อ่านต่อเลยค่า^^
.
.
.ผมจึงใช้มือลูบไปทั่วแผ่นหลังน้องอย่างอ่อนโยน กระทั่งร่างนุ่มนิ่มคลายอาการดังกล่าวลง ก่อนผมจะก้มลงกระซิบข้างหูน้อง
“หมูน้อยอย่าหายไปไหนแบบนี้อีก พี่เป็นห่วงเรามากนะ” จบประโยคผมถึงกลับน้ำตาซึม ด้วยอัดอั้นและโล่งใจในเวลาเดียวกัน ก่อนจะขโมยหอมแก้มน้องเสียหลายที ให้สมกับความคิดถึงและความเป็นห่วงที่มีให้กับคนในอ้อมกอด
“นลินพาลูกหมูมาส่งให้แล้วนะคะ พอเดาออกว่าทางนี้คงวุ่นวายน่าดู” ถ้าน้องนลินไม่พูดประโยคดังกล่าวออกมา ผมก็คงไม่รู้ว่ามีแขกมาเยือนถึงบ้าน
เมื่อเงยหน้าขึ้นผมถึงได้รู้ว่า นอกจากน้องนลินยังมีอเล็กซ์อดีตเพื่อนร่วมวงตามมาด้วย ผมคิดไม่ถึงจริงๆว่าลูกหมูจะไปหาคู่รักตรงหน้า เพราะเท่าที่รู้นานๆทีน้องถึงจะติดต่อกับคนคู่นี้ แต่ผมดันลืมไปว่าเมื่อเจ็ดปีก่อนพวกเราสองคู่เคยไปกินนอนอยู่ด้วยกันที่ฮ่องกงร่วมเดือน แล้วไหนจะมีทริปย่อยๆที่ทำให้เราเจอกันเพราะค่ายเพลงเดิมของผมอีก
“นลินไม่รู้นะคะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ลูกหมูน่าจะใจเย็นขึ้นมากแล้วล่ะค่ะ ยิ่งได้เห็นไลอ้อนร้องไห้หนักขนาดนั้น” ผมได้แต่เอ่ยขอบใจน้องนลินที่ดูแลคนรักของผมให้ ก่อนหันมาจับไม้จับมือขอบใจอเล็กซ์
ตั้งแต่ทั้งคู่มาถึงบ้านผมนั้น อเล็กซ์แทบไม่พูดอะไร ปล่อยให้ภรรยาบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดแก่ผมอยู่คนเดียว เพื่อนดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นผิดหูผิดตา
น้องนลินเล่าว่าประหลาดใจมากที่อยู่ๆลูกหมูไปหาตัวเองถึงบ้านโดยไม่บอกกล่าว และยิ่งหนักใจที่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาของลูกหมู แถมพอถามว่าเกิดอะไรขึ้น และผมไปอยู่ที่ไหนถึงปล่อยให้ลูกหมูมาหาเธอคนเดียว ลูกหมูถึงกลับปล่อยโฮให้เธอตกใจขึ้นไปอีก กว่าจะปลอบให้เงียบได้ก็ใช้เวลาไปพักใหญ่ ที่สำคัญลูกหมูไม่ได้เล่าสาเหตุของความผิดปกติที่เกิดขึ้นให้น้องนลินรู้ แต่เธอก็พอเดาได้ว่าต้นเหตุนั้นน่าจะมาจากผม จึงไม่คิดจะถามหาสาเหตุอีก ด้วยกลัวลูกหมูจะอึดอัดใจพาลหนีไปเสียที่อื่น
หลังจากนั้นน้องนลินก็ชวนลูกหมูคุยเรื่องอื่น พยายามไม่โยงมาถึงเรื่องครอบครัว เธอประเมินท่าทีลูกหมูได้ว่าไม่มีวี่แววว่าจะกลับบ้าน จึงเตรียมห้องนอนไว้ให้น้องนอนค้าง และตั้งใจไว้ว่าจะแอบโทรมาบอกผมเรื่องที่อยู่ของลูกหมู แต่เรื่องก็ไม่เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์ไว้ เมื่ออยู่ๆลูกหมูก็ขอตัวกลับบ้าน หลังจากช่วยน้องนลินดูแลลูกแฝดของเธอ ผมเดาได้ว่าลูกหมูคงคิดถึงไลอ้อนจึงอยากรีบกลับมาดูแลลูก เพราะแม่ลูกคู่นี้ไม่เคยห่างกันเกินวันความผูกพันย่อมมีมาก
ทั้งคู่อยู่คุยกับผมอีกไม่นานก็ขอตัวกลับบ้าน เพราะเป็นห่วงลูกชายฝาแฝดอายุสามขวบที่ให้อยู่ตามลำพังกับพี่เลี้ยง เมื่อส่งแขกเรียบร้อยแล้ว ผมจึงรีบขึ้นบ้านและตรงไปยังห้องนอน แต่กลับไม่พบคนที่ผมอยากเห็นหน้า ทำให้ต้องเปลี่ยนที่หมายเป็นห้องนอนของไลอ้อนแทน ซึ่งก็สมใจด้วยพอเปิดประตูไป ผมพบว่าลูกหมูกำลังนั่งมองไลอ้อนที่กำลังหลับอยู่บนเตียง พอสังเกตดีๆจึงเห็นว่าเจ้าลูกชายกุมมือหม่ามี้ของตัวเองไม่ปล่อย ทั้งๆที่ตาหลับแต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มน้อยๆอย่างน่าเอ็นดู ทำเอาผมยิ้มตามรอยยิ้มนั้นของลูก
“ไลอ้อนหลับแล้ว ลูกหมูกลับไปพักผ่อนเถอะครับ” ผมถึงกลับยิ้มค้าง เมื่อการตอบรับของลูกหมูคือความเงียบ ก่อนน้องจะปลดมือน้อยๆออกจากมือตัวเอง และลุกขึ้นเดินผ่านผมไปอย่างช้าๆ
ผมเดินตามร่างอวบไปเงียบๆ จนกระทั่งเราเข้ามาอยู่ในห้องนอนด้วยกัน แต่จนถึงนาทีนี้ลูกหมูก็ยังไม่ยอมพูดอะไร หรือแม้แต่ชำเลืองมาทางผมเลย ผมทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงเดินไปขวางหน้าลูกหมู ก่อนที่น้องจะเดินหลบไปทางห้องน้ำ และรั้งต้นแขนน้องไว้ เพื่อให้เราได้เคลียร์ปัญหากันอย่างจริงจัง
“หมูน้อยคุยกับพี่ก่อน ตั้งแต่เกิดเรื่องเรายังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันเลย” ปฏิกิริยาของหมูน้อยต่อประโยคดังกล่าวคือความเงียบเหมือนที่ผ่านมา พร้อมด้วยอาการเบือนหน้าหนีที่ทำเอาผมใจหาย
หากลูกหมูยังคงเงียบอยู่แบบนี้ต่อไป ผมคงได้เป็นโรคประสาทเพราะความเครียดและวิตกกังวลเป็นแน่ จึงตัดสินใจรั้งร่างกลมเข้าหาอกและกอดน้องไว้จนแน่น ลูกหมูไม่ขัดขืนแต่เกร็งตัวรับสัมผัสจากผม ยืนยันได้ว่าน้องยังคงโกรธผมเอามากๆ
“โธ่ ลูกหมู...ไม่เป็นแบบนี้สิ พี่ขอโทษสำหรับเรื่องในวันนี้ พี่ผิดเองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด หมูน้อยยกโทษให้พี่ได้มั้ย แต่อย่าเงียบแบบนี้เลย พี่ใจไม่ดี...หมดแล้ว” ผมแทบหมดแรงเมื่อพูดประโยคดังกล่าว เรียกว่าคำสุดท้ายแทบไม่หลุดออกจากลำคอ
แม้ผมพยายามรั้งใบหน้าน้องให้หันมาคุยกันดีๆ แต่ลูกหมูยังคงเงียบและเบือนหน้าหนี ถึงผมจะอึดอัดและขัดใจในท่าทางน้องเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรมากไปกว่านี้ เพราะขืนลงแรงและฝืนใจน้อง ผมกลัวว่าคนตัวกลมจะเจ็บตัวเสียก่อน ซึ่งผมไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น จึงพยายามอ้อนวอนคนรักให้ใจอ่อน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเท่าใดนัก
“ลูกหมู...หมูน้อย คุยกับพี่เถอะนะครับ พี่ผิดเอง ลูกหมูจะลงโทษยังไงก็ได้ ขอแค่พูดกับพี่ก่อน...หมูน้อย!!” สายน้ำตาบนแก้มลูกหมูที่ได้เห็น ทำผมตกใจจนเกือบทำอะไรไม่ถูก เพราะคาดไม่ถึงมาก่อน ด้วยคิดไว้ว่าผมโดนน้องโกรธจนไม่อยากเห็นหน้ากันแล้ว
หมูน้อยเอาแต่ร้องไห้แบบไร้เสียง ผมเห็นแล้วพาลปวดใจ ทั้งหดหู่และสับสนในเวลาเดียวกัน จึงได้แต่กอดปลอบคนตัวกลม ท่ามกลางความเงียบและเสียงสะอื้นที่ดังขึ้นมาเป็นพักๆ กระทั่งแน่ใจแล้วว่าลูกหมูหยุดร้องไห้แล้วนั่นแหละ ผมถึงดันร่างนุ่มนิ่มออกจากอก ก่อนจะเช็ดน้ำตาออกจากแก้มซีดเซียว และได้ใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่คราวนี้หมูน้อยยอมที่จะสบตากันตรงๆ ผมจึงขอโทษน้องอย่างเป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันเอ่ยจนจบประโยค ฝ่ามือเย็นๆก็ยื่นมาปิดปากผมเสียก่อน
“พี่ไม่ต้องขอโทษลูกหมูแล้วครับ ลูกหมูต่างหากที่ต้องขอโทษพี่ลีโอที่ทำตัวงี่เง่า งอนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง จนทำร้ายจิตใจของไลอ้อน และทำให้พี่ลีโอร้อนใจ...ลูกหมูขอโทษนะครับ” คำขอโทษดังขึ้นพร้อมกับที่ลูกหมูกราบลงกับอกผม ก่อนน้องจะซบแก้มไปแทนที่และสวมกอดผมไว้จนแน่น
นาทีนี้ผมทั้งโล่งใจและยินดีในเวลาเดียวกัน แต่ก็ยังคงสงสัยในท่าทีที่แตกต่างของลูกหมู มันเกิดอะไรขึ้นหรือลูกหมูไปรับรู้อะไรมา ช่วงที่น้องออกไปจากบ้านแล้วกันแน่ ผมไม่เก็บความสงสัยไว้อีกต่อไป ด้วยเอ่ยถามน้องอย่างที่ใจคิด ลูกหมูมีสีหน้าสลดแววตาสื่อถึงความรู้สึกผิดชัดเจน
“ลูกหมูยอมรับครับว่าโกรธมาก ที่เห็นพี่ลีโอกับไลอ้อนอยู่กับสองแม่ลูกคู่นั้นในร้านไอศกรีม ทั้งๆที่ลูกหมูเคยขอร้องพี่ไว้แล้ว ว่าไม่อยากให้พี่ติดต่อหรือใกล้ชิดกับคุณปิ๊ก เลยทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต ประชดพี่กับลูกด้วยการหลบออกจากบ้าน เพราะรู้สึกว่าเหมือนโดนคนที่ลูกหมูรักหักหลัง แม้ใจลึกๆจะรู้ว่าน่าจะมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้พี่ลีโอกับไลอ้อนต้องอยู่ในสถานการณ์นั้น แต่เพราะความโกรธความน้อยใจมันบังตา ทำให้ลูกหมูทำตัวแย่ๆ ลูกหมูนี่แย่จังเลยนะครับ”
น้ำเสียงสั่นเครือที่ได้ยินจากหมูน้อย ทำให้ผมต้องคว้าต้นคอน้องเข้าหาตัว ก่อนจะกระซิบปลอบคนรักผ่านกลุ่มผมหอมๆ
“ไม่หรอก คนที่แย่คือพี่ ลูกหมูอย่าร้องอีกเลยนะ พอแล้ว ไหนเล่าให้พี่ฟังสิว่าทำไมเราถึงเปลี่ยนใจกลับบ้าน น้องนลินบอกพี่ว่าอยู่ๆลูกหมูก็ขอกลับ ทั้งๆที่ไม่มีวี่แววมาก่อน” หมูน้อยพยักหน้ากับอกผมและกอดเอวผมไว้หลวมๆ
“เพราะครอบครัวนลินกับอเล็กซ์นั่นแหละครับ ทำให้ลูกหมูคิดได้ พ่อแม่ลูกดูรักกันและเป็นครอบครัวที่อบอุ่นโดยเฉพาะหลานฝาแฝดทำให้ลูกหมูคิดถึงไลอ้อน สะท้อนใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ จนสำนึกได้เลยว่าการกระทำของตัวเองส่งผลเสียถึงลูกโดยตรง ไลอ้อนไม่ควรมารับรู้เรื่องความขัดแย้งของพ่อแม่ และถึงเราจะทะเลาะกันยังไงก็ไม่ควรดึงลูกเข้ามายุ่งด้วย แต่ลูกหมูดันพาลมั่วไปหมด จนทำร้ายจิตใจลูกเข้าให้
ตอนนั้นจึงเพิ่งคิดได้ว่าไม่น่าเอาเรื่องของคนอื่นมาทำร้ายคนในครอบครัว ที่สำคัญพี่ลีโอแสดงออกชัดว่ารักและเห็นลูกหมูเป็นคนสำคัญที่สุดมาตลอดแท้ๆ ลูกหมูงี่เง่าเองที่เอาอารมณ์เป็นใหญ่ จนเรื่องมันบานปลายแบบนั้น พอกลับถึงบ้านได้เห็นว่าไลอ้อนอยู่ในสภาพไหน เลยยิ่งไม่กล้าสู้หน้าพี่ กลัวว่าพี่จะโกรธจนเบื่อหน่ายลูกหมูไปแล้วด้วยซ้ำ”
ผมเข้าใจความรู้สึกของคนรักและไม่คิดจะโกรธอย่างที่น้องกลัว เหตุการณ์นี้ทำให้เราต่างเรียนรู้กันและกันมากขึ้น ผมได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นมาว่ามีเมียเป็นคนขี้หึงมากคนหนึ่ง แต่เมียผมก็เป็นคนที่มีเหตุผลเพียงพอ ที่จะรู้จักขอโทษและให้อภัยสามีอย่างผมเช่นกัน
ต่อไปนี้ผมคงต้องระวังตัวและเชื่อฟังคนเป็นเมียและแม่ของลูกคนนี้ให้มากขึ้น หากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายเช่นนี้อีก ซึ่งผมก็เชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ลูกหมูก็ได้รับบทเรียนเช่นกัน ด้วยความหุนหันใจร้อนของตัวเอง ทำให้เผลอไปทำร้ายจิตใจของลูกเข้า กับผมแม้ได้รับผลกระทบจากข้อเสียนี้ แต่ก็ไม่มากเท่าที่ไลอ้อนได้รับ ดังนั้นไม่ควรที่จะมีใครโดนตำหนิต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ไม่มีทางที่พี่จะโกรธหรือเบื่อลูกหมูเด็ดขาด ชีวิตคู่มันคงต้องมีสีสันกันบ้าง ความรักถึงจะไม่จืดจาง แต่พี่ขออย่างนะครับ ต่อไปอย่าหลบออกจากบ้านอีก มีอะไรก็ขอให้คุยกัน จะโกรธจะต่อว่าหรือทำร้ายร่างกายพี่ก็ได้ ถ้าทำแล้วมันทำให้เราได้คุยกัน เพราะอย่างน้อยเราคงจะปรับความเข้าใจกันได้เร็วกว่านี้ พี่เองต่อไปก็จะระวังตัวและเชื่อเมียพี่ให้มาก ครอบครัวเราจะได้อบอุ่นและรักกันจนครอบครัวอื่นๆอิจฉา ดีมั้ยครับ”
“ครับ ลูกหมูให้สัญญาว่าต่อไปมีอะไรเกิดขึ้น จะใจเย็นและเปิดอกคุยกับพี่” รอยยิ้มสดใสกลับคืนสู่ใบหน้าของลูกหมูแล้วครับ
ผมถึงกลับโล่งใจและยิ้มได้กว้างที่สุดตั้งแต่เกิดเรื่องมา
“ถ้างั้น...เรามาเปิดอกคุยกันดีกว่า จะได้รักและเข้าใจกันมากขึ้น ฮึๆ” ลูกหมูเอียงคอทำหน้างงงวยใส่ผม
ดูท่าน้องจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ถ้าเช่นนั้นผมคงต้องลงมือสาธิตให้เข้าใจกันเลยดีกว่า ผมผลักลูกหมูนอนลงบนเตียง ก่อนจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของน้อง
“อ๊ะ! พี่! ทำอะไรครับ!?” ผมเงยหน้าจากแผ่นอกขาวผ่องที่ประดับไปด้วยตุ่มไตสีชมพูน่ากิน
“ก็เปิดอกคุยกันยังไงล่ะ เราจะได้เข้าใจกันมากขึ้น” ผมไม่รอให้ลูกหมูตั้งตัวได้ ด้วยก้มลงประกบจูบบนเรียวปากที่กำลังเผยอค้างเพราะความตกใจ
“อืมมมม” สุดท้ายคนใต้ร่างก็ครางผะแผ่วด้วยความพอใจให้ผมได้ยิน คงไม่ต้องเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
ชีวิตหลังแต่งงานของผมกับลูกหมูไม่ได้ราบรื่นและมีแต่ความสุขเหมือนกับนิทาน แต่ชีวิตคู่ต้องผ่านเหตุการณ์ทั้งดีและร้ายร่วมกัน ต้องมีการปรับตัวและเรียนรู้กันไปตลอดชีวิต แต่ขอเพียงใจของเราผูกพันและจับมือกันไว้ให้แน่น เราก็จะผ่านอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ นอกจากความรักที่เรามีให้กันแล้ว คงต้องอาศัยความเข้าใจและการให้อภัยซึ่งกัน ถึงจะสามารถครองรักกันไปได้ยาวนาน
เหมือนเช่นเหตุการณ์ของผมกับลูกหมูที่เริ่มต้นด้วยความวุ่นวายชวนปวดใจ แต่สุดท้ายเราก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้ ทำให้เรารู้สึกรักกันมากขึ้น เพราะเราต่างเรียนรู้กันแล้วว่าการถนอมหัวใจรักของกันและกันนั้นสำคัญที่สุด
...................................................
ในที่สุดก็เข้าใจกัน ลีโอนี่น่าตีจริงๆเลยเนอะ
ทำเอาทั้งแม่ทั้งลูกน้ำตานองเลยทีเดียว
แต่สุดท้ายก็แฮปปี้ โฮะๆ
นี่เป็นแค่ตอนพิเศษ 2 เรายังมีตอนที่ 3 ให้ได้ติดตาม
ยังไงฝากตามให้กำลังใจครอบครัวเล็กๆครอบครัวนี้ด้วยนะคะ
ปล.เรื่องนี้เปิดให้จองแล้วนะคะ รายละเอียดตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ^^
ใครอยากได้ลูกหมูไปนอนกอด รีบติดต่อมาน้าhttp://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47705.msg3118393#msg3118393