◐ เธอที่ร้าย ◑ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◐ เธอที่ร้าย ◑ THE END  (อ่าน 744448 ครั้ง)

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
อยากอ่านแย้ว

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
บีบหัวใจอ่ะเรื่องนี้

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18


ตอนที่ 13


   วันแรกของความฝัน...

   ผมตื่นเช้า เช้ามากๆ ไม่สิผมไม่ได้ตื่นเช้า ผมแค่ไม่ได้นอน ตั้งแต่เมื่อวานหลังจากสิงหากลับไป ผมใช้เวลาในการคุยกับมินตราเกือบค่อนชั่วโมง และหมดไปกับการเก็บบ้านด้วยความขยันขันแข็ง แน่นอนคงไม่มีใครอยากให้คนที่ตัวเองรักเห็นบ้านรกๆ เอาแต่ทำจมูกฟุดฟิดอยู่ตลอดเวลาหรอก

   ผมเตรียมกล้องและเช็ดเลนส์ทุกชิ้น วางมันไว้บนโต๊ะทำงานตัวโปรดของไอ้วัชร เขียนแผนการมากมายลงในกระดาษขนาด A4 โดยคาดหวังว่าจะทำมันออกมาให้ดีที่สุด รูปของสิงหาจะบอกตัวตนทุกอย่างของเขา และความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมีก่อนเดินเข้าครัวเพื่อทำอาหารอยู่สองสามอย่าง

ของที่สิงหาชอบกิน...

   ผมจำได้ จำได้ว่าเขาชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร รู้ดีว่าอนาคตเราอาจไม่ได้เจอกันอีก สิ่งที่ผมร่างไว้ว่าอยากทำมันไปร่วมกับเขาจะค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างทีละอย่างสองอย่างจนกว่าจะครบ น่าเสียดายที่ผมเขียนความต้องการของตัวเองไม่ได้มากเท่าที่ควร เวลามันน้อยลงทุกทีแล้ว...

   กริ๊ง!

   สัญญาณกริ่งหน้าบ้านทำให้ผมรีบละมีดจากการหั่นผักลง ล้างมือให้สะอาดก่อนวิ่งไปยังประตูรั้วซึ่งมีคนรออยู่ก่อนแล้ว ผมส่งยิ้มให้คนตัวเล็กยามเราทั้งคู่มีระยะห่างระหว่างกันเพียงเล็กน้อย เปิดประตูให้เขาเข้ามาในตัวบ้านพลางหาน้ำดื่มในตู้เย็นมาให้

   “ตัวเล็กนั่งรอก่อนนะ”

   “ครับ” เขาตอบเพียงสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเบาหวิวราวกับจะกลืนหายไปในอากาศ

   “นี่น้ำ ถ้าเหงาก็เปิดทีวีก่อน” ผมวางน้ำกับแก้วลงบนโต๊ะ แต่ดูเหมือนเราจะเข้าใจกันผิดเล็กน้อย ร่างบางถึงได้ยื่นมือมารับก่อนที่มันจะวางลงบนโต๊ะกระจก จนมือของเราเผลอสัมผัสกัน

   ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้นนอกจากชักมือกลับอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมองด้วยความสงสัย แต่ก็นั่นแหละมันยังมีหลายอย่างที่ผมอยากให้มันหายไปพร้อมกับตัวเอง บางอย่างที่ไม่อยากให้ใครต้องมารับรู้และสมเพชเวทนา

   “คุณมือเย็น” สิงหาพูด หากแต่คิ้วทั้งสองข้างขมวดเป็นปมแน่น

   “เหรอ พี่ถือน้ำเย็นก็ต้องเย็นสิ”

   “เปล่าหรอก ปกติคุณมืออุ่นกว่านี้แถมมือข้างนั้นคุณถือแค่แก้วน้ำ”

   “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก นี่กะว่าจะทำอาหารเช้าให้กิน เดี๋ยวเรากินข้าวด้วยกันก่อนนะ” ผมเลือกไม่ตอบคำถามและมัดมือชกคนตัวเล็กอย่างเห็นแก่ตัว รู้ดีว่าหากผมไม่เห็นแก่ตัวในวันนี้มันก็คงจะสายเกินไป

   “ผมทานจากข้างนอกมาแล้ว”

   “เหรอ”

   “ยังไงก็รอคุณทานข้าวเช้าก่อนก็ได้ ผมโอเคกับการนั่งดูทีวีอยู่ตรงนี้”

   “แต่นี่มีแกงจืดของสิงหา”

   “ขอโทษจริงๆ ครับ”

   “งั้นตอนบ่ายเราอยากกินอะไรบอกพี่ไว้ก่อนได้นะ ถ้ากลัวไม่อร่อยเราอาจจะออกไปซื้อข้างนอกด้วยกัน”

   “พี่คินจะมารับไปทานข้าวเที่ยงครับ และจะกลับมาร่วมงานต่อ”

   “โอเคเข้าใจแล้ว...”

   เขาปฏิเสธผมทุกทาง มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าผมไม่มัวคิดเล็กคิดน้อยและพยายามตอกย้ำตัวเองในใจตลอดเวลา ชีวิตของผมผิดแผกไปจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิง ค่อยๆ ถูกกลืนกินไปกับโลกมืดทึบของตัวเอง ยังดีที่มีสิงหาเป็นแสงสว่างสุดท้ายในชีวิต เขาเหมือนทางออกที่เหลือเพียงหนทางเดียวของผม หลังจากค้นพบมันก่อนรู้ว่าชีวิตที่เหลืออยู่น้อยลงทุกที ผมก็อยากใช้เวลาเหล่านั้นให้มากที่สุด

   รีบปลีกตัวกลับเข้ามายังห้องครัว เก็บวัตถุดิบในการทำอาหารใส่กลับเข้าไปในตู้เย็น มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นกับการกินข้าวเปล่าเพียงลำพัง ผมไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลว่าเช้าวันต่อมาหรือในมื้อถัดไปจะต้องกินอะไรให้มันยากลำบาก รู้แค่ว่ากินมันเพื่อให้มีชีวิตรอดสำหรับห้าวันที่เหลือก็คงจะดี

จำไม่ได้แล้วว่าตักข้าวเข้าปากไปแล้วกี่คำ ความรู้สึกของเม็ดข้าวที่ขมเฝื่อนส่งผลให้ต้องกลั้นใจกินต่อไปเรื่อยๆ แม้จะต้องนั่งคุดคู้อยู่ตรงซอกมุมหนึ่งของครัวก็ตาม

ไม่รู้สิ! ทำไมผมถึงไม่กล้าออกไปเผชิญหน้ากับร่างบางซึ่งอยู่ข้างนอก ผมรู้สึกละอายใจจนต้องหลบมานั่งอยู่มุมเคาน์เตอร์เพื่อทานข้าวเพียงลำพังอย่างนั้นเหรอ

ผมคงคิดผิด ความจริงแล้วเราไม่สมควรกลับมาเจอกันอีก ผมน่าจะปล่อยให้เขาผ่านไปโดยไม่ต้องเหนี่ยวรั้งหรือทำอะไรเลย ชีวิตคนเราก็แปลก...เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตร่วมกันเพียงระยะเวลาหนึ่ง หลังจากนั้นก็ตายจากกันไป ไม่มีความนิรันดร์อยู่ในนั้น ไม่มีความคงอยู่ซึ่งการคิดถึง และความทรงจำสุดท้ายก็อาจเป็นผมเพียงคนเดียวที่ยังคงจดจำมัน

แต่ทำไมผมถึงโลภอยากให้มีคำว่าตลอดไปในใจของเรากัน

ตลอดไปที่ไม่ใช่อดีตหรืออนาคต แต่เป็นความทรงจำของเราที่อยู่ด้วยกัน...

“คุณภูผาครับ”

“...”

“คุณกินข้าวเสร็จหรือยัง” เสียงหวานเรียก ฉุดให้ผมรีบลุกขึ้นเต็มความสูง เดินปรี่ไปยังซิงก์น้ำก่อนวางจานซึ่งมีข้าวอยู่เกือบครึ่งลง

“อ้อ! พี่กินเสร็จแล้ว ขอโทษด้วยนะที่ช้า”

“ไม่เป็นไรครับ เราคุยเรื่องงานกันเถอะ” สองเท้าก้าวตามกายบางกลับไปยังโซฟาห้องนั่งเล่น เราทิ้งระยะห่างระหว่างกันค่อนข้างมาก ผมนั่งอยู่บนอาร์มแชร์อีกตัวหนึ่งไกลออกไป จ้องมองริมฝีปากบางที่เอาแต่ขบเม้มอยู่แบบนั้น คล้ายกับว่าเขาก็กังวลและอึดอัดไม่ต่างกัน

ผมอยากขอโทษ แม้ช่วงเวลาสุดท้ายที่เราได้อยู่ด้วยกันเขาก็ยังไม่มีความสุข

“เราจะถ่ายแบบในคอนเซ็ปต์อะไรเหรอครับ  คุณน่าจะมีรูปแบบที่แพลนเอาไว้อยู่แล้ว”

“ธีมของมันมีแค่สิงหา”

“...?”

“มันคือความทรงจำ...Memory”

“เมมโมรี่?”

“ตัวเล็กไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น จะไม่มีการจัดแสงหรือเซตฉาก พี่แค่อยากให้เราเดินหรือทำอะไรในบ้านหลังนี้ตามสิ่งที่เราอยากทำ พี่ทำหน้าที่เป็นแค่คนถ่ายภาพ โดยที่เราจะลืมไปเลยก็ได้ว่ามีพี่อยู่ตรงนี้”

มันคงไม่ดีนักหากคนตัวเล็กเอาแต่ห่วงหน้าพะวงหลัง การจินตนาการว่าอยู่ตัวคนเดียวในบ้านหลังหนึ่งให้ความรู้สึกอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก แน่นอนสิงหาเคยผ่านความโดดเดี่ยวนั้นมา ส่วนผมก็กำลังเผชิญกับมันเช่นกัน

ความเหงามันโหดร้ายมาก เมื่อมันฆ่าเราให้ตายทั้งเป็นได้

“ให้ผมทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ”

“ใช่ จะทำอะไรก็ได้”

“ผมเกรงว่ามันอาจกระทบต่อข้าวของบางชิ้นที่เป็นของภรรยาคุณ”

“ไม่มีหรอก เธอไม่ได้เก็บของอะไรไว้ที่นี่ มีแค่ชุดเจ้าบ่าวของผมแขวนอยู่ในตู้ตรงห้องนอนเท่านั้น”

“เธออยู่ที่นี่ทำไมถึงไม่มีข้าวของอะไรเลย” สิงหายังคงสงสัย แต่คำตอบของผมนั้นมันถูกเตรียมเอาไว้แล้ว อย่างน้อยเขาจะไม่มีวันรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อวันสุดท้ายมาถึงเขาจะจดจำได้เพียงว่า ผมเป็นตากล้องคนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว และ...ผมมีความสุขดีเท่านั้น

“มินตราเก็บของออกไปเพื่อให้ง่ายต่อการทำโปรเจ็กต์นี้น่ะ อีกอย่างเธอจะไม่อยู่ที่นี่เกือบสัปดาห์เพราะต้องเดินทางไปถ่ายแบบที่เมืองนอก”

“อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้น...เราเริ่มกันเลยมั้ยครับ”

“ได้สิ มาเริ่มกันเลย”

เก็บความทรงจำอบอุ่นของเรา ดื่มด่ำมันทีละน้อยและก็ปล่อยมันวนเวียนอยู่ในนี้...ในใจของผม

สิงหาเดินไปยังมุมหนังสือซึ่งอยู่ด้านในสุดหลังม่านสตูดิโอขนาดย่อม มือเล็กเอื้อมมือไปบนชั้นพร้อมกับเขย่งปลายเท้าไปด้วย เขาตัวเล็กนิดเดียว แม้จะเอื้อมไม่ถึงแต่ก็พยายาม หนังสือเล่มนั้นเป็นของแดน บราวน์ สิงหาชอบแนวสืบสวนสอบสวน เขาอ่านมันได้ทั้งวันตอนที่เราเริ่มใช้ชีวิตด้วยกันใหม่ๆ

ผมทำได้แค่ถือกล้องถ่ายภาพ เดินตามถ่ายเขาทุกมุม ทุกห้วงอารมณ์ที่อยากเก็บไว้เป็นภาพแห่งความทรงจำ มือที่จับปุ่มลั่นชัตเตอร์นับครั้งไม่ถ้วน ถึงจะพยายามทำให้มันเงียบเชียบแค่ไหนแต่ก็มีเสียงเล็ดลอดออกมาจนได้

สิงหาไม่ได้สนใจตรงจุดนี้ หนังสือเล่มนั้นสำคัญกว่า เขาโฟกัสไปที่มัน ยืนเปิดอ่านอย่างตั้งใจขณะเท้าทั้งสองข้างย่ำเดินไปยังเก้าอี้โยกตัวหนึ่งและทิ้งตัวลงโดยไม่ละสายตาจากตัวหนังสือแม้แต่เสี้ยว

เขาเป็นธรรมชาติมากตอนอยู่ในบ้านหลังนี้ มีบางครั้งเท่านั้นที่ใบหน้าหวานจะเงยขึ้นและสบตากับกล้องสักครั้ง ตอนนั้นมือผมสั่นไปหมด ผมได้สบตากับเขาผ่านเลนส์ราคาแพง พร้อมกับมือที่ยังกดชัตเตอร์เก็บความทรงจำเอาไว้มากมาย

สิ่งที่ผมรู้สึกอยู่ในภาพที่ผมถ่าย เฉกเช่นกล้องถ่ายภาพซึ่งเหมือนดวงตาที่ผมมอง คิดถึงเนาะ...ช่วงเวลาเก่าๆ ที่เคยได้ทำร่วมกันมา มันดีแค่ไหนที่ได้นอนหนุนตักหรือกินข้าวไปด้วยกัน ผมไม่เคยรู้สึกหนาวในวันที่อากาศลดลงเรื่อยๆ มันไม่ได้อุ่นเพราะผ้าห่ม แต่มันอุ่นเพราะอ้อมกอดที่มอบให้กันต่างหาก

“แดน บราวน์ไม่ออกเล่มใหม่มาอีกแล้วเหรอครับ” เจ้าตัวเล็กถาม แต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง

“คงยังหรอก แต่ Inferno จะเข้าฉายในปีหน้า ปี 2016”

“จริงเหรอครับ” ดวงตาใสช้อนมองผม เป็นอีกครั้งเหมือนกันที่ผมเลือกวางกล้องและมองคนตัวเล็กตรงๆ

“เท่าที่ได้ยินข่าวมา”

“ใครเป็นผู้กำกับครับ”

“รอน ฮาวเวิร์ด ส่วนทอม แฮงค์สก็รับเล่นนะ”

“อ่า...ผมชอบทอม”

“พี่รู้”

“คุณอ่านหนังสือเยอะ แถมยังติดตามหนังเกือบทุกเรื่องอีกต่างหาก ปีหน้าผมจะไปดูครับ” เจ้าตัวตอบด้วยรอยยิ้ม

“...”

“แล้วคุณล่ะ คงไม่พลาดใช่มั้ย”

“บางทีพี่อาจเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นหนังที่อยากดูที่สุดเรื่องหนึ่ง” แต่ไม่มีโอกาสได้ดู...

มันนานเกินไป ผมคงอยู่ไม่ถึงวันนั้นหรอก เพราะแน่ใจแล้วว่าคงทนกับความเจ็บปวดที่เป็นอยู่ไม่ไหวขึ้นทุกที ห้าวันมันก็มากเกินพอ ผมมีความสุขแล้ว พอใจที่ได้เจอสิงหาก่อนจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ถึงตอนนั้นผมจะได้ไม่ต้องมานั่งเหลาดินสอ ไม่ต้องกล่าวโทษตัวเอง และไม่ต้องโดดเดี่ยวอีก

“คุณคงอยากไปดูกับภรรยาของคุณ” สิงหาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนขยับริมฝีปากพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“เธอไม่ชอบดูหนัง”

“อ้อ...น่าเสียดายนะครับ แล้วพรุ่งนี้เราจะทำอะไรกันต่อ หรือว่าถ่ายวนอยู่ในบ้านหลังนี้ไปเรื่อยๆ”

“ลืมมันไปก่อน ไม่มีเมื่อวาน ไม่มีพรุ่งนี้ มีแต่ตอนนี้เรากำลังทำอะไร”

“งั้นผมขออ่านหนังสือไปเรื่อยๆ แล้วกัน”

“ตามสบายเถอะ คิดซะว่าบ้านหลังนี้เป็นของเรา ลืมว่ามีพี่อยู่ตรงนี้ซะเราจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด”

ร่างบางพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนหันไปจดจ่อกับหน้ากระดาษถนอมสายตาและอ่านมันอย่างตั้งใจ ผมเก็บภาพช่วงที่เขาอ่านหนังสือได้มากพอสมควร อย่างน้อยก็...หลายร้อยภาพ กระทั่งกายที่นั่งตรงเริ่มเอนอยู่บนเก้าอี้โยกและเผลอหลับคาหนังสือไป

เขาอ่านมันไปได้แค่ 40 กว่าหน้า ผมรู้...เพราะเอาแต่มองอยู่ตลอดเวลา







คนตัวเล็กตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากได้ยินเสียงกริ่งจากหน้าบ้าน ผมไม่อยากให้มันดังเลยแต่ก็นั่นแหละ...ควรยอมรับความจริงได้แล้ว สิงหาออกไปทานอาหารกับรุ่นพี่อย่างคิน เขาดูเข้ากันดี คงไม่เสียใจเท่าไหร่ที่เขาเจอคนที่ดูแลได้ดีกว่าผม ดีกว่าเป็นไหนๆ

ระหว่างรอทั้งคู่กลับ ผมเดินไปยังห้องเก็บของรื้อค้นเอาอุปกรณ์เก่าๆ ซึ่งมีฝุ่นเกาะออกมา ถือมันมาจนถึงประตูบ้านก่อนย่อเข่าลง

ต้องเอากริ่งหน้าบ้านออก

ใช่! ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ งานอดิเรกใหม่ของตากล้องตกงานแถมชีวิตมืดมนคือการปลดของทุกอย่างที่ทำให้รู้สึกแย่ออกให้หมด อีกหน่อยมันคงไม่เหลืออะไรในบ้านหลังนี้อีกแล้วแม้กระทั่งเจ้าของ...

ผมว่าไอ้วัชรคงไม่โกรธเท่าไหร่หรอกที่ผมทำข้าวของมันพัง มันคงเข้าใจ เราอยู่บนความรู้สึกเดียวกันโดยเฝ้าแต่ถามว่าจะทรมานไปเพื่ออะไร หากแต่ความทรมานของผมมันสวยงาม มันมีสิงหาอยู่ในนั้นซึ่งผมคิดว่าแค่นี้ก็คุ้มค่ามากพอที่จะเสี่ยงและมีชีวิตอยู่ต่ออีกสักหน่อย

หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมงสิงหาก็กลับมา เราเริ่มต้นถ่ายภาพตรงสวนหน้าบ้าน ปล่อยให้เขาเดินเท้าเปล่าย่ำไปบนพื้นหญ้า ในมือถือกล้องโพลารอยด์ตัวโปรดของผมเอาไว้ แน่นอนว่าผมไม่ได้หวงของที่ตัวเองรักเท่าไหร่หรอก มันเป็นของสิงหาทั้งหมด เขาสามารถถ่ายภาพเท่าที่อยากถ่าย เพราะยังมีฟิล์มสำรองเอาไว้อีกมากมาย

นึกไม่ออกเลยถ้าเกิดหายไป ของทุกชิ้นมันจะเป็นของใคร หรือบางทีผมควรหาเวลาส่งของรักเหล่านั้นไปให้เพื่อนแต่ละคนด้วยดี

“บ้านหลังนี้ร่มรื่นดีนะครับ” สิงหาเริ่มต้นบทสนทนาระหว่างเราอีกครั้ง

“เจ้าของเดิมปลูกต้นไม้ไว้เยอะ”

“คุณทานข้าวหรือยัง”

“พี่ไม่หิว” ว่าพลางส่ายหน้าไปมา

“ทานข้าวไม่ตรงเวลาแบบนี้บ่อยเหรอครับ”

“ชินแล้ว”

“ดูแลตัวเองบ้างนะ คุณดูโทรมไปเยอะเลย มือก็เย็นเฉียบ ถ้าไม่สบายอย่าลืมไปหาหมอนะครับ” ผมเหมือนกำลังร้องไห้ แต่ผมไม่กล้าแม้จะเอื้อมมือไปปาดน้ำตาที่คลออยู่ออก นอกจากผินตัวไปอีกด้านแล้วเอาแต่กะพริบตาถี่

“ขอบคุณนะ เราก็...ดูแลตัวเองให้ดีๆ พี่อยากเห็นตัวเล็กเป็นคุณครู ได้ทำตามความฝันจริงๆ ของตัวเล็ก แต่ถ้าการแสดงเป็นสิ่งที่ชอบก็ทำมันให้ดีทั้งคู่”

“ผมยังอยากเป็นครูอยู่ครับ”

“เราจะทำมันได้ดี”

“คุณก็ต้องเป็นตากล้องที่ดีเหมือนกัน”

“มีเพียงไม่กี่คนที่ปลอบพี่แบบนี้ หนึ่งคือเพื่อน สองคือมินตรา และสามก็คือเรา แต่งานนี้อาจเป็นงานสุดท้ายที่พี่จะทำแล้ว ดีใจจริงๆ ที่เรารับข้อเสนอ”

“คุณจะไม่ถ่ายภาพแล้วเหรอ” เขาถามเสียงอ่อน เหมือนต้องการคำตอบเป็นนัยๆ

“ไม่ล่ะ พี่จะเดินทาง”

“...”

“อวยพรให้พี่ด้วยนะ”







เราถ่ายภาพอยู่ตรงสวนหน้าบ้านเกือบชั่วโมง แต่ก็ต้องรีบพาเจ้าตัวเล็กเข้ามาเพราะแดดค่อนข้างแรง แม้จะมีร่มไม้คอยกันแสงอยู่บ้างก็ตาม ผิวขาวๆ ของสิงหาไม่สมควรต้องมาโดนอะไรแบบนี้

ผมทำชาง่ายๆ ให้คนตัวเล็กดื่ม ขณะกำลังนั่งดูหนังเก่าๆ ในสต็อก ผมถือกล้องเดินตามคนตัวเล็ก วนไปทั่วบ้านด้วยความสุข มันเหมือนความฝันเลย เราดูเรื่อง About Time ด้วยกัน มันดีเกินคาดจนอยากขอบคุณคนเขียนบทเรื่องนี้ขึ้นมาซะจริงๆ

เมื่อนานมาแล้ว เราต่างมีความฝันว่าอยากมีงานแต่งงานเหมือนในหนัง งานแต่งในวันฝนตก ทุลักทุเลแต่มีความสุขที่ได้จับมือและวิ่งฝ่าฝนไปด้วยกัน มีเพื่อนและพ่อแม่ให้คำอวยพร และเช้าวันต่อมาเราจะกลายเป็นสามีภรรยาที่น่าอิจฉาที่สุดคู่หนึ่ง

ตะวันเริ่มคล้อย ความมืดกำลังปกคลุม อีกไม่นานสิงหาจะกลับไป และวันแรกในความฝันของผมจบลงในเวลาอันรวดเร็ว ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ อยากต่อเวลาไปเรื่อยๆ โดยมีเขาเคียงข้างอีกสักหน่อย นั่นทำให้ผมไม่รอช้าจัดการวางกล้องไว้ตรงจุดเดิมที่มันควรอยู่

ก่อนสาวเท้าขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง หยิบเสื้อตัวหนึ่งที่ตัดสินใจซื้อเมื่อหลายวันก่อน ตอนที่รู้ข่าวว่าจะได้ร่วมงานกับสิงหา ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะตอบตกลงหรือเปล่า ทว่านี่อาจเป็นอีกสิ่งท้ายๆ ที่ผมอยากทำ

“สิงหาพี่ซื้อเสื้อให้เรา อยากให้เราเก็บไว้ตอนที่ไม่เจอกัน” น้ำเสียงที่เปล่งออกไปรู้สึกได้ถึงอาการสั่นแกว่ง

“...”

“ตัวนี้พี่เลือกนานมาก เราเหมาะกับสีชมพู”

“ความจริงไม่ต้องลำบากก็ได้ ผมก็มีเสื้อผ้าอยู่เยอะแยะไปหมด”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่เต็มใจ รับมันไปสิ” มือบางเอื้อมมือมาหยิบเสื้อสีชมพูไป คงจะดีกว่านี้ถ้าผมใส่กล่องและผูกริบบิ้นให้ดีอีกสักหน่อย ก็นะ...ไม่ทันแล้ว

“ขอบคุณครับ”

“ของขวัญเป็นยังไงบ้าง” ถามถึงแมวอเมริกันช็อตแฮร์ตัวอ้วน

“สบายดีครับ ตอนแรกที่พากลับมันก็ดูซึมไปนิดหน่อย แต่ช่วงสองวันให้หลังพี่ผู้จัดการชอบเล่นกับมัน เดี๋ยวนี้วิ่งซุกซนไปทั่วห้องเลย”

“ดีแล้ว ของขวัญมีความสุขซะที”

“คุณอยากเจอมันอีกมั้ย”

“ไม่ล่ะ เรากล่าวลากันแล้ว พี่ไม่อยากเจออีก” กลัวคิดถึง กลัว...สุดท้ายจะทิ้งไปทั้งที่เราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ สัตว์เลี้ยงบางทีมันก็จดจำ ถึงแม้ผมจะเลี้ยงมันได้ไม่ดีก็ตาม

“สิงหา”

“...” ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมา เราสบตากันแน่นิ่ง

“ไปที่คอนโดของเรากันมั้ย บ้านเก่าของเรา”

   “ผม...”

   “พี่เองก็ไม่ได้ไปนานแล้วตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ แต่ตรงนั้นยังเหมือนเดิม มีแม่บ้านทำความสะอาดตลอด ข้าวของหลายอย่างก็ยังคงอยู่ คงจะดี...”

   “ไม่ครับ ผมไม่อยากไป” เขาตอบโดยไม่ปล่อยให้ผมพูดจบประโยคด้วยซ้ำ

   “พี่อยากถ่ายภาพเราที่นั่น อยากเห็นเราในห้องๆ นั้น”

   “...”

   “ถือว่าพี่ขอร้อง”

   “คุณภูผา ผม...”

   “แค่อยากกลับไป ไม่ต้องคิดถึงมันก็ได้อดีตน่ะ ลืมมันไปก็ได้ ให้พี่...ให้พี่คิดถึงมันก็พอ มันอาจเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยากขอ”

   “ถ้าความต้องการของคุณมันอยู่ภายในเงื่อนไขห้าวันล่ะก็ โอเคผมจะไป”
   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2022 16:46:25 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18


ผมขับรถมายังคอนโดที่เคยพักอาศัย เราอยู่ด้วยกันมาเกือบสองปี หมายถึงผมกับสิงหาน่ะ...

   เวลาเดินเร็วเหลือเกินในความรู้สึก แค่กะพริบตาเพียงครั้ง เราก็ผ่านจุดนั้นมานานหลายเดือน ตอนที่อยู่บนรถเราไม่ได้คุยอะไรกันเลย คนตัวเล็กเงียบมาก เขาเอาแต่กำมือของตัวเองไว้แน่นจนผมอยากดึงขึ้นมาจับเหลือเกิน แต่ฝ่ามือของผมในตอนนี้มันไม่อบอุ่นอีกแล้ว ผมรู้ในทันทีว่ากำลังป่วย...ป่วยลงทุกวัน

   สุดท้ายเราก็มาถึงจนได้ ความกดดันในตอนนี้ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ รู้ดีว่าทำให้สิงหารู้สึกทุกข์แทนที่จะมีความสุข แต่ผมก็ยังเห็นแก่ตัว ไม่ได้คาดหวังหรอกว่าภายในห้าวันจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็คือภูผาคนเดิมที่ไม่เคยคิดถึงใคร ยังเป็นคนที่คิดถึงแต่ตัวเองจนวินาทีสุดท้าย

   ก็แค่...อยากกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง วินาทีที่เท้าสองคู่ก้าวเข้าไปอยู่ในลิฟต์ ผมยิ้ม เวลาของผมได้ย้อนกลับไปตอนที่เป็นนิสิตชื่อภูผา และข้างกายของผมก็คือเด็กชายเสื้อสีชมพูที่ชื่อว่าสิงหา

   ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ เรายืนอยู่ข้างกัน ได้ยินเสียงลมหายใจผะแผ่วของกันและกัน ด้วยความที่มีเรื่องอัดอั้นตันใจอยากพูดออกมา ผมจึงไม่รอช้าคว้าโอกาสนั้นไว้ขณะลิฟต์กำลังไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ

   “สิงหา”

   “ครับ” เขาตอบขณะสายตาเอาแต่จ้องมองตัวเลขสีแดงบนปุ่มลิฟต์

   “นอนที่นี่ได้มั้ย”

   “ผมต้องกลับครับ”

   “แค่คืนเดียว ต่อไปเราคงไม่มีโอกาสกลับมาที่นี่อีก”

   “พี่กำลังขอร้องผมอีกแล้ว”

   “นี่อาจเป็นความลำบากใจสุดท้ายที่อยากขอ อีกสี่วันที่เหลือเราจะอยู่ในบ้านหลังนั้น ทานข้าวและ...ตัวเล็กก็กลับไปนอนในที่ของตัวเล็ก แต่ตอนนี้พี่ขอแค่คืนเดียว ไม่ต้องนอนด้วยกันก็ได้”

   “ผมรู้สึกลำบากใจ”

   “พี่...”

   เสี้ยววินาทีผมดึงร่างเล็กเข้าไปกอด มันคงแน่นมากแต่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีขัดขืนหรือเปล่งเสียงร้องคัดค้านใดๆ ออกมา เขาแค่อยู่นิ่งๆ นิ่งจนผมใจหาย

   เมื่อไหร่กันที่ความรู้สึกของสิงหาที่มีต่อผมมันกลายเป็นความเฉยชา...

   “ขอโทษนะสำหรับที่ผ่านมา พี่...ไม่ได้ตั้งใจ”

   “ผมไม่ได้โกรธ”

   “เจ็บมากมั้ย เจ็บมากมั้ยครับ”

   “ผมไม่ได้เจ็บอะไร” น้ำเสียงอู้อี้ตอบกลับมา ใบหน้าหวานซุกลงอยู่ตรงอกของผม ไม่ได้รู้สึกถึงความชื้นหรือสิ่งอื่นใดที่กำลังบอกว่าเขาเสียใจหรือร้องไห้ แต่เป็นผมที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง อ่อนแอจนน่าละอาย

   “พี่กอดเราขนาดนี้ เรารู้สึกอะไรกับพี่บ้างหรือเปล่า”

   สิงหาหมดรักผมไปแล้ว รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ถามออกไปทั้งที่รู้คำตอบดี

   ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเจ็บไปกว่าจุดที่เป็นอยู่อีกแล้ว ผมยังรักเขา...รู้เพียงเท่านี้ แต่อดีตของเราทั้งคู่ก็ขื่นขมเกินไป จนไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าอยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ก็แค่อยากใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตอยู่กับเขาเท่านั้น

“ผมจำได้ว่าพี่เคยบอกให้เชื่อใจในตัวพี่ แต่ตอนนี้คือมันเชื่ออะไรไม่ได้แล้ว”

“...”

“ผมแค่ไม่อยากกลับไปเจ็บอีก”

ติ๊ง!

   ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงจุดหมาย สุดท้ายก็จำต้องผละร่างบางออกจากอ้อมกอดแม้จะไม่อยากปล่อยแค่ไหนก็ตาม เขามองหน้าผมนิ่งขณะที่ตัวเองก็น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด

   ตอนนี้เองที่ผมรู้สึก

   สิงหาใจร้ายเหลือเกิน...

   เราไม่ได้ตกลงกันว่าจะนอนที่นี่ ผมทำหน้าที่แค่เป็นตากล้อง ตามถ่ายภาพไปเรื่อยๆ ทันทีที่คนตัวเล็กก้าวเดินไปทั่วห้อง ไม่ได้มีรอยยิ้มจากใบหน้าหวาน ไม่ได้มีเสียงหัวเราะเหมือนแต่ก่อน เขาแค่เดินไปหยิบของบางอย่างบนชั้นวางด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

   ของๆ เขาเอง

   สิงหาคงทรมานมากกับการต้องกลับมาในที่แห่งนี้ ที่ที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด หัวใจดวงน้อยคงจดจำได้เพียงแค่นั้น ตรงกันข้ามกับผมที่มันเอาแต่จำช่วงเวลาที่เรามีความสุขด้วยกัน ความทรงจำ...เมื่อครั้งยังสวยงาม

   ตอนที่เราเป็นแค่คนคนหนึ่งที่หัวปักหัวปำในความรัก วิ่งกระโจนเข้าใส่โดยไม่นึกถึงอะไร ความเหมาะสม ภาระหน้าที่ ฐานะทางสังคม เราแค่อยากรักเพราะใจมันอยาก ฝ่ากฎทุกอย่างไปด้วยกัน ยอมรับเลยว่าช่วงเวลานั้นมันมีค่าที่สุดตั้งแต่เกิดมา

   ดีใจแล้ว ผมดีใจที่ได้เก็บช่วงเวลาแสนสุขนั้นอีกครั้ง น้อยมากที่คนคนหนึ่งจะได้บันทึกมันเป็นครั้งที่สอง ต่อให้ต้องตกนรกอีกกี่ชาติ ผมก็พอใจที่ได้เกิดมาในชาตินี้และเจอกับเขา

   สิงหานั่งลงตรงโซฟา เขาหยิบของเล่นจุกจิกมาดูจนเผลอหลับไป

   Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

   อาการสั่นครืดของโทรศัพท์เครื่องหรูข้างคนตัวเล็กเร่งให้ผมหยิบมันขึ้นมา ก่อนเปลือกตาของอีกฝ่ายจะเปิดขึ้น กดตัดสายทิ้งอย่างเอาแต่ใจและปิดเครื่องในทันที สิงหาไม่ได้ตกลงที่จะอยู่ในห้องนี้เกินกว่าชั่วโมง เขาไม่ยอม แต่ในเมื่อคนตัวเล็กหลับไปคงไม่ผิดใช่มั้ยที่ผมจะฝ่าฝืนข้อตกลงทั้งหมด

   จัดการโทรหาคินซึ่งเป็นเจ้าของสายก่อนหน้าด้วยตัวเอง บอกข่าวคราวเพียงเล็กน้อยว่าเจ้าตัวเล็กจะไม่กลับไปนอนที่คอนโดคืนนี้ แต่เขาจะอยู่กับผม...เราทำงานกัน

   ผมอุ้มร่างบางที่หลับด้วยท่าทางอ่อนปวกเปียกเข้าไปภายในห้อง วางไว้บนเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบา ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นจ้องมองใบหน้าหวานที่ดูไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมา จังหวะการหายใจของคนตรงหน้าราบเรียบสม่ำเสมอ ผมไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากนั่งมองเขาไปจนถึงเช้า มองอยู่ตรงนี้

   ส่วนพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมัน คุ้มค่าแล้วที่ได้เกิดมา

   “คุณครูครับ ขอบคุณนะครับ”

   อาจไม่มีโอกาสได้เห็นเขาในวันที่ประสบความสำเร็จ แต่เชื่อว่าวันนั้นมันจะสวยงามแม้ไม่มีคนชื่อภูผาอยู่บนโลกใบนี้ก็ตาม

   เหลืออีก 4 วัน เวลาของผมน้อยลงทุกทีแล้ว...

   บางทีการจากลาก็ไม่ได้ทรมานอย่างที่คิด






สิงหา...

   แสงแดดจ้าที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านทำให้ผมลุกงัวเงียขึ้นมาขยี้ตาอยู่หลายครั้ง กวาดตามองไปรอบๆ ก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้ไปไหนไกลเลย ผมยังอยู่ที่เดิม...ห้องของพี่ภู

   จะแตกต่างออกไปก็ตรงที่รอบกายของผมเต็มไปด้วยโพสต์อิตสีเขียวมะนาวแปะไว้อยู่ แปะ...เป็นทางและตามสิ่งของต่างๆ ซึ่งผมคุ้นเคยดี ผมไม่รู้ว่าการกระทำแบบนี้หมายความว่ายังไง แต่ก็รู้ว่าคนทำไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากผู้ชายตัวสูงคนนั้น และเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว

   ผมหย่อนเท้าลงจากเตียงสัมผัสพื้นเย็นเฉียบ ลากเท้าไปตามแผ่นกระดาษที่แปะอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง ตัวหนังสือขยุกขยุยแถมอ่านยากบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนทำอยู่ในสภาวะจิตใจแบบไหน ผมอ่านมันเงียบๆ ไม่ได้ปริปากออกมา แต่จิตใจกลับวูบโหวงอย่างน่าประหลาด

   ‘เมื่อคืนตัวเล็กหลับพี่เลยไม่กล้าปลุก ขอโทษนะ’

   อยากตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร ผมโอเคถ้ามันกลายเป็นแบบนี้ ผมโอเค...

   ก้าวเท้าสั้นๆ อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงกำแพงอีกฟาก มันเป็นทางไปประตูห้องน้ำ แม้จะออกแรงเพื่อผลักมันมากแค่ไหนผมกลับรู้สึกได้ถึงประตูที่หนักมากมายมหาศาล ไม่ใช่เพราะความอ่อนแอใช่มั้ยที่ทำให้ผมกลายเป็นแบบนี้

   บนเคาน์เตอร์ภายในห้องน้ำ มีแปรงสีฟันสีเขียวและสีฟ้าเสียบอยู่ในแก้ว พี่แปะโพสต์อิตไว้ตรงนี้โดยที่ผมไม่รีรอในการอ่านมัน

   ‘แปรงฟันของตัวเล็ก...พี่แค่รอให้ตัวเล็กกลับมา’

   ข้างอ่างอาบน้ำมีกระดาษอีกแผ่นแปะอยู่

‘เราอาบน้ำด้วยกัน ตัวเล็กชอบถูหลังให้พี่’

   ความรู้สึกตอนนี้จะเรียกว่าอะไร ความเจ็บได้มั้ย...เจ็บจนจุก เมื่อครั้งความทรงจำในอดีตไหลย้อนเข้ามา ผมพยายามลืมแล้ว แต่สุดท้ายพอนึกถึงพี่ ทุกอย่างมันก็เปล่าประโยชน์ไปเสียหมด 2 ปีไม่ใช่ช่วงเวลาที่ยาวนานเลย แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงติดอยู่ในใจผมเนิ่นนานจนสลัดไม่ออกกัน

   ขาทั้งสองข้างเริ่มสั่น ผมเดินตามเก็บโพสท์อิตสีเขียวมะนาวไปทั่วห้อง มันอยู่ทุกที่ที่เราใช้ชีวิตร่วมกันแม้กระทั่งบนพื้นกลางห้อง


   ‘เราเคยเต้นรำด้วยกันตรงนี้ในวันวาเลนไทน์’

   แม้แต่ใต้โทรทัศน์ก็มีกล่องใส่ซีดีมากมายวางอยู่ตรงนั้น

   ‘หนังที่ตัวเล็กชอบ’

   มุมห้องติดกับเคาน์เตอร์ครัว

   ‘ของขวัญชอบนอนตรงนี้ มองดูเรานอนหนุนตักกัน’

   โซฟาตัวโปรดระหว่างเราทั้งสองคน

   ‘ของตัวเล็ก’

   ‘ตู้ของตัวเล็ก’

   ‘เตียงของตัวเล็ก’

   ‘เสื้อผ้าของตัวเล็ก’

   ‘รูปภาพของตัวเล็ก’

   ‘ทุกอย่างในห้องนี้เป็นของตัวเล็ก’

ไม่รู้เมื่อไหร่ที่น้ำตาไหลลงมาเกินกว่าจะกลั้นไหว มือของผมสั่นเทา เก็บกระดาษข้อความของพี่ทุกชิ้นไว้ในกำมือ ไม่มีเงาของเจ้าของห้อง แต่มันช่างอบอุ่นยามได้อ่านข้อความของเขาอีกครั้ง เหมือนกับ...ตัวเองได้รับการทะนุถนอมอย่างดีจากผู้ชายคนหนึ่ง

   ผมปาดน้ำตาออกจากแก้มลวกๆ เดินกลับมายังโซฟาของเราอีกครั้ง บนโต๊ะกระจกใสตรงหน้ามีสมุดบันทึกเล็กๆ เป็นสมุดทำมือที่ผมจำได้ดีเพราะเราเคยนั่งทำด้วยกัน แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าพี่ภูจะหยิบมาใช้สักครั้ง

   ต้องทำใจกล้าขนาดไหนกว่าจะเปิดหน้าแรกออกมา มันเป็นรูปของผม รูปของผมตั้งแต่ช่วงเวลาแรกๆ ที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งก่อนเราจะห่างไกลและจากกันไป พี่แปะมันไว้บนหน้ากระดาษ มีข้อความลายมือของเขากำกับอยู่ตรงนั้นทุกช่วงเวลา

   ‘23 มิถุนายน ผมเจอเด็กผู้ชายเสื้อสีชมพูคนหนึ่งที่งานบอล เขามองผม เรามองกัน ผมมองเขาผ่านเลนส์กล้อง ในวินาทีนั้นผมแทบไม่คิดเลยว่าต้องทำอะไรนอกจากกดชัตเตอร์’

   ‘6 สิงหาคม ผมบอกรักคุณ’

‘21 สิงหาคม วันเกิดของคุณเราอยู่ฉลองด้วยกันสองคน ผมจุดเทียนไว้ตรงโต๊ะกินข้าว มีอาหารอยู่สองสามอย่างแต่ก็มีแกงจืดที่คุณชอบ ตอนนั้น...ผมรักคุณมากๆ ผมมองเห็นแค่คุณในดวงตา และช่วงเวลาพิเศษของเราช่างน่าจดจำแม้จะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม’

‘กันยายนทั้งเดือนเราเที่ยวด้วยกัน คุณบอกว่าคุณมีความสุขแต่ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปนอกจากยิ้มให้ วันนี้ผมอยากบอกว่าผมเองก็มีความสุขเหมือนกัน’

   ‘14 ตุลาคม เรามีสมาชิกครอบครัวใหม่อย่างของขวัญ มันคือของขวัญล้ำค่าที่สุดระหว่างเรา ผมคิดว่า...มันโชคดีที่เราก็ได้อยู่ด้วยกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และก็โชคดีเป็นสองเท่าที่สุดท้ายมันก็ได้อยู่กับคุณ

   มือของผมเปิดไปตามหน้ากระดาษ น้ำตามากมายไหลหยดเปื้อนกระดาษสีขาวแต่ผมไม่คิดจะเช็ดมันออก นอกจากอ่านข้อความของเขาเงียบๆ มันว้าเหว่...เจ็บปวด นี่เหรอความเจ็บปวดที่เขาเรียกว่าสวยงาม

   ‘31 ธันวาคม เราเคาต์ดาวน์ด้วยกันตรงระเบียง ผมจูบคุณ นั่นคือจูบที่หวานที่สุดในชีวิต’

   ‘13 เมษายน คุณกลับบ้านแต่ผมนอนเปื่อยอยู่ที่ห้อง เราไม่ได้เล่นสงกรานต์ด้วยกันแต่โคตรมีความสุข เราคุยกันจนถึงเช้า คุณหลับคาโทรศัพท์ขณะที่ผมร้องเรียกชื่อคุณและก็หัวเราะ เรามันเด็กน้อยสิ้นดี’

   ‘ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้...ความสัมพันธ์ของเราจบลงโดยสมบูรณ์เมื่อผมแต่งงาน’
จินตนาการว่าช่วงเวลาเลวร้ายที่หายไปเขาไม่ได้บันทึกมันเอาไว้ รู้สึกว่าดีแล้วที่มันเป็นอย่างนั้น

   ผมเปิดมาถึงหน้าสุดท้าย มันวูบโหวง ทรมาน หายใจไม่ออก ดวงตาของผมพล่าเบลอไปหมดจึงต้องรีบยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกลวกๆ ข้อความหน้าสุดท้ายที่เขาเขียนถึงผม ลายมือนี้มันสั่นไหวพอๆ กับหัวใจ ผมอ่านแทบไม่ออกด้วยซ้ำแต่ก็พยายามแกะมันอย่างตั้งใจ

   ช่วงเวลาที่เขาเขียนคือ 05.36 นาฬิกาของวันนี้...

   สิงหา ถ้าอ่านมาถึงหน้านี้ ทายว่าเราอาจกำลังร้องไห้อยู่ ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ช่วยเช็ดน้ำตา ที่ผ่านมาเราจับมือกระโจนใส่ทั้งความสุขและความเศร้า ถึงแม้จะมีหลายอย่างที่เราต่างไม่อยากจดจำมัน แต่อย่างน้อยมันก็คือช่วงเวลาที่เราผ่านมันมาด้วยกันทั้งคู่ พี่ดีใจที่วันนี้เราได้กลับมาพบกันอีกครั้ง   

   พี่รักตัวเล็กนะ รักมากๆ รัก...พี่บอกได้เต็มปากเลยว่าพี่รัก

   ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกก็ตาม ตัวเล็กต้องเดินไปข้างหน้า ยังมีผู้คนมากมายและอนาคตรออยู่ตรงนั้น พี่มาส่งเราได้ถึงแค่นี้...อีก 4 วันหลังจากนั้นเราอาจไม่ได้เจอกันอีก ดูแลตัวเองดีๆ นะ

   สุดท้ายแล้วที่พี่อยากบอก...

   ขอบคุณช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมา

ขอบคุณที่ทำให้พี่มีความสุข

พี่รักตัวเล็กนะ...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2022 16:47:01 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 o22

คุณพี่กำลังทำอะไร จะหนีหายไปไหนคะ  :z3:

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
ให้ตายสิ จะกลับบ้านละนั่งน้ำตาไหลอยู่ในที่ทำงาน  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
ประเด็นแล้วอินี่จะกลับบ้านได้ยังไง ตาแดงซะ -*- ความเจ็บปวดไม่ใช่สิ่งสวยงามนะ!!!!!

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
มันเป็นความเศร้าที่สมเหตุสมผลนะ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลจากการกระทำนั้น
ถ้าคิดแบบนี้แล้วความเศร้าก็จะกลายเป็นความเข้าใจและสามารถยอมรับได้ในความเป็นไป
หากแม้ทั้งสองจะไม่ได้กลับมาคบกันเราก็เข้าใจดี เพราะหากเป็นเราๆก็คงตัดสินใจแบบนั้น
คือใจแข็งเข้าไว้เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เค้าจะทำเราเจ็บปวดเจียนตายอีก ความรู้สึกความเชื่อใจความไว้ใจ
มันไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ง่ายๆ แล้วยิ่งโดนทำลายมันไปซ้ำๆกับคนเดิมๆ ความยากที่จะสร้างมันขึ้นมา
ยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ สู้ตัดใจยังแล้วเริ่มต้นใหม่กับคนที่เค้าไม่เคยทำร้ายเราจะยังดีซะกว่า

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
หน่วงมาก  เศร้าไปกับเรื่องราวของทั้งสองคน เจ็บช้ำกันทั้งสองฝ่ายเลยจริงๆ

ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
เศร้า เศร้าเหลือเกิน หดหู่หัวใจมากกกกกกกก  :katai1: :m15:


อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว คนเขียนอย่าหายไปนานมากนะคะ

เราจะรอ


ออฟไลน์ PREMIUM_ALMOND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ร้องไห้จนถึงตอนนี้...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
#ร้องไห้หนักมาก
 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ terui

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :o12: :o12:พี่ภูของหนู อ่านแล้วมันหน่วง มันเศร้า มันเหงาจริงๆ

ออฟไลน์ kyungploy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
หดหู่ เศร้าใจ สงสารพี่ภู
โอ้ยยโลกนี้ช่างโหดร้าย T_T

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
 :a5:    มินตราก็มีความสุขไปแล้ว ทำไมไม่ช่วยภูผาเลยในเมื่อยังรู้ว่าภูผารักสิงหา ทำไมไม่บอกให้สิงหารู้

ส่วนสิงหาจะทำยังไงก็ค่อยปล่อยไปสิ  :z3:

ออฟไลน์ cross

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
4 วันที่เหลือขอให้ภูมีความสุข เก็บเกี่ยวคสามทรงจำที่สวยงามไว้ให้ดีๆนะ
ถ้ามันจะจบแบบเศร้าเราเข้าใจ ไม่มีใครทนแบกรับความทุกข์ไว้ได้ตลอด ภูเป็นคนที่ทุกคนหันหลังให้ อยู่กับตัวเองมาตลอด
ส่วนสิงหาเราเข้าใจน้องคนที่เจ็บมาขนาดนั้นไม่มีทางกลับมาเจ็บอีก ขอให้น้องเดินต่อทำความฝันที่น้องอยากทำ ใช้ชีวิตให้มีความสุข

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
คว่ำถ้วยมาม่ารัวๆ

 :katai5:

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
น้ำตาไหลไม่หยุด  :hao5:

พี่ภู ไม่รอแล้วจริงๆหรือวันนี้วันเดียวพี่พอใจแล้วเหรอคะ
สิงหาเสียใจเพราะพี่อีกแล้วนะ พี่ใจร้ายจนวันสุดท้ายเลยเหรอ

ฮือๆๆๆๆ

ออฟไลน์ GlassesgirL

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1037
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
เศร้า ร้องไห้เลย สงสารทั้งคู่ แล้วพี่ภูไปไหน ยังเหลือเวลาอีกตั้งสี่วันเลยนะพี่จะไม่เก็บเกี่ยวความทรงจำสุดท้ายที่มีสิงหาไว้ให้มากกว่านี้หรอ ฮือออออ :m15:
สงสารสิงหา ยังรักพี่ภูอยู่แต่ก็ไม่อยากกลับไปเจ็บอีก สิงหาต้องเข้มแข็งให้มากๆนะ เป็นคุณครูให้ได้ ทำตามความฝันให้ได้นะ *กอด

 :pig4: :L2:

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ยังเหลืออีก4วันคุณพี่ภูหายไปไหน~~~
ชอบอารมณ์พี่ภูช่วงนี้มาก มันหน่วงได้ใจดี ฟินสุดๆ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
กำลังใจจากคนเป็นร้อยเป็นพันก็ไม่เทียบเท่ากับการได้มันมาจากคนเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ 'สิงหา' สินะคะพี่ภู เพราะขนาดว่ามีมินตราเป็นเพื่อนคุยพอที่จะคลายเหงาได้บ้าง ก็ยังเป็นได้แค่ในชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่พี่ภูจะกลับมาเศร้าซึมอย่างเดิม ภาวนาให้มินตราเอะใจอะไรในตัวพี่ภูได้บ้างเถอะนะคะ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป.. :monkeysad:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
อ่านแต่คอมเม้นท์ ยังไม่กล้าอ่านเนื้อเรื่อง  :serius2:
คุณจิตอ่ะ ขอตีที ใจคอจะหม่นหมองจนสุดท้ายจริงๆอ่ะ
อีกสองเรื่องก็เศร้าโคตร ส่วนเรื่องนี้เค้ารักมากนะ
ขอเว้นเรื่องนี้จบแบบ happy ได้ไหม แงๆๆๆๆๆ :katai1:

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
บอกได้คำเดียวค่ะ ว่า "กลัว"
อยากรู้ตอนจบเลย จะได้ไม่เศร้ามากไปกว่านี้  :m15:

ออฟไลน์ helpmeiiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เศร้า สงสารทั้งคู่ TT

ออฟไลน์ kukkikkooka

  • insomnia~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
พี่ภูคงไม่ตามเพื่อนพี่เจ้าของบ้านหลังนั้นไปใช่ไหมคะ  :hao5:

สงสารทั้งคู่เลยยยยยยย รู้สึกเหมือนดดนบีบหัวใจจจจ ฮืออออออ

ออฟไลน์ nice_nice

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
บอกตามตรง เราไม่ชอบนิยายประเภทนี้เลย
มันอึดอัด มันเศร้า  หาความสนุกไม่ได้เลย
แต่เรากับรอคอยนิยายเรื่องนี้ทุกวัน
แล้วทุกครั้ง เราจะเสียน้ำตาให้กับนิยายเรื่องนี้
จนไม่กล้าอ่านในที่ทำงาน หรือในมือถือเวลาอยู่นอกบ้าน
แต่จะแอบอ่านในห้องนอนเงียบๆคนเดียวตลอด
จะผิดมั๊ย ถ้าเราจะบอกว่า เราทั้งชอบและเกลียดนิยายเรื่องนี้เท่าๆกัน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
อ่านจบน้ำตาไหลเลยอ่ะ :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
กระพริบไล่น้ำตา แต่ทำไม่ได้ มันไหลลงมาอยู่ดี
ความพีคมันค่อยๆไต่ระดับจนต้องหยุดอ่านเป็นพักๆ

อยากให้สิงหาสังเกตสักนิด นิดนึงก็ยังดีว่าพี่ภูไม่เหมือนเดิม และกำลังตัดสินใจอะไรแย่ๆอยู่

คาดหวังว่าน้ำตาจะไม่มากไปกว่านี้ แต่ทำไม่ได้
ไหลพรากไปก่อนสิงหาจะตื่นมาเจอโพสอิสอีกกกกก

พี่ภูอย่าคิดสั้นนะ ขอร้อง


ออฟไลน์ Pimjean

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 จะเศร้าไปไหน...เจ็บๆ..ไม่อยากเร่งเลย
..แต่คราวนี้เจ็บมาก..แทบรอไม่ไหวมาต่อเร้วๆนะคะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ว่าจะอดใจไว้อ่านพรุ่งนี้
เพราะรู้ว่าต้องเศร้าแน่ๆ
แต่ก็อดใจไม่ได้ เป็นไงล่ะทีนี้
อ่านไปร้องไห้ไปทั้งตอน
ร้องไห้ก่อนนอน ตาบวมแหงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด