ใต้ตึกศูนย์เรียนรวมสี่ยามบ่ายวันศุกร์ที่อาจารย์งดวิชาแลปอาหารภาคบรรยาย ท่ามกลางเหล่านิสิตชายหญิงที่เดินสวนกันไปมาขวักไขว่ สามทหารเสือจับจองโต๊ะช่วยกันนั่งเขียนรายงานกลุ่มวิชาจิตวิทยามาได้พักใหญ่แล้ว
“ไม่ไหวแล้วอีเหี้ย”
ถึงตรงนี้เจ้าของเส้นผมสีชมพูก็สบถออกมา เด็กหนุ่มตัวสูงเงยหน้ามองเพื่อนวางปากกา รีบพูดว่า “หยุดเลย ร่างส่วนของมึงต่อเดี๋ยวนี้ เส้นตายห้าโมงเย็นส่งห้องอาจารย์ลืมแล้วเหรอ”
“แต่มือขวาของกูมันกำลังร้องไห้!” ไดนาไมต์ทำหน้าเหยเก สามสียกมือข้างที่ว่างชี้หน้าเพื่อนทั้งๆ ที่ยังไม่ละสายตาจากกระดาษ “เอาตูดเขียนเดี๋ยวนี้ วินาทีเดียวก็มีค่าไอ้ห่า เร็ว”
“ไอ้เปรมมึงดูไอ้สาม...เฮ้ย!” ไดนาไมต์สะดุ้ง เบื้องหน้าปรากฏภาพพ่อครัวก้มหน้าเขียนรายงานด้วยมือทั้งสองข้าง เด็กหนุ่มผมสีชมพูจุ๊ปาก “ไอ้เหี้ยเปรมโคตรเจ๋ง นี่มึงถนัดทั้งสองมือเลยเหรอวะ”
เปมทัตสั่นหัว “เปล่าอะ ถนัดมือเดียว”
“เอ้า แล้วเขียนสองมือทำเหี้ยไร” ไดนาไมต์ขมวดคิ้ว เปรมตอบทั้งที่ไม่ยอมเงยหน้า “เห็นมือซ้ายว่างๆ กูกลัวมือขวาหมันไส้เลยให้มันได้ใช้แรงงานพร้อมๆ กัน”
“เป็นความเกรงใจที่ไร้ประโยชน์อะไรแบบนี้” สามสีบ่น ไม่ลืมที่จะพูดว่า “ไอ้ไดมึงอย่าช้า เดี๋ยวก็ได้แดกไข่กันทั้งวงหรอก เร็ว” ไดนาไมต์มองเพื่อนสองคนก้มหน้าเขียนรายงานกันอย่างขะมักเขม้นแล้วถอนหายใจ ขานรับเสียงยานคาง
“คร้าบ...”
พลันดวงตางูก็เหลือบไปเห็นใครบางคนเดินลงมา ไดนาไมต์โบกมือส่งเสียงทักทายอย่างร่าเริง “เม! ทางนี้ๆ!”
“อ้าว ได” ครูคณิตหันมามองแล้วส่งยิ้มสดใส เจ้าของเส้นผมสีชมพูกวักมือเรียกคนตัวเล็กด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม “เมจ๋า...มานี่หน่อยสิ เลิกเรียนแล้วเหรอ”
“เลิกแล้ว” เมธาหย่อนตัวนั่งลงข้างพ่อครัว เขาวางพจนานุกรมเล่มใหญ่ลงบนโต๊ะขณะกวาดตามองสภาพโรงงานนรกตรงหน้าอย่างนึกทึ่ง “สุดยอดเลย ส่งรายงานเหรอ”
“ใช่จ้ะ เส้นตายห้าโมงเย็นนี้ล่ะ โอ๊ย!” ไดนาไมต์ร้องลั่นเมื่อโดนสามสีเอื้อมมือมาเบิ๊ดกะโหลกดังแบ๊ะ เด็กหนุ่มตัวสูงพูดลอดไรฟัน “เต๊าะเมอยู่ได้ ทำงานสักทีไอ้ฉิบหายนี่!”
“ใจร้าย!” คนโดนตบหัวบ่น เมธาหัวเราะท่าทางนั้น เอ่ยปากถามอย่างใจดี “มีอะไรให้เราช่วยไหม”
“นี่เลยจ้ะเม” ไดนาไมต์รีบยื่นส่วนของตัวเองให้ทันที สามสีเงยหน้าแยกเขี้ยว “ไอ้ได! นิสัย!”
“ไม่เป็นไรหรอก เอามาได้เลย เขียนเรื่องจิตวิทยาเหรอ” เมธาอ่านหัวข้อคร่าวๆ บนกระดาษแล้วพยักหน้าหงึกหงัก “อ๋อ ตัวนี้เราเคยเรียนแล้ว เดี๋ยวช่วยร่างนะ”
“ทำไมถึงได้เป็นคนดีขนาดนี้ เมมีแฟนรึยังเนี่ย ถ้าไม่มีเราจีบได้ปะ...โอ๊ย!” ไดนาไมต์ยังพูดไม่ทันจบพลันใครบางคนก็คว้าหัวเขาจากด้านหลังดับหมับ หมอนั่นออกแรงบีบจนเด็กหนุ่มผมสีชมพูต้องนิ่วหน้า “เชี่ย ใครวะ เจ็บนะโว้ย!”
“ฮาย”
ผู้มาใหม่คือเด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาล ใบหน้าหล่อร้ายฉีกยิ้มกว้างให้เพื่อนตางูทั้งที่ข้างขมับปรากฏเส้นเลือดปูดโปน “หวัดดีไดเพื่อนร้าก”
สามสีเหลือบมองท่าทางนั้นแล้วเหงื่อตก นั่นสินะ ไอ้ไดมันยังไม่รู้นี่ว่าสองคนนี้...
“ไอ้เหี้ยเอื้อ! แล้วมึงมาบีบหัวกูทำไมเนี่ยมันเจ็บนะ!” ไดนาไมต์แยกเขี้ยว ก่อนจะหันไปทางคู่หู “ฮือสาม...เจ็บอะ”
“สมควรไอ้สัด อยากอู้ดีนัก” ถึงจะว่าแบบนั้นแต่ก็ยังอุตส่าห์สละมือข้างที่วางมายีผมปลอบใจไอ้ตัวแสบ ไดนาไมต์มองเอื้ออังกูรหย่อนตัวนั่งคั่นระหว่างเขากับเมธา ถามว่า “มึงเลิกเรียนแล้วเหรอ”
“เออ รอคนที่บ้านมารับ” เอื้ออังกูรตอบ ถึงตรงนี้เด็กหนุ่มผมสีชมพูก็ก้มลงช่วยคู่หูเขียนรายงานต่อแล้ว ปิศาจร้ายหันไปมองคนตัวเล็ก ถามเสียงทุ้ม “เลิกแล้วเหรอ”
“เลิกแล้ว” เมธาตอบทั้งที่ไม่เงยหน้าจากรายงาน เอื้ออังกูรขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ชอบใจกับการกระทำนั้น “การบ้านนั่นมันสำคัญกว่าฉันรึไง”
สิ้นประโยคเมธาถึงยอมเงยหน้า กระพริบตาปริบๆ “คือ...เมช่วยพวกเปรมทำงานอยู่น่ะ”
“ไหน” เอื้ออังกูรแย่งกระดาษไปจากคนตัวเล็ก เมธามองอีกฝ่ายพยักหน้าอ่านข้อความในมือด้วยใบหน้าล้อเลียนแล้วขมวดคิ้ว ปีศาจร้ายเอาแต่ใจอีกแล้ว “เอื้อ โตแล้วนะ เอาคืนมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ให้ เก่งจริงก็แย่งไปดิ” ปิศาจร้ายแลบลิ้นใส่กวนประสาท เมธายกมือกุมหัวอย่างหมดหนทาง
ตอนนั้นเองที่พ่อครัวกำลังตั้งใจเขียนรายงานอย่างขะมักเขม้น พลันอ้อมแขนใหญ่ก็คว้าตัวเขาจากข้างหลังดังหมับเสียจนกายบางสะดุ้ง เปมทัตตาเหลือกร้องอุทานดังลั่น
“แหก! ตาตี๋ตกต้นตาลตอตาลตำตูดตาตี๋ตายใต้ต้นตาล! ไอ้เหี้ยใครวะ!” พ่อครัวพยายามหันไปมอง ก่อนจะโดนริมฝีปากเหยียดตรงจุ๊บลงข้างแก้มเข้าให้ ทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครเปรมก็แก้มร้อนผ่าว
“กุ๊กพูดไม่เพราะ” ดวงตายาวรีคู่นั้นทอประกายดุปนเอ็นดู พอรู้ตัวว่าโดนกอดอยู่เปมทัตก็อ้าปากโวยวาย “ปละ...ปล่อยก่อนน่า! ฉันมีงานต้องรีบส่งนะ!”
“อยากกินพะโล้” เด็กโข่งก้มกระซิบข้างหูอย่างออดอ้อน เปมทัตหลับตาปี๋หน้าแดงเถือก รีบพูดว่า “รู้แล้วๆ เดี๋ยวกลับไปจะทำให้กิน ปล่อยฉันสักที!”
“ครับ”
เท็นขโมยหอมแก้มคนตัวเล็กอีกรอบก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระแล้วหย่อนตัวนั่งลงข้างกัน ตอนนั้นเองที่เกิดเสียงฮือฮาขึ้นด้านหลัง เรียกกลุ่มคนใกล้ๆ ให้หันไปมอง
“มึงจำไว้เลยนะไอ้เหี้ยไฟ!” เปมทัตเงยหน้าทันทีเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู ตามด้วยอีกเสียงที่ชวนตงิดไม่แพ้กัน
“กูผิดอะไรเนี่ย!” เจ้าของประโยคตัดพ้อเป็นเด็กหนุ่มเส้นผมสีแดงเพลิงล้อมกรอบใบหน้าหล่อเหลา เขายืนจ้องเด็กหนุ่มตัวเล็กเบื้องหน้า ดวงตาแมวคู่งามนั้นฉายแววเอาเรื่อง
“ก็มึงทิ้งถุงฝรั่งกูไปทำไมอ้ะ!”
“ก็กูบอกว่ากูขอโทษ! กูนึกว่าถุงขยะเลยโยนทิ้งไง ไอ้ห่ามึงงอนกูเรื่องนี้เหรอ” ไฟถามกลับ โชทำหน้าจะร้องไห้ “แต่อันนั้นมันของร้านป้าเจ้าอร่อยเลยนะเว้ย! กูอุตส่าห์วิ่งตามรถเข็นป้าแกกว่าจะได้ซื้อมาอะ!”
“กูขอโทษไงไอ้เหี้ย กูซื้อไร่ฝรั่งให้มึงเลยยังได้ปะวะ” อัคคีส่งเสียง ชลันธรแทบตะโกนใส่ “มันไม่เหมือนกันมั้ยล่ะ! ไอ้เหี้ยไฟ! ไอ้คนไม่ละเอียดอ่อน กูเกลียดมึง!” ดวงตาแมวกวาดมองไปรอบๆ พลันก็สะดุดเข้ากับใบหน้าที่คุ้นเคย
“ไอ้เปรมมมม”
“อ่าวฉิบหายละ” เปมทัตรีบก้มหน้าเขียนรายงานต่อทันที ไม่น่าหันไปสบตาแม่งเลยให้ตาย ถึงตรงนี้โชก็วิ่งมากอดเขา ร้องไห้แบบไม่มีน้ำตาอยู่ข้างหู “เปรมมึงดูไอ้เหี้ยไฟดี้ มันเอาถุงฝรั่งกูไปทิ้งอ้ะ!”
“เออกูรู้แล้ว”
พ่อครัวเหงื่อตก ถึงตรงนี้ไฟก็มานั่งแทรกระหว่างเขากับสามสี บอกว่า “ไอ้โชมึงอย่ามาเล่นพวกแถวนี้ มึงฟังกูไอ้เปรม มึงเข้าใจปะว่ามันเหมือนถุงขยะอะ กูทิ้งไปเพราะกูเข้าใจว่าเป็นขยะกูผิดเหรอวะมึงคิดดู”
“ไอ้เหี้ยไฟมึงหยุดเลย!”
“มึงสิหยุดไอ้โช!”
“หยุดแม่งทั้งคู่นั่นแหละ! ใครส่งเสียงดังอีกกูจะตัดลิ้นเอาไปให้ตัวเหี้ยกิน!” เป็นสามสีที่ตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด พลันคู่กัดก็พร้อมใจกันยกมือปิดปากตัวเองดังหมับ
ไฟยังมีแก่ใจเหลือบตาไปกระซิบถามพ่อครัวว่า “มึง...ตัวเหี้ยกินลิ้นคนด้วยเหรอวะ”
“มึงอยากลองไหมล่ะ” เปมทัตทำหน้าเหนื่อย ตอนนั้นเองที่เขาเขียนส่วนของตัวเองสำเร็จ “เยส! เสร็จแล้วโว้ย! ยังไม่ห้าโมง! ไอ้ห่ากูรอดแล้ว!”
“ส่วนของไดนาไมต์ก็เสร็จแล้วนะ” เมธายื่นกระดาษซึ่งเกลาถ้อยคำเรียบร้อยแล้วให้เด็กหนุ่มผมสีชมพู ฝ่ายหลังหันมาทำตาเป็นประกาย อ้าแขนโผตัวเข้าไปหา “หูยเมน่ารักจัง ขอบคุณมาก ขอจะ...”
ทว่าเมื่อเจอกับสายตาอาฆาตจากปิศาจร้ายข้างๆ ไดนาไมต์ก็ได้แต่กลืนคำว่า ‘จุ๊บ’ ลงคอไป รีบตั้งสติปรับเสียงใหม่แล้วพูดว่า “ขะ...ขอจับมือสักทีได้ไหมครับ”
เมธากระพริบตางงๆ แต่ถึงแบบนั้นก็ยอมยื่นมือให้จับแต่โดยดี
“ไอ้สัด! เสร็จแล้วเว้ย!” ถึงตรงนี้สามสีก็ส่งเสียงออกมา เปมทัตหันขวับ ดวงตาสีนิลเกิดประกายวูบแล้วเปิดปาก “งั้นก็หมายความว่า!”
“รายงานของพวกเรา!” ไดนาไมต์ต่อให้ ตอนนั้นเองที่สามทหารเสือสบตากันก่อนจะประสานเสียงออกมา
“เสร็จแล้วโว้ย!! วู้ๆๆๆๆๆๆๆ” พลันพวกมันก็ลุกขึ้นรำวงสามช่ากันรอบโต๊ะเสียเดี๋ยวนั้น เรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้างได้ชะงัด ปล่อยให้อีกห้าชีวิตนั่งมองตาปริบๆ
โชพยักหน้าตาโต “โห...ขนาดนี้เลยเหรอวะ”
“น่ากลัวสัด” อัคคีพนมมือคล้ายป้องกันสิ่งชั่วร้าย ตอนนั้นเองที่เมธาหันไปถามเพื่อนสมัยเด็ก “เท็นทำอะไรอยู่เหรอ?” ทุกสายตาบนโต๊ะหันไปมองทศทิศที่กำลังเปิดพจนานุกรมเล่มใหญ่อยู่
เมื่อสามทหารเสือหย่อนตัวนั่งลงว่าที่คุณหมอก็เปิดปาก “อ่านหนังสือรอกุ๊ก”
“พจนานุกรมเนี่ยนะ?” เอื้ออังกูรทำหน้าคล้ายไม่อยากจะเชื่อ เท็นหน้าตึง “แล้วจะทำไมล่ะ”
“พอเลยไอ้คู่นี้” เปมทัตยื่นมือเข้าไปคั่นกลางพลางส่งเสียงห้าม นึกสงสารเมธาที่นั่งอยู่ระหว่างสงครามกลางเมืองขึ้นมาจับใจ ถึงตรงนี้ไฟก็ชะโงกหน้ามามอง เขาเปิดปาก “ท.ทหารเหรอ? อ้าว นี่ชื่อมึงนี่”
“ไหน” เท็นก้มหา อัคคีออกเสียงอ่านคำบนกระดาษ “นี่ไง ‘ทศทิศ’ แปลว่า ‘ทิศทั้งสิบ’...เนี่ยยยย!” ก่อนจะขมวดคิ้ว “เอ้า ก็ตรงตัวเลยนี่หว่า? กูตื่นเต้นอะไรวะ”
“พ่อบอกว่าชื่อของเรามาจาก ‘ผู้ชนะทั้งสิบทิศ’” เท็นบอก ไดนาไมต์เลิกคิ้ว “แล้วชื่อเล่นมึง ‘เท็น’ ก็แปลว่า ‘สิบ’ ด้วยนี่หว่า เจ้าของชื่อพยักหน้า “บ้านเรามีชื่อเล่นเป็นตัวเลขกันมาตั้งแต่ก่อนรุ่นปู่แล้ว”
“อย่างหมอแปดกับคุณสองสินะ” อัคคีทวนชื่อพ่อกับแม่ของเพื่อนสมัยเด็กแล้วยิ้มออกมา “เฮ้ย บวกกันได้สิบพอดีเลยนี่หว่า เจ๋งว่ะ”
ทว่าเอื้ออังกูรกลับเบ้ปาก “จริงๆ ‘ทศทิศ’ แปลว่าเดินหลงมันไปทุกทิศเลยรึเปล่าแหม ทำมาเป็น”
“เอื้อ!” เมธาหันไปตีแขนคนรักด้วยแววตาคาดโทษ
“แน่จริงเข้ามา” ดวงตายาวรีของว่าที่คุณหมอฉายแววเอาเรื่อง ร้อนถึงพ่อครัวต้องโผเข้ากอดแขนเด็กโข่งไว้ไม่ให้พุ่งไปตีกับปีศาจร้ายได้ “ไม่เอาน่าเท็น ใจเย็นๆ สิ”
ถึงตรงนี้อัคคีก็เอาพจนานุกรมไปครองแล้ว มือหนาเปิดไปหน้าอักษรป.ปลา บอกว่า “ไอ้เปรม มีชื่อมึงด้วยนะ” ตามด้วยโชที่ชะโงกหน้าเข้ามามองอย่างสนใจ “ไหนๆ...หูย ‘เปมทัต’ แปลว่า ‘ผู้ให้ความรัก’ ว่ะ”
เมธาที่นึกขึ้นได้จึงยิ้มออกมา “แบบนี้นี่เอง ชื่อเล่น ‘เปรม’ แปลว่า ‘ความชอบใจ’ พอเอามารวมกับชื่อจริงเลยกลายเป็น ‘ผู้ที่ชอบใจจะให้ความรัก’ งั้นสินะ”
“สมกับมึงดีนะ” สามสีเอ่ยปาก ถึงตรงนี้ไดนาไมต์ก็ส่งเสียง “แล้วกูล่ะๆ”
“ชื่อมึงก็แปลว่าระเบิดไม่ใช่รึไง” ไฟหรี่ตา เด็กหนุ่มสีชมพูสั่นหัว “ฮื้อ เอาชื่อจริงดิ”
“เออว่ะ ไอ้ไดชื่อจริงอะไรวะ กูยังไม่รู้เลยจนถึงป่านนี้” เอื้ออังกูรเกิดความสงสัย ไดนาไมต์ตอบเรียบๆ
“ดนัย”
“...”
เด็กหนุ่มดวงตางูเงยหน้ามองเมื่อทั้งวงตกอยู่ในความเงียบ ร้องว่า “อะไรเล่า! มีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเลยไม่ได้รึไง! ไอ้เหี้ยเปรมมึงก็รู้ไม่ใช่เหรอแล้วจะมาอึ้งอะไรอีก”
“กูลืมไปแล้วนะเนี่ย” พ่อครัวทำหน้าช็อค อัคคีเปิดไปหน้าตัวอักษรด.เด็ก อ่านว่า “‘ดนัย’ แปลว่า ‘ลูกชาย’”
“...ธรรมดาจัง” เท็นเปรยออกมาแทนความในใจของทุกคน ไดนาไมต์มุมปากกระตุก กัดฟันพูด “ต้องแปลว่า ‘ลูกสาว’ ใช่ไหมพวกมึงถึงจะกรี๊ดกัน”
“ไอ้สามอะ?” โชส่งเสียง เมธากระพริบตา “ก็เป็นชื่อสายพันธุ์แมวไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่” เด็กหนุ่มตัวสูงพยักหน้าง่ายๆ เปรมบอกว่า “ชื่อจริงกับชื่อเล่นมึงอันเดียวกันเลยนี่ น้องมึงก็ชื่อเก้าแต้มด้วย”
“พี่น้องพันธุ์แมวเหมียวนี่หว่า น่ารักว่ะ” ชลันธรหันไปยิ้มให้สามสี อัคคีเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะกระแอมไอเรียกร้องความสนใจ “อะแฮ่ม! ต่อไปใครยังไม่ได้รับการเอ่ยนามครับ?”
“เราๆ” ครูคณิตยกมือ หมอยาเปิดพจนานุกรมไปหน้าตัวอักษรม.ม้า เมื่อเจอชื่อเพื่อนจึงอ่านออกเสียง “‘เมธา’ แปลว่า ‘ความฉลาด’” ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นสบตาเจ้าของชื่อแล้วผงกหัว “เหมาะกับมึงแล้วเม”
“ไหนเอามาดูมั่ง” ชลันธรแย่งพจนานุกรมไปจากมืออัคคีหมายค้นหาความหมายชื่อตัวเอง ทว่ามือกลับเปิดไปเจอหน้าตัวอักษรอ.อ่างเข้า “เฮ้ยเอื้อ มีชื่อมึงด้วย”
“ไหนๆ” พ่อครัวขยับตัวเข้าไปสุมหัวด้วยอีกคน อ่านออกเสียง “เห...‘เอื้ออังกูร’ แปลว่า ‘อุดหนุนเชื้อสายวงศ์สกุล’” เจ้าของชื่อได้ยินแล้วยักไหล่อย่างภูมิใจ เท็นพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ทำให้ล่มจมสิไม่ว่า”
“ว่าไงนะ!” เอื้ออังกูรแยกเขี้ยวแล้วโถมตัวเข้าไปหา ร้อนถึงเมธาที่ต้องช่วยเป็นบังเกอร์กั้นระหว่างทั้งคู่อีกจนได้ “โอ๊ย เลิกกัดกันสักทีเถอะน่าทั้งสองคน”
“ชื่อไอ้ไฟคงไม่ต้องเปิดหาหรอกมั้ง” สามสีมองคนข้างๆ ไดนาไมต์พูดกลั้วหัวเราะ “ไอ้เหี้ย มึงนามสกุล ‘เพลิงพิโรธโชติช่วงชัชวาล’ จริงดิ ฟังตอนแรกกูนึกว่าเล่นมุข”
“มุขห่าไรล่ะ นามสกุลกูผู้หญิงทั้งประเทศอยากใช้นะเว้ย!” อัคคียักคิ้ว ก่อนจะแสร้งทำเหนื่อยใจ “มีแต่แมวบางตัวนี่แหละที่จะได้ใช้อยู่แล้วแต่ไม่เห็นความสำคัญ”
สามสีเห็นเด็กหนุ่มตาแมวหันขวับกัดฟันกรอด จึงรีบแทรกว่า “ว่าแต่มึงเนี่ย ชื่อเล่นว่า ‘ไฟ’ ชื่อจริงยังแปลว่าไฟ แล้วนามสกุลยังแปลว่า ‘ไฟที่ลุกโชน’ อีก...มึงไม่ร้อนเหรอวะ?”
“กูถึงฮอตขนาดนี้ไงเพื่อน” อัคคีทำหน้าประมาณว่า ‘ก็มันช่วยไม่ได้นี่ที่ฉันหล่อ’ เสริมว่า “บ้านกูคล้ายบ้านไอ้เท็นอะ ใช้ชื่อที่มีความหมายว่า ‘ไฟ’ กันมาตั้งแต่ก่อนรุ่นปู่เหมือนกัน”
“อย่างลุง ‘เปลว’ สินะ” เท็นพูดชื่อพ่อของอีกฝ่ายคล้ายคิดถึง ชลันธรได้ยินแล้วจึงหันไปฉีกยิ้มล้อเลียนใส่คู่กัด “ว้ายๆ พ่อชื่อ ‘เปลว’ เหรอจ๊ะ”
“เออ ชื่อพ่อตามึงอะ ไหว้ซะสิ” ไฟเอ่ยปาก โชปิดปากฉับด้วยพวงแก้มที่ร้อนฉ่า เขาตีหลังหมอยาดังอั้กคล้ายระบายอารมณ์ ลดเสียงแทบกระซิบ “...พ่อมึงไอ้เหี้ยไฟ”
“เหลือไอ้โชสินะ” พจนานุกรมเล่มใหญ่เวียนไปอยู่ในมือไดนาไมต์แล้ว เขาอ่านออกเสียง “‘ชลันธร’ แปลว่า ‘ทะเลหรือมหาสมุทร’...” เมื่อนึกขึ้นได้จึงพูดว่า “เดี๋ยวนะ นามสกุลมึงคือ ‘อุทธิอัณณ์’ ถูกมะ?”
“แม่น” เด็กประมงพยักหน้ารับ เมธากระพริบตา “ถ้าจำไม่ผิด ‘อุทธิ’ แปลว่า ‘ทะเล’ นี่?”
“‘อัณณ์’ ก็แปลว่า ‘แม่น้ำ’” ตอนอ่านผ่านๆ เมื่อกี้ทศทิศเปิดเจอ พลันพ่อครัวก็โพล่งว่า “แบบนี้นี่เอง ในกลุ่มเรามีคนที่ชื่อแปลว่า ‘ไฟ’ กับ ‘น้ำ’ แบบสุดโต่งอยู่ด้วยสินะเนี่ย”
“แถมยังเรียนประมงอีกต่างหาก” อัคคีถอนหายใจ ชลันธรได้ยินชื่อคณะตัวเองจากปากอีกฝ่ายก็แทบกระโจนใส่หมอยา “แล้วจะทำไม! ไม่พอใจอะไรก็พูดมาเซ่!”
“โอ๊ยประเด็นอ่อนไหว! พอเลยไอ้ห่า!” ร้อนถึงสามสีที่นั่งใกล้ๆ ต้องช่วยจับแยก เอื้ออังกูรหรี่ตามองภาพนั้น พูดว่า “กูว่าไอ้โชนี่น้ำมันมากกว่ามั้งเนี่ย”
“แล้วพวกเปรมไม่ต้องไปส่งงานอาจารย์เหรอ?” ถึงตรงนี้เมธาก็พูดขึ้นมา เปมทัตทำหน้าคล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้ “เออว่ะ งั้นเอาไปส่งกันเลยไหมล่ะ”
“มึง กูฝากส่งได้ปะวะ นี่สามโมงสิบกูกะจะแว้นไปธนาคารในม.หน่อยอะ น่าจะทัน” สามสีลุกขึ้นเก็บของ พ่อครัวเอียงคอ “ก็ได้อยู่หรอก มึงไปทำอะไรวะ?”
“ไอ้เก้าฝากโอนเงินซื้อของอะ นิยายห่าไรมันไม่รู้นี่” สามสีวางกระดาษเขียนยอดโอนกับเลขบัญชีปลายทางลงบนโต๊ะแล้วสะพายกระเป๋า ไดนาไมต์หยิบขึ้นมาดู “ค่าอะไรวะ 1,380 บาท?”
“ค่านิยายมันกับค่าพัสดุรวมกันอะดิ” สามสีล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกุญแจรถ “เรื่อง ‘เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ’ อะไรเนี่ยแหละ สามเล่มจบเซ็ตละ 1,250 เก้าบอกสนุกมาก เห็นมันร้องไห้ร้องห่มอยากจะได้”
“ต้องรีบขนาดนั้นเลยเหรอวะ” โชถามบ้าง สามสีถอนหายใจ “มันบอกกดจองในเว็บได้ถึงวันนี้ แต่จริงๆ โอนได้ถึงวันที่ 10 ตุลาคม น้องกูใจร้อนก็เลยอยากรีบโอนให้มันเสร็จๆ ไป”
“เรื่องเป็นไงวะ” ไฟอยากรู้ เด็กหนุ่มตัวสูงทำหน้านึกอยู่ครู่หนึ่ง “เป็นเรื่องของหมอกับกุ๊กอะ เจอกันในคืนนึงตอนที่นายเอกกำลังเก็บแลป แล้วพระเอกก็มาล้มอยู่ห้องข้างๆ...”
“เอาชุดนึง”
ตอนนั้นเองที่เท็นแทรกขึ้น ทั้งวงหันขวับ สามสีกระพริบตา “ว่าไงนะ?”
“เราเอาด้วยชุดนึง เท่าไหร่?” ทศทิศควักกระเป๋าตังค์ออกมาแล้ว เปรมกลอกตาเลิกลัก ไม่รู้ทำไมถึงร้อนแก้มขึ้นมา “เดี๋ยวสิเท็น เอาจริงเหรอ”
“เออ ก็ได้อยู่หรอก 1,250 บาทอะ เก้าบอกว่าคู่รองเรื่องนี้สนุกนะ” สามสีรับเงินจากทศทิศมาแล้ว ไดนาไมต์ถามว่า “เรื่องของคู่รองเป็นไงวะ”
“คนนึงเรียนเภสัชคนนึงเรียนประมงอะ ไอ้เก้าบอกว่าคู่นี้ได้กันฟินมาก...”
“กูเอาด้วย!” พลันไฟก็ยกมือขึ้นเรียกสายตาทั้งวงให้หันมาจับจ้อง นายแบบหนุ่มหันไปมองหน้าเพื่อนผมแดง “มึงเอาจริง?” จริงไม่จริงจนถึงตอนนี้หมอยาก็ควักกระเป๋าเงินขึ้นมาแล้ว
“เป็นผีบ้าอะไรเนี่ย!” โชผลักไหล่คนข้างๆ เต็มแรง แก้มกลมร้อนฉ่าอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“อ๋อ กูนึกออกละ เรื่องนี้ไอ้ตาลก็อ่านนี่หว่า เห็นมันเคยมาเล่าให้ฟังอยู่” ไดนาไมต์ทุบกำปั้นลงกับฝ่ามืออีกข้าง ส่งเสียง “ที่อีกคู่เป็นเด็กเศรษฐศาสตร์กับเด็กศึกษาใช่ปะ”
ตุ้บ!
สิ้นคำเอื้ออังกูรก็วางเงินลงกลางโต๊ะทันที เขาสบตาสามสี พูดว่า “อันนี้ของกู”
“...”
บรรยากาศรอบข้างเงียบไปชั่วอึดใจ สามสีเก็บเงินเพื่อนขึ้นมาช้าๆ พูดว่า “ขอบคุณที่ใช้บริการครับ”
“เออ งั้นแยกย้ายกันตรงนี้นะ กูจะขึ้นไปส่งงานละ” เปมทัตกระชับเล่มรายงานที่ใส่สันรูดเรียบร้อยแล้วในมือ พูดว่า “เท็นรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา”
“เข้าใจแล้ว” เด็กโข่งพยักหน้ารับ เป็นจังหวะที่ไดนาไมต์ลุกขึ้นหมายจะไปเดินไปส่งงานเป็นเพื่อนพ่อครัว พลันเด็กหนุ่มผมสีชมพูก็นึกขึ้นได้ ร้องว่า “จริงสิ ไอ้เรื่องที่พวกมึงสั่งซื้อกันเมื่อกี้อะ มันมีคู่รองอีกคู่ด้วยนะ”
เจ้าของดวงตางูบอกว่า “เป็นคู่ของเพื่อนสนิทอะ ไอ้ตาลมันลุ้นคู่นี้มากเลย ไม่รู้ตอนจบได้กันมั้ย เขาว่ามีตอนพิเศษคู่นี้ในเล่ม”
ไฟผงกหัวเข้าใจ “คนเขียนร้ายเหมือนกันนะเนี่ย แต่เอาเถอะ ในกลุ่มเราไม่มีใครสนใจคู่นี้อยู่แล้วนี่”
“นั่นสิ แล้วกูพูดทำไมวะ” ไดนาไมต์ทำหน้าไม่เข้าใจตัวเอง ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใคร่ใส่ใจ “แล้วเจอกันพวกมึง กูไปส่งงานกับไอ้เปรมละ” สามสีมองคู่หูโบกมือลาพวกที่เหลือเงียบๆ
อืม...เขาเองก็เอาบ้างสักชุดก็แล้วกัน
****************************************************** *
สวัสดีค่าาา า
ตอนนี้เขียนมาเพื่อโปรโมตให้สั่งจองกันเลย
แต่เหมือนจะไม่ทันในนี้สินะคะ 55555555 5
ปิดจองไปเมื่อชม.ที่แล้วเองค่า T__T ใครพลาดเล่มพิเศษไปก็ไม่ต้องเสียใจน้า
สามารถสั่งซื้อย้อนหลังได้ทางเว็บค่ะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ
ดีใจที่มีคนยอมกดจองสั่งซื้อเอาพวกไอ้แสบไปนอนกอดเล่นที่บ้านด้วย
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ เลยค่ะ
ในส่วนของตอนพิเศษนี้ นอกจากโปรโมตแล้วจริง ๆ จูนอยากอธิบายชื่อของแต่ละคนด้วยค่ะ
แบบว่าชื่อพวกเขามีที่มานะ แล้วก็สอดคล้องกับลักษณะนิสัยและครอบครัวอีกด้วย
ถ้าอ่านแล้วรู้สึกสนุก หรือหลุดหัวเราะออกมาสักนิด จูนก็มีความสุขมากแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมานะคะ
**เพิ่มเติมค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ กดจองกับโอนเงินภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2559 จะยังได้ของแถมอยู่นะคะ**
โค้งสุดท้ายแล้วค่าา า ฮือออ อ ไปกดจองกันเยอะ ๆ น้า เล่มพิเศษกับพวงกุญแจและกระเป๋าผ้ารออคุณอยู่
ป.ล. เล่มพิเศษพลาดแล้วพลาดเลยน้า อยากให้อ่านมาก ๆ เลยค่ะ จริง ๆ 55555555 5
ขอบคุณทุกคนที่กดจองกันเข้ามานะคะ
แล้วเจอกันค่าาาา า