(ต่อ)
บรรยากาศในพื้นที่จัดงานเต็มไปด้วยความคึกคัก เหล่าแขกเหรื่อทยอยกันเดินเข้าคฤหาสน์มา ใกล้ๆ ประตูทางเข้านั่นเอง นายอัคคี เพลิงพิโรจน์โชติช่วงชัชวาลกำลังยืนหัวร่อต่อกระซิกกับกลุ่มนางแบบสาวอย่างออกรสออกชาติ พวกเธอพยายามอย่างมากที่จะหาช่องทางติดต่อกับเด็กหนุ่ม
“คุณไฟ วันไหนว่างไปทานข้าวกับซินดี้หน่อยสิคะ” หญิงสาวอกโตผิวแทนกอดแขนออเซาะเขาอย่างออดอ้อน ไฟเผยยิ้มเจ้าเสน่ห์ “วันไหนดีครับ”
“ขี้โกงนี่นา ลอร่าเองก็อยากไปกับคุณไฟเหมือนกันนะ!” แหม่มสาวผิวขาวผมทองไม่ยอมแพ้ เธอรีบจับจองแขนอีกข้างของหมอยา ตามด้วยสาวๆ ที่เหลือส่งเสียงแย่งเขากันระงม พ่อหนุ่มเจ้าเสน่ห์หัวเราะ
“งั้นก็ไปกันหมดนี่เลยเป็นไงครับ ผมเลี้ยงเอง”
“ว้ายยยย ไฟนี่ล่ะก็” กลุ่มหญิงสาวร้องวี้ดว้าย เรียกสายตาอิจฉาจากเหล่านายแบบหนุ่มที่มาเพื่อหวังสาวสวยไปเชยชมได้เป็นทิวแถว
ตอนนั้นเองที่หน้าประตูเกิดเสียงฮือฮา
“ไม่จริงน่า...เขามาด้วยเหรอเนี่ย” หญิงสาวคนหนึ่งในงานส่งเสียง
ผู้มาใหม่คือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมสันทรงอำนาจ ดวงตาคมกริบคู่นั้นเปี่ยมด้วยเสน่ห์ลึกลับจนสาวน้อยสาวใหญ่สองข้างทางต้องร้องครวญครางอย่างลุ่มหลง ร่างนั้นสวมสูทและนาฬิการาคาแพง ก้าวเข้าคฤหาสน์มาอย่างองอาจราวกับพญาราชสีห์
“นั่นใคร?” ไฟถามออกมา ลอร่าที่กอดแขนเขาอยู่บอกว่า “ไฟไม่รู้จักเหรอคะ คนนั้นคือคุณ ‘เจมินาย’ บอสมาเฟียทางตอนใต้ของอิตาลีค่ะ” เธอมองชายหนุ่มด้วยสายตาชื่นชม “เขาสมบูรณ์แบบมากๆ แถมยังเปลี่ยนแฟนทุกอาทิตย์...”
“เขาว่าลีลาบนเตียงของคุณเจเขาสุดยอดมากเลยนะเธอ” ซินดี้หันมาเม้าท์ ก่อนพวกสาวๆ จะร้องกรี๊ดกร๊าด ไฟคิ้วกระตุก เฮ้ๆ พูดเรื่องแบบนี้กันโต้งๆ เลยจะดีเหรอ
อัคคีกำลังจะละสายตาจากร่างนั้น ทว่าใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กันก็ทำให้เขาต้องหันหลับไปมองอีกครั้งจนได้
“ขอตัวก่อนนะครับ” ไฟแกะมือนางแบบสาวออก พวกเธอทำท่าจะไม่ยอม ทว่าพอเห็นดวงตาคมกริบคู่นั้นฉายแววคุกรุ่นแล้วจึงยอมถอยฉากให้โดยดี
ถึงตรงนี้ผู้คนรอบข้างก็หันไปพูดคุยกันตามปกติแล้ว ไฟเดินไปหยุดเบื้องหน้าร่างเล็ก
“โช”
หมอยาเรียก เจ้าของชื่อมองเขาอย่างนึกอึ้ง รีบเบือนหน้าหนี ไฟโพล่งถามว่า “โทรไปทำไมไม่รับ”
“เธอเป็นใคร?” เจมินายส่งเสียง อัคคีเหลือบมองร่างใหญ่ พอคิดว่าไอ้หมอนี่มันควงคนตัวเล็กมาเดินโชว์แล้วก็โกรธจนพูดไปว่า “มันไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ไม่ได้หรอกหนุ่มน้อย ในเมื่อฉัน...” เจมินายทำท่าจะพูดต่อ ทว่ากลับโดนหลานชายเอาตัวมาบังไว้ ชลันธรพูดเสียงแข็ง
“ขอโทษเดี๋ยวนี้! มึงไม่มีสิทธิ์พูดกับเขาแบบนั้น!”
“อ้อ ปกป้องกันด้วยหรอ” ไฟจ้องเด็กประมง โชเม้มริมฝีปาก ดวงตาคู่เล็กทอประกายเจ็บปวด ตอนนั้นเองที่มือหนายื่นเข้ามาคว้าแขนเขาไว้
“นี่!” เด็กประมงร้อง หมอยาเหลือบมองมาเฟียหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดว่า “ขอยืมตัวหมอนี่เดี๋ยว”
เจมินายมองหลายชาย เห็นฝ่ายหลังยืนก้มหน้าก่อนจะถูกลากออกไป
ไฟลากโชมาหยุดที่น้ำพุสามชั้นหน้าคฤหาสน์ ฝ่ายหลังพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากมือใหญ่ ใบหน้าติดหวานบูดบึ้งอย่างเอาเรื่อง
“ทำไมไม่รับสายกู” ไฟถาม ชลันธรหลบสายตา ตอบเสียงห้วน “มือถืออยู่หอเพื่อน”
“โกหก ไอ้เปรมบอกว่าเมื่อคืนมันยังคุยกับมึงอยู่เลย” หมอยาจับคนตัวเล็กให้หันมาเผชิญหน้า โชตวาดใส่ร่างใหญ่อย่างโมโห
“เออ! กูโกหก กูไม่รับสายเพราะกูไม่อยากคุยกับมึง พอใจรึยัง!”
ไฟขมวดคิ้ว เผลอบีบแขนอีกฝ่ายแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว “มึงเป็นอะไร วันก่อนเรายังคุยกันดีๆ อยู่เลยไม่ใช่รึไง”
“กูเกลียดมึง!” โชนิ่วหน้าเพราะเจ็บแขน เขาตะโกนใส่หน้าคนตัวใหญ่ “ปล่อยกู!” พยายามง้างมือหนาที่ล็อคเขาแน่นราวกับคีมเหล็กออก เมื่อไร้ผลจึงกระทืบเท้าอีกคนจนร่างสูงร้องโอ๊ยแล้วรีบผละหนี
“จะไปไหน เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง!” ทว่าไฟไวพอที่จะคว้าคนตัวเล็กกลับมา โชที่ถูกจับได้ก็หลับหูหลับตาตะโกนใส่ “ปล่อยกู! อย่ามาจับ!”
“เจมินายเป็นอะไรกับมึง” ไฟถามสิ่งที่คาอยู่ในใจ โชตวัดตา “อย่ามาเรียกชื่อเขาห้วนๆ แบบนั้นนะ!”
ไฟขมวดคิ้ว พอได้ยินแบบนี้เขาก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้ว หมอยาสบตาคนตัวเล็กที่กลับมาก้าวร้าวเหมือนวันแรกที่เจอกัน พูดออกมาว่า
“อ้อ...เป็นคู่ขากันนี่เอง”
“ว่าไงนะ?”
“พวกนางแบบบอกว่าเจมินายเปลี่ยนคู่นอนบ่อยมาก...” ไฟแสยะยิ้ม
“มึงคงเป็นรายล่าสุดของมันล่ะสิท่า!”
เพียะ!
ใบหน้าหล่อเหลาหันไปตามแรงตบ ไฟเบือนหน้ากลับมาช้าๆ ดวงตาคมกริบทอประกายวาวโรจน์ โชตะคอกเสียงกร้าว “โสโครก! สมองอย่างมึงก็คิดได้แค่นี้แหละ!”
“แล้วจะคิดเป็นแบบไหนได้อีก!” มือหนาบีบแขนโชเสียจนกระดูกเล็กแทบแตก “เดินควงกันเข้างานกันมาขนาดนั้นถ้าไม่ใช่มันเลี้ยงมึงอยู่แล้วจะเป็นอะไร! โช!”
ดวงตาเหมือนแมวคู่นั้นจ้องกลับมาอย่างเจ็บปวด เสียงห้าวติดหวานตะโกนจนสั่นพร่า “กูจะเป็นอะไรกับเขามันก็เรื่องของกู! มึงไม่เกี่ยว!”
ไฟสูดลมหายใจลึก พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “ดี! งั้นก็เชิญมึงกลับไปอ้าขาออเซาะมันได้เลย!”
โชจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ ดวงตาคู่เล็กแดงก่ำ เด็กประมงตะโกนใส่หน้าคนตัวใหญ่ “เออ!!!” ก่อนจะสะบัดแขนออกแล้วก้าวขาฉับๆ กลับเข้างานไป
ไฟก้มหน้า ดวงตาคมกริบทอประกายเจ็บปวด
เปรมทรุดตัวลงนั่งหลังทำส่วนของตัวเองเสร็จ เขาปล่อยที่เหลือให้มาเรียกับกลุ่มพ่อบ้านจัดการ ในขณะที่สามสียังผละออกมาไม่ได้ เด็กหนุ่มตัวสูงบอกให้พ่อครัวไปสมทบไดนาไมต์ก่อน เปมทัตจึงเดินออกจากห้องครัวหลักมาพร้อมถุงเสื้อผ้าเพียงลำพัง จุดหมายคือห้องน้ำสำหรับเหล่าพ่อบ้านเพื่อเปลี่ยนชุด
พ่อครัวเปิดประตูบานใหญ่เข้าไป ด้านในมีห้องน้ำเล็กๆ แยกไปอีกสามห้อง เปรมเลือกห้องแรก ไม่นานนักก็ออกมาพร้อมชุดสูทสั่งตัดสีฟ้าอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาในงานที่ถูกบันดาลอย่างงดงามราวกับสรวงสวรรค์
เปมทัตเจอไดนาไมต์ที่นั่น เด็กหนุ่มผมสีชมพูถามว่า “ไอ้สามอะ?”
“เหมือนส่วนของหวานจะมีปัญหานิดหน่อย มันเลยไล่กูออกมาก่อน” เปรมบอก ถามกลับ “ไอ้ไฟล่ะ?”
“เมื่อกี้ยังคุยกับสาวอยู่เลย ตอนนี้ไม่ไหนแล้วไม่รู้” ไดนาไมต์ชะเง้อคอมองหา เขาแวบไปเติมอะไรใส่ท้องมาเมื่อกี้ “งานนี้คงมีแค่มึงกับกูแล้วแหละ” เด็กหนุ่มหาหมอยาไม่เจอ สรุปแผนการว่า “เดี๋ยวพอพ่อของเท็นกล่าวปราศรัยกับเป่าเทียนบนเค้กเสร็จมันจะเป็นช่วงพบปะ เราจะเอาคลิปไปให้เขาดูในตอนนั้น”
“ตกลง” พ่อครัวพยักหน้า ลดเสียงลง “ชาร์ลอตต์ล่ะ?”
“กูเห็นตรงบันไดเมื่อกี้แวบๆ แต่ไม่อยู่แล้ว สงสัยข้าไปแต่งตัวละมั้ง ก็เธอเป็นเซอร์ไพรส์ของงานนี่” ไดนาไมต์ตอบ เปรมมองไปรอบๆ คนในสูทสีดำพูดว่า
“ถ้าไอ้เท็นล่ะก็ยังไม่ลงมาหรอก เห็นว่าต้องเปิดตัวพร้อมกับเจ้าบ้านตามธรรมเนียมน่ะ”
เปรมคิ้วกระตุก เขายกพันช์ผลไม้ในมือดื่มแก้เขิน บ่นอุบ “กะ กูก็ไม่ได้มองหาเท็นสักหน่อย...” ไดนาไมต์พยักหน้าล้อๆ พูด ‘ครับๆ’ แล้วกระดกน้ำในมือของตัวเอง
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นแถวบันไดกลาง ก่อนไฟรอบข้างจะดับลงแล้วพุ่งไปทางผู้มาใหม่บนชั้นสองเป็นจุดเดียว ปรากฏผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่สองคนยืนซ้อนกัน
คนหน้าเป็นชายวัยกลางคนสวมสูทสีขาวสั่งตัดราคาแพง ใบหน้าหล่อเหลาไม่ส่อเค้าอารมณ์ใด เส้นผมสีดำสนิทหวีเสยขึ้นอย่างมีภูมิฐาน เขาคือเจ้าบ้านรุ่นปัจจุบัน...หมอแปดแห่งคฤหาสน์เกียรติยวานนท์
ตามมาด้วยลูกชายในชุดสูทสีมุก ใบหน้าของเขาคล้ายบิดาตอนหนุ่ม ทั้งคู่เดินลงบันไดกลางมา ราวกับเจ้าชายสีขาวและอัศวินสีมุกก็มิปาน ผู้คนเบื้องล่างส่งเสียงฮือฮา มองความสง่างามของสองพ่อลูกอย่างชื่นชม
“ต่อไปจะเป็นการกล่าวปราศรัยของเจ้าบ้านนะครับ” พิธีกรจากทีมออแกไนซ์ที่ออกัสประสานงานให้ส่งเสียง หมอแปดก้าวขึ้นไปบนแท่นเล็กๆ ที่จัดเตรียมไว้ ไมโครโฟนอยู่ในระดับริมฝีปากของเขาพอดี
“สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอบคุณที่สละเวลามาร่วมงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของผมในปีนี้” สิ้นประโยคแรกเสียงปรบมือก็ดังขึ้นจากทั่วสารทิศ ดวงตาทุกคู่จ้องมองเจ้าบ้านอย่างชื่นชม หมอแปดกล่าวปราศรัยจนจบด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทว่าเสียงทุ้มนั้นกลับน่าฟังและจริงใจ
กำหนดการต่อไปคือเป่าเทียนฉลองวันเกิด พนักงานร้านเค้กเจ้าประจำเดินเข็นถาดเค้กปอนด์ใหญ่เข้ามาตรงกลาง ไฟในห้องดับลง มีเพียงแสงจากเทียนบนหน้าเค้กเท่านั้นที่ส่องสว่าง
หมอแปดก้มตัวเป่าให้เทียนดับ ไฟในห้องเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงปรบมือแสดงความยินดีจากผู้มาร่วมงาน
“หลังจากนี้ขอให้ทุกท่านทำตัวตามสบายจนกว่าจะถึงช่วงท้ายงานครับ” พิธีกรประกาศ
พื้นที่จัดงานกลับมาคึกคักอีกครั้ง ก่อนเท็นจะโดนหญิงสาวมากมายเข้ามารายล้อม นายน้อยของคฤหาสน์สนทนากับพวกเธออย่างสุขุมและสง่างาม เปรมมองภาพนั้น ก่อนจะถูกเพื่อนสะกิดให้ดูหมอแปดที่ปลีกตัวแยกไปอีกทาง
“ไปกันเถอะ” ไดนาไมต์เดินนำ พ่อครัวคืนแก้วให้บริกรแล้วเดินตาม
ทว่าเรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะทันทีที่พวกเปรมขยับก็มีชายฉกรรจ์สี่นายตรงปรี่มาทางพวกเขา ไดนาไมต์มองขึ้นไปบนชั้นสองโดยอัตโนมัติ สบตากับแม่เลี้ยงตัวแสบที่จ้องลงมาพร้อมใช้นิ้วปาดคอกลางอากาศแทนคำว่า ‘ตาย’
ไดนาไมต์คว้าแขนเพื่อนวิ่งออกประตูไปทันที
“อะไรวะ!” พ่อครัวหันกลับไปมองด้านหลังขณะหนี ไดนาไมต์ที่วิ่งอยู่ข้างๆ กัดฟันกรอด “ฝีมือชาร์ลอตต์ ตอนนี้มีสามคน เดี๋ยวมึงกับกูแยกกันคนละทาง วนไปจัดการมันหลังคฤหาสน์”
“เข้าใจแล้ว” เปรมพยักหน้า พวกเขาหยุดเท้าหน้าน้ำพุเตรียมแยกย้าย
ตอนนั้นเองที่พ่อครัวสวมกอดเพื่อน ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทอีกฝ่ายแล้วกำมือออกมา ตะโกนเสียงดังว่า “เดี๋ยวกูเอาคลิปไปให้เจ้าบ้านเอง! มึงไปตามกำลังเสริมมา!”
ชายฉกรรจ์คนหน้าสุดเห็นแล้วร้องว่า “คลิปอยู่ที่ไอ้สูทฟ้า! คนหนึ่งมากับกู อีกสองคนตามไอ้หัวชมพูไปอย่าให้มันเรียกพวกมาได้! เรียกกำลังเสริมมาช่วยกูจับไอ้สูทฟ้าด้วย!”
“ครับ!” ลูกน้องขานรับอย่างแข็งขันก่อนจะกระจายตัวตามคำสั่ง ไดนาไมต์มองพ่อครัววิ่งออกไป เขาล้วงกระเป๋ากางเกง แฟลตไดรฟ์สีเข้มยังคงนอนอยู่ในนั้น
เด็กหนุ่มหัวเราะแห้ง “มุกนี้เลยเหรอวะ...”
“ขอกำลังเสริมด่วน!” คนสุดท้ายที่ยังอยู่ตะโกนใส่วอแล้ววิ่งมาทางไดนาไมต์ เด็กหนุ่มผมสีชมพูสะดุ้ง ก่อนจะหันหลังแล้วออกตัววิ่ง
เปรมวิ่งมาอีกทาง หัวเราะในลำคอเมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์หลงเชื่อเขาเสียสนิท
“เอาคลิปจากมันมาให้ได้!”
พ่อครัวแกว่งแขนให้อีกฝ่ายอย่างยียวน แน่นอนว่าในมือนั้นว่างเปล่า เปมทัตจงใจใช้ตัวเองเป็นนกต่อ เขาเชื่อว่าไดนาไมต์จะต้องหาทางเอาคลิปไปให้เจ้าบ้านดูได้ทันเวลา
ตอนนี้มีคนวิ่งตามเปรมเพิ่มมาเป็นเจ็ดคน ขณะกำลังคิดหาวิธีจัดการอยู่ในใจก็โดนสองในนั้นวิ่งแซงมาดักหน้า พ่อครัวตัดสินใจเร่งความเร็ว พอได้จังหวะจึงหยุดฝีเท้าแล้วสปริงตัวถีบหนึ่งในนั้นจนมันล้มกลิ้ง
“หนอย!” อีกคนที่แซงดักหน้าพรวดเข้ามาจะต่อยพ่อครัว เด็กหนุ่มเอี้ยวตัวหลบ ย่อตัวเตะสกัดขามันจนร่างใหญ่ล้มตึง ก่อนจะทรุดฮวบกอดขาตัวเองด้วยใบหน้าเหยเก
เจ็บโว้ย! กระดูกพวกนี้มันทำจากเหล็กรึไงวะ!ยังหายใจไม่ทันโล่งคอก็โดนอีกคนกระโจนเข้าหา พ่อครัวกลิ้งหลบรีบลุกขึ้นวิ่ง ทว่ายังช้ากว่ามือใหญ่ที่ยื่นเข้ามาคว้าหลังเสื้อสูทสีอ่อนเอาไว้ เปมทัตกระทืบเท้าใหญ่จนอีกฝ่ายร้องลั่น ก่อนจะย่อตัวถอดเสื้อสูทแล้วหันไปวาดขาเตะก้านคอจนมันหงายหลังนอนแน่นิ่ง
ถึงตรงนี้เปรมก็เริ่มหอบหนัก เหงื่อเม็ดหนึ่งไหลลงข้างแก้มพ่อครัว แย่ล่ะสิ เขารับมืออีกสี่คนไม่ไหวแน่ เปมทัตทำงานหนักมาค่อนวันเพิ่งจะได้พัก นี่มีแรงวิ่งออกมาได้ก็ปาฏิหาริย์แล้ว
พวกมันล้อมเด็กหนุ่มเป็นวงกลม เปรมสูดลมหายใจ ตวัดตามองไปรอบๆ อย่างคิดหนัก
แล้วหนึ่งในสี่ก็จู่โจมเขา พ่อครัวหลบทันหวุดหวิดรีบสวนเข้าไปหมัดหนึ่ง ทว่าด้วยเรี่ยวแรงที่ใกล้หมดลงจึงสร้างความเสียหายให้มันได้ไม่มากนัก
มีหนึ่งคนอาศัยจังหวะที่พ่อครัวเผลอพรวดเข้ามา
ผัวะ!
มุมปากพ่อครัวฉีกจนเลือดไหล พ่อครัวนอนหมอบอยู่บนพื้นหญ้าก่อนจะถูกตัวหัวหน้าขึ้นทับแล้วจับเขาค้นตัว มือสีเข้มจับต้องตัวเขาอย่างไร้มารยาท ก่อนจะได้ยินเสียงสบถ
“แม่งเอ๊ย!” มันเตะกลางลำตัวพ่อครัวอย่างระบายอารมณ์ “ไอ้เหี้ยนี่มันหลอกพวกเรา!”
“ว่าไงนะ!” อีกคนส่งเสียง เปรมหัวเราะหึ เขาถุยเลือดลงพื้นก่อนจะถูกพี่เบิ้มกระชากท้ายทอยให้หันไปเผชิญหน้า “มึงจะแฉอะไรคุณชาร์ลอตต์!”
“อยากรู้เหรอ...” พ่อครัวเหยียดยิ้มกวนประสาท “เต้นให้ดูก่อน”
“ฮึ่ย!” มันเหวี่ยงเปรมกระแทกพื้นดังอัก คนเจ็บหัวเราะในลำคอ ตอนนั้นเองที่หนึ่งในลูกน้องจับคางของเขาให้เชิดขึ้น พูดว่า “หลอกพวกกูขนาดนี้ต้องโดนสักหน่อยล่ะมั้ง”
พวกมันสบตากัน เปมทัตหัวเราะ “ตีนเหรอ?”
หัวหน้าแสยะยิ้ม “เร้าใจกว่านั้นเยอะ”
เปรมเลิกคิ้ว ก่อนจะเข้าใจสถานการณ์ทันทีเมื่อไอ้หัวหน้ายื่นมือมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเขา
“พ่อมึง!” เปมทัตด่า พยายามดันร่างใหญ่ที่คร่อมทับตัวเองออก ไอ้หัวหน้ามองผิวกายคนเจ็บแล้วจุ๊ปาก “หึม ขาวเหมือนกันนะมึงเนี่ย แต่แสบขนาดนี้คงต้องโดนให้หงอสักหน่อยล่ะมั้ง”
“ไอ้สัด!” พ่อครัวง้างเท้ายันตัวอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะถูกหนึ่งในลูกน้องจับให้แยกออก ขณะเดียวกันอีกสองคนก็พยายามปลดเข็มขัดเขา เปมทัตเบิกตากว้าง ออกแรงดิ้น “นี่ตกลงพวกมึงโกรธหรือพวกมึงเงี่ยนเนี่ยยย”
“เอาน่า มาสนุกกันเถอะ” มีลูกน้องคนหนึ่งปลดเข็มขัดเขาได้แล้ว พ่อครัวยกแขนกันใบหน้า พยายามดันแก้มไอ้หื่นอีกคนที่พยายามจะจูบเขาออกสุดแรง ตะโกนเอาตัวรอด “โอ๊ยยย กูเป็นเอดสสส์ กูเป็นเอ๊ดสสสส์”
“โวยวายแท้วะ!” ไอ้หัวหน้ากางเสื้อเชิ้ตพ่อครัวออกเผยให้เห็นผิวกายขาว มันผิวปากหวือ “หูย โคตรเด็ดเลยว่ะ” เปมทัตจะร้องไห้ ใจอยากเกิดเป็นทศกัณฐ์เหลือเกินในเวลานี้ เขาต้องการยี่สิบกรเพื่อรับมือพวกมัน
จังหวะที่ไอ้พี่เบิ้มโน้มหน้าลงมานั่นเอง...
ผัวะ!
อยู่ๆ ร่างของมันก็ลอยหวือข้ามหัวพ่อครัวไป ตามด้วยเหล่าลูกน้องที่ทยอยถูกดึงออกจากตัวเขาไปจัดการทีละคน เกิดเสียงตุบตับตรงปลายเท้าเปมทัต ตามด้วยร้องส่งเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดจากชายฉกรรจ์
ไม่นานนักรอบข้างก็สงบลง พ่อครัวยันตัวนั่งช้าๆ ผู้มาใหม่เป็นชายสวมหน้ากากขาวในชุดสูทสีมุก ช่วงขายาวสมส่วนก้าวเข้ามาหา เปรมสะดุ้งยามอีกฝ่ายย่อตัวนั่งติดกระดุมเสื้อให้เขา
มือใหญ่ปรนนิบัติอย่างอ่อนโยนเสียจนหัวใจพ่อครัวเต้นไม่เป็นระส่ำ
ตึกตัก...ตึกตัก...
สองสายตาสบกันเนิ่นนาน เปมทัตยื่นมือเข้าไปช้าๆ...ถอดหน้ากากสีขาวของอีกฝ่ายออก
“กุ๊ก...”
ดวงตายาวคู่งามสะท้อนภาพพ่อครัว ด้านหลังร่างสูงคือร่างของชายฉกรรจ์ในสภาพกึ่งพิการ กระดูกพวกมันคดงอบิดเบี้ยวจนมองเห็นได้ชัดจากภายนอก
“โหดร้ายจังนะ” เปรมแตะแก้มเด็กโข่งยิ้มๆ ฝ่ายหลังหน้าตึง พูดว่า “มันลวนลามกุ๊ก”
เปมทัตหัวเราะ ก่อนจะโดนเท็นกระโจนใส่จนเขาหงายหลังไปบนพื้นหญ้า วงแขนใหญ่โอบล้อมเข้ามา ตามด้วยจมูกโด่งสันที่กดลงบนแก้มพ่อครัวดังฟอด
“นี่ก็ลวนลามนะเนี่ย...” เปมทัตพูดยิ้มๆ เท็นสบเขา พูดว่า “เปล่าสักหน่อย”
“เปล่าอะไร กอดเขาอยู่เห็นๆ” เปรมหยอก แม้จะล้าไปทั้งตัวแต่ปากพ่อครัวยังยียวนได้อยู่ ตอนนั้นเองที่เขาโดนเด็กโข่งเล่นทีเผลอยื่นหน้าเข้ามาแตะริมฝีปาก
จุ๊บ...
แถมยังพูดด้วยสีหน้าจริงจังอีกว่า
“นี่เป็นค่าอาหารต่างหาก”
ในเวลาเดียวกัน ไดนาไมต์กำลังวิ่งหนีไปทางด้านหลังของคฤหาสน์
ไอ้เปรมจะไหวไหมนะ...“ไอ้หนู! หยุดเดี๋ยวนี้!” หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ตะโกนมาจากด้านหลัง เด็กหนุ่มหรี่ตาพร้อมเร่งฝีเท้า ใครมันจะไปยอมหยุดให้โง่กันฟะ
ไดนาไมต์เห็นพวกมันเรียกกำลังมาสมทบ ทั้งหมดห้าคน...เขานับจำนวนอยู่ในใจ สมองก็เร่งคิดหาวิธีรับมือ ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็ตกอยู่ในวงล้อม
“มึงหนีไม่รอดแล้วไอ้หนู!” หนึ่งในนั้นตะโกนใส่หน้าเขา ตามด้วยเสียงหัวเราะจากคนที่เหลือ ไดนาไมต์สูดลมหายใจลึก เขาถอดเสื้อสูทออกช้าๆ ก่อนจะพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นอย่างไม่รีบร้อน
ดวงตาคล้ายงูจับจ้องกลุ่มชายฉกรรจ์อย่างหมายมาด ริมฝีปากเด็กหนุ่มเหยียดยิ้มแสยะ
“งั้นมาเล่นกัน!”
กลับมาในพื้นที่จัดงานเลี้ยง ชลันธรมองเจมินายยืนเจรจาธุรกิจกับคนในแวดวงอย่างเป็นการเป็นงานแล้วปลีกตัวออกมา เขาไม่ถูกโรคกับการสวมหน้ากากเข้าสังคม ยิ่งในสภาพจิตใจแบบนี้ด้วย
เด็กประมงมองหมอยาที่กำลังหัวร่อต่อกระซิกกับกลุ่มนางแบบสาวอย่างออกรสแล้วเบือนหน้าหนี คิดหาอะไรกินแก้เบื่อ เขาหยิบคานาเป้หน้าแหนมสดขึ้นมา กัดมันเข้าไปคำโต
เฮือก!โชเบิกตาโพล่งให้กับความเผ็ดเพราะกัดโดนพริกเข้าไปเต็มๆ ประจวบเหมาะที่บริกรชายคนหนึ่งถือถาดแก้วทรงสูงบรรจุน้ำส้มเดินผ่านมา ชลันธรคว้าเอาไว้โดยไม่เสียเวลาคิด “ขอโทษนะครับ! ขอน้ำหน่อย!”
บริกรสะดุ้ง ร้องห้ามว่า “คุณครับ!”
แต่สายไปเสียแล้ว น้ำส้มหยดสุดท้ายของแก้วลงไปนอนเล่นในท้องของโชเป็นที่เรียบร้อย อาการแสบช่องปากของเด็กประมงค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว เขาคืนแก้วเปล่าให้บริกรด้วยรอยยิ้มเจื่อน
“ขอโทษนะด้วยครับ...แต่ผมเผ็ดมากจริงๆ”
บริกรหนุ่มมองด้วยสีหน้าลำบากใจ “คือ...ผมได้รับคำสั่งให้นำน้ำส้มแก้วนี้ไปให้นายน้อยของคฤหาสน์น่ะครับ” โชฟังแล้วตาโต โค้งคำนับอีกฝ่ายแทบสุดตัว “ขะ...ขอโทษจริงๆ ครับ!”
ตอนนั้นเองที่เจมินายเดินเข้ามา “มีปัญหาอะไร?”
“เอ่อ...” บริกรหนุ่มอ้ำอึ้ง โชรีบหันไปอธิบายว่า “กะ แก้วนี้เป็นน้ำส้มของนายน้อย แต่โชเผ็ดเลยคว้ามากิน...” เจมินายมองหน้าซีดๆ ของหลานชายแล้วหัวเราะออกมา เขาหันไปจ้องบริกรหนุ่มด้วยดวงตาคมกริบ
“ฉันจะชดใช้น้ำส้มแก้วนี้แทนหลานฉันเอง”
“เหวอ! ไม่ต้องหรอกครับ ผมจะเอาแก้วใหม่ไปเสิร์ฟนายน้อยเองครับท่าน!” บริกรหนุ่มโค้งสุดตัวก่อนจะวิ่งออกไป โชมองตามหลังอีกฝ่าย ก้มหน้าเศร้า
“ขอโทษครับ”
เจมินายเลิกคิ้ว โคลงหัวหลานชายไปมา “ไม่เอาน่า มางานปาร์ตี้ต้องสนุกกันสิ”
“อานายเสร็จยังอะ” ชลันธรเปิดปากถาม ร่างสูงหายใจเบาๆ พูดแกมขอร้องว่า “อยู่กับอาอีกแป๊บนึงนะ”
“ก็ได้” โชพยักหน้า ก่อนจะเดินคอตกไปรออีกฝ่ายเจรจาธุรกิจต่อตรงมุมห้องคนเดียวเงียบๆ
อีกฝั่งหนึ่งของพื้นที่จัดงาน ชายหนุ่มผิวเข้มรูปร่างสันทัดลูกน้องของชาร์ลอตต์กำลังยืนสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ เขาแฝงตัวอยู่ในคราบของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ตอนนั้นเองที่บริกรหนุ่มหน้าใสเดินถือถาดเปล่ากลับเข้ามา เขารีบหันไปถามว่า “เป็นไงบ้าง!”
อีกฝ่ายตอบเขาด้วยสีหน้าลำบากใจ “ขอโทษนะด้วยครับ แต่น้ำส้มที่คุณให้ผมเอาไปเสิร์ฟนายน้อยดันมีคนหยิบตัดหน้าไปกินซะแล้วล่ะ...”
คนฟังร้องจนแทบตะโกน “ว่าไงนะ! ใครเอาไปกิน!”
“เด็กคนนั้นครับ” บริกรชายชี้ไปทางเด็กหนุ่มตัวเล็กที่ยืนอยู่เงียบๆ ตรงมุมห้อง ลูกน้องชาร์ลอตต์เบิกตากว้าง
เวรละ...เขาดันใส่ยาทั้งซองลงน้ำส้มแก้วนั้นไปหมดแล้วเสียด้วย ไม่มีของทำแก้วใหม่แล้ว
“ตายห่า กูโดนคุณนายฆ่าแน่ๆ” ชายสันทัดครวญคราง ก่อนจะโบกมือไล่บริกรที่ยืนอ้ำอึ้งเกะกะออกไป ดวงตากร้านโลกจับจ้องเด็กหนุ่มผู้โชคร้าย แล้วมันก็นึกได้ตอนนั้นเอง
“ฉิบหายแล้ว ไอ้หนูนั่นมันมากับคุณเจมินายนี่หว่า!” มันรู้กิตติศัพท์มาเฟียหนุ่มดี ใครที่เข้าไปยุ่งกับของของเจมินายไม่ได้ตายดีสักคน
ซวยละ...ถ้าเกิดเจมินายรู้ว่าไอ้หนูนั่นโดนยาต้องไม่อยู่เฉยแน่ ชายผิวเข้มจ้องเด็กหนุ่มอย่างร้อนรน ยาของชาร์ลอตต์จะออกฤทธิ์ภายในสิบห้านาที
บรรยากาศในงานครื้นเครงไปด้วยเสียงหัวเราะพูดคุยและดนตรีบรรเลง ช่างดูสงบสุขราวกับคลื่นใต้น้ำที่รอเวลาปะทุ จนสิบห้านาทีผ่านไป ชายร่างสันทัดหันกลับไปมองเด็กหนุ่มอีกครั้ง
ยาออกฤทธิ์แล้ว...
****************************************************** *
สวัสดีค่าาาา า

ก่อนอื่นเลย ขอบคุณสำหรับทุกคำอวยพรเลยนะคะ
รอบนี้จูนแต่งตอนที่ 20 กับ 21 โคกันค่ะ เลยเหนื่อยเป็นสองเท่าเลย
แต่เขียนไปก็อินมาก รู้สึกหลุดคล้าย ๆ ตอนภารกิจแรก 55555555 5
ตอนหน้าเข้ามา แม่ยกไฟโชเตรียมป้ายไฟด้วยนะคะ
น่าจะมีอะไรให้ลุ้นกันนิดนึงแหละ 55555555 5
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและทุก ๆ อย่างที่มอบให้กันนะคะ
จูนอาจจะไม่ค่อยได้ตอบอะไรคนอ่านเท่าไหร่
แต่อยากให้รู้เอาไว้ จูนเป็นติ่งพวกคุณนะคะ 55555555 5

เจอกันตอนที่ยี่สิบเอ็ดค่าาาา า