Love Course ! เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ. ตอนพิเศษ "Tenderella" P.74 (17.12.2016)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Course ! เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ. ตอนพิเศษ "Tenderella" P.74 (17.12.2016)  (อ่าน 678985 ครั้ง)

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
หมอแปดแอบน่ารัก
รอตอนต่อปายยย

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
เอื้อนี่เป็นกุญแจหลักที่จะทำแผนนี้ให้สำเร็จเลยสินะ...รางวัลของเอื้อคืออะไรน้า ใช่เมหรือเปล่าน้าาา
ฮือออ...ทำไมออกัสทำกับเท็นแบบนี้  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ทุกคนคิดว่ากุ๊กน่ารักน่าแกล้งไง
เอื้อจะปล่อยให้คนอื่นจีบเมจริงง่ะ อย่ากลืนน้ำลายตัวเองนะเว้ย

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ขำหมอแปดดด จองคนนี้อ่ะ เหมือนเท็นที่สุดแต่ชอบมากกว่าเท็นอ่ะ ชอบหมอแปดดดดดดด

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
สนุก ขำ ฮาาา
โดนออกัสเล่นเสียแล้วเทน 555

แผนคราในี้ต้องไม่ล่มน่ะ
มีเอื้อเข้ามาช่วยทุกอย่างฉลุยแน่ๆ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เทนโดนออกสแกล้ง. แผนจะสำเร็จรึป่าวนั อยากรู้

ออฟไลน์ hnonnoiSK

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทันแล้วววว

มารอดูแผนแก้แค้นของเกื้อ :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ รุ่งนภา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
 :o8: :o8: :o8: :-[ :-[ :-[    โอ้ยยยยยยยฟินอ่ะ

ออฟไลน์ icecreamii8_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ออกัสแกล้งเท็นทำมอยยยยยย 55555555

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
เอื้ออย่าแกล้งน้องเมมากเลย

ขำเท็นกับออกัส55555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3

ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
วันพฤหัสบดีตอนสิบเอ็ดโมงกว่า สามทหารเสือเดินออกมาจากตึกศูนย์เรียนรวมสาม พวกเขาเพิ่งเรียนวิชาสังคมเสร็จ และมีเรียนแลปอาหารภาคปฏิบัติอีกทีตอนเย็น


“ว่างเกือบสี่ชั่วโมงไปไหนดีวะ” ไดนาไมต์ถามระหว่างเดินไปที่จอดรถ สามสีเสนอ “เมเจอร์ฯไหมล่ะ กูอยากกินอาหารญี่ปุ่น”


“ก็ดีนะแอร์เย็นๆ จะได้ตกลงกันเรื่องไปหาหลักฐานที่บ้านเท็นด้วย” เปรมพยักหน้า พวกเขาผ่านทางเดินที่สองข้างขนาบด้วยพุ่มไม้สูง ตอนนั้นเองที่พุ่มไม้ฝั่งหนึ่งเกิดเสียง


ฟุ่บ!


“เหี้ย!!” สามทหารเสือดีดตัวไปแปะกับพุ่มไม้อีกฝั่งอย่างพร้อมเพรียง


ร่างหนึ่งโผล่พ้นพุ่มไม้มาเพียงครึ่งตัวช่วงบน ดวงตาสีนิลคู่เล็กสะท้อนภาพเด็กหนุ่มสามคนยืนตัวแข็งด้วยท่วงท่าชวนขันพลางจ้องเขาหวาดๆ แล้วใบหน้าน่ารักก็เผยยิ้ม


“เม!” สามสีได้สติคนแรก


“สวัสดี” ครูคณิตยิ้มกว้าง ก่อนจะหันไปทางพ่อครัวหน้าเจื่อนๆ “เปรม...”


“อะ...โอ้! โทษที” เปมทัตเพิ่งรู้สึกตัว รีบเข้าไปช่วยดึงร่างครูคณิตออกมาจากพุ่มไม้ ไดนาไมต์ก็เข้าไปช่วยด้วย ถามว่า “นี่ไปไหนเนี่ย”


“เรามีเรียนจิตวิทยาตอนเที่ยงน่ะ” เมธาหัวเราะ ถามบ้างว่า “แล้วพวกนายล่ะ?”


“เราจะไปห้างกันน่ะ” สามสีปัดเศษใบไม้ออกจากผมคนตัวเล็ก ฝ่ายหลังดวงตาเป็นประกาย “โหย ดีจัง”


“ว่าแต่เมนี่เรียนหนักน่าดูเลยนะ” ไดนาไมต์มองเป้ใบใหญ่บนหลังครูคณิตอย่างเหนื่อยแทน เสริมว่า “จริงสิ เย็นนี้พวกเราจะไปหาหลักฐานที่บ้านไอ้เท็นกัน ไปด้วยกันไหม”


เมธายิ้มแห้ง “ขอโทษนะ เรามีเรียนชดถึงหกโมงน่ะคงไปไม่ได้หรอก” พ่อครัวฟังแล้วผงกหัว “อืม ใกล้สอบแล้วนี่ อาจารย์คงแห่กันยัดความรู้ใส่หัวเด็กน่าดูเลย”


“แล้วกลับหอยังไงอะ เย็นขนาดนั้นวินฯหมดแล้วนะ” สามสีถาม เปรมหันไปมองหน้าคนตัวเล็ก “ไม่งั้นเมขี่รถเรากลับหอไหมล่ะ เดี๋ยวทิ้งกุญแจไว้ให้”


เมธาส่ายหน้ายิ้มๆ “ขอบคุณนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเรามีสอนนักเรียนต่ออีก...”


“นักเรียนที่ไหน?” สามสีอดถามไม่ได้ ครูคณิตตอบว่า “ที่เรียนพิเศษน่ะ”


“อ้าว แล้วสอนเสร็จจะกลับหอยังไงอะ?” พ่อครัวขมวดคิ้ว เมธาหันไปพูดว่า “เขาจะไปส่งเราที่หอให้น่ะ”


“นักเรียนเมอะนะ?” เปมทัตย่นคิ้ว คนฟังยิ้มรับ “อื้อ ไม่ต้องห่วงหรอก สบายมาก” 


“หูย ติวกันนอกรอบแบบนี้เป็นเด็กม.ปลายที่ใจกล้าน่าดูเลยนะ แนะนำให้รู้จักบ้างสิ” ไดนาไมต์ตาเป็นประกาย เมธาหัวเราะแห้ง “พอดีเขาใกล้สอบแล้วน่ะ เลยต้องเร่งสอนกันหน่อย”


“เอ้อ พวกเราจะนัดรวมพลวางแผนกันอาทิตย์หน้าด้วย เมมาด้วยกันไหม?” เด็กหนุ่มผมสีชมพูชวนอีก เมธาเอียงคอ “ที่ไหนเหรอ?”


“บ้านไอ้เอื้อ” พ่อครัวตอบ ไม่ทันเห็นหน้าคนฟังที่หม่นลงแวบหนึ่ง ก่อนเมธาจะตอบว่า “อาทิตย์หน้าตารางเรียนเราแน่นมากเลย ไม่รู้ว่าจะไปได้ไหมนะ”


“อ้าวเหรอ เฮ้ยงั้นไม่เป็นไร” เปมทัตพูดอย่างเกรงใจ คนตัวเล็กยิ้มเจื่อน “ขอโทษด้วยนะ”


“พวกมึงปล่อยเมไปเรียนดีไหม จะสายแล้วมั้ง” สามสีเคาะหน้าปัดนาฬิกาที่บอกเวลาสิบเอ็งโมงห้าสิบ สองหนุ่มเด้งตัวออกจากครูคณิตโดยอัตโนมัติ ร้องว่า “จริงด้วย! โทษทีนะเม!”


“ไม่เป็นไร เที่ยวกันให้สนุกนะ” เมธายิ้มให้แล้วเดินออกไป


เปรมกับสามสีสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ ทั้งคู่สวมหมวกกันน็อค รอจนไดนาไมต์วาดขาซ้อนเด็กหนุ่มตัวสูงเสร็จ แล้วอาชาเหล็กสองคันก็พุ่งทะยานออกไป




สามทหารเสือถึงเมเจอร์ฯตอนบ่ายโมงกว่า พวกเขาเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง ไม่นานนักร้านอาหารญี่ปุ่นป้ายสีเหลืองตัวอักษรสีชมพูก็ปรากฏแก่สายตา


ภายในร้านค่อนข้างเงียบสงบเพราะเป็นวันธรรมดา เปรมมองพนักงานชายเก็บเมนูแผ่นใหญ่กลับไปหลังพวกเขาสั่งอาหารเสร็จ ก่อนจะเปิดประเด็น


“กูถามกำหนดการจากออกัสมาละ”


“เออๆ ว่าไง” ไดนาไมต์ที่นั่งข้างสามสีถามอย่างกระตือรือร้น เปมทัตหยิบม้วนกระดาษเอสี่ออกมาจากกระเป๋า กางให้เพื่อนดูพร้อมบอกว่า “นี่คือลำดับแผนงานแต่งของพ่อเท็นที่กูสรุปได้”


สามสีกวาดตามองตัวอักษรบนกระดาษ “เห...แต่งแบบคริสต์งั้นเหรอ”


“เป็นความต้องการของชาร์ลอตต์น่ะ” เปรมบอกตามที่ฟังมาจากออกัส ไดนาไมต์ชะโงกหน้าเข้ามาบ้าง “จัดวันที่ 30 เดือนนี้ เริ่มงานห้าโมงเย็นที่โบสถ์อาสนวิหาร...เฮ้ย กูเคยไปโบสถ์นี้นะ”


“เป็นไง?” เด็กหนุ่มตัวสูงถามทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากกระดาษ นอกจากรูปแบบงาน วันเวลาและโบสถ์แล้ว ที่เหลือก็เป็นขั้นตอนดำเนินงานกับรายละเอียดปลีกย่อยตามปกติ


“ก็สวยดีนะ กว้างดี อยู่ในกรุงเทพฯนี่เอง” ไดนาไมต์บอก ก่อนจะผงกหัว “เออ กูว่ากูพอจะนึกภาพงานออกแล้วแหละ แต่ยังไงก็ต้องรอหลักฐานให้ครบก่อนอยู่ดี”


“งั้นอันนี้ไว้คุยกันอาทิตย์หน้าที่บ้านไอ้เอื้อก็ได้” พ่อครัวเก็บม้วนกระดาษใส่กระเป๋า ถามว่า “แล้วไปบ้านเท็นเย็นนี้พวกมึงจะเอายังไงกัน”


“เหมือนเดิม” ไดนาไมต์ตอบ อธิบายว่า “มึงก็ทำกับข้าวให้ไอ้เท็นกินไป เดี๋ยวกูกับไอ้สามขึ้นไปเก็บหลักฐานเอง”


“มึงให้กูบอกเท็นไหม มันจะง่ายกว่าปะวะ” พ่อครัวเสนอทางเลือก แต่สามสีบอกว่า “เอาตรงๆ กูไม่ค่อยอยากให้บอกว่ะ เราไม่รู้ว่าชาร์ลอตต์จะจู่โจมไอ้เท็นอีกเมื่อไหร่ กูไม่อยากให้มันลำบากใจ”


“แล้วออกัสล่ะ?” เปมทัตถามอีก คราวนี้ไดนาไมต์เป็นคนตอบว่า “ตอนแรกกูก็อยากได้ออกัสมาช่วยนะ เรื่องคงง่ายขึ้นเยอะ แต่ก็เพราะเป็นคนสนิทของเจ้าบ้านนั่นแหละ กูเลยคิดว่ามันเสี่ยงเกินไป”


“ถ้าออกัสรู้เขาต้องช่วยพวกเราแน่ๆ” เปรมพยายามโน้มน้าว สามสีพยักหน้าหงึกหงัก “เออ รู้ แต่จะหลอกฝ่ายตรงข้ามได้มันก็ต้องหลอกพวกเดียวกันก่อนนะเว้ย”


“ให้สองคนนั้นทำตัวตามปกติไปนั่นแหละ พวกเราก็มาช่วยกันหาหลักฐานไง ดีไหมมึง?” ไดนาไมต์สบตาพ่อครัวยิ้มๆ ฝ่ายหลังนิ่งไป ก่อนจะยอมพยักหน้าในที่สุด


“เข้าใจแล้ว”


ตอนนั้นเองที่พนักงานยกชุดอาหารมาเสิร์ฟ ไดนาไมต์ตาเป็นประกาย ร้องว่า “โหย พักกองก่อน หิว” สามสีหัวเราะ “อา กองทัพต้องเดินด้วยท้องล่ะนะ”


บรรยากาศยามบ่ายของวันธรรมดาช่างสงบสุข ในร้านมีลูกค้านั่งกันอยู่ประปราย เปมทัตรู้สึกผ่อนคลายยามได้ยินเสียงเปียโนแว่วหวานเป็นทำนองเพลงเพราะๆ ที่เขารู้จัก


สามทหารเสือนั่งกินข้าวพลางพูดคุยกันสัพเพเหระ ถึงตรงนี้ไดนาไมต์ก็พูดว่า “มึง อยากดูหนัง”


“มะเหงก จะบ่ายสามแล้ว นี่ต้องรีบกลับม.แล้วนะเนี่ย” สามสีคีบไก่ทอดเข้าปากเคี้ยวหยับๆ เป็นจังหวะที่มือถือของเปมทัตแผดเสียงร้อง


พ่อครัวกดรับสาย กรอกเสียงไปว่า “ครับ”


“โหย โดดแลปครั้งนึงไม่ได้เหรอ” ไดนาไมต์นั่งเท้าคางทำตาปริบๆ สามสีหรี่ตามอง คีบข้าวตามเข้าไป พูดเสียงเฉียบ “ไม่ได้!”


“มึง แต่เรายังไม่เคยใช้โควตาขาดเรียนกันเลยนะเว้ย” ไดนาไมต์ส่งเสียงอ้อนอีกว่า “กูเป็นห่วงมึงนะเนี่ยสาม กูไม่อยากให้มึงเครียด”


เด็กหนุ่มตัวสูงตากระตุก “...มึงก็แค่ขี้เกียจเท่านั้นแหละ”


“เอ๊ะจริงเหรอ?” เสียงเปมทัตเรียกอีกสองคนให้หันไปมอง พ่อครัวพยักหน้าหงึกหงัก คุยอีกสองสามคำก่อนจะกดตัดสายด้วยรอยยิ้มกริ่ม


“ว่าไงมึง” สามสีเชิดคางถาม เปรมสะบัดมือคล้ายเชียร์ลีดเดอร์ ร้องว่า “อาจารย์ติดประชุมครับเพิ่ลเพิ่ลลล!”


“หมายความว่า...” ไดนาไมต์ตาโต


“แลปอาหารงดเซคครับผม!” พ่อครัวทำท่าแบบ ‘ถูกต้องนะคร้าบ!’ เด็กหนุ่มผมสีชมพูร้องเฮ สะบัดมือเชียร์ด้วยอีกคน “ว้ายยยย ไม่ต้องเรียนแล้วววว”


“...”


เด็กหนุ่มตัวสูงสั่นหัวหน่ายๆ เขาก้มหน้ากินต่อเงียบๆ ตอนนั้นเองที่ไดนาไมต์ชะโงกหน้ามาเพื่อสบตาด้วย


“...อะไร” สามสีหรี่ตา เด็กหนุ่มผมสีชมพูยิ้มกว้าง “ไปดูหนังกันนะ!”


“เออๆ ไม่มีเรียนแล้วก็ไป” สามสีคีบเนื้อปลาเข้าปากตัดบท ไดนาไมต์หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็คอรอบหนังพลางฮัมเพลงอย่างมีความสุข


ก่อนสมาร์ทโฟนของพ่อครัวจะแผดเสียงอีกรอบ ไดนาไมต์หน้ากระตุก


“อะไร อย่าบอกนะว่าไม่งดแล้วอะ” เสียงนั้นสั้นห้วน เปมทัตมองหน้าจอแล้วหัวเราะ “ไม่ใช่ อันนี้ออกัส”


สามสีหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นคนผมสีชมพูทำหน้าโล่งอก พ่อครัวกดรับสาย “สวัสดีครับ”


(คุณเปรม วันนี้ให้ผมไปรับที่ตึกเรียนเหมือนเดิมใช่ไหมครับ) เปรมมองเพื่อนสองคนที่กำลังตกลงกันเรื่องรอบหนัง ตอบว่า “ใช่แล้ว...เอ่อออกัส แต่วันนี้ไดนาไมต์กับสามสีไปบ้านเท็นด้วยนะ”


(ทราบแล้วครับ) ก่อนไดนาไมต์จะส่งเสียงเรียกพนักงานเก็บเงิน ออกัสได้ยินจึงถามว่า (นี่คุณเปรมอยู่ไหนครับเนี่ย)


“อ๋อ อยู่เมเจอร์ฯอะ ออกัสเอาอะไรมั้ย?” พ่อครัวถาม ปลายสายตอบว่า (ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไร) เลขาคนเก่งเงียบไปอึดใจ เสนอว่า (เอาแบบนี้ดีไหมครับ เดี๋ยวผมรับเท็นก่อนแล้วค่อยวนไปเมเจอร์ฯ คุณเปรมจะได้ไม่ต้องนั่งกลับมา)


“เอ๊ะ เอางั้นเหรอ” เปรมเลิกคิ้วอย่างเกรงใจ เมื่ออีกฝ่ายรับคำเขาจึงพูดว่า “งั้นฉันซื้อวัตถุดิบจากที่นี่ไปเลยก็แล้วกัน นายจะมาถึงกี่โมง”


(เท็นเลิกเรียนหกโมง ผมอาจจะไปถึงประมาณหกโมงครึ่งครับ) ออกัสบอก เปรมมองนาฬิกา พยักหน้าหงึกหงัก “ได้ๆ งั้นพวกฉันรอที่เมเจอร์ฯนะ ขับรถดีๆ ล่ะออกัส”


(ขอบคุณครับ) สิ้นคำสายก็ตัดไป เปรมเก็บมือถือ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็สบตากับเพื่อนสองคนที่มองมาพอดี


“ว่าไง” สามสีถาม เปมทัตดื่มน้ำ ตอบว่า “เดี๋ยวออกัสวนมารับที่นี่ตอนหกโมงครึ่ง กูว่าจะลงไปซื้อของทำกับข้าวให้เท็นที่ท็อปสักหน่อย” เด็กหนุ่มตัวสูงผงกหัว “ดูหนังเสร็จก่อนใช่ไหม”


“ใช่” เปมทัตพยักหน้า ก่อนไดนาไมต์จะแทรกขึ้น


“มึง เรื่องนี้มีรอบสามโมงสี่สิบอะ โอแมะ?”


เปรมชะโงกหน้าไปดูหน้าจอเพื่อน บอกว่า “เออ กูก็อยากดูเรื่องนี้”


“เวลากำลังดีนะ ไปซื้อบัตรกันเลยไหมล่ะ” สามสีชวน เป็นจังหวะที่พนักงานยื่นใบเสร็จรับเงินพร้อมเงินทอนมาให้พวกเขาพอดี เมื่อเก็บของเรียบร้อยแล้วสามทหารเสือก็เดินออกจากร้านไป




เกือบสามชั่วโมงต่อมาพวกเปรมก็เดินออกจากโรงหนัง หกโมงเย็นกว่าแล้ว เปรมเช็คมือถือ กดโทรกลับหาเลขาคนเก่งเมื่อชื่ออีกฝ่ายขึ้นตรงสายไม่ได้รับ


(คุณเปรมอยู่ไหนครับ) ปลายสายถามเขา พอดีกับไดนาไมต์หันไปบ่นกับสามสีว่า “มึงๆ กูอยากกินไอติมอะ”


“พวกฉันเพิ่งออกจากโรงหนังน่ะ ออกัสรีบใช่ไหม” เปรมถามอย่างเกรงใจ ก่อนจะพยักหน้าให้เพื่อนตัวสูงที่หันมาบอกว่าจะพาคนผมสีชมพูลงไปซื้อไอติม


(อ๋อ เปล่าครับ ผมแค่จะบอกว่าอาจจะช้าหน่อยเพราะวันนี้ผมพาเท็นมาซื้อสูทน่ะครับ) ออกัสบอก เปรมเลิกคิ้ว “ซื้อทำไมเหรอ?”


(หมอนี่ไม่ยอมเลือกชุดใส่ในงานแต่งน่ะครับ นายท่านเลยให้ผมพามาเลือกที่นี่) เลขาคนเก่งบอกเสียงเนือย เปรมฟังแล้วเหนื่อยแทน “พยายามเข้านะ...”


(กุ๊กเหรอ...) เปมทัตเลิกคิ้วเมื่อเสียงทุ้มโมโนโทนแทรกเข้ามา ได้ยินออกัสพูดว่า (อ้าวเสร็จแล้วเหรอ?)


(กุ๊กล่ะ?) เท็นถามย้ำ พ่อครัวจุดยิ้มเมื่อเลขาคนเก่งตอบว่า (คุณเปรมอยู่ในสาย มีอะไร?)


(กุ๊กช่วยด้วย)


“หือ?” เปรมเลิกคิ้ว ได้ยินเสียงออกัสบอกว่า (ช่วยด้วยอะไรล่ะ นี่อย่าพูดให้คุณเปรมเข้าใจผิดจะได้ไหม)


(กุ๊ก...)


แว่วเสียงสองคนนั้นทะเลาะกันลอดสายมา เปมทัตฟังแล้วยืนกระพริบตาปริบๆ “เอ่อ...”


(กุ๊ก)


ดูเหมือนว่าเท็นจะแย่งมือถือมาครองได้สำเร็จ ก่อนจะร้องออกมา (โอ๊ย เจ็บนะ)


(เอามือถือฉันคืนมา!) ออกัสแทบตะโกนมาจากปลายสาย เปรมได้ยินเท็นขู่ว่าเลขาตัวเล็กว่า (นายโดนพ่อเราตัดเงินเดือนแน่) คนโดนขู่ร้องเสียงหลง แว้ดว่า (อะไรเล่า! โอ๊ยคุณเปรมช่วยด้วย!)


(กุ๊กช่วยเรา)


(คุณเปร๊มมมมม!)


ติ๊ด!


“...”


พ่อครัวยืนตัวแข็งค้าง ถึงจะบอกให้ฉันไปช่วยก็เถอะ

“ว่าแต่พวกนายอยู่ที่ไหนกันล่ะ...”



 
ใช้เวลาสิบนาทีเปรมก็มายืนอยู่ในส่วนของแบรนด์เสื้อผ้าตามคำของออกัส พ่อครัวมองไปรอบๆ อย่างตื่นตา มันเป็นพื้นที่ที่เขาไม่เคยคิดจะเหยียบย่างเข้ามาเนื่องด้วยราคาสินค้าส่วนใหญ่มีมูลค่าสี่หลักเป็นอย่างต่ำ


แว่วเสียงร้องวี้ดว้ายดังมาให้ได้ยิน เปมทัตหันไปมอง ในดงเสื้อผ้าแบรนด์ดังยี่ห้อหรูนำเข้า กลุ่มพนักงานสาวกำลังยืนล้อมวงผลัดกันแนะนำสินค้าอย่างออกรส 


ใจกลางนั้นคือเด็กหนุ่มตัวสูงผิวขาวซีดในชุดนิสิต ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา ดวงตายาวรีคู่งามมองเสื้อผ้าราคาแพงในมือของเหล่าพนักงานสาวอย่างใจลอย


เปรมตัดสินใจส่งเสียงเรียก


“เท็น!”


ทศทิศหันมาทางต้นเสียง เพียงได้ยินเสียงพ่อครัวดวงตายาวรีก็เกิดประกายวูบ “กุ๊ก...” สิ่งนั้นส่งให้พนักงานสาวหันขวับมามองเปมทัตเป็นตาเดียว


“เอ่อ...” เปรมประหม่าเมื่อกลายเป็นจุดสนใจ ผงะถอยเมื่อร่างใหญ่เดินดุ่มๆ ฝ่าวงล้อมสาวๆ มาหา ก่อนจะรีบยกมือห้ามว่า “หยุดนะ!”


“ทำไม” เด็กโข่งหยุดเท้า ไม่วายขมวดคิ้ว เปรมสูดลมหายใจ ไม่ตอบแต่ถามว่า “ออกัสล่ะ”


“ห้องน้ำ” ดวงตายาวรีจับจ้องพ่อครัว คนตัวใหญ่ทำท่าจะก้าวเข้ามา เปมทัตร้องเสียงกระซิบ “ห้ามกอดนะ!”


“กุ๊ก...”


เสียงทุ้มนั้นคล้ายจะเว้าวอนอยู่ในที เปมทัตได้ยินแล้วเกือบใจอ่อน แต่ก็ต้องพูดว่า “คนเยอะ...ไม่ได้นะรู้ไหม”


“ตกลงคุณลูกค้าตัดสินใจเลือกสูทแบบไหนดีคะ?”


หนึ่งในกลุ่มพนักงานสาวเปิดปาก ตามด้วยที่เหลือซึ่งพร้อมใจกันแนะนำสินค้าในมือตัวเองอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทศทิศยืนคอตกหน้าเศร้า


เปรมมองท่าทางนั้นก่อนจะเป็นคนถามว่า “เอ่อ ให้เขาลองได้ไหมครับ?”


“เอ๊ะ ได้ค่ะ จะรับสูทตัวไหนดีคะ?” พวกเธอเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นพ่อครัวทันที เปมทัตยิ้มแหย ยื่นมือไปจับเนื้อผ้าแต่ละคนพลางมองผิวขาวซีดของคนใส่ ตัดสินใจเลือกชุดสูทสีเทากับสีน้ำเงินที่มีโทนค่อนข้างเข้ม


“ลูกค้าตาถึงมากเลยค่ะ! ตัวนี้เพิ่งนำเข้าเลยนะคะ!” หนึ่งในนั้นร้องอย่างดีใจ เปมทัตหัวเราะแห้ง เอาจริงๆ เขาแค่เลือกสีที่ตัวเองอยากเห็นหมอนี่ใส่ก็เท่านั้น


“ห้องลองอยู่ด้านนั้นนะคะ” หญิงสาวที่ดูเป็นหัวหน้ากลุ่มขายผายมือพูดยิ้มๆ เปรมผงกหัวแทนคำขอบคุณ เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องลอง ก่อนจะยื่นสูทในมือให้เด็กโข่ง


“เข้าไปใส่แล้วเดินออกมาให้ฉันดู” เปมทัตบอก ทศทิศรับสูทมาแล้วยืนนิ่ง ก่อนจะโดนพ่อครัวดันหลังพลางเร่งให้เดินเข้าห้องลองไป


“กุ๊ก”


เสียงทุ้มโมโนโทนร้องเรียก เปรมเลิกคิ้ว “อะไร?”


“เข้ามาเป็นเพื่อนหน่อย” ใบหน้าหล่อเหลาไม่ส่อเค้าอารมณ์ใด พ่อครัวหน้ากระตุก “หะ?”


“เรากลัว”


ดวงตายาวรีหลุบลงอย่างไม่มั่นใจ เปมทัตเกาหัวแกรกๆ สุดท้ายก็ต้องยอมเดินเข้าห้องลองเสื้อตามมาด้วยอีกคน “เออๆ ครับๆ”
พ่อครัวเปิดไฟห้องลองเสื้อ เขาปิดประตูแล้วนั่งบนเก้าอี้เล็กๆ ด้านใน บอกว่า “ถอดเสื้อสิ”


“หมดเลยเหรอ” เท็นเอียงคอ เปรมก้มหน้าก้มตาเรียงเสื้อเชิ้ตกับสูทให้อีกฝ่ายพลางพยักหน้าหงึกหงัก “อือ หมดเลยดิ จะให้ลองเชิ้ตด้วยไงว่าพอดีตัวไหม”


“เข้าใจแล้ว”


มือหนาปลดเนคไทออกช้าๆ เปรมเงยหน้า ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายถอดเสื้อนิสิตออกพ่อครัวก็รีบหันหัวหลบภาพตรงหน้าดังขวับ


“กุ๊ก เสื้อ” แขนแกร่งยื่นมา เปมทัตก้มหน้าส่งเสื้อเชิ้ตให้


เท็นเอียงคอ “กุ๊กเป็นอะไรรึเปล่า?”


“ปละ เปล่า...นายก็รีบๆ ใส่เสื้อสิ!” ท้ายเสียงพ่อครัวดูร้อนรน ดวงตายาวรีมองภาพนั้นเงียบๆ เขารับเชิ้ตสีอ่อนมาสวม เปิดปากเรียก


“กุ๊ก”


“อะ...อะไร” เปรมค่อยๆ เงยหน้า ก่อนจะเบิกตาโพล่ง


เท็นยังไม่ติดกระดุมเสื้อ ดวงตาพ่อครัวจับจ้องกล้ามท้องนิดๆ กับแผงอกกว้างที่โผล่พ้นผ้าออกมานั่นอย่างลืมตัว หุ่นสุดเซ็กซี่ที่เขาใฝ่ฝันอยากจะมีมาทั้งชีวิต...


เปมทัตสูดลมหายใจลึก โอ๊ย อิจฉาไอ้หมอนี่ฉิบหาย!


“ติดกระดุมให้หน่อย”


เด็กโข่งพูดหน้าตาย พ่อครัวฟังแล้วแก้มร้อน ร้องว่า “นายก็ติดเองเซ่! เป็นเด็กเรอะ!”


“ใจร้าย” เสียงทุ้มโมโนโทนเอ่ยตัดพ้อ เปรมถอนหายใจ เมื่อเห็นว่าคนตัวใหญ่ไม่มีทีท่าจะขยับตัว พ่อครัวจึงต้องลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


ระยะห่างของพวกเขาน้อยนิดเสียจนเปมทัตต้องลอบกลืนน้ำลาย เขารีบหุบเสื้ออีกฝ่ายเข้าหากันก่อนจะกลัดกระดุมให้ ทันทีที่กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกกลัดลง...


หมับ


“เหวอ!” เปมทัตร้องเมื่ออ้อมแขนแกร่งโอบล้อมตัวเขา ตามด้วยจมูกโด่งสันที่โน้มลงมาสูดกลิ่นเส้นผมสีนิล แก้มพ่อครัวแนบกับอกกว้างจนได้กลิ่นแป้งเด็กอ่อนๆ


“เท็น...” ลำคอเปมทัตแห้งผาก หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาจากอก เด็กโข่งก้มลงกระซิบข้างหู


“คนไม่เยอะแล้ว...”


เปรมมือสั่น หลับตาปี๋ยามริมฝีปากเหยียดตรงแตะลงข้างหูนิ่ม


“กอดกันได้แล้วนะ” 


“นายนี่มัน...” เสียงเปมทัตเบาหวิว แก้มขาวร้อนผ่าวแทบมอดไหม้ยามมือหนาเชยคางเล็กขึ้นสบตา ก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะโน้มลงมาแตะริมฝีปากกับพ่อครัวอย่างอ่อนโยน


จุ๊บ...


เท็นกระซิบชิดริมฝีปาก


“คิดถึงนะ”


“อะ...” คนตัวเล็กหางคิ้วตกยามลิ้นร้อนสอดเข้ามา แขนแกร่งประคองหลังพ่อครัวไว้ ใช้มืออีกข้างสางเส้นผมที่นิ่มเหมือนขนแมวให้อย่างทะนุถนอม


“กุ๊กตัวหอมจัง” ริมฝีปากร้อนคลอเคลียอยู่ข้างหู เปมทัตร้องเสียงแผ่วยามมือหนาล้วงเข้าใต้เสื้อนิสิต


“อย่า...อ๊ะ”


มือนั้นเย็นเฉียบเสียจนกายบางสะดุ้ง พ่อครัวใจหายใจหอบ รู้สึกแปลกๆ ทว่ากลับไม่มีแรงขัดขืน “ทะ...เท็น...”


“ไม่เป็นไร” ทศทิศจูบขมับคนตัวเล็กคล้ายปลอบประโลม ดวงตาเปมทัตสั่นระริก ร่างกายของเขากำลังจะสูญเสียการควบคุมในไม่ช้า


จังหวะที่เท็นกำลังจะปลดกระดุมเสื้อพ่อครัวนั่นเอง...


ปัง!


ประตูห้องลองเสื้อถูกกระแทกอย่างแรง เปมทัตสะดุ้งเฮือก ผละออกจากคนตัวใหญ่โดยอัตโนมัติ


“เท็น!”


เสียงนั้นเป็นของออกัส เลขาหนุ่มร้องว่า “นายเป็นอะไรรึเปล่า? เห็นพนักงานบอกว่านายเข้าไปลองเสื้อนานแล้ว เฮ้! เท็น!”


“...”


ทศทิศมองพ่อครัวที่ยืนก้มหน้าแก้มแดงอยู่อย่างนึกเสียดาย แต่เสียงโวยวายข้างนอกก็น่ารำคาญเหลือเกิน


“เท็นเปิดประ...!” ออกัสยังพูดไม่ทันจบประตูก็ถูกเปิดออก ดวงตาสีเขียวจ้องสภาพอีกฝ่ายแล้วขมวดคิ้ว “อะไร? นี่นายยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกเหรอ” เลขาคนเก่งมองเข้าไปด้านในก่อนจะเบิกตาโพล่ง


“คุณเปรม!!”


“อะ...โอ้” เปรมยกมือพลางยิ้มแห้ง ออกัสเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ “คุณเปรมเข้าไปทำอะไรในนั้นครับ?”


“ฉันเข้ามาช่วยเท็นแต่งตัวน่ะ” เปมทัตเกาท้ายทอยตอบเก้อๆ หนุ่มลูกครึ่งพยักหน้ารับรู้


“ออกัส...”


เจ้าของชื่อหันไปมอง ก่อนจะเบิกตาโพล่งเมื่อคนตัวใหญ่เงื้อไม้แขวนเสื้อขึ้นด้วยใบหน้าที่ทาทับไปด้วยเงามืด


“หายไปซะ!”


“เฮ้ย!” ออกัสเบี่ยงตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด ร้องลั่น “อะไรเนี่ย! โอ๊ยคุณเปรมช่วยด้วย!” 


“อย่าหนีนะ!” เท็นถือไม้แขวนเสื้อวิ่งตามออกไปอย่างนึกโมโห


“...”


เปรมสูดลมหายใจ ไม่รู้จะขอบคุณหรือโกรธออกัสดีเหมือนกัน




คฤหาสน์เกียรติยวานนท์ยามพลบค่ำมีแขกมาเยือน เบนซ์สี่ประตูคันหรูจอดลงตรงหน้าน้ำพุสามชั้นซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนผืนหญ้าเขียวขจี


ประตูรถถูกเปิดออกพร้อมเด็กหนุ่มสี่คนที่ช่วยกันขนของเข้าบ้าน ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลตัดสั้นลงมาทีหลัง เขากดล็อครถแล้วเดินตามเข้ามา


ถึงตรงนี้เท็นก็แยกตัวขึ้นไปพบเจ้าบ้านเป็นที่เรียบร้อย ออกัสเดินนำพวกเปรมไปยังห้องสุดท้ายของทางเดิน ทันทีที่เปิดประตู ครัวตกแต่งสไตล์โมเดิร์นก็ปรากฏแก่สายตา


“เหยด...” สามสีกับไดนาไมต์ตาเป็นประกาย เปรมหัวเราะในลำคอ ครั้งแรกที่เห็นเขาก็มีอาการไม่ต่างกัน


“เชิญครับ” เลขาคนเก่งผายมือให้พวกเด็กหนุ่มเดินเข้าไป ก่อนจะตามเข้ามาแล้วปิดประตูลง


“ตกแต่งลงตัวมาก” สามสีชมเปาะพลางวางถุงวัตถุดิบบนโต๊ะ ไดนาไมต์เดินไปสำรวจหลังเคาน์เตอร์ มองเครื่องครัวแล้วจุ๊ปาก “ดูแลอย่างดีเลยนะเนี่ย ทั้งครบทั้งใหม่เลย”


“ถ้าต้องการอะไรเพิ่มสามารถกดปุ่มเรียกแม่บ้านได้เลยนะครับ” ออกัสผายมือไปทางกริ่งกดเรียก เปมทัตพยักหน้า “ฮื่อ ขอบใจมากนะออกัส”


“ครับ ถ้างั้นผมขอตัวไปจัดการเอกสารให้นายท่านก่อนนะครับ” เขาเอ่ยอย่างสุภาพก่อนจะเดินออกจากห้องไป สามทหารเสือมองตามอย่างเหนื่อยแทน


“ยังไงเรา” สามสีเหล่ตาไปทางเด็กหนุ่มผมสีชมพู ฝ่ายหลังยักคิ้ว “เอาเลยไหมล่ะ”


“จะทำอะไรก็รีบๆ ทำ” พ่อครัวพูดระหว่างตั้งกระทะ “โชคดีจริงๆ ที่ช่วงนี้ชาร์ลอตต์รับงานอยู่ต่างประเทศ”


“รอบสองนี้ขอของดีๆ หน่อยเถอะน่า” ไดนาไมต์พึมพำขณะยัดกล้องขนาดเล็กใส่กระเป๋ากางเกง ข้างๆ เป็นสามสีที่กำลังยืนสวมถุงมือสีดำ บ่นว่า “กูรู้สึกเหมือนตัวเองเหมือนโจรเข้าไปทุกวัน”


“มึงสองตัวไม่เอาโม่งคลุมหัวหน่อยวะ” เปมทัตค่อนขอดแบบไม่จริงจังนัก เขาเทหมูสามชั้นลงกระทะเทฟล่อนจนเกิดเสียงดังฟู่ “ถือปืนคนละกระบอกด้วยนี่ใช่เลย...”


“คนบ้าคอสเพลย์เป็นโจรนั่นเอง” ไดนาไมต์ต่อให้ เขาหันหลังให้เด็กหนุ่มตัวสูงพลางสวมถุงมือว่า “สาม รวบหัว”


สามสีรวบไหล่เพื่อนไว้ดังหมับ เด็กหนุ่มผมสีชมพูชะงัก หรี่ตาพูดว่า “...หัวที่มีผม ไม่ใช่หัวไหล่ แหม มุกห้าบาทสิบบาทมึงก็เอานะ”


“กูกลัวมึงเครียด” คนตัวสูงหัวเราะในลำคอ เขาหยิบยางขึ้นมามัดจุกให้เพื่อน ก่อนจะหันไปบอกพ่อครัวว่า “งั้นพวกกูไปละ เดี๋ยวมา”


“ระวังตัวด้วยนะ” เปมทัตบอก มองสามสีกับไดนาไมต์ที่โบกมือให้เขาโดยไม่หันหน้ากลับมา

ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
ทางเดินบนชั้นสองเงียบสงบ ไดนาไมต์หยุดเท้าลงหน้าประตูไม้แกะสลักเป็นลายหงส์ เขาขยับที่จับประตู เมื่อพบว่าล็อคอยู่จึงล้วงลวดในกระเป๋ากางเกงออกมา


ด้วยวิธีเดียวกันกับคราวก่อน ใช้เวลาไม่นานประตูไม้บานใหญ่ก็ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย สามสีมองเพื่อนเปิดไฟพลางเดินฮัมเพลงเข้าไปอย่างอารมณ์ดี เขาก้าวตามเข้ามาแล้วปิดประตูลง


กริ๊ก! แน่นอนว่าไม่ลืมล็อคประตูด้วย


ห้องนอนขนาดกลางสีครีมตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีอ่อนปรากฏแก่สายตา ไดนาไมต์แยกตัวไปจับลิ้นชักไม้ก่อนคนแรก มันยังคงถูกล็อคไว้เหมือนคราวที่แล้ว


เด็กหนุ่มสีชมพูชักลวดอีกอันออกมาจากกระเป๋า พูดเสียงหื่น “หึๆ เสร็จป๋าแน่อีหนู...”


“...” สามสีมองเพื่อนด้วยแววตาว่างเปล่า เขาแยกตัวไปสำรวจอีกฝั่ง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่กระเป๋าเดินทางของนางแบบสาวไม่ได้อยู่ที่นี่


แต่ไหนๆ ก็ได้เข้ามาแล้ว เด็กหนุ่มตัวสูงจึงเริ่มค้นของในห้องอีกครั้ง มือหนาเปิดตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ ด้านในแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งแรกมีเสื้อผ้าแขวนอยู่ประปรายและพื้นยกสูงถึงเข่า อีกฝั่งเป็นพื้นที่โล่งว่างขนาดให้ไอ้ไดเข้าไปยืนเอาหลังชนกันได้สองคน


“ตู้เสื้อผ้ากว้างขนาดนี้มีชู้นี่สบายเลย” เสียงของสามสีทำให้ไดนาไมต์หัวเราะแล้วพูดว่า “เดี๋ยวนี้ยังมีชู้หลบสามีคุณนายในตู้เสื้อผ้าอยู่อีกเหรอวะ มุกเก่าแล้วนะ” 


“ออกจะคลาสสิก” สามสีปิดประตูตู้เข้าหากัน เขามองเพื่อนที่ยังคงง่วนอยู่กับการงอลวดไขลิ้นชักไม้แล้วเดินไปสำรวจบริเวณเตียงนอน ดวงตาสีนิลจับจ้องเฟอร์นิเจอร์อย่างเก็บรายละเอียดทว่ากลับไม่พบอะไรผิดสังเกต


เด็กหนุ่มตัวสูงตัดสินใจย่อตัวนอนราบไปกับพื้นห้อง จนไดนาไมต์ที่หันมาเปลี่ยนลวดเห็นเข้าถึงกับสะดุ้ง 


“ไอ้สาม?” เด็กหนุ่มผมสีชมพูเรียกเพื่อนอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก


“อะไร...” เสียงทุ้มตอบกลับมาอู้อี้เพราะก้มหน้าอยู่ ไดนาไมต์ขมวดคิ้ว “มึงไปนอนทำติ่งอะไรตรงนั้นวะ จับชู้คุณนายเหรอ?”


สามสีคิ้วกระตุกระหว่างยื่นแขนเข้าไป พลันมือเขาก็คว้าได้อะไรบางอย่าง


กึก!


ตอนนั้นเองที่ประตูห้องเกิดเสียง สามสีหันขวับไปมองหน้าเพื่อน


ปัง!


ประตูไม้บานใหญ่สลักลายหงส์ถูกเปิดออกพร้อมร่างใหญ่ที่ก้าวเข้ามา เขาเป็นชายผิวเข้มสวมชุดพ่อบ้านของคฤหาสน์ ดวงตากร้านโลกจับจ้องสภาพห้องที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน


ทว่าไฟในห้องกลับเปิดอยู่...


มือหนากำกุญแจห้องแน่นพลางกัดฟันกรอด เขาเป็นหนึ่งในลูกน้องของชาร์ลอตต์ที่แฝงตัวมาในคราบพ่อบ้านของคฤหาสน์ เขาได้รับคำสั่งให้มาเช็คสภาพห้องและกุญแจดอกนี้มาจากนางแบบสาว


มีหนูสกปรก


ร่างใหญ่ปิดประตูแล้วก้าวเข้าห้องมา มีดคมกริบเล่มขนาดพอดีมือถูกชักออกมาจากอกเสื้อพร้อมรอยยิ้มแสยะ ดวงตากร้านโลกจับจ้องไปรอบๆ อย่างกระหายในการฆ่า อาชีพจริงๆ ของเขาคือทหารรับจ้าง


ตอนนั้นเองที่ร่างใหญ่หมอบลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว แทงมีดเข้าไปใต้เตียงอย่างแรง “ตายซะ!”


“...”


เขาหน้ากระตุกเมื่อไร้เสียงร้องโหยหวนของสิ่งมีชีวิตอย่างที่ควรจะมี ร่างสูงลุกขึ้นมาช้าๆ มือหนากระชับมีดก่อนจะเดินไปที่ตู้ไม้เก็บของใกล้ๆ แล้วกระชากเปิดเสียงดัง


ปัง!


“!!!”


ไดนาไมต์เกือบหลุดเสียงร้องทว่าสามสียื่นมือมาปิดปากเขาไว้ได้ทันท่วงที เด็กหนุ่มผมสีชมพูสบตาอีกฝ่ายจากมุมมองด้านบนในระยะประชิด ด้วยพื้นที่จำกัดทำให้ลำตัวของทั้งคู่แนบชิดกันจนแทบไร้ช่องว่าง


“ชิ! ไมได้อยู่ในนี้หรอกเรอะ...”


สามสีที่นอนหงายงอขาอยู่ในที่แคบหันหัวไปทางต้นเสียง เขาคลายมือที่ใช้ปิดปากคนที่นั่งคร่อมตัวเขาอยู่ช้าๆ มือหนาชุ่มเหงื่ออีกข้างกำภาพถ่ายที่หยิบได้จากใต้เตียงไว้แน่น


“อ้อ...” เด็กหนุ่มสองคนหายใจผิดจังหวะเมื่อคนข้างนอกส่งเสียง


ทหารรับจ้างในชุดพ่อบ้านเดินมาหยุดเท้าหน้าตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ มันคว้าประตูตู้บานขวามือไว้ ก้มลงเลียมีดแผล็บหนึ่งก่อนจะกระชากเปิดตู้อย่างแรง “อยู่ในนี้สินะ!”


“...”


พื้นที่ว่างขนาดให้ผู้ชายสองคนเข้าไปยืนหันหลังชนกันได้นั้นว่างเปล่า มันขมวดคิ้ว ตอนนั้นเองที่ประตูห้องถูกเปิดออก ชายฉกรรจ์รีบเก็บมีด หันไปมองทางประตูหวาดๆ


กึก


ดวงตากร้านโลกเบิกกว้างเมื่อเห็นผู้มาใหม่ อีกฝ่ายจ้องเขาด้วยใบหน้าเย็นชาทว่าดวงตากลับฉายแววอมหิต ความกดดันนั้นแผ่พุ่งจนทหารรับจ้างต้องรีบค้อมหัวละล่ำละลักพูด “ขะ...ขอโทษครับ!”


“...”


ไดนาไมต์ที่นั่งทับสามสีอยู่พยายามเงี่ยหูฟังสถานการณ์ด้านนอก ทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจาก...

ปัง!


“เฮือก!” ตอนนั้นเองที่บานประตูตู้เสื้อผ้าอีกฝั่งถูกเปิดออก สามสีกดหัวเพื่อนลงกับอกตัวเองโดยอัตโนมัติ ยกแขนกั้นไว้แล้วหลับตาแน่น


แซ่ก...


มือของใครบางคนแหวกราวเสื้อผ้าที่พวกเขาใช้กำบังตัวออกจากกัน สามสีทำใจกล้าลืมตาขึ้นมา ภาพตรงหน้าเล่นเอาหัวใจของเขาร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม


“โป้ง!”


เด็กหนุ่มตัวใหญ่ในชุดนิสิตยกนิ้วโป้งมาทางพวกเขา ดวงตายาวรีเกิดประกายคล้ายสนุก ไดนาไมต์หันไปมองต้นเสียงช้าๆ เรียกอีกฝ่ายเสียงแห้ง


“เท็น...”


“เล่นซ่อนแอบกันเหรอ” นายน้อยแห่งคฤหาสน์กระพริบตาถาม ตามด้วยเอี้ยวคอไปรอบๆ คล้ายมองหา ร้องว่า “กุ๊ก? อยู่ไหน?”


“...เปรมอยู่ข้างล่าง” สามสีเกาหัวแกรกๆ นิ่วหน้ายามไดนาไมต์ขยับตัวโดนขาข้างที่เป็นเหน็บ “หูยไอ้ไดเบาๆ ดิ!”


“ไอ้ห่าเอ๊ยเหน็บแดกขากู” ไดนาไมต์ร้องหน้าเหยเก เด็กหนุ่มตัวสูงเบ้หน้ายามอีกฝ่ายขยับเงอะๆ งะๆ “ไอ้เหี้ยไดเดี๋ยวๆ! โอ๊ย
มึง...เดี๋ยวๆ!”


“ไอ้เหี้ยสาม!” เด็กหนุ่มผมสีชมพูแว้ดลั่นยามอีกฝ่ายขยับตัวมาโดนช่วงขา สามสีเชิดหน้าร้อง “โอ๊ยอย่า! เหี้ยเอ๊ย...โอ๊ยเท็นๆ ไอ้เท็นช่วยหน่อยเว้ย”


“ยังไง” ดวงตายาวรีจดๆ จ้องๆ อย่างทำตัวไม่ถูก ไดนาไมต์ตัดสินใจพูดว่า “ยกกูลงเท็น เข้ามาเอากูลง”


“แบบนี้เหรอ” ทศทิศขยับเข้ามาคว้าขาเด็กหนุ่มผมสีชมพูดังหมับ ฝ่ายหลังร้องลั่น “จ๊ากกกก ไอ้เหี้ยเท้นนนน ไม่จ๊ายยยยย”


“โอ๊ยๆ พวกมึ้งงงง” สามสีโบกไม้โบกมือหลับตาปี๋ ขาข้างซ้ายของเขาปวดหนึบหนับ ไดนาไมต์ตะโกนว่า “อุ้มกูลงเท็น ไม่ๆ อย่าจับขา...เย้ดเขร้!”


เด็กหนุ่มสีชมพูร้องลั่น เขาซบหน้ากับอกสามสีแล้วกรีดร้องอย่างทรมาน เท็นมองเพื่อนนอนทับกันด้วยดวงตาเป็นประกาย ตัดสินใจขยับตัวไปนอนทับไดนาไมต์ด้วยอีกคน


“ไอ้เท้นนนน!” สามสีร้องลั่นเมื่อร่างใหญ่โถมเข้ามา ไดนาไมต์ที่อยู่ตรงกลางร้องลั่น “อีเหี้ยมึงจะฆ่ากูเรอะะะ!”


“เล่นด้วย”


เท็นบอก สามสีได้ยินแล้วจะร้องไห้ “โอ๊ย กูจะตายแล้ว”


“เหน็บเอาแขนกูไปล้าววว” ไดนาไมต์พยายามดิ้น เด็กหนุ่มตัวสูงชักสีหน้า “ไอ้ไดอย่ายุกยิก เดี๋ยวลูกกูตื่นไอ้สัด!” ขณะที่ในตู้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมนั่นเอง ใครบางคนก็ก้าวเข้าห้องมา


“...” ทั้งสามคนหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง


ผู้มาใหม่เป็นเด็กหนุ่มตัวผอมในชุดนิสิต เส้นผมสีนิลยาวประบ่าถูกรวบเก็บไปไว้ด้านหลัง ดวงตาสีนิลเข้าคู่สะท้อนภาพตรงหน้าแล้วเกิดประกาย


เปมทัตถกแขนเสื้อขึ้นมา


“เล่นด้วย!”


“ย้า!!!!!”




คืนวันพุธของอาทิตย์ต่อมา ในห้องนอนขนาดใหญ่โทนสีขาวดำซึ่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงและพรมขนสัตว์สุดหรู ที่โต๊ะทำงานตรงมุมห้องนั่นเอง เด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลกำลังนั่งตะลุยโจทย์วิชาคณิตศาสตร์ด้วยใบหน้าเคร่งเครียดอย่างหาดูได้ยาก


ในหัวของเอื้ออังกูรเต็มไปด้วยอักขระและเครื่องหมายประหลาด มันสามารถช่วยเขาหาคำตอบของโจทย์ที่ยาวสามบรรทัดประหนึ่งเรียงความตรงหน้านี้ได้ ดวงตาคมกริบกลอกไปมาคล้ายกำลังขบคิด พร้อมมือขวาตวัดดินสอขีดเขียนความคิดตามออกมาเป็นรูปธรรม


นี่เป็นโจทย์ข้อสุดท้ายของวัน เด็กหนุ่มจิ๊ปากอย่างขัดใจ เขาขีดฆ่าบรรทัดที่ตัวเองคำนวณผิดทิ้งไปก่อนจะพยายามเรียกสมาธิที่ยังเหลือมาคิดต่อ ข้างๆ เป็นจอโน้ตบุ๊กที่แสดงหน้าเว็บไซต์คอมมูนิตี้ขององค์กรแห่งหนึ่ง


เอื้ออังกูรกำลังรอใครบางคน


ครืด...


สมาร์ทโฟนของเด็กหนุ่มสั่นตัวก่อนจะแผดเสียงร้อง เอื้ออังกูรเหลือบตาดูชื่อบนหน้าจอ เมื่อพบว่าเป็นคนที่เขากำลังรอก็สไลด์นิ้วรับสาย


“โหลๆ มึงเห็นกูป้ะ?” พลันหน้าจอก็ปรากฏใบหน้าของปลายสาย อีกฝ่ายติดต่อเขาผ่านแอปพลิเคชั่นแสดงหน้า เอื้ออังกูรใช้มือซ้ายยกกล้องจับภาพตัวเอง มือขวาขีดเขียนโจทย์เลขต่อ พูดว่า “เห็นแล้ว”


“กูหา URL อันใหม่เจอละนะ” เด็กหนุ่มผมสีแดงบอกเขา เนื่องด้วย URL ลับที่หาได้ครั้งก่อนจู่ๆ ผู้ครองพาสเวิร์ดก็เกิดชิ่งไปกลางคัน ทำให้ไฟต้องเสียเวลาเกือบอาทิตย์หา URL ลับอีกอันเพื่อติดต่อกับผู้ครองพาสเวิร์ดรายใหม่


เอื้ออังกูรหันหน้ามามองกล้องแต่ยังไม่วางดินสอ ถามว่า “ส่งมาได้ไหม”


“ไม่น่าจะได้” ไฟขมวดคิ้ว บอกว่า “กูให้มึงดูจากจอกูเลยดีกว่า เว็บแม่งเตือนว่าถ้าคลิกเมาส์หรือกดแป้นพิมพ์มันจะส่งไวรัสมาทำลายเครื่องที่เข้าดู ไอ้ห่า ชีวิตกูนี่เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย” สิ้นคำหมอยาก็เปลี่ยนไปถ่ายหน้าจอโน้ตบุ๊กด้วยกล้องหลัง


เอื้ออังกูรกวาดตามอง URL บนหน้าจออีกฝ่าย สูดปากร้อง “โอ้โห...ยาวจนต้องร้องขอชีวิต” เขาพิงสมาร์ทโฟนไว้กับตั้งหนังสือ ขยับตัวไปพิมพ์แอดเดรสตามที่เห็นใส่จอโน้ตบุ๊กด้วยความเร็วสูง


ไม่นานจอโน้ตบุ๊กของเอื้ออังกูรก็ปรากฏหน้าโปรแกรมแชทออนไลน์แบบเปิดกล้องคุยได้ เด็กหนุ่มจ้องแถบโหลดที่หมุนเป็นวงกลมตาไม่กระพริบ พึมพำว่า “เร็วสิ...มากินเบ็ดเร็วๆ เข้า...”


ติ๊ง!


ดวงตาของปิศาจร้ายลุกวาวเมื่อเหยื่อกินเบ็ด อีกฝ่ายตอบรับการติดต่อจากเขาแล้ว เด็กหนุ่มรีบคว้าหูฟังติดไมค์ขึ้นมาสวมก่อนจะเสียบมันเข้ากับโน้ตบุ๊ก


ระหว่างรอหน้าจอโหลดกล้องไฟก็พูดขึ้นว่า “มึง หน้าเว็บกูนับถอยหลังแล้ว”


“เวลาเท่าไหร่”


“เจ็ดนาที” ไฟบอก เหงื่อเม็ดเป้งไหลลงข้างขมับ “เอาพาสเวิร์ดจากหมอนั่นมาให้ได้ภายในเจ็ดนาที กูต้องกรอกเพื่อโหลดคลิปจากหน้านี้ก่อนที่เว็บมันจะหายไป”


“ถ้าไม่ทันล่ะ?”


“...ก็ต้องหาเว็บกันใหม่ คราวนี้คงใช้เวลาอีกประมาณสักสองอาทิตย์”


“ถามไปงั้น” เอื้ออังกูรหัวเราะ ถึงตรงนี้กล้องก็โหลดเสร็จเรียบร้อย


“Bonjour”   


อีกฝ่ายทักทายด้วยภาษาฝรั่งเศส นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ไฟตัดสินใจส่งหน้าที่ ‘การเจรจา’ มาให้เขา เอื้ออังกูรเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ มองชายวัยกลางคนสวมสูทเชิดคอนั่งอย่างวางมาดในจอแล้วตอบกลับด้วยภาษาเดียวกัน


“Bonjour Monsieur, Je vais demander de l'aide.” (สวัสดีครับท่าน แบบว่าผมต้องการความช่วยเหลืออยู่สักหน่อย) ดวงตาของปิศาจร้ายเกิดประกายวูบ


“Je vous souhaite coopérer avec moi.” (หวังว่าท่านจะให้ความร่วมมือนะครับ)


“เรื่องอะไร?”


ภาษาฝรั่งเศสของอีกฝ่ายสั้นห้วนคล้ายไม่สบอารมณ์ เด็กหนุ่มเหยียดยิ้มยียวน ตอบตรงๆ ว่า “ผมต้องการพาสเวิร์ดเข้าดูวิดีโอของนางแบบสาวตาสองสีที่เคยเป็นข่าวในเว็บไซต์องค์กรของคุณ”


ชายวัยกลางคนฟังแล้วแสยะยิ้ม ถามกลับด้วยภาษาฝรั่งเศสว่า “ทำไมฉันต้องให้พาสเวิร์ดสำคัญแบบนั้นกับเด็กอย่างเธอด้วย?”
“น่า อย่าขี้งกไปหน่อยเลยลุง” เอื้ออังกูรพูดกลั้วหัวเราะ ชายฝรั่งเศสชักสีหน้า ตวาดว่า “ไสหัวไปซะ! แค่ฉันสละเวลามากดรับการติดต่อจากยูสของเธอก็ไร้สาระแค่ไหนแล้...!”


“...”


ดวงตาของเอื้ออังกูรเย็นเยียบ เขามองอีกฝ่ายคล้ายราชสีห์จ้องตะครุบเหยื่อ พูดชัดถ้อยชัดคำ “ผมขอถามอีกครั้ง...คุณจะให้พาสเวิร์ดผมไหม?”


“อะ...ไอ้เด็กอวดดี! คิดว่าเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของเครือข่ายโรงแรมทั่วโลกแล้วจะทำอะไรก็ได้เรอะ!” ชายฝรั่งเศสยกนิ้วชี้หน้า เขาทำท่าจะตัดการติดต่อ ตอนนั้นเองที่เอื้ออังกูรพูดว่า


“ถ้าไม่กลัวจะขายขี้หน้าก็เชิญ” เสียงนั้นรั้งชายวัยกลางคนที่กำลังจะกดปุ่มไว้ได้ชะงัด เขาหันมาถามเด็กหนุ่มตะกุกตะกัก


“ขะ...ขายขี้หน้าอะไรของแก?”


“อ้าว ลืมไปแล้วเหรอครับ...” เอื้ออังกูรทำหน้าซื่อ ก่อนจะเปลี่ยนมาแสยะยิ้ม พูดว่า “เมื่อสามวันก่อนท่านยังใส่ชุดบันนี่เกิร์ลเซลฟี่อยู่ในห้องพักส่วนตัวของโรงแรมประเทศอิตาลีอยู่เลย”


“กะ แก...” อีกฝ่ายหน้าซีดเสียงสั่น เหงื่อแตกพลั่ก ร้องว่า “แกรู้เรื่องนั้นได้ยังไง!”


ใบหน้าอ่อนใสยียวนกวนประสาท “แหม เกิดเป็น ‘ลูกชายคนเดียวของเจ้าของเครือข่ายโรงแรมทั่วโลก’ ทั้งที...เรื่องสนุกๆ แบบนี้ถ้าพลาดไปผมก็เสียดายแย่สิครับ”


“นี่แกจะแบล็คเมล์ฉันเรอะ!” ชายสวมสูทคล้ายใกล้ประสาทเสียเต็มที


เอื้ออังกูรไม่ตอบแต่เล่าต่อว่า “จากนั้นท่านก็เรียกพนักงานโรงแรมผู้ชายสองคนมาที่ห้อง นอนบนเตียงให้พวกเขาเอา***สอดเข้าไปใน***ของท่าน จากนั้นพวกเขาก็***จนท่านร้องว่า***แล้วก็*** หึๆ...แหม ผมมีไฟล์แบบฟูลเอชดีอยู่เสียด้วย ให้ส่งไปให้ดูไหมล่ะครับ?” ปิศาจร้ายในคราบเด็กหนุ่มแสยะยิ้มหลังพูดจบ


เขาเหลือบมองจอสมาร์ทโฟน...เหลืออีกสี่นาที


ตอนนั้นเองที่ชายชาวฝรั่งเศสควักปากกาออกมาจากอกเสื้อ เขาเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษ ก่อนจะหันมันมาให้ดู...มันคือพาสเวิร์ดที่เขาต้องการ


เด็กหนุ่มกวาดตาจำอย่างรวดเร็ว วินาทีต่อมาอีกฝ่ายก็จุดไฟแช็กเผากระดาษในมือจนมันกลายเป็นเถ้าถ่าน


“เย้ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือนะคร้าบ” เอื้ออังกูรยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ ยกมือบ๊ายบายชายวัยกลางคนผู้กดตัดสายไปด้วยใบหน้าถมึงทึง


ไฟบอกว่า “มึง เหลืออีกสองนาที ได้ยัง?”


“อา” เอื้ออังกูรตวัดดินสอเขียนข้อความที่เห็นเมื่อกี้ลงกระดาษ ใบหน้าของเขาเหยเกเล็กน้อย แต่เอาเถอะ แบบนี้ก็สมกับเป็นหมอนั่นดีล่ะนะ


เขายกกระดาษให้เพื่อนดู ฝ่ายหลังอ่านแล้วเบ้หน้า


“BunnyGuyIsTheBest? แหยะ...”


“เออน่า” เอื้ออังกูรลดกระดาษในมือลง เขาหันไปฉะกับโจทย์คณิตศาสตร์บนโต๊ะที่ทำค้างไว้ พลันสมองก็นึกวิธีหาคำตอบดีๆ ได้ เด็กหนุ่มรีบก้มหน้าตวัดดินสอด้วยความเร็วแสง


“เยส! ได้แล้ว!” ไฟร้องออกมา เป็นจังหวะที่เอื้ออังกูรคิดเสร็จพอดี


“เขร้...มาแบบฟูลเอชดีเลยด้วย” หมอยาสูดปากมาตามสาย ในขณะเอื้ออังกูรพลิกหน้าหนังสือดูเฉลย เมื่อได้คำตอบตรงกันเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


“ขอบใจมึงมากเว้ยเอื้อ คลิปนี่เดี๋ยวกูเอาไปเปิดที่บ้านมึงเสาร์นี้นะ”


“เออ” เด็กหนุ่มพยักหน้าแกนๆ บอกลาเพื่อนไปสองสามคำก่อนจะกดตัดการเชื่อมต่อ จังหวะที่กำลังจะวางดินสอ สมาร์ทโฟนของเขาก็แผดเสียงร้องอีกครั้ง


เอื้ออังกูรกำดินสอเอาไว้ ใช้มืออีกข้างสไลด์หน้าจอรับสาย


“โหลไอ้เอื้อ”


หน้าจอมือถือปรากฏภาพเด็กหนุ่มตัวสูงผมสีดำ เอื้ออังกูรพยักหน้ารับ “ว่าไงมึง”


“กูได้รูปถ่ายแบบชัดๆ มาแล้วนะ” สามสีบอกเขา เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเอนหลังกับพนักพิง หมุนมือควงดินสอด้วยท่าทางเกียจคร้าน “ไหนเอามายล”


“กูได้มาเป็นใบเลยอะ เลยอยากคอลมาให้มึงดูทางนี้” สามสีชูรูปถ่ายเจ้าปัญหาในมือให้ดู เอื้ออังกูรจุ๊ปาก “ไม่เลวนี่ ได้มาเมื่อไหร่วะ”


“ตั้งอาทิตย์ก่อน แต่ยุ่งๆ เลยเพิ่งได้เอามาอวดมึงนี่แหละ” สามสีหัวเราะ พลิกรูปถ่ายในมือให้ดูพร้อมพูด “ข้างหลังเขียนไว้ว่า ‘Dear...Cherry Vigorharmoniche’ กูลองเซิร์ทหาดูแล้ว มันขึ้นแต่เว็บของต่างประเทศเต็มไปหมดกูเลยอยากให้มึงช่วย”


“ให้กูทำอะไร”


“ตรวจสอบประวัติของคนชื่อ ‘Cherry Vigorharmoniche’ ให้หน่อย” เด็กหนุ่มตัวสูงบอกกลั้วหัวเราะ “เวลสูงแบบมึงน่าจะสอยมาได้ไม่ยาก”


เอื้ออังกูรควงดินสอด้วยรอยยิ้มยียวน “หน้าตาดี ทำได้ทุกอย่างแหละ”


“...เอาที่มึงโอเคอะเนาะ” สามสีพยักหน้าแกนๆ เสริมว่า “ตอนนี้กูหาเว็บข่าวที่น่าจะเกี่ยวข้องกับชาร์ลอตต์มาได้หลายลิงค์เลย อ่านจนตาบอดไอ้ห่า มีแต่ภาษาอังกฤษ”


“แบ่งกูทางเฟซดิ เดี๋ยวช่วยอ่าน” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลบอก คนปลายสายตาเป็นประกาย “โอ๊ย ขอบใจมากเว้ย มึงนี่เป็นคนดีจริงๆ”


“อยู่แล้ว” เอื้ออังกูรไหวไหล่ มองหน้าจอโน้ตบุ๊กที่มีการเคลื่อนไหว สามสีส่งลิงค์มาให้เขาทางแชทเฟซแล้วเรียบร้อย มือหนาใช้ดินสอจดชื่อ ‘Cherry Vigorharmoniche’ ไว้บนโพสอิท


“โอเค งั้นกูไปนอนละ ฝันดีนะมึง” เด็กหนุ่มตัวสูงโบกมือให้เขา เอื้ออังกูรผงกรับทั้งๆ ที่ยังไม่ละสายตาจากโพสอิท ตอบว่า “ฝันดีไอ้สัด”


สามสีตัดการเชื่อมต่อไปพร้อมมือหนาที่แปะโพสอิทลงกับโต๊ะ วันนี้ของเขาสิ้นสุดลงแล้ว ดวงตาคมกริบมองดินสอในมือ...ได้เวลาปล่อยวางเสียที


ก๊อกๆๆ!


พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ มือที่กำลังจะวางดินสอชะงักอีกครั้ง ยังมีเรื่องให้ต้องทำอีกงั้นเหรอ...


“น้องเอื้อออออ! ช่วยแม่เลือกบิกินี่ที่จะใส่ไปเล่นน้ำกับเพื่อนพรุ่งนี้โหน่ยยยย!” ตามด้วยเสียงทุบที่ดังรัวไม่หยุด


“...”


เอื้ออังกูรมองประตูด้วยแววว่างเปล่า โยนดินสอในมือทิ้งลงบนโต๊ะแทบไม่ทัน




ในเช้าวันเสาร์ที่อากาศสดใส สามทหารเสือนั่งรถเมล์มาลงหน้าคฤหาสน์ของเอื้ออังกูรได้โดยสวัสดิภาพ พวกเขาเดินเข้าประตูบานใหญ่มา ไฟกับโชนั่งรออยู่แล้วด้านใน


“ไอ้เมอะ?” หมอยาที่กำลังนอนเล่นสมาร์ทโฟนอยู่บนโซฟาเปิดปากถาม สามสีเป็นคนตอบว่า “เมติดเรียน มาไม่ได้” เด็กหนุ่มผมสีแดงพยักหน้าเข้าใจ


“แล้วไอ้เท็นไม่ได้มาด้วยกันเหรอ? เห็นว่ารู้เรื่องแล้วนี่” บนเก้าอี้เข้าชุดใกล้ๆ โชละสายตาจากการ์ตูนในมือสัพยอกยิ้มๆ เปรมหัวเราะ “หมอนั่นติดช่วยงานเอกสารที่บ้านกับออกัสน่ะ”


เด็กประมงผงกหัวเป็นเชิงรับรู้ ก่อนไดนาไมต์จะกวาดตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าในห้องนั่งเล่นตอนนี้มีแต่พวกเขาเท่านั้นจึงถามว่า “ไอ้เอื้อล่ะ?”


โชกับไฟมองหน้ากัน ฝ่ายหลังตอบว่า “เพิ่งโดนลากไปลงโทษเมื่อกี้”


“ลงโทษ?” สามทหารเสือทวนคำ สามสีขมวดคิ้ว “ลงโทษทำไมวะ”


“แม่บอกว่ามันไปแกล้งครูที่โรงเรียนกวดวิชาเอาไว้อะ เลยต้องจัดสักหน่อย” โชบอก ไดนาไมต์เลิกคิ้ว “อย่างไอ้เอื้อเนี่ยนะจะโดนลงโทษ?”


ดวงตาพ่อครัวเกิดประกายวูบ “มึง...กูอยากเห็น”


ตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มห้าคนมองหน้ากัน ทั้งวงเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะไฟจะแสยะยิ้มออกมา “ไปดูกันแมะ? อยู่ในห้องข้างๆ นี่เอง”


ทุกคนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง

ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
ไฟเดินนำเพื่อนๆ มาหยุดหน้าห้องๆ หนึ่ง มันเป็นห้องขนาดกลางที่ถูกกั้นไว้ด้วยกระจกใสบานใหญ่ ดูแล้วคล้ายๆ ห้องอัดเสียงของนักร้องตามสถานีโทรทัศน์


เอื้ออังกูรกับจูเลียร์ยืนอยู่ในนั้น ฝ่ายหลังเมื่อเห็นพวกเขาก็รีบวิ่งมาเปิดประตูต้อนรับตาเป็นประกาย ร้องว่า “วู่ยยย มีผู้ชายงานดีโผล่มาอีกแล้วววว”


“หูย...” สามทหารเสือลอบสูดปาก มองร่างอวบอัดของหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์ขาสั้นด้วยดวงตาเป็นประกาย เอื้ออังกูรหันมานหน้าซีด ถึงตรงนี้ไฟก็พูดว่า “จะแนะนำให้รู้จัก คนสวยคนนี้คือคุณจูเลียร์...”


เขาผายไปทางเจ้าของชื่อ ต่อจนจบ “เธอเป็นแม่ของไอ้เอื้อ”


“หา!”


สามทหารเสืออุทานออกมา ไดนาไมต์มองตาค้าง “นึกว่าพี่สาว...”


“แหม...เด็กสมัยนี้ล่ะปากหวานกันจริงเชียว” หญิงสาวปิดปากหัวเราะเอียงอายคล้ายสาววัยแรกแย้ม ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้ “เรียกแม่ก็ได้นะจ๊ะ” 


“มะ...แม่เอื้อ สวัสดีครับ” สามทหารเสือยกมือไหว้เงอะๆ งะๆ พวกเขาเพิ่งเคยเจอแม่เอื้ออังกูรเป็นครั้งแรก จูเลียร์พยักหน้าแข็งขัน “โอ้! เข้ามาข้างในก่อนสิ!”


เด็กหนุ่มห้าคนทยอยกันเดินเข้าห้องมา เปมทัตเป็นหน่วยกล้าตายถามว่า “เอ่อ...แม่จะลงโทษไอ้เอื้อมันยังไงเหรอครับ?”


“อยากรู้เหรอ?” ดวงตาเอื่อยเฉื่อยคู่นั้นเกิดประกายเจ้าเล่ห์ เชื่อว่านั่นเป็นหนึ่งในกรรมพันธุ์ที่เธอตั้งใจส่งต่อให้ลูกชาย พวกเปรมมองหน้ากันเลิกลัก


“อย่าเลยน่า เดี๋ยวก็ตายเอาหรอก” เอื้ออังกูรขู่ ทว่านั่นยิ่งทำให้อยากรู้เข้าไปกันใหญ่


“ถ้าอยากดูในห้องนี้ด้วยก็ได้อยู่หรอก แต่ต้องป้องกันนะจ๊ะ” เธอพูดแล้วก็ยื่นอะไรบางอย่างให้เด็กหนุ่มทั้งห้าคน พวกเปรมแบมือ มันคือ...


“ที่อุดหู...ใช่ไหมเนี่ย?” โชมองวัตถุผิวเรียบสีส้มรูปร่างเหมือนแครอทตัดปลายขนาดเล็กในมือตัวเองอย่างสงสัย จูเลียร์ยิ้มจนตาปิด “เยส!”


“...” พวกเปรมมองตาปริบๆ


“เด็กๆ อุดหูแล้วไปนั่งเล่นรอบนโซฟากันได้เลย” หญิงสาวหัวเราะ หันไปสบตาลูกชายแล้วบอกว่า “รอบนี้นานหน่อย ประมาณชั่วโมงนึงได้”


“นานขนาดนั้นเลยเหรอครับ...” เปมทัตมองเอื้ออังกูรเดินไปยืนตรงพื้นที่โล่งว่าง เผลอกระชับที่อุดหูในมือ...เป็นบทลงโทษแบบไหนกันนะ


ถึงตรงนี้จูเลียร์ก็ไปหยุดหลังขาตั้งไมโครโฟนฝั่งตรงข้ามกับลูกชายแล้ว หญิงสาวสูดลมหายใจคล้ายทำสมาธิ เมื่อทุกอย่างพร้อมเธอก็หันมาทางพวกเปรมแล้วยกนิ้วชี้หูตัวเองยิ้มๆ


เหล่าเด็กหนุ่มใส่ที่อุดหูพร้อมกัน พลันเสียงรอบข้างก็ราวกับถูกดูดหายไป


“...”


เบื้องหน้าพวกเขาคือเอื้ออังกูรที่ยืนนิ่ง เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลจ้องมารดาเขม็งด้วยขมับที่เริ่มชื้นเหงื่อ จูเลียร์สบตาลูกชาย ตอนนั้นเองที่เธอเปิดปากร้องเพลงออกมา


“...”


ทักษะการได้ยินของพวกเปรมดับสนิท มีเพียงภาพตรงหน้าเท่านั้นที่พอจะอธิบายเหตุการณ์ได้ เอื้ออังกูรยังคงยืนนิ่งทว่าก้มหน้าเล็กน้อย ผ่านไปสักพักก็เริ่มกำหมัดแน่นข้างลำตัว ดวงตาหลุบต่ำพร้อมหยาดเหงื่อที่ไหลลงข้างแก้ม


จูเลียร์หลับตาพริ้มพลางส่งเสียง เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะหน้าอกเพื่อกำกับจังหวะการหายใจ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ราวกับเทพธิดาที่กำลังร่ายร้องบทเพลงให้ชายหนุ่มลุ่มหลง


“อึก...”


แล้วทำไมเอื้ออังกูรถึงได้ทำท่าทรมานขนาดนั้นกัน?


สิบนาทีผ่านไป...สีหน้าของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเริ่มย่ำแย่ หลังของเขาคดงอ ขาสั่นกึก ทว่ายังคงกัดฟันยืนตัวตรงสู้กับแรงโน้มถ่วงโลกเอาไว้


พวกเปรมมองเพื่อนอย่างเอาใจช่วย


จนยี่สิบนาที...ร่างสูงเริ่มเซเข้าหาผนัง เขายกมือกุมหัวตัวสั่น เถือกไถไปตามผนังอย่างงุ่นง่าน ร่างกายเหยียดเกร็งคล้ายทรมาน


ถึงตรงนี้ไฟก็เริ่มหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเล่นแล้ว


สามสิบนาทีต่อมา...เอื้ออังกูรกางกรงเล็บก่อนจะตะกายผนังแบบลืมตาย ริมฝีปากอวดดีนั่นขยับ คิดว่าคงกำลังตะโกนสบถอย่างรุนแรง ใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับตกอยู่ในขุมนรก


ส่วนโชกำลังเดินถือการ์ตูนที่อ่านค้างไว้เข้าห้องมา


สี่สิบนาทีแล้ว...เอื้ออังกูรเริ่มยืนไม่อยู่ เขาทรุดตัวนั่งกัดฟันกรอด ในขณะที่จูเลียร์ยังคงหลับตาพริ้มร้องเพลงต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เปรมมองเพื่อนอย่างสงสารปนนึกทึ่ง


ข้างๆ เป็นไดนาไมต์ที่กำลังนอนซบไหล่สามสีไปเข้าเฝ้าพระอินทร์


มาถึงห้าสิบนาที...เอื้ออังกูรผล็อยร่วงจนหน้าผากกระแทกพื้นดังปึก! จูเลียร์ลืมตาทว่ายังไม่หยุดขยับปากร้องเพลง ดวงตาเอื่อยเฉื่อยทอประกายวูบ


“เขร้...”


เปรมอุทานเมื่อในนาทีที่ห้าสิบสอง...คนตัวสูงหยัดกายขึ้นมายืนอีกครั้ง ใบหน้าหล่อร้ายชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อ ดวงตาปิศาจคู่นั้นกึ่งเลื่อนลอย ท่อนขายาวสั่นจนเห็นได้ชัด จูเลียร์เหยียดยิ้มก่อนจะหลับตาขับขานบทเพลงต่อไป


ทันทีที่ครบหกสิบนาทีตามเงื่อนไข...จูเลียร์ก็ปิดปากฉับ


ตึง!


พร้อมกับเอื้ออังกูรที่หงายหลังลงไปนอนแน่นิ่งบนพื้น เด็กหนุ่มหน้าคนสะดุ้ง พร้อมใจกันดึงที่อุดหูออกแล้ววิ่งไปดูอาการเพื่อนอย่างหวาดวิตก


เปรมประคองร่างสูงให้นั่ง ร้องว่า “ไอ้เอื้อทำใจดีๆ ไว้!”


“อะ...ฮะ...” ร่างสูงนอนตาเหลือกน้ำลายฟูมปาก ร้อนถึงไฟที่ต้องรีบยื่นยากับน้ำให้ “ไอ้เหี้ยแดกนี่ก่อน ควายเอ๊ย เอ้าๆ”


“โอ๊ยมึงไหวไหมเนี่ย” สามสีขยับมือเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้ ส่วนโชกับไดนาไมต์ช่วยนวดขายาวที่เกร็งจนเป็นตะคริวกันคนละข้าง จูเลียร์เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มปิศาจ


“เห...รอบนี้ทนได้นานกว่าที่คิดแฮะ”


“ไม่เอาแพะ...” เจ้าลูกชายละเมอออกมา ไฟส่ายยาดมใต้จมูกคนป่วยหน้าหงิก “ไอ้ห่า หูเหอไปหมดแล้ว”


“ไอ้เหี้ยขาแม่งตึงมาก มึงจะตายมั้ยเนี่ย” โชร้องอย่างวิตก ในขณะที่คนอื่นพยายามเรียกสติเด็กหนุ่มผู้โชคร้ายกลับมากันสุดความสามารถ


จูเลียร์มองลูกชายที่ถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน พึมพำว่า


“มีเพื่อนจริงๆ ด้วยแฮะ...”



 
เมื่อเหตุการณ์สงบลงเด็กหนุ่มหกคนก็มานั่งล้อมวงกันบนพื้นหน้าโซฟาในห้องนั่งเล่น จูเลียร์แยกตัวออกไปแล้ว เธอมีงานสังสรรค์กับเพื่อนตอนช่วงบ่าย


“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานะครับ” สามสีเปิดประเด็น เขาวางรูปถ่ายที่ได้มาลงกลางวง บอกว่า “นี่คือรูปถ่ายผู้หญิงสองคนที่เราถกกันไปเมื่อคราวก่อน”


ที่เหลือพร้อมใจกันชะโงกหน้าเข้ามา...มันคือภาพหญิงสาวที่กำลังกอดเด็กหญิงอีกคนเอาไว้ในอ้อมแขน ทั้งคู่มีเรือนผมสีทองและดวงตาสองสีเหมือนกัน รอยยิ้มบนใบหน้าบ่งบอกว่าช่วงเวลานั้นพวกเธอมีความสุขมากเพียงใด


โชขมวดคิ้ว “ได้มาจากไหนวะ”


“มันหล่นอยู่ใต้เตียงของชาร์ลอตต์” สามสีตอบ ทั้งวงหันมามองเขาเป็นตาเดียว เด็กหนุ่มตัวสูงเข้าใจความหมายของสายตานั้นดี เขาไหวไหล่ “ก็เป็นไปได้ว่าเธออาจจะจงใจ...แต่นั่นก็ทำให้เราได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น”


“ว่าต่อเถอะ” เอื้ออังกูรที่นั่งพิงพ่อครัวอยู่พูดเสียงขึ้นจมูกเพราะเอาหลอดยาดมอุดอยู่ สามสีพยักหน้า “แต่ถึงจะได้รูปถ่ายมา เราก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าชาร์ลอตต์เป็นคนไหน”


“เอาดีๆ นี่เขาเป็นอะไรกันกูยังดูไม่ออกเลย” โชเพ่งมองอย่างสงสัย แม้หญิงสาวในรูปจะหน้าคล้ายชาร์ลอตต์ทว่ายังดูอ่อนกว่ามาก ส่วนเด็กผู้หญิงที่กำลังยิ้มอย่างสดใสก็ดูโตพอสมควร


ไม่ว่าคนไหนก็น่าจะเป็นชาร์ลอตต์ได้ทั้งนั้น


“เพราะงั้นกูเลยลองไปค้นเรื่องของชาร์ลอตต์ดู” เด็กหนุ่มตัวสูงเปิดกระเป๋า หยิบกระดาษเอสี่ปึกใหญ่ออกมาเปิดดู พร้อมอธิบายว่า


“สื่อเคยทำข่าวของชาร์ลอตต์ไว้ว่าเธอเป็นเด็กกำพร้า อยู่ในสถานสงเคราะห์มาตั้งแต่เด็ก แต่ดันไปต้องตาเจ้าบ้านตระกูลชาร์มมาลิคเข้า เขาจึงรับชาร์ลอตต์มาเลี้ยงและส่งเข้าสู่วงการนางแบบตามความต้องการของเธอ” เด็กหนุ่มตัวสูงแจกผลงานของนางแบบสาวให้เพื่อนๆ ดูประกอบ เสริมว่า


“ช่วงที่ถูกจับตามอง ชาร์ลอตต์เคยให้สัมภาษณ์สื่อไว้ว่าเธอเข้าวงการมาเพื่อตามหาใครบางคน” สามสีวางบทสัมภาษณ์ลงกลางวง เล่าต่อ “ไม่นานนักเจ้าบ้านชาร์มมาลิคก็เสียชีวิตลง มรดกทั้งหมดจึงตกเป็นของเธอ...”


“ฆาตกรรมเหรอ?” เปมทัตแทรกขึ้น เอื้ออังกูรยื่นมือไปตบตักพ่อครัวแปะๆ “ไม่หรอก...เจ้าบ้านชาร์มมาลิครุ่นนั้นร่างกายไม่แข็งแรงมาตั้งนานแล้ว มีแพทย์ยืนยันว่าเขาเสียชีวิตเพราะป่วยด้วยโรคเรื้อรัง”


“เพราะงั้นถึงได้ไปหาลูกบุญธรรมสินะ” โชเข้าใจแล้ว ทุกคนเงียบเสียงลงเป็นเชิงให้สามสีเล่าต่อ


“หลังจากนั้นชาร์ลอตต์ก็ยังอยู่ที่คฤหาสน์ของเจ้าบ้าน ก่อนจะเริ่มมีข่าวกับผู้ชายคนอื่นในวงการไปทั่ว แต่สุดท้ายก็ตกลงปลงใจไปแต่งงานกับหมอคนหนึ่ง...”


“ข่าวนั้นดังมากเลยนะ” ไฟแทรก เขาเคยเห็นข่าวประกาศแต่งงานสายฟ้าลับของนางแบบสาวอยู่ ไดนาไมต์รีบหันไปอย่างอยากรู้ตอนต่อ “แล้วเป็นไงวะ?”


สามสีหลับตาลง “แต่สุดท้ายหมอคนนั้นก็ถูกฆาตกรรมไปอย่างเป็นปริศนา”


“ฝีมือชาร์ลอตต์เหรอ?” เปรมถามอีก เอื้ออังกูรเคยเห็นข่าวนี้ผ่านตาไปเหมือนกัน ตอบว่า “ตำรวจก็สงสัย แต่เอาผิดเธอไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐาน”


“อืม ที่กูแปลมาก็มีประมาณนี้แหละ น่าจะหมดแล้วนะ” สามสีพยักหน้าเมื่อตัวเองพูดสิ่งที่หามาได้ไปหมดแล้ว เสริมว่า “และอย่างที่เห็น ข้างหลังรูปมันเขียนไว้ว่า ‘Dear...Cherry Vigorharmoniche’ กูเลยให้ไอ้เอื้อช่วยหาประวัติของคนที่ชื่อเชอร์รี่มา”


เอื้ออังกูรดึงหลอดยาดมออกจากจมูก...ถึงตาเขาแล้ว


“เชอร์รี่ ไวโกฮาร์โมนิเช่ เป็นลูกสาวคนเดียวของ ‘แองเจิ้ล ไวโกฮาร์โมนิเช่’...นางแบบสาวตาสองสีที่เคยโด่งดังชื่อก้องโลกเมื่อสมัยก่อน...”


ทุกคนเงียบเสียงอย่างตั้งใจฟัง ก่อนเอื้ออังกูรจะพูดว่า


“จบละ”


“อีเหี้ย!” ห้าเสียงประสานตามด้วยอาการกระฟัดกระเฟียด เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลหัวเราะ “ค้นเล่นๆ แล้วได้มาแค่นี้อะ ‘ของจริง’ กำลังรอการติดต่อจากทีมงานอยู่”


เปรมอดถามไม่ได้ว่า “จะทันเหรอมึง อีกสามวันก็จะถึงวันงานแล้วนะ”


“สบ๊าย” ปิศาจร้ายเหยียดยิ้ม เขาหันไปทางเด็กหนุ่มผมสีชมพู พูดกึ่งขำว่า “ว่าแต่มึงเถอะ เห็นว่าไปโป๊ะใส่ไอ้เท็นมันเรอะ”


ไดนาไมต์ได้ยินแล้วแล้วยิ้มแหย เขาเกาแก้มเขินๆ “แหะๆ...ใช่จ้ะ”


“ตกใจหมดเลยตอนมันเข้ามา นึกว่าจะโดนด่าที่ลอบเข้าห้อง ปรากฏแม่งไปเอากุญแจมาไขตู้ให้ไอ้ไดเฉย” สามสีหัวเราะเมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันที่เขาเข้าไปหาหลักฐาน เปมทัตบุ้ยปาก “กูก็บอกแล้วว่าเท็นช่วยพวกเราได้”


“แล้วตกลงในนั้นเป็นอะไร?” เอื้ออังกูรถามไดนาไมต์อย่างสนใจ


“มันเป็นกล่องเหล็กเก่าๆ มีกุญแจล็อคอีกทีอะ ยาว 30 ซม. กว้าง 15 ซม. หนาประมาณคืบนึงได้” ไดนาไมต์ทำมือประกอบคำพูด เสริมว่า “ถามเท็นแล้ว หมอนั่นก็ไม่มีกุญแจเหมือนกัน กูเลยขอมันเอาไปสะเดาะที่บ้าน ละแม่งก็ให้เฉย”


“เพราะมันก็อยากรู้เหมือนกัน” สามสีต่อให้ พอดีกับที่ไฟถามขึ้น “เออ ตกลงงานมีวันไหนนะ?”


เปมทัตหันไปหยิบม้วนกระดาษเอสี่ออกมาจากกระเป๋า กางมันวางลงกลางวง บอกว่า “อันนี้เป็นแผนงานที่กูถามจากออกัสมาได้” พ่อครัวเริ่มอธิบาย


“งานจัดวันที่ 30 หรือก็คือวันพุธที่จะถึงนี้...แต่งแบบคริสต์ตามความต้องการของชาร์ลอตต์” เปมทัตเว้นวรรคหายใจ “งานเริ่มตอนห้าโมงเย็นที่โบสถ์อาสนวิหาร...”


จู่ๆ เอื้ออังกูรก็โพล่งว่า “พวกมึงมีใครเล่นเปียโนเป็นไหม?”


ทั้งวงเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนใครคนหนึ่งจะส่งเสียง


“กู”


เอื้ออังกูรกระตุกยิ้มเมื่อเป็นคนที่เขาเล็งไว้ บอกว่า “ในงานแต่งแบบคริสต์มันจะมีพิธีบรรเลงเพลงอยู่ มึงไปเล่นเปียโนเพลงต้อนรับให้หน่อยได้ไหม”


“ก็ได้อยู่หรอก” โชขมวดคิ้ว อดถามไม่ได้ว่า “แต่เพื่ออะไรวะ?”


“แบบนี้นี่เอง ถ้าเข้าไปในฐานะแขกกันหมดจะได้แค่นั่งอยู่บนเก้าอี้เท่านั้น แต่ถ้าแฝงเข้าไปในรูปแบบต่างๆ เราจะสามารถกระจายตัวอยู่รอบๆ ชาร์ลอตต์ได้โดยไม่ผิดสังเกต” ไฟอธิบายตามความเข้าใจ


เอื้ออังกูรซบไหล่หมอยา ร้องว่า “ว้ายยย ฉลาดจุง”


“เข้าใจแล้ว งั้นพวกกูล่ะ?” ไดนาไมต์ถามบ้าง ดวงตาปิศาจจ้องสามทหารเสือแวบหนึ่ง พูดว่า “พวกมึงโดนชาร์ลอตต์กับลูกน้องเห็นหน้าไปแล้วนี่”


โชสะดุ้ง เอาจริงๆ ก็มีหนึ่งในนั้นเห็นหน้าเขาไปแล้วเหมือนกัน


แต่ถ้าจะให้บอกว่าทำไมถึงเห็นมันก็...


พวกเปรมกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะโดนเอื้ออังกูรโบกมือไล่ “งั้นก็ไปเป็นแขกไป งานแฝงตัวให้พวกกูสามคนจัดการเอง” แต่ไดนาไมต์บอกว่า “มึง มีเมอีกคนนะ”


ใจเอื้ออังกูรแกว่งผิดไปหนึ่งจังหวะ หลุดถามว่า “หมอนั่นมาได้เหรอ? วันธรรมดา...”


“วันพุธเมเลิกเรียนตอนบ่าย งานมีช่วงเย็นคิดว่าคงไปทันนะ โบสถ์นั้นก็อยู่ในกรุงเทพฯ นี่เองด้วย” สามสีบอก เอื้ออังกูรจ้องคนพูดเขม็ง เผลอเสียงแข็ง “รู้ดีจังนะ!”


สามสีกระพริบตา มองหน้ากับเพื่อนๆ แล้วตอบว่า “ก็เอาไว้มาเตรียมแผนกันไง?”


“...อ๋อ” เอื้ออังกูรผงกหัว นึกหงุดหงิดตัวเองที่เผลอรู้สึกแปลกๆ


ถึงตรงนี้ไฟก็หันไปทางเด็กประมง สัพยอกว่า “อ้าวไอ้โช นี่ทีมงานเขาแชร์ข่าวแชร์ข้อมูลกันนี่มึงไม่มีอะไรจะเอามาอวดบ้างเหรอ”


โชขมวดคิ้ว “แล้วจะให้กูไปเอาข่าวมาจากไหน?”


“เจมินายไง” ไฟบอกยิ้มๆ ทว่าก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อได้เสียงหัวเราะกลับมาแทนคำตอบ จนหมอยาอดถามไม่ได้ว่า “หัวเราะอะไร?”


“ไม่ไหวหรอก” โชขำเมื่อนึกถึงใบหน้าคมสันของอีกคน “อากูเป็นแค่นักธุรกิจส่งออกธรรมดาเท่านั้นแหละ ไม่ได้สายมืดอะไรขนาดพวกมึงหรอก”


“เจมินายอะนะ?” ไฟผงะ ไม่รู้อะไรดลใจให้หันไปสบตากับเอื้ออังกูร แน่นอนว่าฝ่ายหลังมองเขาอยู่ก่อนแล้ว พร้อมหันไปถามให้ด้วยว่า “อามึงบอกแบบนั้นเหรอ?”


“อื้อ” โชพยักหน้า เอียงคอสงสัย “อะไร? หรือพวกมึงรู้อะไรกันอีก กูกลัวนะเนี่ย...”


“เปล่าหรอก” เอื้ออังกูรตัดบท ยกมือแตะหลังหมอยาเบาๆ ร้อง “เนอะ?”


“...อืม”


อัคคียอมพยักหน้าในที่สุด ถึงตรงนี้ไดนาไมต์ก็ถามขึ้น “ว่าแต่พวกเราหาหลักฐานมาได้เท่านี้ใช่ไหม?”


“เฮ้ย! ขาดคลิปกูไปได้ไง!” ไฟร้องอย่างนึกขึ้นได้ เขารีบหันไปหยิบโน้ตบุ๊กออกมาจากกระเป๋า เปิดเครื่องพร้อมพูดว่า “นี่กูรอมาดูพร้อมพวกมึงเลยนะเนี่ย อยากตื่นเต้นด้วย”


“คลิปอะไรวะ” ไดนาไมต์ถาม ไฟตอบยิ้มๆ “คลิปลับนางแบบสาวตาสองสีแบบฟูลเอชดี ขอขอบคุณเอื้ออังกูรสำหรับพาสเวิร์ดครับผม”


“เด่อ...ตบมือแมะ!” เอื้ออังกูรร้องแล้วตบมือให้ตัวเองรัวๆ พวกที่เหลือไม่เข้าใจแต่ก็ยกมือตบให้แบบงงๆ


ไฟคลิกหาไฟล์วิดีโอในเครื่อง ไดนาไมต์เร่ง “เอ้าได้ยัง นี่จะดูวันนี้นะ”


“เออ เปิดเร็วๆ เขาจะได้วางแผนกันต่อเนี่ย” โชตีไหล่หมอยา ฝ่ายหลังขมวดคิ้ว “เห่ยอย่าเร่งเร้าเด่ะ!”


ติ๊ง!


พลันหน้าจอโน้ตบุ๊กเครื่องเล็กก็เกิดการเคลื่อนไหว ไฟรีบตั้งโน้ตบุ๊กไว้บนโซฟา ตามด้วยเด็กหนุ่มทั้งหกคนที่พร้อมใจแห่ไปกองรวมกันอย่างพร้อมเพรียง


วิดีโอปรากฏภาพมุมมองจากเพดานในห้องพักของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ตามด้วยใครบางคนที่เดินเข้ามาในห้อง เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวขาวสวมแว่นตา ร่างนั้นนั่งลงบนเตียงพลางยกนาฬิกาดูเวลาพักๆ


ราวกับกำลังรอใครบางคน...


“เอ หมอนี่หน้าคุ้นๆ นะ” สามสีย่นคิ้วคล้ายนึก


ไฟเท้าคางมองภาพในจอที่ไม่เคลื่อนไหวมาเกือบสิบนาทีแล้วเบื่อๆ บ่นว่า “โฮ่ย คิดจะนั่งแบบนั้นไปอีกนานแค่ไหนกัน...” พอดีกับโชที่เอาคางเกยหัวเขาอยู่ร้องว่า “มึง! มีคนเข้ามาแล้ว!”


ความสนใจของทุกคนกลับมาทันที ไดนาไมต์เลิกคิ้ว


“ผู้หญิงผมสีทอง...”


ผู้มาใหม่เป็นหญิงสาวร่างอวบอัดมีเรือนผมสีทองยาวสลวย ด้วยมุมมองของกล้องเธอจึงกำลังหันหลังให้พวกเขา ทั้งคู่พูดคุยอะไรกันสักอย่าง ไม่นานนักชายหนุ่มก็เอนตัวลง


หญิงสาวตามไปขึ้นคร่อมเขา ก่อนบทรักอันเร่าร้อนจะเริ่มขึ้น


“เหยด...หนังสด” ไฟพูดเสียงหื่น โชคิ้วกระตุก เขาหยิกแก้มหมอยาอย่างหมันไส้จนอีกฝ่ายร้องลั่น เปรมกับไดนาไมต์สูดปากอย่างยอมใจหญิงสาว ส่วนเอื้ออังกูรนั่งมองภาพนั้นด้วยแววตาว่างเปล่า


ตอนนั้นเองที่สามสีโพล่งอย่างนึกขึ้นได้


“นึกออกแล้ว! ผู้ชายคนนี้ก็คือหมอที่จะแต่งงานกับชาร์ลอตต์นั่นเอง!”


“ว่าไงนะ!” สติของทุกคนกลับมาทันที ตามด้วยความสนใจที่พุ่งมาทางเด็กหนุ่มตัวสูงอย่างพร้อมเพรียง


ปัง!


พลันเสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งนัด


“...”


เหล่าเด็กหนุ่มดวงตาแข็งค้าง ลำคอของเปมทัตแห้งผาก ค่อยๆ หันไปมองต้นเสียงช้าๆ...


มันดังมาจากหน้าจอโน้ตบุ๊ก



****************************************************** *

สวัสดีค่าาาาาา า
 :katai4:
อันนี้เป็นตอนที่ 23 ครึ่งแรกนะคะ
ครึ่งหลังคาดว่าคงได้มาเร็ว ๆ นี้ค่ะ
ที่ต้องแบ่งครึ่งเพราะมันยาวมาก แต่ไม่อยากตัดเป็นตอนใหม่ค่ะ
กลัวเลขตอนจบไม่สวย 55555555 5

แค่ครึ่งแรกก็ปาไป 20 หน้าเอสี่แล้ว
ตอนนี้ก็เป็นอีกตอนที่หลากหลายอารมณ์ค่ะ ค่อย ๆ อ่านกันเนอะ
อยากให้คนอ่านเห็นเสน่ห์ของตัวละครมากกว่านี้จัง
จะพยายามถ่ายทอดออกมานะคะ 555555555 5

สำหรับเรื่องนี้เอาจริง ๆ มันก็ไม่ได้มีอะไรหรอกค่ะ
เป็นแค่การรวมตัวของวัยรุ่นไม่เต็มเต็งแค่นั้นเอง 55555555 5
ฝากแท็ก #เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
ชอบรีมาก ๆ เลยค่ะ ขอบคุณทุกคนที่มาเล่นกันน้าาา า

เอ .. รู้สึกว่าทอล์คจะยาวขึ้นไหมเนี่ย 55555555 5
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามและให้กำลังใจนิยายเรื่องนี้ค่ะ
ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ
 :katai2-1:

เจอกันตอนที่ยี่สิบสามครึ่งหลังค่าาา า

ออฟไลน์ Nunun_B2UTY

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2

ออฟไลน์ ice.sp0211

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ออกัสไม่น่าขัดจังหวะเท็นเลยยยยย :hao7:
โชมีหึงไฟด้วยง่ะ
แค่ครึ่งแรกยังยาวขนาดนี้รอครึ่งหลังค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ลุ้นมากอ่ะ แบบใกล้ความจริงของชาร์ล็อตเข้ามาแล้ว!!

ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
โฮ๊ย ขำจริง ขำจังมาก แต่ละคนเหมือนจะโหดเหมือนจะมีด้านมืด แต่ก็ต๊องรั่วมาก

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
กลายเป็นคลิปฆาตกรรมซะงั้น
ว่าแต่เรื่องนี้มันชักจะยาวนะคะ
ตอนแรกนึกว่าจะเป็นความรักแบบรักแรกพบ รักเรื่อยๆ อะไรประมาณนี้
แต่ตอนนี้เหมือนตะเป็นเรื่องแนวสืบสวนซะงั้น 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AMEOOS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เราชอบแก๊งนี้อ่ะ แลดูเป็นองค์กรลับที่รวมเอาคนมีฝีมือในแต่ละด้านมารวมกันยังไม่รู้ ชอบๆๆๆ
รอตอนต่อไปคร่าาาาา

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
มาต่อเร็วๆนะค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :heaven

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
จูเลียร์นางร้องอารายยยออกมา..




ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
ออกัสทำแบบนี้อีกแล้วนะ...กุ๊กทำอะไีไม่ได้แล้วเชียว กุ๊กกำลังเคลิ้มมม ฮือออ

ออฟไลน์ snowtoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากฟังเสียงแม่เอื้อ555555 ตอนนี้ยาวมากกกกดนี่ขนาดแบ่งพาร์ทนะ เท็นกะกุ๊กก็ไม่ได้!?กันสักทีออกัสขัดกี่รอบแล้ว :ling1: แต่เรื่องนี้อารมแบบเครียดไม่สุดจริงๆนะพอจะเครียดจะเครียดก็ฮาแตก55555 ชอบๆเปลี่ยนฟิลเร็วเว่อ :laugh: มาต่อไวๆนะจ้ะสู้ๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ฉันชอบสไตสของเธอ

ออฟไลน์ ployspy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ยังไงงงงงงงงงงงงงงงง
ค้างงงงงงงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
สนุกมาก ลุ้นมาก
ทำงานกันเป็นทีมสุดๆ เป็นสายลับกันได้เลยเนี่ยยย
แค่มีเอื้อก็สบายไปแปดอย่าง 555

ชอบเวลาที่เท็นอยู่กับกุ๊กก น่ารัก กอดกันๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด