◐ เธอที่ร้าย ◑ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◐ เธอที่ร้าย ◑ THE END  (อ่าน 744451 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18


ตอนที่ 18


ผมพยายามค้นหาความหมายของการมีชีวิตอยู่

   พยายามอย่างมากเพื่อจะเข้าใจและเรียนรู้มัน แต่สุดท้ายผมกลับไม่ได้รับคำตอบอย่างที่ควรจะเป็น ชีวิตตอนนี้ว่างเปล่าเกินไป ผมรับรู้ได้แค่ว่าร่างกายทั้งหมดประกอบด้วยอวัยวะ มีเลือดเนื้อ ความรู้สึก แต่ไม่มีความหมาย ไม่มีอะไรเลยตั้งแต่วันที่พี่

...จากไป…

พี่เจ็บ พี่เจ็บผมรู้ แต่ผมก็เจ็บไม่ต่างกัน สามเดือนแล้วที่ผมได้แต่จมจ่อมอยู่กับอดีตที่ไม่มีวันหวนคืน ทุกครั้งที่หลับตาผมจะได้เจอเขา เจอผู้ชายที่ชื่อภูผา นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ว่าทำไมผมถึงไม่อยากตื่นขึ้นมาอีก

“สิงหา ตอนดึกมีปาร์ตี้วันเกิดไอ้พี่คินที่คอนโด เตรียมตัวด้วยนะ” เบียร์ดึงสติที่หลุดลอยไปไกลให้กลับมาอีกครั้ง หลังจากหนึ่งเดือนผ่านพ้นไปผมย้ายออก พี่คินก็ย้ายออกมาอยู่ลำพังเหมือนกัน

“ไม่ไปไม่ได้เหรอ” ผมตอบเสียงอ่อย

“ไม่ได้ดิ งานวันเกิดพี่สนิทมึงนะ”

“โอเค แต่เรายังไม่ได้ซื้อของขวัญเลย”

“ไม่ต้องหรอกน่า พี่คินมันคงไม่อยากได้อะไรหรอกนอกจากขอให้มึงไปงานเลี้ยงก็พอ”

ความจริงถ้าตัดเรื่องพี่ออกไปชีวิตผมก็คงมีความสุขดี มีแม่ที่น่ารัก มีพี่และเพื่อนที่เข้าใจ แต่ความจริงมันเป็นไปไม่ได้เพราะผมไม่สามารถตัดผู้ชายที่ชื่อภูผาออกไปจากใจได้แม้แต่เสี้ยววินาที เขายังอยู่ตรงนี้ ในความรู้สึกเดิมๆ ผมทำความสะอาดบ้านเกือบทุกวัน ปัดกวาด เก็บเตียง ทำทุกอย่างเพื่อรอคอยให้พี่กลับมาแม้ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ก็ตาม

ครอบครัวของพี่ภูไม่ได้พูดถึงพี่มานานแล้ว ผมได้รับคำตอบสุดท้ายจากพวกเขาก่อนเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก แม่ของพี่บอกว่าพี่ภูอยากจะไปเอง เขาอยากไปโดยที่ครอบครัวไม่ได้บังคับ

และในเวลานั้นทุกคนก็เอาแต่คิดแทนผม พวกเขาบอกว่าไม่อยากให้ผมต้องลำบากดูแลพี่ แต่ไม่เคยถามผมสักคำว่าลำบากจริงๆ หรือเปล่า ผมบอกกับเขาว่ามีความสุขดี เราต่างมีความสุขดี ผมพูดประโยคนี้ซ้ำๆ กับแม่ของพี่ พูดประโยคนี้ตอนที่คนตัวสูงไม่อยู่ให้กอดเหมือนเดิม

ทุกอย่างมันสายเกินไป...

“ฟังอยู่หรือเปล่าเนี่ย” เสียงของคนข้างๆ ทำให้ผมเผลอสะดุ้งออกมา

“ฮะ อะไรนะ”

“ไม่ได้ฟังใช่มั้ย”

“ขะ...ขออีกทีนะ”

“เสาร์อาทิตย์นี้ไปต่างจังหวัดกัน ไปประจวบฯ”

“อ่า เอาสิ”

“ให้มันได้อย่างนี้ เอาล่ะแยกเลยแล้วกัน สองทุ่มเจอกันที่คอนโดพี่คินนะ”

“ได้”

“มาให้ตรงเวลาด้วย”

“รู้แล้ว”

“สิงหามึงโอเคใช่มั้ย”

“อื้ม เราโอเค”

“ทุกครั้งที่มึงบอกว่าเข้มแข็ง ทุกครั้งที่มึงบอกกับกูว่าโอเคดี ถึงมึงจะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นแต่ถ้าเจ็บก็บอกกูเถอะ” เบียร์พูดออกมา มันทำให้สองเท้าที่กำลังก้าวย่างไปข้างหน้าหยุดชะงัก

   ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนเคียงข้างไม่ห่าง ส่งยิ้มบางๆ กลับไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ รู้ซึ้งแล้วว่าคำว่าเพื่อนสำคัญแค่ไหนและผมดีใจที่มีเพื่อนอย่างเบียร์

การอยู่ติดกับอดีตมันทรมาน ผมอยากก้าวไปข้างหน้าแต่กลับไม่เคยหลงลืมคนข้างหลัง ทว่าก็ยังมีความหวังว่าท้องฟ้าที่สดใสของผมจะมาถึงในสักวัน และผมต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้แม้จะไม่มีพี่อยู่ตรงนี้แล้วก็ตาม เชื่อสิ สักวันเขาจะกลับมา สักวันเขาจะต้องกลับมาหาคนที่เขาบอกรัก

   ผมไม่รู้เหตุผลอะไรมากนัก ทำไมพี่ถึงตัดสินใจแบบนั้น แถมครอบครัวยังไม่ยอมส่งข่าวคราวหรือบอกกล่าวอะไรอีก แรกๆ ผมกระเสือกกระสนอยากรู้คำตอบ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง ถ้ามันคือความต้องการของพี่ ผมเคารพการตัดสินใจทุกอย่าง เชื่อว่าการที่เขาทำแบบนั้นก็ต้องมีเหตุผล แค่เหตุผลนั้นผมไม่เข้าใจก็เท่านั้นเอง

เราเดินแยกกันตรงระหว่างทางเดินเชื่อมตึก ก่อนผมจะเดินตรงไปยังลานจอดรถซึ่งมีรถโฟล์คสีครีมจอดอยู่ ผมตัดสินใจที่จะซื้อมันมาเพื่อพี่ โดยที่ผมก็ยังรอให้พี่กลับมานั่งข้างๆ

ภูผา...เราเจ็บปวดกันมาเท่าไหร่แล้ว

แค่ต้องเจ็บปวดกับการรอคอยอีกคงไม่เป็นไรใช่มั้ย

   ผมไขกุญแจเข้าไปภายในบ้าน บ้านที่มีแค่ผมกับแมวอเมริกันช็อตแฮร์แค่หนึ่งตัว ทุกวันถ้ามีเวลาผมมักจะใช้จ่ายไปกับการทำความสะอาด ดังนั้นบ้านหลังนี้เลยมีสภาพเหมือนตอนที่คนตัวสูงยังอยู่ไม่มีผิด

   เห็นแบบนี้ก็ทำให้นึกถึงคำพูดหนึ่งของเขาขึ้นมาทันที

   ‘มีความสุขมากๆ นะตัวเล็ก พี่ก็จะมีความสุขเหมือนกัน’

   ทุกครั้งที่ท้อ ทุกครั้งที่อยากซบหน้าลงกับฝ่ามือแล้วร้องไห้ออกมาหนักๆ ผมจะนึกถึงประโยคที่พี่พูด ตอนนี้ผมรู้จักที่จะทำอะไรด้วยตัวเองมากมาย รู้จักยืนด้วยสองขาของตัวเอง ไม่ปล่อยให้พี่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว

   “วันนี้วันเกิดพี่คิน ผมต้องไปที่นั่น...” เท้าสองข้างหยุดยืนอยู่ตรงกำแพงสีขาว ซึ่งถูกปิดด้วยรูปถ่ายจากกล้องฟิล์มฝีมือของคนตัวสูง

   “...”

   “เสียดาย ถ้าพี่อยู่เราคงได้ไปด้วยกัน” กลายเป็นผมที่ชอบพูดอยู่คนเดียว แท้จริงแล้วก็อยากให้ใครคนนั้นได้ยินด้วยต่างหาก

   พี่อยู่ที่ไหน ความคิดถึงของผมส่งไปถึงตรงนั้นมั้ย ยุโรป อเมริกา พี่อยู่ตรงไหนครับ สบายดีมั้ย อ้วนขึ้นหรือผอมลง มีคนดูแลดีหรือเปล่า ผมตั้งคำถามแบบนี้นับร้อยนับพันประโยคตลอดสามเดือนที่ผ่านมา แม้จะไม่มีคำตอบของเขาตอบกลับมาเลยก็ตาม...

   ผมเดินวนไปทั่วห้อง ยืนยิ้มและหัวเราะสลับกันราวกับคนบ้า ความจริงก็แค่รู้สึกมีความสุขที่ได้คุยกับเขา เขาที่อยู่ในความคิดของผมตลอดเวลา และมันก็อบอุ่นทุกครั้งที่นึกถึง

   “ที่จริงผมมีความในใจจะบอก ในอดีตไกลสายไกล ไกลจนพี่คงลืมไปแล้ว พี่เดินเข้ามาทักทายกับผม แนะนำตัวเองด้วยชื่อภูผา ที่นั่นมีคนมากมายแต่ผมกลับมองเห็นพี่แค่คนเดียว ต่อมาผมถามพี่ว่าทำไมพี่ถึงเลือกผม พี่บอกว่าผมไม่เหมือนคนอื่นและก็น่ารักด้วย ตอนนั้นหัวใจมันเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ คำว่าน่ารักของพี่...พี่รู้มั้ยว่ามันทำให้ผมดีใจมากแค่ไหน”

   ผมหยุดพูดไป สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เปล่งเสียงขื่นๆ ออกไปทั้งที่ริมฝีปากสั่นเทาไม่หยุด

“ที่พี่สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้าง ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องโกหก”

ทั้งที่รู้ว่านั่นมันไม่จริง

“ผมไม่อยากให้พี่โกหก กลับมาเถอะนะครับ”

เรายังรักกันอยู่ไม่ใช่เหรอ
   






ปาร์ตี้วันเกิดของพี่คินเต็มไปด้วยความคึกคักจากเพื่อนร่วมวงการและคนสนิท ไฟในห้องถูกหรี่จนเกือบมืดก่อนจะถูกแทนที่ด้วยไฟหลากสีที่สะท้อนไปมาจนทำให้รู้สึกเวียนหัว แน่นอนเครื่องดื่มยอดฮิตของปาร์ตี้วันเกิดล้วนเป็นแอลกอฮอล์ ดังนั้นหลายคนจึงไม่พลาดถือแก้วเต้นไปทั่วห้องตามจังหวะเพลงหนักๆ

“สุขสันต์วันเกิดครับพี่คิน” ว่าพลางยื่นการ์ดอวยพรให้กับคนตัวสูง เขารับมันไปทั้งรอยยิ้มและตอบกลับมา

“ขอบคุณมากนะ”

“ขอโทษด้วยที่ผมไม่ได้ซื้อของขวัญมาให้”

“ไม่เป็นไร แค่มางานเลี้ยงฉลองก็ดีใจแล้ว”

“เอ่อ...แล้วเบียร์มาหรือยังครับ”

“ถึงเมื่อสิบนาทีก่อนแล้ว นั่งอยู่ตรงโซฟามุมโน่น” เรียวนิ้วชี้ไปยังมุมหนึ่งของห้องที่ซึ่งแสงไฟเข้าไม่ถึงเท่าไหร่นัก

“งั้นผมไปหาเบียร์ก่อนนะ”

“ได้”

เท่าที่ถามดูเบียร์มาก่อนประมาณสิบนาที ผมเดินตรงดิ่งไปหาเขา เรานั่งแยกจากคนอื่นเพราะไม่ใช่สายดื่มเท่าไหร่ มีบ้างที่หลายคนแวะมาให้กำลังใจ เขารู้ว่าผมต้องผ่านอะไรมาบ้างก่อนจะมายืนอยู่ตรงนี้ แต่ก็ไม่มีคำปลอบโยนไหนที่ทำให้ผมสลัดความกังวลออกไปได้สักที

“ไม่ดื่มหน่อยเหรอมึง” เบียร์ยื่นแก้วเบียร์มาให้ผม ขณะเรากำลังนั่งอยู่ตรงโซฟามุมมืดด้วยกัน

“ไม่ล่ะ กะว่าสักพักคงกลับ”

“กลับไปก็เหงาอยู่ดี อยู่สนุกตรงนี้ไม่ดีกว่าเหรอ”

“ห่วงของขวัญน่ะ”

“ชีวิตมึงมันจะมีอะไรบ้างวะนอกจากกลับไปแล้วร้องไห้อยู่คนเดียว”

   “แล้วคิดว่าตอนนี้เราไม่อยากยิ้มเหรอ” ผมถามกลับทั้งที่น้ำตาเริ่มเอ่อคลออยู่ทั้งสองข้าง เลยต้องรีบเช็ดมันออกก่อนที่อีกฝ่ายจะทันเห็นความอ่อนแอ

   “อีกไม่นานมึงก็จะลืมความเจ็บปวดตรงนี้ไปได้” ร่างโปร่งตบบ่าผมเป็นการปลอบใจ

   “วันที่เราลืมได้ คือวันที่เขากลับมา”

   “แต่มึงอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะ ตอนนี้พี่ภูไม่ได้กลับมา ยอมรับความจริงซะที” ยิ่งพูดเสียงที่ราบเรียบแต่แรกก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ

   ผมรู้ว่าเบียร์เป็นห่วง เขาอยู่ปลอบใจในช่วงเวลาที่ผมล้มลุกคลุกคลานไม่เคยหนีไปไหน และรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของผมตลอด เพราะมีเขาผมถึงผ่านมาได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ภาพของคนสำคัญในชีวิตคนนั้นฉายชัดเข้ามาในหัว ผมก็ไม่รู้ว่าจะเข้มแข็งโดยปราศจากเขาได้อีกนานแค่ไหน

   “เขาจะกลับมา”

   “เมื่อไหร่ล่ะ หนึ่งเดือน สามเดือน หนึ่งปี สองปี หรืออีกกี่สิบปี นี่คือเวลาที่มึงควรทรมานเหรอ นี่คือสิ่งที่มึงคาดหวังและต้องจมจ่อมอยู่กับมันเหรอ”

   “เราโอเคดี และเรายินดีมากๆ ที่จะรอพี่ภูกลับมา”

   “คำยินดีของมึงแม่งโคตรปลอมเลยว่ะ หลอกกูน่ะหลอกได้นะ แต่หลอกตัวเองไม่ได้หรอก”

   เราเงียบไปชั่วครู่ ปล่อยให้เสียงเพลงจังหวะหนักๆ ดำเนินต่อไป แทนที่จะสนุกมันกลับยิ่งเศร้ามากกว่าเดิม ไม่มีใครพูดอะไรต่ออีก เราต่างปล่อยให้ช่วงเวลานั้นเป็นที่ว่างสำหรับความคิดล่องลอยในหัวของตัวเอง จนกระทั่ง...

   “สิงหา”

   “หืม”

   “คบกับพี่คินมั้ย”

   “...!!”

   “เขาบอกกับกูว่าอยากดูแลมึง เขาไม่อยากให้มึงเจ็บอีกแล้ว ซึ่งกูก็เห็นว่ามันคงถึงเวลาที่มึงต้องทิ้งอดีตและความเจ็บปวดไปสักที”

   “พูดอะไรออกมา” ผมถามกลับไปเสียงสั่น ทั้งสงสัยและงุนงงเหมือนโดนค้อนหนักๆ ทุบอยู่ข้างกกหู

   “กูพูดความจริง นี่ชีวิตของมึงนะเว้ย รักแรกที่สมหวังมันมีแค่ในละครมึงไม่รู้เหรอ ต่อไปมึงกับพี่ภูอาจกลายเป็นแค่คนรู้จักกันก็ได้ ชีวิตมึงต้องเดินไปข้างหน้านะสิงหา พี่ภูเองก็ต้องเดินไปบนทางของเขาเหมือนกัน มึงแน่ใจได้แค่ไหนว่าเขาจะหยุดอยู่ตรงนี้ มึงแน่ใจแล้วเหรอว่าจะไม่มีสิ่งที่ดีกว่ารออยู่ตรงหน้าเขา”

   “เบียร์”

   “...”

   “โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน คนที่บอกรักทุกวันจนแทบตายแทนกันได้สุดท้ายก็ยังแยกทาง มันมีเยอะแยะเต็มไปหมด มึงอยากเจ็บเพราะมัวแต่ยึดติดกับอดีตอย่างนั้นเหรอสิงหา”

   ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะตอบกลับไป

   “นายเคยถามเราว่าคนที่ติดอยู่กับอดีตมีความสุขมั้ย เราเลยอยากถามย้อนกลับไป แล้วคนที่อยู่กับปัจจุบันล่ะ มีความสุขกว่าในอดีตหรือเปล่า อยู่กับสิ่งไหนเเล้วมีความสุขก็อยู่ไปเถอะ ไม่เดือดร้อนใครก็พอ เรามีความสุขในโลกนั้นเบียร์ เข้าใจเราใช่มั้ย”

   ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายคล้ายเป็นการขอร้องอ้อนวอน ผมยังไม่พร้อม...ไม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับใครทั้งนั้นไม่ว่าจะเพื่อน สังคม หรือพี่คินก็ตาม

   “สิงหาฟังนะ โลกความฝันมึงมีความสุขแต่มันไม่ตลอดไป สักวันมึงก็ต้องตื่นขึ้นมาอยู่ดี ถ้ามึงเลือกตื่นตอนนี้มันไม่ดีกว่าเหรอ ต้องอยู่ให้ได้นะ ความอ่อนแอมันไม่เคยเห็นใจมึงหรอก” พูดจบร่างโปร่งก็ดึงแขนของผมให้ลุกขึ้น ก่อนยื้อยุดให้เดินเข้าไปรวมกลุ่มสังสรรค์ซึ่งกำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนาน

   เมื่อก่อนผมได้แต่ตั้งคำถามว่าถ้าความจริงมันเจ็บปวดขนาดนี้เเล้วคนเราจะพากเพียรมีความรักกันไปทำไม ทั้งที่รู้ว่าต้องลงเอยด้วยความเสียใจ ทว่าสุดท้ายผมก็ได้คำตอบ

   รักของผมมีชื่อของภูผาฝังอยู่ในนั้น

ดึกมากแล้ว เพื่อนๆ ทยอยกันกลับหมดหลังจากทุกคนดื่มฉลองและเมามายจนแทบยืนไม่ไหว ผมก็เหมือนกัน เพราะถูกเพื่อนคอยยกแก้วเหล้าจ่อปากนับครั้งไม่ถ้วน มันจึงเป็นเรื่องยากที่ต้องปฏิเสธออกไป สุดท้ายผมก็เมา หากแต่สติที่เหลืออันน้อยนิดมันยังพอทำให้ผมรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน และอยู่กับใคร

“สิงหา...” เสียงของเบียร์ เขาร้องเรียกผมที่กำลังนั่งมึนอยู่บนพื้น

“อะราย”

“กูกลับก่อนนะ ส่วนมึงเดี๋ยวพี่คินจะไปส่ง” ผมพยักหน้าตอบหงึกหงัก ความจริงอยากปฏิเสธว่าจะกลับพร้อมเบียร์ แต่ผมกลับไม่สามารถขยับปากเปล่งเสียงออกไปได้

เสียงประตูห้องปิดลง ห้องสี่เหลี่ยมภายใต้แสงสลัวหลงเหลือแค่เราเพียงสองคน เศษขวดเหล้า และเครื่องดื่มหลากชนิดกองเกลื่อนอยู่บนพื้นโดยไม่มีใครคิดเก็บ ผมเห็นเงาของร่างสูงเดินตรงมาหาและย่อเข่าลงมานั่งใกล้ๆ

“เมาแล้ว”

“ม่าย...ไม่เท่าไหร่ครับ”

“นอนที่นี่มั้ย”

ผมส่ายหัวไปมา

“ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ เดี๋ยวพาไปส่ง” ร่างของผมถูกพยุงให้ลุกขึ้นยืน เดินโซซัดโซเซไปยังห้องน้ำ กระทั่งหยุดยืนอยู่ตรงอ่างล้างหน้า

“พี่รอข้างนอกนะ”

“อื้อ”

ทันทีที่กายสูงเดินผละออกไป ผมก็เอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำ จัดการกวักน้ำขึ้นลูบหน้าไปมาเพื่อให้สร่างเมา จ้องมองดูตัวเองในกระจกก็เหมือนอยากร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง

“อึก...ฮึก”

ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ ทำไมทุกอย่างถึงพังลงไม่เป็นท่า สามเดือนแล้วที่เขาไม่อยู่แต่ความรู้สึกเจ็บไม่เคยจางหายไป มันยังเหมือนเดิม ทรมานเหมือนทุกวัน พี่ครับผมเจ็บ

“อึก...ผมเจ็บ พี่อยู่ไหน ผมเจ็บ...” ต่อให้ยกมือตีอกตัวเองให้ตายยังไงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

น้ำตาที่หล่นร่วงลงมาไม่ขาดสายย้ำเตือนความรู้สึกในหัวใจของผม ทุกวันผ่านพ้นไปอย่างเลื่อนลอย ผมมีจุดหมายเดียวนั่นคือรอเขา พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า 90 ครั้ง และตกดินในจำนวนเท่ากัน ปฏิทินที่ผมกากบาททิ้งเหลือแค่ร่องรอยของการฉีกทึ้งหลังผ่านพ้นแต่ละเดือน

ของขวัญยังคงรอพ่อกลับมาอยู่ กล้องถ่ายรูปของพี่ก็ยังอยู่ ดินสอที่พี่รัก รูปวาดที่พี่วาดด้วยมือซ้าย ภาพถ่ายทุกใบ เสื้อสีชมพูของพี่ที่ผมซื้อให้ รถโฟล์คสวาเกนของเราก็ยังอยู่ แล้วพี่อยู่ไหน พี่จะกลับมาเมื่อไหร่

“เราจะกลับมาดู About time ด้วยกันไง”

“...”

“เราจะกลับมางานบอลด้วยกัน เราจะกลับมาดู Inferno ด้วยกันตอนวันเข้าฉาย พี่ลืมไปแล้วเหรอ” ผมพูดใส่กระจกด้วยถ้อยคำแสนยืดยาวและน้ำตาพรั่งพรูไม่ขาดสาย

อยากก้าวไปข้างหน้าเหลือเกิน ไม่อยากฝันแล้ว ไม่อยากฝันและเจ็บที่ต้องตื่นขึ้นมาอีกแล้ว

“สิงหาเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงทุ้มของพี่คินทำให้ผมหันหน้าไปมองเขา ก่อนจะโผเข้ากอดและร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ

“ฮะ...ฮึก ฮืออออออ ไม่ไหวแล้ว ผมทนไม่ไหวแล้ว”

“อยากได้อะไรสิงหา อยากได้อะไรบอกพี่” มือหนาลูบหัวของผมไปมา จะผิดมั้ยที่ผมจะบอกกับเขา

“พี่คินพาผมไปได้มั้ย พาผมไปจากตรงนี้”

“...”

“ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ต้องรู้สึกเจ็บอีก ที่ไหนก็ได้ที่มีความฝันเป็นภาพของเขา”

“...”

“แล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย”

   ผมแค่อยากให้พี่อยู่ตรงนี้ รับรู้ความรู้สึกของการเฝ้ารอและกลับมาหาผม แต่พี่ไม่เคยรับรู้ พี่ไม่เคยรู้อะไรเลย...





   หกเดือนต่อมา...

   Inferno ผลงานการเขียนของแดน บราวน์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ผมรู้สึกตื่นเต้นมากตอนที่ได้จองตั๋วเพื่อเข้าไปดูพร้อมกับเบียร์และพี่คิน ดังนั้นหลังเลิกเรียนเราเลยมุ่งหน้าไปยังโรงภาพยนตร์ใกล้ๆ คนต่อคิวดูค่อนข้างเยอะ ซึ่งผมก็คาดเอาไว้อยู่แล้ว

   ระหว่างรอเวลาก็ปลีกตัวไปซื้อเครื่องดื่มและป๊อบคอร์นตรงเคาน์เตอร์ ก่อนจะกลับมานั่งรอตรงโซฟาซึ่งมีคนสองคนนั่งอยู่

   “โคล่ามั้ยเบียร์” ว่าพลางยื่นแก้วน้ำอัดลมให้กับเพื่อน

   “ขอบายว่ะ แต่ก่อนหนังฉายกูว่าจะไปดูของข้างล่างแป๊บนึงนะ” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวก็ลุกขึ้นเต็มความสูงทันที

   “ให้เราไปเป็นเพื่อนมั้ย”

   “ไม่ต้อง มึงอยู่กับไอ้พี่คินเถอะ เดี๋ยวเจอกันในโรงหนังนะ”

   ผมพยักหน้าเข้าใจ กระทั่งได้เวลาฉายหนังเบียร์ก็ยังไม่มา ขณะที่ผมกับพี่คินเข้ามานั่งภายในโรงหนังแล้วเรียบร้อย

   “เบียร์ยังไม่มาเลย โทรตามก็ไม่ติด” ผมเปรยขึ้นมาอย่างกังวล

   “ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวก็มาเองแหละ หนังจะฉายแล้ว”

   “แต่...”

   “ชู่ววววว”

   สุดท้ายก็จำต้องละความพยายามในการตามหา ผมจ้องมองไปยังจอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มองภาพเคลื่อนไหวของหนังที่ตั้งตารอมาตลอดปี และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมคิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา...

   ภูผา

   เก้าเดือนแล้วนะ กลับมาได้แล้ว

   กลับมาได้แล้ว Inferno เข้าฉายแล้วนะ

   ช่วงสามเดือนแรกผมร้องไห้อย่างหนัก แต่หลังจากวันเกิดของพี่คินเมื่อหกเดือนก่อน ผมก็ไม่เคยร้องไห้เพราะพี่ภูอีกเลย พี่คินเป็นพี่ชายที่ดี เขาช่วยเหลือผมทุกอย่าง เพราะทุกครั้งที่รู้สึกเหงา ข้างกายของผมจะมีอีกฝ่ายอยู่เคียงข้างเสมอ ผมยิ้มได้ ผมหัวเราะเสียงดัง เราดูหนังด้วยกันบ่อยมาก และก็เจอกันบ่อยเช่นกันเพราะต่างรับงานในวงการบันเทิง

   แต่ผมไม่ค่อยมีความสุขกับงานเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะมันไม่ใช่ความฝันในวัยเด็ก ทุกอย่างดูสวยงามตอนก้าวย่างเข้ามา แต่พอนานเข้าเราก็จะได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง ผมอาจไม่ชอบการถ่ายแบบนิตยสารวัยรุ่น ผมอาจไม่ชอบการแสดง ผมอาจไม่ชอบสังคมแห่งแสงสีเหมือนกับคนอื่นๆ ดังนั้น...

   อีกไม่นานผมคิดว่าตัวเองควรเดินออกมาเดินตามเส้นทางจริงๆ ของตัวเองสักที

   หนังดำเนินไปเรื่อยๆ โรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่เงียบสงัด เราต่างจดจ่อกับการดำเนินเรื่องและความตื่นเต้นที่เกิดขึ้น ผมรู้ว่าฉากต่อไปจะเป็นอะไร เพราะเคยอ่านมันมาแล้วสองครั้งสองครา ครั้งแรกคือตอนที่ถ่ายแบบความทรงจำในบ้านไม้กึ่งสตูดิโอ และครั้งที่สองก็คือตอนที่พี่ภูนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล

   พี่เซนโทรมาหาผมเมื่อสองวันก่อน เราคุยกันเป็นกิจวัตร ทุกวันนี้เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ภูอยู่ไหน

   น่าเศร้าที่ความรู้สึกที่ผมมีต่อพี่มันไม่ได้ทวีขึ้นเพราะความคิดถึง และมันก็ไม่เท่าเดิม แต่กลับลดลงอย่างน่าใจหาย

   หัวใจดวงนี้ไม่ได้เจ็บเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ถ้าถามว่าผมยังรอพี่กลับมามั้ย ก็ยังคงพูดได้เต็มปากว่ายังรอ

   และ...ยังรัก

   แม้ตอนนี้ ฝ่ามือของผมจะถูกกุมเอาไว้ด้วยมืออบอุ่นของใครอีกคนแล้วก็ตาม

   หนังจบแล้ว เราเดินออกมาจากโรงหนังโดยไร้ซึ่งเงาของเบียร์เพราะเจ้าตัวไม่ได้โผล่หน้าเข้าไปเลยด้วยซ้ำ

   “ไปกินข้าวก่อนมั้ยสิงหา”

   “ผมว่าจะตามหาเบียร์ก่อน ไม่รู้ไปไหน หนังฉายก็ไม่เข้ามาดู”

   “เบียร์กลับแล้ว”

   “อะไรนะ”

   “เบียร์กลับไปนานแล้ว”

   “แล้วทำไมพี่ไม่บอกผม” ให้เดาตอนนี้คิ้วของผมคงขมวดแน่นแทบแกะไม่ออกแน่ๆ

   “ก็บอกอยู่ตอนนี้ไง แล้วก็มีเรื่องจะบอกกับเราด้วย” เท้าทั้งสองข้างหยุดชะงักจนทำให้ผมต้องหยุดตาม ผมกับพี่คินยืนอยู่ตรงทางออกที่ผู้คนเริ่มบางตา เรามองหน้ากันเนิ่นนานจนอีกฝ่ายตัดสินใจพูดประโยคหนึ่ง

   ประโยคเดียวที่เปลี่ยนชีวิตตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง

   “เป็นแฟนกันนะ”

   “...”

   “เป็นแฟนกันนะสิงหา สัญญา...ว่าจะไม่ทำให้ต้องร้องไห้เหมือนกับเขา”

   และแปลก เมื่อครู่ผมบอกว่าผมยังรอพี่ภู ผมยังรักเขา ทว่า...

   “ครับ”

   ผมกลับตอบตกลงอย่างง่ายดาย


อ่านต่อด้านล่างค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2022 17:29:53 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18


หนึ่งปีหลังจากภูผาจากไป...

   “อยู่ไหนเหรอครับ” ผมกรอกเสียงลงบนโทรศัพท์มือถือ ขณะนั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่น ภายในบ้านหลังเดิมที่เคยอยู่

   [ข้างนอก]

   “ที่ไหน”

   [อย่าเพิ่งถามเซ้าซี้ ไม่ว่างนะแค่นี้ก่อน]

   อีกฝ่ายตัดสายไปพร้อมกับเสียงถอนหายใจดังๆ ของผม มือข้างที่จับมือถือสั่นเครือ สามเดือนที่คบกับพี่คินเราไม่เคยมีอะไรกัน ผมอยู่กับเขาเราต่างรู้ดีว่ามันเป็นความสบายใจ เราเหมือนเพื่อน เหมือนคนรัก เวลาที่ใครคนใดคนหนึ่งมีปัญหาเราจะปรึกษากัน เราปลอบใจกัน เราอยู่เคียงข้างกัน

   ผมไม่รู้ว่าพี่คินนิยามความรักระหว่างเราเป็นแบบไหน ยอมรับว่าทิ้งระยะห่างระหว่างกันและกันไว้พอสมควร ผมสบายใจที่ได้อยู่กับคนตัวสูง ซึ่งแตกต่างจากพี่ภู ความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้พักหลังมานี้เจ้าตัวเอาแต่ทำเมินเฉย

   ทุกครั้งที่ผมละเมอเรียกชื่อพี่ภูเขาจะทำหน้าบึ้ง

   ทุกครั้งที่ผมนั่งดูรูปที่พี่ภูถ่ายเขาจะตะคอก

   ดังนั้นผมจึงพยายามไม่พูดถึงใครคนนั้นอีก คนที่หายไปตลอดหนึ่งปีเพราะเข้าใจมาตลอดว่าอีกฝ่ายคงก้าวไปข้างหน้ากับคนอื่นแล้ว ขณะที่ผมก็อยากก้าวไปข้างหน้าเหมือนกัน แม้ตอนนี้จะรู้สึกเหมือนตัวเองเดินถอยหลังกลับไปยังอดีตมากขึ้นก็ตาม

   รู้ดีว่ามันคงไม่แฟร์กับคนที่อยู่ข้างๆ สักเท่าไหร่ ผมจึงตัดสินใจจะลืมคนเดิมไว้เบื้องหลังแล้วเริ่มใหม่อีกครั้ง

จริงอย่างที่เบียร์เคยบอกเอาไว้ คนที่รักกันจนเหมือนตายแทนกันได้ยังมีวันเลิกราต่อกัน นับประสาอะไรกับคนห่างไกลแล้วไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมา สุดท้ายพี่ภูอาจจะเจอคนที่ดีกว่ายืนอยู่ตรงนั้นแล้ว ส่วนผมก็ต้องใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป

   ผมรักคิน

   รักแม้ไม่เหมือนภูผาแต่ก็รักและเป็นห่วง ห่วงว่าเขาจะเป็นยังไงบ้างตอนที่ออกไปข้างนอกและไม่เคยแวะมาหากัน แต่ทุกครั้งที่ผมโทรตาม กลับได้รับการตอบกลับที่ไม่ค่อยดีเสมอ

   “ของขวัญมานี่มา” ผมกวักมือเรียกแมวตัวอ้วนที่นอนหน้ายับอยู่บนเบาะ แต่มันกลับไม่มีท่าทีว่าจะทำตามคำสั่งเลยสักนิด ดังนั้นผมจึงต้องเดินไปหาและอุ้มมันขึ้นมาในอ้อมกอดแทน

   “เหงามั้ย ขอโทษนะที่ไม่ค่อยได้เล่นด้วยเลย”

   “...”

   “ความจริงเราก็เหงาไม่ต่างกันนักหรอก”

   “...”

   “แปลกเนาะที่เรามักถูกทิ้งอยู่เสมอ แต่ก็ไม่เคยเข็ดหลาบสักที”

   ตอนตัดสินใจคบกับพี่คิน ผมได้แต่คิดว่าเขาจะเป็นคนเดียวในตอนนั้นที่ไม่ทำให้ผมร้องไห้อีก แต่เปล่า ถึงตอนนี้นับไม่ได้แล้วว่าผมเสียน้ำตาให้เขาไปมากเท่าไหร่

   ผมนั่งลูบขนของขวัญจนกระทั่งหลับไปด้วยกัน รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้านซึ่งมันก็ดึกมากแล้ว ปกติพี่คินมักจะแวะมาหาก่อนเข้านอนเสมอ ตอนนี้ก็คงเหมือนกัน

   “ว่างแล้วเหรอครับ มาซะดึกเชียว”

   “อืม...”

   “เหนื่อยมากมั้ยครับ วันนี้จะนอนที่นี่ก็ได้นะ เดี๋ยวผมขึ้นไปจัด...”

   “ไม่ต้อง” เสียงเข้มแทรกขึ้นทันควัน

   “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า พักนี้ดูเครียดๆ”

   “ก็ไม่มีอะไร” กายสูงเดินตรงมายังโซฟา ก่อนทิ้งตัวลงนั่งด้วยท่าทางอ่อนแรง ความจริงอยากถามอะไรหลายอย่างออกไปแต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่าเราจะทะเลาะกันอีก

   “สิงหา” สุดท้ายพี่คินก็เป็นคนทำลายความเงียบลง

   “ครับ”

   “เราคบกันมานานเท่าไหร่แล้ว”

   “สามเดือนได้แล้ว จะครบรอบก็อีกสองวัน”

   “งั้นวันครบรอบ...”

   “จะเลี้ยงฉลองเหรอครับ จัดที่ไหน หรืออยากกินที่บ้านบอกได้เลยนะ”

   “ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น”

   ผมเงียบไปอึดใจหนึ่ง จ้องมองดวงตาจริงจังของคนตัวสูงไม่คลาดสายตา

   “วันครบรอบสามเดือน มีอะไรกันได้มั้ย”

   “...!!”

   “มีอะไรกันตามประสาคนรักน่ะ”

   “ผะ...ผมยัง ผมคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมกับเรื่องแบบนี้ และคิดว่า...”

   “สรุปไม่ให้กูเอา”

   ผมได้แต่นั่งอึ้งกับประโยคก่อนหน้า คำถามมากมายประเดประดังเข้ามาในหัว ผมอยากรู้ว่าเหตุผลที่เขาคบผมจริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ ไม่ใช่เพราะห่วงใยอยากดูแลกันและกันไปเรื่อยๆ เหรอ ไม่ได้อยากอยู่ปลอบใจตอนที่ใครคนใดคนหนึ่งเกิดปัญหาเหรอ

   ทำไมความรักของทุกคนต้องขับเคลื่อนไปด้วยเซ็กซ์

   ความจริงผมยอมให้ได้ แค่ตอนนี้ยังไม่พร้อมเท่านั้นเอง

   “มันไม่ใช่อย่างนั้น แต่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็มีความสุขแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

   “ใครมีความสุข มึงมีความสุขคนเดียวหรือเปล่า”

   “พี่คิน...”

   “อย่าเห็นแก่ตัวหน่อยเลย มึงก็ใช่ว่าจะไม่เคยมาก่อน ดีแค่ไหนแล้วที่กูอุตส่าห์คบด้วย ยังจะเล่นตัวอีก” ร่างสูงลุกขึ้นยืน ทำท่าจะเดินผละออกไป

“พี่จะไปไหน”

“ไว้มึงพร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยโทรมาแล้วกัน” เขาบอกกับผมด้วยสายตานิ่งเฉยจนคาดเดาไม่ถูกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ โกรธ เสียใจ ไม่พอใจ หรืออะไรกันแน่

ปัง!

เสียงปิดประตูบ้านดังสนั่น ผมกอดของขวัญเอาไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมา

ไม่มีใคร

ไม่มีใครที่บอกว่ารักแล้วจะไม่ทำให้เสียใจ

ควรทำใจและควรรู้มาตั้งแต่แรก ตอนเริ่มรักทุกอย่างดีหมด สุดท้ายก็พังไม่เป็นท่าตอนที่ความต้องการของเราไม่เท่ากัน ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเกิดขึ้นตอนที่ผมเริ่มรักเขาไปแล้วด้วย


   ‘เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...’

   สัญญาณดังกล่าวสะท้อนในหูนับครั้งไม่ถ้วน ผมไม่สามารถติดต่อกับพี่คินได้เกือบสัปดาห์ ผมอยากง้อเขา เราควรกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า หลงเหลือแต่ความอึดอัดที่สุมอยู่ในอกเท่านั้นที่กำลังรู้สึก

   ผมรอเขา...

   รออยู่ที่บ้านหลังเลิกเรียนเพราะไม่อยากตามไปกวนถึงที่ทำงาน สุดท้ายชีวิตของคนอย่างสิงหาก็ต้องยอมรับการอยู่เพียงลำพัง เฝ้ารอ ทั้งที่เกลียดการเฝ้ารอใจแทบขาด ผมร้องไห้นับครั้งไม่ถ้วนอยู่ตรงโซฟา เมื่อไหร่เขาจะกลับมา เมื่อไหร่เราจะดีกัน

   ไหนใครบอกว่าการเริ่มต้นใหม่จะเต็มไปด้วยความสุข แต่สำหรับผมทำไมทุกอย่างถึงลงเอยที่ผมเสียใจอยู่ฝ่ายเดียว พี่ภูไม่เคยกลับมา และพี่คินก็ทิ้งผมไว้ตรงนี้ ราวกับของไม่มีค่า ไม่มีความสำคัญ ที่พึ่งสุดท้ายจึงมีแค่เบียร์กับแม่ แต่คนเราก็คงไม่อยากเล่าความไม่สบายใจให้กับคนที่รักฟังนัก ดังนั้นผมเลยใช้เวลาทุกวินาทีหมดไปกับการพูดกับของขวัญ และหลับไปพร้อมกับมันเหมือนอย่างเคย






   เหงา...

   เหงามาก

   สุดท้ายความอดทนแห่งการเฝ้ารอก็สิ้นสุด ผมยอมแล้ว...อะไรก็ได้ถ้าทำให้เราได้อยู่ด้วยกันไปตลอด ผมยินดี ผมคงไม่สามารถเดินไปข้างหน้าต่อได้หากยังกลัวอดีต ดังนั้นสองทุ่มของวันนี้ผมจึงตัดสินใจไปที่คอนโดของพี่คินเพื่อบอกกับเขา

   เซ็กซ์อาจจะโอเคสำหรับความสัมพันธ์ของเรา

   ก๊อกๆๆ

   เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น แต่กลับไม่มีใครเดินออกมาเปิดหลังจากยืนรอได้สักพัก แต่เพราะไม่อยากปล่อยให้เรื่องค้างคานานๆ ผมจึงหันไปล้วงคีย์การ์ดในกระเป๋าเป้เพื่อเปิดเข้าไปภายใน หากตอนนี้เขาไม่อยู่แล้วกลับมาตอนดึกๆ เราจะได้คุยกัน

   ทว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างหวัง

   ไฟในห้องเปิดสว่าง ก่อนผมจะเบี่ยงตัวตรงไปยังห้องนอนเพราะคาดหวังว่าเขาจะอยู่ที่นั่น และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เสียงครางแหบห้าวดังเล็ดลอดออกมาจากประตู มันเป็นเสียงการร่วมรักของคนสองคนที่ดูมีความสุข แต่หัวใจของคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ได้ปลิดปลิวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

   นี่เหรอความรักครั้งใหม่ เจ็บปวดไม่ต่างจากวันนั้นเลย

   แล้วเดินออกมาทำไม เดินออกมาเพื่อเรียนรู้ว่าโลกนี้ก็มีแต่ความโหดร้ายอย่างนี้ทำไม ผมต้องเสียใจไปอีกนานแค่ไหน ต้องร้องไห้กับใครต่อใครอีกสักกี่ครั้งเพื่อหวังว่าสักวันจะได้พบกับรอยยิ้ม

   เท้าทั้งสองข้างถอยออกมาจากประตูบานนั้น ตัดสินใจหนีปัญหาด้วยการเดินหนี ผมยังไม่พร้อมจะพูดกับเขาในตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็ตาม สามเดือนอาจสั้นเกินไป แต่การรักใครสักคนมันไม่ได้เป็นแบบนั้น ไม่ได้อยู่ที่ว่านานแค่ไหนถึงจะรัก แต่มันอยู่ที่ว่าเราผูกพันกันแค่ไหนก่อนจะรักมากกว่า

กับชีวิตที่ต้องร้องไห้เพียงลำพัง เมื่อไหร่ผมจะชินสักที

เมื่อก่อนผมคิดว่ารักต้องอยู่ด้วยกันตลอด เติบโตถึงรู้ความจริงว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น

ผมไม่เคยต้องคิด ต้องปวดหัว แบกภาระ เจ็บปวด หรือคาดหวังเท่ากับตอนนี้ บางทีผมก็ไม่อยากโตขึ้น ไม่ใช่ไม่พร้อมจะรับชะตากรรมลำบากอะไร แต่ยังไม่อยากฝืนตัวเอง ผมแค่อยากใช้ชีวิตเหมือนเด็กที่มีความฝัน เที่ยวเล่น โลกสดใส และหัวเราะจากส่วนลึกจริงๆ

ตอนนี้ผมก็ยังมีโลกใบเดิม แต่มันเป็นโลกบนเส้นทางของความจริงที่หม่นลงจนกลายเป็นสีเทา มีสุขและเศร้าปนเปกัน แต่ผมกลับไม่สามารถหัวเราะอย่างจริงใจได้อีกแล้ว เหลือเพียงความขมขื่น จนบางทีผมก็อยากโยนความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งเพื่อกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

เพราะถ้าขอพรได้ข้อหนึ่ง ผมก็คงขอให้ตัวเองเป็นเด็กและไม่เจ็บปวดตลอดไป…







   ผมเลิกกับพี่คิน เราจากกันไม่ดีเท่าไหร่หรือจะเรียกง่ายๆ ว่ามองหน้ากันไม่ติด และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เปิดตัวคบหากับใครคนใหม่ ถามว่าเสียใจมั้ยต้องบอกว่าเสียใจ เพราะผมให้ใจเขาไปแล้วแต่กลับได้ความเจ็บปวดและบาดแผลกลับคืนมา

   ผมเริ่มต้นใช้ชีวิตคนเดียว กลับมากินยานอนหลับอีกครั้งเพื่อพาตัวเองเข้าไปอยู่ในฝัน

   ผมเหงา เหงาจนทนแทบทนไม่ไหวแต่ไม่มีใครปลอบโยน ช่วงหลังมานี้ผมจึงไม่ไปเรียน หมกตัวอยู่ที่บ้านไม้กึ่งสตูดิโอและนอนมองเพดานไปวันๆ เฉกเช่นวันนี้...วันที่ผมตัดสินใจทำความสะอาดบ้านเพื่อลืมความฟุ้งซ่านที่อยู่ในใจ เปิดตู้เสื้อผ้าและเริ่มจัดระเบียบข้าวของ   

ผมเจอเสื้อคอปกสีชมพู

เสื้อตัวแรกที่ผมใส่ไปงานบอลและได้เจอกับใครคนหนึ่งวางอยู่บนกองเสื้อยืดเก่าๆ ที่แม่เคยซื้อให้ก่อนจะเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ

เมื่อนานมาแล้วผมเคยชอบมัน เคยชอบช่วงเวลาที่ได้แต่งตัวเป็นแค่เด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งซึ่งเข้ามาอยู่เมืองกรุง มีเพียงเสื้อยืดกับกางเกงยีน ผมมองตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ มองเห็นความเปลี่ยนแปลงบนร่างกายและใบหน้า เสื้อผ้าของผมใหม่ มันทันสมัย ราคาแพง แต่กลับไม่มีรอยยิ้มหลงเหลือเหมือนตอนที่ยังใส่เสื้อเก่าๆ เลย

   น้ำตาของผมไหล เวลาผ่านไปพรากความสุขและรอยยิ้มของผมไปมากมาย

   ผมหยิบเสื้อสีขาวกับกางเกงใส่สบายตัวหนึ่งขึ้นมาสวม กลายเป็นสิงหาในวันนั้น แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม แต่ผมมีความสุขดี

   มีความสุขที่ได้กลับมาอยู่ตรงนี้ ตอนที่มีแค่พี่อยู่ในความทรงจำ

ผมทำความสะอาดบ้านไปเรื่อยๆ เห็นกล้องฟิล์มของพี่ภูถูกวางไว้ในส่วนลึกสุด รูปภาพทุกภาพของพี่ถูกเก็บไว้ในลิ้นชัก ข้าวของและเสื้อผ้าของพี่วางอยู่ในกล่อง มันถูกเก็บไว้เมื่อหลายเดือนก่อนตอนที่ผมเริ่มคบหากับพี่คินและตัดสินใจจะเริ่มต้นใหม่

สุดท้ายผมก็กลับมาอยู่ตรงจุดเดิม เพื่อยอมรับโทษของการนอกใจ จนบังเอิญเจอแผ่นหนังเรื่องหนึ่ง เมื่อนานมาแล้วเราชอบบทเพลงจากหนังเรื่องนี้ เราเคยมีความฝันว่าอยากจัดงานแต่งงาน แล้วเราก็เคยก้าวผ่านความสุขและความเศร้าเฉกเช่นหนังเรื่องนี้มาด้วยกัน

About Time

ผมเปิดฝากล่องซีดี สอดมันเข้าไปในเครื่องเล่น ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาและนั่งอยู่เพียงลำพัง

   I don’t get many things right the first time…

   ทันทีที่เพลง The luckiest ของ Ben Folds บรรเลงขึ้นในช่วงหนึ่งของหนัง ความทรงจำเก่าๆ ก็พรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย

ภาพของคนตัวสูงๆ ที่มีรอยยิ้มหล่อเหลาที่สุดในความทรงจำปรากฏขึ้น เสียงหัวเราะของเรา รอยยิ้มของเรา คำสัญญาของเรา บทเพลงที่เราชอบฟัง

   ช่วงเวลาที่ได้ตัดเล็บให้พี่ อ่านหนังสือให้พี่ฟัง ตอนที่เราได้เต้นรำด้วยกัน ถ่ายรูปด้วยกัน รวมถึงรถเข็นคันเดิมที่เคยพาเราทั้งคู่ไปยังร้านกาแฟใกล้บ้าน ฉายเข้ามาในหัวไม่หยุดหย่อน กระทั่งวินาทีนั้นที่พี่จับมือกับผมแล้วสัญญาว่าจะมีชีวิตอยู่

   “ฮืออออออออออ”

   ขอโทษ...

   ขอโทษที่คิดว่าตัวเองจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ แต่สุดท้ายกลับเดินถอยหลัง ถอยกลับไปเพื่อร้องไห้กับเรื่องเดิมๆ พี่ภู....ผมขอโทษ

   รู้แล้ว รู้ซึ้งอย่างดี

การได้รักกับคนอื่นเจ็บปวดกว่าการรักภูผาหลายร้อยเท่า

และการได้รักกับพี่ มีความสุขกว่าการรักคนอื่นหลายร้อยเท่าเช่นกัน







ผมตัดสินใจจบงานในวงการบันเทิง ด้วยรู้ว่าชีวิตคงไม่เหมาะกับอาชีพนี้ ผมอยากเป็นครู พี่ภูเคยบอกว่าผมจะเป็นครูที่ดีได้ ฉะนั้นผมจึงทิ้งงานและความกังวลใจทุกอย่าง กลับมาตั้งใจเรียนอีกครั้ง แล้วเริ่มต้นนับหนึ่งพร้อมรอคอยการกลับมาของเขาอย่างมั่นคง

แม้รู้ดีว่าพี่อาจไม่กลับมาแล้ว...

แต่ผมเจ็บเกินกว่าจะเริ่มต้นใหม่กับใครได้อีก ถ้าไม่ใช่พี่ผมก็ยินดีที่จะใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง รอจนกระทั่งเรียนจบแล้วกลับไปสร้างบ้านให้แม่อยู่สบายขึ้น ผมคิดแค่นั้น ส่วนชีวิตที่เหลือก็คงเป็นครู สอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนเล็กๆ สักแห่ง รอคอยให้กาลเวลาค่อยๆ พรากทุกอย่างไป และวันนั้นคงมาถึง

วันที่ลมหายใจสุดท้ายของผมปลิดปลิวไป ถึงตอนนั้นผมจะคิดถึงพี่นะ ผมจะคิดถึงพี่เพราะผมรู้แล้วว่าการรักพี่คือสิ่งล้ำค่าที่สุด

ผมกำลังย้ายออกแล้ว กลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง อพาร์ทเม้นท์เก่าๆ บนชั้นเจ็ดด้วยข้าวของที่ไม่มากนัก เริ่มต้นใหม่และอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง ผมยังคงเฝ้ารอพี่แต่ถ้าไม่กลับมาก็ไม่เป็นไร มันโอเคสำหรับทุกอย่าง ชีวิตของคนทุกคนย่อมต้องเดินหน้า สร้างความสุขให้ตัวเองแม้ไม่มากมายเหมือนตอนอยู่ด้วยกันก็ตาม

ผมเขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงเขา สอดเอาไว้ใต้กล้องฟิล์มตัวโปรดของพี่ เพื่อหวังว่าสักวันถ้าเขากลับมาแล้วมีโอกาสได้อ่านมัน เขาจะได้รู้...


ถึง...ภูผา

ถ้ามีโอกาส ถ้ามีโอกาสที่พี่ได้อ่านจดหมายของผม ตอนนั้นผมคงเป็นแค่คนตัวเล็กธรรมดาที่ไม่มีอะไรเลย แต่คิดว่าก็คงมีความสุขดี ช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันมันเกิดอะไรขึ้นมากมาย ผมรอคอยพี่ ก่อนตัดใจและมีรักใหม่ สุดท้ายก็ถูกทิ้งกลับมาจนเหลือตัวคนเดียวอีกครั้ง

พี่คงอยากหัวเราะใส่หน้าให้กับคนทรยศความรักอย่างผม ใช่...ผมยินดีและยอมรับความผิดทุกอย่าง แต่ผมก็อยากขอบคุณที่พี่มอบอะไรหลายๆ อย่างให้กับผม ตอนที่เราได้อยู่ด้วยกันมันคือความสุขที่มากที่สุดตั้งแต่ผมมีชีวิตมา การได้อยู่กับพี่ ได้ดูแลพี่ ได้ทำทุกอย่างด้วยกันและอยู่เพื่อกันและกัน มันมีค่ามาก

ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะเป็นครูที่ดีอย่างที่พี่บอกให้ได้ ส่วนพี่...อยู่ตรงนั้นก็ดูแลตัวเองให้ดีนะครับ ถ้าหายดีแล้วอย่าลืมมีความสุขและเริ่มชีวิตใหม่ได้แล้ว กับใครสักคนที่เข้ากันได้ ใครสักคนที่เป็นคนดีและทำให้พี่มีความสุข ผมยินดีด้วยทั้งนั้น

ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมา ผมจะไม่ลืมทุกอย่างที่พี่ทำเพื่อผม มันจะอยู่ตรงนี้...ในใจของผม ผมรักพี่นะ ผมรักพี่ และผมก็จะรักพี่แบบนี้ต่อไป ช่วงเวลาที่มีผู้ชายชื่อภูผาอยู่ในชีวิต ล้ำค่ายิ่งกว่าความฝันใดๆ ที่ผมเคยสัมผัสมาเลย
สิงหา



สองปีหลังจากภูผาจากไป...

   “ฮัลโหล”

   [อยู่ไหนแล้ว]

   “อยู่ห้อง”

   [โอยยยยยย รีบมาเลยมึง รถติดมากตอนนี้]

   “กำลังจะออกไป แต่ขอเอาข้าวให้ลูกๆ ก่อน”

   ผมบอกกับเบียร์ผ่านโทรศัพท์มือถือที่แนบอยู่บนหูด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็สาละวนอยู่กับการเทอาหารเม็ดลงในถ้วยให้เจ้าแมวตัวอ้วนที่ค่อยๆ คลานจากเบะด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย

   ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ของขวัญ

   เมื่อครึ่งปีก่อนผมตัดสินใจรับแมวมาอีกหนึ่งตัวเพื่อให้มันอยู่เป็นเพื่อนกันตอนที่ผมออกไปเรียน แต่ไม่น่าเชื่อว่าอีกหลายเดือนต่อมามันจะมีทายาทแมวหน้านิ่งออกมาถึง 4 ตัว ร้ายไม่เบานะของขวัญ

   ห้องสี่เหลี่ยมคับแคบของผมเลยกลายเป็นห้องเลี้ยงแมวตัวอ้วนถึง 6 ตัวไปโดยปริยาย

   [ห่วงแมว แล้วห่วงกูบ้างมั้ยเนี่ย]

   “เราต้องห่วงเบียร์ด้วยเหรอ”

   [กวนตีนละ รีบๆ มาเลยนะ แค่นี่ล่ะ]

   จากนั้นคนขี้หงุดหงิดก็ตัดสายไป ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความขบขัน วางถุงอาหารเม็ดไว้บนเคาน์เตอร์ครัว ก่อนจะเดินไปยังตู้กระจกเพื่อสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผม

   นี่แหละสิงหา เด็กชายเสื้อสีชมพูเมื่อหลายปีก่อน

   งานฟุตบอลประเพณีปีนี้ครึกครื้นเหมือนทุกปี ผมจัดการจัดปกคอเสื้อเล็กน้อย พลางหันไปหยิบรองเท้าผ้าใบแล้วเดินออกจากห้องไป ใช้เวลาขับโฟล์คสีครีมคันเก่านานโขเพราะติดแหงกอยู่บนถนนอย่างที่เบียร์เคยเตือนไว้ กว่าจะมาถึงที่งานได้ก็ทำเอาเหงื่อโชกไปหมด

   และปีนี้ก็พิเศษกว่าทุกปีตรงที่ผมมาเป็นสต๊าฟช่วยคุมน้องๆ ขึ้นสแตนเชียร์ เรียนอยู่ปีสี่แล้ว ถ้าไม่รีบทำกิจกรรมกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำอีก เพราะปีหน้าก็ต้องออกไปฝึกสอน

   “กว่าจะมาได้นะมึง” เบียร์วิ่งมาหาผม หน้านี่งอเป็นทัพพีเชียว

   “รถติดน่ะ”

   “ก็กูเตือนแล้ว”

   “ฮ่าๆ”

   “แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง”

   “อื้ม แซนด์วิชโฮมเมดอร่อยอย่าบอกใคร”

   “โม้ไปเถอะน่า ฝีมือมึงก็งั้นๆ”

   “จริงเหรอออออ” ผมหยอกทีเล่นทีจริง

   “เออ คุมน้องไป เดี๋ยวกูไปคุยกับพวกจัดขบวนก่อน อ้อ! กูฝากรุ่นพี่คนนึงด้วย เขาจะมาเก็บรูปน้องแปรอักษร ยังไงกูฝากมึงด้วยนะ”

   “แล้วทำไมต้องฝากเรา”

   “เอ้า! เผื่อเขาหิวมึงจะได้ดูแลไง” เกี่ยวอะไร...ผมมีหน้าที่แค่ดูแลคนขึ้นสแตนด์เชียร์นะ

   “แล้วไหนอ่ะ ใครคนนั้น”

   “นั่นไงมาแล้ว กูไปก่อนนะ” เบียร์ชี้ไปยังใครคนหนึ่งที่เดินแทรกอยู่ในกลุ่มฝูงชน ก่อนจะหันมาตบบ่าปุๆ แล้วเดินจ้ำเอ้าหนีไป ทิ้งให้ผมยืนเกาหัวอย่างงงๆ มองดูใครคนนั้นไม่คลาดสายตา และทันทีที่ร่างสูงเดินผละออกมาจากกลุ่มคนมากมาย ผมก็ได้เห็น...

   ผู้ชายคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มน่าจดจำ

   เขาสวมเสื้อสีชมพูเหมือนเมื่อหลายปีก่อน แขวนกล้องถ่ายรูปเอาไว้ที่คอ และกำลังเดินตรงเข้ามาหา

   จิตใจที่มันเคยเต้นสงบตลอดหลายปีที่ผ่านมากระโดดโลดเต้นอีกครับ ผมไม่รู้ว่าวันนี้มันพิเศษมากมายยังไงจนได้เจอกับเขา เขาที่ไม่มีโอกาสได้ติดต่อกันถึงสองปี แล้ววันนี้...การรอคอยระหว่างเราก็สิ้นสุดลง

   ฝีเท้าที่ก้าวมาข้างหน้าเป็นปกติ ไม่มีอาการของความเจ็บป่วย ดวงตาคู่คมมองมายังผมไม่คลาดเคลื่อน ความทรงจำเก่าๆ ของเราหวนกลับมานับร้อยนับพันภาพ คิดถึง คิดถึงจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้อีกแล้ว

   กระทั่งเขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า...

   เราใส่เสื้อสีชมพูเหมือนกัน

   มันเหมือนกับวันนั้น วันที่เราเจอกันครั้งแรกและผมได้เรียนรู้ว่าความรักแท้จริงคืออะไร

   “น้องครับ” เสียงทุ้มของพี่ทักทายขึ้น

   “...ครับ”

   “เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” เขาพูดยิ้มๆ

   ประโยคเดิมที่เคยตีเนียนเข้ามาทำความรู้จักกับผม

   “ไม่น่านะครับ”

   “พี่ชื่อภูผานะ”

   “สะ...ส่วนผมชื่อสิงหาครับ”

   “ยินดีที่ได้รู้จัก”

   อดีตที่ผ่านมาเป็นยังไงไม่รู้หรอก ผมรู้แค่ว่าตอนนี้...

   เราทั้งคู่ได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

THE END



Memory…

นิยายเรื่องนี้ถูกเขียนเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 เคยอยากจะเปลี่ยนตอนจบหลายครั้งแต่สุดท้ายก็ไม่เปลี่ยน เราชอบแบบนี้มากกว่า เพราะเหตุผลเพียงข้อเดียว “จงภูมิใจในการมีชีวิตอยู่” แน่นอนมันอาจเจ็บปวด มันอาจทรมาน แต่คุณจะผ่านมันไปได้ ไม่มีเรื่องเลวร้ายไหนอยู่กับเราไปตลอด ความสุขเองก็เหมือนกัน ความรู้สึกหลากหลายเหล่านี้มันยังคงย้ำเตือนว่าเราเป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อและหัวใจ เรารู้สึกเป็น ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคตจะเจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหน แต่ความหวังก็ยังรอคอยอยู่ข้างหน้าเพื่อปลอบประโลมความรู้สึกย่ำแย่อยู่เสมอ 

ภูผา...เขาผ่านจุดนั้นมาแล้ว จุดที่ชีวิตมืดดับและหาทางออกไม่เจอ แต่สุดท้ายแน่นอนว่าไม่มีทางตันสำหรับปัญหาทุกอย่าง ตราบใดที่ยังมีความหวังมันก็มักจะมีทางแก้ไขจนพบกับความสุขเข้าสักวัน

สิงหา เด็กคนนี้อ่อนต่อโลก ดูเปราะบางแต่ความจริงเข้มแข็งกว่าที่คิด สิงหาได้เรียนรู้ประสบการณ์จากสิ่งที่พบเจอ เรานับถือในหัวใจของเขา เพราะไม่ใช่แค่ต่อสู้กับสภาพแวดล้อมและคนรอบข้าง สำคัญที่สุดคือสู้กับความรู้สึกในใจของตัวเองกระทั่งได้พบความสุขเหมือนกัน

สำหรับเธอที่ร้ายเราไม่ได้อยากจบเศร้า แม้ความจริงมันควรจะเศร้าก็ตาม เราอยากเรียนรู้ช่วงเวลาของคนคนหนึ่งที่กำลังเผชิญวิกฤตและปัญหาในชีวิต เข้าใจกับอารมณ์และความรู้สึกของตัวละคร พยายามใส่หัวใจของตัวเองในตัวของเขา

เราร้องไห้...เราร้องไห้บ่อยมากตอนที่เขียนเรื่องนี้ เกือบแทบทุกตอนนั่นไม่ใช่เพราะมันมาจากชีวิตเรา (ชีวิตเราต่างกับเขามาก) แต่มันมาจากความรู้สึกของภูผาและสิงหาที่เราพยายามเข้าใจในตอนนั้นจริงๆ

แน่นอนมันอาจไม่ได้เป็นนิยายที่ดี แต่เป็นเรื่องที่เรารู้สึกภูมิใจหลังจากผ่านความกดดันหลายอย่างมา พูดได้เต็มปากเลยว่าดีใจที่มีวันนี้ มันจบลง...อย่างสวยงาม คิดว่าอย่างนั้น ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่เข้ามารู้สึกกับเรา ร้องไห้ไปกับเรา เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ด้วยกัน เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่นิยาย แต่ภูผาและสิงหาคือคนคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในชีวิตของเราและทุกคนเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง เข้ามาทำให้เรารู้สึกเกลียด สงสาร และผูกพัน

คงบอกไม่ได้ว่าจะเขียนเรื่องหน่วงตับหน่วงไตแบบนี้ได้อีกเมื่อไหร่ แต่ละช่วงชีวิตของเรายังมีเรื่องราวอีกมากมายรอให้เขียน แต่เธอที่ร้ายคือความทรงจำที่ดี เพราะถ้าเราเหงาเมื่อไหร่ เราก็จะคิดถึง...

และหวังว่าคนอ่านก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน

จิตติ.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2022 17:31:01 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
*สำหรับคนที่สนใจ


TBL-869-509
PRE-ORDER เธอที่ร้าย
   



   หลังจากหน่วงตับหน่วงไตกันมานาน ก็ยาวมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนสุดท้าย ถึงตอนนี้จบบริบูรณ์สมบูรณ์ในความรู้สึก? สำหรับคนที่สนใจอยากเก็บความหน่วงไว้เป็นความทรงจำเมื่อครั้งน้ำตาแตก อย่าลืมอ่านรายละเอียดให้ชัดเจนด้วยนะคะ




รายละเอียด
   นิยายขนาด A5, ปกกระดาษการ์ดหนาเคลือบด้าน จำนวน 400+ หน้า ราคา 420 บาท (รวมค่าส่งแบบลงทะเบียนแล้ว ขออนุญาตจัดส่งแบบลงทะเบียนเท่านั้น)


ของแถม
   - ที่คั่นหนังสือ 1 ลาย
   - โปสการ์ด 2 ใบ



ตัวอย่างอาร์ตเวิร์คภายในเล่ม ทุกตอนจะมีภาพประกอบ


เนื้อหา
   - ด้านในหนังสือประกอบด้วย เนื้อหาทั้งหมดตั้งแต่บทนำจนถึงตอนที่ 18
   - ตอนพิเศษ 2 ตอน
1.นับหนึ่งอีกครั้งกับเด็กชายเสื้อสีชมพู
2.ข่าวลือ?



“เปิดจองและโอนเงินตั้งแต่วันนี้ ถึง 20 มกราคม 2559”



วิธีการสั่ง *อ่านโดยละเอียด
1.โอนมาเลยค่ะ ไม่ต้องสั่งจองก่อน (อยากให้โอนเป็นเศษสตางค์เพื่อง่ายสำหรับตรวจเช็ค เช่น 420.03 บาท)
น.ส.จิตติณัฏฐ์ งามหนัก ธนาคารกรุงเทพ เลขบัญชี 605-7-04384-3
2.เมื่อโอนเงินแล้วกรอกแบบฟอร์มดังต่อไปนี้ (http://goo.gl/forms/uDdmTtMnfC)
3.จิตติจะอัพเดตและตอบเมล์กลับ (ภายในสามวัน)   
 
**สอบถามปัญหาต่างๆ รวมถึงดูความคืบหน้าของหนังสือ
เข้ามาได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ ด้วยรัก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2015 21:53:09 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ฮือออออ

ขอตอนหลังภูผาหายไปจากสิงหาได้ไหมคะ เกิดอะไรขึ้นบ้างงงงงงง

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ saotome

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
อย่าพึ่รีบจบเลย :mew4:
แต่ก็ดีใจที่เขาสองคนได้มาเจอกันอีก

ออฟไลน์ empty102153

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ภูผาและสิงหาอดทนกันได้ดีจริงๆ ขอบคุณมากค่ะที่จบแบบนี้
เรารู้สึกดีมากเลย  :hao5:

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอบคุณมากค่ะ อ่านเรื่องนี้แล่วหน่วง และปวดใจมาก ดีใจที่ทั้งคู่ได้มีจุดเริ่มต้นกันอีกครั้ง

ออฟไลน์ Ysolip

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ตามมาตั้งแต่ต้นเรื่อง เพราะเป็นแฟนคลับจากปลาบนฟ้าและรักแท้ค่ะ
แอบอ่านเรื่องนี้ตอนนั่งดูสุนทรพจน์ 555 และแอบหน้าบางตอนที่ยกมือปาดหางตา
แต่ก็ยังอ่านต่อจนตอนที่17 เพราะคนเขียนบอกว่าจบ18ตอน
คิดว่าเรื่องที่บีบขนาดนี้รอให้จบก่อนค่อยอ่านดีกว่า จะได้ไม่ปวดมาก
ขอบคุณสำหรับน้ำตานะคะ นิยายเรื่องนี้สวยมากในความรู้สึก
ทุกครั้งคนเขียนจะลงท้ายตอนให้ถึงเหตุผลในแต่ละตอน
ขอบคุณมากนะคะ เพราะว่าให้ข้อคิดดีๆเยอะเลย
ตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนที่17 ที่พูดได้คือเสียน้ำตาค่ะ
ส่วนตอนที่18 ไม่กล้าอ่านทุกอักษรเดี๋ยวน้ำตาไหล แต่ก็ลุ้นมากลุ้นกับสิงหา
ลุ้นว่าเขาต้องรอเมื่อไหร่พี่ภูจะกลับมา คนเขียนเขียนให้รอคนอ่านก็รอค่ะ
เชื่อว่าพี่ภูกลับมาแน่ จุดจบของจุดเริ่มต้นใช่ไหมคะ?ตอนสุดท้ายนั่น
เดายากมากไม่รู้พี่ยังจำสิงหาได้ไหม แต่ก็คิดว่าแอบๆจำได้ ไม่งั้นจะติดต่อเบียร์ได้ไง

ก่อนจบขอ  :z6: :beat: อิพี่คินดีมาตลอดแล้วก็ดีแตก เกลียดว่ะ

 :กอด1: คนเขียน

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
มีความสุขซักทีนะ ภูผา สิงหา
 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Eternal luv

  • ชะตาฟ้าลิขิต แต่ชีวิตนะ...ของกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
......
ไม่รู้จะเม้นท์อะไรเลย

ขอตอนพิเศษแล้วกัน  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
ขอตอนพิเศษเบยยยยย :impress2:
 
อีคินนิมันน่า :fire:

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
จบลงไปอีกเรื่องแล้ว กับนิยายที่ทำให้เราน้ำตาแตก ไม่ได้ร้องไห้เป็นท่อแตก แต่มันไหลมาเอื่อยๆเรื่อยๆ

ไม่ขอพูดถึงฉากที่ทำให้เราเสียน้ำตา ละกัน เพราะจะให้ชั่งน้ำหนักว่าฉากไหนแซดสุดคงไม่ไหวคงต้องนั่งย้อนสมองกันเลยทีเดียวว่าฉากไหนกระดาษเปลืองสุด

เอาเป็นว่า ร้องไห้ละกัน ร้องมากด้วย สำหรับตอนจบ แอบหวั่นมาก ว่าสุดท้ายแล้วพี่ภูจะกลับมามั้ย จะหายรึยัง

แต่ที่ผิดคาดเลยเนี่ย คือ พี่คิน ไม่คิดว่าที่ทำดีมาตลอด ดูดีในสายตาเรา กลายเป็นคนที่แย่เหมือนๆคนอื่น ก็รู้แหละว่าคนเรามันตัดสินกันที่ภายนอกไม่ได้

คงได้แต่ยอมรับพี่คินไม่ได้คิดจะรัก สิงหาจริงๆ ที่เข้าหาคงแค่ถูกใจและแค่อยากได้มากกว่า รู้สึกดีใจที่สิงหาไม่ง่ายๆ เพราะสุดท้ายคงไม่พ้นโดนทิ้งแบบง่ายๆ

ตอนจบของเรื่องนี้คือจุดเริ่มต้นกันใหม่ของคนสองคน  ตอนสุดท้ายอ่านแบบเรื่อยๆเอื่อยๆ คิดในใจยังไม่เจอฉากสะเทือนอารมณ์เลยเว้ย

พอถึงตอนที่สิงหาเจอกับภูผา ก๊อกแตกเลยจร้าาาา แบบ ไม่ได้ร้องเพราะเสียใจ แต่ร้องเพราะดีใจ มันปริ่มมาจากในอก  :sad4:

สุดท้าย เราจะรอ อ่านชีวิตหลังฝนของทั้งสองคนในเล่มนะ  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2015 22:45:52 โดย yymomo »

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เริ่มต้นกันใหม่นะสิงหา ภูผา แล้วก็ขอให้พบเจอความสุขและชีวิตที่สดใสเสียทีนะ

ออฟไลน์ narunarutoboyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
รอตอนนี้มานานมาก ดีใจมากๆค่ะ #จบดีจริงๆด้วย ขอบคุณนะคะ
ที่สุดท้ายตอนจบก็ทำให้เรายิ้มได้ เริ่มต้นกันใหม่เนอะ  :กอด1:

มาถึง เธอที่ร้าย ตัวจริงกันดีกว่า ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ ไอ้หน้าหม้อ
สรุปอิคินมันหวังฟันอย่างเดียวใช่มั๊ยคะ เลวที่สุดในเรื่องแล้วมึงอ่ะ
ถ้าจะมีใครบอกว่าเพราะสิงหาไม่ยอมให้เอา...คือสมัยนี้เราอยู่ในยุดที่ ไม่ให้เอาคือเห็นแก่ตัวเเล้วเหรอ?????
คือถ้าคนมันดีจริง รักจริง มันต้องยอมรับได้ดิ ตัวเองดึงดันจะคบกับเค้า ทั้งๆที่เค้ายังมีใครอีกคนในใจ
เฮอะ!!! สุดท้ายมันนั่นแหล่ะโคตรไม่จริงใจที่สุดในเรื่องซะงั้น #เธอที่ร้ายตัวจริง
แล้วเบียร์รู้เรื่องนี้มั๊ยคะ เป็นคนผลักดันเพื่อนแท้ๆ ไม่เห็นพูดถึงเลย....



ปล.ดีใจอีกครั้ง อ่านเเล้วมันอิ่มใจมากเลยสำหรับตอนจบ หนังสือซื้อแน่ๆค่ะ รอหน่อยน๊าาาาาา
จิตติแต่งดีทุกเรื่อง ดีขึ้นเรื่อยๆ รอเรื่องใหม่นะคะ เอาที่ไม่เครียดน๊าาาาา คึคึ
คราวหน้าลองเป็นย้อนยุคดูมั๊ยคะ ดราม่าของยุคสมัยน่าจะมีให้จิตติเล่นได้เยอะ
...แต่อย่าเยอะนะคะ หนูใจมิแข็งเเรง  :m13:


เป็นกำลังใจและขอติดตามผลงานทุกเรื่องเลยค่าาาาาา  :L2:

ออฟไลน์ ice-cream

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านไปก็ร้องไห้ไปกับสิงหา ขอบคุณที่กลับมานะภูผา ถึงเวลาหยุดร้องไห้แล้วเริ่มต้นใหม่สักที

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านนะคะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ถ้าไม่ใช่พี่ภูก็คงจะเป็นคนอื่นไม่ได้จริงๆ นะคะสำหรับสิงหา เพราะขนาดว่าเจ้าตัวเขายินยอมพร้อมใจที่จะตกเป็นของพี่คินแล้ว ก็ดันมีเหตุให้ได้เลิกลากันไปเสียก่อนจนได้ ดีใจจริงๆ ค่ะที่พี่ภูกลับมา :heaven

ส่วนพี่คิน ก่อนตกลงคบกันพี่คินก็ต้องรู้ได้ตัวเองบ้างล่ะว่าเวลาแค่ไม่กี่เดือนคงเปลี่ยนใจสิงหาไปทั้งหมดเลยไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดว่าพี่เขาจะหมดความอดทนได้เร็วขนาดนี้เหมือนกันนะคะเนี่ย คือจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย

ขอบคุณค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
 :heaven

มีความสุข จบแบบชีวิตทั้งคู่มีความสุข ได้เจอได้อยู่กับคนที่รัก
อดสงสารไม่ได้ ที่ไปตัดสินใจคบคิน เสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า

ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆสนุกๆให้อ่านกันนะคะ


ปล. เคืองไอ้พี่คินจริงๆ ถ้าจะเข้ามาในชีวิตสิงหาด้วยเรื่องแบบนี้ อย่าเข้ามาเลย

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
แล้วนึกอยากจะไปก็ไป จะมาก็มา?

 :really2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
ทำไมเราอ่านตอนจบแล้วร้องไห้กับฉากสุดท้าย ไม่ได้รู้สึกเสียใจ แต่เป็นความดีใจที่สองคนนี้ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ไม่อยากให้จบแค่นี้ แต่ก็คิดว่าจบแบบนี้ก็สวยงามดีนะ

ออฟไลน์ มิวม๊าว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นตอนจบที่หน่วงมากๆ จริงๆก็หน่วงมาเยอะ TT
แต่กลับให้ข้อคิดแฝงไว้หลายๆอย่างตั้งแต่ที่เราอ่านมา
มันไม่ใช่ตอนจบที่มีความสุข แต่เป็นตอนจบที่ทำให้เราจดจำนิยายเรื่องนี้ได้เลยแหละ

- ขอบคุณมากนะคะ -

ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
บอกก่อนๆ ว่าชอบนิยายเรื่องนี้มากกกกก เขียนดีมากกกก อ่านแล้วอินไปกับอารมณ์ตัวละคร มันเป็นตัวละครที่จับต้องได้

ชอบอ่ะชอบแบบนี้

สุดท้าย ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ แบบนี้ให้อ่านนะคะ :) 

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
สิงหา ก็เกือบจะเป็นซึมเศร้าตามพี่ภูไปอีกคน ยังดีที่เข้มแข็งผ่านมันมาได้
พี่ภู หลีกหนีไปรักษาตัว แต่ไม่บอกลาน้อง ใจร้ายมาก
คิน ตอนแรกทำเหมือนจะดี ดูแลสิงหา แต่สุดท้ายก็หวังเซ็กส์ สรุป คือ ไม่ได้รักน้องจริงซินะ

ขอบคุณ คุณจิตติ ที่เขียนให้ทั้งสองได้มาเจอกันอีกค่ะ

ออฟไลน์ bittertam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เราดีใจมากที่จบดี มันโล่งไปหมด คือเหมือนเป็นรางวัลให้คนอ่าน เป็นรางวัลให้สิงหากับภูผาที่เจ็บปวดทุกข์ทนมาตลอด รักแฝงเจ็บปวดมาตลอด กว่าจะผ่านความยากลำบาก กว่าจะผ่านทุกๆอย่างมาได้ สุดท้ายแล้วเขาก็ได้กลับมาเจอกันสักที มันคือรางวัลจริงๆค่ะ ชีวิตต่อไปของภูผากับสิงหาจะเป็นยังไงก็ไม่รู้แหละ จะรักกันได้นานขนาดไหน วันนึงจะเลิกรากันไปหรือเปล่ามันก็ไม่สำคัญแล้ว ความรักครั้งนี้ของทั้งคู่มันล้ำค่ามากจริงๆทั้งสำหรับคนอ่านแบบเรา และกับตัวของภูผาและสิงหาเองด้วย

พอดีเรามาอ่านรวดเดียวตั้งแต่ตอนที่16จนตอนจบ ตอนที่ภูผาโดนครอบครัวเอาตัวไป เราร้องไห้เลยจริงๆ สงสารสิงหามาก ทั้งๆที่ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว สู้ด้วยกันมาถึงขนาดนี้แล้ว เหมือนที่ทำมามันหายไปหมดเลย มีค่าเท่ากับศูนย์ มันเจ็บใจเนอะ แต่ก็อาจจะเพราะภูผาเองก็ไม่อยากเห็นน้องลำบาก เพราะรักมากเลยอยากจะหนีไปสู้ด้วยตัวเอง

แล้วตอนที่สิงหาตกลงคบกับคินนะ โหยยย โกรธมาก โกรธอะไรไม่รู้ละ น่าจะโกรธสิงหานี่แหละ ใจตัวเองยังบอบช้ำอยู่เลย ทำไมถึงไปลองเสี่ยงกับรักใหม่ ถึงที่ผ่านมาคินจะดูแลมาตลอดก็เถอะ สุดท้ายคินก็ออกลาย สงสารน้องมาก :katai1: แต่ก็นะ เหมือนทำให้สิงหาคิดได้นะ เราชอบที่น้องคิดจะหยุด หยุดที่จะลองมีรักใหม่ ไม่ใช่ว่าสนับสนุนให้สิงหารอหรือฝังใจกับภูผา แต่อยากให้สิงหาเยียวยาหัวใจตัวเองก่อน ทิ้งช่วงทิ้งระยะก่อน เราชอบรายละเอียดช่วงนี้จริงๆค่ะ และท้ายที่สุดภูผาที่ร้ายก็กลับมา อิอิ

สำหรับตอนจบที่ดีแบบนี้ ทำให้โล่งใจมากจริงๆค่ะ ประทับใจมาก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องค่ะคุณจิตติ
รอติดตามผลงานใหม่นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
 :mew1:

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ตอนจบสวยงามมาก แอบน้ำตาซึม เราชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกก เขียนดี ดราม่าปวดตับโครตๆๆ ป.ล. ตั้งแต่อ่านมาหมดน้ำตาไปหลายลิตรมาก  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้กลับมาเจอกันซะที ทีนี่คงจะได้มีความสุขกันซะทีแล้วนะภูผาสิงหา หมดทุกข์หมดโศกกันซะที

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ kukkikkooka

  • insomnia~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
ฮือออออออออออออออจริงๆตอนไปนี่ก็กลัวว่าจะจบแบบภูผาไม่กลับมาหรือเปล่า

แต่พออ่านจนจบก็ ปริ่มค่ะเขาเริ่มต้นกันใหม่ ฮึก

เสียน้ำตาไปเยอะมากเช่นกัน

เป็นนิยายที่หน่วงจิตมากกยันตอนจบเลยค่า แต่ชอบบบมากกกก

ออฟไลน์ Flowerrice13

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด