◐ เธอที่ร้าย ◑ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◐ เธอที่ร้าย ◑ THE END  (อ่าน 744394 ครั้ง)

ออฟไลน์ littlelampae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สิงหาหนูเข้มแข็งสักทีลูกคราวนี้ไปแล้วสะบ็อบใส่อย่าได้กลับมาเลยนะ

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
หนีไปให้ไกล แล้วค่อยกลับมาเอาคืนมันนะสิงหา
ไปสร้างความเข้มแข็งให้ตัวเอง

ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo
มาต่อได้แร้นนนนนนนคิดถึงสิงหา

ออฟไลน์ mr.nine

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
นานแล้วที่ยังไม่มาลงเห็นบอกว่า 4 วัน  :ling1:

ออฟไลน์ however_pat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-3
เดี๋ยวสุดท้ายก็หนีกันไม่รอดอีก คู่นี้ แลดูคู่กั๊นคู่กัน55

เค้าเดา ตามด้วย step1 เล่าปมดราม่าพระเอกหนักๆ ตามสูตรต้องมีปัญหาที่บ้าน พ่อแม่เลิกกัน ทะเลาะพ่อ ประชดแม่
Step 2 พอนายเอกไป อยู่ดีๆก็เศร้า กินเหล้าเมามาย ตามด้วยต้องมีเพื่อนมาทัก เฮ้ย มึงโทรมจัง นู่นนี่ หนวดเคราไม่โกน ผอมซูบ55
Step3 ทำตัวน่าสงสาร ซึม ประหนึ่งโดนทิ้ง ง้อด้วยวิธีโง่ๆ จนนายเอกใจอ่อน
Step4 ครอบครัวกลับมาเข้าใจชื่นมื่น happy ending

แต่กว่าตะถึงวันนั้น อีกยาวววววว รอร๊อรอ ต่อปายยย  :monkeysad:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2015 10:30:07 โดย however_pat »

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
อ่านเรื่องนี้แล้วตาบวมฉึ่ง
จะผลิตน้ำตาไม่ทันแล้วคร่าาาา
สงสารสิงหาอ่ะ ทำไมไอ้พี่ภูมันเลวงี้

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18


เนื้อหาตอนดังกล่าวอาจมีความไม่เหมาะสม
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน



ตอนที่ 9
   

   ผมเป็นคนตัวเปล่า

   เป็นคนตัวเปล่าที่กำลังวิ่งหนีสิ่งที่รักมากที่สุด เท้าของผมไม่สามารถหยุดวิ่งได้แม้จะเหนื่อยล้าแค่ไหนก็ตาม ผมรู้...ผมรู้ว่าตัวเองเจ็บมากแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นการใช้ชีวิตอยู่ต่อโดยมีพี่มันยิ่งทำให้ผมเจ็บมากขึ้นเป็นเท่าทวี และตัวเองก็เหนื่อยเกินกว่าจะต้องมารองรับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของเขาได้แล้ว

   ฉะนั้นผมจึงต้องไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต่อให้ต้องวิ่งเท้าเปล่าผมก็ต้องทำ

   “สิงหาหยุดเดี๋ยวนี้!!”

   เสียงของพี่ไกลออกไปเรื่อยๆ

   “หยุด!!”

   รถเมล์สายหนึ่งจอดเทียบท่า ผมวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ก้าวขึ้นไปยังยานพาหนะซึ่งไร้ผู้คน มองดูกระจกหลังด้วยหัวใจตื่นตระหนก เมื่อเห็นร่างสูงหยุดวิ่งและจ้องมอง กระทั่งระยะทางระหว่างเราห่างไกลออกไปมากขึ้นทุกที

   และอาจไกลไปตลอดกาล...

   ผมแค่หวังว่าเราจะไม่กลับมาเจอกันอีก ถึงแม้ว่าจะเจ็บเจียนตายแค่ไหนเดี๋ยวมันก็คงผ่านไป ผ่านไป...จนกระทั่งวันหนึ่งลืมเลือนผู้ชายที่ชื่อว่าภูผาได้สักวัน

   ขอบคุณพี่ที่สอนให้ผมรู้จักคำว่ารักและการถูกรัก

   ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ถึงไม่มากแต่ผมก็มีความสุขดี

   ผมรักพี่...ผมยังรัก...

ที่พึ่งสุดท้ายของผมก็คือเบียร์ โซซัดโซเซไปที่นั่นด้วยหัวใจขาดวิ่น ถึงจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลยังไงมันก็คงทำได้ยาก ผมไม่หลงเหลืออะไรที่เป็นของตัวเองเลยนอกจากร่างกาย คืนนี้ผมเหนื่อยและหน้าด้านเกินกว่าจะห้ามใจตัวเองไม่ให้แบมือขอเงินจากเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว

   ผมได้มันมาจากเบียร์สำหรับค่ารถกลับบ้าน กลับไปอยู่กับตัวเองที่ซึ่งมีความรักจากคนเป็นแม่รออยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่ายาวนานแค่ไหนที่จมปรักอยู่บ้าน แต่หากวันไหนเข้มแข็งได้ผมจะกลับมา...

   ช่วงสัปดาห์แรก ทุกอย่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมเอาแต่นอน นอนทั้งวัน ตื่นขึ้นมาเพื่อทานอาหารจากนั้นก็ล้มตัวลงบนเตียง จิตใจผมมันว้าวุ่น มีคำถามมากมายอยู่ในหัวว่าเขาจะตามหาผมมั้ย เขาจะโกรธแค่ไหน ขณะที่ตัวเองก็ได้แต่จินตนาการถึงอดีตที่มีแต่ความสุข

   ผมหนีมาไกล แต่สุดท้ายความรู้สึกของผมมันกลับยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน

   อยู่ที่ใครคนนั้น ผู้ซึ่งหยิบยื่นทุกอย่างให้ และก็ริบรอนทุกอย่างไปจากชีวิตของผมเช่นกัน

   แม่มักถามว่าเป็นอะไร สิ่งที่ตอบได้ก็มีเพียงแค่เหนื่อย แม่ลูบหัวผมย้ำอยู่เสมอว่า ‘เด็กดี ลูกแม่ต้องไม่เป็นไร’ เขาพูดซ้ำๆ อย่างนั้นตอนที่เราทานอาหารเย็นจนกระทั่งเข้านอน เช้ามาแม่ปลุกผมเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ผมก็ยังอิดออดเหมือนทุกวัน

   เพราะยัง...ไม่อยากตื่นจากฝันดี เนื่องจากชีวิตจริงมันเป็นแบบนั้นไม่ได้

   มันพาลให้ผมอิจฉาคนอื่นไปทั่วแม้กระทั่งคนบ้า บางทีคนพวกนี้อาจเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกก็ได้ อย่างน้อยก็ในโลกของตัวเอง

   เช้านี้ก็เหมือนกัน...

   “สิงหาตื่นได้แล้ว”

   เสียงของพี่ เสียงของพี่ภูที่กระซิบอยู่ข้างหู

   ผมรีบกระเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง โยนผ้าห่มออกไปจากตัวเพื่อให้สัมผัสร่างกายของคนตัวสูงได้ถนัด พร้อมกับคำถามเกิดขึ้นในหัวพาลให้ขมวดคิ้วมุ่น เขามาได้ยังไง?

   “มัวแต่นอนขี้เซาอยู่อีก” พี่พูดย้ำ

   “ผมเปล่าสักหน่อย ก็แค่...นอนสบายเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง”

   “พี่นอนกอดทั้งคืนยังสบายไม่พออีกเหรอ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเร็ว พี่เตรียมกับข้าวไว้แล้ว”

   “จริงเหรอครับ”

   “อืม...เป็นแกงจืดที่เราชอบด้วย”

   กายสูงทำท่าลุกจากเตียง แต่ผมเร็วกว่านั้นรีบคว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้เพราะกลัวว่ามันจะสลายไปอีก แต่ไม่ใช่...พี่ภูไม่ได้หายไป เขายังยืนอยู่กับผมตรงนี้

   “งอแงอะไรอีกเรา” เขาถามเสียงละมุน น้ำเสียงที่ใช้กับผมเหมือนเมื่อก่อน

   “พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

   “...”

   “พี่รู้จักบ้านของผมด้วยเหรอ” จำได้ว่าเขารู้แค่จังหวัด แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตั้งอยู่ตรงไหน กินอยู่ยังไงตั้งแต่เล็กจนโต ทว่าสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือเขาดูแลผมอย่างดีตอนที่เราอยู่กรุงเทพฯ ด้วยกันในช่วงเวลาหนึ่ง

   “ไม่รู้สิ พี่ไม่รู้หรอก”

   “แล้วพี่มาได้ยังไง”

   “พี่ไม่รู้ พี่แค่อยากกอดเรา จูบเรา พี่รักสิงหานะ” วินาทีนั้นผมไม่ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ รีบถลาเข้าไปกอดคนตรงหน้าให้แน่นที่สุด แต่แปลกเหลือเกินที่อ้อมกอดของพี่ไม่มีความอบอุ่นเอาเสียเลย มันเย็นเฉียบ เย็น...จนรู้สึกหนาวเหน็บ

   “สิงหาครับ”

เสียงนั้นทำให้ผมสะดุ้ง เพราะเป็นเสียงหวานของแม่ เจ้าตัวลากเท้ามาใกล้ๆ ขอบเตียง ก้มลงจูบหน้าผากผมบางเบาแล้วลูบหัวเหมือนทุกครั้ง

ผมแค่ฝันไป

อาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกเอาแต่คิดถึงคนคนนั้น อยากถูกกอด อยากถูกจูบ อยากถูกเอาใจ ผมถึงได้ละเมอเพ้อว่ามันคือเรื่องจริง ทั้งที่เป็นเพียงความทรงจำเก่าๆ ผสมจินตนาการในปัจจุบันเท่านั้น การนอนตักพี่และหลับไปไม่ใช่เรื่องจริง การมีใครอีกคนคอยกอดปลอบและกล่อมให้หลับคือภาพลวงตา

ผมฝันอีกแล้ว ฝันครั้งที่เท่าไหร่กัน ฝันจนรู้สึกเหนื่อยและได้แต่ภาวนาว่าเมื่อไหร่มันจะสิ้นสุดลงสักที

“แม่ออกไปทำงานก่อนนะครับ” แม่ผมพูดย้ำ เธอเป็นข้าราชการ เป็นครูสอนภาษาไทยในโรงเรียนประจำตำบล

   “ครับ” ผมขานรับเสียงเรียบ

   “ตื่นแล้วก็กินข้าวซะนะ แม่ทำกับข้าวไว้ในตู้แล้ว”

   ผมพยักหน้าน้อยๆ มองดูร่างบางเดินผละห่างออกไป แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเรียก

   “แม่...”

   ผู้หญิงวัยกลางคนที่เป็นทั้งหมดในชีวิตหันหน้ากลับมาพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง แม้รู้ดีว่าภายในจะเจ็บปวดกับสิ่งที่ผมเป็นแค่ไหน

   “ผมรักแม่นะครับ”

   ผมเป็นเกย์

   “แม่ก็รักสิงหา”

   ผมเป็นเกย์แต่บอกแม่ไม่ได้ ผมเป็นในสิ่งที่ใครไม่ต้องการแม้กระทั่งพี่







   ล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่สอง

   หลังจากไม่ได้ติดต่อหาใครเลยตั้งแต่ซมซานกลับมายังบ้าน โทรศัพท์มือถือก็ไม่มี พอเริ่มตั้งตัวได้และหนีจากความฝันเพื่อยืนหยัดด้วยตัวเอง ผมถึงเจียดเงินที่เหลืออยู่บางส่วนไปซื้อมือถือแก้ขัด โดยสายแรกที่เริ่มติดต่อหาก็คือเบียร์

   คืนนั้นเราพูดกันเกือบค่อนคืน ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองได้รับเงินถ่ายแบบครั้งล่าสุด แต่มันดันไปอยู่ที่พี่ภู สุดท้ายก็เลยต้องยอมปล่อยเงินก้อนนั้นไปอย่างจำใจ เราคงไม่สามารถเจอกันได้อีก มองหน้ากันด้วยความจริงใจไม่ได้อีก

   ทว่าทำไมแค่รู้สึกคิดถึง มันก็เจ็บปวดขึ้นมาอีก

   “เบียร์” ผมกรอกเสียงลงโทรศัพท์

   [ใครวะ]

   “เราเอง สิงหา...นี่เบอร์ใหม่เรา”

   [โอ้ยยยยยยเป็นไงบ้าง หายไปนานเลยนะมึง ดอกเบี้ยที่มึงยืมเงินกูแล้วหายต๋อม ตอนนี้ขึ้นหลักแสนแล้วนะ] ผมหัวเราะ เขาเป็นเพื่อนที่มักทำให้ผมหายเครียดได้เสมอ

   “เริ่มโอเคแล้วล่ะ”

   [อยู่บ้านทำอะไร]

   “ไม่ได้ทำ แค่นอน นอนอยู่เฉยๆ ไปจนถึงบ่าย” แค่นั้นก็ได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสายส่งกลับมาแทน มั่นใจว่าถ้าเราอยู่ใกล้กัน คงจะโดนมือหนาของอีกฝ่ายโบกหัวไปนานแล้ว

   ผมอ่อนแอ ผมเข้มแข็งและเริ่มต้นใหม่ได้ช้ากว่าคนอื่น แต่ผมก็กำลังพยายาม...

   [แม่ไม่ว่าเหรอ]

   “ไม่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดนทิ้ง เขาแค่ปลอบ”

   [แล้วนี่จะทำยังไงต่อไป]

   “ยังไม่รู้เลย”

   [เรื่องงานถ่ายแบบล่ะ เมื่อวันก่อนกูเจอไอ้ผู้ชายคนนึงมันบอกว่าชื่อคิน ถามว่าเจอมึงบ้างมั้ย เพราะมันฝากกูมาบอกมึงว่าถ้าอยากย้ายสังกัดมาอยู่กับมันก็ให้ติดต่อกลับไป]

   “ขอบใจมากนะ แต่ตอนนี้เรายังไม่คิดที่จะกลับไป กลัวเจอพี่...”

   [ถามหน่อยเหอะ ทุกวันนี้มึงทำอะไรอยู่ หายใจเพื่ออะไร หวังสิ่งไหน กูรู้ว่ามึงกำลังสับสนมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ชีวิตวนอยู่ในลูปเดิมๆ โดยไม่มีจุดหมาย หมุนไปแค่ในสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า แล้วฟ้าที่สดใสล่ะหายไปไหนหมด หรือคิดว่าจะไม่รอคอยวันนั้นแล้ว ชีวิตมึงไม่ได้เกิดมาแค่เดินตามทางที่ปูเอาไว้นะเว้ย เมื่อไหร่มึงจะเริ่มสร้างถนนเองแล้วเดินอย่างมีความสุขสักที]

   ประโยคยืดยาวเปล่งออกมาจากปลายสาย เบียร์หวังดีกับผมมาก แต่ก็อยากเกลียดตัวเองเหมือนกันที่เป็นอย่างที่เขาคาดหวังให้ไม่ได้

   “การพยายามยืนขึ้นทั้งที่เพิ่งหกล้มมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

   [ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปหรอกน่า]

   เราพูดกันยาวเหยียดตลอดทั้งคืน ความคิดถึงและความหวังดีจากเพื่อนคนหนึ่ง การมองหน้าแม่ตอนที่เอาแต่ปลอบผมด้วยเสียงสั่นเครือ ครอบครัวที่เรียบง่าย กับการกลับบ้านตัวเปล่าของผมในค่ำคืนนั้นกำลังตอกย้ำและผลักดันให้เดินไปข้างหน้า

   ทางข้างหลังเป็นเพียงอดีต ต่อไปผมจะไม่นึกถึงมันอีก

   ภูผา

   เรื่องเจ็บปวดที่สุดในชีวิต เพราะครั้งหนึ่งเราก็เคยรักแต่ที่เศร้ากว่าคือมันแค่ ‘เคย’

การรักพี่เดี๋ยวนี้มันยากเย็นเกินไปแล้ว ผมเคยรอ รอจนท้อแต่พี่ก็ไม่เคยมา เขายังอยู่ในโลกที่ผมไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ ทำไมต้องเป็นแบบนี้

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการผ่านเข้ามาและผ่านไปมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่อีกคนจะลืมได้...






   หนึ่งเดือนหลังจากกลับบ้าน

   สองมือของผมพยายามเก็บเสื้อผ้าที่เหลือค้างอยู่ในตู้ใส่กระเป๋าเงียบๆ วันนี้จำต้องบอกลาแม่เพื่อเผชิญความเป็นจริงอีกครั้ง ผมจะกลับไป...กลับไปตั้งใจเรียน ทำงานถ่ายแบบและเริ่มต้นใช้ชีวิตอีกครั้งโดยปราศจากใครอีกคนเคียงข้าง

   ผมเชื่อว่าตัวเองจะมีความสุข

   เบียร์มารอรับที่ท่ารถ ผมจำไม่ได้แล้วว่ารอยยิ้มของเบียร์ดูมีความสุขครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่ฟ้าใหม่ของผมเริ่มต้นขึ้นแล้วด้วยการหอบสัมภาระแสนน้อยนิดจากบ้านไปอยู่กับผู้จัดการคนใหม่ซึ่งเป็นคนดูแลคิน รุ่นพี่นายแบบคนแรกในชีวิตที่ผมรู้จัก

   เรานอนอยู่คนละห้องในคอนโดชั้น 9 หรูหราไม่ต่างจากห้องของพี่

ผมพยายามจะไม่นึกถึงอดีต ไม่นึกถึงคนที่ทำให้เจ็บเสมอ แต่หลายครั้งมันก็เหนือการควบคุม

ที่นี่ดีทุกอย่าง คินดีกับผม พี่ผู้จัดการที่ชื่อแพรก็ดีกับผมเช่นกัน หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ผมรับงานถ่ายแบบอีกครั้ง ตากล้องไม่ใช่พี่ ไม่รู้หรอกว่าตลอดเวลาเดือนกว่าๆ เขาเป็นยังไงบ้าง ได้แต่สั่งใจตัวเองว่าไม่อยากรู้และตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป






   เดือนต่อมามหา’ลัยเริ่มเปิด ผมเจียดเวลาจากงานถ่ายแบบกลับมาตั้งใจเรียน เริ่มเที่ยว เริ่มสังสรรค์กับเพื่อนภายในคณะ หัวใจของผมตอนนี้แข็งแกร่งจนใครไม่สามารถทำลายได้แล้ว

   ผมเริ่มมีชื่อเสียง เดินไปไหนมาไหนใครๆก็เข้ามาทักทาย ซื้อขนมมาให้ มาขอถ่ายรูป เขาบอกผมน่ารักและก็เอาแต่จับมือผมไม่หยุดทั้งผู้ชายและผู้หญิง...

   ใครๆ ต่างก็บอกว่าผมกับคินเราเป็นคู่จิ้นกัน เนื่องจากรับงานด้วยกันบ่อย และไม่นานเรากำลังได้เล่นโฆษณาด้วยกัน หลังจากทางค่ายใหญ่เปิดแคสต์โฆษณาวัยรุ่นหน้าใหม่ ด้วยไม่อยากผูกติดกับอะไรเดิมๆ รวมถึงอยากลองงานอื่นที่ไม่ใช่งานถ่ายแบบผมจึงรีบวิ่งเข้าหาโอกาสด้วยตัวเอง

   ถึงจะแค่เริ่มต้นแต่มันก็สร้างอนาคตให้ผมกับคินได้

   ผมรู้สึกขอบคุณเขา ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ลำบากและมีแต่ตัว จนตอนนี้ผมกลายเป็นสิงหาที่มีใครหลายๆ คนรู้จัก รักและเอ็นดู ผมไม่ใช่สิงหาคนเดิมที่ใครต่อใครไม่ต้องการอีกแล้ว

   ทว่าเย็นวันหนึ่ง...

   ตอนที่กำลังถ่ายแบบในสตูดิโอ ผมกลับเห็นผู้ชายหน้าตาคุ้นเคยคนหนึ่งกำลังอาละวาดและตั้งใจพุ่งเข้ามาหาผม เพียงแต่เจ้าตัวกลับถูกกันเอาไว้จากพี่ทีมงาน รวมถึงผู้จัดการคนใหม่ ซึ่งผมได้บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่อยากเจอเขา ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม

   เรามองกันชั่วครู่ เขายังเหมือนเดิม ไม่ได้อ้วนขึ้นหรือผอมลง

   แค่ยังเหมือนเดิม

   ภูผา





   หกเดือนให้หลัง

   ผมได้รับเลือกให้เป็นนักแสดงหน้าใหม่ในซีรีส์วัยรุ่นซึ่งก็มีคินติดโผเข้ามาเป็นนักแสดงด้วย ตอนนั้นมันเหมือนกับฝัน ไม่คิดว่าระยะเวลา 6 เดือนจากล้มลุกคลุกคลานมันจะทำให้ผมมาไกลขนาดนี้ ถึงบทมันจะเล็กๆ แต่ก็เป็นบทที่ผมอยากเล่นมากที่สุด

   ช่วงหลังมานี้เบียร์กับเพื่อนๆ เลยจัดฉลองให้ผมบ่อยจนอ้วนไปเลย

   “สิงหาพร้อมหรือยัง”

   “ครับ”

   พี่ทีมงานขานเรียก ผมไม่ได้อยู่ที่กองถ่ายซีรีส์อะไรหรอก แต่กำลังเตรียมตัวสำหรับงานถ่ายแบบให้กับเสื้อผ้าวัยรุ่นแบรนด์หนึ่งที่กำลังออกในช่วงฤดูกาลนี้เท่านั้น

   “แล้วตากล้องล่ะพร้อมหรือยัง”

   “พร้อมแล้วครับ”

   นั่นเป็นอีกครั้งที่เสียงอันคุ้นเคยตอบกลับมา และเราได้เจอกัน

   เพียงแต่เขาไม่เหมือนเดิม พี่ไม่เหมือนเดิม...







ภูผา...

   ผมวิ่งตามรถเมล์คันหนึ่งที่ไม่มีทางหยุดจอด สองตาจ้องมองแต่คนตัวเล็กที่ยืนสั่นเคลื่อนออกไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่ากำลังโมโหมากมายแค่ไหน เพียงแต่ร่างกายที่กำลังสั่นเทิ้มบอกได้เป็นอย่างดีว่าผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้

   ผมควบคุมมันไม่ได้ ไม่ว่าจะทำอะไร

   แต่ด้วยความที่เด็กคนนั้นเป็นของผม จึงไม่ยอมปล่อยให้หลุดไปไหน ถึงขนาดรีบบึ่งรถไปดักรออยู่ที่ห้องเช่าเก่าๆ แทนที่จะเจอ มันกลับไม่เป็นอย่างใจคิด ห้องพักแห่งนั้นมีผู้เช่ารายใหม่เข้ามาแล้ว แต่ผมก็ไม่คิดละความพยายาม ด้วยรู้ว่าเพื่อนสนิทของสิงหาพักอยู่ที่ไหนผมก็มุ่งหน้าไปที่นั่นทันที

   เพียงแต่...ผมไปไม่ทัน สิงหาหนีไปแล้ว

   หนีกลับบ้านทั้งที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ไหน ถึงจะเค้นคอเพื่อนอีกฝ่ายให้ตายยังไงมันก็ไม่ยอมบอก

   ได้แต่รอคอยว่าถ้าเปิดเทอมแล้วซมซานกลับมาเมื่อไหร่ ผมก็จะพากลับไปขังในที่แห่งเดิม

   ระหว่างนั้นก็ใช้ชีวิตตามปกติ ผมรู้ว่าตัวเองขาดสิงหาได้ เพราะตอนที่ฝึกงานแทบไม่กลับห้องยังอยู่ได้เลย ทว่าผมลืมอะไรไปอย่าง

   ความเชื่อมั่น...

   ตอนนั้นมันมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าถึงไม่กลับไปก็ยังมีใครสักคนรออยู่ตรงนั้น หากแต่ตอนนี้มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ตรงที่ต่อให้กลับไปหรือไม่กลับไปมันก็เหลือแต่ความว่างเปล่า เด็กชายเสื้อสีชมพูไม่ได้รอผมอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว

   ผมรับงานสารพัดเพื่อขจัดความฟุ้งซ่านและรอคอยให้คนตัวเล็กกลับมาอย่างจดจ่อ ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร แต่ในหัวมันมีเรื่องนับล้านที่อยากทำ ขยัน อยากทำงาน เมื่อก่อนตอนช่วงฝึกงานผมก็เป็น และมันส่งผลมาถึงตอนนี้คือบางวันผมเลือกที่จะไม่หลับไม่นาน เอาแต่ร่างแผนการเอาไว้ในหัว

   ร่างกายผมเหมือนถูกกระตุ้นด้วยสารเคมีหลายอย่าง มันทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ไม่เหนื่อย ไม่เบื่อ แม้ชีวิตจะไม่เหลือใครแล้วแต่ก็หาความสนุกให้ตัวเองได้ ชีวิตโคตรจะเสเพล ผมเหลวแหลกก็ตรงที่ร่วมหลับนอนกับนางแบบในวงการ รวมไปถึงผู้หญิงในคลับหลายคน

   ชีวิตมันไม่ได้ดีหรือแย่ แต่มันเหี้ย

   ร่างกายของผมกระหายเซ็กซ์ ผมไม่รู้ว่าทำไม มันมีความสุขดีเพราะชีวิตเต็มไปด้วยแสงสี ไม่ได้รู้สึกเลยด้วยซ้ำว่าใครอีกคนเริ่มหายไปจากชีวิต

   มีเสี้ยวหนึ่งที่รู้สึกผิดต่อสิงหา ด้วยความที่โกรธจนไม่อยากยกโทษให้ผมจึงสลัดเหตุผลนั้นออกจากหัว และรอคอยว่าเมื่อไหร่จะได้ลงโทษคนที่มันหายไปอย่างสาสม

ทว่าพอได้เจอกับร่างบางอีกครั้งในเช้าวันหนึ่งที่มหา’ลัย สุดท้ายเราก็ไม่ได้ปรับความเข้าใจอะไรกันเลย เพราะถูกกันจากเพื่อนของเขาจนรู้สึกหงุดหงิด

   ผมไม่ได้ต้องการอะไรเลยนอกจากพาเด็กคนนั้นกลับมา

   ไม่ได้ต้องการมากไปกว่านั้น แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน
   
   

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2022 16:22:11 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18


พฤษภาคม

   “ออกไป…” ผมพยายามกดเสียงลงให้ต่ำที่สุด เพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นในใจของตัวเอง

   “แต่ไล่ทีมงานออกไปหมดแล้วจะทำงานยังไงน้องภู”

   “กูบอกให้ออกไปไง! จะยืนขวางทำไมวะ!!” ผมอาละวาดอย่างหนักจนคนในสตูดิโอต้องรีบเดินหนีหายไปทีละคนสองคน เหลือเพียงนางแบบที่อยู่ในห้อง

   “สั่นทำไมครับ โพสต์ท่าไปสิ” บอกเสียงเรียบ แม้จะทำให้คนฟังสะดุ้งเป็นพักๆ ก็ตาม

   “บะ...แบบนี้โอเคมั้ยคะ” เธอถาม ผมถึงได้หรี่ตาขวาง

   “นั่นมันท่าอะไร!”

   “...”

   “คิดว่าดีแล้วเหรอที่ทำ ผมต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนในการบอกคุณ” เป็นอีกครั้งและอีกครั้งที่ผมระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างลืมตัว หงุดหงิดงุ่นง่านจนควบคุมตัวเองไม่ได้

   ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมต้องโกรธเพียงแค่เธอไม่ได้ดั่งใจ

   เริ่มโมโหร้าย เริ่มตวาดคนรอบข้าง และช่วงหลังผมเผลอทำลายข้าวของแทบไม่รู้ตัว ผมรับรู้แต่เพียงว่าสองมือของผมปัดกล้องตัวเก่งลงกับพื้นด้วยตัวเองจนทำให้คนรอบข้างผวา

   พวกทีมงานไม่อยากทำงานกับผม นางแบบหรือนายแบบก็เหมือนกัน

   ตากล้องน้องใหม่ไฟแรงที่ใครต่อใครในวงการต่างขนานนามกลายเป็นเพียงอดีต ผมพยายามแล้ว พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงที่และใจเย็นลง แต่ผลสุดท้ายกลับออกมาล้มเหลวไม่เป็นท่า เมื่อมันเกิดขึ้นในทุกสตูดิโอที่ผมทำงาน

   “เลิกจ้างภูผาเถอะ เราทำงานกับคนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ไม่ได้”

   เสียงของใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นในห้อง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมอยู่ตรงนั้น คำพูดทุกคำ ประโยคทุกประโยคฝังอยู่ในหัวของผมจนยากจะลบเลือน

   “แต่เราน่าจะให้โอกาสเขานะ”

   “เขาไม่เหมาะจะเป็นตากล้อง คนอื่นก็บอกต่อๆ กันมาว่าถ้ารับคนคนนี้เข้าทำงาน รับรองว่างานจะพังไม่เป็นท่า”

   “...”

   “คงไม่มีใครอยากเสี่ยงกับคนประเภทนี้หรอก”

   “แต่เขาเป็นคนเก่ง ฉันรู้สึกเสียดายฝีมือ”

   “คนเก่งมีเยอะแยะถมเถไป แต่การทำงานเราไม่ได้ต้องการคนเก่งอย่างเดียว เราต้องการคนที่มีคอนเนคชั่นและมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คน ไม่ใช่คนที่เอาแต่อาละวาดเวลาไม่ได้ดั่งใจ”

   “ก็พอเข้าใจ...”

   “ไม่ใช่เข้าใจ แต่ต้องแบนเขาจากวงการได้แล้ว”

   สิ่งที่ได้ยินมันทำให้ผมโกรธ โกรธจนอยากเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อคนที่พูดถึงในทางไม่ดี แต่ผมก็ทำได้แค่กัดฟันกรอดและบีบมือแน่นอยู่ตรงซอกผนังอีกฟากหนึ่งเท่านั้น

   เพราะคิดว่าถึงคนนี้ไม่จ้างผมก็ยังมีที่ไปอีกมากมาย ชีวิตของผมที่ทุ่มเทลงไปทั้งหมดมันต้องได้กลับคืนมา มันจะไม่สูญเปล่าอย่างที่ใครต่อไปพร่ำบอก





   มิถุนายน

   ผมกลายเป็นคนตกงาน น่าตลกที่เรื่องลงเอยได้ทุเรศกว่าที่คิด เขาพูดกันปากต่อปาก บอกต่อกันไปว่าผมไม่มีคุณสมบัติหลายอย่างที่สมควรร่วมงาน แปลกที่มันกลับได้ผลดีเพราะสุดท้ายผมก็ไม่มีที่ไป

   สองขาก้าวยาวไปยังบันไดของตึกสูงเกือบสิบชั้น เพราะได้ยินมาว่าวันนี้คนตัวเล็กรับงานถ่ายแบบ เกือบสองเดือนที่ผมไม่ได้เจอสิงหา หลายอย่างมันบิดมวนอยู่ในช่องท้อง ความคิดของผมวูบโหวง กระทั่งมาหยุดยืนหน้าห้อง

   ใบหน้าหวานของคนตัวเล็กอยู่ห่างจากผมแค่นี้เอง พอทำท่าจะก้าวเข้าไปหากลับต้องชะงักกึกเมื่อผมถูกไอ้เด็กคินขวางเอาไว้ซะก่อน

   “จะไปไหนครับพี่”

   “หลบไป กูจะไปหาคนของกู”

   “ใครเหรอครับ”

   “สิงหา”

   “สิงหาไม่ใช่คนของพี่สักหน่อย”

   “มึงอยากโดนดีหรือไง” ผมยื้อคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้น ตั้งใจสาดหมัดใส่หน้ามันดูสักตั้ง แต่พวกบ้านี่ก็เข้ามาขวางและจับผมล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา

   “พี่กลับไปเถอะ”

   “สิงหา! สิงหา!” ผมร้องเรียกชื่อใครอีกคนซึ่งอยู่ห่างออกไม่ไม่ไกล เขามองผม มองเฉยๆ แต่ไม่ยอมขยับตามเข้ามานอกจากเบือนหน้าหนีในไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ผมอาละวาดอย่างหนัก ทำลายข้าวของ ทำร้ายทีมงาน แม้จะถูกดึงตัวออกมาจากสตูดิโอผมก็ยังระเบิดอารมณ์ไม่เลิก

   “เลิกบ้าได้แล้วไอ้ตากล้องเฮงซวย รู้มั้ยว่าใครต้องมาทนอารมณ์คนอย่างมึงบ้าง”

   “ไอ้พวกเหี้ยมึงก็ปล่อยกูสิ”

   “มึงนั่นแหละที่เหี้ยไอ้ภู คนอย่างมึงไม่มีทางเจริญหรอก ไปซะ!”

   “...”

   “อ้อ แล้วอย่ายุ่งกับสิงหาอีก เขาไม่สมควรจะรู้จักกับคนอย่างมึงหรอก อีกอย่างน้องเขาก็มีแฟนแล้วไม่กลัวแฟนเขาว่าหรือไง”

   แฟน?

   คำถามมากมายเกิดขึ้นในสมอง ขณะที่ผมกำลังบ้าไปทั่ว

   ใครอีกคนก็ได้เริ่มต้นชีวิตกับคนอื่นไปซะแล้ว

   ผมถูกผลักออกมาด้านนอก ยังจำได้ดีตอนที่ผมเดินเข้ามาในที่แห่งนี้ ใครต่อใครต่างยอมรับและชื่นชมในตัวผม แต่วันนี้ทั้งหมดกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

   มันยังไม่เจ็บหรอก ตราบใดที่ยังมีลมหายใจผมก็สามารถทนความเจ็บปวดได้จนกว่าจะตาย




   กรกฎาคม

   พ่อกับแม่ของผมหย่ากัน จะว่าจากกันด้วยดีก็ยังได้เพราะต่างคนต่างมีใหม่ด้วยกันทั้งคู่ สินสมรสก็แบ่งกันเรียบร้อย เหลือตกมาให้ผมบางส่วนซึ่งต้องแบ่งกับพี่ชาย ผมไม่ได้รู้สึกแย่ กลับกันโคตรสะใจด้วยซ้ำที่มันแตกเป็นเสี่ยงๆ แบบนี้ ปล่อยให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างที่อยากทำ

   เพราะสุดท้ายผมจะได้ตัดขาดจากคนพวกนี้โดยสิ้นเชิง




   สิงหาคม

   พ่อบังคับให้ผมแต่งงาน แต่ผมไม่ยอม

   สิ่งสำคัญกว่าคือการทำอาหารให้ในวันเกิดของสิงหา ทว่าสุดท้ายมันก็สิ้นสุดลงตรงที่ผมนั่งซดน้ำซุปแกงจืดฝีมือตัวเองเพียงลำพัง

   ‘พี่กินข้าวแล้วนะ กลัวว่าเราจะเป็นห่วง’




   กันยายน

   ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ เคยเป็นมั้ยความรู้สึกของคนที่ไม่อยากตื่น ไม่อยากหายใจ ผมเป็นแบบนั้นจนได้แต่ตั้งคำถามว่าทำไมเพดานถึงเป็นสีเทา ท้องฟ้าเองก็เป็นสีเทา แม้ตะเกียกตะกายลงจากเตียงขลุกขลัก มันกลับมีแต่ความเงียบปนเสียงของใครบางคนอื้ออึงอยู่ในหัว

   เพื่อนที่เคยทำงานสตูดิโอเก่าสอดของบางอย่างไว้ที่ประตูห้อง ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร จนกระทั่งได้เห็นการ์ดสีขาวเรียบๆ ใบหนึ่ง และนั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ไม่ยาก

   เพื่อนผมกำลังแต่งงาน

   มันเจอเจ้าสาวที่อยากฝากชีวิตเอาไว้แล้ว และชีวิตที่มีกลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้วยกันยามเหงาก็เริ่มแยกย้าย บางคนย้ายไปอยู่มิลาน บางคนเดินทางรอบโลก บางคนฝากหัวใจไว้ที่อเมริกาเพื่อทำงานถ่ายภาพที่รักเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนตัวเองก็ได้แต่อยู่เงียบๆ ในคอนโด เป็นคนตกงานที่เริ่มเบื่อหน่ายในชีวิต

   กระทั่งเย็นวันหนึ่งผมได้รับการทักทายจากเพื่อนที่อยู่เมืองไทยคนสุดท้ายในกลุ่ม มันเคาะประตูห้องผม พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ ว่ากำลังหนีตามผู้หญิงคนหนึ่งไปไกลแสนไกล ผมไม่รู้หรอกว่าประโยคนั้นหมายความว่ายังไง แต่มันขายบ้านที่เป็นสตูดิโอซึ่งครั้งหนึ่งผมก็เคยพาสิงหาไปที่นั่น

   ด้วยความที่ไม่คิดอะไรจึงรับซื้ออย่างง่ายดาย สัญญาว่าจะดูอย่างดี

   และในเย็นวันนั้น เพื่อนของผมก็ตายจากโลกนี้ไป

   ผมไม่รู้...ไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ ไม่มีแรงจูงใจอะไรบอกกับผมมาก่อนว่าเพื่อนสนิทในกลุ่มพยายามฆ่าตัวตาย ผมลากเท้าเข้าไปภายในสตูดิโอซึ่งเป็นบ้านหลังที่สอง ที่นี่แทบไม่เหลืออะไรเลยเพราะต่างคนต่างแยกย้ายไปทำตามความฝันของตัวเอง

   จะเหลือก็แต่นิตยสารแฟชั่นมากมายซึ่งกองอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่เท่านั้น

   ด้วยไม่คิดใส่ใจอะไรเลยจึงหยิบไปจัดยังตู้หนังสือตามเดิม จนมาสะดุดอยู่ที่นิตยสารฉบับล่าสุด มันมีลายมือเพื่อนของผมเขียนเอาไว้ก่อนจากไป

   ผมเอื้อมมือไปหยิบโพสต์อิตนั้นมาอ่านด้วยอาการสั่นเทา ข้อความสั้นๆ ทำให้ผมต้องเสียน้ำตาอีกครั้ง

   ‘กูจำได้ว่าเขาเป็นคนที่มึงรัก มีความสุขมากๆ นะไอ้ภู’

   ภาพของสิงหาจากนิตยสารตอกย้ำความทรงจำเก่าๆ ในหัวของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า อดีตที่เคยหลงลืมกันไปเริ่มหมุนวนกลับมาพร้อมกับเข็มนาฬิกาที่นับถอยหลัง ผมเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กในเสื้อสีชมพูกำลังร่วมกิจกรรมกับรุ่นพี่ เขาเป็นแค่เด็กปีหนึ่ง และเขาเป็นทุกอย่างในชีวิตของผม

   ผมหลงลืมสิงหาไป ด้วยเหตุผลหลายอย่างในชีวิต ทั้งที่เคยบอกว่าจะตามกลับมา สุดท้ายผมก็ทำได้เพียงอ่านข้อความจากเพื่อนที่ตายไปแล้ว มันเหมือนข้อความเคาะกะโหลกแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากเสียใจอยู่เพียงลำพัง

   สิงหา...เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไม่มีผมได้แล้ว

   กลับกัน ตัวผมเองที่กำลังย้อนกลับไปในอดีตที่มีใครอีกคนเฝ้ารออยู่




   ตุลาคม

   ผมขับรถออกไปถ่ายภาพแถวต่างจังหวัด ไม่รู้หรอกว่าทำไปทำไม แต่การหนีโลกแล้วเจออะไรใหม่ๆ มันทำให้ผมไม่ฟุ้งซ่าน แผนการที่เมื่อก่อนเคยมีอยู่ในหัว ไฟในตัวที่ลุกพล่านมอดดับลงง่ายดายจนผมโคตรขี้เกียจเลย แม้แต่ตื่นก็ยังขี้เกียจ

   แม่ไม่เคยโทรหาผม พ่อก็เอาแต่บังคับให้แต่งงาน พี่ชายบ้างานอย่างหนัก เพื่อนก็ตายจากไปส่วนหนึ่งก็หนีไปใช้ชีวิตของตัวเอง คนที่เคยอยู่ด้วยกันอย่างสิงหาก็ไม่อยู่แล้ว ความจริงผมโคตรสมน้ำหน้าตัวเองเลย ทำร้ายจนอีกฝ่ายหนีไปแล้วก็มาสำนึกเสียใจทีหลัง

   แต่เพราะตอนนั้นผมไม่เข้าใจ...ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น ทำไมถึงต้องตะคอกหรือทำไม่ดีกับเขา มันควบคุมไม่ได้ กระทั่งผลมันออกมาตรงที่ควรยอมรับความจริง ว่าเหลือเพียงตัวคนเดียวบนโลกใบนี้




   พฤศจิกายน

   ผมคิดถึงสิงหา ผมคิดถึงเพื่อน ตอนนั้นผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงได้ฆ่าตัวตาย



   ธันวาคม

   ผมอยากตาย




   มกราคม

ปีใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น ผมเองก็อยากเริ่มต้นเหมือนกัน เพื่อนคนหนึ่งที่อยู่มิลานใช้เส้นสายอะไรสักอย่างของมันให้ผมได้มาลองงานใหม่ในสตูดิโอแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง วินาทีนั้นผมดีใจจนเนื้อเต้น ร่างคอนเซ็ปต์ไว้ในหัว เช็ดเลนส์ เช็ดกล้องซ้ำแล้วซ้ำแล้วจนไม่ได้นอน

   เช้าก็รีบขับรถมารอตั้งแต่ใครหลายคนยังไม่มา ทีมงานบางคนคุ้นตากันดี เขามองผมด้วยสายตาแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดเอามาใส่ใจ ผมเตรียมอุปกรณ์สำหรับการถ่าย และก็รอนายแบบนางแบบจนกระทั่งใครคนหนึ่งเดินเข้ามา

   เขาตัวเล็กมาก ตัวเท่ากับอกของผม ดวงตากลมโตกับริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มทำให้ใบหน้าของเด็กผู้ชายคนหนึ่งหวานหยดชวนมอง เขาคือคนในความทรงจำของผม เป็นเด็กผู้ชายเสื้อสีชมพูที่เจอกันตอนงานฟุตบอลประเพณี แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมาก

   น่ารักขึ้น น่าทะนุถนอมขึ้น และก็เข้าหาได้ยากขึ้นเช่นกัน

   ดีใจเหลือเกินที่วันนี้จะได้มีโอกาสมาถ่ายคนตัวเล็กอีกครั้ง ดูเขาเก่งและมีความมั่นใจ แต่ขณะเดียวกันก็ยังดูอ่อนหวาน มันเป็นสิ่งที่ผมอยากเห็นจากคนที่ชื่อสิงหามาตลอด และวันนี้เขาก็เป็นแบบนั้น

   สิบห้านาทีต่อมา...

“สิงหาพร้อมหรือยัง” ใครคนหนึ่งร้องเรียก

   “ครับ”

   “แล้วตากล้องล่ะพร้อมหรือยัง”

   “พร้อมแล้วครับ” ผมขานรับท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทา เดินมาอยู่ด้านหน้าคนตัวเล็กซึ่งแต่งตัวเหมือนกับกามเทพตัวน้อย วินาทีนั้นเราสบตากัน ดูเหมือนสิงหาเองก็ตกใจไม่น้อยที่เราได้เจอกัน เกือบ 6 เดือนได้แล้วมั้งนับจากวันนั้น คนตัวเล็กเปลี่ยนไป ผมเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

   ผมควบคุมตัวเองไม่ให้โมโหหรืออาละวาดใส่คนอื่นได้ แต่ผมไม่สามารถควบคุมไม่ให้คิดเรื่องฆ่าตัวตายวันละหลายๆ รอบได้

   “ยังมีคนจ้างตากล้องคนนี้อยู่อีกเหรอ” เสียงหนึ่งแทรกขึ้น ผลักให้ผมหลุดจากภวังค์อย่างง่ายดาย

   “ให้เขามาลองงาน”

   “กลัวจะเละไม่เป็นท่า”

   “ภูโอเคใช่มั้ย”

   “ครับ” ผมพยักหน้า แม้คำดูแคลนนั้นมันจะดังจนใครต่อใครได้ยิน ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาจ่อ มองดูร่างบางผ่านเลนส์กล้อง อย่างน้อยก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดตอนมองตรงๆ

   “เชิดหน้าขึ้นหน่อย แขนขวาจับตรงกระเป๋ากางเกงก็ได้”

   คนตัวเล็กทำตามอย่างว่าง่าย เขาเก่งขึ้น

   “ย่อเข่าลง มองมาทางผม”

“แบบนี้โอเคมั้ย”

“ไม่ มันยัง...” พูดไม่จบประโยคดี ผมก็ตรงดิ่งไปยังคนตัวเล็กเพื่อจัดท่าทางให้มันโอเคกว่านี้ แต่แปลกที่เจ้าตัวกลับสะบัดมือออกจากการสัมผัสของผมออกอย่างง่ายดาย

   “บอกเฉยๆ ก็ได้”

   “แต่มันยังไม่ได้ตามที่ผมต้องการ”

   “ก็บอกใหม่เดี๋ยวผมทำตาม อย่าเอามือของคุณมาจับผม รู้มั้ยว่าผมรู้สึกแย่แค่ไหน”

   “โอเค...”

   บอกเสียงเรียบแล้วรีบผละออกไป การถ่ายแบบครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แต่เวลามันกลับผ่านไปเร็ว ทั้งที่ผมภาวนาว่าขอต่อเวลาอีกสักหน่อย ให้เราได้อยู่ด้วยกันนานกว่านี้ ได้มองผ่านเลนส์กล้องให้หายคิดถึง มันก็เป็นไปไม่ได้

   รู้ตัวอีกทีเราต่างแยกย้ายจากกัน

   “เรากลับยังไง” ผมเดินเข้าไปถาม คนตัวเล็กถึงได้ช้อนตามอง

   “พูดกับผมเหรอครับ”

   ลืมไป เราไม่ได้สนิทกันเหมือนเดิมแล้ว

   “ครับ”

   “เดี๋ยวพี่คินมารับครับ ไม่รบกวนคุณหรอก”

   “แล้วเป็นยังไงบ้าง มีความสุขดีมั้ย”

   “ก็โอเค ตอนไม่มีคุณผมมีความสุขดี”

   “...”

   “แต่กว่าจะผ่านมันมาได้ก็เกือบตาย เพราะผู้ชายคนนั้นไม่เคยเหลียวแลสักครั้ง”

   “ขอโทษ”

   “ไม่ต้องหรอก ผมไม่ได้รู้สึกอะไร ควรจะรู้ได้แล้วว่าเราอยู่คนละโลกกัน”

   “กลับมาอยู่ด้วยกันไม่ได้เหรอ นี่เมื่อวะ...”

   “ผมไม่ขออะไรมาก ขอแค่สุดท้ายอย่าวนกลับมาก็พอ”

   คำพูดนั้นมันห้วนจนใจหายทั้งที่ผมยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ เพิ่งรู้ซึ้งในตอนนี้ว่าเมื่อก่อนที่ทำไม่ดีใส่ เขาจะรู้สึกยังไง ทำได้แค่ปล่อยให้คนตัวเล็กเดินจากไปพร้อมกับใครอีกคนที่เพิ่งมาถึง

   ผมได้แต่ส่งยิ้ม

   มองดูเขาจนลับสายตา แต่ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งเอาไว้ได้เลย







   ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะฉุดสิงหากลับมาและกักขังเอาไว้ แต่ตอนนี้ผมทำไม่ได้ มันมีแต่คำถามเพราะผมควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองไม่ไหวอีกแล้ว

   หลังกลับจากงาน ผมก้าวเท้าเข้ามาในบ้านกึ่งสตูดิโอหลังจากย้ายมาอยู่แทบถาวรเมื่อสองเดือนก่อน เดินตรงดิ่งไปยังห้องครัว หยิบอาหารเม็ดเทใส่จานก่อนจะยื่นให้แมวอเมริกันช็อตแฮร์ตัวโต มันโตขึ้นมากแต่ดูไม่มีความสุข ผมเอาแต่อุ้มมัน บางทีเราก็นอนด้วยกัน เพราะเราต่างไม่เหลือใครแล้ว

   หลังจากนั่งลูบขนจนของขวัญหลับไป ผมจึงปลีกวิเวกมานั่งบนโต๊ะทำงานชั้นสองเพื่อเหลาดินสอ

   ผมไม่รู้ว่าเหลาไปแล้วเท่าไหร่ แต่ผมมีความสุขที่จะทำมัน

   อย่างน้อยก็ทำให้ไม่ต้องฟุ้งซ่านอยากฆ่าตัวตาย

   ผมนั่งเหลาอยู่อย่างนั้น หนึ่งแท่ง สองแท่ง เหลาจนคัตเตอร์มันบาดเนื้ออยู่หลายทีแต่ก็ไม่คิดใส่ใจ นอกจากขยับปลายนิ้วไปมาพร้อมกับเลือดสีแดงข้นไหลจากปากแผล มันไม่ได้รู้สึกเจ็บสักนิด ไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่แปลกที่ผมจะปล่อยดินสอลงและลองเฉือนบนผิวของตัวเองบ้าง

   นี่หรือเปล่าทางที่อาจทำให้ผมหลุดพ้น การฆ่าตัวตายไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด

   ผมต้องทรมานกับมันตั้งแต่ต้นเดือนธันวา เอาแต่คิดถึงสิงหากับเพื่อนที่จากไป ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นอีกนานแค่ไหน แต่ถ้ามันหยุดแค่วันนี้ได้ผมก็อยากทำ

   ปลายมีดที่เฉือนลงบนข้อมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกิดบาดแผลมันไม่ได้เจ็บ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยนอกจากน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย

   “ภูผา ภูทำอะไร!!!”

   เสียงนั้น...ดังก้องอยู่ในหู ผมผินหน้ากลับไปมองยังต้นเสียง เห็นมินตราวิ่งปราดเข้ามาถึงตัวอย่างรวดเร็ว

   “ทำแบบนี้ทำไม ภูปล่อยมีดลง”

   “เปล่า...”

   ไม่ได้คิดจะทำอะไร

   “ไปโรง’บาลเถอะ พอแล้ว...”

   ผมแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกพาตัวมายังโรงพยาบาลตอนไหน แต่ทันทีที่รู้สึกตัวผมก็กำลังนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวหนึ่ง ซึ่งด้านหน้ามีบุคคลหน้าตาไม่คุ้นกำลังจ้องอยู่ก่อนแล้ว มือของผมมีผ้าสีขาวพันเอาไว้อย่างแน่นหนา มันบอกได้เป็นอย่างดีว่าก่อนหน้าที่จะนั่งอยู่ตรงนี้ผมผ่านอะไรมา

   “จิตใจของคุณกำลังบอก” เขาเอ่ยกับผม

   “ก่อนหน้านั้นคุณมีอาการหงุดหงิดและโมโหบ่อยเพราะกำลังเผชิญกับอาการ Mania อยู่ แต่ตอนนี้เราอยากให้คุณเริ่มรักษาก่อนอาการจะกำเริบ เนื่องจากคุณไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้จนมีอาการ Depression หรือซึมเศร้า”

   ผมไม่รู้หรอกมันคืออะไร

   ผมไม่ได้อยากใส่ใจหรือรับฟังมัน

   “สรุปเขาเป็นอะไรคะหมอ” มินตราเอ่ยถาม

   “Bipolar Disorder โรคอารมณ์สองขั้ว”

   คำพูดที่ผุดขึ้นในหัวของผมก็คือ

   แล้วไง?

ชีวิตของผมแตกหักพอๆ กับใครอีกคน

ผมไม่ได้อยากจำว่าตัวเองเคยทำอะไรลงไป

ผมอยากจำแต่เพียงว่าผมเคยรัก...เด็กผู้ชายเสื้อสีชมพูคนหนึ่ง

รัก...มากมายเหลือเกิน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2022 16:22:38 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ดีค่ะ เจ็บซะบ้างนะคะ พี่ภู สมน้ำสมเนื้อดีกับที่ทำกับน้อง
จะว่าไป น้องสิงหายังเข้มแข็งกว่าเลย

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :impress3:

เศร้า

จนถึงตอนนี้รู้สึกว่าภูผาได้รับกรรมที่ทำกับสิงหาไว้แล้ว  :mew6:

แต่เนื่องจากคนเขียนโรคจิต เพราะงั้นเชื่อได้ว่าจะโคม่าเหมือนโดนมีดกระซวกไส้ไหล



 :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
จะโกรธหรือสงสารพี่ภูดีฮือออออออ

ออฟไลน์ saotome

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
พี่ภู...โธๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จะว่าสงสารก็สงสารแต่ก็คิดว่าสมควร ทำไปเยอะ

ออฟไลน์ mr.nine

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :mew1:ขอบคุณผู้เขียนที่สัญญาว่าจะไม่ทิ้งกัน อยากเห็นภูผาเจ็บเจียนตาย 5555555

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
ตั้งตัวใหม่และทำตัวให้ดีขึ้นซะนะพี่ภู

ออฟไลน์ bookie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
    • facebook
หน่วงดีจริงๆ

ออฟไลน์ Banarot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ทำไงได้

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
อย่ามาขอความเห็นใจ
ไม่สงสารมึงหรอกเว้ยย
ตอนทำล่ะไม่คิดเอาแต่สนุก ไม่คิดถึงคนที่รออยู่บ้าง
ไอ้ภู มึง. ๆๆ ไม่รู้จะด่ายังไง พึ่งคิดได้มันก็สายไปแล้วแหละ
ทำยังไงไว้ก็คงจะได้รับอย่างงั้นแหละ
(เชียร์คนเขียน ขยี้พระเอกแบบนี้ให้สาสมไปเลย ฮึ่ย ไม่ใจอ่อนหรอก. อย่ามาทำตัวน่าสงสาร)
อิน อิน เอนนนน
 :katai1:

ออฟไลน์ sodawan1

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
อ่าาาาโรคนี้น่ากลัวจิงไรจิงงง
แต่ก็แอบสงสารอ่ะพี่ภูอ่ะ ถึงขนาดอยากฆ่าตัวตายเลยอ่ะ!!!

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ภูไม่ได้เพิ่งป่วย แต่คาดว่าน่าจะป่วยมาตั้งนานแล้ว อาจเป็นผลสืบเนื่องมาจากความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่มีรอยร้าวมาตั้งแต่เล็กๆ แล้วใช่ไหมคะ? เฮ้อ~ ตอนนี้เรามีความรู้สึกว่าภูน่าสงสารมากกว่าน่าสมเพชเสียแล้วสิ~ แต่ไม่ได้หมายความว่าการกระทำที่แล้วมาของภูจะถูกอภัยได้โดยง่ายนะคะ เพียงแต่ว่ากับคนที่มีปมลึกๆ ในใจแบบภูเนี่ยมันดูเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากๆ และเราก็เข้าไปไม่ถึงจุดนั้นเสียด้วยสิคะเนี่ย -*- เอาเป็นว่าหายป่วยไวๆ ก็แล้วกันค่ะภูผา..

รอตอนต่อๆ ไปมาเฉลยก็แล้วกันเนอะตัวเรา~  :m17:

ปล. ดีใจกับสิงหาด้วยจริงๆ นะคะที่หนูเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รู้สึกว่ายังไม่พอ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เอ่มมมม. ไม่รู้จะเชียร์ให้ไปทางไหนดี. เฮ้ออออออ

ออฟไลน์ ziqh.leo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
จะดีใจก็ดีใจนะ ที่ได้เห็น สิงหากลับมาเป็นคนใหม่ได้โดยที่ไม่มีภูผา แต่ก็สงสารภูผานะ เอ้ะ หรือสมเพช แบบว่าตอนที่เค้ายังอยู่กลับไม่เห็นค่าเค้า แต่พอเค้าไปจริงๆ ตัวเองทำมาเป็นอยู่ไม่ได้ แล้วแบบนี้จะจบลงยังไงน้อ.. เครียดเลย

ออฟไลน์ kyungploy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
นิยายของคุณ jittirain12 หนักหน่วงทุกเรื่องเลย ฮือ เรื่องนี้แฮปปี้เอนด์ใช่ไหมคะ  :hao5:

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
กิน Fluoxitine ตามแผนการรักษาของแพทย์ แล้วทำจิตใจให้สบายนะภูผา   :laugh:

ออฟไลน์ GlassesgirL

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1037
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
ก็สงสารนะที่ตอนนี้ภูไม่เหลือใคร แล้วยังมาป่วยแบบนี้อีก
แต่ก็ถือว่าชดใช้ให้สิงหาที่ภูเคยทำไม่ดีไว้ด้วย
สิงหาก็เข้มแข็งขึ้น ยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว
หนทางของทั้งคู่จะเป็นยังไงต่อ รอติดตามนะคะ

 :mew1: :L2:

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
สมน้ำหน้า แต่ก็ยังไม่สาแก่ใจ
เพราะต้องเจ็บปวดมากกว่านี้ เราว่านี่มันยังไม่ได้เจ็บหรือทรมาน
ได้เสี้ยวนึงกับสิ่งที่มันทำกับเค้าไว้เลยด้วยซ้ำ ต่อให้ป่วยก็ไม่ได้สงสารหรือเห็นใจนะ
ไบโพล่าอาการน่าจะเกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์หรือเปล่าแบบเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
ไม่ใช่อาการร่าน มั่ว เอาคนอื่นไปทั่วซักหน่อยจะเอามาเป็นข้ออ้างไม่ได้หรอก
เพราะมันไม่ได้เป็นเพราะป่วยแต่เพราะเพราะสันดารตัวเองต่างหาก
ส่วนเรื่องงานเราว่ามันก็สมเหตุสมผลแล้วนะใครจะไปจ้างก็ทำตัวแย่แบบนั้นก็สมควรโดน
(สรุปพระเอกเรื่องนี้มันมีอะไรดีพอให้เราสงสารบ้างเนี่ย 55555+++)

ปล.อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขมากกกกกกกกกกกกกกก อ่านไปยิ้มไปหัวเราะไป
ที่ได้เห็นคนเจ็บปวดจากการกระทำของมัน ได้รับกรรมซะบ้าง
โดยเฉพาะตอนที่มันบอกว่าอยากตาย ทำไมเราอ่านแล้วอยากตะโกนบอกมันดังๆว่าก็ไปตายซะสิจังเลย อิๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
เจ็บปวดจังครับ
ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็เถอะ

ออฟไลน์ kukkikkooka

  • insomnia~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
เริ่มดราม่าหนักแล้วสิ

เอาแล้วไงภูผาาจะจัดการยังไงเนี่ยเห็นใจอยู่นะ 

แต่ก็สมน้ำสมเนื้อดี หึๆ

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่ออ  :hao5:

ออฟไลน์ ssipra

  • นักอ่านมืออาชีพ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
สมควรแล้วที่ภูจะรู้สึกเจ็บแบบนี้บ้าง
แต่การทำร้ายตัวเองไม่ใช่ทางออกทีดี
ถึงจะสะใจแค่ไหน แต่อยากให้ภูควรพบหมอค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด