยไว้ห้อยคอทุกวัน ผมลูบแหวนวงนี้ผ่านผิวผ้าของเสื้อนักเรียน ผมไม่ได้สวมมันไว้ เพราะไม่อยากเกิดประเด็นกับครอบครัวผม

ช่วยอวยพรให้เราทำสำเร็จนะบิ๊ก

……………….

5 ปีที่แล้ว...

“แทน หลานแทน” อาหารบนโต๊ะน่าจะครบทุกอย่างแล้ว มื้อเย็นที่ฉันทำเพื่อหลานคนนี้ ต้องอร่อยทุกอย่าง

“ครับคุณยาย” หลานยายวิ่งเบาๆ หน่อย บันไดมันลื่น เดี๋ยวตกบันไดซะก่อน
 
“คุณยายไม่ยอมให้แทนช่วยทำกับข้าว” ก็หลานมีการบ้านต้องทำนะ

“หลานต้องตั้งใจเรียน มีการบ้านต้องทำ ไหนจะซ้อมบาสฯ แค่ทำกับข้าว สบายมาก ยายแข็งแรง” จัดโต๊ะกับจำเนียรเสร็จละ หลานจะได้ทานมื้อเย็นซะที

บางทีฉันก็กลัวหลานจะเบื่อว่ากับข้าวมันซ้ำๆ วนไปวนมาไม่กี่อย่าง แต่หลานแทนไม่เคยบ่นสักครั้งว่าไม่อยากทาน บางทีฉันก็ไม่ยอมทานอาหารที่เรือนใหญ่ที่พ่อกับแม่ของแทนอาศัยอยู่ ทุกครั้งที่ฉันเห็นหลานขอเติมข้าว ทานกับข้าวจนหมดทุกครั้ง คนแก่อย่างฉันดีใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ

“คุณยายครับ แทนอยากนอนที่เรือนคุณยายสักสองสามวัน ได้ไหมครับ” ไม่มีปัญหา ก็นี่บ้านของหลานนะ

“หมู่นี้ชอบมานอนบ้านยายนะ ไม่อยากเจอคุณพ่อคุณแม่ของเราหรือไง เดี๋ยวแม่เราจะมาบ่นว่ายายขโมยตัวเรามาอยู่ซะก่อนนะ” หลานกำลังเก็บโต๊ะให้เรียบร้อยหลังทานเสร็จ

“คุณยายไม่อยากให้แทนอยู่ใกล้ๆ เหรอครับ” คนแก่อย่างฉัน อยากให้หลานอยู่ใกล้ๆ เสมอแหละ

“ยายก็อยากให้หลานอยู่ด้วย แต่เดี๋ยวเราจะลืมพ่อกับแม่เราซิ” หลานชายของฉันวางทุกอย่างลง แล้วเดินมากอดฉันแน่ๆ

“คุณยายเลี้ยงแทนมา แทนก็ต้องอยู่ดูแลคุณยายซิครับ” นี่ละมั่ง ความสุขสิ่งเดียวในยามบั้นปลายที่ฉันมี

“ไปอาบน้ำ ทำการบ้านนะ แล้วรีบเข้านอนด้วย เดี๋ยวจานชามให้แม่เนียรเค้าจัดการ” ถ้าฉันไม่บอก หลานฉันจะล้างเองเสมอ ของที่ต้องล้างในครัวมันเยอะ ดูรบกวนเวลาที่หลานชายของฉันควรได้ไปทำอย่างอื่น

“คุณแทนคะ คุณผู้หญิงเรียกให้ไปหาตอนนี้คะ” นั้นไง แม่ของหลานอยากเจออย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ

“เดี๋ยวผมกลับมานอนเรือนคุณยายนะครับ” ฉันพยักหน้าให้เป็นการตอบรับ

สองทุ่มแล้ว หลานแทนคงนอนที่เรือนใหญ่แล้วแหละ ฉันนั่งอยู่โซฟาตัวเดียวที่อยู่กลางบ้าน อ่านหนังสือเก่าๆ ที่ฉันอ่านซ้ำไปไม่รู้กี่รอบตลอดชีวิตแล้ว มีแค่แสงไฟกับเสียงวิทยุที่เล่นเพลงเก่าๆ สมัยฉันยังไม่แก่ขนาดนี้นั่นแหละ ตู้วางโทรทัศน์มีกรอบรูปทั้งฝั่งซ้าย ขวา และตรงกลาง ฝั่งซ้ายกับตรงกลางรายล้อมด้วยรูปลูกสาวฉัน ซึ่งก็คือแม่ของหลานแทน ทั้งตอนเด็ก ตอนรับปริญญา แต่หลังจากแต่งงาน ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม ลูกสาวฉันกลายเป็นคนไม่ยอมหักไม่ยอมงอ หน้าที่การงานที่ก้าวหน้าของลูกสาวฉัน ทำให้ลูกสาวฉันกลายเป็นคนที่ฉันไม่อยากให้เป็น

ฉันไม่เคยอยากได้ความร่ำรวย คู่ชีวิตฉันที่จากไปหลายสิบปี เป็นข้าราชการที่อยู่พอกิน ไม่เคยลำบากเพราะเราไม่ทำอะไรเกินตัว ลูกสาวฉันรับราชการตามคู่ชีวิตของฉัน แต่ลูกสาวฉันต้องการความก้าวหน้าที่ยิ่งกว่า ต้องการจนฉันเหมือนเสียลูกสาวคนนี้ไปแล้ว ฉันอยากได้แค่ความสุขที่สบายใจ ไม่ต้องทำให้ใครเจ็บ ไม่ต้องยืนบนกองคนที่เดินข้าม วันที่ลูกสาวฉันมีหลานชายให้ฉัน สิ่งที่ฉันตั้งใจที่สุดคือ ฉันจะเลี้ยงหลานคนนี้ไม่ให้เป็นอย่างที่ลูกสาวฉันเป็น

กรอบรูปฝั่งขวาคือหลานแทน รูปหลานตั้งแต่เล็กๆ จนโตขึ้นมา หลายอิริยาบทที่ถ่ายกับฉัน ถ่ายกับพ่อแม่ ถ่ายกับเหรียญรางวัลที่แข่งกีฬา แป้นบาสฯ ที่หน้าเรือนที่ฉันอยู่ ลูกบาสฯ เก่าๆ ที่วางอยู่ข้างๆ ตู้โทรทัศน์ คือของชิ้นเดียวที่หลานฉันขอ หลานคนนี้ไม่เคยร้องงอแงเอาแต่ใจแบบเด็กในวัยเดียวกัน ตรงกันข้าม แทนเป็นเด็กผู้ชายที่ขี้อาย พูดน้อย ไม่มีเรื่องอะไรกลับมาบ้าน ถึงโดนเพื่อนแกล้งจนร้องไห้ ก็ไม่เคยเล่าให้ฉันฟังว่าเกิดอะไรขึ้น หลานฉันเรียบร้อยจนบางทีฉันก็ไม่แน่ใจว่า หลานชายคนนี้กำลังมีความสุขอยู่หรือเปล่า ใบหน้าเปื้อนยิ้มน้อยๆ ตอนที่หลานกำลังโยนลูกกลมๆ ลงห่วง คือสิ่งเดียวที่ฉันเห็น ทุกครั้งที่ฉันรู้ว่าพ่อกับแม่ของแทนกำลังลงมือทุบตี จะต้องเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ตอนฉันเป็นแม่ ลูกสาวฉันยังเล็ก ฉันไม่เคยตำหนิเลยสักนิด

ฉันไม่เคยหวังว่าลูกหรือหลานฉันต้องเรียนเก่งที่สุด ไม่เคยหวังว่าจะต้องเด่นหรือดีกว่าใคร ฉันหวังแค่ลูกและหลานฉันเป็นคนดี ไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่ทำสิ่งไม่ดีต่อทุกคน ฉันขอแค่นี้จริงๆ ไม่ว่าฉันจะบอกพ่อกับแม่ของหลานฉันยังไง พ่อกับแม่ของหลานฉันไม่เคยลดความคาดหวังในตัวหลานชายฉันสักนิด ฉันไม่เคยรู้สึกมีความสุขที่หลานฉันสอบได้คะแนนสูงๆ ได้ที่หนึ่ง ได้รางวัลจากการประกวดต่างๆ เพราะมันทำให้รอยยิ้มหลานฉันไม่เต็มใบหน้าสักครั้ง

ฉันถอนหายใจอีกแล้ว การถอนหายใจคือการลดอายุตัวเอง ฉันจะลดอายุตัวเองไม่ได้ ถ้าหลานยังไม่โตจนอยู่ด้วยตัวเองไม่ได้ ฉันจะเป็นอะไรไม่ได้ ฉันต้องอยู่ให้ถึงวันที่หลานฉันเดินได้เองให้ได้ก่อน

ไหว้พระแล้วนอนดีกว่า คนแก่ๆ อย่างฉัน สุขภาพสำคัญที่สุด

“จำเนียร จำเนียร” ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า

“คุณยายมีอะไรให้เนียรช่วยคะ” ก็เรื่องเดิมๆ ที่ฉันห่วง ฉันต้องใช้เธอไปดูนี่แหละ

“หลานฉันบอกจะกลับมานอนด้วย ฉันไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นอีกเปล่า” แน่นอน คนรับใช้ที่รู้ใจฉันสุดพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรีบไปที่เรือนใหญ่ในทันที

ฉันลุกขึ้นจากโซฟา โอ๊ย...บั้นเอวฉัน มันเจ็บจนเดินไม่ถนัด ถ้าฉันต้องเดินนานๆ ต้องใช้ไม้เท้าค้ำช่วยไว้ ฉันรู้สึกเจ็บจนต้องรอสักพักแล้วค่อยๆ กลับลงไปนั่งดีๆ เพื่อรอฟังข่าวว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานชายของฉันหรือเปล่า

“คุณยายคะ คุณผู้หญิงตีคุณแทนแล้วให้อยู่ในห้องห้ามออกไปคะ” คนรับใช้ฉันหายไปสิบนาที กลับมาพร้อมเรื่องที่ฉันไม่อยากได้ยินที่สุด

“พาฉันไปเรือนใหญ่หน่อย” ฉันลุกขึ้นหยิบไม้เท้า แล้วให้คนรับใช้ของฉันคอยดูฉันห่างๆ ถ้าฉันก้าวพลาดจะได้มีคนประคองให้

เรือนหลังใหญ่เป็นคฤหาสน์ที่เด่นสง่า ถึงมันอยู่ในบริเวณเดียวกับบ้านของฉัน แต่ฉันกลับไม่อยากอาศัยในนี้สักนิด อย่างว่าแหละ ฉันมันแก่แล้ว ไม่อยากไปไหน ไม่อยากอยู่ที่ๆ ฉันไม่คุ้นกับมัน และฉันก็พาตัวเองมาถึงห้องทำงานของลูกสาวฉันได้ซะที ฉันเคาะประตูสองที ก่อนจะเปิดเข้าไปตามเสียงเชิญของคนที่อยู่ในห้อง

“คุณแม่มาเพราะมีใครไปฟ้องใช่ไหมคะ” ลูกสาวฉันเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามของโซฟารับแขกที่อยู่ในห้อง ในขณะที่ฉันพาร่างตัวเองนั่งลงอย่างช้าๆ

“ฉันบอกแกกี่ทีแล้ว แทนไม่ใช่เด็กเหลวไหล ทำไมแกต้องตีลูกตัวเองแบบนี้ ฉันยังไม่เคยตีแกตั้งแต่เด็กเลยนะ มันเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องลงมือกับลูกตัวเองแบบนั้นด้วย” แค่ประโยคที่ฉันกำลังพูด มันทำให้ฉันรู้สึกความดันขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

“รู้ไหมคะคุณแม่ หลานคุณแม่ทำเรื่องงามหน้าเอาไว้อยู่” น้ำเสียงโกรธของแม่หลานชายฉัน ดูพร่ำเพรืออย่างบอกไม่ถูก ฉันได้แต่ถอนหายใจเป็นคำตอบให้ลูกสาวของฉันเล่าว่าทำไม อย่างไร

“มีคนพูดว่าแทนเป็นตุ๊ด” นี่คือครั้งแรกที่ฉันได้ยินว่าเรื่องนี้คือสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวฉันเดือดดาลขนาดนี้

“มีคนพูดว่าแทนกำลังคบกับรุ่นพี่ในทีมบาสฯ แบบ...คุณแม่รู้ไหมว่ามันพูดแล้วกระดากปากมาก มีคนพูดว่าแทนกอดกับมัน ให้มันจูบ นอนตักมัน แบบ คุณแม่ว่ามันงามหน้าไหมละ” ฉันตั้งสติสักครู่ คิดอะไรสักครู่ก่อนจะบอกกับลูกสาวฉันไปว่า

“ปีนี้แทนอายุเท่าไหร่” นี่คือคำถามแรกที่จะพาไปสิ่งที่ฉันอยากบอกลูกสาวฉันต่อจากนี้

“13 คะคุณแม่” ฉันพยักหน้าก่อนจะเริ่มพูดสิ่งที่ฉันคิดออกไป

“ฉันเองก็ไม่รู้หรอก ว่าหลานแทนจะรักชอบเพศเดียวกันหรือเปล่า แต่ที่ฉันรู้คือ ฉันผิดหวังที่แม่ของแทนฟังเสียงคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่จริง คนที่เธอควรฟังคือลูก ไม่ใช่คนอื่น คนอื่นไม่ได้เลี้ยงแทน เราคือคนที่เลี้ยงแทน” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดต่อ...

“เรื่องแบบนี้ไม่นินทากันเล่นๆ นะคะคุณแม่ ถ้าไม่มีมูล ก็ไม่พูดกันหรอก” ฉันเลยต้องเพิ่มเสียงแทรกกลับว่า

“ต่อให้มันเป็นเรื่องจริง แล้วแทนเคยทำอะไรให้แกขายหน้าบ้างไหม แกอยากให้สอบได้ที่ดีๆ คะแนนสูงๆ แทนก็ทำให้ตลอด แกอยากให้ลูกแกมีเกียรติบัตรเต็มฝาห้อง แทนก็ทำให้แกแล้ว แกจะเอาอะไรกับชีวิตส่วนตัวลูกแกอีก ถ้าลูกแกไปติดยา ไปปล้น จี้ ทำคนสังคมเดือดร้อนซิ ฉันก็ไม่ทนเหมือนกันเถอะ ลูกชายแกกำลังจะโตเป็นวัยรุ่น ยิ่งแกพูดไม่ดีลูกแกเท่าไหร่ แกก็ได้ลูกที่ไม่ดีอย่างที่แกกลัวสมใจอยากนั้นแหละ พนันกับฉันไหมละ” ฉันไม่ชอบที่ต้องมาพูดจากท้าทายกับลูกสาวตัวเองแบบนี้เลย แต่ถ้าฉันไม่พูดแบบนี้ ฉันคงเถียงเรื่องนี้ไม่จบ

“แทนยังไม่ทำการบ้าน กระเป๋าอยู่ที่เรือนฉัน ฉันจะรับกลับไปนอนที่เรือนของฉัน” ฉันตัดจบเรื่องนี้ ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง

“สักวันคุณแม่จะเสียใจที่ให้ท้ายหลานจนเสียคน” ฉันเกลียดประโยคไม้ตายของลูกสาวฉันที่สุด

“ถ้ามันจะเสียคน มันเสียไปตั้งนานไม่รอมาเสียตอนนี้หรอก ถ้าแกรับสิ่งที่ลูกแกเป็นไม่ได้ ก็ไม่ต้องนับแทนเป็นลูกซะก็จบ ง่ายเหมือนที่แกจัดการงานกับลูกน้องนั้นแหละ” ฉันรู้สึกหน้ามืดนิดๆ หลังจากขึ้นเสียงประโยคนี้ใส่ลูกสาวฉันก่อนเดินออกไปจากห้องทำงาน

ที่หน้าห้องนอนของแทนที่เรือนใหญ่ ฉันเคาะประตูเบาๆ สองที สักครู่ต่อมา หลานฉันเปิดประตูให้ฉันเข้าไปในห้องนอน ภาพแรกที่ฉันเห็น ทำให้ฉันแทบอยากมีแรงไปตีลูกสาวฉันคืนอย่างบอกไม่ถูก แขนที่เขียวจ้ำจากรอยหยิก ตาของหลานยังแดงจากการร้องไห้อยู่ ฉันถอดปลดกระดุมชุดนักเรียนของหลานเพื่อสำรวจว่าตามตัวเป็นอย่างไร รอยไม้เรียวที่สะบัดตามตัวของหลานฉัน ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก

“แทนไม่เป็นไรครับ คุณยายอย่าว่าคุณแม่นะครับ” ฉันได้แต่ถอนหายใจก่อนจะนั่งลงบนเตียงของหลาน ฉันไม่รู้จะเริ่มพูดกับหลานฉันด้วยประโยคไหนดี

“ยายไปหาแม่เรามา แม่เราเล่าว่าตีหลานทำไม” ฉันถามต่อไม่ถูกแล้วจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าคือ หลานแทนคุกเข่ากราบเท้าฉันแล้วร้องไห้ออกมา ฉันพยายามก้มลงห้ามสิ่งที่หลานกำลังทำอยู่ แต่ร่างกายฉันมันติดขัดไปหมด
 
“ผมขอโทษครับ ผมขอโทษจริงๆ ผมโกหกแม่ว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่จริงๆ แล้ว ฮือๆๆๆ” ฉันออกแรงดึงได้แค่เบาๆ เพื่อให้หลานฉันลุกขึ้นมานั่งข้างๆ หลานแทนลุกขึ้นมานั่งกอดฉันไว้แล้วร้องไห้จนฉันทนแทบไม่ได้

“ผมไม่รู้จะเล่ายังไง ฮือๆๆๆ” ฉันกอดหลานด้วยสองแขนที่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะได้

“กลับไปเรือนเล็กกับยายนะ” หลานพยักหน้าก่อนจะค่อยๆ เช็ดน้ำตา

เมื่อกลับมาถึงเรือนเล็กแล้ว หลังจากหลานฉันอาบน้ำเสร็จ ฉันนั่งใส่ยาตามแผลไม้เรียวและแผลช้ำทั้งตัวทีละจุด ฉันไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องนี้ยังไงดี ฉันผ่านโลกมาเยอะ แต่นี่ก็คือครั้งแรกที่ฉันต้องคุยเรื่องที่แปลกสำหรับฉัน สำหรับครอบครัว ใช่ ถึงฉันจะบอกกับแม่ของหลานไปว่า มันเป็นเรื่องส่วนตัวของหลาน แต่ฉันเองกลับรู้สึกแปลกๆ ไม่ต่างกับแม่ของหลานนั้นแหละ

“หลานมีแฟนแล้วเหรอ” ฉันเริ่มด้วยคำถามที่คิดว่าง่ายที่สุดก่อน แทนพยักหน้าด้วยสีหน้าหวั่นกลัวที่จะตอบฉัน

“แฟนหลานเป็นยังไง เล่าให้ยายฟังได้ไหม” แต่ใบหน้าของหลานกลับมีแต่น้ำตาไหลออกมาอย่างเดียว

“คุณยายอย่าเกลียดผมนะครับ ผมไม่รู้ว่าทำไม ผมรู้สึกชอบพี่กันมากๆ คือ พี่กันเป็นพี่ ม.4 ในทีมบาสฯ ครับ ผมชอบพี่กันแบบผู้ชายชอบผู้หญิง ผมมีความสุขเวลาได้อยู่ใกล้ๆ เวลาใกล้ชิดเค้า ผมตัวร้อน ผมตื่นเต้น แต่ผมอายยังไม่รู้ครับคุณยาย ฮือๆๆๆ” ไม่ร้องนะหลาน ไม่ร้องนะ

“ยายสัญญา หลานจะชอบพอเพศไหน ยายรับได้ หลานทำให้ทุกคนมาเยอะแล้ว ถ้าหลานรักแล้วเป็นตัวเอง ยายก็รักในสิ่งที่หลานเป็นนะ” ฉันยอมรับว่าประโยคนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจพูดออกไป แต่มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว หลานชายฉันจะเป็นสิ่งที่แปลกแยกสำหรับสังคม ฉันก็ต้องเลี้ยงและปกป้องหลานของฉัน

“ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมกลัวครับ ทำไมต้องรู้สึกตื่นเต้นกับผู้ชายเหมือนกัน แบบ ผมอายเวลาผมอยู่ใกล้ๆ ผู้ชายสักคนที่ผมรู้สึกอยากรู้จัก ถึงจะแค่เป็นเพื่อน แต่ก็คิดไรไม่รู้ในหัวเต็มไปหมด ผมคิดว่าตัวเองไม่ปกติ คิดว่าตัวเองเป็นตุ๊ด ผมไม่อยากเป็นตุ๊ด แต่ทำไมผมรู้สึกแบบนี้ครับ ผมจะเลิกยังไงดีครับยาย” ฉันลูบหัวหลานชายคนนี้ด้วยฝ่ามือที่หยาบแห้งช้าๆ

“หลานมีความสุขไหมที่รู้สึกรักพี่คนนั้น” หลานฉันพยักหน้า

“ยายไม่เคยหวังให้หลานชายของยายสมบูรณ์แบบ ยายหวังแค่หลานจะใช้ชีวิตต่อไปได้เวลายายไม่อยู่แล้ว ถ้าหลานเป็นผู้ชายที่รักผู้ชายแล้วหลานมีความสุข หลานแน่ใจตัวเองไหม” ถ้าหลานฉันลังเล ฉันคิดว่ามันแค่อาการสับสนของเด็กวัยรุ่นนั้นแหละ แต่หลานฉันพยักหน้าอย่างมั่นใจ

แปลกนะ...ฉันอยู่มาจนปูนนี้ เวลาได้ยินว่า ชายรักชาย ชายอยากเป็นหญิง หญิงรักหญิง หญิงอยากเป็นชาย และอะไรก็ตาม ฉันคิดว่ามันไกลตัวมากๆ จนวันนี้หลานฉันทำให้เรื่องนี้ใกล้จนฉันเองก็ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง ใจหนึ่งก็รู้สึกแปลกๆ ฉันตั้งใจแล้วว่าจะเลี้ยงหลานคนนี้ให้ดีที่สุด ดีที่สุดของฉัน คือดีที่สุดที่หลานฉันเป็นด้วย

“ยายไม่บอกแม่เรานะ ยายสัญญา ยายขออย่างเดียวนะ อย่าให้ความรักทำให้ชีวิตของหลานเสียคน หลานเข้าใจที่ยายหมายถึงใช่ไหม ยายไม่ห้ามถ้าหลานจะมีความรัก เพราะหลานโตขึ้นทุกวัน วันนึงหลานจะรักใครสักคนแบบคนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเค้าเป็นคนดี ถ้าเค้าทำให้หลานมีความสุข พาชีวิตของหลานไปในทางที่ดี ยายก็รักเหมือนที่หลานแทนรักนั้นแหละ” ฉันรู้สึกตัวเองกำลังฝืนยิ้ม แต่พอยิ้มแล้ว ฉันรู้สึกไม่ฝืนที่จะยิ้มแล้วยอมรับมันอีกต่อไป

นั้นเพราะหลานฉันยิ้มได้เต็มที่ก่อนจะกอดฉันแล้วขอบคุณที่ฉันเข้าใจ...แค่นั้นก็พอแล้ว

……………….

(ต่อใน Reply ถัดไป)

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Chapter 70 (Part 2 ต่อจาก Reply บน)

นี่คือการสอบครั้งสุดท้ายของชีวิตนักเรียน ม.ปลาย หลังจากที่ทุกคนผลัดกันเซ็นเสื้อแล้ว ผมเองก็เตรียมไปให้เพื่อนๆ เซ็นกันเป็นที่ระลึกเช่นเดียวกับทุกคน แต่ใจผมตอนนี้มุ่งเป้าไปที่เย็นนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตผม คนเดียวที่ผมจะบอกก่อนที่ผมจะเผชิญสงครามนี้ก็คือ

“เห้ย เอาจริงเหรอ” แน่นอน พอผมเล่าว่าผมจะทำอะไร ไบรท์ต้องห้ามแน่ๆ

“เราเลยมาบอกว่า ถ้าเราไม่ได้ออกไปอีก หรือเกิดอะไรขึ้นกับเรา ขอให้รู้ไว้ว่าเราทำดีที่สุดแล้ว รวมถึงไบรท์นะ สิ่งที่เราทำ อาจกระทบกับมิตรภาพของเราไปด้วยเหมือนกัน” ถ้าแม่ผมสั่งตัดขาดทุกสิ่ง ไบรท์ก็จะโดนไปด้วยเช่นกัน ไบรท์ดึงผมไปกอดแน่นๆ
 
“สู้ๆ นะ ถ้าแทนไม่เหลือที่ให้อยู่ มาอยู่กับเราก็ได้ ถ้าแทนไม่มีที่ไป ก็มาหาเรานะ เราจะช่วยเต็มที่” แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว ขอบคุณนะ เพื่อนที่ดีที่สุดของเรา

“เราไปละนะ” ผมบอกลาเพื่อนผม ไบรท์ชูกำปั้นด้วยมือขวาเป็นสัญลักษณ์ให้ผมสู้ ผมสู้เช่นกัน

ตลอดทางที่ผมนั่งรถคันประจำกลับบ้าน ผมไม่รู้สึกกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว ผมจะไม่อยู่กับสิ่งที่ผมไม่ได้เป็น และผมจะไม่ยอมเสียสิ่งที่ผมรักอีกต่อไป มันอาจทำร้ายพ่อกับแม่ผม แต่ผมจะทำให้พ่อกับแม่เห็นเองนะครับ ว่าสิ่งที่ผมเป็น มันไม่ใช่เรื่องเสียหายแน่นอน

“แม่ครับ” ผมเรียกแม่ผมหลังจากเคาะประตูห้องแล้วแม่ตอบรับให้เข้าไป

“พ่อละครับ” คำถามแรกที่ผมถามเพราะผมเจอแต่แม่ผมคนเดียว
 
“พ่อเราติดธุระด่วน แต่คุยกับแม่ก็ได้นะ เรามีเรื่องอะไรจะพูดกับแม่ละ” แม่ผมเดินมานั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามกับผม ผมคุกเข่าลงกับพื้น แล้วก้มหน้าลง ก่อนจะพูดกับแม่ออกไปว่า

“แม่ครับ ผมขอโทษ ผมรู้ตัวว่าผมไม่สามารถเป็นผู้ชายรักผู้หญิงแบบที่พ่อกับแม่ต้องการได้จริงๆ ผมทำไม่ได้ครับ ผมอยากขอโอกาสสักครั้งกับพ่อกับแม่” ผมไม่รู้ว่าแม่ผมตอนนี้สีหน้าเป็นไงไปแล้ว มีแต่ความเงียบปกคลุมบรรยากาศทั้งหมดเอาไว้

“ผมทำทุกอย่างไม่ได้จริงๆ ครับ ผมไม่มีความสุขกับทุกอย่างในชีวิต ผมขอพูดตรงๆ ผมรักบิ๊กครับ บิ๊กคือคนที่ทำให้ผมยิ้มได้ ทำให้ผมขยันเรียน ทำให้ผมรู้จักการให้ และอีกหลายอย่างที่ผมไม่รู้จะบรรยายยังไงดี แต่ผมกับบิ๊ก เราสองคนอยากใช้ชีวิตด้วยกันไปจนกว่าจะไม่มีแรงดูแลกัน ผมอยากให้แม่อนุญาตให้ผมคบกับบิ๊กได้ไหมครับ ผมสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องเสื่อมเสียหรือเรื่องที่ทำให้พ่อกับแม่ขายหน้าแน่นอน ผม...” ผมรู้สึกแค่เหมือนของแข็งอะไรสักอย่างลอยกระทบหน้าผมอย่างแรง

“พรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปหาจิตแพทย์ อย่ามาเพ้อเจ้ออะไรแบบนี้ให้ฉันได้ยินอีก ถ้าแกจะไม่รักดีแบบนี้ ฉันไม่ปล่อยให้แกมาเรียนที่ กทม. ซะก็จบ ทำไมอะ ทำไมลูกต้องทำให้แม่ผิดหวังซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ด้วยอะ” ผมลุกขึ้นยืน ผมไม่กลัวที่จะเจ็บตัวอีก

“แม่จะจับผมไปหาหมอ ทำอะไรก็ตาม มันเปลี่ยนสิ่งที่ผมเป็นไม่ได้แล้วครับ ผมเป็นแบบนี้ ผมอยากอยู่กับสิ่งที่ผมเป็น ผมขอแค่โอกาสที่ทำให้พ่อกับแม่เห็นว่า สิ่งที่ผมเป็น สร้างความภูมิใจให้พ่อกับแม่ได้ แค่ครั้งเดียวได้ไหมครับ” ผมไม่กลัวใบหน้าแม่ที่กำลังโมโหยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น

“ฉันจะให้ส่งแกไปหาจิตแพทย์ที่อเมริกา ถ้าแกไม่หาย ก็ไม่ต้องเรียนต่อ!!!” ผมตัดสินใจแล้วเหมือนกัน

“ผมจะไม่ออกมาจากห้องนอนผมอีก เมื่อผมมันน่าอับอายนัก เก็บผมไว้ในห้องเหมือนสิ่งของที่ไม่อยากให้ทุกคนเห็นก็ได้นะครับ ลืมว่าผมเป็นลูกพ่อลูกแม่ก็ได้ครับ ขอโทษที่ผมอกัตญญูครับ” ผมยกมือไหว้ แล้วหันหลังเดินออกไปจากห้องทำงาน

ทันทีที่ปิดประตูห้องทำงานเสร็จ ผมวิ่งกลับไปที่ห้องนอนตัวเอง จัดแจงล็อคประตู หน้าต่างให้เรียบร้อย ผมตั้งใจจะไม่ออกไปอีก ผมจะออกจากห้องนี้ไปแบบไม่มีลมหายใจแล้วเท่านั้น กุญแจสำรองที่ไขห้องนี้ได้ทุกดอก ผมขโมยมาเก็บไว้หมดแล้ว ปืนที่อยู่ที่โต๊ะของแม่อยู่ที่ผมแล้ว ถ้าพังห้องเข้ามา ผมจะใช้มันส่งตัวเองออกจากห้องนี้เช่นกัน

เมื่อผมมันน่าอับอายนัก ก็อย่ามีผมเลยดีกว่า ผมรอชาติหน้ากับบิ๊กก็ได้ ใครจะด่าว่าผมเป็นเด็กใจแตกก็เอาเลย

แต่ผมจะไม่อยู่อย่างตกนรกในกรอบของสิ่งที่ผมไม่ได้เป็นอีกแน่นอน

……………….

เดือนกุมภาฯ แล้ว...คงใกล้ถึงเวลาที่หลานจะเรียนมหาวิทยาลัย ทำไมนะ หลานแทนไม่ติดต่ออะไรมาหาเลย ฉันเองก็ไม่อยากรบกวนหลานแทน เพราะคงเรียนหนักจนไม่ว่างจริงๆ แต่ก็นั้นแหละ มันทำให้ใจฉันไม่สงบอย่างมาก ถ้าฉันลงไปหาหลานที่กรุงเทพฯ ด้วยตัวเอง จะเป็นการดีกว่าไหม ฉันคิดอยู่นานตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย

“จำเนียร ไปจัดเสื้อผ้าให้ฉันหน่อย แล้วให้เจ้ากบไปเตรียมรถให้พร้อมด้วย” ฉันจะเตรียมตัวละ

“คุณยายจะไปไหนคะ ถ้าไปไกล เนียรไปด้วยนะคะ” ฉันไม่อยากรบกวนเธอนักนะ ฉันยังไหว

“ฉันจะไปหาหลานฉันที่คอนโด แค่ไปเยี่ยมแล้วกลับก็พอแล้ว” ฉันพยุงตัวลุกขึ้นจะไปแต่งตัวละ

“คุณยายลองโทรไปเช็คที่คอนโดก่อนไหมคะ ถ้าคุณแทนอยู่ จะได้ไปหาไม่เสียเที่ยวนะคะ” ก็ดี เป็นความคิดที่ดี ฉันพยักหน้าให้จำเนียรไปจัดการ ก่อนที่ฉันจะนั่งรอคำตอบ สักครู่ต่อมา

“คุณยายคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วคะ คือ คุณแทนไม่อยู่คอนโดมาเกินครึ่งปีละคะ” ฉันรู้สึกใจไม่ดีอย่างมากกับคำตอบนี้

“เค้าบอกเปล่าว่าย้ายออกไปไหน” ฉันรู้สึกร้อนใจยิ่งนัก แต่พอรู้ว่าหลานย้ายไปไหน ฉันรีบสั่งให้ออกรถในครึ่งชั่วโมงทันที แต่สิ่งที่ฉันยิ่งร้อนใจยิ่งกว่าคือ

“คุณแทนปิดเครื่องไว้คะ” และประโยคที่ฉันย้ำกับเจ้ากบ คนขับรถของฉันก็คือ

“เร็วกว่านี้ได้ไหม” ใจฉันตอนนี้แทบอยากบินไปให้กรุงเทพไวที่สุดได้ยิ่งดี

ฉันนั่งสงบสติอารมณ์ สวดมนต์ไปเรื่อยๆ ตลอดการเดินทาง หวังว่าหลานแทนจะอยู่ปกติ แค่มือถือแบตเตอรี่หมด แต่ยิ่งคิด ฉันก็ยิ่งไม่มั่นใจว่าหลานฉันจะอยู่ดีเมื่ออยู่กับพ่อและแม่ของแทนหรือเปล่า ฉันพลาดเองที่ไม่ลงไปเยี่ยมหลานด้วยตัวเองตลอดช่วงสามปีที่หลานไปเรียนที่กรุงเทพฯ ถ้าฉันไป อย่างน้อยก็คงไม่เกิดเรื่องอะไรแบบนี้แน่ๆ ทันทีที่รถจอดหน้าประตูบ้าน

“คุณหญิงใหญ่ สวัสดีคะ” คนที่ต้อนรับฉันน่าจะเป็นแม่บ้านใหญ่ของหลังนี้แหละ

“หลานแทนอยู่ที่นี่ใช่ไหม” แม่บ้านประจำบ้านลูกสาวฉันตอบว่าใช่พร้อมพยักหน้าตอบว่าใช่

“แล้วคุณหญิงของเธออยู่ไหน” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ยินคำตอบจากแม่บ้านใหญ่ประจำบ้าน

“อยู่นี่คะคุณแม่” มาซะที ยังดีที่เห็นหัวไหว้ฉัน

“หลานฉันอยู่ไหน” ฉันเดินเข้าบ้านพร้อมคำถามนี้

“นี่หลานรักของคุณแม่โทรไปฟ้องอะไรหรือคะ คุณแม่ถึงได้ต้องลงมาด้วยตัวเองแบบนี้” นี่คือคำพูดยั่วโมโหฉันอย่างยิ่ง

“ฉันลงมาเอง หลานฉันไม่ได้มีนิสัยแย่อย่างเธอ อย่างแรกนะ ฉันซื้อคอนโดให้หลานฉันอยู่ และไม่ให้แกไปยุ่งอะไรกับแทน แกพาแทนมาอยู่บ้านนี้ทำไม” นี่คือคำถามแรกทันทีที่ฉันนั่งลงโซฟาบริเวณรับแขกของบ้านหลังนี้

“หลานรักของคุณแม่ไม่ได้ฟ้องคุณแม่เหรอคะ รู้ไหมคะ หลานคุณแม่ทำเรื่องงามหน้าอะไรไว้ คุณแม่ปล่อยให้หลานรักอยู่กินกับผู้ชายด้วยกันสองต่อสอง คุณแม่ว่ามันเหมาะสมไหมละคะ” นี่ซินะ สาเหตุที่ทำให้หลานแทนต้องมาอยู่ที่นี่

“ตลอดสามปีที่แทนมาเรียน กทม. แกเคยได้ยินเรื่องงามหน้าไปถึงหูแกไหมละ หูตาไวเป็นสัปปะรดอย่างแก ถ้าไม่เคยได้ยินอะไรเลย ก็แปลว่าแทนไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสีย แล้วแฟนของลูกชายแก ฉันก็เคยเจอแล้ว เค้าปกป้องแทนดีกว่าคนเป็นแม่ของแทนด้วยซ้ำ” ฉันรู้สึกสั่นด้วยความโมโหไปทั้งตัว แต่ก็ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้ ในขณะที่ลูกสาวฉันเองก็เก็บอารมณ์สงบนิ่งได้ดีเช่นกัน

“หลานคุณแม่เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง ทำไมคุณแม่เห็นดีเห็นงามกับเรื่องวิปริตแบบนี้ละคะ” น้ำเสียงเรียบๆ แต่กึ่งประชดประชัด ทำให้ฉันอยากลุกขึ้นเอาไม้เท้าฟาดใส่ทันที

“ฉันยังเลี้ยงลูกสาวตัวเองให้เป็นคนดีดั่งใจที่ฉันคิดไม่ได้ แกก็บังคับลูกตัวเองให้เป็นอย่างที่แกอยากให้เป็นไม่ได้เหมือนกัน” สายตากินเลือดกินเนื้อที่ลูกสาวฉันชอบใช้กับคนอื่น ก็ใช้กับฉันเหมือนกันซินะ

“เอาละ แทนอยู่ไหน ฉันจะพากลับไปอยู่ที่ๆ แทนควรจะอยู่” คำถามของฉัน ได้คำตอบคือความเงียบ

“ตกลงที่แม่มาถึงที่ เพราะหลานคุณแม่ฟ้องใช่ไหม” ฉันส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกว่า

“ฉันคิดว่าหลานเรียนหนัก เลยไม่ได้คุยกัน พอโทรไปที่คอนโด ก็ไม่มีคนรับสาย โทรไปเช็คที่ส่วนกลาง ก็ถึงรู้เรื่องนั้นแหละ เอาละ ตกลงแทนอยู่ไหน” สีหน้าไม่เต็มใจของลูกสาวฉัน ถอนหายใจช้าๆ หนึ่งที

“แม่รอตรงนี้แหละ ไปตามมาให้” ฉันรู้สึกเหมือนได้พักยก สามารถจิบน้ำชาที่ยกมาเสริฟตอนไหนไม่รู้ได้ซะที

แต่ทำไมนะ...มันนานจัง ทำไมบ้านหลังแค่นี้ ไปตามกันตั้งครึ่งชั่วโมงยังไม่ลงมาซะที จนลูกสาวฉันกลับมาแค่คนเดียวด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะส่งกระดาษแผ่นหนึ่งที่พับทบเอาไว้ให้

“ผมขอโทษทุกคนที่ผมทำให้ผิดหวัง ผมไม่สามารถเป็นอย่างที่พ่อกับแม่อยากให้เป็นได้ สิ่งที่ผมเป็น คือสิ่งที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เกิด ผมพยายามทำทุกอย่างให้พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวผม ผมเองก็อยากเป็นในสิ่งที่ผมเป็น ผมคิดไม่ออกแล้วว่าจะมีทางไหนที่ดีกว่านี้ 

ผ่านวันนี้ไป ช่วยพาผมไปนอนอย่างสงบนะครับ ผมขอบคุณพ่อกับแม่ที่ให้ผมเกิดมา ขอบคุณคุณยายที่เลี้ยงผมมา และขอให้ฝากบอกบิ๊กว่าผมดีใจที่ได้รักกัน

ลูกไม่รักดี : แทน”


“นี่มันอะไร” ฉันลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ใจไม่ดีอย่างมาก

“คือ ตอนไปเคาะห้องลูก มันอยู่ใต้ประตู เคาะไปก็ไม่มีเสียงตอบรับ กุญแจสำรองที่เปิดห้องได้ก็หายหมด ละก็ ปืนหายไปกระบอกนึง” ฉันทรุดลงนั่งด้วยใจแทบสลาย ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินด้วยกำลังกายที่มีไปในบ้านที่ฉันไม่รู้ว่าหลานฉันอยู่ห้องไหน ทันทีที่ฉันมาถึงหน้าห้องนอนของหลานแทน

“แทน นี่ยายเองนะ เปิดประตูก่อนนะ ยายมาแล้ว อย่าคิดสั้นทำอะไรแบบนี้นะ” ฉันเคาะประตูด้วยหัวไม้เท้า สลับกับพูดเรียกให้หลานเปิดประตู แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับอะไร

“แทน ถ้าไม่เปิด แม่จะให้คนพังประตูเข้าไปจริงๆ นะ” ฉันรีบเอาไม้เท้าเคาะใส่แม่ของหลานไม่ให้พูดอะไรมากไปกว่านี้ ก่อนจะเดินออกมาห่างจากประตูเล็กน้อย แล้วเรียกลูกสาวฉันให้มาใกล้ๆ

“ฉันมีคำถาม เธอทำอะไรให้แทนตัดสินใจแบบนี้” คำตอบของลูกสาวฉันคือการเงียบสักครู่

“แทนมาขออนุญาตคบกับนายบิ๊กไรนั้น แม่คะ เป็นตายยังไงก็ไม่ได้นะคะ ยังไงมันก็เป็นไป...” ฉันกระทืบไม้เท้าย้ำใส่พื้นดังๆ หนึ่งทีให้หยุดพูด

“ไปตามหลานบิ๊กมาเคาะประตูเดี๋ยวนี้” นี่คือคำสั่งที่ทำให้ลูกสาวฉันทำหน้าเหมือนฟังอะไรผิดไป

“ถ้าหลานฉันเป็นอะไรไป แกนี่แหละที่จะเสียใจไปตลอดชีวิตที่เป็นคนฆ่าลูกตัวเอง ถ้าแกไม่อยากไปตาม ฉันจะไปตามเองเดี๋ยวนี้” ลูกสาวฉันถอนหายใจอย่างไม่เต็มใจก่อนจะเดินลงไป

“ฉันเดินไปเงี่ยหูฟังให้ชัดเจนว่าในห้องนอนของหลานตอนนี้ เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร ฉันมันแก่แล้ว ตอนนี้ฉันไม่กล้าเดินห่างจากประตูนี้ ได้แต่มองประตูห้องด้วยความห่วง 



ยายขอโทษที่ยายไม่ได้ดูแลหลานใกล้ๆ หลานแทนอย่าคิดสั้นนะ ไม่งั้นยายก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันนะ

***********

บทที่ 71 สักสามสี่วันจากนี้ น่าจะเรียบร้อยนะครับ ใกล้จะครบปีที่ลงเรื่องนี้ในบอร์ด ก็อยากทำให้เรียบร้อยตามที่แพลนไว้นะครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามเสมอมาครับ^^

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
โอววว กอดคุณยายแน่นๆ แม่พระมาโปรด แม่แทนแรงมาก มีคนเดียวที่กล้าขวางคือคุณยาย ลุ้นค่ะลุ้น

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
แทนอย่าเป็นไรนะ  :katai1: :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ toung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณย่ามาแล้ว

อย่าให้แทนเป็นอะไรเลยนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ pepperpro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อยากอ่านต่อแล้วฮะ ไรเตอร์

อยากรู้ว่าแทนเป็นยังไงบ้าง

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เป็นห่วง แทน :call:

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
กำลังรีบปั่นมาให้อ่านนะครับ (T_T งานยุ่งอย่างมากเลยครับ)

ขอบคุณคนอ่านที่ยังติดตามกันอยู่นะครับ^^

ออฟไลน์ Redz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มาได้แล้วนะ :ling1:

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 71 เดี๋ยวคืนนี้มาเขียนต่อให้เสร็จนะครับ ก่อนเช้าน่าจะลงได้ละครับ

ของภัยที่หายไปนะครับY_Y

ออฟไลน์ zipboy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
Re: ++เพื่อน(เรียน)พิเศษ : บทที่ 71 ++
«ตอบ #987 เมื่อ07-03-2016 04:50:23 »

หายไปเดือนนึงได้ ต้องขออภัยผู้อ่านด้วยนะครับ ผมก็ไม่คิดว่า ชีวิตจริงจะยุ่งจนแค่ 9 ตอนที่เหลือ จะไม่ว่างเขียนขนาดนี้ ไม่หายไปไหนแน่นอนครับ แต่จะพยายามเข็นให้เร็วที่สุดนะครับ...เอาละครับ มาอ่านกันต่อดีกว่าครับผม^^""

************

Chapter 71

ภาพที่วิ่งผ่านตาผมช้าๆ เร็วๆ บ้างในบางเวลา ผ่านกระจกหมวกกันน็อคเวลาหัวค่ำ เป็นภาพชินตา แต่สิ่งที่แตกต่างไปเกิดขึ้นเมื่อผมขับรถถึงหน้าบ้าน ผมเจอ Bentley Flying Spur สีดำด้าน คันหนึ่งจอดอยู่ริมรั้มบ้านผม และคนที่ยืนข้างๆ รถ ที่ผมมองแลัวคุ้นๆ จนเมื่อไฟหน้า LED ของผมส่องในระยะที่ผมมั่นใจแล้ว ผมจอดน้องถ่านใกล้ๆ ดับเครื่องแล้วขึ้นขาตั้ง

“สวัสดีครับ” ผมถอดหมวกกันน็อควางไว้ที่ถังน้ำมันของน้องถ่านก่อนจะไหว้คุณแม่ของแทน

“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ เข้ามาคุยในรถละกัน” ผมไม่รู้ว่าทำไม ยังไง แต่ผมแอบไม่ไว้ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหรือเปล่า หรือคุณแม่แทนไม่พอใจเรื่องที่ผมกับแทนได้เจอกันบ้างในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เลยจะมาเอาเรื่องผม ผมปรับสีหน้าให้เรียบเฉย และจะไม่คุยที่เบาะหลังรถของคุณแม่แทนเด็ดขาด

“คุยตรงนี้ก็ได้ครับ ผม...” แต่ยังไม่ทันพูดจบ

“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก แต่อยากคุยกันเป็นการส่วนตัว เชิญ” พลขับของคุณแม่แทนเปิดประตูรถด้านหลังฝั่งซ้ายให้ผมเข้าไปนั่ง ส่วนคุณแม่ของแทนเปิดประตูด้านหลังฝั่งขวาเข้าไปนั่งตามทีหลัง

“เข้าเรื่องเลยละกัน แทนกำลังจะฆ่าตัวตาย ฉันอยากให้เธอไปกล่อม” ผมกลืนน้ำลายลงคอแบบฝืดๆ

“เกิดอะไรขึ้นครับ...” นี่คือคำถามเดียวที่ผมคิดออกในตอนนี้

“เธอจะช่วยฉันไหม ต้องการเท่าไหร่บอกมา” คุณแม่ของแทนหยิบสมุดเช็คขึ้นมาเซ็น โดยเว้นว่างตรงตัวเลขเอาไว้ ก่อนจะส่งให้ผม

“ถ้าแทนกำลังทำแบบที่คุณน้าว่ามาจริง ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ ส่วนเรื่องเงิน ผมขอบคุณนะครับ สำหรับแทนแล้ว ผมรักแทนครับ และมันตีราคาไม่ได้ครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณที่แม่ของแทนจะให้เงินผม แล้วหยิบเช็คใบนั้นส่งคืนให้กับคุณแม่ของแทน

“เธอยอมช่วยง่ายๆ แบบนี้เหรอ” ผมพยักหน้าอย่างไม่ลังเล

“รีบไปดีกว่าครับ แทนอยู่ที่บ้านใช่ไหมครับ” คุณแม่ของแทนพยักหน้าครั้งแรก ผมรีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งกลับไปที่น้องถ่าน ก่อนจะสวมหมวกกันน็อคให้เรียบร้อย ติดเครื่องเสร็จ  ผมปั่นโดนัทครึ่งวงเพื่อตั้งลำรถแล้วออกตัวอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องรอให้รถของคุณแม่แทนนำไป

อย่าทำอะไรแบบนั้นนะแทน เราไม่ได้ขอให้แทนทำแบบนี้นะ

……………….

สี่ทุ่ม...ผ่านไปหลายชั่วโมงอยู่ ผมขังตัวเองเพื่อรอเวลาจากไป ผมกินมื้อสุดท้ายก่อนไปหาแม่ให้อิ่มที่สุด เตรียมทุกกอย่างพร้อมแล้ว ทุกอย่างในห้องเงียบสนิท มีแค่เสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเท่านั้นที่ผมได้ยิน ผมเคยสงสัยว่า ทำไมคนเราถึงกล้าปลิดชีพตัวเองได้ แต่มาถึงตอนนี้ ผมเข้าใจแล้ว เพราะผมเองก็กล้าพอที่จะลงมือทำแบบนั้นเหมือนกัน

มัจจุราชที่ผมขโมยมาจากแม่ตอนนี้ ลูกเต็ม ปลดเซฟเรียบร้อย เหลือแค่ผมจะลั่นไกเมื่อไหร่ก็ได้ สิ่งที่ผมทำดูโง่ แต่ผมเต็มใจโง่อย่างที่สุด ถ้าผมอยู่ต่อไป ต่อให้ผมเป็นคนที่เรียนเก่งที่สุด ได้รับเกียรติยศทุกอย่าง แต่ผมไม่มีความสุขเพราะผมไม่ได้อยู่กับสิ่งที่ผมเป็น ผมก็เหมือนตายอยู่ดี ผมได้ยินเสียงคุณยายมาเคาะเรียกผมแล้ว ผมขอโทษครับ ผมตัดสินใจจะไม่อยู่แล้วครับ

ผมระลึกถึงสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิต ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ทุกอย่างจะจบลงทันทีเมื่อผมลั่นไกนี้ ผมไม่เสียดายอะไรแล้ว ผมหายไปสักคน เวลาที่ผ่านไป อะไรๆ ก็คงสงบลงไปเอง ผมจะไม่เป็นปัญหากับใครอีกต่อไป ผมหยิบแหวนของบิ๊กมาสวมให้เรียบร้อยก่อนจะลั่นไกส่งตัวเองไปเกิดใหม่

“แทน!!! เปิดประตูนะครับ” เสียงบิ๊ก...ผมไม่ได้หูฟาดไปใช่ไหม แต่ถ้าแม่ผมบังคับให้บิ๊กมาเพื่อเปิดประตูละ มันอาจเป็นแผนของแม่ก็ได้ แต่...คุณยายก็มาเรียกผมก่อนแล้ว

“อย่าทำอะไรแบบนั้นเลย เราคุยกันได้นะ ถ้าเรามาหาแทนได้ แปลว่าแม่แทนยอมให้เราเจอกันแล้วนะ” ผมไม่แน่ใจ ผมควรเปิดประตูดี หรือจบเรื่องนี้ตอนนี้ไปเลยดีกว่า

“แทนบอกให้เราดูแลตัวเอง รักตัวเอง อย่าทำร้ายตัวเอง แต่แทนกำลังจะทิ้งเราไป แทนไม่รักเราแล้วเหรอ” ผมได้ยินเสียงบิ๊กที่เริ่มสั่นเครือ ผมค่อยๆ เดินไปเปิดประตูห้อง

บิ๊ก...จริงๆ ด้วย ผมเหมือนฝันไปที่ผมได้เจอบิ๊กในบริเวณบ้านหลังนี้ ผมปล่อยมัจจุราชของแม่ทิ้งลงพื้น ผมกอดบิ๊กแน่นๆ ผมร้องไห้ด้วยความรู้สึกไม่เชื่อว่าจะมีวันที่แม่ผมยอมถอยให้หนึ่งก้าว ผมหันไปมองเห็นคุณยายกับแม่ผมอยู่ไม่ไกล คุณยายผมรีบเดินมาหา

“อย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะแทน ยายจะอยู่ไงถ้าไม่มีหลานอีก” ผมรู้สึกตัวเองโกรธตัวเองที่ทำให้คุณยายร้องไห้แบบนี้

“ผมขอโทษครับยาย ผมจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกครับ” ผมไม่รู้ว่าคุณยายมาหาผมได้ยังไง แต่ผมจะไม่ทำให้คนที่เลี้ยงผมมาด้วยความรักเสียใจอีก

ผมเช็ดน้ำตาให้เรียบร้อย ผมไม่แน่ใจว่าสายตาของคุณแม่ผมที่เห็นตอนนี้ คือสายตาแบบไหน ผมอยากให้แม่ผมเอยปากเองว่า สิ่งที่ผมเห็นทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แม่บังคับบิ๊กมา หรือแม่ผมโทรเรียกคุณยายลงมาหาผมเท่านั้น

“คุณแม่ครับ ผมขอโทษ แต่ผมก็อยากให้แม่อนุญาตให้ผมเป็นในสิ่งที่ผมเป็นครับ” ผมพูดช้าๆ แต่หนักแน่น

“คืนนี้บิ๊กนอนค้างกับแทนในห้องแล้วกันนะ” แม่ผมพูดจบ เดินมาประคองคุณยาย

“แม่ไปพักผ่อนนะคะ แม่บ้านเตรียมห้องไว้เรียบร้อยแล้วคะ” คุณยายผมกวักมือเรียกผม ก่อนจะกวักมือเรียกบิ๊กมาด้วยกัน

“บิ๊ก จับมือแทนหน่อย” บิ๊กค่อยๆ เอามือซ้ายมากุมมือขวาเหมือนเวลาจูงมือผมเดินด้วยกัน

“ดูแลหลานยายด้วยนะ” บิ๊กยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะพยักหน้าให้

“ด้วยชีวิตผมครับ” บิ๊กตอบคุณยายพร้อมกับบีบมือผมเบาๆ

ผมหวังว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ชีวิตผมจะเป็นในสิ่งที่ผมเป็นได้จริงๆ ซะที

……………….

บนเตียงนอนของผมวันนี้ เหมือนผมฝันไปอย่างบอกไม่ถูก บิ๊กนอนอยู่ข้างๆ ผม ร่างกำยำของบิ๊กที่นอนตะแคงตอนนี้ กำลังมองผมที่นอนตะแคงเข้าหาเช่นกัน มันมีคำพูดที่ผมอยากบอกกับบิ๊ก แต่มันก็พูดไม่ออกสักอย่าง ผมค่อยๆ ขยับตัวให้ใกล้บิ๊กมากขึ้น

“หนาวไหม เราลดแอร์ให้นะ” บิ๊กนอนด้วยกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว

“ถ้ากลัวเราหนาว ก็กอดกันตอนนอนนะ” เราเป็นแฟนกัน แต่ผมกลับเขินแปลกๆ

“ทำไมบิ๊กมาหาเราได้อะ แม่เราทำอะไรบิ๊กเปล่า” บิ๊กส่ายหน้ากับคำถามผม

“แม่แทนไปหาเราที่หน้าบ้านตอนเราจะเข้าบ้าน แล้วบอกว่าเกิดอะไรขึ้น เราเลยรีบมานี่แหละ” ผมรู้สึกตัวเองสร้างปัญหาให้กับบิ๊ก

“เราขอโทษ” บิ๊กจุมพิตหน้าผากผมหนึ่งทีหลังจากผมขอโทษ

“แทนไม่ผิดนะ แทนแค่รู้สึกไม่รู้จะไปทางไหน เราสองคนก็รู้สึกเหมือนกันนั้นแหละ มืดบอด ไปไม่ถูก แต่เราขอให้แทนสัญญากับเราได้ไหม” ผมสัญญาแน่นอน บิ๊กว่ามาเลย

“อย่าทิ้งเราไปก่อน อย่าเป็นอะไรไปก่อนเรา ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เข้มแข็งไว้นะ” ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ

“บิ๊กก็ห้ามเป็นอะไรไปก่อนเรานะ สัญญาได้ไหม” บิ๊กเปลี่ยนท่าเป็นนอนหงาย แล้วดึงผมไปนอนซบอกเอาไว้

“ตั้งแต่เรารักแทน เราก็ไม่รักใครเหมือนแทนได้อีกแล้ว สัญญาครับ” อกที่แข็งแรงของบิ๊ก ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
 
“บิ๊ก....นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม ที่บิ๊กอยู่กับเราตรงนี้” ผมยังไม่แน่ใจเลยว่านี่คือเรื่องจริง

“แทนตื่นมาตอนเช้า จะมีเรานอนอยู่ที่เดิมแน่นอน” ผมถามไรโง่ๆ อีกแล้ว

ผมปิดตาลงนอน อย่างมีความสุขที่สุดอีกครั้งของชีวิต

……………….

ก็อกๆ

เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผมสะดุ้งตื่น ในขณะที่แทนยังหลับอยู่ ผมคว้า Apple Watch ที่ถอดวางไว้หัวเตียงดูเวลา เจ็ดโมงเช้าแล้ว ผมค่อยๆ ลุกขึ้น โดยไม่ให้แทนรู้สึกตัว แล้วเดินไปเปิดประตูห้องนอน

“คุณผู้หญิงให้ซักรีดชุดให้เรียบร้อยแล้วคะ และผ้าเช็ดตัวผืนใหม่คะ ถ้าตื่นแล้ว ลงไปทานมื้อเช้าได้เลยนะคะ” ผมรับทุกอย่างที่แม่บ้านจัดการให้ผ่านตระกร้าขนาดเล็ก ขอบคุณเสร็จ กลับมานอนข้างๆ แทนเหมือนเดิม ผมควรปลุกดีไหม งั้นผมลองจุมพิตเบาๆ ที่กระหม่อมของแฟนผมดูดีกว่า

ไม่ตื่น...งั้นแบบนี้ดีกว่า

ผมประกบริมฝีปากตัวเองให้สัมผัสกับริมฝีปากนิ่มๆ ของแทน ก่อนจะวาดลิ้นลงบนริมฝีปากของแทน เรียบร้อย แฟนผมตื่นแล้ว เพราะผมล้ำเอาลิ้นเข้าไปในช่องปากของแทนได้ ก่อนที่แทนจะตอบสนองกับสัมผัสนี้ด้วยการสัมผัสผ่านลิ้น และสองมือที่กอดผมเอาไว้ขณะสัมผัสกัน

“มอนิ่งครับ” ผมทักคำแรกกับแทน ในขณะที่แทนดึงผมลงมากอดจนร่างผมนอนทับร่างแทน

“เราดีใจอะ มันเป็นเรื่องจริง” ผมเลยส่งลิ้นเข้าไปทักทายในช่องปากของแทนซ้ำอีกรอบ

“ไปอาบน้ำกันไหม” แทนส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ผมเลยอุ้มแทนเข้าห้องน้ำซะเลย ห้องน้ำบ้านแทนมีอ่างอาบน้ำ นั้นทำให้เราสองคนทำห้องนำ้เลอะเทอะ เพราะทั้งช่วยกันอาบ เล่นฝักบัว นั่งสลับกันสระผมกันในอ่าง ทุกอย่างเหมือนตอนที่เราได้อยู่ด้วยกัน อาบน้ำด้วยกัน ความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นตรงนี้ ทำให้ผมลืมความรู้สึกแย่ๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมาได้ปลิดทิ้งจริงๆ

“มีอะไรติดหน้าเราเหรอ” แทนทักขณะที่ผมแต่งตัวอยู่ ผมมองแบบละสายตาไปทำอย่างอื่นไม่ลงจริงๆ

“ไม่มีครับ เราแค่ไม่อยากให้แทนไปไหนอีกจริงๆ” ผมใส่กางเกงยีนส์ผมให้เรียบร้อย ผมวางเสื้อที่ยังอยู่บนไม้แขวนเสื้อไว้ที่เดิม แล้วเดินไปหาแทนใกล้ๆ

“แต่งตัวให้เสร็จได้แล้ว ไม่หิวเหรอ” สีหน้าเขินอายหลบสายตาแบบนี้ ยิ่งทำให้ผมมองจนอยากแข็งแช่แทนไว้ตอนนี้ด้วยซ้ำ

“เดี๋ยวกลับบ้านเก็บกระเป๋ากลับมานอนด้วยนะ” แทนก้มหน้าหลบสายตาผม แต่พยักหน้าสองทีเร็วๆ

“กลัวแม่เราไม่ให้อยู่อะซิ” แทนพูดลอยๆ เปล่าไม่รู้ แต่ผมกอดเลย

“ไม่ให้ไม่เป็นไร เจอกันที่หน้าต่างนะ เดี๋ยวพาหนี” แก้มนิ่มๆ ของแฟนผมกำลังซบที่แผ่นอกแน่นๆ ของผมอยู่ แน่นจนแทนน่าจะได้ยินเสียงหัวใจผมอยู่

“ที่บอกว่าหนี ถ้าต้องหนีจริงๆ บิ๊กจะพาเราหนีไปใช่ไหม” ผมกอดแทนให้แน่นขึ้น

“ถ้าต้องหนีจริงๆ แทนอยากไปไกลแค่ไหน เราจะไปด้วยแน่นอน” แทนกอดผมให้แน่นขึ้นไปอีก แล้ว...เสียงท้องผมก็ร้องซะงั้น

ผมได้แต่ยิ้มแหๆ ก่อนจะกลับไปหยิบเสื้อมาใส่ให้เรียบร้อย โดยมีแทนกลัดกระดุมเสื้อเชิ๊ตให้อย่างเช่นที่ทำให้ผมทุกเช้า...และผมจะไม่ยอมให้ใครมาติดกระดุมเสื้อผมนอกจากแทนแน่นอน

……………….

มื้อเช้าในบ้านหลังนี้พิเศษที่สุด เพราะผมได้ทานกับบิ๊ก โดยที่คุณยายผม พ่อกับแม่ผม นั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน มันเป็นเรื่องที่ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ผมเคยฝันว่า ถ้าผมมีแฟนในแบบที่ผมเป็น ผมอยากให้ครอบครัวผมยินดีกับคนรักของผมเช่นกัน ถึงตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่า พ่อกับแม่ผมจะโอเคจริงๆ หรือยอมเพราะคุณยายผม แต่เท่านี้ก็ใกล้เคียงกับที่ผมเคยหวังไว้แล้ว

“ทีหลังอย่าทำอะไรแบบนั้นอีกนะแทน” พ่อผมพูดขึ้นมาหลังจากเช็ดปากเสร็จแล้ว
 
“ผมขอโทษครับ” ปกติผมไม่ค่อยได้สบตากับพ่อผมเท่าไหร่นัก เพราะสายตาที่ท่านมองผม บางครั้งทำให้ผมไม่แน่ใจว่า ผมเป็นลูกของพ่อผมเปล่า พอผมหลบไปมองที่แม่ผมบ้าง

“วันนี้ลูกต้องไปโรงเรียนเปล่า” ผมรู้สึกได้ว่าแม่ผมถามเพราะไม่รู้จะถามอะไรแล้ว

“ไม่ครับ รอดูเกรดกับทำเรื่องจบอย่างเดียวครับ” แม่ผมเช็ดปากตามคุณพ่อหลังจากทานเสร็จ

“หลานจะไปค้างบ้านบิ๊กไหม จะได้ให้จำเนียรไปจัดกระเป๋าให้” คุณยายเสนอมากลางวงมื้อเช้าแบบนี้...

“ไม่เป็นไรครับคุณยาย บิ๊กมาหาผมได้ก็โอเคละครับ” ถึงผมอยากไป แต่ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่ผมอนุญาตเพราะไม่อยากขัดคุณยาย

“บิ๊กจะมาหาหรือมาค้างก็ได้คะคุณแม่...โอเคนะ” คำสุดท้ายที่แม่ผมพูด หันมามองทั้งผมกับบิ๊ก ผมกับบิ๊กหันมามองหน้ากันสักครู่ ก่อนที่บิ๊กจะยกมือไหว้ขอบคุณ

“ขอบคุณครับ” แม่ผมรับไหว้เสร็จ ลุกไปพร้อมกับพ่อ

“พ่อกับแม่ไปประชุมพรรค เย็นนี้ถ้าบิ๊กว่าง ชวนทานข้าวด้วยนะ” พ่อกับแม่ผมไหว้คุณยายผมก่อนจะเดินออกไป

“เมื่อคืนได้นอนไหม” คำถามคุณยายทำผมสะดุ้งนิดหน่อย

“นอนกอดทั้งคืนครับ” บิ๊กตอบคำถามฉะฉาน ผมเขินจนเผลอตบหน้าขาบิ๊กแก้เขินไปที

“เดี๋ยวยายไปพักละ หลานไปเที่ยวกับบิ๊กไหม หรือจะอยู่บ้านกันต่อ” ผมยังไม่ทันตอบเลย บิ๊กชิงตอบว่า

“ผมขอกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้าสักครู่นะครับ เดี๋ยวกลับมานะ” แล้วทำไมคำว่ากลับมา ต้องหันมายิ้มเหมือนผมจะโดนเชือดอะ

“ทำไมหลานหน้าแดงนะ” คุณยายๆๆๆๆ พอๆๆๆ

ผมไม่คุยด้วยแล้ว ทุกคนเลย จะรุมให้ผมเขินทำไม

……………….

ผมแวะไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้าน แน่นอน ทันทีที่ผมจับประชุมสายเพื่อนๆ ทั้งตั้ม โจ แชมป์ ไบรท์ ทุกคนต่างก็ประหลาดใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ที่แน่ๆ ทุกคนพยายามคิดในแง่ดีให้มากที่สุด ไม่คิดว่าแม่ของแทนกำลังมีลูกเล่นกับผมอยู่

“กูหวังว่าแม่แทนจะไม่ตุกติกวะ กูกลัวจริงๆ” ตั้มค่อนข้างจริงจังมาก มองยังไงก็เชื่อว่า งานนี้แม่แทนไม่น่ายอม

“กูก็คิดว่าแม่แทนไม่ได้ยอมหรอก แต่กูว่าเป็นโอกาสที่ดีอยู่นะ อย่างน้อย ถ้าเค้าเปิดใจมองมึงกับแทนดีๆ เวลากับความดี น่าจะช่วยให้ใจอ่อนบ้างวะ” ผมเห็นด้วยกับแชมป์ทุกประโยค

“ไม่ต้องคิดมากวะ ได้อยู่กับแทนตอนนี้ อยู่ให้นานที่สุด ใจเค้าเหนื่อยกับเจ็บเรื่องนี้มาเยอะละ อะไรจะเกิดต่อจากนี้ ไม่ต้องสนแล้ววะมึง” แน่นอนว่าประโยคคมๆ แบบนี้ มาจากโจคนเดียวแน่นอน

“ฝากเพื่อนเราด้วย เราเองก็ไม่คิดว่าแทนจะทำขนาดนี้ ยังตกใจไม่หายกับสิ่งที่เพื่อนเราตัดสินใจอยู่ ดูแลดีๆ นะบิ๊ก” ไม่ต้องห่วงไบรท์ แฟนเราทั้งคน

กลับมาที่หน้าบ้านของแทนอีกครั้ง ประตูอัลลอยด์ขนาดใหญ่กว่าบ้านผมเท่าตัวกำลังเปิดออก ขนเสื้อมาทั้งที ผมเปลี่ยนรถเอาน้องแพนด้าขับมาหาดีกว่า เผื่ออยากเที่ยวหรือไปไหนกับแทน จะได้สะดวกไปในตัวทีเดียว เมื่อผมกลับมาถึงบ้านแทน ประตูอัลลอยด์ขนาดใหญ่ค่อยๆ เปิดออกให้ผมขับรถเข้าไปจอดรวมกับรถคันอื่นในโรงรถของบ้านแทน

“คุณบิ๊กครับ คุณผู้หญิงเรียกให้ไปพบที่ห้องทำงานครับ” เดี๋ยวนะ...คุณแม่แทนไปพรรคไม่ใช่เหรอ นี่พึ่งจะบ่ายสามเองนะ

“ครับ พาผมไปด้วยครับ” ผมหยิบกระเป๋าเดินทางออกจากเบาะแถวหลังแล้วสะพายบ่า คนรับใช้ของบ้านแทนมารับกระเป๋าไป พร้อมกับพาผมไปที่ห้องทำงานของคุณแม่แทน

“คุณผู้หญิงครับ คุณบิ๊กมาละครับ” หลังจากคนรับใช้ของบ้านแทนเคาะประตูเรียก เสียงเชิญจากคุณแม่ของแทนดังตอบแล้ว คนรับใช้ของแทนเปิดประตูให้และหิ้วกระเป๋าไปเก็บให้

ห้องทำงานของคุณแม่แทน มันให้อารมณ์เหมือนผมกำลังไปคุยกับเจ้าพ่อ เจ้าแม่สักคน ผมเดินเข้าไป แต่ไม่กล้านั่งลงบนโซฟาจนกว่าเจ้าบ้านจะเชิญผมนั่ง แล้วแม่ของแทนก็เดินมาพร้อมกับผายมือเชิญให้ผมนั่ง

“ก่อนอื่น ขอบใจเรื่องเมื่อคืนที่ยอมมาช่วยฉัน” ผมเกร็งนิดหน่อยกับการคุยกับผู้ใหญ่ที่กำลังส่งสายตาเหมือนข่มผมกลายๆ แบบนี้
“ผมมาช่วยแทนครับ” ผมหวังว่าคำตอบนี้จะไม่ยั่วโมโหคุณแม่แทนนะ

“ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกัน อีกสามเดือนต่อจากนี้ แทนจะย้ายไปเรียนอเมริกา ฉันจะให้เวลาเธออยู่กับแทนตลอดสามเดือนนี้ แล้วหลังจากแทนไปเรียนแล้ว จะไม่ติดต่อกันอีก” ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมคงรู้สึกปั่นป่วนในใจแลัวพยายามสงบข้างนอกไว้มากๆ แต่ตอนนี้ ผมกลับเฉยๆ รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องที่ผมจะต้องเจอแน่ๆ

“ผมขอพูดตรงๆ ได้ไหมครับ” ผมหย่อนคำถามปลายเปิดดูอารมณ์คู่สนทนาสักหน่อย เมื่อคุณแม่แทนพยักหน้าให้ ผมก็พูดตรงๆ ละกันนะ

“ผมรู้นะครับ ว่าสถานะที่ผมกับแทนเป็นอยู่ มันอาจเป็นเรื่องที่คุณน้าทั้งสองเข้าใจยาก ผมเองก็ไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ แต่วันที่ผมเจอแทนวันแรก แทนเป็นคนใจเย็น อ่อนโยน ใครๆ ได้อยู่ใกล้ๆ ก็อยากรู้จักและสนิทด้วย ผมพูดตรงๆ ครับ ผมไม่เคยได้รับความรู้สึกดีๆ จากใครสักคนแบบที่แทนทำให้ผม ผมเองก็ต่อต้านความรู้สึกตัวเอง ตอนที่ผมรู้ว่าแทนคิดกับผมยังไง แต่พอผมทำตามใจตัวเอง ผมมีความสุขมากเลยครับ ผมอยากดูแลแทนให้ดีที่สุด อยากให้แทนมีความสุข และไม่ให้ใครทำให้แทนเสียใจ...ผมแค่อยากขอโอกาสสักครั้ง ให้ผมกับแทนได้คบกันในฐานะคนรักได้ไหมครับ” ผมกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ หลังจากพูดสิ่งที่ผมคิดว่า ดีที่สุดที่จะพูดกับคุณแม่ของแทนจบลง สีหน้าของคุณแม่แทนไม่ได้ดูจะกินผม แต่เรียบเฉยเหมือนรับฟัง ก่อนจะพูดออกมาว่า

“เธอรู้ไหมว่าฉันต้องเจออะไรบ้าง กว่าที่ฉันจะมีวันนี้ ฉันต้องผ่านอะไรมาบ้าง ฉันขอบใจที่เธอรักและดีกับแทนมาตลอด ฉันเป็นแม่ที่เข้มงวด เพราะฉันอยากแน่ใจว่าแทนจะโตไปแล้วพบเจอสิ่งที่ดีๆ มันอาจไม่ใช่สิ่งที่แทนมีความสุข แต่เธอรู้ไหม เรื่องของเธอกับแทน มันเป็นไปไม่ได้ มันอาจมีความสุขแบบเด็กวัยรุ่นคิดกัน แต่พอแทนแก่ตัวไป ฉันจะมั่นใจได้ไงว่าแทนอยู่ได้ ถ้าไม่มีครอบครัวและทายาทดูแล ถ้าเธอรักแทนจริงๆ ให้แทนมีอนาคตแบบผู้ชายทั่วไปที่ควรจะเป็นดีกว่าไหม ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายอะไรเธอ ละก็ จะปฎิบัติกับเธอและครอบครัวให้ดีต่อไปจากนี้ พอจะทำได้ไหม” ผมรู้สึกเหมือนว่าสิ่งที่แม่แทนพูดมาเรียบๆ เจ็บกว่าตอนเอาผมไปกระทืบซะอีก มันทำผมพูดอะไรไม่ออก

“ผมรักแทนจริงๆ นะครับ” ประโยคสิ้นหวังที่ผมนึกออกอันเดียวถูกพูดออกไปแบบทันที

“ฉันจะไม่พูดซ้ำสองอีก หวังว่าเธอจะเข้าใจในครอบครัวฉันเหมือนกัน” สิ้นประโยคนี้ ผมลุกขึ้นไหว้คุณแม่แทนก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้อง

ผมถอนหายใจก่อนจะเอาหลังดันประตูห้องให้ปิดลงไป...ยิ้มไว้บิ๊ก มึงยิ้มไว้ มีเวลาอีกสามเดือน มึงต้องเปลี่ยนใจแม่เค้าให้โอเคกับความรักของเราให้ได้นะ

อย่างน้อย ก็สามเดือนสุดท้าย...

……………….

อีก 8 ตอน ไม่เกินนี้ (หรืออาจน้อยกว่านี้) จะจบทั้งหมดละครับ ตอนพิเศษเขียนเสร็จไปละครับ ละก็....จะเขียนเบื้องหลังทั้งหมดเอาไว้ให้เป็นแนบท้ายให้นะครับ

บทที่ 72-80 จะพยายามทำให้เสร็จเร็วที่สุดและสม่ำเสมอนะครับ

รักและขอบคุณคนอ่านครับ^^

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีแม่แทนนี้เกิดสมัยพระเจ้าเหาเหรอ. หัวโบราณสุดๆ ลูกจะฆ่าตัวตายแล้วยังไม่ยอมอีก เฮ้อออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด