◐ เธอที่ร้าย ◑ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◐ เธอที่ร้าย ◑ THE END  (อ่าน 786789 ครั้ง)

ออฟไลน์ Masochism

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านรวดเดียวมาจนถึงตอนที่ 15 ค่ะ

ในตอนแรกที่ยังไม่รู้สาเหตุว่าทำไม ภูผา ถึงใจร้ายกับ สิงหา ยอมรับว่าไม่ชอบมากเลยค่ะ

แต่พอรู้ว่า ภูผา ป่วยเป็น ไบโพลาร์ บอกเลยว่า ไม่โกรธหรือเกลียด ภูผา เลยค่ะ

ส่วนตัวเราก็มีโอกาสด้วยพูดคุยกับผู้มีอาการทางจิตมาบ้าง

จนเรารู้สึกว่าแบบ ที่จริงเขาไม่ได้ต้องการทำแบบนั้นน่ะ แต่จิตสำนึกหรือความคิดต่างๆของเขามันผิดเพี้ยน บิดเบี้ยวไป

สงสารภูผา และสงสารสิงหาค่ะ ถ้าน้องรู้ความจริงคงจะเสียใจมาก

อ่านแล้วสะเทือนใจมากค่ะ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ยังไม่หยุดร้องไห้เลยค่ะ

คนแต่ง แต่งได้เก่งมากค่ะ สื่อออกมาได้ดีมากจนเห็นภาพและคิดไปตามอารมณ์ของ ภูผา

ถ้าเข้าไปในนิยายได้คงจะเข้าไปกอดภูผาแน่นๆ และบอกให้อดทน มันจะต้องผ่านไปได้



ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
รออ่านตอนหน้า
สงสารภูผา
จะมีโอกาส
ได้เจออีกรอบไหม
สิงหาอยากให้รู้
ความจรืงเป็นสิ่งไม่ตาย
แต่อาจเสียใจตายได้
ถ้ารู้ช้าเกินไป

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พี่ภู :monkeysad:

ออฟไลน์ mochimanja2

  • มึน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่อน๊ารออยู่ อ่านไปร้องไห้ไป สนุกมากๆค่ะ

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ร้องไห้ทุกตอนเลย  :sad4:
รอลุ้นนะคะ จะจบแบบไหน

ออฟไลน์ snoopy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
อ่านรวดเดียวมาจนถึงตอนที่15  ร้องไห้จนตาบวม
สงสารทั้งคู่เลย  เวลามันมีอยู่จำกัดจริงๆ

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
มันก็จริงนะ คนป่วยทางจิต ยิ่งปล่อยให้อยู่คนเดียวยิ่งแย่
และยิ่งพื้นฐานครอบครัวเป็นแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งแย่หนักกว่าเดิมอีก

เฮ้ออออ เศร้า จะตายหรือจะเป็นเจ้าชายนิทราละทีนี้

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ตอนที่ 14

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
เพลงนี้บ่งบอกถึงอารมณ์ตอนนี้ได้ดีเลย

https://youtu.be/nY9sHiZ4bTU (ftp://youtu.be/nY9sHiZ4bTU)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ร้องไห้จนหมดน้ำตาไปเป็นลิตรแล้ว

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หนูมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ รอค่าาาา :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ IsoHeart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตาภูจะรอดมั้ยคะคุณนักเขียน  ฟื้นมาเอ๋อแด๊กก็น่าจะสนุกนะคะ555
สิงหา คัมมอนนน มาดูใจพี่แกหน่อยเร้วววว

ออฟไลน์ Pimjean

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงแล้วค่ะ..แวะมาเยี่ยมเช้าเย็น ยังไม่ได้เจอพี่ภูเลย..ห่วงมาก

ออฟไลน์ Teaw_HC+MJ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
่อยากให้พี่ภูความจำเสื่อมๆไปเลยดีกว่า หรือไม่ ก็หายไปเลย มันอาจฟังดูใจร้าย แต่เราเองคิดว่าถ้าภูกลับไปมีชีวิตอยู่อีก ภูก็ต้องถูกปฏิบัติแบบเดิม ถึงคราวนี้จะมีสิงหาอยู่ด้วย แต่ภูจะขัดพ่อกับแม่เรื่องสิงหาได้จริงๆหรอ ถ้าที่บ้านภูรู้อะไรจะเกิดขึ้น เว้นเสียแต่ภูจะตัดความสัมพันธ์กับที่บ้าน แล้วไปเริ่มใหม่กับสิงหา ซึ่งเราก็ว่า ความเป็นไปได้มีนิดเดียว เพราะที่บ้านภูเอง ก็เป็นคนมีอิทธิพล แถมนั่น ลูกชายคนเดียวอีก คงไม่ยอมหรอก สุดท้าย ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าชีวิตของคนคนหนึ่งจะเลวร้ายได้ขนาดนี้ ภูน่าสงสาร น่าสงสารมากเกินไปจริงๆ

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รอพี่ภูค่ะ  :call: :call:

ออฟไลน์ gimini

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ร้องไห้จนตัวโยนแล้ว สงสารพี่ภู ขอโอกาสให้พี่ภูได้ถูกรักอีกสักครั้งเถอะระ

ออฟไลน์ Kominum

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มารอเรื่องนี้ทุกวันเลย :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ไม่อยากจะคิดเลยว่าฉากหลังจากนี้ พอพาพี่ภูไปโรงบาลแล้ว(แอบหวังว่าพี่ภูจะไม่ตายก่อนไปถึงมือหมอนะ T^T) ถ้าเกิดสิงหาได้ฟังจากหมอเรื่องที่ภูป่วย เนื้อเรื่องจะเป็นยังไง ฉันว่านางต้องร้องไห้แน่ๆ เพราะคนอ่านน้ำตาพรากกันมาหลายตอนแล้ว...

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
กำลังอ่านกระทู้นึงในพันทิป นึกถึงพี่ภูเลย (จริงๆ ก็นึกถึงคนรอบข้างเหมือนกัน)
T_T อยากให้พี่ภูมีชีวิตใหม่จริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Naeon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
อ่านรวดเดียวจบ ค้างอ่ะ มาต่อไวๆนะ สงสารทั้งสองคน ปวดจัย

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18


ตอนที่ 16


   โลกนี้ก็แปลก หมุนไปไม่พอยังค่อยๆ พรากทุกอย่างออกไปจากชีวิตด้วย

   ผมเรียนรู้ที่จะต้องสูญเสียอะไรบางอย่างมาตั้งแต่เกิด พ่อจากไปในเช้าวันเสาร์ เพื่อนมัธยมฯ ที่สนิทหยุดหายใจช่วงดึกของวันอาทิตย์ หรือจะเป็นวันนั้น...เย็นวันอังคารเมื่อสัปดาห์ก่อน วันที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่าชีวิตพร้อมจะสูญเสียสิ่งมีค่าที่สุดไปเสมอ

   ผมก้าวเท้าเข้าไปในลิฟต์ด้วยความรู้สึกหดหู่ปนหน้ามืดเต็มแก่ หลังจากต้องเผชิญกับอาการดังกล่าวมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ความจริงอาจเป็นตั้งแต่วันนั้น วันที่พี่ถูกลากพร้อมกับเตียงฉุกเฉินเข้ามาที่นี่…

   โรงพยาบาล

   แม้ไม่อยากรับรู้อะไรเลยแต่ก็ต้องเผชิญกับมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่รู้สิ แต่เหตุการณ์ในวันนั้นมันทำให้ผมนอนไม่หลับมายาวนานเกือบสัปดาห์ พี่ภู...ฆ่าตัวตาย

   ผมไม่อยากจะคิดแบบนั้น ไม่อยากจะคิดและปักใจเชื่อว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุ ทว่าความจริงที่ได้รับรู้คือพี่กำลังเผชิญกับสภาวะซึมเศร้าจากการบอกเล่าของภรรยาอย่างพี่มินตรา ขวดสีชาหลายขวดในห้อง เศษซากของยานอนหลับเม็ดสีขาวตามพื้น หรือแม้กระทั่งข้อความที่เขาเขียนเอาไว้เกลื่อนกลาดมากมายระบายความเจ็บปวดในชีวิตว่ายังไง

ทำไมถึงไม่รู้ให้เร็วกว่านี้ ทำไมถึงโง่เง่าและมองอะไรไม่ออกมาตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน

   แม้กระทั่งวันที่เขาตัดสินใจจะหายไป เราก็ยังไม่ได้คุยกันอย่างที่ควรจะเป็น ผมเห็นแก่ตัวเกินไปใช่มั้ยครับพี่ ผมยื้อพี่เอาไว้ตรงนี้แล้วรอคอยให้เราได้อยู่ด้วยกันต่อไป มันคือความเห็นแก่ตัวใช่มั้ย?

   ผมกระชับกระเป๋าสะพายเอาไว้แน่น ยืนนิ่งอยู่ภายในลิฟต์ มองดูความสูงที่ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหมายที่ผมมักเดินเข้ามาประจำตลอดสัปดาห์

   ห้อง ICU

   พี่ไม่เคยตื่นขึ้นมาอีกเลย เขาหลับยาวนานตั้งแต่วันนั้น ร่างกายที่ผมได้สัมผัสหลังจากเจ้าตัวประสบอุบัติเหตุไปแล้วเกือบ 24 ชั่วโมงเย็นเฉียบ และสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยที่สุดก็คือผมเป็นคนเกือบสุดท้ายที่ได้รู้ความจริง ทั้งที่อยู่ใกล้มากที่สุดในตอนนั้น ภาพของเขา กล้องของเขา ความทรงจำของเรา มันไม่เคยสำคัญเลยตราบใดที่เจ้าของมันไม่อยู่

   ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หมุนลูกบิดประตูก่อนก้าวเท้าเข้าไปยังภายในห้องแสนเงียบเชียบ ที่นี่มีร่างโปร่งของผู้ชายชื่อภูผานอนอยู่ ร่างกายถูกสายระโยงระยางพันรอบไปหมด เสียงเครื่องติดตามสัญญาณชีพยังคงทำงานต่อไป แต่ไม่รู้ทำไมผมกลับเลือกมองตรงจุดนั้นไม่กะพริบ ได้แต่ภาวนาว่าขอให้มันดังเป็นสัญญาณแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

   หมอบอกว่าพี่อาการหนัก ร่างกายของพี่บอบช้ำจากการถูกกระแทก ที่สำคัญคือสภาพจิตใจและร่างกายของเขาก่อนประสบอุบัติเหตุมันเลวร้ายกว่านั้นมาก เขาไม่มีกำลังใจจะสู้ต่อ แต่เราก็ยังดื้อด้านรั้งเอาไว้อย่างคนเห็นแก่ตัว แน่นอนว่าพี่เจ็บ พี่เจ็บมามากพอแล้ว แต่ผม...

   “สวัสดีตอนสายครับพี่...” ผมพยายามเค้นเสียงออกมาจากลำคออย่างสุดความสามารถ จ้องมองดูใบหน้าซูบซีดของคนไม่ได้สติด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากพูดทักทายเขาในช่วงเวลาที่เช้ากว่านี้ แต่เพราะห้อง ICU ถูกกำหนดให้เข้าเยี่ยมเป็นเวลา ผมจึงทำอย่างนั้นไม่ได้

   “วันนี้ผม...เอาหนังสือของแดน บราวน์มาอ่านให้พี่...ฟัง เมื่อวานเราอ่านถึงไหนกันแล้วนะ” ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงคนป่วย เปิดหนังสือไปยังหน้าที่ถูกคั่นไว้ด้วยที่คั่นหนังสือ แต่มือทั้งสองข้างกลับสั่นเทาอย่างน่าประหลาด ยามจ้องมองริมฝีปากแห้งกรังและบาดแผลที่โผล่พ้นชุดคนไข้ออกมา นั่นยิ่งทำให้พี่ดูอ่อนแอมากกว่าทุกที

   “แต่ก่อนที่จะอ่านผมมีเรื่องอยากเล่าให้พี่ฟัง วันนี้ที่กองถ่ายงานพวกตากล้องถามถึงพี่ ทุกคนคิดถึงพี่ เขาอยากให้พี่สู้ต่อเพื่อจะได้กลับมาทำงานที่รักอีกครั้ง” น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่ สิงหาในตอนนี้ราวกับคนบ้าที่เอาแต่พูดอยู่คนเดียว แต่ก็ยังคาดหวังว่าคนที่เข้าสู่ห้วงนิทราจะได้ยินมัน

   ไม่รู้หรอกว่าในความฝันนั้นจะมีความสุขหรือความเศร้า พี่กำลังยิ้มดีใจหรือร้องไห้ในโลกแห่งนั้น แต่ผมก็อยากให้เขากลับมาไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรก็ตาม ผมจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน

   “พี่เซนมาถึงไทยเมื่อกลางดึก ตอนนี้เขาเป็นเจ็ตแล็กก็เลยยังมาหาพี่ไม่ได้ พี่มินตรากับ...แฟนก็จะตามมาในตอนบ่ายรวมถึงคนในครอบครัวด้วย พี่ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าอยากเห็นว่าทุกคนเป็นห่วงพี่แค่ไหน ผมก็อยากให้พี่ตื่นขึ้นมา” ว่าพลางเลื่อนมือข้างหนึ่งจับมือของคนตัวสูงเอาไว้ บีบและคลายแบบนี้ซ้ำๆ เพื่อให้เขารับรู้

   พูดได้เต็มปากเลยว่าผมไม่สามารถทำงานอย่างมีสมาธิได้ ตราบใดที่เขายังหลับอยู่แบบนี้ ยิ่งนับวันร่างกายก็ยิ่งอ่อนแอ แผลกดทับ อาการบอบช้ำภายในที่ยังไม่ทรงตัว ลมหายใจที่พร้อมจะขาดหายไปในทุกเมื่อมันทำให้รู้สึกกังวล

   กลัว

   กลัวไปสารพัด ที่สำคัญที่สุดคือกลัวว่าเราจะไม่มีโอกาสได้พูดกันแม้แต่คำเดียว

   “ตอนที่เราเลิกรากันไปแล้วพี่แต่งงาน ผมเคยคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีทางมีความสุขแน่เพราะยังยึดติดกับเมื่อวาน ในขณะที่พี่ก้าวต่อไปข้างหน้าไม่หยุด” ภายนอกใครอาจจะเห็นว่าผมมีความสุขดี ผมพร้อมจะเริ่มต้นใหม่ได้ทุกเมื่อ ทั้งที่ความจริงแล้วตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

   สำหรับผู้ชายที่ชื่อภูผา เขาเคยเป็นทุกอย่างในชีวิตของผมและมันยังคงเป็นแบบนั้นตราบจนวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความรู้สึกที่มีต่อเขายังเหมือนเดิม เพียงแต่เวลาเท่านั้นที่ทำให้ดูเปลี่ยนไป เหมือนแก้วที่แตกไปแล้วจะเอามาต่อก็ลำบาก ทว่าจะให้หาใบใหม่ก็คงไม่ชอบเท่าใบเก่า ความผูกพันต่างๆ ระหว่างเรา ยอมลำบากกลับไปต่อมันคงดีกว่าเพราะยังไงมันก็คือใบเดิม

   “ผมไม่ได้อยากเริ่มต้นใหม่ ยังรอคนเดิมกลับมาเริ่มต้นอีกครั้ง”

   “...”

   “เพราะฉะนั้นพี่ตื่นขึ้นมาเถอะนะครับ”

   ผมพูดอ้อนวอนประโยคเดิมซ้ำๆ นับครั้งไม่ถ้วน อ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายเพื่อให้เขาลืมตาขึ้นมา มันเป็นความทรมานแบบไม่มีที่สิ้นสุด ผมรอพี่...รอทั้งที่ไม่รู้เลยว่าพี่จะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ หรือ...ไม่ตื่นเลย แต่ก็ยังมีความหวังว่าวันนั้นจะมาถึง แม้ต้องรอคอยอีกนานแค่ไหนก็ตาม

   ผมเริ่มต้นอ่านหนังสือที่เตรียมมาให้กับเจ้าตัว เราอ่านไปพร้อมๆ กัน และมันจะต้องจบพร้อมกันในสักวันหนึ่ง ถ้าพี่ได้ยินผม...ได้โปรดตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยกัน เพราะผมเหนื่อยแล้ว เหนื่อยที่จะต้องอ่านตัวหนังสือเล็กๆ แสนเลือนรางด้วยน้ำตาเพียงลำพัง

    ถึงมันจะยาก และคนตรงหน้าท้อแท้จนไม่อยากหายใจแค่ไหน

   สุดท้ายผมก็ยังหวังว่าเราจะสู้ต่อไปด้วยกัน

   อีกไม่กี่ชั่วโมงจะหมดเวลาเยี่ยมแล้ว พี่ยังไม่ตื่นขึ้นมา ผมคงต้องกล่าวอำลาประโยคซ้ำๆ เดิมๆ เหมือนทุกวัน

   “พรุ่งนี้”

   “...”

   “เราเจอกันใหม่นะครับ พรุ่งนี้...พี่ต้องรอผมเหมือนทุกวันนะ”

“...”

“รอผม และผมสัญญาว่าจะมา”

ดวงตาทั้งสองข้างทอดมองไปยังจอมอนิเตอร์ที่แสดงการเต้นของหัวใจ ถ้าความหวังของพี่คือการมีชีวิตอยู่เพื่อทำโปรเจ็กต์ความทรงจำจนเสร็จสมบูรณ์ ความหวังสิ่งเดียวของผมในตอนนี้ก็คือการภาวนาให้เครื่องติดตามสัญญาณชีพยังคงทำงานต่อไป

   ผมแค่ไม่อยากให้เขาตาย ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม…




   9 เมษายน

   “ฮึก...ฮึก...” เสียงกลั้นสะอื้นดังเล็ดลอดออกมาจากฝ่ามือซึ่งพยายามประกบปิดริมฝีปากสุดความสามารถ ผมเซไปข้างหลัง เอนตัวพิงกำแพงก่อนทิ้งตัวลงด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากวิ่งมายังห้องผู้ป่วยอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อนาทีก่อน

   ผมได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาล

   พี่หยุดหายใจ...

   วินาทีนั้นในหัวมันว่างเปล่า รู้แค่ว่าต้องทำยังไงก็ได้ให้มาถึงที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่พอมาถึงผมกลับทำได้แค่ร้องไห้อยู่หน้าห้อง แม้จะอยากเข้าไปหาใครอีกคนที่อยู่ภายในแค่ไหนก็ตาม ผมกลัวไปสารพัด กลัวว่าเขาจะจากไปขณะที่เรายังไม่เข้าใจกัน กลัวว่าเขาจะไม่สู้ต่ออีก

   และอีกหลายความคิดซึ่งตีวนอยู่ในหัวจนอยากจะอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

   “สิงหาใจเย็นๆ” พี่คินวิ่งตามขึ้นมา สีหน้าของเขาดูแตกตื่นไม่น้อยไปกว่ากัน

   “พี่ภู...ขะ...เขาหยุด”

   “พอแล้วไม่ต้องพูดแล้ว พี่เขาต้องไม่เป็นไร” มือหนารั้งผมเข้าไปกอด ลูบหลังซ้ำไปซ้ำมาเป็นการปลอบใจ ขณะที่ตัวเองก็แทบควบคุมอาการสะอื้นจนตัวหอบโยนไม่ได้

   อาการของพี่ไม่ดีขึ้นเลย แถมวันนี้มันก็ยิ่งทรุดเข้าไปอีก ในใจมันวูบโหวงเต็มประดาราวกับระแวงอยู่ตลอดว่าจะเสียสิ่งสำคัญในชีวิตไป ไม่มีคืนไหนที่ไม่ฝันร้าย ไม่มีคืนไหนที่ไม่ต้องกอดรูปที่เขาถ่ายและร้องไห้จนหลับไป

   ผมเคยพูดกับเบียร์ เคยบอกกับตัวเองว่าจะไม่ติดอยู่กับอดีตนานๆ อีกแล้ว แต่ความจริงวันนี้บอกได้เป็นอย่างดีว่าผมไม่สามารถทำมันได้ ทุกครั้งที่ท้อ ทุกครั้งที่อยากซบหน้าลงกับฝ่ามือแล้วร้องไห้ออกมาหนักๆ ผมจะนึกถึงประโยคที่เขาพูดในวันแต่งงานของตัวเอง

‘มีความสุขมากๆ นะตัวเล็ก พี่ก็...จะมีความสุขเหมือนกัน’

   ตอนนี้ผมทำแบบนั้นไม่ได้ ตราบใดที่พี่ยังไม่มีความสุข

   แล้วผม...จะหัวเราะอย่างจริงใจได้ยังไงในวันที่ไม่มีคนชื่อภูผาอยู่บนโลกนี้แล้ว ผมไม่เคยเข้มแข็งได้เลย ทุกครั้งที่เราเจอกัน ทุกสิ่งที่เขามองเห็นมันเป็นเพียงกำแพงที่ผมสร้างมันขึ้นมาเพื่อปกปิดความอ่อนแอ หลายเดือนที่ผ่านมาผมอยู่ได้โดยไม่มีพี่ แต่ไม่ได้หมายความว่า...

ผมจะอยู่ได้ตลอดไปโดยไม่มีเขา





   15 เมษายน

สองสัปดาห์แล้วที่ผมต้องเข้าออกโรงพยาบาลราวกับบ้านหลังที่สอง พี่ภูยังอยู่ห้อง ICU เหมือนเดิม เขาไม่ได้ตื่นขึ้นมา เขาไม่เคยลืมตาเลยด้วยซ้ำ 

หลังจากที่หมอช่วยกันปั๊มหัวใจจนคนตัวสูงมีชีวิตรอดอย่างหวุดหวิด ผมก็ระมัดระวังไปซะทุกอย่าง ช่วงนี้ก็เลยต้องรับงานให้น้อยลงเพื่อกลับมาดูแลเขา ผมทิ้งพี่ภูไม่ได้เพราะเขาไม่เหลือใครแล้วจริงๆ

   ครอบครัวของพี่แวะมาเยี่ยมอยู่บ่อยๆ ในช่วงสัปดาห์แรก แต่หลังจากนั้นก็หายไปไม่โผล่มาอีกเลย ผมได้แต่ตั้งคำถามว่าพี่ผิดอะไรทำไมถึงต้องถูกทิ้งให้เจ็บปวดเพียงลำพัง แต่คำตอบที่ได้กลับมีเพียงความว่างเปล่า พ่อ แม่ พี่ชายของพี่ใช้ชีวิตปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   บางทีผมก็ไม่เข้าใจคำว่า ‘ทำใจ’ ของพวกเขาที่เอ่ยออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน และในวินาทีนั้นผมรู้ในทันที...

   พ่อแม่ทุกคนไม่ได้รักลูก

   พี่มินตราบอกความจริงกับผม งานแต่งงานทุกอย่างก็แค่เรื่องหลอกลวง ตอนที่พี่ภูล้ม ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ความจริงของทั้งสองคนถูกเปิดเผย แต่มันอยู่ที่ครอบครัวของทั้งคู่กำลังจัดการปัญหาเรื่องธุรกิจและเงินส่วนแบ่งที่ทำเอาปวดหัวไปตามๆ กัน

   พี่เซนเองก็ต้องกลับไปทำงานที่มิลานต่อ แม้จะไม่อยากทิ้งให้ผมต้องดูแลพี่เพียงลำพังก็ตาม แต่...มันเป็นไปแล้ว หลังจากวันนั้นห้องของพี่ก็ไม่เคยมีใครเข้ามาอีกเลยนอกจากผมและหมอที่คอยดูแลอาการ

   “สวัสดีตอนเย็นครับพี่ ขอโทษที่ไม่ได้มาตอนเช้านะ แต่ว่าวันนี้ติดงานนิดหน่อย” ผมเริ่มกล่าวทักทายคนตัวสูงเหมือนทุกวัน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้และหยิบหนังสือของแดน บราวน์ขึ้นมาอ่าน เราอ่านกันได้วันละแค่ 20 หน้าเท่านั้น เพราะต้องใช้เวลาที่เหลือในการถามสารทุกข์สุขดิบกันต่อ

   รู้มั้ยว่าผมเกลียดการรอคอยที่สุดในชีวิต จำได้ว่าผมเคยรอเขากลับมาตอนที่เรายังคบกันอยู่ นั่นเรียกว่าทรมานมากแล้ว แต่มันเทียบกับความรู้สึกในตอนนี้ไม่ได้เลยเมื่อต้องเผชิญกับมันอีกครั้ง เพราะรู้ดีว่าครั้งแรกถึงเขาจะไม่กลับมาแต่เจ้าตัวก็ยังคงสบายดี แตกต่างจากตอนนี้ที่ไม่ยอมกลับมาคือเขากำลังทรมาน

ผมอยากให้พี่ภูลืมตาขึ้น แม้จะต้องต่อสู้กับความรู้สึกคัดค้านในใจอีกมากมายก็ตาม แน่นอนว่าการต้องลืมตาขึ้นมาเพื่อรับรู้ว่าครอบครัวไม่เคยสนใจใยดีมันเจ็บปวดยังไง แต่ไม่เป็นไรหรอกผมจะอยู่ข้างเขา โยนความทรงจำเลวร้ายในอดีตออกไปและใช้ทุกวันของเราด้วยกัน

   ผมไม่เคยรักใครได้เลย

   ผมไม่เคยรักใครได้นับตั้งแต่เลิกรากับพี่ บางทีก็เหมือนคนโง่งมซะเต็มประดา ถูกใครด่าว่ายังไงก็ช่างผมก็พร้อมจะรับมันทุกรูปแบบ แค่วันนี้เรายังไม่ทิ้งกันและกันไปไหนก็พอ

   “เบียร์ฝากผลไม้มาให้พี่ด้วยนะ แค่ยังเอามาให้ตอนนี้ไม่ได้เท่านั้นเพราะพี่ต้องตื่นขึ้นมาก่อน”

   “...”

   “ชีวิตของผมตอนนี้ก็ดี ซีรีส์ปิดกล้องแล้วล่ะ ผมเลยไม่ต้องเหนื่อยไปทำงานตอนเช้า แถมยังออกมานอนที่บ้านของพี่ได้อีกต่างหาก” หากเขาอยากจะรู้ ผมไม่ได้อยู่คอนโดกับผู้จัดการส่วนตัวและก็พี่คินแล้ว แต่ปลีกตัวออกมาอยู่ลำพังที่บ้านไม้กึ่งสตูดิโอของเขากับพี่วัชรได้เกือบสัปดาห์

   “ผมทำความสะอาดบ้านให้พี่ เก็บภาพวาดทุกใบเอาไว้ในแฟ้ม ดินสอเองก็เหมือนกัน พอแล้ว...ผมไม่อยากให้พี่เหลาดินสออีกแล้ว”

   “...”

   “ต่อไปอยู่กับผมนะครับ ดูแลของขวัญด้วยกัน มันยังคงรอพ่ออยู่ ผมเพิ่งรู้...”

   “...”

   “สิ่งที่พี่เคยทำไม่ดีกับผม พี่ไม่ได้ตั้งใจ”

   ผมยกโทษให้ ทุกอย่าง...ที่เราเคยเจ็บปวดและทรมานกับมัน พี่ป่วยมานานแล้วแต่ผมไม่เคยรู้ พี่ปกปิดทุกคนแล้วแสร้งบอกว่าตัวเองสบายดี ทุกครั้งที่ยิ้ม ทุกครั้งที่มองเห็นจากไกลๆ ผมเพิ่งเข้าใจว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตา

   เวลาหลังจากนั้นหมดไปกับการสวดภาวนาและอธิษฐานขอพร พรุ่งนี้จะต้องดีขึ้น พรุ่งนี้ฟ้าจะสดใสเหมือนที่มันเคยเป็น ผมเชื่อว่าเขาจะไม่จากไปดื้อๆ โดยที่เราไม่ได้กล่าวอำลากันสักคำ

   “หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ”

   “ครับ”

   ผิดมั้ยที่จะบอกว่าผมเกลียดเสียงนี้ที่สุด เสียงของพยาบาลที่เอาแต่บอกว่าหมดเวลาเยี่ยมซ้ำๆ และผมต้องเดินออกจากห้องนี้ไปด้วยความรู้สึกหดหู่เต็มหัวใจ พี่ไม่เหลือใครแล้ว ถ้าผมไปแล้วเขาจะอยู่กับใคร นั่นยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดในอกตีตื้นขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะผม...เพราะผมที่ไม่อยู่กับเขาในวันนั้น เขาถึงต้องฆ่าตัวตาย

   เพราะผม...

“ผมไปก่อนนะครับพี่ คนอื่นจะยังไงก็ช่างไม่ต้องสนใจแล้ว”

   “...”

   “ขอแค่พี่...มีชีวิตอยู่เพื่อผมก็พอ”

   “...”

   “อยู่ให้ผมได้แก้ตัวกับอดีตที่ผ่านมา”

“...”

“พรุ่งนี้เราเจอกันอีกนะครับ”





   22 เมษายน

   “รอก่อนสิงหามึงจะวิ่งอะไรนักหนาวะ”

   “พี่ตื่นแล้ว หมอบอกว่าพี่ภูตื่นแล้ว” เท้าของผมก้าวเข้าไปในลิฟต์  จ้องมองไปยังกระจกซึ่งปรากฏใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เกือบเดือนแล้วที่ต้องเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาล แต่เมื่อเช้ามืดผมกลับได้รับข่าวดีที่สุดของเดือน นั่นคือการได้ยินปลายสายกรอกเสียงว่าพี่ได้สติขึ้นมาแล้ว

   “เออกูรู้ ก็เห็นมึงพูดไม่หยุดตั้งแต่นั่งรถมา” ร่างโปร่งพูดเสียงติดฉุนเล็กน้อย แต่ผมรู้ว่าเบียร์เองก็ดีใจเหมือนกัน

   ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้อง ICU มองผ่านประตูเข้าไปยังเตียงคนไข้ที่มีชื่อของ ‘นายภูผา’ ติดอยู่ ผมไม่ได้หมุนลูกบิดเดินเข้าไปภายในเพราะครอบครัวของพี่กำลังยืนอยู่ตรงนั้น เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่พ่อ แม่ และพี่ชายของเขาโผล่มาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ผมรู้สึกรังเกียจพวกเขาจนออกนอกหน้า

   สายตาที่จ้องมองไป ฝ่ามือที่กำเอาไว้แน่น กำลังบ่งบอกว่าผมเกลียดครอบครัวของคนตัวสูงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเขาไม่เคยดูแล ไม่เคยถามไถ่ถึงพี่ตลอดเวลาที่เผชิญกับความทรมานและกลิ่นยาคละคลุ้งในโรงพยาบาล ต้องอยู่กับเครื่องช่วยหายใจและสายพลาสติกมากมายที่พันอยู่บนร่างกายของเขา เจาะเข้าไปในผิวหนัง พี่เจ็บ แต่พี่ก็ยังสู้ต่อจนได้ลืมตาขึ้นในวันนี้

   แต่พวกเขา...ไม่เคยรับรู้อะไรเลย

   ผมยืนรออยู่หน้าห้องกับเบียร์ราว 15 นาที ทั้งสามคนก็เดินออกมาด้านนอก ผมยกมือไหว้พวกเขาแต่เราไม่ได้พูดคุยกันแม้แต่คำเดียว ทันทีที่คนเหล่านั้นจากไป ผมถึงได้เดินเข้ามาภายในห้อง จ้องมองใบหน้าซูบซีดของพี่ที่ยังคงปรือตาขึ้นมามองแม้จะดูอ่อนล้าก็ตามที

   “สวัสดีครับพี่ภู ผมสิงหา พี่จำได้มั้ย”

   ภายใต้หน้ากากออกซิเจน พี่ยิ้ม...

   หมอบอกว่าเขาไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้ ร่างกายเองเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ก็ยังขยับไม่ได้ ทำได้แค่กะพริบตาและขยับปลายนิ้วในบางครั้งเท่านั้น เชื่อว่าอีกไม่นานพี่จะสามารถขยับร่างกายได้ทุกส่วนและหายเป็นปกติในเร็ววัน

   “เบียร์ซื้อผลไม้มาฝากพี่ด้วย”

   “เออรีบๆ หายนะพี่ภู จะได้ให้สิงหาปอกให้กิน” ร่างโปร่งชิงพูดขึ้นมา ทั้งที่ในมือของเขาไม่มีผลไม้แม้แต่อย่างเดียวเพราะถูกแพทย์สั่งห้าม ดังนั้นถุงแอปเปิ้ลเขียวเลยเป็นหมันอยู่หน้าห้องแทน

   เบียร์มาเยี่ยมคนตัวสูงสักพัก ก่อนจะขอตัวออกไปเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกันสองคน

   “วันนี้ผมเอาหนังสือ Inferno มาอ่านให้พี่ฟังด้วย เราอ่านกันมา 482 หน้าแล้วเผื่อพี่ยังไม่รู้” พูดพลางส่งยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เหวี่ยงกระเป๋าสะพายไว้บนตัก ก่อนจะจับมือแสนเย็นเฉียบของคนป่วยเอาไว้แนบแน่นให้รู้ว่าผมไม่ไปไหน

   ใบหน้าคมยังคงมีบาดแผลสะเก็ดเล็กสะเก็ดน้อยจากการถูกกระจกรถยนต์บาด ซึ่งก็ดีขึ้นมากถ้าเทียบกับวันแรก สภาพร่างกายก็ดูไม่เป็นปัญหานอกจากแขนและขาที่หักแล้วต้องเข้าเฝือก รวมไปถึงอวัยวะภายในที่บอบช้ำก็ค่อยๆ ได้รับการฟื้นฟูตามลำดับ

   “แลงดอนไม่เข้าใจว่าเขาเดินมาถึงจุดนี้ได้ยังไง...” ผมเริ่มต้นอ่านหนังสือ ขณะที่มือข้างหนังยังจับมือพี่เอาไว้ไม่ปล่อย

   และหลังจากนั้นเขาก็เริ่มกระดิกนิ้ว

   ขยับไปมาบนผิวของผมเหมือนต้องการบอกเล่าอะไรสักอย่าง

   “พี่อยากพูดอะไรหรือเปล่าครับ”

   พี่ยังขยับนิ้วไปมา นานเข้าเขาก็เริ่มออกแรงกระชับฝ่ามือของผมมากขึ้น แม้จะรู้สึกถึงความไร้เรี่ยวแรงของเจ้าของฝ่ามือคู่นี้ก็ตาม

   “ฮึก...” เสียงหายใจติดขัดของคนตรงหน้าทำให้ผมตกใจ พี่หายใจดังมาก ดังจนผมต้องลุกจากเก้าอี้เพื่อเรียกหมอ แต่เขากลับจับมือของผมเอาไว้แน่นเท่าที่แรงน้อยนิดยังพอมีเหลือ

   “พี่อยากได้อะไรครับ ขะ...ขอโทษ แต่ผมไม่เข้าใจ” พูดพลางจ้องมองใบหน้าคนป่วยด้วยความรู้สึกหลากหลาย ดวงตาคู่คมเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา พี่กำลังร้องไห้แต่ผมไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

   ไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่เป็นคำตอบสำหรับทุกอย่าง

   “พี่ไม่อยากให้ผมเรียกหมอใช่มั้ยครับ” ผมถาม เจ้าตัวจึงกระชับฝ่ามือแทนคำตอบ ผมเลยต้องนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเดิมหลังจากมั่นใจแล้วว่าอาการของเขาไม่ได้หนักกว่าที่เป็นอยู่

   “พี่เจ็บหรือเปล่า”

   คนตัวสูงไม่ได้กระชับฝ่ามือเหมือนก่อนหน้า แต่เลือกที่จะกะพริบตาแทนคำตอบ

   ใช่! พี่เจ็บ พี่เจ็บมากแต่ผมกลับยื้อพี่เอาไว้ทั้งที่ทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ ขอโทษครับพี่ภู ผมแค่เห็นแก่ตัวอยากให้พี่อยู่ด้วยกันเท่านั้น

   “พี่ทรมานมากใช่มั้ยครับ ผมขอโทษนะ”

   “...”

   “อดทนอีกหน่อย ให้เราได้ผ่านมันไปด้วยกัน” ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย เขาแค่มองหน้าผมนิ่งๆ ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ มันทำให้หัวใจและความหวังแทบปลิดปลิวไปในทันที เขาไม่อยากทน...

   พี่ภูใจร้ายกับผมมาตลอด จนวินาทีนี้เขาก็ยังใจร้าย ผมอยากด่าเขา ตะคอกเขา ทำยังไงก็ได้ให้รู้ตัวสักทีว่าผมก็เจ็บไม่น้อยไปกว่ากัน ยามที่ต้องมาเห็นคนที่รักอยู่ในสภาพแบบนี้ โดนทอดทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวและเจ็บปวด ผมไม่เคยรู้เลยว่าเขาต้องผ่านอะไรมาบ้างก่อนจะมาอยู่ในห้องนี้

   ผมรู้แค่ว่ามันทรมาน ผมจึงอยากชดเชยแต่พี่ไม่เคยยอมรับ

   คนใจร้าย

   “ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร พี่อยากนอนต่อหรือเปล่า”

   เจ้าตัวส่ายหน้า ผมเลยโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง

   “ให้ผมอ่านหนังสือให้ฟังมั้ยครับ อ่านจนกว่าพี่จะหลับไป” ดวงตาทั้งสองข้างปิดลงอย่างเชื่องช้า ก่อนจะลืมขึ้นจ้องมองผมเหมือนเป็นการตอบตกลง ถึงแม้ว่าพี่จะเจ็บ แต่เขาก็ตั้งใจฟังเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ไปเรื่อยๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดเริ่มต้นมันเป็นยังไง หรือบางทีพี่อาจจะอ่านมันจบแล้วก็ได้แต่ก็ยังปล่อยให้ผมเล่าซ้ำต่อไป

   หนังสือเล่มนี้มี 560 หน้า อีกไม่นานมันก็จะจบพร้อมกับอาการของพี่ที่ดีขึ้นตามลำดับ

   เสียงชีพจรที่ดังจากเครื่องไม่ได้ทำให้สมาธิในการฟังเรื่องที่ผมกำลังอ่านของพี่ไขว้เขว คนตัวสูงจ้องมองและบางครั้งก็เผลอยิ้มเล็กน้อยยามที่ผมเริ่มพลิกหน้าใหม่ แปลก...ทั้งที่มันไม่ตลกสักนิดแต่พี่เลือกยิ้มอย่างไม่มีสาเหตุ

   วันนี้เราอ่านไปถึงแค่หน้า 510 เพราะหมดเวลาเยี่ยม พยาบาลเข้ามาฉีดยานอนหลับให้กับพี่ ก่อนจากไปผมยืนอยู่ข้างเตียง ส่งยิ้มไปให้เขาพร้อมกับพูดประโยคเดิมๆ

“พะ...พรุ่งนี้”

“...”

“เราเจอกันใหม่นะครับ”

ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา มีเพียงการหลับตาอย่างเชื่องช้าเป็นคำตอบเท่านั้น พี่สัญญาแล้ว...พรุ่งนี้เราจะต้องตื่นมาพบกัน ก่อนเปลือกตาทั้งสองข้างจะปิดลงพาเขาเข้าสู่ความฝันอีกครั้ง แต่ไม่นานเราจะกลับมาพบกัน ในโลกของความเป็นจริง


อ่านต่อด้านล่างค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2022 17:09:18 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18


30 เมษายน

พี่ป่วย แล้วพี่ก็ยังมาเป็นปอดบวมอีก

หมอเกรงว่าพี่อาจผ่านคืนนี้ไปไม่ได้...

สภาวะแทรกซ้อนทำให้ร่างกายของพี่ภูทรุดโทรมเป็นเท่าตัว ลมหายใจของเขาแผ่วเบาเหมือนจะหยุดชะงัก หมอบอกเราทำได้แค่ภาวนาให้ค่ำคืนนี้ผ่านพ้นไปโดยที่เขาไม่หยุดหายใจเท่านั้น

ทรมานมาก ผมจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองพูดคำว่าทรมานออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ แต่พี่ไม่เคยดีขึ้นเลยเพราะเราต่อสู้ด้วยกันมาเกือบเดือน ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังเข้าขั้นวิกฤตหลังจากทรงตัวมาได้ระยะหนึ่ง ผมนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเดิม เวลาเดิม เปิดหนังสือเล่มเดิมและเริ่มอ่าน

ดูเหมือนพี่จะชอบ Inferno เอามากๆ เพราะไม่มีครั้งไหนที่พี่หลับตาแม้แต่ครั้งเดียว และก็ยิ่งตื่นเต้นทุกครั้งตอนที่ผมเปิดหน้ากระดาษผ่านไปหน้าแล้วหน้าเล่า คิดว่าวันนี้มันคงจบลง...

   “พี่ตื่นเต้นใช่มั้ย เราอ่านเรื่องนี้ด้วยกันใกล้จบแล้วนะ” ผมบอกและคนตัวสูงก็เผยอยิ้มมุมปากผ่านหน้ากากออกซิเจน

   ผมดีใจที่พี่มีความสุข

   นั่งสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนพลิกกระดาษไปยังหน้าสุดท้าย หน้าที่ 560 มันคงจะดีถ้าสายตากวาดเห็นคำว่า THE END เป็นสิ่งแรกของบรรทัดสุดท้าย แต่สิ่งที่ผมพบกลับเป็นจดหมายสีขาวซองหนึ่งซึ่งหล่นร่วงลงบนพื้นในเสี้ยววินาที

   จดหมายหน้าตาแสนคุ้นเคย จ่าหน้าซองถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อภูผา พร้อมกับประทับวันเวลาเมื่อหนึ่งปีก่อน ผมรู้...ผมรู้ว่ามันคืออะไร

   ความทรงจำสีหม่นไหลวนเข้ามาในห้วงความคิด จำได้ดีว่าช่วงเวลาที่ได้เขียนเรามีความสุขกันแค่ไหน และความฝันของเราสวยงามเพียงใด...



31/03/2015
ผมคาดหวังว่าเราจะได้เต้นรำด้วยกัน


   จดหมายของผม ตัวหนังสือของผม น้ำตาเม็ดใสไหลลงมาเปราะเปื้อนกระดาษสีขาวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมจ้องมองไปยังคนป่วยที่สบสายตาพร่ามัวจนมองไม่ชัด ไม่เคยรู้เลยว่าตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมา พี่พยายามฟังเรื่องราวของวรรณกรรมเล่มนี้จนจบเพื่อให้ผมได้พบกับข้อความหน้าสุดท้าย

   ความฝันของเราที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงในคืนนั้น

   “พี่ภู...” น้ำเสียงที่เปล่งออกไปกวัดแกว่งเต็มที

   “...”

   “พี่อยากให้ผมได้อ่านมันอีกครั้งใช่มั้ยครับ” ความเงียบยังปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ผมมองเห็นเพียงเปลือกตาแสนหนักอึ้งของอีกฝ่ายปิดลงเป็นคำตอบ กี่วันแล้ว...กี่วันที่เราเสียเวลาเพื่ออ่านหนังสือมาจนถึงหน้าสุดท้าย ทั้งที่เราย่นเวลาแห่งความสุขให้ถึงก่อนหน้านี้ได้

   “ผมขอโทษ ผะ...ผมขอโทษครับพี่” สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือการจับมือแสนเย็นเฉียบของคนตรงหน้าให้แน่นที่สุด และพูดขอโทษซ้ำๆ ทั้งน้ำตา

   คืนนั้น...ถ้าเราได้เต้นรำด้วยกันสักเพลงพี่อาจไม่เป็นแบบนี้ พี่อาจไม่ต้องทรมานขณะที่ผมพยายามยื้อชีวิตของเขาเอาไว้พร้อมกับความหวังที่ลดน้อยเต็มที เพราะแค่ไม่กี่วินาทีมันก็มีค่าสำหรับเรา

   “ผะ...ผมอยากเต้นรำ พี่เต้นรำกับผมได้หรือเปล่า”

   เรียวนิ้วกระดิกไปมาสองสามครั้งด้วยความอ่อนแรง ผมพยายามคิดว่ามีเพลงไหนที่พี่ชอบที่สุด ความจริงก็นับร้อยเพลงแล้วแต่อารมณ์ของเขาในช่วงเวลาที่แตกต่าง ทว่าหากเป็นเพลงที่เขาชอบจริงๆ ก็คงหนีไม่พ้น All of me ของ John Legend

   ผมไม่รอช้ารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เลือกรายการเพลงด้วยอาการมือติดสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ ผมอยากถามเขา แต่ผมกลัวเวลา...ผมกลัวเวลาบนนาฬิกาข้อมือราวกับมันเป็นสัญญาณระเบิด เพราะฉะนั้นผมจึงไม่ได้ถามและตัดสินใจกดเลือกเพลงด้วยตัวเอง

   แต่พี่นิ่งจนเกินไป ทันทีที่เสียงดนตรีดังขึ้นผะแผ่วในห้องเขากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย ไม่ได้ร้องไห้ ไม่กะพริบตาหรือกระดิกนิ้ว แค่นอนนิ่งๆ และกระตุกเป็นครั้งคราวยามที่อากาศไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายไม่ทันเท่านั้น

   “พี่ไม่ชอบเพลงนี้เหรอครับ”

   คราวนี้คนตัวสูงหลับตา และผมก็ได้รู้ความจริงว่า พี่ไม่ได้อยากเต้นรำในเพลงนี้...

   หมอบอกว่าพี่อาจผ่านคืนนี้ไปไม่ได้ ประโยคเสียดแทงพุ่งกระแทกหัวอย่างจังซ้ำแล้วซ้ำเล่า เวลาของเราที่พยายามยื้อมาตลอดหนึ่งเดือนกำลังสูญเปล่า และผมกำลังสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป แม้แต่ตอนนี้ผมยังไม่สามารถทำให้พี่มีความสุขได้เลย

   เพลงแล้วเพลงเล่าในรายการเพลงถูกเลือก แต่ก็เหมือนคนฟังจะนิ่งเฉยเหมือนพยายามบอกว่ามันยังไม่ใช่ ผมเปิดเพลงที่ห้า หก เจ็ด ไปเรื่อยๆ พี่เริ่มร้องไห้ขณะที่ผมก็มีสภาพไม่ต่างกัน หากฟูมฟายออกมาตอนนี้ได้ผมคงทำไปนานแล้ว

   เพลงถูกหรี่เสียงจนเบา แต่ไม่ได้หมายความว่าห้องผู้ป่วยเงียบสงัดแห่งนี้จะไม่มีใครได้ยิน เพลงที่สิบและสิบเอ็ดก็แล้ว ผ่านพ้นไปตามแรงบีบเค้นหัวใจที่เริ่มหนักหน่วง กระทั่งมาถึงเพลงๆ หนึ่ง เพลงที่ผมเคยร้องกับพี่ตอนที่เราดูหนังเรื่องหนึ่งด้วยกัน

   ผมไม่รู้ว่ามันจะใช่หรือเปล่า แต่ก็คงต้องเสี่ยงดวงเหมือนอย่างเคย
   
   I don’t get many things right the first time…

   คำร้องและท่วงทำนองแรกเปล่งออกมา กายคนป่วยอ่อนปวกเปียกบนเตียงหายใจเฮือกใหญ่ผ่านหน้ากากออกซิเจน ใบหน้าขาวซีดหลับตาพริ้ม แม้น้ำตาจะเปรอะเปื้อนเต็มกรอบหน้าจนเช็ดเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเหือดแห้ง ริมฝีปากแห้งกรังยกยิ้มเพียงเล็กน้อย เพราะรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากลำบากเต็มที
ครั้งหนึ่ง...พี่เคยแข็งแรงกว่านี้ ครั้งหนึ่งรอยยิ้มของเขาสะท้อนความสุขมากมายจากดวงตา ครั้งหนึ่งเขามีความฝันบรรจุเอาไว้อยู่เต็มหัวใจ มีกำลังเรี่ยวแรงยกกล้องตัวหนักและเดินถ่ายภาพได้ทั้งวัน ครั้งหนึ่งในวันนั้นผมอยากให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง เริ่มต้นที่รอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปากก็พอ

   พี่...เลือกเพลงนี้เพื่อเป็นเพลงสำหรับเรา

ผมปล่อยให้เพลงยังคงเล่นต่อไป ก่อนวางโทรศัพท์ไว้ข้างหูคนตัวสูง

   เราหลับตา และจับมือกัน…

   โลกแห่งความฝันหลังหลับตา ผมเห็นผู้ชายชื่อภูผาใส่ทักซิโด้ยืนอยู่ตรงหน้า เราจับมือกัน ส่งยิ้มเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้น เลื่อนปลายเท้าข้างหนึ่งไปข้างหน้า ขณะที่คนตัวสูงเริ่มถอยหลัง

   มือข้างหนึ่งของเขาจับเอวของผม ขณะที่ตัวเองก็วางมืออีกข้างไว้บนไหล่แกร่ง โลกแห่งนี้เต็มไปด้วยกุหลาบสีขาวและกลิ่นที่อบอวลไปด้วยดอกไม้หอมกรุ่น ทุกก้าวที่เราย่ำไปตามท่วงทำนองเพลง ผมเห็นใบหน้าหล่อเหลาฉีกยิ้มเต็มม่านสายตา

   เรามีความสุข

   ได้โปรดอย่าพรากเวลาของเราไป ผมรู้ว่าพี่ยังอยากอยู่ต่อเพื่อให้เราเต้นรำด้วยกันจนจบเพลง

   I love you more than I have ever found a way to say to you
   ผมรักคุณเกินกว่าที่จะหาวิธีมาบรรยายได้

   หากพี่สามารถเปล่งเสียงออกมา เราอาจกำลังร้องเพลงท่อนนี้ไปด้วยกัน แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ในความฝันเราจึงทำได้แค่เต้นรำ ขยับเคลื่อนไปมาบนฟลอร์กว้างพร้อมกับอธิษฐาน...

   ขอให้เพลงนี้จงดำเนินต่อไปไม่จบสิ้น ขับกล่อมเราไม่ให้ตื่นจากฝันหวานในเร็ววัน

   ผมเพิ่งรู้ การหนีความจริงและหลุดเข้ามาอยู่ในความฝันเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมเรียกมันว่าความสุข แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมต้องการให้พี่ไป ตราบใดที่เขายังทิ้งผมอยู่ตรงนี้

   ภูผา...ภูผา...ภูผา...

   เราเคยสัญญาว่าจะแต่งงานกัน

   พี่เคยสัญญาว่าจะเป็นเจ้าบ่าวที่หล่อที่สุดในงาน เคยวาดฝันงานของเราเอาไว้สวยหรู แขกที่เชิญเข้ามาในงาน โต๊ะ เก้าอี้สีขาว เพลงและเสียงเปียโนที่ใช้ขับกล่อม หรือแม้กระทั่งแหวนของเรา ผมอยากมีวันนั้น...

   “หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ”

   แต่แล้วความสุขทุกอย่างกลับดิ่งลงเหว แสงสีขาวดับวูบเหลือเพียงฝ้าเงาของสีเทาเลือนราง ผมลืมตาขึ้นมาขณะที่มือทั้งสองข้างยังกุมมือข้างขวาของพี่เอาไว้ เพลง The Luckiest จบลงเมื่อสิบวินาทีก่อน พร้อมกับท่วงทำนองเพลงใหม่ที่เริ่มต้นขึ้น

   ที่ตรงนี้เราได้เต้นรำด้วยกันเพียงสี่นาที

   สั้นเกินไป...

   “คะ...คุณพยาบาลครับ ขอผม...ขอผมอยู่ต่อจนกว่าจะเช้าได้มั้ยครับ” ผมหันไปถามผู้หญิงชุดขาวที่เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อครู่

   “ขอโทษนะคะ แต่เป็นกฎของโรงพยาบาลและคนไข้ควรได้รับการพักผ่อน”

   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความหวังที่จะอยู่เต้นรำกับเขาทั้งคืนจบลงแต่เพียงเท่านี้ พี่ควรได้พักผ่อนอย่างที่พยาบาลบอก ทว่าทำไมหัวใจของผมกลับวูบโหวง ไม่อยากให้พี่พัก ไม่อยากให้พี่หลับตาเพราะกลัวว่าเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาเพื่อเต้นรำด้วยกันอีก

   “เดี๋ยวดิฉันต้องให้ยานอนหลับคนไข้แล้ว เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้มาเยี่ยมใหม่นะคะ” เข็มฉีดยาปักเข้าบนผิวเนื้อของพี่ ผมไม่รู้ว่าเขารู้สึกเจ็บมากแค่ไหน เพราะเจ้าตัวไม่ได้มีท่าทีตอบสนองต่อสิ่งใดนอกจากจ้องมองใบหน้าของผม

   เราอาจไม่ต้องกล่าวร่ำลาอะไรมาก เนื่องจากวันต่อมาเราก็ต้องเจอกันอีก

   ผมจะพูดแค่สั้นๆ ถึงยังไงเราก็ต้องเจอกัน

   “วันนี้เราได้เต้นรำด้วยกัน ผมมีความสุขมากครับพี่”

   “...”

   “พรุ่งนี้อย่าลืมตื่นมาทักทายกันอีกนะครับ” ความเงียบคือสิ่งแสนเจ็บปวด ดวงตารวดร้าวติดแดงก่ำของคนบนเตียงสะท้อนความรู้สึกมากมายระหว่างเรา เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เรายังมีกันและกัน ขอแค่พรุ่งนี้ได้โปรดตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยเถอะ...

   “พี่สัญญากับผมสิ”

   มือหนาพยายามขยับนิ้วตอบ และผมถือว่านั่นคือคำสัญญาระหว่างเรา

   “พี่มีชีวิตอยู่เพื่อผมได้มั้ย”

   ขอร้องอดทนเพื่อผ่านคืนนี้ไปให้ได้ ขอร้อง อย่าจากกันไปตอนนี้เลย ตอนที่เราต่างกลับมาเริ่มต้นอีกครั้งซึ่งมันสวยงามจนไม่อยากสลัดออก ผมมองฝ่ามือที่กำลังขยับอีกครั้ง ดวงตาเอ่อรื้นด้วยน้ำตากะพริบถี่แทนคำพูดนับล้านที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจ

   จำได้ว่าวันแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาหลังหลับไปยาวนาน คือการยืนกรานจะหายเข้าไปในความฝัน แตกต่างจากวันนี้ สิ่งหนึ่งที่ผมตระหนักได้ก็คือ...   

เขายังไม่อยากตาย

และเราต้องได้อยู่ด้วยกัน





   พี่หลับไปแล้ว

   หลังจากยานอนหลับออกฤทธิ์จนเกินควบคุม ความจริงแล้วผมอยากให้เราอยู่คุยกันไปจนถึงเช้าโดยที่ไม่มีใครชิงหลับไปก่อน แต่มันเป็นไปไม่ได้ดังนั้นผมจึงค่อยๆ ย่างเท้าออกมาจากห้อง ICU พาร่างระโหยโรยแรงปนสะอื้นเข้ามาภายในลิฟต์

   “อึก...ฮึก...ฮืออออออออออออออ”

   ที่ตรงนี้ผมอยู่คนเดียวแล้วจริงๆ เลยไม่อายที่จะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

   ตบตีร่างกายของตัวเองเพื่อระบายความเจ็บปวด ทรมาน ผมทรมาน แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากทิ้งตัวนั่งลงตรงพื้น ปล่อยลิฟต์เคลื่อนลงไปโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก

   ภูผา...

   ชื่อที่ผมจดจำได้ดีตั้งแต่เข้ามาเรียนกรุงเทพฯ เขาเป็นทั้งหมดของผมตั้งแต่วันนั้นจนถึงวินาทีนี้ ตรงนี้ผมเลือกร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ อ่อนแอเกินกว่าจะให้กำลังใจตัวเองไหว

   ผมเกลียดโรคของพี่ เกลียดตัวเอง เกลียดทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตเราพังไม่เป็นท่า

   พี่อยากให้ผมมีความสุข แต่ถ้าไม่มีพี่มันจะเรียกว่าความสุขได้ยังไง

   ผมไม่อยากให้เขาตาย ขอร้อง...ทุกสิ่งที่ผมเคยทำเพื่อคนอื่นตลอดชีวิต จงช่วยให้เขามีชีวิตเพื่อวันต่อไปด้วยเถอะ ช่วยให้เขามีความสุขอย่างที่คนคนหนึ่งควรจะมีสักที ลืมมันทั้งหมด เรื่องราวในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ผมอยู่ได้ทุกแห่งขอแค่ที่แห่งนั้นมีเขายืนเคียงข้างก็พอ

   ภูผา...






   ผมมาโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าแม้จะยังไม่ถึงเวลาเข้าเยี่ยม เมื่อคืนผมแทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำนอกจากนั่งสวดมนต์จนฟ้าสว่าง อาบน้ำแต่งตัวมาที่นี่ด้วยความหวังว่าเราจะได้กล่าวทักทายกันเหมือนเคย

   หมอเรียกผมเข้าไปฟังความคืบหน้าของอาการป่วยเหมือนทุกวัน ความจริงแล้วก็ควรจะชินที่ต้องมานั่งเก้าอี้สีดำซึ่งตรงหน้ามีโต๊ะทำงานและแพทย์เจ้าของไข้ ผมเรียนรู้ที่ต้องอยู่จุดนี้นับเดือนตั้งแต่พี่เข้าโรงพยาบาล แต่วันนี้มันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

   ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ประกอบกับข้อความในชาร์ตขยุกขยุยนั่นยิ่งทำให้ผมกังวลเป็นเท่าทวี

   “วันนี้คุณภูผาเป็นยังไงบ้างครับ” ผมตั้งคำถามเหมือนทุกวัน

   “อืม...” หมอเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมอีกครั้ง

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

   “คนไข้มีภาวะแทรกซ้อนอย่างอาการปอดบวม ทำให้ร่างกายอ่อนแออย่างหนัก ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเขาก็ลดน้อยลงด้วย ดังนั้นหมอเกรงว่า...เราอาจต้องอยู่เป็นกำลังใจให้เขา”

   “เขาผ่านเมื่อคืนมาแล้ว เขาผ่านความยากลำบากเมื่อคืนมาได้มันยังไม่โอเคอีกเหรอครับ”

   “บางทีเขาอาจต้องการกำลังใจจากคุณ”

   ผมไม่เข้าใจคำพูดของหมอ ไม่เคยเข้าใจเลยว่าต้องการสื่ออะไรกันแน่ พี่ภูสู้มาเยอะมาก เขาผ่านเวลาโหดร้ายและช่วงโคม่าเมื่อคืนมาได้สำเร็จ และวันต่อๆ ไปก็เช่นกัน พรุ่งนี้เขาก็ต้องลืมตาขึ้นมาทักทายกับผมอีก มันยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว

   ยอมหมดแล้วทุกอย่าง ต่อให้ไม่ได้ยินเสียงของเขา ไม่สามารถเห็นเขาเดินหรือวิ่งอย่างที่หวังในเร็ววัน ขอแค่...ให้ผมได้มีโอกาสอยู่เคียงข้างกับเขาต่อไปเรื่อยๆ มันก็เกินพอ

   เท้าทั้งสองข้างก้าวเข้ามาในห้อง ผมจ้องมองเตียงสีขาวซึ่งมีใครบางคนนอนอยู่ ผ้าปูผืนยับบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพี่พยายามอย่างมากในการเคลื่อนไหวนิ้วมือ ระยะห่างระหว่างเราใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนร่างกายประชิดกับขอบเตียง

   พี่ยังไม่ตื่น

   สายระโยงระยางมีมากขึ้นกว่าเก่า บางทีก็อยากเกลียดไอ้สายพลาสติกพวกนี้เพราะมันทำให้พี่เจ็บยามที่มันเจาะลงไปบนร่างกายอ่อนแอของเขา แต่ถ้าต้องแลกกับการที่มันช่วยต่อลมหายใจของคนตัวสูงออกไปเรื่อยๆ ผมก็ยินดีให้มันอยู่ตรงนั้น

   “พะ...พี่ครับ” น้ำเสียงสั่นพร่าเปรยออกมาบางเบาจนแทบกระซิบ

   ปกติเวลาเข้ามาเยี่ยมเขาจะตื่นรออยู่ก่อนแล้ว

   แต่วันนี้พี่คงเหนื่อย...พี่คงเหนื่อยจนหลับไปค่อนข้างนานผมเลยต้องเรียก

   เสียงของเครื่องติดตามสัญญาณชีพยังคงดังเป็นสัญญาณปกติ ดังนั้นเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก ร่างกายของเขาแค่อ่อนแอและเป็นปอดบวมนิดหน่อย

   “พี่ภูครับ ผมมาหานะ”

   ผมโน้มหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูคนป่วย กระทั่งเปลือกตาของเขาค่อยๆ ปรือขึ้นมาอย่างยากลำบาก ดีแล้ว...วันนี้เขายังมีลมหายใจ ลืมตาขึ้นมาทักทายกันเหมือนเคย ผมต้องพยายามอย่างหนักไม่ให้ตัวเองร้องไห้หรือหลุดเสียงสะอื้นออกมา ผมจะไม่ร้องร้อง จะไม่ทำให้พี่ลำบากใจอีกต่อไป

   ร่างกายอ่อนปวกเปียกบนเตียงสงบนิ่ง ลมหายใจเรียบเป็นปกติเหมือนไม่มีวี่แววว่าจะเกิดเรื่องรุนแรงขึ้น ริมฝีปากแห้งกรังคลี่ยิ้มมุมปาก ผมจับมือของเขาเอาไว้ บางอย่างมันทำให้กลัวเข็มนาฬิกาและเวลาทุกวินาทีที่เคลื่อนผ่าน

   พ่อ แม่ หรือพี่ชายที่เป็นครอบครัว

   พี่มินตรา เพื่อนทุกคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายที่ชื่อภูผาหล่อหลอมให้พี่เป็นพี่ในวันนี้

   อย่าโกรธเขาแม้เขาจะไม่สนใจใยดี มองมาที่ผมก็พอ ผมจะอยู่กับพี่ตลอดไป

   ผมไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นพูดหรือทำอะไร หนังสือของแดน บราวน์จบลงแล้วดังนั้นผมจึงได้แต่นั่งเก้าอี้ข้างเตียง จับมือเย็นชืดติดผอมจนหนังหุ้มกระดูกไว้ และเอาแต่จ้องหน้าเขา

   ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมพูดกับพี่ภูมานับร้อยนับพันประโยค

   เราได้เต้นรำด้วยกัน หัวเราะ และร้องไห้ไปด้วยกัน กล่าวปลอบใจ หรือแม้กระทั่งปลุกเร้าหัวใจไร้ชีวิตชีวาให้กลับมามีกำลังใจอีกครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยได้ทำเลยตั้งแต่เราเลิกรากันไปนั่นคือการพูดความจริง

   “พี่ครับ...”

   คิดว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่ควรพูดออกมาสักที

   “ผมรักพี่”

   นั่นคือความจริงลึกๆ จากใจของคนที่ชื่อสิงหา พี่ไม่ได้ร้องไห้ ผมเองก็ไม่...แต่เขายิ้ม เขายิ้มบางเบาตรงมุมปาก ยิ้มที่หล่อที่สุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมา

   ดวงตาสองข้างของพี่ค่อยๆ ปิดลง บางทีเขาอาจจะเหนื่อยจนต้องพักผ่อน

   ไม่เป็นไรครับ แต่พรุ่งนี้...

   พี่ต้องตื่นขึ้นมาอีกนะ

   ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด...


‘พี่โชคดีที่สุดแล้วที่ได้เกิดมาเจอตัวเล็ก’


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2022 17:10:02 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17
ติ๊ดดดดดดดดด คือเสียงอะไร!
ฮืออออ เสียงอะไรรรรรรรรรรรรรรรรร
โคตรเจ็บเลย ร้องไห้จนเม้นไม่ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2015 23:48:47 โดย Akikojae »

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
อยากให้พี่ภูไม่ตายนะ แต่พี่ก็ทรมานเหลือเกิน เจ็บปวดทั้งตัวเอง ทั้งสิงหาที่มาเฝ้า
แต่ถ้าพี่ตาย สิงหาก็เสียใจอีก
จะทางไหนก็เศร้า

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ไม่นะ ภูผาต้องตื่นขึ้นมานะ   :z3:  :monkeysad:

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
เอิ่มมมมม  เอาตรงๆก็ปาดน้ำตาจนเจ็บตาไปหมดแล้ว

ไม่มีอะไรจะกล่าวจริงๆ  มันตื้อๆตันๆ :o12:

ออฟไลน์ treerat002

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
กดจิ้มคอมเม้นอยู่นานแต่ก็ลบออก จิ้มใหม่แล้วก็ลบออกอีก เป็นแบบนี้เกือบสิบรอบหลังจากที่อ่านตอนนี้จบ

ชื่นชมสิงหานะ แข็มแข็งมากเลยทีเดียวหลังจากรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว อีกทั้งยังคอยดูแลภูผาไม่ห่างเลย ถ้าเป็นเราคงทนไม่ไหว บีบคั้นหัวใจเกิน ในหัวนี่ถ้าตัวเองเป็นสิงหา ถ้าพี่ตายจริงเราคงอยู่ไม่ได้อ่ะ (อินเวอร์)

รอนิยายเรื่องนี้อยู่ทุกวันค่ะ เข้าใจว่าตอนนี้แต่งอยากมาก แต่คุณก็แต่งออกมาแล้วสื่ออารมณ์ได้ดีจนอิฉันหาผ้ามาซับนำ้ตาซะไม่ทัน

รอคอยต่อไปค่ะ ไม่ว่าผลสุดท้ายจะออกมาเป็นเช่นไร ก็จะรออ่านจนจบ ตอนนี้ได้แค่หวังว่าพี่ภูจะสามารถกลับมามีชีวิตและสามารถกลับมารักสิงหาได้อีกครั้ง แค่นั้นก็พอแล้ว คนอื่นช่างแม่ง โดยเฉพาะพ่อแม่กับพี่ชายของพี่ภู ลากไปทิ้งไกลๆ เลยนะคะ ไม่ชอบเลย

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ nong paggard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ถ้าพี่ภูจะตาย ก็ให้สิงหาตายไปด้วยเถอะค่ะ ไม่ไหวแล้วอ่ะ
ฮืออออออ

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
ร้องไห้แล้วร้องไห้อีก เมษาไม่ได้ร้องคนเดียวนะ บีบคั้นหัวใจมาก พี่อย่าจากไปแบบนี่เลยนะ สงสารเมษา    :m15:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด