◐ เธอที่ร้าย ◑ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◐ เธอที่ร้าย ◑ THE END  (อ่าน 744408 ครั้ง)

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ใจเรามันชา สงสารก็สงสาร สมน้ำหน้าก็สมน้ำหน้า เฮ้อ แต่ก็อยากให้ภูผาเป็นพระเอกอยู่ดี  :z3:

ออฟไลน์ JUzpETeR

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พี่ภูเป็นเด็กมีปัญหาจริงๆด้วย... ขำแต่ก็สงสาร โถ... //ตบไหล่

มันจุกอก ฮือออออออออออออ แต่ถ้าน้องคบกับพี่คินจริงๆก็ดีนะ

พี่มันประสาทอยู่ จะมาดูแลน้องได้ดีหรอ!? รับโทษไปซะน้าาา

ดราม่าอีก เอาอีกกกกก

ออฟไลน์ ritthioat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :ling3:ภูสมควรโดนแล้ว ทำกับเขาไว้มาก :katai5

ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเจ็บในอกตลอดเวลา อินมาก เจ็บมาก หน่วงมาก และสนุกมากค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ PPink

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
พออ่านตอนพี่ภูแล้วสงสารเลยยยยย
รู้สึกว่าที่ทำไม่มีกับน้องเพราะเป็น disorder ใช่ป้าว
ว่าละว่าทำไมอารมณ์รุนแรงแปลกๆ

อยากให้น้องรู้ว่าพี่ภูตอนนี้เป็นไง เป็นหนักขนาดไหน
ไม่ต้องรักกันเหมือนเดิมก็ได้ แค่เข้าใจไม่ผิดแล้วให้อภัยกันก็พอ

ออฟไลน์ Satanza321

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 671
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
แค่ 6 เดือนเองภูผา สิงหาเค้าต้องทนทรมานกับนายมานานเท่าไหร่แล้ว หึหึ
แล้วตกลงมินตรานี่เป็นคนที่พ่อหามาให้ใช่เปล่า

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
รอนะค้าาา ลุ้นตอนต่อไปแล้ววว :impress2:

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
ขอชื่นชมคนเขียน
ในตอนเดียวคุณทำให้คนที่เกลียดภูผาเข้าไส้อย่างเรา
ช่วงแรก เรายังคงเกลียด
ช่วงกลาง เราสมเพชเวทนา
ช่วงท้าย เราน้ำตาไหลเพราะสงสารเขาจับใจ

เป็นนิยายที่ลึกซึ้งจริงๆ
 :L2:

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
อ่านตอนท้ายและหลายๆ ตอน คิดอยู่เรื่องเดียวเลย
แมวยังสบายดีอยู่ไหม ทาสแมวก็งี้
ส่วนเนื้อหาไม่พูดถึงคนอื่นจัดไปหมดแล้ว
แต่อยากชมว่า ตั้งแต่อ่านฟิคชั่นยันนิยายวาย มานักต่อนัก
ไม่เคยมีนักเขียนคนไหนที่เขียนดราม่าได้อินพร้อมๆ กับ
เรื่องฮาแตกน่ารักสุดๆ ไปพร้อมๆ กันได้อย่างคุณ
แม้บางครั้งเขียนคนล่ะทียังทำไม่ได้เลย ขอชมจากใจจริง

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18


ตอนที่ 10


   ผมกลับมายังบ้าน ที่ที่มีแค่ผมกับแมวตัวเดียวเพราะมินตราแยกกลับไปเสียก่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากขอบคุณที่อุตส่าห์พาไปหาหมอ เธอเป็นเพื่อนที่ดี...

ยามากมายซึ่งหมอสั่งให้กินแทบไม่มีผลกับความคิดของผม ถ้ากินแล้วจะดีขึ้น? ดีขึ้นจริงๆ เหรอ ผมรู้ตัวว่ามันไม่ได้ดีไปกว่านั้นเพราะสุดท้ายชีวิตก็มีแต่คำว่าแย่ และมันกำลัง ‘พัง’ ไม่เป็นท่า

   ผมเดินขึ้นไปยังบันไดชั้นสอง สืบเท้ากลับเข้าห้องนอนของตัวเอง เปิดตู้เสื้อผ้าใบหนึ่งที่มีกลิ่นอายของใครบางคนอบอวลอยู่ในนั้น ตั้งแต่เขาจากไป ไม่มีวันไหนที่ผมไม่เปิดตู้ใบนี้และหยิบเสื้อเขามาปัดฝุ่น เสื้อผ้าของเขา รองเท้าของเขา ผ้าเช็ดตัวของเขา ผมยังคงเก็บไว้ เพื่อหวังว่าสักวันเราอาจได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก

   ทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้ ผมแค่ฝันเหมือนอย่างเคย

   มันแตกหักจนหมดสิ้น หมายถึงความสัมพันธ์ของเรา สิงหาไปได้ดีแล้วนั่นทำให้เหตุผลที่บอกว่าต่อให้รักมากแค่ไหนก็ไม่อยากดึงเขากลับมาตกต่ำอีก

ผมได้เห็นคนตัวเล็กตามหน้าปกนิตยสารมากขึ้น บางครั้งก็โผล่ในใบปลิวโฆษณาหรือหน้าจอทีวี เด็กคนนั้นเข้มแข็งขึ้นมากตั้งแต่ไม่มีผม

   แค่มองหน้าตัวเองในกระจกก็รู้แล้วว่ามีแค่ผมที่ยังคงเหมือนเดิม ภูผาเมื่อหนึ่งหรือสองปีที่แล้วก็เป็นแบบนี้ เป็นคนที่แต่งตัวเหมือนเดิม ทรงผมทรงเดิม กินอาหารแบบเดิม มีแต่คนอื่นที่ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ จนบางครั้งก็เหนื่อยที่ต้องวิ่งตาม

   “เมี๊ยวววว” เสียงผะแผ่วของสัตว์สี่ขาอย่างของขวัญร้องเรียก ผมหันไปให้ความสนใจกับมันหลังจากเผชิญกับอาการเหงาหงอยมานับเดือน เราเหมือนกันตรงที่เริ่มเข้าข่ายโรคซึมเศร้า ของขวัญเหงาเพราะผมไม่ค่อยเล่นกับมันนอกจากหาข้าวให้กิน ส่วนผมเหงาเพราะไม่เหลือใคร

   “เป็นอะไร โกรธเหรอ” ผมอุ้มเจ้าแมวอเมริกันช็อตแฮร์ขึ้นมา เอ่ยถามด้วยประโยคเดิมๆ เหมือนทุกวัน

   โกรธเหรอ

   ขอโทษนะ

   แม่ไม่กลับมาแล้ว

   ขอโทษนะ

   ขอโทษ...

   ยังคงเป็นแค่ประโยคซ้ำๆ ที่ผมเอาแต่พูดมันออกมา แม้รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเข้าใจ ผมไม่สามารถยื้อสิงหาให้กลับมาได้ มันยากพอๆ กับการใช้เวลาในแต่ละวันเพื่อถามหาความสุขในชีวิต ไม่รู้สิ...แต่ผมไม่อยากมีชีวิตต่อไปเลย หมอบอกว่าผมป่วย เขาอยากให้ผมได้ออกไปเปิดหูเปิดตาและทานยาสม่ำเสมอ

   แค่คิดว่าวันหนึ่งก็ต้องตาย ผมจะทำมันเพื่ออะไร

   “นอนมั้ย คืนนี้นอนด้วยกันนะ” ผมบอกแมวในอ้อมกอด ย่างเท้ากลับขึ้นเตียงและล้มตัวลงนอนเพราะไม่อยากคิดอะไรอีก อาบน้ำ กินข้าว กินยา ผมอยากลืมให้หมดสิ้นและอยู่ในโลกของตัวเอง ที่ที่ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด

   และแน่นอนในฝันของผมก็ยังคงมีสิงหา คนที่คอยแต่ยืนยิ้มอยู่แบบนั้นในทุกคืน...







   ผมตื่นเช้า

   ผมตื่นเช้ามากๆ ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว หวีผมจนดูดีเพื่อหวังว่าจะได้เจอกับเด็กคนนั้นอีกครั้ง ด้วยนอนคิดมาทั้งคืน ถ้าหากวันหนึ่งที่ผมไม่อยู่ตรงนี้หรือตายจากโลกไป ก็ขอชดเชยสิ่งที่เคยทำไม่ดีกับคนตัวเล็กให้หมดเสียก่อน

   ไม่รู้หรอกว่าต้องทำอะไรบ้าง อาจจะเป็นประโยคขอโทษซ้ำๆ นับพันครั้ง พูดให้รู้ว่าผมเสียใจจริงๆ และทำดีชดเชย ถึงตอนนั้นไม่ว่าความสัมพันธ์ของเราจะเป็นไปในรูปแบบไหนผมก็พร้อมยอมรับ เพราะมันคือสิ่งที่ไม่ได้คาดหวังตั้งแต่แรก

   ที่มหา’ลัยไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่เรียนจบน้อยครั้งมากที่ผมจะโผล่มาที่นี่ แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่รุ่นน้องนิเทศฯ หลายคนยังคงจำได้ แวะเข้ามาทักทายกันบ้าง เขาแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตของผมตกต่ำมากมายแค่ไหน เขาไม่รู้ว่าผมเป็นช่างภาพหรือทำอะไร เขาจดจำได้แค่ว่า ผมคือภูผารุ่นพี่ที่เคยเล่นละครเวทีได้ดีคนหนึ่ง

   จะผิดมั้ย ที่ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจแบบนั้นตลอดไป

   “พี่ภูจริงๆ ด้วย สวัสดีค่ะ” รุ่นน้องปีสามคนหนึ่งวิ่งเข้ามาทักทาย ผมเลยส่งยิ้มกลับไปพร้อมคำพูดเดิมๆ

   “สวัสดีนาว”

   “ลมอะไรหอบมาที่ตึกถ่ายภาพคะพี่”

   “คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ น่ะ” บอกแบบนั้น พลางเดินไปในห้องซึ่งจัดแสดงภาพถ่ายเล่นๆ ของนิสิต มีทั้งภาพที่ถ่ายจากกล้องฟิล์ม หรือแม้แต่โพลารอยด์เต็มไปหมด มันเหมือนกับว่าผมได้ย้อนกลับไปตอนที่ตัวเองเริ่มผูกเนคไทสีเข้มเพื่อเข้ามาเรียนมหา’ลัยตอนปีหนึ่งอีกครั้ง

ผมกวาดสายตาดูภาพถ่ายเหล่านั้นด้วยความคิดถึง กำแพงแห่งความทรงจำเริ่มเปิดออก ที่นี่เหมือนครอบครัว เรามักสังสรรค์และแปะรูปเอาไว้จนเต็มฝาผนัง สายตาของผมไล่มองไปเรื่อยๆ บางภาพก็ทำให้หลุดหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ หรือบางภาพ...

   ก็ทำให้รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที

   “คิดถึงพี่วัชรนะคะ ตอนที่ได้ข่าวนาวตกใจมากเลย”

   “อืม โคตรคิดถึง”

   “จำได้ว่าตอนนั้นพี่เขาอกหัก เพราะคนที่ชอบประสบอุบัติเหตุตาย แค่ได้ยินก็หดหู่ชะมัด”

   “แต่ตอนนี้มันก็ได้ไปอยู่กับคนที่มันรักแล้ว ดีเหมือนกันนะ” สิ่งที่ผมจ้องคือภาพหมู่ของเพื่อนในกลุ่ม หนึ่งในนั้นก็คือเพื่อนสนิทอย่างวัชรที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ผมเคยสัญญาว่าจะรักษาบ้านกึ่งสตูดิโอเล็กๆ นั้นให้ดีที่สุด อย่างน้อยก็ตอบแทนให้กับมิตรภาพของเราตลอดสี่ปี

   “แล้วตอนนี้พี่ภูทำงานที่ไหนคะ หายหน้าหายตาไปนึกว่าจะไปอยู่เมืองนอกกับเพื่อนๆ ซะอีก”

   “อยากไปอยู่หรอก แต่ภาระหลายอย่างมันติดพันน่ะ”

   “งานที่นี่ล่ะสิ”

   “พี่เป็นช่างภาพอิสระ ไม่มีสังกัดหรืออะไรที่ไหนหรอก ใครจ้างก็ไปแต่ใจต่างหากที่มันไม่อยากไปอยู่ที่อื่นแล้ว”

   “อ้อ...แล้วนี่เดี๋ยวไปไหนต่อคะ”

   “คงนั่งอยู่นี่สักพัก แล้วค่อยแวะไปที่ตึกครุฯ หน่อยน่ะ”

   “ฮั่นแน่! มาหาแฟนอย่างสิงหาล่ะสิ” นาวคงจำได้แค่นั้น จำได้ว่าเมื่อก่อนสิงหากับผมตัวติดกันแค่ไหน จนกระทั่งเริ่มห่างจากกันเรื่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้บอกใครว่าเราเลิกกัน เพราะผมยังไม่ได้ยินคำว่าเลิกจากปากของอีกฝ่ายเลย

   “ไม่ใช่หรอก”

   “...”

   “เขาไม่ใช่แฟนพี่แล้ว”

   และถึงจะบอกหรือไม่บอกเลิก เขาก็ไม่ใช่ของผมอยู่ดี...

   “แล้วพี่ภูมีแฟนใหม่ยัง”

   “ยัง ยังไม่มี”

   “อะไรกันพี่ออกจะดีขนาดนี้ สนใจมาจีบนาวมั้ย ฮ่าๆ” สาวเจ้าแซวเล่น ผมเลยได้แต่หัวเราะในลำคอ

   “อย่าชอบคนเลวอย่างพี่เลย เพราะเดี๋ยวเราจะต้องเสียใจแน่ๆ”

   “ดูพูดเข้า พี่ภูแม่งโคตรดี”

   “นั่นมันเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว”

    “ตามสบายเลยนะคะ นาวว่าจะลงไปดูปีหนึ่งข้างล่างหน่อย”

   “ครับ ดีใจที่ได้เจอกัน”

   “เช่นกันค่ะ”

   ผมมองร่างบางเดินหันหลังจากไป ก่อนทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เพื่อดูรูปเก่าๆ ที่เมื่อก่อนโคตรมีความสุข เชื่อมั้ย...หนึ่งในพันๆ ภาพที่แปะอยู่ตรงผนังห้อง มันยังมีใบหน้าของสิงหาเปื้อนยิ้มปะปนอยู่ในนั้น แต่ผมหาไม่เจอ เพราะถูกปิดทับด้วยรูปใหม่ๆ มากมาย

   ที่นี่มักไม่แกะรูปเก่าๆ ทิ้ง นอกจากผลักมันไปสุดของกำแพง แทนที่ด้วยรูปใหม่ๆ ในแต่ละวัน ความทรงจำของเราก็เหมือนกัน ไม่มีใครลืมมันได้หรอก เรายังคงจำได้ว่าทุกอย่างเคยเกิดขึ้นหรือมีอยู่ เพียงแต่มันอาจถูกผลักไปสุดกำแพงจนมองไม่เห็นก็เท่านั้น แต่หากว่าวันไหนที่มีโอกาสได้รื้อค้น ภาพความทรงจำสีเก่าๆ ก็คงหวนกลับมาชัดเจนอีกครั้ง

   ซึ่งผมคงกลายเป็นบุคคลหลังกำแพงของสิงหาไปซะแล้ว




   นานมากที่นั่งจมจ่อมอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมซึ่งเต็มไปด้วยภาพถ่าย เมื่อก่อนผมเสพงานจากเมืองนอกเยอะมาก ศิลปินหรือช่างภาพหลายๆ คนทำให้ผมทะเยอทะยานอยากเป็นและมีความก้าวหน้าในชีวิต แต่เมื่อเริ่มป่วย อารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

   ผมเริ่มเสพงานศิลปะเหล่านั้นน้อยลง อยู่กับธรรมชาติและบางครั้ง...ก็ไม่ทำอะไรเลย

   เชื่อมั้ยว่าตั้งแต่ผมก้าวเข้ามาในห้องและพูดคุยกับรุ่นน้องในคณะ จนกระทั่งตอนนี้ผมยังไม่ขยับไปไหนเลยนอกจากนั่งอยู่ที่เดิม มันดีที่ผมไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหรือหิว เกือบห้าชั่วโมงได้ที่นาฬิกาซึ่งแสดงเวลาบนข้อมือเอาแต่บอกว่าควรลุกจากตรงนี้และเดินหน้าต่อไปได้แล้ว

   ผมตรงดิ่งไปยังคณะข้างๆ ซึ่งเป็นตึกครุศาสตร์ โครงสร้างของอาคารอยู่ในความคุ้นชินของผม เพราะตลอดสองปีก็เอาแต่เดินมาที่นี่เพื่อพบกับใครบางคน วันนี้นิสิตหลายคนเอาแต่มองมายังผม ไม่รู้ว่าตัวเองยังคงหน้าตาดีหรือทำตัวแปลกประหลาดแค่ไหนถึงได้เรียกสายตาใครหลายๆ คนได้มากขนาดนั้น

   แต่ผมไม่เก็บมาคิดหรอก

   “ไอ้พี่ภู...” นั่นแหละคำทักทายแรกของผมจากเพื่อนสนิทของสิงหา

   มันค่อนข้างบังเอิญที่ไม่รู้ว่าการมานั่งรอใต้ตึกจะเจอกับคนตัวเล็กมั้ย แต่มันกลับดีเกินคาดเพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เจอเบียร์ ผมก็จะได้เจอกับใครอีกคนเช่นกัน

   “ดี” เอ่ยทักทายกลับไปด้วยรอยยิ้ม

   ร่างโปร่งจึงสับเท้าเข้าประชิดด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

   “มาทำไม จะมาหาเรื่องสิงหาหรือทำร้ายอะไรอีก” เสียงที่เปล่งออกมาดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ผมรู้ดี...รู้ว่าอดีตที่ผ่านมาระหว่างผมกับใครหลายๆ คนมันเลวร้ายแค่ไหน

   “เปล่า แค่จะมาดูว่าตัวเล็กเป็นยังไงบ้าง”

   “เฮอะ! หายไปตั้งหลายเดือน โผล่มาเพื่อถามคำถามแบบนี้เนี่ยนะ ผมจะบอกอะไรให้ ตั้งแต่ไม่มีพี่สิงหามันโคตรมีความสุขเลย”

   “ก็ดีแล้ว”

   “ดีแล้วก็กลับไปซะ ผมไม่อยากให้เพื่อนผมต้องมาเสียใจกับคนอย่างพี่อีก”

   “แค่ขอได้เจอหน้าและพูดคุยสักหน่อยเท่านั้น”

   “พี่ฝันไปเลยนะ ฝันว่าจะได้เจอเพราะผมไม่มีทางให้พี่ได้เจอมันอีก จำไว้!” เจ้าตัวชี้หน้าคาดโทษก่อนเดินผละหนีเหมือนไม่พอใจสุดขีด เดาว่าคงตั้งใจเข้าเรียนตามเพื่อนหลายๆ คนนั่นแหละ แต่แปลกที่ไม่เห็นสิงหาเดินตามเบียร์เหมือนแต่ก่อนแล้ว

   นั่นทำให้ผมต้องนั่งรอคนตัวเล็กอยู่ใต้ถุนตึก เพื่อหวังว่าเราจะได้เจอกันสักนาทีก็ยังดี

   สี่ชั่วโมง...

   เวลาที่ผมนั่งรออยู่จุดเดิม มองดูผู้คนมากมายเดินผ่านจนรู้สึกตาลาย แต่หนึ่งในหลายร้อยคนนั้นกลับไม่มีสิงหาอยู่เลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะไปเรียนที่ตึกอื่นอีกหรือเปล่า แต่ก็แค่หวังว่าคนตัวเล็กอาจเดินผ่านมาทางนี้เพื่อกลับบ้าน เพราะเมื่อก่อน...เขามักผ่านมาตรงนี้เสมอ

   “เลิกแล้วอย่าเพิ่งกลับนะโว้ย”

   “งานกลุ่มครับงานกลุ่ม”   

   “กรี๊ดดดดดดดดด ไม่อยากทำอ่ะ วันอื่นได้มั้ย”   

   “หนีงานโดนโบกนะครับเพื่อน”

   เสียงอื้ออึงของนิสิตนับสิบซึ่งกำลังเดินลงมาจากบันไดด้านหลังฉุดให้ผมต้องหันไปให้ความสนใจ หลายกลุ่มเริ่มแยกย้ายระหว่างทางไปเรื่อย จนกระทั่งผมเห็นคนที่เฝ้ารอเดินมากับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งและกำลังเดินตรงมายังจุดที่ผมนั่งอยู่

   “สิงหามานี่ก่อน” แต่เบียร์ก็เรียกเอาไว้ ผมเลยรีบลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนเราจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก

   “เบียร์มีอะไร”

   เท้าของผมก้าวเร็วขึ้น รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่ใกล้ๆ กับร่างเล็กแสนคุ้นตาเสียแล้ว

   “พี่...” เสียงพึมพำจากริมฝีปากเล็กเอ่ย ใบหน้าหวานช้อนตาขึ้นมองผมซึ่งยืนห่างออกไปเพียงน้อยนิด แค่น้อยนิดเท่านั้น

   “เดินไปทำงานกลุ่มซะ ตรงนี้กูจะเคลียร์กับไอ้พี่ภูเอง” เบียร์เลือกเบี่ยงประเด็น ด้วยรู้อยู่เต็มอกว่าไม่อยากให้เพื่อนสนิทเจอกับผมมากแค่ไหน    

“ทำไมต้องเคลียร์ เรากับเขาไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกันแล้ว เบียร์นั่นแหละแยกไปทำงานกลุ่มของตัวเองเถอะ”

   “แต่พี่มัน...”

   “เชื่อเรา เราไม่มีทางโง่กลับไปเป็นที่ระบายของเขาหรอก” 

   “...”

   “เราไม่ได้รู้สึกอะไรกับคนคนนี้แล้วจริงๆ”

   ทำไมฟังแล้วถึงเจ็บปวด...

   ทำไมถ้อยคำเหล่านั้นถึงทิ่มแทงหัวใจ มันเป็นเพียงความรู้สึกเดียวที่ผมมักรับรู้ตอนที่ตัวเองเป็นเด็กและถูกเมินเฉยจากพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ผมคิดว่าเขาไม่มีทางรักลูกนอกคอกที่เอาแต่สร้างปัญหา แต่ความจริงแล้วมันอาจไม่ใช่...ถึงแม้ไม่แสดงออกมา แต่คงมีสักเสี้ยวหนึ่งที่มีความห่วงใยปะปนอยู่บ้าง

   ผมหวังให้เป็นอย่างนั้น สิงหาก็เหมือนกัน...

   ในเสี้ยวของความเมินเฉย ผมอยากให้เขามีความรู้สึกดีหลงเหลืออยู่ในนั้นสักเปอร์เซ็นต์หนึ่ง

   “งั้นก็ตามใจ ส่วนไอ้พี่ภูผมขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่าคิดจะทำอะไรเหี้ยๆ อีก ไม่อย่างนั้นผมเอาพี่ตายแน่” คาดโทษเอาไว้ก่อนเดินแยกจากไป ที่ตรงนี้เลยเหลือผมกับคนตัวเล็ก

   มันยากมากกับการเริ่มต้นทักทายกัน ยากเหลือเกินแม้แต่สมองก็ว่างเปล่า

   “คะ...คือ”

   พอตั้งใจเริ่มต้นบทสนทนา ร่างบางกลับย่างเท้าแยกออกไปโดยไม่คิดใส่ใจฟัง เขามาร่วมกลุ่มกับเพื่อนตรงโต๊ะไม้ตัวใหญ่ พร้อมหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาตั้งพลางพูดคุยกับเพื่อนๆ

   ผมเลยได้แต่นั่งมองอยู่ห่างๆ ไม่คิดเข้าไปกวนอะไร มันดีแล้ว...วันนี้ผมรู้ว่าชีวิตต้องทำอะไร ส่วนวันพรุ่งนี้ผมยังไม่ได้คิดเพราะบางทีอาจเลือกตามคนตัวเล็กมาที่นี่อีกก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวเท่าไหร่

   “อันนี้มั้ย เราแปลมาจากเอกสารที่อาจารย์ส่งมาทางเมล์น่ะ”

   “อื้มๆ โอเค ส่งเข้ากลุ่มเลย ให้ที่เหลือแม่งทำสไลด์”

   ผมดูเด็กพวกนี้ทำงานอย่างเป็นระบบ มันเพลินตาดี แต่ก็แค่ 30 นาทีแรกเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นต่างคนก็ต่างบ่นว่าหิวเนื่องจากพระอาทิตย์เริ่มตกดินเต็มที

   “ไปกินข้าวกันก่อน วันนี้ต้องทำงานกันถึงดึก” ใครคนหนึ่งแทรกขึ้น

   “เออๆ เอาคอมไว้ตรงนี้แหละ”

   “สิงหา...” ผมตรงดิ่งไปยังร่างเล็กซึ่งกำลังนั่งลากเมาส์อย่างตั้งอกตั้งใจอยู่

   “หืม” เสียงเล็กตอบกลับมาเบาหวิว

   “ไปกินข้าวกันมั้ย มื้อนี้พี่เลี้ยง”

   “ไม่เป็นไรครับ”

   “ยังไม่หิวเหรอ”

   “เดี๋ยวพี่คินมารับครับ ถ้าคุณหิวก็ไปเถอะ” ผมได้แต่พยักหน้ารับรู้ ทิ้งตัวนั่งลงตรงจุดเดิมจนกระทั่งเห็นร่างสูงของใครอีกคนเดินเข้ามา

   คนที่ตัวเล็กพูดถึงนั่นแหละ เขาไปกันได้ดี ดูจากเคมีหลายๆ อย่างที่ตรงกัน

   “รอนานมั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ขณะที่ตัวเองก็ได้แต่มองอยู่เฉยๆ โดยไม่สามารถทำอะไรได้

   “ไม่นานแต่ผมหิวแล้วล่ะ”

   “งั้นรีบไปเลย อ้าว! พี่ภู” รุ่นน้องคนนั้นหันมาทักทาย อาจเพราะเอาแต่สนใจสิงหาเลยลืมรายละเอียดรอบข้างไป

   “ดี”

   “มาทำอะไรที่นี่พี่”

   “มาเที่ยวเล่นน่ะ”

   “พี่คิน ผมหิวแล้วรีบไปเถอะ”

   “รู้แล้วๆ ผมไปก่อนนะพี่ ไว้มีโอกาสได้ร่วมงานเราคงได้เจอกันอีก” ท้ายประโยคหันมาพูดกับผมพลางจับจูงคนตัวเล็กเดินห่างออกไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ขณะที่ตัวเองทำได้แค่ยิ้มแกนอยู่ลำพังเท่านั้น

   ผมรับรู้ความอ้างว้างของการไม่เหลือใครถึงขีดสุดก็วันนี้ วันที่ผมไม่สามารถเดินเข้าไปหาใครเพื่อระบายเรื่องราวแสนอัดอั้นในอกได้อีก นอกจากอยู่กับตัวเองและเจ็บปวดเพียงคนเดียว


อ่านต่อด้านล่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2022 16:28:56 โดย Jittirain12 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18


   สิงหากลับมาพร้อมขนมในมืออีกมากมาย ดูเขาจะตกใจเล็กน้อยที่ยังเห็นผมนั่งอยู่ตรงนี้และเอาแต่ยิ้มให้เขา รู้มั้ยเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดยิ่งกว่าการถูกเกลียดคืออะไร ความหมางเมิน...ความเย็นชา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่คนตัวเล็กไม่ได้รู้สึกอะไรต่อผมแล้ว แต่มันช่างทรมานในความรู้สึกเหลือเกิน

   ร่างบางนั่งทำงานกับเพื่อนๆ อย่างคร่ำเคร่ง หลายคนพอจำหน้าตาผมได้เพราะโผล่มาที่นี่บ่อยเมื่อครั้งความสัมพันธ์ของเรายังไม่แตกหัก แต่ก็มีน้อยคนมากที่จะกล้าเข้ามาทักทาย ด้วยรู้ว่าผมกับสิงหาเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

   จากฟ้าสว่างจนมืด เวลา 3 ทุ่มทุกคนเริ่มเก็บข้าวของก่อนจะแยกย้าย ผมมองดูร่างเล็กค่อยๆ เก็บของใส่กระเป๋า พลางหยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาใครบางคน

   “พี่คินเสร็จแล้วมารับหน่อย...อืม...รอที่เดิมนะครับ รีบๆ ออกมา...กลัว”

   ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาต้องโทรหาผมไม่ใช่เหรอ

   ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่ผมไม่เมินข้อความหรือรับสายจากเขามันคงไม่ลงเอยแบบนี้ใช่มั้ย

   ถ้าเป็นเมื่อก่อนหากผมไม่หลงแสงสีและหลงลืมบางอย่างไป ผมก็คงไม่ต้องสูญเสียเหมือนที่กำลังเป็นอยู่ โคตรเจ็บ...แต่เอาเวลาเดิมๆ ย้อนกลับมาไม่ได้อีกแล้ว

   “สิงหากลับก่อนนะ”

   “บาย”

   ร่างเล็กโบกมือไหวๆ เพื่อนๆ เริ่มแยกย้ายกระทั่งหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็ผมกับเขา ผมจึงเริ่มขยับตัวเข้าไปนั่งใกล้ๆ เพื่อหวังพูดคุยกันสักประโยค

“ตัวเล็ก”

   “ผมไม่อยากให้คุณเรียกผมแบบนั้น”

   ผมหัวเราะ แค่นหัวเราะกับประโยคกระแทกหัวราวกับคนบ้า

   “โอเคพี่ลืมไป พี่ขอโทษ”

   “ไม่เป็นไร ผมไม่คิดเก็บมาใส่ใจอยู่แล้ว” มือบางยังคงหยิบนั่นนี่ใส่กระเป๋าไม่หยุด จนเราแทบไม่ได้มองหน้ากันด้วยซ้ำ

   “ช่วงนี้ได้ดูหนังหรือเปล่า” ผมถาม

   “ก็ได้ดูบ้าง”

   “จำได้ว่าเรื่องสุดท้ายที่เราได้ดูด้วยกันคือเรื่อง About Time เราเอาแต่หัวเราะฉากแต่งงานวันฝนตก”

   “...” เขาเงยหน้าขึ้นมามอง

“พี่ยังจำได้” ผมพูดต่อ

“ของขวัญเป็นยังไงบ้าง”

   “สบายดี แต่ไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่ คงคิดถึงสิงหานั่นแหละ”

    “ผมขอได้มั้ย”

   “...”

   “ขอของขวัญมาเลี้ยงเอง”

   “ถ้าว่างพี่พามาเจอเราก็ได้ หรือบางทีถ้าคิดถึงก็แวะมาหาที่บ้าน บ้านกึ่งสตูดิโอหลังนั้นน่ะพี่ซื้อเอาไว้”

   “ผมอยากเลี้ยงเอง”

   ประโยคสั้นๆ ทำเอาผมไปต่อไม่เป็น

   “เราเคยสัญญาด้วยกันตั้งมากมาย แต่สุดท้ายมันก็ไปไม่รอด”

   “...”

   “ถ้าวันหนึ่งเราอยากพามันกลับไปก็ให้ไปที่บ้านหลังนั้น ของขวัญคงดีใจที่มีคนเลี้ยงมันได้ดีว่าพี่”

   Rrrrrrrrrrrrrrr

   เราพูดด้วยกันได้ไม่ถึงไหน เสียงเรียกเข้าจากมือถือของคนตัวเล็กก็ดังขึ้น แค่เห็นว่าปลายสายเป็นชื่อของคินผมก็เงียบลงทันที คำพูดทุกอย่างที่อยู่ในหัว ประโยคหลายประโยคที่อยากถามถูกผลักเข้าไปข้างใน ปล่อยให้คนตัวเล็กรับสายและพูดคุยอยู่พักหนึ่ง

   หลังจากวางสายคนตัวเล็กก็ยังไม่ลุกหนี นอกจากนั่งอยู่ที่เดิมและเราเอาแต่เงียบใส่กัน

   “ยังไม่กลับอีกเหรอ”

   “ผมแค่อยากนั่งสักพัก คุณกลับไปก่อนเถอะ”

   “ตัวเล็ก...”

   “...”

   “คินคงรอเรานานแล้ว”

   “...”

“ถ้าเราอึดอัดที่จะอยู่ตรงนี้ จะไปก็ได้นะพี่ไม่ว่าหรอก”

   “อื้ม ไว้ว่างเมื่อไหร่ผมจะไปหาของขวัญที่บ้านแล้วกัน”

   เป็นแค่ประโยคสั้นๆ ก่อนจะจากไป แต่มันช่างเป็นคำบอกลาที่เจ็บที่สุดในความรู้สึกของผม แผ่นหลังบางที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ผลักดันน้ำตามากมายออกมาจนเปรอะเปื้อนใบหน้า

   ผมไม่อยากจะพูด แต่ความจริงก็คือ...

   ผมเสียเขาไปแล้วจริงๆ เด็กผู้ชายเสื้อสีชมพูคนนั้น
   






ผมกลับมาที่ห้องในเวลาดึกดื่น หลังจากออกไปเที่ยวเตรดเตร่ต่ออย่างไม่มีจุดหมายเพื่อลืมใครบางคน หรือความทรงจำหดหู่บางอย่าง ถึงจะลบออกไปไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ขอให้มันเจือไปด้วยความเจ็บปวดในปริมาณไม่มากก็พอ ทว่าเมื่อกลับมาถึงห้อง ล้มตัวลงบนเตียงพร้อมกับยกแขนเกยก่ายบนหน้าผาก ภาพของสิงหากลับฉายชัดเข้ามาแทนที่เรื่องราวก่อนหน้านั้นจนหมดสิ้น


   ‘มันจะเป็นอะไรนักหนาวะ! ถ้าจะเรียกร้องความสนใจก็ตายให้ดูเลยดีกว่า’
‘ถ้าพี่บอกให้ไปตาย เราก็ต้องไป’
   ‘ไม่น่าเกิดมาเลยจริงๆ’
   ‘สงสาร...หัวใจผมบ้าง’
‘ทำไมไม่หายไปจากชีวิตผมสักที’
‘ขอบคุณที่ดูแลผมมาตลอด ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ’


   “สิงหา!!” 

ผมสะดุ้งตื่นและรีบชันตัวขึ้นนั่งขณะหอบหายใจถี่ระรัว รอบกายว่างเปล่า...เห็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมแสนคุ้นตาที่นอนอยู่ประจำ ความฝันเดิมๆ กำลังบ่งบอกว่าตัวเองกังวลมากแค่ไหน

   ภาพในอดีต การกระทำอันเลวร้าย และคำพูดต่างๆ ของผมกับคนตัวเล็กซ้อนทับเข้ามา มันเริ่มต้นได้ไม่ดีเท่าไหร่และมันก็จบลงแบบไม่สวยด้วย ผมรีบยกมือกุมขมับเนื่องจากอาการปวดหัวจนแทบคลั่ง บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นผลจากโรคที่ผมเป็นอยู่หรือเปล่า ผมยังรักษาไม่หายนี่...

   สุดท้ายก็ล้มตัวลงและปิดเปลือกตาอีกครั้ง มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมสะดุ้งตื่นตอนกลางดึก แต่มันเป็นต่อเนื่องหลังจากสิงหาจากไป บางทีก็อาจต้องพึ่งยาของหมอหรือยานอนหลับขนาดหนักเพื่อให้ตัวเองหลับสบายสักคืน

   ผมไม่อยากเป็นแบบนี้ ไม่ได้อยากตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกหดหู่

   ไม่ได้อยากฆ่าตัวตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือนั่งเหลาดินสอจนเต็มบ้าน

   เพื่อหวังว่าเช้าวันต่อมาผมจะได้ตั้งคำถามเดิมๆ ว่ามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ไม่อยาก...

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

‘ผมไม่กล้ารักพี่ ผมกลัว’

   เฮือก!!

   อาการสะดุ้งตื่นขึ้นมาในกลางดึกเกิดขึ้นซ้ำๆ ผมรีบควานมือหาโคมไฟใกล้หัวเตียงและกดสวิตช์เปิดมัน แสงสว่างนวลทำให้สายตามองเห็นเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาได้อย่างชัดเจน 03.50 เวลาราวๆ นี้เป็นเวลาที่ผมมักสะดุ้งและหลุดจากภวังค์ทุกอย่าง แม้จะหลับลึกแค่ไหนแต่ทันทีที่ความฝันนั้นมีใครบางคนผมจะต้องตื่นขึ้นมาทันที

   เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ทำไมถึงยังเจ็บอีก

   เกือบหนึ่งสัปดาห์ที่ผมฝันเห็นแต่ภาพเดิมๆ หมุนวนซ้ำซาก จนบางครั้งอยากเอาค้อนหนักๆ ทุบหัวตัวเองดูสักที ใช้เวลาตั้งสติชั่วครู่ ผ่อนลมหายใจที่ตื่นตระหนกให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ก่อนจะหย่อนปลายเท้าลงจากเตียง ตรงไปยังโต๊ะทำงานซึ่งมีของบางอย่างเก็บไว้ในลิ้นชัก

ตอนแรก...คิดว่าถ้าสิงหาไม่อยู่ยังไงผมก็อยู่ได้ ไม่เห็นต้องแคร์อะไร

   แต่วันนี้ชักไม่ไหวแล้ว เวลาแม่งไม่เคยเยียวยาอะไรเลย หนำซ้ำยังทำให้เจ็บเป็นเท่าตัว

   “พี่คิดถึงเรา พี่อยากกลับไปหาเรา” เลือกพึมพำกับตัวเอง ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปไกลพร้อมกับน้ำตาที่ไม่อยากให้มันหยดลงบนใบหน้าสักเท่าไหร่

   ต้องซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ ก่อนที่คนอื่นจะสมน้ำหน้าและเหยียบย่ำให้จมดิน

   แล้วรู้อะไรมั้ย ตอนนี้ผมโดดเดี่ยวและเคว้งคว้างแล้วจริงๆ ผมไม่อยากพูดว่าหลายเดือนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตบ้างนอกจากความฝันที่มีใครคนหนึ่งอยู่ในนั้น

   ผมหยิบคัตเตอร์ขึ้นมา เริ่มต้นเหลาดินสอเหมือนทุกคืนที่ตื่นจากฝันร้าย

   เหลาจนบางแท่งหดสั้นแทบใช้มือจับไม่ได้แต่ก็ยังทำต่อไป อย่างน้อยมันก็ช่วยขจัดความคิดฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวและไม่ทำให้ค่ำคืนที่เหลือต้องเผชิญกับฝันร้ายอีก

   คนเลวอย่างผมใครๆ ก็คงอยากสมน้ำหน้า เพราะทำตัวเองทั้งนั้นจะโทษใครได้...

   ก็ได้แต่นั่งคิดการกระทำของตัวเองเพียงลำพัง ท่ามกลางความมืดและความเหน็บหนาวที่ได้สัมผัสกับตัว ทรมานมากนะ...ความรู้สึกแบบนี้

   ไม่ต่างกับตายทั้งเป็นเท่าไหร่หรอก







   เช้าวันรุ่งขึ้นผมพาร่างกายระโหยโรงแรงของตัวเองไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งในรอบหนึ่งสัปดาห์ หลังจากเริ่มหันมากินยาอย่างจริงจัง เขาบอกผมจะหายแค่ต้องรอเวลา แต่ช่วงที่รอนั้นมันยาวนานเกินไป นาน...จนคิดว่าอาจทนไม่ไหวในสักวัน

   “ไม่ได้เจอกันเกือบอาทิตย์” นี่คือคำทักทายแรกที่ผมได้รับ ก่อนจะค่อยๆ เดินมาประชิดกับโต๊ะทำงานของหมอเจ้าของไข้ และนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย

   “ไม่ได้อยากเจอหมอเท่าไหร่หรอก” ผมบ่นอย่างไม่ใส่ใจ

   “แล้วเป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวนี้หงุดหงิดอะไรบ่อยเหมือนเดิมมั้ย”

   “ไม่เท่าไหร่ครับ แต่ผมฝันร้าย หมอพอจะมียานอนหลับที่ช่วยให้ผมไม่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกมั้ย” รีบถามทันที ก่อนที่ผมจะเป็นบ้าตายไปซะก่อน

   “ปกติหมอจะไม่สั่งยานี้ให้มาปนกับยาที่ใช้รักษาหรอกนะ”

   “แต่ผมไม่ไหวแล้ว ทำยังไง...ทำยังไงถึงไม่ต้องฝัน” ผมโพล่งขึ้นมาทันทีที่ความอัดอั้นมันจุกอยู่ตรงอก หมอมองหน้าผมแน่นิ่ง ขณะที่สองมือของตัวเองก็เอาแต่กำไว้แน่นจนเกิดสันริ้วขึ้นมา

   “คุณภูผาใจเย็นๆ ผมใช้ยาควบคุมอารมณ์ที่ไม่เหมือนกับตัวอื่น มันค่อนข้างออกฤทธิ์ช้า พอปรับยาครั้งหนึ่งอาจต้องรอ 2-3 สัปดาห์ถึงจะออกฤทธิ์”

   “แต่ผมทนไม่ไหวแล้ว”

   ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมเก็บความรู้สึกและอดกลั้นต่อความเจ็บปวดเหล่านี้ด้วยตัวเองมาตลอด แต่มันชักจะไม่ไหวทุกขณะ เพราะยิ่งต่อสู้มันก็ยิ่งรุนแรงและผมยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้สักที ไม่มีคืนไหนที่ไม่ฝัน ไม่มีคืนไหนที่น้ำตาไม่ไหลเปื้อนหน้า ไม่มีคืนไหนที่ไม่สมเพชตัวเอง

   จมอยู่กับความรู้สึกผิดที่ตกตะกอนค้างอยู่ในจิตใจ

   “ช่วยผมด้วย ช่วยผม...” เลือกยกมือทั้งสองข้างจับข้อมือของคนตรงหน้าไว้แน่น รู้ดีว่าเขาไม่อาจช่วยอะไรได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

   “หมออยากให้อดทนต่อไปอีกหน่อย ถามตัวเองว่าอยากทำอะไร แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมีอะไรที่อยากทำ ทุกอย่างมันก็จะดีเอง”

   “แล้วเมื่อไหร่ล่ะหนึ่งเดือน สามเดือน หรือเป็นปี” ผมใช้กำปั้นทุบโต๊ะอย่างอดกลั้นไม่อยู่ ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่านควบคุมอารมณ์ไม่ไหว จนต้องขบฟันแน่นปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาอย่างคนขี้ขลาด

   “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”

   “หมอ... ขอร้อง...ช่วยผมที”

   “...”

   “พาผมออกไปจากที่ตรงนี้ ช่วยผมได้มั้ย...”

   “...”

   “ช่วยด้วย”

   นี่อาจเป็นคำขอสุดท้ายในชีวิตของผม คำขอที่ไม่ได้หวังอะไรเลยนอกจากหลุดพ้นจากความทรมานและบาปกรรมที่เคยก่อไว้ ถึงตอนนี้ชดใช้พอหรือยัง

   ผมเข้าใจแล้ว

เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าความตายมันดีกว่ายังไง 






   Rrrrrrrrrrrrrrrrrrr

   ค่ำคืนผันผ่านอย่างทรมาน หมอบอกให้ผมอดทนต่อความรู้สึกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจ สามวันหลังกลับจากโรงพยาบาลผมไม่ออกไปไหนอีกเลย นอน...ผมนอนทั้งวันแทบไม่รู้ว่าการกินคืออะไร มันไม่หาย ผมยังคงฝันร้ายและบางทีก็อยากร้องไห้ไม่รู้จบ

   เสียงโทรศัพท์สั่นครืดนับร้อยสาย มันเป็นเบอร์ของพ่อ

   เบอร์ที่ผมไม่เคยคิดจะบันทึกเอาไว้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มรับสาย เขาจะบังคับให้ผมเอาแต่ตอบตกลงแต่งงาน

   ตอนนี้ผมเหนื่อย ผมเหนื่อยไปหมด ผมคิดถึงสิงหา คิดถึงไอ้วัชร คิดถึงแม่ คิดถึงใครหลายๆ คนที่เคยอยู่ในชีวิตแต่ตอนนี้เลือนหายไปหมดแล้ว

   ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างหน้าจะสดใสหรือหม่นหมองแค่ไหน ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาจะต้องทำยังไง ผมไม่อยากเผชิญหน้ากับความรู้สึกแบบนั้น มันเจ็บ...เจ็บจนทนไม่ไหว สุดท้ายผมจึงเลือกรับโทรศัพท์จากพ่อด้วยมือสั่นเทา

   “พ่อ...”

   “...”

   “ผมยอมแล้ว ผมยอมพ่อแล้ว”
   







สิงหา...

   หนึ่งเดือนต่อมา

   ผมเปิดประตูเข้าไปภายในคอนโดที่ตัวเองอาศัยอยู่มาเกือบปี หลังจากออกไปทำงานกับพี่คินที่กองถ่ายซีรีส์วัยรุ่น มันค่อนข้างท้าทายและสนุกเอามากๆ จะตลกหน่อยก็ตรงที่ใครต่อใครมักจับคู่ให้เราอยู่เสมอ ทั้งคนในและแฟนคลับเองก็ตาม

   แต่ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น พี่คินคือพี่ชายที่แสนดี เขาทำดีกับผมมากแต่เราคงไปไม่ได้ไกลกว่านั้น

   “สิงหามีของมาถึงเรา พี่วางไว้ที่โต๊ะนะ ส่วนของคินอยู่ตรงโซฟา”

   “ครับ” ผมตอบรับพี่ผู้จัดการเสียงเรียบ สาวเท้าไปยังโต๊ะไม้ตัวเล็กๆ หน้าเคาน์เตอร์ห้องครัว ที่นี่ผมเห็นกล่องขนม ช็อกโกแลต และของน่ารักมากมายที่แฟนคลับมักฝากมาให้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาผมจนต้องหยิบขึ้นมาดูอย่างละเอียด

   มันเป็นซองการ์ดสีขาวเรียบๆ ซึ่งจ่าหน้าซองเป็นชื่อผม ด้วยความอยากรู้จึงเปิดเข้าไปอ่านการ์ดที่แนบมาข้างใน นั่นทำให้หัวใจที่เคยเต้นเป็นปกติแทบหยุดชะงัก ผมยิ้มให้กับการ์ดใบนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร แต่...

   พี่ชายของผมเขากำลังแต่งงาน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2022 16:29:25 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17
คิดว่าที่ภูทำคือถูกแล้วนะ ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างให้ลืมสิงหาตัวเองจะแย่
ถือเป็นการเลือกเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ และสิงหาควรมีชีวิตที่ดีต่อไป
ถ้าวันนึงมันจะหวนมารักกันใหม่จะได้ไม่มีอะไรมาก่อกวนใจ
รักกันใหม่ เริ่มกันใหม่ โดยที่พวกเขาต้องการจริงๆ
เฮ้ออออ ภู !!! แกน่าจะรีบทำใจให้ได้แล้วนะ เป็นโรคแล้วยังจิตใจไม่แข็งแรงอีก !!
โอย รอนะคะ 18 ตอนยาวๆ คุณจิตติสู้ๆๆๆ
 :L2:

ออฟไลน์ minniekook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่าสงสารทั้งภูผาและสิงหา เอาใจช่วยทั้งคู่น๊า :monkeysad:

ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 843
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
 :o12: ยอมรับว่าอยากให้พี่ภูสำนึก แต่ไม่อยากให้พี่ภูเป็นแบบนี้  :mew6:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอาใจช่วยค่ะคุณจิตติ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ไม่รู้จะพูดอะไร พี่ภูน่าสงสารมาก เรารักพี่ภู  :sad4:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
โอ้ยยยย อยากอ่านอีกกกกก
มันเจ๋งมากกกกก
กอดดดด

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มีความรู้สึกว่า ดีแล้วที่มันเป็นอย่างนี้

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เวลาเราต้องมารับรู้อีกด้านมันก็ทำให้อดสงสารไม่ได้
แต่นึกถึงตอนที่ภูทำกับสิงหามันก็โหดร้ายเกินไปจริงๆ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Mickey199663

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เราสงสารภูผามากกว่าตอนที่สงสารสิงหาอีก มันบอกไม่ถูก พี่ภูเค้าไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ไม่อยากป่วย เค้าไม่ได้อยากทำร้ายสิงหา อ่านแล้วสงสารพี่ภูมาก ตอนสิงหาเราก็สงสารนะแต่ไม่มากเท่านี้ มันมีอารมณ์อย่างอื่นแทรกด้วย แต่ของพี่ภูสงสารแบบสงสารจริงๆ ทำร้ายคนรัก ทุกอย่างพังเพราะโรคนี้แท้ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2015 20:24:49 โดย Mickey199663 »

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ยังต้องหน่วงอีกแปดตอน :hao5:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อ่านแล้วหน่วงจริงๆค่ะ  หน่วงแบบมีเหตุมาซัพพอร์ทความหน่วง   ตอนแรกๆที่อ่านจากมุมมองของสิงหาก็เกลียดอิพี่ภูผามากๆ ด่าจนแทบหมดลม แต่มาตอนที่เราอ่านจากมุมมองของภูผาแล้วเราน้ำตาซึม เพราะว่าที่ผ่านมาเราไบแอสมากๆในเรื่องของสิงหา ทำให่เรามองข้ามไปว่าการกระทำของภูผามันผิดปกติ  มันควรที่จะมีสาเหตุ มีที่มาที่ไปแต่เราเอาแต่ด่าภูผาอย่างเมามันจนมองข้ามไปว่าคนที่ต้องการความช่วยเหลืออาจจะมีมากกว่าสิงหาคนเดียว   อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงหลังอ่านนิยายแนวพระเอกเ-ี้ยแบบบริสุทธิ์มาเยอะจนเกิดการชินชาเอนเอียงไปด้านเดียว   ดีใจเรื่องหนึ่งนะคะที่เรื่องนี้เป็นแค่นิยาย   ไม่งั้นเราคงเสียใจจนตายที่ไม่ไหวตัวคิดเรื่องของภูผา

ตอนนี้รู้สึกเหมือนภูผาเป็นเด็กหลงทาง หาทางออกไม่ได้ ถ้าหากว่าสิงหากลับมาหาภูผา ณ ตอนนี้เราก็คิดว่าภูผาก็คงไม่รู้หรอกว่าจะปฏิบัติต่อน้องยังไง  น้องเข้มแข็งกว่าภูผาเยอะเลย อย่างน้อยก็ยังคุยได้โดยไม่แสดงอาการอะไร   เรื่องของภูผากับเพื่อนที่ฆ่าตัวตายคล้ายเคียงกันมากคือไม่มีใครฉุกใจคิดอะไร  อาจจะเป็นเพราะการแสดงออกทำให้คนอื่นไม่ได้ใส่ใจพอที่จะคิดห่วง

อยากเน้นค่ะว่าภูผามันป่วยนะคะ  ป่วยแล้วก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองป่วย  ทั้งๆที่รักน้องมากๆแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไมหรือที่ทำไปมันข้ามขอบเขตของคำว่าปกติไปแล้ว  ไม่มีคนเตือนไม่มีคนห้ามปรามไม่มีคนชี้ว่าเฮ้ยที่แกทำไปมันป่วยนะ มันผิดนะ      อ่านตอนนี้แล้วควรจะเข้าใจอย่างหนึ่งว่าภูผาไม่ได้จงใจให้เป็นแบบนั้น  อาจจะขัดใจสำหรับคนหลายคนแต่ก็ควรเห็นใจภูผาด้วย   อย่าเพียงแค่หาความสะใจเพื่อเอาคืนจากสิ่งที่ภูผาเคยทำกับน้อง

เป็นไปในรูปแบบนี้ก็ดีแล้ว แยกจากกัน ภูผาในตอนนี้ก็มีแต่จะเป็นภาระให้สิงหา  ทางพ่อและว่าที่ครอบครัวใหม่อาจจะมีศักยภาพทางการเงินที่จะดูแลการรักษาให้ภูผา แต่ความเข้าใจก็อย่าได้หวังมากไว้เลย   จนกว่าจะพบกันใหม่ได้สินะระหว่างภูผากับสิงหา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-07-2015 00:09:09 โดย Freja »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
หวังว่าทางที่ภูเลือกจะช่วยภูให้ดีขึ้นได้จริงๆ นะคะ กลัวก็แต่จะกลายเป็นกดดันตัวเองให้แย่กว่าเก่าเนี่ยสิ~ ทั้งกับคนรอบข้างและว่าที่เจ้าสาว (อาจจะคนละคนกับที่พาภูไปร.พ) ที่ก็ไม่รู้ว่าจะรับได้ไหมที่ภูเป็นแบบนี้อีก เพราะร้อยทั้งร้อยเรื่องที่ตัวเองป่วยภูต้องไม่พูดมันออกมาแน่นอนเลย.. :mew4:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ภูแต่งงานแล้วอะไรๆ มันจะดีขึ้นหรือแย่ลงล่ะ

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
อ้าว แล้วตอนนี้หายป่วยแล้วเหรอ ไม่มีความต้องการแล้วเหรอ
โถ่ พอคูณณณณ น่าสงสารจุงเบยย (ประชด)
 :monkeysad:
อุสาห์จะไปแต่งงานอี๊ก
โอ้ยย ไม่รู้จะว่ายังไง แม้อิพี่ภูหายไป สิงหาก็เหมือนจะยังรักอยู่ดี
สิงหาน่าสงสารที่สุดแระ ที่ต้องมารองรับอารมณ์ขึ้นๆลงๆ ของอิพี่ภู
นี่มันอะไรกัน ใจนึงก็อยากให้เกลียดอิพี่ภู แค่อีกใจนึง ก็รู้สึกสงสารอยากให้สิงหากลับมา
อารมณ์มันสองขั้ว ตีกันไปมา
 :katai1:

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
ผู้ป่วยทางจิต เค้าคงไม่อยากให้ตัวเองเป็นแบบนี้

แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าพวกเค้าเป็นโรคแบบนี้

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อีกแปดตอนแห่งความหน่วง

รอคุณจิตติเขียนตอนจบ ดูว่าจะจบยังไง สองคนนี้จะกลับมาคบกันไหม เส้นทางชีวิตจะบรรจบยังไง

ลุ้นมากๆ

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
จะมีเราแค่คนเดียวรึป่าวที่ไม่ได้รู้สึกสงสารภูเลยซักนิดอ่ะ ก็สมควรแล้วนะที่โดนแบบนี้
แต่มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำด้วยซ้ำ แค่ไม่โดนสิงหาแก้แค้นเอาคืนแต่กลับยังยอมคุยด้วยดีๆ
ไม่ทำท่ารังเกียจขยะแขยงคนอย่างภูนี่เราว่าก็ถือเป็นบุญของภูมากแค่ไหนแล้วนะ
ถ้าจะจบแบบภูต้องทนทุกข์อยู่กับคนที่ตัวเองไม่ได้รักแล้วให้สิงหามีความสุขกับชีวิตใหม่เราว่าก็เก๋ไปอีกแบบนะ อิๆๆๆ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
 :เฮ้อ: รอตอนต่อไปนะคะ :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด