◐ เธอที่ร้าย ◑ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◐ เธอที่ร้าย ◑ THE END  (อ่าน 744434 ครั้ง)

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
จะเป็นยังไงต่อนะ สงสารพี่แล้วตอนนี้  :sad4: :o12:

ออฟไลน์ honeymic

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
อ่านไป ทรมานไป T^T

ออฟไลน์ terui

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เพิ่งเข้ามาอ่าน อ่านรวดเดียวจบ หน่วงมากกกกกกกก
 :m15: :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ PPink

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
อ่านแล้วโคตรสงสารพี่ภูเลยยยย จะร้องไห้ ตะเตือนไตมาก แง

ออฟไลน์ lahlunla

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อย่ามานึกเสียใจ
มันสายเกินไปแล้วภูผา
ปล่อยให้สิงหาได้มีความสุขบ้างเถอะ

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ร้องไห้เลย เราว่าเพราะโรคอะแหละไปสนับสนุนการกระทำหลายๆอย่างของพี่ภู การเป็นไบโพลาร์จริงๆต้องมีคนรอบข้างคอยให้กำลังใจนะคะ แต่พี่ภูไม่มีเลยคือถ้าสุดท้ายพี่แกจะฆ่าตัวตายเราก็ไม่แปลกใจ เพราะสิ่งยึดเหนี่ยวในชีวิตแกหายไปแล้ว ซึ่งพี่ภูไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมาเป็นแต่เพราะแกไม่รู้ตัวมาตลอดทำให้ทำร้ายสิงหาต่างๆนาๆ ตอนแรกเราก็เกลียดนะ ถึงขั้นเอือมกับสิงหาทำไมไม่ออกมาซักที ตอนที่สิงหาตัดสินใจออกมาเราดีใจมาก แต่พออ่านพาร์ทพี่ภูเท่าไหร่แหละ โถ่ววว น้ำตาไหลเลยจ้า สงสารจริงอะไรจริง ชีวิตค่อยๆดิ่งลงเหวเรื่อยๆ ไม่มีคนรอบข้างยังไม่พอต้องต่อสู้กับความคิดตัวเองอย่างหนัก เราว่าดีแล้วที่พี่ภูคิดแต่งงาน มันอาจจะกระตุ้นให้เรื่องนี้เลวร้ายไปกว่าเก่าหรือไม่ก็ดีขึ้น อยู่ที่สิงหาแล้วละว่าจะเอายังไง

ปล.คนเขียนเขียนดีมากค่ะ น้ำตาแตกไปหลายตอน

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รวดเดียวจบแบบไม่มีอะไรจะพูด........เพราะมันมีแต่น้ำตาที่ไหล

ขอบคุณอะไรก้อแล้วแต่ที่ทำให้เข้ามาอ่าน เพราะกำลังอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก

พอได้อ่านเรื่องนี้น้ำตามันก้อไหลออกมาเอง น่าสงสารพี่ภูผานะเพราะเค้าขาดความอบอุ่นจนน่ากลัว

ขอตามอ่านด้วยคนน้า รีบมาต่อน้อววว

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ดีที่ไม่ฆ่าตัวตายเพราะจะไปเหมือนเคสข่าวใหญ่เมื่อ2-3 วันที่ผ่านมา
แต่อยากบอกว่า อย่าอ้างว่าเพราะปัญหาครอบครัวตัวเอง เลยทำร้ายคนอื่นได้อย่างไม่ผิด

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18


ตอนที่ 11


   ตอนที่เรามีความสุขเวลามักเดินเร็วเสมอ รู้ตัวอีกทีมันก็ผ่านมานานมากแล้ว แต่ทำไมเวลาที่ความทุกข์ค่อยๆ แทรกซึมในความรู้สึก คนเรากลับคิดว่ามันเชื่องช้าจนเหมือนเวลากำลังจะหยุดเดิน ผมคิดแบบนั้น...คิดแบบนั้นมาตลอดตั้งแต่วันที่เดินออกมาจากผู้ชายตัวสูง จนกระทั่งวันนี้

   ไม่มีวันไหนที่เวลาในหัวใจเดินเร็วเลยสักวัน ผมทำงาน เจอผู้คนมากมาย โลกใบเดิมที่เคยแคบและมีแค่ผู้ชายชื่อภูผากว้างขึ้นหลายเท่า แต่มันไม่เคยมอบความสุขให้ผมทั้งหมดได้ เพราะความจริงผมยังคิดถึงรักแรกของตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตาก็ตามที

   ฟังดูเป็นพวกจมจ่อมอยู่กับอดีตไม่ก้าวย่างไปไหน ทั้งที่ความจริงผมเดินออกมาไกลมากเหลือเกิน ผมมีทางเลือกมากมาย มีคนอีกหลากหลายเดินเข้ามาในชีวิตให้ได้เริ่มต้นใหม่ แต่แปลก...ผมกลับไม่อยากเริ่มต้นกับใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะคนที่ผมชอบหรือคนที่ชอบผมก็ตาม

   เพราะสุดท้ายคำตอบมันกลับเป็น...ผมกับพี่ภูคงไม่มีทางหวนกลับมาเป็นแบบเดิมได้อีก แต่ละวันก็แค่นึกถึงอดีตที่มีความสุขด้วยกันเท่านั้น ในใจก็ได้แต่หวังว่าสักวันเราคงได้พบกันในที่ไหนสักแห่ง ที่ที่นำพาให้เราได้พูดคุยเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน หรือถ้าไม่มีอย่างนั้น

ขอให้เราไม่เจอกันอีกเลย มันคงจะดีกว่านี้...

แต่แปลก ความเป็นจริงของโลกมักเหวี่ยงความโหดร้ายมาให้ผมเสมอ เราไม่ได้เป็นเพื่อนหรือพี่น้องที่ดีต่อกัน ผมต้องข่มใจหนักแค่ไหนเพื่อไม่ให้เงยหน้ามองเขา คุยกับเขา หรือแม้กระทั่งร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ เราไม่สามารถทำดีต่อกันได้อีกแล้ว ดังนั้นผมจึงได้แต่ภาวนาว่าขอให้เราอย่าเจอกันอีกเลย

มันช่างยากยิ่งกว่า ยากเหลือเกิน

เพราะผมในวันนี้...

กำลังมาที่งานแต่งงานของเขา ผู้ชายที่เป็นคนแรกและเคยเป็นโลกทั้งใบของผม

ผมอยู่ตรงประตูรั้วหน้าบ้านหลังใหญ่ มาพร้อมกับพี่คินและผู้จัดการ ใจของผมเต้นแรงแทบทะลุอก ยิ่งรถยนต์ที่นั่งมาเริ่มเคลื่อนตัวเข้าสู่ภายใน หัวใจมันก็ยิ่งเต้นกระหน่ำแทบไม่เป็นจังหวะ

งานในช่วงเช้าดูไม่ค่อยวุ่นวายมากนัก เพราะรถยนต์ที่จอดเทียบอยู่ไม่มากเท่าที่ควร อย่างที่รู้มาคือเขาเชิญเฉพาะคนสนิทเท่านั้นสำหรับพิธีทางศาสนาในตอนเช้า ใจจริงผมไม่ได้อยากมาหรอก การอยู่ปะปนกับผู้คนมากมายในช่วงค่ำ ณ โรงแรมที่ไหนสักแห่งมันยังดูกดดันน้อยกว่า

หากแต่พี่ชายของผม...พี่ภู เขาแนบข้อความสั้นๆ ถึงผมให้มาร่วมงานในช่วงเช้า แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่มาล่ะ เขาแต่งงานทั้งที ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน ทำไมผมจะไม่ยินดี ทำไมผมจะไม่มา แล้วทำไมผมถึงอยากร้องไห้และรู้สึกเจ็บอยู่ในใจตลอดเวลา เฝ้าถามแต่ว่าเขาไม่รักผมสักนิดเลยเหรอ

เพราะถ้าเขารักผมจริง เขาจะไม่เชิญผมมาในงานวันนี้...

“รู้มั้ยปีนี้ภูอายุเท่าไหร่” ผู้จัดการถามเรา

พูดตามตรงคือพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอดีตของผมเป็นยังไง เคยมีความสัมพันธ์กับเจ้าบ่าวในวันนี้มากมายแค่ไหน เขารู้แค่ว่า ผมกับพี่เป็นเพียงนายแบบและตากล้องที่เคยสนิทกันถึงขั้นรับงานให้ก็เท่านั้น

“ผมก็ไม่แน่ใจ แต่คงไม่เยอะมั้ง” พี่คินตอบ

“แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยเลย แต่ก็ดีนะคงพร้อมจะสร้างครอบครัวแล้วล่ะ”

“ยี่สิบสาม”

“...”

“ปีนี้คุณภูผาอายุยี่สิบสาม” ผมแย้งขึ้น ดูเหมือนทั้งคู่จะหันกลับมามองด้วยความสงสัย

“อ้อ ที่จริงอยู่ในวงการเดียวกันเราควรรู้จักอายุของช่างภาพเนาะ” พี่ผู้จัดการเกาหัวแก้เก้อ ก่อนจะเดินนำไปกับพี่คินเข้าไปยังภายในตัวบ้าน มีเพียงผมเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ตรงจุดเดิม

สูดลมหายใจเข้าปอดครั้งแล้วครั้งเล่า มือก็เย็นเฉียบจนต้องจับเอาไว้แน่นเพื่อลดอาการตื่นตระหนกในหัวใจ ผมได้แต่คิดว่าทันทีที่เดินเข้าไปพี่จะเป็นยังไง ผอมลงมั้ย หรือยังยิ้มให้เหมือนเดิมหรือเปล่า

มือที่จับประตูสั่นเทาอย่างน่าประหลาด ผมไม่อยากเดินเข้าไป ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ ถึงอยากนั้นผมก็อยากมาให้เห็นกับตาว่าคนที่ผมเคยรักที่สุดคนหนึ่งเขามีความสุขดี และกำลังเริ่มต้นชีวิตครอบครัวกับใครสักคนหนึ่งที่ทำให้เขายิ้มได้เหมือนกัน

สุดท้ายจึงตัดสินใจผลักประตูที่ปิดสนิทเข้าไปภายใน เสียงไวโอลินแผ่วเบาดังแว่วเข้าหู มันหวานจับใจจนทำให้ผมต้องหยุดฟังเพียงชั่วครู่ พร้อมกับเท้าที่หยุดชะงักอยู่ตรงหน้าประตู...



“เพราะ”

“อะไรของเรา”

“เพลงนี้เพราะมากเลยพี่ภู ลองฟังดูสิ” ผมถอดหูฟังข้างหนึ่งออกจากหู ยื่นให้กับคนตัวสูงซึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถอยู่

“The way you look at me”

“ฮื้อ พี่เคยฟังเพลงนี้ด้วยเหรอ”

“เคยสิ ก็มันนานมาแล้ว”

“แล้วทำไมผมเพิ่งเคยฟังอ่ะ”

“พี่จะรู้เราเหรอ” เจ้าตัวหันมายิ้ม พร้อมกับเอื้อมมือมาขยี้หัวจนผมยุ่งเหยิง เสียงหัวเราะของเราดังมาก ดังจนมันแทบกลบเสียงเพลงที่ก้องในหูของเรา

“ร้องให้ผมฟังหน่อยสิ” ผมพูดเสียงอ้อน ทำหน้าเหมือนลูกแมวตัวน้อยอย่างที่พี่ชอบแซว


cause there's somethin' in the way you look at me
it's as if my heart knows you're the missing piece
you make me believe that there's nothing
in this world I can't be
i never know what you see
but there's somethin' in the way you look at me


   ผมชอบฟังเสียงของพี่ ชอบสีหน้าตอนร้องของพี่ ชอบทุกอย่างที่เป็นพี่ มันไม่ได้เป็นเพราะเพลงนั้นไพเราะแค่ไหน แต่มันเป็นเพราะผมมีพี่คอยร้องเพลงกล่อมให้ฟังต่างหาก

   “I don't know how or why I feel different in your eyes” ผมร้องตามในท่อนนี้ ท่อนที่ผมต้องเปิดเนื้อเพลงเพื่อร้องตามอย่างอินๆ

“All I know is it happens every time”

เรามองตากันชั่วครู่ ก่อนที่คนตัวสูงจะหันไปโฟกัสบนท้องถนน แต่เสียงเพลงยังคงดังก้องในหูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปลุกหัวใจดวงเดิมที่เคยเต้นราบเรียบ กระหน่ำไปด้วยความสุข

ทั้งหมดผมรู้ว่ามันเกิดขึ้นทุกๆ เวลา
 
   เท้าของผมก้าวไปข้างหน้าตามแรงผลักประตู เสียงเพลงหวานที่เคยคลออยู่ในหูแปรเปลี่ยนเป็นเพลง The way you look at me ซึ่งมีเพียงแค่ผมคนเดียวที่ได้ยิน แสงสว่างจากภายในส่องเล็ดลอดสู่สายตา และตอนนั้นผมก็ได้เห็น

พี่...

ที่ยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น




“ทะเล!!!!!” ผมกระโดดโลดเต้นไปมาบนพื้นทรายขาว ก่อนจะถลาเข้าไปหาสายน้ำสีใสซึ่งสาดเข้ามายังฝั่ง เกลียวคลื่นเล็กๆ ม้วนเข้ามากระทบตัว ความเย็นซาบซ่านที่สัมผัสทำให้รู้ว่ามันคือความจริง

“อะไรจะตื่นเต้นขนาดนั้น” เสียงทุ้มพูดกลั้วหัวเราะ

“พี่ครับ ดูนี่สิ นี่ทะเลเลยนะ ทะเล!!”

“รู้แล้วครับ พี่รู้แล้ว”

“มาเล่นน้ำด้วยกันเร็ว”

“ทำไมเล่นเหมือนเด็กๆ เราปีหนึ่งแล้วนะ”

“ปีหนึ่งที่ไม่เคยมาเที่ยวทะเลก็เป็นแบบนี้แหละ พี่มาเล่นด้วยกันก่อน” ไม่ปล่อยให้คนตัวสูงคิดนาน ผมรีบคว้าข้อมือหนาของอีกฝ่ายให้เดินลงมา จนเท้าของเราทั้งคู่สัมผัสกับน้ำเย็นๆ ด้วยกัน

“พี่ภูฝนตก”

หัวเราะกันได้ไม่เท่าไหร่ก็เป็นอันชะงัก เมื่อปรอยฝนเม็ดเล็กเริ่มตกลงมาจนทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น รวมไปถึงเราทั้งคู่ที่คว้ามือและวิ่งไปด้วยกันแทบไม่ทัน

   “ฉิบหายจริงๆ”

   “อย่าบ่นเลยวิ่งก่อน”

   “เรานั่นแหละบอกอยากมาเที่ยวทะเลหน้าฝน”

   “ก็พี่พามาเองอ่ะ”

   จากที่เปียกแค่กางเกง ตอนนี้เราเปียกม่อลอกม่อแลกกันไปทั้งตัว ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครคิดหยุดวิ่งก่อน จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงจุดที่มีกำบังสำหรับกันฝน ทะเลหน้าฝนน่ากลัวจริงๆ ในความรู้สึก แต่ก็เย็นชุ่มฉ่ำและมีความสุขไม่ต่างกัน

   พี่ไม่เคยคิดปล่อยมือผม มือของเขาสอดประสานบนนิ้วแนบแน่นจนรู้สึกอบอุ่น แม้จะได้เล่นน้ำเพียงชั่วครู่ แต่ผมดีใจ...ดีใจที่วันนี้มีผู้ชายชื่อภูผาอยู่เคียงข้าง

   และดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาเนิ่นนาน

   ตราบเท่าที่ผมยังคงจ้องมอง






   ผมเดินเข้ามาภายใน ปิดประตูลงอย่างที่ควรจะเป็น ภาพตรงหน้าของผมว่างเปล่า มีเพียงผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าและกำลังส่งยิ้มให้เท่านั้น

   ภูผา

   พี่ยังเหมือนเดิม เป็นภูผาที่ไว้ผมทรงเดิม สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสบายๆ หูทั้งสองข้างของเขายังคงใส่หูฟัง ในมือถือกล้องถ่ายรูปตัวโปรดเอาไว้ และมักยกขึ้นมาถ่ายภาพที่เขาอยากถ่ายเป็นประจำ

   “พี่ภู”

   เสียงของผมเรียก เจ้าตัวเลยยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาแนบไว้กับตาข้างหนึ่งด้วยรอยยิ้มแสนกว้าง

   แชะ!!





   แชะ! แชะ! แชะ!   

   “จะถ่ายอะไรขนาดนั้น”

   “ก็นายแบบน่ารักอ่ะ ก็ต้องถ่ายเก็บไว้สิ”

   “แต่นี่เรามาถ่ายวิวไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ภาพพอร์ตเทรตสักหน่อย”

   “ใครบอก วันนี้ที่มาคือตั้งใจถ่ายแฟนต่างหาก”

   “มั่ว” ผมเด็ดใบไม้แถวนั้นปาใส่คนตัวสูงด้วยความหมั่นไส้

   การขับรถจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ต่างจังหวัดโดยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงมันคุ้มมากในความรู้สึก อย่างน้อยเราก็ได้ทำอะไรหลายอย่างนอกจากการถ่ายรูปที่พี่บอกเตรียมไว้สำหรับพอร์ทโฟลิโอ เพราะตลอดทางเราได้ฟังเพลง ได้แวะกินอาหารข้างทาง ได้ชมบรรยากาศและกลิ่นไอของดิน

   จนรู้สึกเสียดาย หากเวลาจะผ่านไปแล้วย้อนกลับมาไม่ได้อีก

   “เดินไปตรงสะพานเร็ว” เสียงทุ้มบอก

   “แล้วพี่อ่ะ”

   “จะเดินตามตูดถ่ายรูปใครบางคนเนี่ยแหละ”

   “รูปผมก็แน่นห้องแล้วนะ พอเถอะถ่ายอย่างอื่นบ้าง”

   “ให้ถ่ายอะไร”

   “ถ่ายพี่ไง”

   “...”

   “ขอยืมกล้องหน่อยสิ” ผมแบมือพลางกระดิกนิ้วรัว พี่ภูจึงได้แต่ส่ายหน้าไปมา แต่ก็ยอมยื่นกล้องตัวโปรดของเขาให้ผมอยู่ดี

   “จะถ่ายได้เหรอ”

   “ถ่ายได้สิ ผมถ่ายรูปสวยนะ” ไม่พูดเปล่ารีบยกกล้องฟิล์มขึ้นแนบกับดวงตา โฟกัสไปยังคนตรงหน้าก่อนจะกดชัตเตอร์เพียงหนึ่งครั้ง หวังเหลือเกินว่ามันคงเป็นภาพใบหน้าหล่อเหลาที่อมยิ้มให้คนมองหัวใจวายตายในเวลาเดียวกัน

   แต่เพราะเป็นกล้องฟิล์มเราถึงเช็กรูปไม่ได้ ต้องมาลุ้นว่าสุดท้ายภาพจะออกมาสวยอย่างที่ผมหวังไว้หรือเปล่า กระทั่งผมได้เห็นมันจริงๆ หลังจากถูกล้างออกมา

   ภาพของพี่...เบลอ

   เบลอจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย

   แต่เชื่อมั้ย ในความทรงจำของผม ภาพใบหน้าของเขายังคงชัดเจนเสมอ






   “ตัวเล็ก”

   “ครับ”

   “เคยคิดมั้ยว่าอยากมีบ้านแบบไหน”

   “ผมเหรอ ไม่รู้สิผมไม่เคยคิด”

   “แล้วแบบนี้ล่ะ ชอบมั้ย”

   “ชอบครับ”

   ผมตอบพลางก้มหน้ามองคนบนตัก เรากำลังอยู่บนดาดฟ้าของบ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่ง นอนดูดาวไปด้วยกันทั้งที่ต่างคนต่างไม่มีใครรู้ว่าดวงดาวเหล่านั้นเรียกว่าอะไร เรารู้แค่ว่าท้องฟ้ามันสวยงามและสว่างไสวเกินกว่าจะนั่งนับว่ามันมีจำนวนเท่าไหร่

   ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยฝันว่าอยากสร้างบ้านให้ตัวเองในรูปแบบไหน จนกระทั่งวันนี้ที่พี่ถามผม และภาพของบ้านที่มีดาดฟ้าให้เราได้มานอนดูดาวด้วยกันก็ผุดขึ้นมาในหัว คงจะดีถ้าวันหนึ่งผมได้สร้างครอบครัวและสร้างบ้านกับใครสักคน ใครคนนั้น...ผมหวังให้เป็นพี่

   “ถามแบบนี้ทำไม”

   “ก็เผื่ออนาคตไง” พี่ภูขยายความในคำถามของผม

   “คิดว่าจะแต่งงานกับผมเหรอ”

   “แน่นอนสิ เรียนจบก็แต่งเลย”

   “ตลก พี่ยังมีความฝันอีกมากมาย”

   “การแต่งงานก็คือความฝันอีกอย่างหนึ่งของพี่”

“ยี่สิบนิดๆ เองนะ”

“จะเร็วจะช้าไม่ได้อยู่ที่อายุ อยู่ที่ตอนนั้นพี่พร้อมจะใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคนไปตลอดชีวิตหรือเปล่าต่างหาก ไม่จำเป็นต้องมีก่อนแล้วค่อยแต่ง เราสร้างมันไปพร้อมกันได้ เริ่มจากศูนย์ก็ไม่ได้แย่อะไร”

“พี่ภู...”

“รอพี่หน่อยได้มั้ยตัวเล็ก”

“...”

“รอวันที่เราจะได้แต่งงานกัน”

   “ครับ ผมจะรอ...”







   ผมยังคงรอ รอเขาเหมือนเดิมแม้รู้ดีว่ามันไม่มีอะไรเหมือนเดิม ที่ตรงนั้นควรเป็นของผม แต่...

   มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว บ้านของเรา ดวงดาวของเรา ชีวิตของเรา ทุกอย่างที่เคยพูดออกไปไม่มีอะไรเป็น ‘ของเรา’ สุดท้ายก็ต้องก้มหน้ายอมรับความจริงให้ได้ มันจะไม่มีคำว่าเราในชื่อของผมกับพี่ภูอีก จะมีแค่ภูผากับภรรยา และสิงหากับใครอีกคนเท่านั้น

   บางทีความรักมันก็เลวร้ายเกินไปว่ามั้ย เลวที่ทำร้ายเรา

   หรือจริงๆ แล้ว...เราทำร้ายตัวเองกันแน่

จำได้ดีตอนที่ผมต้องการเขา แต่ผมกลับเป็นแค่สิ่งที่เขาไม่ต้องการไม่อยากใส่ใจหรือรับรู้ มันเจ็บปวดแค่ไหน อาจมีบางครั้งที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาของตัวเอง ก็นะ...ที่ผ่านมาไม่เคยจะสมหวัง พอเริ่มหนีออกมาและมีคนเข้ามาในชีวิตผมกลับไม่ต้องการ

ผมเริ่มชินแล้ว เริ่มชินความเป็นอยู่ที่ไม่มีใคร โกหกหลอกลวงตัวเองว่ามีความสุขกับหน้าที่การงานและความก้าวหน้า มีเพื่อนและสังคมใหม่ๆ ทั้งที่ความจริงแล้วมันเป็นแค่ความฝัน อาจจะเจ็บปวดในโลกของความเป็นจริงไปบ้าง

แต่ฝันหวาน...ยังคอยอยู่เสมอในทุกคืน

   “สิงหานั่งตรงนี้ก่อน เดี๋ยวพิธีจะเริ่มแล้ว” เสียงของพี่คินฉุดให้ความทรงจำเก่าๆ ของผมเลือนหายไปฉับพลัน ผลักดันความจริงแสนโหดร้ายกลับมาอีกครั้ง

   ผมจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองยืนอยู่ตรงประตูนานแค่ไหน แต่แล้วเมื่อได้เห็นใบหน้าของพี่...ผมก็ลืมเหตุผลและข้อสงสัยทุกอย่าง ทรุดเข่านั่งลงตรงเก้าอี้ซึ่งจัดเตรียมไว้สำหรับแขก

   พี่ภูในวันนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากหนึ่งเดือนก่อน ตอนเราเจอกันตรงใต้ถุนคณะ หนำซ้ำเขายังหล่อขึ้นด้วยในชุดของเจ้าบ่าว สูทสีเทาสีเดียวกับเนคไทเข้ากับเชิ้ตสีขาวได้อย่างเรียบหรู ทรงผมถูกหวีจนเรียบให้เข้ากับงานพิธี แต่ถึงอย่างนั้นภาพของผมกลับมีเพียงใบหน้าหล่อเหลาซึ่งหัวยุ่งเหยิง และสวมเสื้อผ้าสบายๆ เดินเล่นอยู่ในห้องเหมือนแต่ก่อน

   นั่นแหละภูผา

   เป็นภูผาวัยยี่สิบสามที่หล่อเหลาเหมือนเดิมในความรู้สึก

   ข้างกายของพี่มีผู้หญิงคนหนึ่งเคียงข้าง ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมต้องมางานแต่งงานของพี่ชายที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งเจ้าสาว แต่ไม่เลย...ผมรู้จักเธอ นางแบบที่ชื่อมินตราคนนั้นอยู่ในชุดสีขาวซึ่งประดับประดาไปด้วยลูกไม้เรียบๆ แต่เธอช่างสวยในสายตาของทุกคน งามสง่าคู่ควรกับพี่

   ผมคิดว่าพี่ภูคิดถูกที่อย่างน้อยก็เริ่มต้นชีวิตการแต่งงานกับผู้หญิงที่เพียบพร้อมอย่างเธอ หน้าที่การงาน และหน้าตาทางสังคมทำให้ทั้งคู่ไปได้ไกลจากจุดที่ยืนอยู่ ดีใจ...ดีใจเหลือเกินแม้จะมีความรู้สึกอิจฉาแทรกซึมบนความรู้สึกก็ตาม

   “เหมือนพี่ภูเขายิ้มให้นายนะ” พี่คินกระซิบข้างหู

   ผมจึงได้แต่กะพริบตา จ้องมองคนตัวสูงด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

   ดีใจที่วันนี้ผู้ชายที่รักที่สุดแต่งงานพร้อมสร้างครอบครัวสักที แต่รู้อะไรมั้ย เจ็บกว่าใจที่บอกว่ายังรักพี่อยู่คือรอยยิ้มของพี่เอง เขายิ้มให้ผม...ยิ้มที่เหมือนไม่มีความสุขเอาเสียเลย ยิ้มที่เหมือนกับคนมีความทุกข์และพร้อมจะร้องไห้ตลอดเวลา ภูผาที่หล่อเหลาในวันนี้ทำไมถึงเป็นแบบนั้นกัน

   “เจ้าสาวสวยนะ เป็นรุ่นพี่นางแบบในวงการแต่เสียดายที่ไม่เคยคุยกันสักที” พี่คินยังคงพูดต่อ

   “พี่มินตราน่ะ” ผมตอบ

   “เคยคุยกันมั้ย”

   “ไม่เชิงคุยหรอกครับ” ต้องบอกว่าตอนนั้นเคยมีปัญหากันมากกว่า

   “แต่ก็เหมาะสมกันดี นางแบบกับตากล้อง แถมทางบ้านก็รวยเกื้อกูลกันอีก”

   “ผมก็คิดว่างั้น” ความรักที่มีผลเกื้อกูลในทางธุรกิจมันจะไม่มีความสุขเลยหากแต่งงานเพื่อหวังแค่ผลประโยชน์ แต่ผมเชื่อ...เชื่อว่าพี่ภูก็รักพี่มินตราเหมือนกัน

   ช่วงพิธีสงฆ์เริ่มดำเนินไป ตั้งแต่ทำบุญจนถึงการสู่ขอและนับสินสอด ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองเม้มปากและบีบมือเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ทว่ามันเจ็บไปหมด ความรู้สึกเหมือนมีคนเอามีดมากรีดตรงหัวใจแรงๆ

เรื่องราวระหว่างผมกับพี่มันจางหายไปแล้วจริงๆ

   ยามที่เราไม่เจอกัน ผมรู้แค่ว่าตัวเองยังคงมีความรู้สึกเดิมๆ มอบให้อยู่ แม้จะมีบ้างที่ลดน้อยลงตามกาลเวลา แต่แปลกพอได้มาเจอ มาเห็นหน้า ความรู้สึกที่คิดมาตลอดว่าน้อยลงไปมันกลับเท่าเดิม คือสุดท้ายผมยังไม่สามารถทำใจและลืมผู้ชายคนนี้ลง แม้ชีวิตจะก้าวผ่านอะไรมามากมายแค่ไหนก็ตาม

   ตอนพิธีสวมแหวน

   ผมได้แต่ภาวนา อะไรก็ได้ที่ทำให้งานนี้ถูกยกเลิกไป ผมบอกตัวเองว่าควรทำอะไรสักอย่าง ลุกขึ้นยืน เดินไปหาเขา ความเจ็บปวดทั้งหมดที่เคยได้รับ ผมยกโทษให้ ผมอยากพูดออกไปแบบนั้น แต่ก็ทำได้แค่ปล่อยให้มันเป็นเพียงความคิด

   พี่ภูเงยหน้ามองผม เขามองอย่างนั้นแน่นิ่งจนผมทำอะไรไม่ถูกนอกจากส่งยิ้มแหยๆ กลับไปให้ รู้มั้ยน้ำตามันเหมือนจะไหลไปทุกขณะ แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ อาศัยกะพริบตาถี่เพื่อไล่น้ำตาร้อนออกไป ในใจอยากรู้ว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่ถึงมองผมแบบนั้น รู้สึกผิด อยากขอโทษ หรือพยายามบอกให้รู้ว่าเขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว

   “ทำไมพี่ภูมองแต่นาย” พี่คินเอี้ยวตัวมาประซิบใกล้ๆ

   “ไม่รู้สิ เขาก็ยิ้มให้ทุกคน”

   “ไม่นะ เขายิ้มให้นาย”

   “ชู่ว!!”

   ผมยุติบทสนทนาลง เป็นเวลาเดียวกับที่ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงสวมแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าสาว เสียงปรบมือและแสดงความยินดีเซ็งแซ่ไปพักใหญ่ พี่ยิ้ม...พี่ยิ้มอยู่แบบนั้น






   “อะไรครับ”

   “แหวน หมั้นไว้ก่อน”

   “ดูพูดเข้า ก็เห็นชอบคิดเองเออเองตลอด”

   “แล้วชอบมั้ย”

   “ไม่รู้” ผมยกมือขึ้นจ้องมองแหวนบนนิ้วนาง เป็นแหวนเรียบๆ ซึ่งไม่มีอะไรพิเศษนอกเสียจากชื่อของเราที่ถูกสลักเอาไว้ภายในซึ่งมีเพียงเราเท่านั้นที่รับรู้

   PHUPHA ღ SINGHA

   คนตัวสูงเองก็มีอีกวงอยู่บนนิ้วเช่นกัน มันเหมือนสัญญาใจ เหมือนเครื่องแสดงความรักระหว่างเรา อย่างน้อยก็จดจำไปตลอดว่าครั้งหนึ่งเรารักกันมากแค่ไหน

   “งั้นรู้ไว้ซะว่าพี่ชอบเรามาก”

   “มันต่างกันตรงไหน”

   “...”

   “ผมเองก็ชอบพี่มากเหมือนกัน!”







แต่ในวันนี้...วันที่เขาเลือกสวมแหวนเพชรหลายกะรัตให้กับผู้หญิงอีกคน ร่างกายมันก็เริ่มสั่น ผมจับแหวนบนนิ้วอยู่อย่างนั้น เพราะมันเป็นแหวนจากผู้ชายคนเดียวกันซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าบ่าว

ผมไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการนั่งอยู่เงียบๆ ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยที่ตัวเองรู้สึกเจ็บอยู่ฝ่ายเดียว ก่อนคู่บ่าวสาวจะเข้าพิธีรดน้ำสังข์ตามประเพณี

   พ่อกับแม่ของพี่ยิ้ม ดูพวกเขามีความสุข มันคงจะแตกต่างออกไปหากคนคนนั้นไม่ใช่พี่มินตราแต่เป็นผม อย่างน้อยพ่อของเขาก็คงไม่สามารถยิ้มอย่างจริงใจได้อีก ครอบครัวพี่ภูดูสมบูรณ์แบบ ครั้งนี้มั่นใจว่าพี่คงจะได้รับการยอมรับจากพ่อไม่มากก็น้อย แม่ของเขาก็ดูเป็นห่วง ทางฝั่งเจ้าสาวเองก็สนิทกันค่อนข้างมาก เรียกได้ว่ามันสมบูรณ์แบบจนไม่มีอะไรจะติเลยล่ะ

   งานแต่งของคนตัวสูงผ่านไปด้วยดี ต่างคนต่างแยกย้ายเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานในช่วงเย็นซึ่งผมอาจไม่โผล่ไปที่นั่นอีกแล้ว เพราะเราคงไม่มีโอกาสได้พูดอะไรกัน หรือบางที...เราอาจไม่จำเป็นต้องคุยอะไรกันอีกเลยก็ได้

   ผมถอนหายใจยาวเหยียด เมื่อบรรดาแขกเหรื่อทยอยออกจากงานพร้อมกับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่กำลังเดินตรงไปยังรถยนต์คันหรูซึ่งผูกริบบิ้นสีหวานเอาไว้ ดอกไม้กลีบสวยถูกโรยตามทางเดิน มันช่างเป็นภาพโรแมนติกราวกับความฝัน ทว่าเสียดายเพราะมันเป็นความฝันของพี่กับผู้หญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่ง

   เจ้าสาวก้าวเท้าขึ้นรถ พี่น่ารักมาก...พี่จับมือเธอและดูแลอยู่ไม่ห่างกระทั่งร่างบางเข้าไปนั่งในตัวรถ ส่งยิ้มให้กับคนภายนอกที่มองด้วยความปลื้มปิติ ส่วนเขาก็เอี้ยวตัววิ่งอ้อมมายังอีกฝั่งหนึ่งของรถ ผมรู้สึกคิดผิด...ผิดมากที่ยืนอยู่ตรงนี้ ยืนห่างจากร่างสูงเพียงไม่กี่เซ็นต์

   สายตาที่ผมช้อนมองมันคงสะท้อนอะไรหลายๆ อย่าง ผมยังคิดถึง ผมยังคงชื่นชมในตัวเขาแม้ที่ผ่านมาเรื่องระหว่างเรามันจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่มีเลยวันที่ผมจะลืมผู้ชายชื่อภูผา คนที่ครั้งหนึ่งก็เคยมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้คนตัวเปล่าอย่างผม ความรัก ความหวัง ความเชื่อใจ และการจับมือกัน

   ผมพูดได้เต็มปากว่าเขาคือสิ่งสวยงามในชีวิตของผม และหากย้อนเวลากลับไปได้ ต่อให้รู้ว่าตัวเองต้องเจ็บปวดแค่ไหน ผมก็พร้อมจะย้อนเวลากลับไปเพื่อให้ได้เจอกันเขาอีกครั้ง และ...อีกครั้ง

   “สิงหา” เสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบ ใบหน้าของเขายังคงแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม

   “...”

   ผมไม่ตอบ ไม่ตอบอะไรนอกจากส่งยิ้มกลับ

   ต้องพูดอะไรเหรอ ผมต้องพูดประโยคไหนออกมา ยินดีด้วย หรืออะไรทำนองนั้น

   “ขอบคุณที่มางานแต่งงานของพี่นะ”

   ผมพยักหน้า

   “มากับคินสินะ”

   พยักหน้าอีกครั้ง แม้รู้สึกว่าตัวเองอยากจะร้องไห้มากมายแค่ไหนก็ตาม

“มีความสุขมากๆ นะตัวเล็ก”

   “...”

   “พี่ก็...จะมีความสุขเหมือนกัน”

   ร่างสูงก้าวเท้าขึ้นไปบนรถ ปิดประตูด้วยแรงไม่มากนัก จนกระทั่งรถคันหรูเคลื่อนตัวออกจากรั้วบ้าน แต่กลิ่นของพี่...มันยังลอยวนอยู่ตรงปลายจมูกอยู่เลย

   เนิ่นนานที่ผมยืนอยู่ตรงจุดนั้น ลืมหมดสิ้นแล้วทุกอย่างแม้แต่คำพูดสักคำก็ไม่หลุดออกจากปาก ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมอยากบอกอะไรกับเขา ถ้าเป็นไปได้ก็คงจะบอกว่าขอให้มีความสุขเหมือนกัน แต่ไม่เลย...

   ทันทีที่ผมเริ่มก้าวเท้า

   ทันทีที่ผมเดินออกมารวมถึงน้ำตาที่ไหลหยดเปื้อนแก้มทั้งสองข้าง

   ผมเพิ่งรู้ว่าผมจะบอกอะไรกับเขา...

   ผมยังคิดถึงพี่

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2022 16:34:08 โดย Jittirain12 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jitsupa_milk

  • Just Milky('s) Way
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หน่วงจริงจังมากกก

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
สุดท้ายแล้วก็มีแต่ทางที่ปวดใจสำหรับทุกคน

ออฟไลน์ ssipra

  • นักอ่านมืออาชีพ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ปวดหัวใจ เรื่องจะจบยังไง ขอไม่เศร้าได้ไหม....

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ฮืออออออ

ต่อไปก็รอภูผาหย่า สิงหาถึงจะก้าวเข้าไปชีวิตของถูได้หรอคะ?

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
จบแฮปปี้นะ พลีส

ออฟไลน์ lineprint

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านแล้วหายใจไม่ออก

ออฟไลน์ cross

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เฮ้ออออออออออ มันดีกับทุกฝ่ายจริงๆเหรอ
ทำไมมีแต่แย่ลง ภูแต่งงานอะไรๆจะดีขึ้นเหรอ
สิงหาลึกๆแล้วก็ยังยึดติดอดีตพอๆกะภูผานั่นแหละ

ออฟไลน์ moneza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
หน่วงมากกกก สงสารและเจ็บปวด คำพูดมันคาอยู่ที่ปากแต่ไม่สามารถจะเอ่ยออกมาได้ มันเจ็บนิ่งกว่าการทะเลาะก้น การปล่อยอีกฝ่ายไปโดยที่ความรักทันยังเต็มหัวใจ ทั้งสิงหาและภูผาพยายามเต็มที่แล้วในด้านของตัวเอง แต่บางครั้งโชคชะตาก็มักเล่นตลกกับเราแบบนี้(จิงๆเรื่องนี้โชคชะตา=คนเขียน55555) ยังคาดหวังว่าอีกซักปีหรือสองปีน้องสิงหายังจะไม่มีใคร และพี่ภูผาจะหาย แล้วมินตราจะพาพี่มาเจอน้องพร้อมเล่าความจริง แล้วทั้งคู่ก็รักกัน (งานมโนมาก 555) ขอให้จบแบบแฮปปี้ อยากให้เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าคนป่วยแบบนี้รักษาหายและมีชีวิตที่ดีต่อไปได้ อยากเป็นกำลังใจให้พี่ภูเอาชนะโรคให้ได้ และสมหวังในความรักนะจ้ะ

ออฟไลน์ D-Dream

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
 :m15: :m15: :m15: จะจบยังไงเนี้ย อ่านไปน้ำตาท่วมจอ สงสารทั้งคู่เลย

แต่เอาจริงๆนะแค่หันมาพูดกัน อะไรๆมันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ เฮ้อ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ผมอยากจะร้องไห้อ่ะ โดยเฉพาะฉากสุดท้าย..
เหมือนทั้งสองแค่แสร้งเหมือนมีความสุข ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่

โลกของทั้งสองคนมันพังทลายลงพร้อมๆ กัน ต่างฝ่ายก็ต่างเจ็บปวดลึกๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 843
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
เราร้องไห้เลย

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ่านแล้วหายใจไม่ทั่วท้อง.  รักกันแต่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมคุยกัน. เฮ้อ. หนักใจ. จะลงเอยกันยังไงเนี่ย

ออฟไลน์ GlassesgirL

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1037
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
เศร้า เสียใจ ร้องไห้ตาม :m15:
สงสารทั้งคู่ ยิ่งตอนที่พี่ภูเรียกสิงหาว่าตัวเล็ก แบบน้ำตาไหลเลย  :o12:

 :pig4: :L2:

ออฟไลน์ hikkie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ภูไม่เคยลืม สิงหาก็ยังจำ
สงสารทั้งคู่เลยอ่ะ
แบบนี้จะไปไงต่อละ

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
อยากให้สิงหาทำใจได้ไวๆ และรีบๆมีรักครั้งใหม่จริงๆกับคนอื่นซะที อยากเห็นภูเจ็บปวดกว่านี้ไม่ใช่สิงหาที่จะต้องมาเจ็บ
เพราะเจ็บมาเยอะแล้วเหลือแต่ภูที่สมควรจะได้ชดใช้กรรมเลวๆที่มันทำไว้ซักที

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
อิพี่ภูหนีจากความเจ็บด้วยการแต่งงานแบบนี้มันเหมือนลากเอาคนอื่นมาเจ็บเพิ่มหรือเปล่าเนียะ  :mew5:
แต่คิดไว้เหมือนกันว่าสิงหาต้องยังไม่ลืมพี่ภูแน่ๆ ใช่จริงๆ ตอนนี้คนที่ต้องเจ็บก็เป็นสิงหาอีกรอบ  :mew6:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ Teaw_HC+MJ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทรมานจิตใจคนอ่านยิ่งนักก ฮือออออออ

เหมือนความรักของทั้งสองคน พังลงไปหมด

แบบ แก้อะไรไม่ได้แล้ว แบบนี้

้อยากรู้ ว่าทุกคนจะเป็นไงต่อไป  :hao5:

ออฟไลน์ terui

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :m15: :m15: :m15:
ทำไมมันเป็นแบบนี้ สงสารทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ pipoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
    • https://twitter.com/dokpeepo
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด